ช่วยตอบทีค่ะว่าควรทำยังไง

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
noi

ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 4:35 pm

ตอนนี้หนูเรียนอยู่ม.6กำลังเข้ามหาวิทยาลัย หนูรู้จักกับพระเจ้ามาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถไปโบสถ์ได้สักทีเพราะที่บ้านต่อต้าน และมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน จนตอนนี้หนูก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกห่างเหินจากพระเจ้า เพราะส่วนใหญ่จะอธิษฐานกับพระองค์ก็ตอนที่ทานอาหารเท่านั้น จริงๆแล้วก็อยากอธิษฐานกับพระเจ้าให้มากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิษฐานว่าอะไร แล้วตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวหนูจะมีนิสัยที่แย่ๆเกิดขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่โมโหง่าย คิดร้าย บางทีก็พูดด่าคนอื่น แต่ก็กลับมาคิดเหมือนกันค่ะว่าเราทำเกินไป แต่เราก็หยุดนิสัยเหล่านี้ไม่ได้ และหนูก็อยากไปโบสถ์มากแต่ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเมื่อไหร่ที่หนูจะได้ไปซักที ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 5:06 pm

ก็ขอตอบบางประเด็นละกันนะครับ
ประเด็นแรก เรื่องการห่างเหินกับพระเจ้า ยังไงถ้าไม่ได้ไปโบสถ์ก็สามารถอธิษฐานคุยกับพระองค์ได้ทุกเวลาครับ ทำทุกอย่างให้เป็นการภาวนาครับ และโดยสำคัญก่อนนอนควรจะสวดภาวนาถึงพระองค์ โดยหัวข้อในการคุยกะพระองค์(ถ้านึกไม่ออกนะครับ)
1. สรรเสริญพระองค์
2. ขอบพระคุณ พระองค์ในกิจการต่างๆประจำวัน
3. ขอโทษพระองค์ ในความผิดต่างๆเท่าที่นึกได้
4. ขอพรพระองค์
เรื่องการไปโบสถ์นั้น อันนี้ต้องดูว่าบ้านอยู่แถวไหนไปโบสถ์ที่ไหนได้(เผื่อให้พี่น้องในบอร์ดนี้พาไป) การขอออกไปก็บอกพ่อแม่ว่าไปนอกบ้าน(ไม่ได้โกหกนะแต่บอกไม่หมดเฉยๆ ;D) หรือบอกว่าไปเที่ยวโดยถ้าไม่อยากทำผิดเรื่องโกหกก็ไปเที่ยวห้างจริงๆก่อนแล้วค่อยเข้าโบสถ์ก็ได้(อย่าเที่ยวเพลินล่ะ)
เรื่องการต่อต้านที่บ้านอันนี้ผมเองก็โดนเช่นกันตรงนี้เราต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ อย่าโผงผาง สวดภาวนาขอพระเจ้าช่วยสัมผัสจิตใจพ่อแม่ ซึ่งอัศจรรย์นี้เคยเกิดกับผมแล้วคือพ่อแม่ผมบอกว่าถ้าผมจะเป็นคริสต์จะตัดความเป็นลูก โดยผมเองก็สวดสายประคำขอแม่พระตลอด และขอว่าหากถึงเวลาที่สมควรขอแม่พระบอกด้วย จนวันนึงขณะสวดสายประคำอยู่ในห้องอยู่ดีๆแม่ผมก็เข้ามาและโกรธมากผมจึงขอพระเจ้าให้สัมผัสจิตใจแม่และเจิมผมในการอธิบาย และผมก็สามารถอธิบายให้แม่ฟังได้โดยคำพูดต่างๆนั้นออกมาจากปากเองโดยไม่ได้คิดเลยและแม่ก็เข้าใจ
ส่วนเรื่องอาการไม่ดีต่างๆอันนี้ผมว่ทุกคนต้องมีแต่อาการอาจจะต่างกันไป เพราะทุกคนที่พยายามเข้าหาพระเจ้าผมเชื่อว่าจิตที่ไม่ดีจะพยายามหาทางให้เราออกห่างดังนั้นมันจึงพยายามหาจุดอ่อนของเราดังนั้นน้องควรจะสวดภาวนาขอพระเจ้าช่วยในทุกๆอย่างครับ


สุดท้ายที่จะบอกคืออย่าคิดว่าตนเองสู้กับเรื่องร้ายๆอยู่คนเดียวโดยลำพัง แต่น้องยังมีพระเยซูอยู่ด้วย
ทุกคนย่อมมีเรื่องร้ายๆกันทุกคนอยู่ที่ว่าใครจะสู้กับมันได้ไหมถ้าน้องอ่านกระทู้ต่างๆในนี้จะเห็นความลำบากและการประจญของแต่ละคนต่างกันไป
เป็นกำลังใจให้นะครับ :)

ปล. วันนี้ดูมีหลักการดีวุ้ย ;D
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 7:06 pm

อย่างที่พี่ MichaelPaul บอกครับ ;)


