มาอ่านนิทานก่อนนอนกันเถอะคะ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 4:34 pm

                กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานจนแทบไร้ผู้จดจำ  ครานั้นโลกได้ถูกคำสาปร้ายจากจอมซาตาล  ซึ่งส่งฝนสีโลหิตมายังพื้นพิภพ  ทุกหลทุกแห่งที่ฝนเลือดได้หยดลงนำมาซึ่งความวิบัติแผ่ไพศาลส่าปผืนแผ่นดินให้มีแต่ความแห้งแล้ง  แม้แต่ท้องทะเลยังปั่นป่วนบ้าคลั่ง เกิดเคลื่อนยักย์กลืนกินทุกชีวิต ทุ่งหญ้าป่าเขาที่เคยเขียวขจีต่างเหี่ยวเฉาร่วงโรย  ต่างผลัดใบและล้มตายเสียหมด  ทุกสิ่งกลายเป็นสีแดงฉาน  เกือบครึ่งโลกต้องภัยแล้งอย่างรุนแรง ทุกที่ที่โดนฝนนั้นไม่สามารถทำการปลูกพืชได้เลย  เมื่อทรัพยากรหมดไปทุกประเทศได้ทำสงครามแย่งชิงกัน  เสียงรำให้โหยหวนจากแผ่นดินที่ถูกสาป  เสียงลั่นกลองรบ  เสียงโล่หอกดาบที่ปะทะกันดังลั่นสนั่นแผ่นดิน  วันคืนอันสงบสุขถูกเปลี่ยนกลายเป็นดังนรกภูมิ    ไร้ซึ่ง.......สับเสียงจากมวลมนุษย์
ลำนำแห่งสงครามได้ถูกขับขานขึ้นอีกครั้ง

                  จะมีไครได้เห็นสิ่งนี้เหมือนข้าบ้าง ภัยสงครามเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า  ความสงบสุขหาได้ยากเต็มที  ประเทศหลายประเทศทำสงครามเพื่องแย่งชิงดินแดนที่ยังอุดมสมบูรณ์ที่เหลือเพียงน้อยนิด  การตกลงทางการทูตไร้ผลเพราะ  ทรัพยากรยังไงก็ไม่พอกับคนทั้งโลก  ไฟสงครามลุกโหมไปทั่วหย่อมหญ้า  ผู้คนตายเหลือคนานับ  โลหิตหลั่งไหลราวกับสายฝน  แต่ว่าในตอนที่ความหวังกำลังจะหมดลง  ตอนนั้นเองที่ข้าเห็นเขา    กษัตริย์ผู้เรืองอำนาจประกาศลั่นที่จะล้างอาถรรพ์ให้กับแผ่นดิน
การล้างคำสาปมีทางเดียวคือต้องสังหารจอมซาตาลแห่งความมืดซึ่งอยู่อีกด้านของทวีป
เพียงแค่เอ่ยปากคำเดียว ทุกประเทศก็ยุติสงครามภายใน แล้วจัดตั้งกองทัพพันธมิตรแห่งโลก ขึ้น
กรีฑาทับบุกอณาจักรแห่งความตาย  แต่ว่าไม่นานความพ่ายแพ้ก็เป็นของมวลมนุษย์  กำลังพลมากมายเหลือเพียงแค่3000  นอกนั้นใด้ตายไปในสงครามครั้งก่อน
                  กษัตริย์หนุ่มผมทองยกมือขึ้นปิดหน้า  คุกเข่าลงอย่างท้อแท้ ทั้งเหนื่อยล้าหมดกำลัง พระองค็ยกดาบขึ้น  พร้อมกับหันปลายดาบมาที่คอของตนเอง
   
