Belong to the Truth Jesus Christ

เมื่อเช้าผมฝันเห็น ถ้ำแม่พระที่บ้านเณร
แต่ปรากฏว่า รูปแม่พระ ไม่ใช่แม่พระเมืองลูร์ด
แต่กลับกลายเป็นแม่พระฟาติมา นอนหงายหลังอยู่ 3 องค์
คือ องค์หนึ่งอยู่หน้าถ้ำแม่พระ องค์หนึ่งอยู่ด้านซ้ายของถ้ำแม่พระ และอีกองค์อยู่ที่ด้านขวาของถ้ำแม่พระ

ประกอบเมื่อไม่นานมานี้ เวลาราว 23.30 น.
ซึ่งผมและเพื่อนก็กำลังจะนอนแล้ว
ผมหลับไปแล้ว แต่เพื่อนผมนอนไม่หลับ
เขามีลางสังหรณ์ นอนไม่หลับ เป็นห่วงพ่อแม่ญาติพี่น้องทางบ้าน ที่อยู่ ในจังหวัดยะลา ขึ้นมากระทันหัน
เพื่อนผมไม่ใช่คนร้องไห้เก่ง แต่ด้วยความเป็นห่วง รวมถึงลางสังหรณ์นั้น
เพื่อนผมถึงกับร้องไห้โฮขึ้นมา ... (เขาเป็นพุทธ)

เพื่อนผมปลุกผม และบอกว่า "นอนแล้วเหรอ"
"ช่วยทำอะไรสักอย่างหน่อยสิ เรามีลางสังหรณ์ เป็นห่วงที่บ้านมาก เราไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว"

ในใจผมจึงเกิดความรู้สึก โยงเรื่องราวในฝันของผม กับลางสังหรณ์ของเพื่อน ขึ้นมาทันที
หากคุณจำได้ ผมเคยโพส เกี่ยวกับ สันติสุขในภาคใต้ ที่เพื่อนผมฝันเห็น
ผมเคยบอกเพื่อนว่า "คนใต้เท่านั้น ให้รวมตัวกัน และวิงวอนต่อพระเจ้า แล้วพวกเขาจะรอดพ้น"

เขาเคยบอกผมว่า "สวดอธิษฐานคงไม่ทัน ต้องมีปืน แล้วต้องระวังตัวอย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้แล้ว!"
แต่ในใจของผมกลับคิดว่า "ขอให้พวกเขาร่วมสวดอธิษฐานภาวนาด้วยเถิด ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คริสต์ก็ตามที"

สุดท้ายนี้ ขอเพื่อนพี่น้องใน บอร์ดนิวมานา ทุกท่าน
ช่วยเริ่มต้นสวด เพื่อสันติสุขในภาคใต้ อย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบครัวของเพื่อนผม ขอให้ผ่านช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้
ไปอย่างโดยเร็วเถิด  เพราะพวกเขาไม่เหลือใครแล้ว
เหลือแต่พวกเราที่จะช่วยวิงวอน พระบิดาเจ้าสวรรค์ ให้ทรงโปรดให้บรรดาคนใจร้ายเหล่านั้น
หยุดการกระทำอันโหด*****มนี้ลง

ขอให้ทุกสิ่งจงเป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์เถิด
ขอพระเยซูเจ้า พระจิตเจ้า พระแม่มารีย์ พร้อมด้วยบรรดาเหล่าทูตสวรรค์
พร้อมเพรียงกันในการนี้ด้วยเถิด

อาแมน

แล้วคำภาวนาที่หลายคนช่วยกัน
ก็ช่วยให้อันตรายเหล่านั้นเลื่อนไปจากบ้านของเขา
แต่ลุงข้างบ้าน เคราะห์ร้าย โดนยิงตายเมื่อเช้าที่ผ่านมา
หลังจากขี่มอร์เตอร์ไซต์ ออกไปเติมน้ำมัน

ผมเสียใจ และรู้สึกน้อยใจ ที่กระทู้นี้มีคนอ่านน้อยจริงๆ
ถ้ามากกว่านี้ ลุงเขาคงไม่เสียชีวิต ...
คำภาวนาในยามคับขันแบบนี้ พวกเรายังต้องฝึกฝนกันให้มากนะครับ
เมื่อคืนผมนั่งสวดอยู่นาน และสอนให้เพื่อนผมสวดด้วย

พระองค์ก็ทรงเมตตาแล้ว ... แต่พวกเราชาวคริสต์
ถึงเวลาแล้วต้องลุกขึ้น เพื่อวิงวอนพระบิดาเจ้า ในเวลาคับขันนี้
ให้มากกว่านี้ ...

