วันนี้อยากขอคำภาวนาเพื่อชีวิตของผมหน่อยคับ ขอเล่าชีวิตของผมก่อนเเล่ะกัน
ผมเติบโตมาในครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ชีวิตของผมนั้นค่อนข้างสะดวกสบายตั้งเเต่เกิดมาก็มีพี่เลี้ยงคอยทำทุกอย่างให้ เพราะลูกคนสุดท้องเเละลูกชายคนเดียวพ่อเเม่เลี้ยงดูผมอย่างเอาใจใส่มากๆเพราะผมอายุห่างจากพี่ๆหลายปีมาก ทุกสิ่งที่เด็กปกติมีผมก็จะมีเเละบางสิ่งที่เด็กปกติไม่มีเเล้วพ่อเเม่ผมสามารถให้ได้ท่านก็จะให้ ท่านจะพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตของผม ท่านให้ผมเรียนชั้นประถมที่รร.เอกชนที่มีชื่อเสียง
การที่ผมเรียนที่นี่ ผมต้องยอมรับว่ามันทำให้ผมเป็นเด็กหัวสูงพอสมควร จนพ่อเเม่ผมกลัวว่าผมจะเป็นเหมือนพี่ผมที่ถูกสังคมรร.เอกชนช่วงมัธยมชักจูงจนชีวิตเปลี่ยนไป ดังนั้นพี่ผมทุกคนรวมทั้งผมจึงต้องย้ายมาเรียนรร.รัฐบาลเมื่อเข้าม.ต้น ซึ่งผมรู้ชะตาชีวิตตัวเองมาตลอดว่าจะต้องย้ายรร.เมื่อขึ้นม.ต้น ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึงความทุกข์ของผมก็เริ่มมากขึ้นเพราะการที่ผมเป็นคนค่อนข้างเงียบเเละมาจากรร.เอกชน บวกกับการที่เเม่ผมเข้มงวดคือเเม่ไม่ให้ผมไปไหนกับเพื่อนได้เลยไม่ว่าหลังเลิกเรียนหรือว่าวันหยุด ผมเข้าใจว่าเเม่เป็นห่วงผมเเต่การทำอย่างนั้นทำให้เพื่อนเก่าก็เริ่มขาดการติดต่อ เพื่อนใหม่ก็ไม่ค่อยกล้าที่จะเข้าหาผมเเละผมก็ไม่กล้าเข้าหาคนอื่นเช่นเดียวกัน
ผมต้องเรียนหนังสือโดยไม่มีเพื่อนสนิทเลยเป็นเวลาถึง3ปี ซึ่งชีวิตของผมตั้งเเต่ประถมถึงมัธยมนั้นมีเเต่คำว่าเรียน ผมต้องเรียนพิเศษตอนเย็นทุกวันกับวันเสาร์ตั้งเเต่ป.1 ไม่เคยมีกิจกรรมอื่นๆทั้งสิ้นไม่ว่าดนตรีหรือกีฬา ผมเครียดเเต่ไม่สามารถบอกใครได้ ผมทนกับการขีดเส้นทางเดินชีวิตมานานเหลือเกินจนผมจะบ้าตายหลายครั้ง ผมเหนื่อย จนม.3เเม่ก็เริ่มให้ผมไปเที่ยวกับเพื่อนได้บ้างเเต่มันก็เป็นช่วงเวลาเเค่ไม่นานเพราะพ่อผมเสียชีวิต ทำให้เเม่เริ่มคาดหวังกับตัวผมสูงมากขึ้นอีก ผมยอมที่จะไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนเพื่อจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเเม่
เนื่องจากพี่ๆทำงานเลิกดึกกัน ผมต้องกินข้าวเย็นกับเเม่2คนเรื่อยมา เเต่การที่ผมใกล้ชิดกับเเม่มากขึ้นกลับทำให้เเม่ผมยิ่งบังคับกำหนดทุกสิ่งในชีวิตผมมากขึ้น ผมเหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ผมไม่รู้ว่าเเม่จะรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เเม่ต้องการให้ลูกเป็นนั้นมันทำให้ชีวิตของลูกเป็นอย่างไร ลูกอาจเรียนได้ดีเหมือนที่เเม่ต้องการเเต่ด้านอื่นล่ะ ทุกคนมองว่าผมเป็นคุณหนูที่มีเเม่มากำหนดทุกย่างก้าวชีวิต
