ตอนนี้ผมอายุ 34 ปี แก่กว่าคุณ Mytime พอสมควรคงพอแนะนำอะไรได้นะครับ
เรื่องคุณพ่อที่เสียไปแล้ว พยายามสวดให้ท่านมากๆครับ ไปวัดก็ขอมิสซาให้ หรือจะขอให้ญาติคนอื่นๆด้วยก็ได้ของแบบนี้ยิ่งขอยิ่งได้
เรื่องคุณแม่ของคุณ คุณกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่ได้ ดังนั้นต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุดตามกำลังของคุณครับ เท่านี้คุณแม่ก็น่าจะรู้สึกดีแล้วครับ
เรื่องญาติๆอันนี้ผมว่าปลงและให้อภัย สวดภาวนาให้ครับ ต่อให้คุณทำดีที่สุดก็ไม่มีทางที่ใครทุกคนจะพอใจหมดเพราะคนเรามักจะมีอคติและความเห็นแก่ตัว คนเราไม่ใช่พระเจ้านี่ครับ คุณทำดีสุดแล้วตามมโนธรรมของคุณที่ไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปก็พอแล้ว
เรื่องความบริสุทธิ์คุณไม่อยากอยู่ก่อนแต่งก็ดีแล้วนี่ครับ ผู้ชายเค้าไม่ได้คาดหวังเรื่อง sex มากขนาดนั้นเสมอไปหรอกครับ ถ้าได้เจอคนคาทอลิกด้วยกันก็ดีครับแต่อาจจะไม่ง่ายเพราะเราอยู่เมืองพุทธ
เรื่องเปลี่ยนที่เรียนคุณไม่ควรต้องคิดมากเรื่องการเปลี่ยนที่เรียน คนเราอาจจะเลือกผิดได้ และอาจจะผิดมากกว่า 1 ครั้งด้วย พยายามให้เต็มที่และภาวนาขอปรีชาญาณจากพระเพื่อคุณจะได้รับในสิ่งที่เหมาะกับคุณตามน้ำพระทัยของพระองค์
เราไม่รู้จะรับมือกะหลากหลายปัญหาในชีวิตยังไงดี
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
นับถือในความเข้มแข็งนะครับ
อย่าเกรงกลัวที่จะถูกโลกเกลียดเพียงแค่เราคิดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเพราะคุณไม่ได้อยู่ฝ่ายโลกแต่อยู่ฝ่ายพระเจ้า
พระเจ้าอวยพรนะครับ :)
อย่าเกรงกลัวที่จะถูกโลกเกลียดเพียงแค่เราคิดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเพราะคุณไม่ได้อยู่ฝ่ายโลกแต่อยู่ฝ่ายพระเจ้า
พระเจ้าอวยพรนะครับ :)
ตอนแรกพี่ก็อยากจะแนะนำ น้อง mytime นะคะ
แต่ว่า ยังไม่ค่อยจะกล้า เพราะว่า ดูหนูยังสับสน และไม่นิ่ง
เลยอยากจะ ภาวนาให้กับหนูมากกว่า
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
คำตอบของคุณ Sansrepos ก็นับว่าดี เลยทีเดียวหล่ค่ะ
อย่าไปสนใจกับจำนวนคนเข้าดูค่ะ อยู่ที่ว่ามีคำแนะนำดีๆ และกำลังใจ
จริงๆ ที่เราตามหา หรือเปล่า แค่นั้นพอค่ะ
แต่ว่า ยังไม่ค่อยจะกล้า เพราะว่า ดูหนูยังสับสน และไม่นิ่ง
เลยอยากจะ ภาวนาให้กับหนูมากกว่า
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
คำตอบของคุณ Sansrepos ก็นับว่าดี เลยทีเดียวหล่ค่ะ
อย่าไปสนใจกับจำนวนคนเข้าดูค่ะ อยู่ที่ว่ามีคำแนะนำดีๆ และกำลังใจ
จริงๆ ที่เราตามหา หรือเปล่า แค่นั้นพอค่ะ
อ๋อ เมจิกะพี่ซันชอบมาเเจ๋งเเถวนี้ค่ะmytime เขียน:ขอขอบคุณทุกคห.นะคะ โดยเฉพาะน้องซันกะเมจิ มาตอบทุกกระทู้เลย ขอบคุณนะคะ
แต่ขอพูดอะไรหน่อยนะ คนส่วนมากเวลาเข้ามาอ่านทู้มักจะอ่านที่ได้ดีกะตัวเอง เช่นถ้าเค้าตั้งกระทู้บทสวด หรือให้พระคัมภรีฟรี ก็จะไปเข้ากระทู้นั้นเยอะมาก ไม่สนใจกระทู้อื่นๆที่คนเค้าเดือดร้อน พระเจ้าคงไม่ดีใจหรอกนะ ขอบคุณคะ ที่อ่านจนจบ