แต่ก่อนผมเคยคิดว่า กระทู้ของหลายคนไม่ใช่เรื่องของผมเอง
จึงอ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง ถ้าสนใจก็จะอ่าน
แต่พอโดนเข้ากับตัวเอง จึงเข้าใจว่า
กระทู้ที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือ ผ่านคำภาวนา สำคัญมากมายเพียงใด

อยากให้พี่น้องชาวนิวมานา อ่านกระทู้ใหม่ ในสวนมะกอกนี้ ให้บ่อยขึ้น
และภาวนาช่วยด้วยครับ เพราะวิบัติ วิกฤต และเหตุการณ์อันโหดร้าย
กำลังก่อตัวอย่างรวดเร็ว และรอช้าไม่ได้แล้ว ...

พี่บอมครับ

เราทุกคนต่างรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับพี่ และผมคนหนึ่งที่สวดเพื่อสันติสุขเพื่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดนะครับ

ผมเองไม่อยากให้พี่คิดว่า เพราะว่าไม่มีใครช่วยสวดทำให้ลุงคนนั้นตาย

แต่ผมอยากให้มองว่า "นี่คือน้ำพระทัยของพระ" นะครับ

เราทุกคนสวดภาวนา เพื่อขอจากพระองค์ก็จริง แต่เราทุกคนก็ต้องรู้ว่า "ทั้งนี้ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์"

ดังนั้น การที่เราสวดภาวนาให้เค้า ไม่ใช่ว่าพระต้องตามใจเราเสมอไปนะครับ

เหมือนกับว่า เราสวดให้ใครซักคนที่กำลังป่วยหนัก เราสวดขอพระไม่ให้เขาเป็นอะไร แต่พระก็เรียกเค้าไป เราก็ต้องถือว่านั่นคือน้ำพระทัยของพระนะครับ

พระองค์ทรงมีแผนการณ์สำหรับปัญหาทุกอย่างครับ

ผมเองก็จะสวดให้ 3 จังหวัดภาคใต้ และเพื่อครอบครัวของเพื่อนพี่เป็นพิเศษครับ

ขอพระอวยพรครับพี่

พี่เข้าใจมิวนะว่า สวดให้ตลอด
แต่ความหมายที่พี่พูดถึง นั้นหมายความว่า
บางกระทู้หลายคนไม่ได้เข้าไปอ่าน ... บางกระทู้สำคัญมากๆ แต่เราไม่ได้ช่วยเหลือ

หากใครก็ตามที่มีคนเข้าไปช่วยเหลือแล้ว อันนั้นก็สุดแล้วแต่น้ำพระทัยพระเจ้า
แต่หากมีใครสักคนที่ อ้าปากขอร้องแล้ว แต่เราไม่ได้ยิน ไม่ได้สนใจ หรือบังเอิญไม่เห็น
เราจะสรุปว่า นั่นคือน้ำพระทัยพระองค์ จะได้อย่างไร?