เพื่อนบางคนอาจอิจฉาที่ผมไม่ต้องทำงานกระเสือกกระสนเหมือนคนอื่น มีของเเพงๆใช้ เเต่จริงๆเเล้วข้างในผมกลับว่างเปล่า ผมต้องการความรักเหลือเกินผมอยากได้ครอบครัวที่เข้าใจผม ผมอยากได้ความรักจากคนรอบข้าง พี่ๆผมล้วนเเต่เข้าใจผมเพราะทุกคนเจอมาเหมือนผม เเต่พี่ผมทั้ง3คนอายุติดๆกัน เเม่ผมจึงไม่สามารถเข้มงวดได้อย่างผม พี่ผมเข้าใจผมเเต่ทำไมเเม่ผมถึงไม่เข้าใจบ้างล่ะ ผมคิดมาหลายปีเเล่ะว่าจะมีใครบนโลกที่เข้าใจผมจริงๆบ้าง ผมเชื่อในพระเจ้า ผมเชื่อในพระองค์ เเต่ทุกครั้งที่น้ำตาไหลผมเองก็ไม่เเน่ใจว่าพระองค์จะเข้าใจผมรึป่าว
ผมอายุ18ปีเเล้ว ความจริงอาจจะยังไม่โตเท่าไรเเต่ผมก็ต้องการที่จะมีความคิดเป็นของตนเองบ้างอยากมีอิสระบ้างอยากเป็นเหมือนเพื่อนๆบ้าง ทุกวันนี้ไม่รู้จะปรึกษาใคร ผมไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนผมฟังเท่าไรเพราะเพื่อนส่วนใหญ่จะรู้เพียงว่าเเม่ดุ ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเเม่เพราะท่านคงเสียใจเเละคงไม่เกิดประโยชน์อะไรเพราะเเม่ผมเป็นคนหัวเเข็ง ผมไม่ได้โกรธเกลียดเเม่เพราะผมเข้าใจว่านี่คือความรัก
เพียงเเต่อยากให้เเม่เข้าใจผมบ้าง ขอคำภาวนาเพื่อผมเเละเเม่ด้วยน่ะคับ
ขอคำภาวนาเเก่อิสรภาพของผม
-
- โพสต์: 20
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 13, 2007 7:30 pm
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 6:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
...ประวัติน้อง หลายๆอย่าง คล้ายกับพี่นะ
คิดว่าพอเข้าใจ
ดีใจที่น้องรู้ว่า แม่รักน้อง
พระองค์ทรงทราบและเห็นใจเรื่องของน้องด้วย
จะสวดเผื่อนะ
คิดว่าพอเข้าใจ
ดีใจที่น้องรู้ว่า แม่รักน้อง
พระองค์ทรงทราบและเห็นใจเรื่องของน้องด้วย
จะสวดเผื่อนะ
มันเป็นเส้นแบ่งนะ ระหว่างความนบนอบ หัวอ่อน เชื่อฟัง กับอิสระ พี่เองก็โตมากับความกดดันเหมือนกัน คนรอบข้างคาดหวังสูง .... ก็มาเรียนรู้ว่า มันเป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ มันเป็นโจทย์ของชีวิตเรา เป็นกางเขน แต่ละคนได้โจทย์มาไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ เรียนรู้ และแก้ไข เหมือนทำข้อสอบน่ะค่ะ พี่เองกว่าจะเข้าใจแบบนี้ได้ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน
สิ่งที่อยากแนะนำในตอนนี้คือ อยากให้ไปคุยกับคุณพ่อ (พระสงฆ์) นะคะ เราทุกคนต้องการพ่อ พระเป็นเจ้าจึงเป็นพระบิดาให้กับเรา อยากให้เล่าความอึดอัดทั้งหมดให้ฟัง เราจะได้รู้สึกว่า มีคนเข้าใจและรับฟัง