- Kirishitan no Kurusu
- โพสต์: 11
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 02, 2012 1:42 pm
ขอให้พระเป็นเจ้าช่วยนำทางผ่านพระคัมภีร์สิคะ ไว้วางใจในพระองค์แล้วอฐิษฐานขอพระจิตเจ้าขอให้เราได้รับคำชี้แนะจากพระองค์ หลายครั้งพี่ได้รับคำตอบหรือความบรรเทาจากพระองค์ผ่านทางพระคัมภีร์จนรู้สึกว่า พระองค์อยู่เคียงข้างเสมอ
คุณ mytime เริ่มจะสงสัยในข้อคำสอนและหลักปฏิบัติของคริสตชนคาทอลิกที่ถูกต้องหลายเรื่อง นับเป็นเรื่องที่ดีที่สงสัย ตอนนี้มีหนังสือสรุปคำสอนแบบภาษาชาวบ้านเรียบเรียงใหม่ ผมจำชื่อคุณพ่อที่เขียนไม่ได้ถ้าหาหนังสือเจอจะมาบอก คุณ mytime น่าจะหาหนังสือนี้ได้ไม่ยาก ลองสอบถามจากวัดที่คุณเข้าประจำก็ได้ครับ
เกี่ยวกับคำถามมากมายของคุณผมจะพยายามตอบให้คร่าวๆทีละเรื่องนะครับ
เรื่องไหว้รูปเคารพสำหรับชาวคาทอลิกเรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ถือเอาแม่พระหรือบรรดานักบุญเป็นพระเจ้า แต่เราขอท่านช่วยภาวนาเพื่อเราอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นสามารถกระทำได้ สำหรับรูปญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้วสามารถไหว้ได้ครับ
ขอแถมอีกนิดจะบอกว่าไหว้พระภิกษุของพุทธในลักษณะเหมือนเป็นการทักทายผู้ใหญ่ก็สามารถทำได้ครับ แต่กราบพระพุทธรูปไม่ได้ครับ เพราะแม้ว่าเราจะถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ของเราไม่ใช่เป็นพระเจ้าหรือเทพ แต่ต้องไม่ลืมว่าคนพุทธจำนวนไม่น้อยเค้ากราบพระเหมือนกับเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งดังนั้นถ้าเราทำเหมือนเค้าจะทำให้เค้าสับสน กลายเป็นที่สะดุดดังนั้นพระศาสนจักรในปท.ไทยจึงห้ามไว้ครับ
การสวมผ้าคลุมศีรษะผมเข้าใจว่าเป็นประเพณีที่ปฏฺิบัติกันในสมัยก่อนเท่านั้น ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะหมายถึงไม่ควรแต่งกายโป๊หรือวับๆแวมๆเกินงามครับ
เนื้อสัตว์ทุกชนิดคริสตชนสามารถกินได้ครับ นักบุญเปโตรเคยสงสัยเรื่องนี้ และพระเยซูเจ้าได้มาบอกท่านในความฝันครับ
เรื่องที่ว่าพวกฝรั่งไวไฟกันเยอะจริงๆต้องยอมรับว่าเรื่อง free sex เป็นสิ่งที่เกิดตามมาในสังคมที่มีความเป็นเมืองมากขึ้น พวกฝรั่งพัฒนาทางวัตถุล้ำหน้าไปก่อนเลยมีเรื่องพวกนี้ก่อนเท่านั้นเอง และฝรั่งยุโรปและอเมริกาเหนือเดี๋ยวนี้ก็ละทิ้งศาสนาคริสต์ไปมากครับ เหลือคนที่ยังศรัทธาอยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย บ้านเณรทางยุโรปตะวันตกปิดไปตั้งไม่รู้กี่ที่
บาปโลภอาหารหมายถึงการกินดื่มเกินขนาดหรือดื่มจนขาดสติด้วยครับ ดังนั้นศาสนาคาทอลิกแม้จะไม่ได้ห้ามดื่มสุราแต่ถ้าดื่มแล้วเมาขาดสติหรือเมาแล้วขับก็เป็นบาปเหมือนกันครับ