ถ้าเราใช้คำว่า นี่หรือนั่นคือน้ำพระทัยพระองค์
โดยที่ พี่ไม่ทำอะไรเลย ... อยู่ดีๆ พี่ก็ได้เงินเดือนเพิ่ม
อยู่ดีๆ พี่ก็มีรถขับ พี่อยู่เฉยๆ ไม่วิงวอนขอพระองค์ ไม่มีใครช่วยพี่วิงวอน
แล้วเราจะสรุปว่า นี่คือน้ำพระทัยพระองค์ อย่างนั้นหรือ

มองมุมนึงก็ถูกนะ ว่าเป็นน้ำพระทัยพระองค์
แต่เรามนุษย์ไม่ได้มีส่วนในการวอนขอเลย ...
อย่างนี้ เราก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องสวดภาวนาแล้ว
แล้วก็รอให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป แล้วเราก็บอกกับคนอื่นว่า
นี่แหละ คือน้ำพระทัยพระเจ้า ... อันนี้พี่คิดว่า ไม่ถูกนะ

หรือเราจะสรุปว่า น้ำพระทัยของพระองค์ในครั้งนี้
คือ ไม่มีใครเห็นคำร้องขอ ... เพื่อผลลัพธ์จะได้เกิดเป็นแบบนี้?

จะพูดยังไงดีอ่ะครับ....

ผมขอแสดงความเห็นแบบผมนะครับ

คือว่า ผมเข้าใจพี่นะครับ ในสิ่งที่พี่กำลังจะบอก แต่ผมเองเชื่อว่า ทุกอย่างเป็นน้ำพระทัยของพระองค์

และผมก็เชื่อด้วยว่า การสวดภาวนา แม้เพียงคนคนเดียวที่สัตย์ซื่อต่อพระองค์ พระองค์ทรงสดับฟัง (อันนี้เคยได้ยินมาจากพระคัมภีร์ ตอนของโนอาร์)

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่ามีคนสวดเพื่อ 3 จังหวัดภาคใต้ มากน้อยแค่ไหน

แต่อยากให้พี่รู้ว่า มีผมคนนึงนะครับ ที่สวดเสมอ และผมก็เชื่อว่าพระองค์ทรงสดับฟัง

และอีกอย่างนะครับพี่ ผมว่านะ ยังมีคนที่ยังไม่เห็นกระทู้พี่อีกเยอะ เพราะเท่าที่เห็นมีแค่พี่กับผมแค่ 2 คนแค่นั้นเอง

รอก่อนนะครับพี่ ใจเย็น ๆ เชื่อว่า ยังมีอีหลายคนที่จะเข้ามา และช่วยสวดแน่นอนครับ

อีกอย่างหนึ่ง พี่เข้าใจนะว่า หลายต่อหลายครั้ง พระองค์ไม่ต้องการตามใจมนุษย์
อันนี้เข้าใจมากๆ ... แต่แค่คิดว่า ถ้าเราอยู่เฉยๆ เราจะพูดได้อย่างไรว่า
พระองค์ตามใจมนุษย์หรือไม่ เพราะมนุษย์นิ่งสนิท ไม่ทำอะไรเลย
เก็บให้ลองคิดดูละกัน ...

แต่ละคนมีพระหรรษทานและพระพรไม่เท่ากัน
ในขณะนี้ พี่ได้รับการดลใจ และเข้าใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น ... และพวกเราควรจะทำเช่นไร!
พี่ก็พยายามถ่ายทอดไป แต่!

ถึงจะพูดไป หลายคนก็จะพูดตามว่า ก็เราก็ทำอยู่นิ
เราก็ยังสวดภาวนาให้แล้วนิ แล้วจะให้ทำอะไรอีก
... ที่พูดและบอกอยู่ตรงนี้ ก็คือว่า เท่าที่เรามีอยู่ในนิวมานานั้น ไม่พอสำหรับเหตุการณ์นี้แล้ว
พระองค์กำลังเรียกร้องอะไรบางอย่างกับชาวไทย (โดยเฉพาะชาวคริสต์ในไทย) กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อยากให้ทุกคนกลับไปอ่านสารแม่พระที่ลำไทรนะ ... พวกเรายังอ่อนจริงๆ (รวมผมในนั้นด้วย)

และแม่พระ (ซึ้งผมไม่ได้เห็นท่านในนิมิตมานานแล้ว) ปรากฏเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
ให้ผมต้องคิดตาม ... อยากให้เราจำไว้ว่า พวกเราอ่อนจริงๆ พวกเราต้องทำอะไรมากกว่าที่กำลังทำกันอยู่ตอนนี้