คุณแม่เองที่อาจจะดูกดดันไปนิด ก็เพราะขาดคุณพ่อ แม่เค้าพยายามเข้มแข็งนะ เค้าดูหัวแข็งเพราะเค้าพยายามเข้มแข็ง .... แต่ลึกๆก็ว้าเหว่เหมือนกัน เลยมุ่งทุกอย่างมาที่ลูกเยอะไปหน่อย ก็ต้องใช้เวลานะคะ จนกว่าแม่จะวางใจและให้อิสระกับเราเต็มที่
จะสวดให้นะคะ และอยากให้ไปคุยกับคุณพ่อนะ .... และก็ขอให้อดทน มันใช้เวลานะคะกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่ข้ามคืน
สิ่งที่อยากแนะนำในตอนนี้คือ อยากให้ไปคุยกับคุณพ่อ (พระสงฆ์) นะคะ เราทุกคนต้องการพ่อ พระเป็นเจ้าจึงเป็นพระบิดาให้กับเรา อยากให้เล่าความอึดอัดทั้งหมดให้ฟัง เราจะได้รู้สึกว่า มีคนเข้าใจและรับฟัง
คุณแม่เองที่อาจจะดูกดดันไปนิด ก็เพราะขาดคุณพ่อ แม่เค้าพยายามเข้มแข็งนะ เค้าดูหัวแข็งเพราะเค้าพยายามเข้มแข็ง .... แต่ลึกๆก็ว้าเหว่เหมือนกัน เลยมุ่งทุกอย่างมาที่ลูกเยอะไปหน่อย ก็ต้องใช้เวลานะคะ จนกว่าแม่จะวางใจและให้อิสระกับเราเต็มที่
จะสวดให้นะคะ และอยากให้ไปคุยกับคุณพ่อนะ .... และก็ขอให้อดทน มันใช้เวลานะคะกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ไม่ใช่ข้ามคืน
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
แสดงให้แม่เห็น
ให้แม่วางใจในเรา
และลองคุยกับแม่ดูครับ
ลองคุยดูครับ ด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่ง เพียงขอท่าน ไม่งั้นแล้วเราจะกลายเป็นคนเก็บกดและจะยากเมื่อตอนที่จิตใจเรามาถึงช่วง depression
แล้วจะภาวนาเผื่อครับ
ให้แม่วางใจในเรา
และลองคุยกับแม่ดูครับ
ลองคุยดูครับ ด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่ง เพียงขอท่าน ไม่งั้นแล้วเราจะกลายเป็นคนเก็บกดและจะยากเมื่อตอนที่จิตใจเรามาถึงช่วง depression
แล้วจะภาวนาเผื่อครับ
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
หวัดดีค่ะน้องป๊อป พี่พีพียังอธิษฐานให้อยู่ และเป็นห่วงเสมอ เชื่อว่าคุณแม่ทำไปอย่างนั้นทุกอย่างเพราะรักค่ะ
และเมื่อน้องอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ท่านคงให้เสรีภาพมากขึ้นแน่นอน ถึงตอนนั้นแหละ เราอย่าใช้เสรีภาพในทางเสื่อม
อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าพระองค์ทรงฟังเสมอ และพระองค์ทรงรู้ทุกอย่างในการเป็นสรรพพัญญูของพระองค์
พี่เชื่อว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้น้องได้รับการดูแลแบบนั้น ถึงจะช่วยให้น้องปลอดภัยจากความชั่วร้ายของสังคมรอบข้าง
ลองคิดดูสิ การที่น้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ได้ของทุกอย่าง ได้เรียนพิเศษมากมาย ฯลฯ นั่นเพราะความรัก