ปท.ไทยมีคาทอลิกเฉลี่ยแล้วแค่ครึ่ง% ถ้ารวมโปรฯเข้าไปด้วยก็เกือบๆ 1% เท่านั้นครับ สมัยผมยังเรียนมหาลัยก็เคยชอบเพื่อนหญิงต่างคณะที่เป็นคาทอลิกครับ แต่ต่อมาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกแบบคนรักแบบชู้สาว ก็เลยตกลงเป็นเพื่อนกันครับ ตอนหลังดันแต่งงานไล่ๆกันอีก ได้คู่เป็นคนไทยพุทธทั้งคู่เลย จริงๆแล้วอาจจะเป็นแผนการของพระที่ให้เราได้คนต่างความเชื่อมาเป็นคู่เพราะมีโอกาสที่เค้าจะกลับใจได้ในอนาคต ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนคริสตชน
เกี่ยวกับคำถามมากมายของคุณผมจะพยายามตอบให้คร่าวๆทีละเรื่องนะครับ
เรื่องไหว้รูปเคารพสำหรับชาวคาทอลิกเรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ถือเอาแม่พระหรือบรรดานักบุญเป็นพระเจ้า แต่เราขอท่านช่วยภาวนาเพื่อเราอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นสามารถกระทำได้ สำหรับรูปญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้วสามารถไหว้ได้ครับ
ขอแถมอีกนิดจะบอกว่าไหว้พระภิกษุของพุทธในลักษณะเหมือนเป็นการทักทายผู้ใหญ่ก็สามารถทำได้ครับ แต่กราบพระพุทธรูปไม่ได้ครับ เพราะแม้ว่าเราจะถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นอาจารย์ของเราไม่ใช่เป็นพระเจ้าหรือเทพ แต่ต้องไม่ลืมว่าคนพุทธจำนวนไม่น้อยเค้ากราบพระเหมือนกับเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งดังนั้นถ้าเราทำเหมือนเค้าจะทำให้เค้าสับสน กลายเป็นที่สะดุดดังนั้นพระศาสนจักรในปท.ไทยจึงห้ามไว้ครับ
การสวมผ้าคลุมศีรษะผมเข้าใจว่าเป็นประเพณีที่ปฏฺิบัติกันในสมัยก่อนเท่านั้น ถ้าเป็นสมัยนี้อาจจะหมายถึงไม่ควรแต่งกายโป๊หรือวับๆแวมๆเกินงามครับ
เนื้อสัตว์ทุกชนิดคริสตชนสามารถกินได้ครับ นักบุญเปโตรเคยสงสัยเรื่องนี้ และพระเยซูเจ้าได้มาบอกท่านในความฝันครับ
เรื่องที่ว่าพวกฝรั่งไวไฟกันเยอะจริงๆต้องยอมรับว่าเรื่อง free sex เป็นสิ่งที่เกิดตามมาในสังคมที่มีความเป็นเมืองมากขึ้น พวกฝรั่งพัฒนาทางวัตถุล้ำหน้าไปก่อนเลยมีเรื่องพวกนี้ก่อนเท่านั้นเอง และฝรั่งยุโรปและอเมริกาเหนือเดี๋ยวนี้ก็ละทิ้งศาสนาคริสต์ไปมากครับ เหลือคนที่ยังศรัทธาอยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย บ้านเณรทางยุโรปตะวันตกปิดไปตั้งไม่รู้กี่ที่
บาปโลภอาหารหมายถึงการกินดื่มเกินขนาดหรือดื่มจนขาดสติด้วยครับ ดังนั้นศาสนาคาทอลิกแม้จะไม่ได้ห้ามดื่มสุราแต่ถ้าดื่มแล้วเมาขาดสติหรือเมาแล้วขับก็เป็นบาปเหมือนกันครับ
ปท.ไทยมีคาทอลิกเฉลี่ยแล้วแค่ครึ่ง% ถ้ารวมโปรฯเข้าไปด้วยก็เกือบๆ 1% เท่านั้นครับ สมัยผมยังเรียนมหาลัยก็เคยชอบเพื่อนหญิงต่างคณะที่เป็นคาทอลิกครับ แต่ต่อมาก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกแบบคนรักแบบชู้สาว ก็เลยตกลงเป็นเพื่อนกันครับ ตอนหลังดันแต่งงานไล่ๆกันอีก ได้คู่เป็นคนไทยพุทธทั้งคู่เลย จริงๆแล้วอาจจะเป็นแผนการของพระที่ให้เราได้คนต่างความเชื่อมาเป็นคู่เพราะมีโอกาสที่เค้าจะกลับใจได้ในอนาคต ทำให้มีโอกาสเพิ่มจำนวนคริสตชน