อย่าตีความหมายของผมผิดไปว่า ผมน้อยใจแล้วมาโวยวาย ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น
แค่มองมุมอื่นว่า หลายคนยังทำกันไม่เต็มที่ ถ้าผมพูดแล้วตรงกับสิ่งที่คุณคิด
ก็ได้โปรดเริ่มทำกันเถิด ... ทำ ณ ตอนนี้ เปิดใจของเรา รับพระจิตเจ้า ...
พระองค์จะบอกเองว่า เราจะต้องทำอะไร ณ กาลนี้ ...

หลายคนคิดว่า การสวดๆ เพื่อสิ่งต่างๆ เป็นสิ่งที่พอแล้ว ...
ยังครับ ไม่พอเด็ดขาด ... ภารกิจมีมากกว่าการภาวนา ...
พระจิตจะบอกทุกคนเอง ...

ที่พูดแบบนี้ได้ ก็เพราะ เกิดขึ้นกับผมเอง นอกจากจะต้องสวดภาวนา
อยู่ทุกวันแล้ว พระองค์กำลังทำให้เราเป็นเครื่องมือด้วย
ให้ทุกคนสังเกตด้วย ว่า ขณะนี้พระองค์ใช้ให้เราเป็นเครื่องมืออะไร? ...

รอก่อน ... อันนั้นมันก็ถูกต้องอยู่แล้วมิว

........................................................
แต่เราจะรอช้าไม่ได้แล้ว ได้โปรดเถิด นิวมานา
โปรดเป็นแสงสว่างในประเทศไทย อย่าก่อตัวเพียงแค่นี้
แต่ได้โปรดทอแสงไปยังความวุ่นวายในไทยด้วย
เพราะพวกเรา ... คนอื่นจะกระทำตาม และนั่นแหละคือ สันติสุข

โอเคครับพี่

ผมเองก็จะพยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ครับ

อ่ะ...ลองอ่านเรื่องน้ำพระทัยดูนะ พี่เคยลงกระทู้ไหนมาทีแล้ว แต่หาไม่เจออ่ะ


เรื่องน้ำพระทัยหรือพระประสงค์ของพระเจ้านั้นจะเข้าใจยากหน่อยสำหรับคนทั่วไปนะแต่พ่อจะพยายามตอบคือ

1. ชีวิตคริสตชนนั้นมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเสมอ และเขาเชื่อว่าพระเจ้าประทานสิ่งต่างๆให้แก่เรานั้นล้วนเพื่อความดีงามของเราทั้งสิ้น เพราะพระเจ้าเหมือนพ่อแม่ที่รักลูกเสมอ อันนี้พระเยซูเจ้าเองก็ยืนยันและได้มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์


2. ชีวิตคนเรานั้นมักจะมีคำถามเสมอว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตนี้ นี่เป็นคำถามที่ลึกซึ้งมาก เพราะคำว่า ดีนั้นแต่ละคนก็จะตีความและคาดหวังต่างกันออกไป เช่นบางคนจะบอกว่าชีวิตดีคือชีวิตที่สะดวกสบาย ร่ำรวยมีเงินทองใช้สอยไม่ขาดมือ แต่หลายคนก็บอกว่าชีวิตเช่นนั้นไม่ดีเพราะทำให้เกิดความขี้เกียจไม่อยากทำอะไรและทำอะไรไม่เป็นต้องพึ่งคนอื่นเสมอ  ชีวิตที่ดีนั้นคือมีสุขภาพดี มีพออยู่พอกิน รู้จักใช้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ ฯลฯ  หรือคนชอบหวย ก็จะบอกว่าการถูกรางวัลนั้นดีเพราะจะมีเงินใช้ แต่อีกคนจะบอกว่าถูกรางวัลแล้วนอนไม่หลับ นอกจากกลัวจะมีคนมาขอให้รำคาญใจแล้วอาจจะกลัวคนมาปล้น เพราะงั้นการถูกรางวัลใช่จะดีเสมอไป สู้ทำมาหาเลี้ยงชีพตามอัตภาพดีกว่า  สรุปแล้ว คำว่าดีนั้นตีความต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละคน


3. นอกจากคนที่มองว่าความดีนั้นเป็นเรื่องของปัจเจคบุคคลแล้ว ยังมีคนอีกพวกหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย เพราะเขาถือว่า ความดีสากลที่เหมาะสำหรับทุกคนน่าจะมี แต่ความดีตัวนั้นมันอยู่ที่ไหนในเมื่อไม่ใช่อยู่ในตัวปัจเจคบุคคลหรืออยู่ในตัวคนเรา  เขาก็ตอบว่า ความดีนั้นน่าจะอยู่นอกตัวคนเรา  ดังนั้นความดีสากลจึงอยู่นอกตัวเรา แต่นอกตัวเรานั้นมันอยู่ที่ไหน เขาตอบว่า อยู่ในพระเจ้า เพราะฉะนั้นพระเจ้าเท่านั้นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดและดีสากลให้กับมนุษย์ได้  เหตุนี้เองเขาจึงถือว่า อะไรก็ตามที่มาจากพระเจ้าย่อมดีที่สุดแม้บางครั้งมันอาจจะขัดกับความคาดหวังของคนๆนั้นก็ตาม เพราะถือว่าพระเจ้ามองเห็นได้ไกลกว่าตัวเราเองมากนัก ตัวอย่างเช่น คนที่กำลังมีความสุขกับอาชีพการทำงาน กำลังเจริญก้าวหน้า จู่ๆก็ค้นพบว่าในตัวเขานั้นมะเร็งกำลังกำเริบ เขาทำใจไม่ได้ ต้องรีบไปรักษา ต้องเสียเงินทอง ต้องเสียงาน ฯลฯ  ถ้าหากคนที่ใจไม่แข็งพอก็จะมองว่า เขาซวย แต่คนที่มีสติก็จะมองไปว่า การที่เขาป่วยและต้องลาออกจากหน้าที่นั้นเขาได้มีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาทบทวนความหมายของชีวิตซึ่งขณะที่ทำงานนั้นเขาทำไม่ได้ ฯลฯ  นี่คือการมองแบบคนทั่วไปที่มองในด้านดี


4. เอาล่ะทีนี้มาถึงคนอีกระดับหนึ่งคือคนที่มองทุกอย่างสัมพันธ์กับพระเจ้าล่ะ คนพวกนี้จะถือว่า ความดีนั้นมีอยู่ในพระเจ้า จะดีจะร้าย พระเจ้าต้องมาเกี่ยวข้องเสมอและอะไรก็ตามที่มาจากพระองค์แล้ว แม้แรกๆจะมองว่าไมดี แต่ถ้ามองลึกๆแล้วจะพบว่าดีที่สุดสำหรับเขา เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ดังนั้นทางที่งายที่สุดคือ มอบตัวเองไว้ในความดูแลของพระเจ้า มอบน้ำใจตัวเองไว้ในพระเจ้า และถือว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตพระเจ้ารับทราบ เมื่อพระเจ้ารับทราบแล้วเขาก็ยอมรับและทำใจให้ยอมรับ  ตรงนี้เองคือที่มาของคำว่า น้ำพระทัยพระเจ้า คือเขาถือว่าชีวิตของเขาวางไว้ให้พระเจ้าจัดการทุกอย่างแล้ว จะดีจะร้ายอย่างไรเขาก็ยอมรับ ถ้าสิ่งดีเกิดขึ้นกับตัวเขาตามคาดหวัง เขาก็ขอบคุณพระ ถ้าสิ่งร้ายเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เขาก็ถือว่าพระรู้เห็นแล้วและจะหาทางช่วยเขาอีกแรงด้วย  คำว่าน้ำพระทัยพระเจ้านั้นพระเยซูเจ้าก็สอนเราด้วย พระองค์สอนเราให้สวดว่าให้น้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จไปในตัวเรา ในบทข้าแต่พระบิดานั่นเอง  สรุปในข้อนี้ คนที่จะเข้าถึงระดับนี้ได้ต้องมีพื้นฐานความเชื่อในพระเจ้าสูงถึงจะยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าพระเจ้าทรงทราบและรู้และปล่อยให้เกิดขึ้น เพื่อผลดีของเราเอง