ได้มีโอกาสนั่งทานอาหารกับแม่ทุกวัน ซึ่งมีโอกาสใกล้ชิดกับแม่ ได้เป็นลูกที่หนุนจิตชูใจแม่ ลูกๆจำนวนมาก อยากนั่งกินข้าวกับพ่อแม่
แต่พ่อแม่มากมายไม่มีเวลากินข้าวกับลูก หรืออยู่ห่างไกลกัน นี่เป็นโอกาส ที่พระเจ้าได้ให้น้องป๊อบดูแลแม่
ทำไมน้องป๊อบไม่คิดไกลไปกว่านั้นล่ะ หลังจากน้องป๊อบล้างบาปแล้ว ภารกิจยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงมอบให้ คือ การนำคุณแม่มารู้จักกับพระเยซูคริสต์
มาสัมผัสกับความรักของพระเจ้า คิดถึงเวลาข้างหน้าสิคะ
ถ้าเหงามาก โทรไปหาพี่พีพี ได้ (ยังจำเบอร์ได้ไหม )
และเมื่อน้องอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ท่านคงให้เสรีภาพมากขึ้นแน่นอน ถึงตอนนั้นแหละ เราอย่าใช้เสรีภาพในทางเสื่อม
อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าพระองค์ทรงฟังเสมอ และพระองค์ทรงรู้ทุกอย่างในการเป็นสรรพพัญญูของพระองค์
พี่เชื่อว่าพระองค์ทรงอนุญาตให้น้องได้รับการดูแลแบบนั้น ถึงจะช่วยให้น้องปลอดภัยจากความชั่วร้ายของสังคมรอบข้าง
ลองคิดดูสิ การที่น้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ได้ของทุกอย่าง ได้เรียนพิเศษมากมาย ฯลฯ นั่นเพราะความรัก
ได้มีโอกาสนั่งทานอาหารกับแม่ทุกวัน ซึ่งมีโอกาสใกล้ชิดกับแม่ ได้เป็นลูกที่หนุนจิตชูใจแม่ ลูกๆจำนวนมาก อยากนั่งกินข้าวกับพ่อแม่
แต่พ่อแม่มากมายไม่มีเวลากินข้าวกับลูก หรืออยู่ห่างไกลกัน นี่เป็นโอกาส ที่พระเจ้าได้ให้น้องป๊อบดูแลแม่
ทำไมน้องป๊อบไม่คิดไกลไปกว่านั้นล่ะ หลังจากน้องป๊อบล้างบาปแล้ว ภารกิจยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าทรงมอบให้ คือ การนำคุณแม่มารู้จักกับพระเยซูคริสต์
มาสัมผัสกับความรักของพระเจ้า คิดถึงเวลาข้างหน้าสิคะ
ถ้าเหงามาก โทรไปหาพี่พีพี ได้ (ยังจำเบอร์ได้ไหม )
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อย่ากังวลหรือรู้สึกเสียใจเลยครับ มองที่เจตนาครับ ที่แม่ทำแบบนั้นเพราะว่าท่านทรงรักเรา
เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่กดดันเรา แล้วท่านเองก็ไม่ทราบว่ากดดันเราอ่ะครับ
เราอาจจะมองเลยถึงความรักที่ท่านมีต่อเราก็ได้นะครับ
พระองค์ทรงเป็นองค์ความรัก ตอนที่เราเกิดท่านก็มอบเราไว้กับท่าน
เราเองก็ต้องรักท่านให้มาก ๆ นะครับ
อย่าคิดว่าตัวเองถูกกดดัน มองในแง่ดีนะครับ
เพียงแต่ว่าอาจจะเป็นสิ่งที่กดดันเรา แล้วท่านเองก็ไม่ทราบว่ากดดันเราอ่ะครับ
เราอาจจะมองเลยถึงความรักที่ท่านมีต่อเราก็ได้นะครับ
พระองค์ทรงเป็นองค์ความรัก ตอนที่เราเกิดท่านก็มอบเราไว้กับท่าน
เราเองก็ต้องรักท่านให้มาก ๆ นะครับ
อย่าคิดว่าตัวเองถูกกดดัน มองในแง่ดีนะครับ