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 24, 2007 4:57 pm

    "พระเจ้าข้าได้ทำบาปมากมายข้าทำให้ประชาชนของข้าต้องตาย  ข้าไม่อาจช่วยเหลือพวกเขาได้อีกแล้ว"
แต่ว่าทันไดนั้นดาบใหญ่ก็ถูกปัดกระเด็น แล้วอะไรหนักๆๆบางอย่างฝาดเข้าที่ศรีษะของตนอย่างแรง
                      โป๊ก!!!!!!!!!!
        "โอ้ย  เจ้าเป็นใครกัน"  กษัตริย์ร้องอย่างโมโห     
      "ก็แล้วไง..  คนเราเกิดมามีไครบ้างไม่เคยเจอปัญหา  คนที่งอมืองอเท้าไม่สู้ก็ 
                        สมควร ตาย"
ข้าร้องขึ้น
  แต่เสียงนั้นรู้สึกจะทำให้เขาประหลาดใจ  เสียงตะคอกของข้าซึ่งเป็นหญิงสาวที่ไม่น่าจะอยู่ในสนามรบ  เขาเงอหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า
                "ก็อาจใช่  แต่เธออย่าคิดว่าทุกคนแน่พอที่จะแก้ปัญหาได้เอง  แล้วปัญหาบางอย่างก็
                ใหญ่เกินกว่าจะรับมือไหว"  กษัตริย์หนุ่มว่า 
ข้ามองเขาแวปหนึ่งแล้วหยิ่บดาบขึ้นมาขว้างไปให้เขา  แล้วว่า
                  "เพื่อให้คนรู้จักโต  พระเจ้าจึงทรงประทานข้อสอปมาให้เราได้เรียนรู้ "
                "ถ้าเป็นจริงละก็  พระเจ้าก็โง่เหลือเกิน  ที่ทรงเลือกสรรวิธีโง่ๆมาให้คนได้เติบโต"  เขาว่า  แต่ข้าได้แต่หัวเราะ แล้วว่า
                    "อาจจะโง่.... หรือไม่พระเจ้าก็ฉลาด  แต่นั่นละที่โง่"  ข้าว่าแล้วหยิบขึ้นสนิมของข้ามาบ้างก่อนจะขยายความ
                    "พระเจ้าฉลาดประทานข้อสอบที่ยากที่สุดมาให้พร้อมคำตอบ    คนโง่เห็นแต่ข้อสอบ มองไม่เห็นคำตอบ  ถึงได้รู้สึกแต่ว่าปัญหาไม่มีทางแก้ "
              กษัตริย์ย้อนข้าว่าแล้วทางแก้มันอยู่ที่ใหน
                    ข้ายิ้มแล้วตอบว่า
                    "ข้าเอง.....ก็....ยังเป็นแค่คนโง่"
                "
ภาพประจำตัวสมาชิก
iBONT
โพสต์: 310
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 06, 2007 1:22 pm
ที่อยู่: ระย๊อง ระยอง
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 25, 2007 12:26 am

ปีาดดด เอามาจากไหนครับเนี่ย
(จบแล้วชิมะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

อังคาร ก.ย. 25, 2007 2:33 pm

    (เล่าต่อนะคะ)

                  ทันใดนั้นแสงสว่างจากดวงตะวันได้สาดส่องเรืองรองมายังพื้นพิภพ  และแล้วศึกชี้ชะตาของมวลมนุษย์ว่าจะอยู่รอดหรือตายก็มาถึง
เพราะว่าทับของราชาปีศาจแห่งความมืด  ได้เคลื่อนทับมาเบื่องหน้าแล้ว
                        "เขาว่ากันว่าสิ่งอัศจรรย์ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ  หากมีความหวัง  และเคยได้ยินหรือไม่  ว่าจะเป็นคนได้อย่างไรถ้าไม่ทำให้โลกดีกว่าเดิม"
  ข้าว่าแล้วยกดาบขึ้นสนิมเล่มใหญ่ชี้ไปยัง  แม่ทับปีศาจอย่างไม่เกรงกลัว  จากนั้นก็พุ่งเข้าสู้สนามรบเพียงลำพังโดยที่กาตริย์หนุ่มได้แต่มองตาค้าง
                      ฉับพลันความหวังและพลังใจได้เกิดขึ้นกับกษัตริย์นักรบ  เขาจับดาบของเขาขึ้นมา  พร้อมกับอัศวินอีก3000คนพุ่งเข้าสู่สนามรบเบื้องหน้า
แสงตะวังที่สาดส่องกระทบร่างของพระองค็ครานั้นช่างงดงามนัก  ดาบสะท้อนแสงแดดเจิดจ้าสวางไสว  พลังใจอันเปี่ยมล้นที่ว่าตนเองจะไม่แพ้  พร้อมกับตวัดดาบด้วยวิถีดาบอันงดงาม  รัศมีแห่งการทำลายล้างพุ่งหวืดไปยังกองทับปีศาจกระหายเลือดนับแสน
                            เเสงเจิดจ้าแสบตาจนมองไม่เห็นสิ่งใด  แต่ทั้งที่คิดว่าแพ้  กลับเป็นว่า  ชนะราวกับว่าเป็ฯเรื่องโกหก  ด้วยดาบเดียวแห่งความหวังที่ไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้อย่างไร  ดาบธรรมดาๆมีใช่ดาบวิเศษในตำนาน  หากแต่เกิดจากใจที่มุ่งมั่น  ที่สามาถรเอาชนะความมืดได้ทั้งมวล