5) คนอีกระดับที่สูงขึ้นมาขั้นสุดท้าย คือ คนที่ให้ชีวิตของเขาเป็นการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าโดยตรง  พวกนี้คือพวกนักพรต นักบวชและพวกที่มีชีวิตฝ่ายจิตที่สูงขึ้นมา ปรัชญาของพวกนี้คืออะไร? พวกนี้เชื่อว่า แม้แต่ตัวเอง น้ำใจตัวเอง การตัดสินใจของตัวเองนั้นก็เชื่อไม่ได้ เพราะมันมักจะมีพื้นฐานบนความลำเอียงและความเห็นแก่ตัว วิธีที่จะไม่เชื่อมั่นในตัวเองก็คือ ยกน้ำใจหรือเจตจำนงของตัวเองให้พระเจ้าจัดการแทน แต่พระเจ้าอยู่ไหนล่ะ? ก็อยู่ที่ผู้ใหญ่ อธิการ ฯลฯ นอกนั้น วิธีที่จะไม่คืนความตั้งใจหรือเบี้ยวต่อความตั้งใจนั้น เขาต้องทำการปฏิญาณสาบานตน เหตุนี้พวกนักบวชจึงมีพิธีปฏิญาณตนต่อหน้าผู้ใหญ่ ว่าเขาจะไม่เดินตามน้ำใจตัวเอง แต่ยกน้ำใจให้พระเจ้าผ่านทางผู้ใหญ่ของคณะ โดยคาดหวังว่าทุกสิ่งที่มาจากอธิการเจ้าคณะคือมาจากพระเจ้า และเมื่อมาจากพระเจ้าแล้ว เขายอมรับได้และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ศัตรูของคนพวกนี้คือ ตัวเขาเอง เขาถือว่าการตัดน้ำใจของตนเองและมอบให้พระเจ้านั้นคือวีรกรรมขั้นสูงสุดแล้ว เหมือนพระเยซูเจ้าบอกก่อนตรึงกางเขนกับพระบิดาของพระองค์ว่า ..ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้กาลิกซ์(ความทรมาน)นี้ผ่านไปเถิด...แต่ก็ขออย่าให้เป็นไปตามน้ำใจของลูกเลย แต่ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เถิด.. และที่สุดน้ำพระทัยของพระบิดาคือ พระเยซูเจ้าต้องตายบนกางเขน... คนที่ไม่มีพื้นฐานความเชื่อจะมองว่า พระบิดาโหด ไร้ชีวิตจิตใจ ฯลฯ แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว นอกจากพระเยซูเจ้าจะสามารถผ่านความตายกลับคืนชีพได้แล้ว มนุษย์ยังได้รับผลดีจากความตายของพระองค์ด้วย ดังนี้เป็นต้น  ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ในความเจ็บปวดก็ใช่จะเป็นการสาปแช่งเสมอไป  (ตรงนี้เองที่ชาวคริสต์มองเรื่องความทุกข์ต่างจากชาวพุทธที่ต้องการหนีจากทุกข์)


สรุป...คำว่าน้ำพระทัยพระเจ้าคือ สิ่งที่เราเชื่อว่าทุกอย่างที่มาจากพระเจ้าล้วนดีต่อเราทั้งสิ้น แม้กระทั่งสิ่งที่มนุษย์ไม่ชอบ เช่น ความเจ็บปวด ความทรมาน ความยากจน ความเจ็บป่วย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราไม่ชอบ ถ้ามาจากพระเจ้าที่เขาเชื่อแล้ว เขาถือว่าดีที่สุดสำหรับเขา  พูดอีกนัยหนึ่งคือ ดีที่สุดสำหรับเขานั้นต้องไม่ใช่มาจากตัวเองเป็นผู้ตัดสินแต่มาจากพระเจ้าตัดสิน คนพวกนี้ล่ะที่คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้านั้นมีความหมายลึกซึ้งยิ่ง