ส่วนเรื่องการอธิฐานไม่ต้องซีเรียสครับพระองค์ได้สอนเราใว้แล้ว

มธ 6:7-15
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 9:32 pm

noi เขียน: ตอนนี้หนูเรียนอยู่ม.6กำลังเข้ามหาวิทยาลัย หนูรู้จักกับพระเจ้ามาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถไปโบสถ์ได้สักทีเพราะที่บ้านต่อต้าน และมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน จนตอนนี้หนูก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกห่างเหินจากพระเจ้า เพราะส่วนใหญ่จะอธิษฐานกับพระองค์ก็ตอนที่ทานอาหารเท่านั้น จริงๆแล้วก็อยากอธิษฐานกับพระเจ้าให้มากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิษฐานว่าอะไร แล้วตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวหนูจะมีนิสัยที่แย่ๆเกิดขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่โมโหง่าย คิดร้าย บางทีก็พูดด่าคนอื่น แต่ก็กลับมาคิดเหมือนกันค่ะว่าเราทำเกินไป แต่เราก็หยุดนิสัยเหล่านี้ไม่ได้ และหนูก็อยากไปโบสถ์มากแต่ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเมื่อไหร่ที่หนูจะได้ไปซักที ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ
มั่นอธิษฐานขอต่อพระเจ้า สม่ำเสมอ อธิษฐานเผื่อทุกๆคนในครอบครัว ขอพระเจ้าทรงเป็นผู้เปิดเผยความจริงนั้น พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดี กับหนูเสมอ ในขณะที่หนูยังไม่มีหนทาง พระองค์จะทรงเป็นผู้นำทาง

สำหรับครอบครัว หนู ก็ต้องเข้าใจด้วย เพราะการที่ลูกของเขาคนหนึ่ง แยกออกมาถือศาสนา/ความเชื่อที่แตกต่างกับคนในครอบครัว แน่นอนเขาจะโทษสิ่ง (ความเชื่อ/พระเจ้า )ที่ทำให้หนูออกจากทางเดิม
การที่ทางบ้านมองคริสต์ในแง่ร้าย เพราะที่บ้านเข้าใจว่า คริสต์มาแย่งหนูออกจากพวกเขา

รักษาความเชื่อไว้ด้วย การอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ การอ่านหนังสือเสริมความเชื่อ และสนทนากับ
ผู้ที่เชื่อแบบเดียวกัน เช่นที่หนูกำลังทำอยู่นี้ และขอคำภาวนาจาก ผู้มีความเชื่อเดียวกัน

ขอพระเจ้าทรงนำและเมตตาน้องค่ะ
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

เสาร์ เม.ย. 08, 2006 12:18 am

noi เขียน: ตแต่ก็ไม่สามารถไปโบสถ์ได้สักทีเพราะที่บ้านต่อต้าน และมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน
so is my family ka - -"
i rarely go to church cause my dad isn't allow me to go but anyway sometime i sneek out with my sister hehe^^

like p" pp said ,my dad too , think that god take me away from my family but actually he doesn't!! he think i love only god and i won't love him anymore....godddd what the heck is my dad thinkin'??

anyway, now everything is better na..so don't woory god is going to help u nae nae ka^^
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

เสาร์ เม.ย. 08, 2006 1:10 am

ก็ลองAdd msn. เข้ามาคุยดู dovejesus@hotmail.com เพื่อช่วยอะไรได้บ้าง :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
-*-St.GrEGoRY-*-
โพสต์: 309
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm

เสาร์ เม.ย. 08, 2006 12:16 pm

ผมก็โดนต่อต้านครับ แต่เราต้องสวดขอพระมากๆครับ
Divine Mercy

เสาร์ เม.ย. 08, 2006 5:56 pm

noi เขียน: ตอนนี้หนูเรียนอยู่ม.6กำลังเข้ามหาวิทยาลัย หนูรู้จักกับพระเจ้ามาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถไปโบสถ์ได้สักทีเพราะที่บ้านต่อต้าน และมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน จนตอนนี้หนูก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่บางครั้งก็ทำให้เรารู้สึกห่างเหินจากพระเจ้า เพราะส่วนใหญ่จะอธิษฐานกับพระองค์ก็ตอนที่ทานอาหารเท่านั้น จริงๆแล้วก็อยากอธิษฐานกับพระเจ้าให้มากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิษฐานว่าอะไร แล้วตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวหนูจะมีนิสัยที่แย่ๆเกิดขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่โมโหง่าย คิดร้าย บางทีก็พูดด่าคนอื่น แต่ก็กลับมาคิดเหมือนกันค่ะว่าเราทำเกินไป แต่เราก็หยุดนิสัยเหล่านี้ไม่ได้ และหนูก็อยากไปโบสถ์มากแต่ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเมื่อไหร่ที่หนูจะได้ไปซักที ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำด้วยนะคะ
การภาวนาอธิษฐาน ไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอกครับ เพราะการอธิษฐานก็คือ การสนทนาระหว่างพระเจ้ากับตัวเราเอง พระองค์ทรงทราบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเรา แต่พระองค์ก็อยากให้เราเอ่ยปากที่จะขอพึ่งพาพระองค์ และยอมให้พระองค์มาสถิตในใจของเรา เชื่อ วางใจและอธิษฐานทุกเรื่องกับพระองค์ทั้งยามสุขและทุกข์ อย่าทำแบบว่า...พอเดือดร้อนแล้วก็วิ่งมาขอความช่วยเหลือ และพอมีความสุขกับลืมพระองค์ มีสุขหรือทุกข์ก็ควรที่จะขอบคุณพระองค์อยู่เสมอ ส่วนเรื่องนิสัยที่ไม่ดีต่างๆ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าไม่ดี ก็ทูลขออภัยความผิดทั้งหมดต่อพระองค์ และขอพระองค์ให้ช่วยเหลือให้เราแก้ไขความบกพร่องต่างๆ ผมเชื่อว่าทุกอย่างพระองค์จะทรงเมตตาเรา เพราะพระองค์รักเรามากกว่าที่เรารักพระองค์เสียอีกครับ
ตอบกลับโพส