                          กษัตริย์หนุ่มเดินไปทั่วสนามรบเพื่อมองหาข้า  หญิงสวยในชุดคลุมสีขาว ผมดำ ดวงตาสีทอง ถือดาบขึ้นสนิมที่หายไปในสนามรบไม่เห็นแม้แต่เงา
                              "คงตายที่ไหนสักแห่งแล้วมั้ง" พระองค์ว่าแล้วถอนใจพร้อมกลับหันหลังกลับ  แต่ว่าทันใดนั้นก็ได้เหลือบไปเห็น  ดาบขึ้นสนิมเล่มหนึ่ง  ปักอยู่บนเนินหิน
                              "ดาบของนางนั่น!!!!!!!!"
  เขาพยายามที่จะดึงดาบแต่ก็ทำไม่สำเร็จ  ต่อให้ออกแรงเพียงใด ดาบเล่มนั้นก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย    พระองค์ถอนใจพร้อมกับเหลือบไปเห็นบทกลอนที่สลักไว้บนตัวดาบ

                                        เมื่อความมืดบดบังหัวใจเจ้า
                                  แม้ไฟเผารอบกายแทบปี้ป่น
                                  แม้แผ่นดินรกร้างไร้ผู้คน
                                  แม้อับจนสิ้นหวังหนทางไป
                                      ดั่งบทสวดเหมือนไร้สิ้นความหมาย
                                  มอดมลายไร้ความหวังจนร่ำให้
                                  เช็ดน้ำตาชูดาบเจ้าขึ้นทันใด
                                  พร้อมหัวใจศัทธาต่อเบื้องบน
                                      ด้วยอัศจรรย์แห่งองค์พระเป็นเจ้า
                                  ขอเพียงเรายึดมั่นไม่สับสน
                                  ตวัดดาบศักดิ์สิทธิ์พิชิตทรชน
                                  ภัยมืดทุกแห่งหลสูญสิ้นจากแผ่นดิน


หลังจากนั้นว่ากันว่าพระองค์ออกตามหาข้าถึงหนึ่งเดือนเต็ม  แล้วก็เลิกราไป พร้อมกับกลับประเทศของตนด้วยชัยชนะเด็จขาดเหนือจอมซาตาล



สาวน้อยผมดำในชุดคลุมสีขาว นั่งเงียบไปพร้อมกับทำกิริยาราวกับว่าเรื่องเล่าของเธอจบแล้ว    ส่งผลให้คนเลี้ยงแกะและพ่อค้าเร่ร่อน  อีกหลายสิบคน  มองเธอราวกับว่าจบแล้วหรือ  เธอลุกขึ้นดึงหมวกออกแล้วคำนับผู้ฟังทั้งหลาย  ดวงตาสีทองสะท้อนแสงจันกลับมา พร้อมกับเดินออกจากกลุ่มคนที่นั่งอยู่รอบกองไฟ  กลางทุ่งหญ้าไกล้กับเมืองเบคเลเฮม
และทันใดนั้นก็ปรากฎดวงดาวสีทองสดใส  พุ่งผ่านข้ามศรีษะเธอไปยัง  มันพุ่งไปทางเมืองเบคเลเฮม
                            "คำพยากรเป็นจริงแล้วสินะ  บุตรมนุษย์ได้ถือกำเนิดแล้ว"  เธอว่าแล้วยิ้ม
พร้อมกับมองไปยังทิศที่ดวงดาวดวงนั้นพุ่งไป  แต่สายตาแสนเศร้าก็ปรากฎมาแทนที่
                            "มนุษย์เอ๋ย....  เจ้าจะทำให้พระเจ้าเจ็บปวดเพราะบาปของพวกเจ้ามากเท่าใดจึงจะเพียงพอ"
  เธอว่าขณะยืนอยู่หน้าเนินหินที่มีดาบขึ้นสนิมเล่มเก่าๆปักอยู่    เธอหัวเราะพร้อมกับวิ่งไปสมทบกับเหล่าคนเลี้ยงแกะ
  พร้ามกับครวญเพลงที่ปรากฎบนด้ามดาบเสียงใส
                              ด้วยอัศจรรย์แห่งองค์พระเป็นเจ้า
                                ขอเพียงเราศัธทาไม่สับสน
                              ตวัดดาบสักดิ์สิทธิ์พิชิตทรชน
                              ภัยมืดทุกแห่งหลสูญสิ้งจากแผ่นดิน


                   
ภาพประจำตัวสมาชิก
iBONT
โพสต์: 310
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 06, 2007 1:22 pm
ที่อยู่: ระย๊อง ระยอง
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 01, 2007 5:14 pm

ยังไงง่ะ งงนิดๆ
ตอบกลับโพส