เรื่องชีวิตหลังความตาย ผมเองก็ยังคิดว่าสำหรับคนที่ไม่ได้นับถือพระเจ้าเหมือนกับพวกเรา เมื่อเขาเหล่านั้นเสียชีวิตไปแล้วอาจจะมีสภาวะที่ไม่เหมือนกับในข้อคำสอนของพวกเราที่มีสวรรค์ นรก และไฟชำระก็ได้ครับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราควรไปใส่ใจมากจนเกินไปนัก ปล่อยให้พระเจ้าทรงจัดการครับ เพราะถึงจะมีภพภูมิต่างๆกันมากมายจริงหรือไม่แต่ก็ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือองค์พระผู้สร้างไปได้ครับ
สำหรับชาวคาทอลิก เราเชื่อเมื่อเราเสียชีวิตลง พระเจ้าจะทรงประทานแสงแห่งความรู้แจ้งมาให้เรา เราๆจะเข้าใจอย่างละเอียดทันทีว่าบุญและบาปที่เรากระทำมาทั้งหมด รวมทั้งการสำนึกผิดกลับใจใช้โทษบาป ความยากลำบากในชีวิตที่มากระทบเราแล้วเราได้ถวายแต่พระองค์หักกลบลบหนี้เรียบร้อยแล้วเราจะได้อยู่ในสภาวะอะไร
ถ้าตายไปโดยไม่ติดบาปหนักยังไงก็ไม่ตกนรกครับ แต่การที่ต้องไปรับการชำระด้วยไฟชำระหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับมโนธรรมของแต่ละคนที่พระเจ้าทรงประทานให้ จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะทราบได้เลยว่าใครจะต้องไปไฟชำระหรือไม่และนานแค่ไหน ต้องรับโทษหนักแค่ไหน เราทราบแค่ของเราเองก็พอแล้วครับ
ถ้าเราคิดประสามนุษย์คนที่ทำบาปเยอะน่าจะอยู่ไฟชำระนานก็อาจจะเป็นไปได้แต่ก็ไม่แน่เพราะเค้าอาจจะสำนึกผิดและใช้โทษไปมากกว่าคนที่บาปน้อยแต่ยังเหลือความเย่อหยิ่งทะนงในความดีของตนก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าถ้าเราสวดภาวนาให้กับคนที่เป็นคนดีอยู่แล้วจะเปล่าประโยชน์เพราะพลังแห่งจิตกุศลพระเจ้าทรงรับทราบและจัดสรรบุญเหล่านี้เป็นพระพรประทานให้กับวิญญาณอื่นๆที่สมควรได้รับเองครับ
สำหรับชาวคาทอลิก เราเชื่อเมื่อเราเสียชีวิตลง พระเจ้าจะทรงประทานแสงแห่งความรู้แจ้งมาให้เรา เราๆจะเข้าใจอย่างละเอียดทันทีว่าบุญและบาปที่เรากระทำมาทั้งหมด รวมทั้งการสำนึกผิดกลับใจใช้โทษบาป ความยากลำบากในชีวิตที่มากระทบเราแล้วเราได้ถวายแต่พระองค์หักกลบลบหนี้เรียบร้อยแล้วเราจะได้อยู่ในสภาวะอะไร
ถ้าตายไปโดยไม่ติดบาปหนักยังไงก็ไม่ตกนรกครับ แต่การที่ต้องไปรับการชำระด้วยไฟชำระหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับมโนธรรมของแต่ละคนที่พระเจ้าทรงประทานให้ จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะทราบได้เลยว่าใครจะต้องไปไฟชำระหรือไม่และนานแค่ไหน ต้องรับโทษหนักแค่ไหน เราทราบแค่ของเราเองก็พอแล้วครับ
ถ้าเราคิดประสามนุษย์คนที่ทำบาปเยอะน่าจะอยู่ไฟชำระนานก็อาจจะเป็นไปได้แต่ก็ไม่แน่เพราะเค้าอาจจะสำนึกผิดและใช้โทษไปมากกว่าคนที่บาปน้อยแต่ยังเหลือความเย่อหยิ่งทะนงในความดีของตนก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าถ้าเราสวดภาวนาให้กับคนที่เป็นคนดีอยู่แล้วจะเปล่าประโยชน์เพราะพลังแห่งจิตกุศลพระเจ้าทรงรับทราบและจัดสรรบุญเหล่านี้เป็นพระพรประทานให้กับวิญญาณอื่นๆที่สมควรได้รับเองครับ