ปล. คนที่ไม่มีพื้นฐานชีวิตฝ่ายจิตสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าก็จะกลายเป็นสิ่งที่รับไม่ได้แน่นอน แถมจะมองว่าเหลวไหลด้วย ดังนั้นพ่อจึงไม่แนะนำให้คนใช้คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าพร่ำเพรื่อ โดยที่ไม่มีพื้นฐานความเชื่อในพระเจ้า แต่ถ้าถามว่าแล้วพระเจ้ามีบทบาทในคนที่ไม่เชื่อพระองค์ด้วยหรือไม่ เช่น คนพุทธ คนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า  คำถามนี้ตอบยาก แต่ส่วนตัวพ่อเชื่อว่าแม้ในคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าพระองค์ก็มีความรักให้เขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขานั้นเชื่อว่าพระเจ้าน่าจะทราบ แต่เจ้าตัวไม่ทราบก็เป็นได้ เช่นนี้เขาจึงจัดการกับปัญหาแบบไม่มีภาพลักษณ์ของพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเลยได้ แต่สำหรับพ่อแล้ว พ่อคิดว่า มีพระเจ้ามาช่วยแก้ไขและช่วยอยู่ในใจนั้นมันอบอุ่นกว่าคนที่แก้ปัญหาเองไม่มีพระเจ้าคอยหนุนใจเยอะเลยล่ะ

พ่อไพบูลย์

เป็นอันว่า เราเข้าใจแล้วนะ
ที่เหลือคือ ... จะทำอย่างไร ให้การอธิษฐานภาวนา อบอวล อยู่ในประเทศไทย ตลอดเวลา
ไม่ว่า เขาผู้นั้นจะเป็นคริสต์หรือไม่ก็ตามที่ อันนี้แหละภารกิจของพวกเรา

เราช่วยกัน และร่วมกันสวดภาวนาขอความสว่างจากองค์พระจิตเจ้า
เพื่อให้ชาวไทย หันมาวิงวอนพระเจ้า พร้อมกัน อันนี้คือภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา

ผมไม่ได้กำหนดเองนะ ผมได้นิมิตปริษณามา และสามารถตีความได้แบบนี้

:+: seraphim :+: เขียน: อ่ะ...ลองอ่านเรื่องน้ำพระทัยดูนะ พี่เคยลงกระทู้ไหนมาทีแล้ว แต่หาไม่เจออ่ะ

ปล. คนที่ไม่มีพื้นฐานชีวิตฝ่ายจิตสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าก็จะกลายเป็นสิ่งที่รับไม่ได้แน่นอน แถมจะมองว่าเหลวไหลด้วย ดังนั้นพ่อจึงไม่แนะนำให้คนใช้คำว่า น้ำพระทัยพระเจ้าพร่ำเพรื่อ โดยที่ไม่มีพื้นฐานความเชื่อในพระเจ้า แต่ถ้าถามว่าแล้วพระเจ้ามีบทบาทในคนที่ไม่เชื่อพระองค์ด้วยหรือไม่ เช่น คนพุทธ คนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า  คำถามนี้ตอบยาก แต่ส่วนตัวพ่อเชื่อว่าแม้ในคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าพระองค์ก็มีความรักให้เขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขานั้นเชื่อว่าพระเจ้าน่าจะทราบ แต่เจ้าตัวไม่ทราบก็เป็นได้ เช่นนี้เขาจึงจัดการกับปัญหาแบบไม่มีภาพลักษณ์ของพระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องเลยได้ แต่สำหรับพ่อแล้ว พ่อคิดว่า มีพระเจ้ามาช่วยแก้ไขและช่วยอยู่ในใจนั้นมันอบอุ่นกว่าคนที่แก้ปัญหาเองไม่มีพระเจ้าคอยหนุนใจเยอะเลยล่ะ

พ่อไพบูลย์

ลึกซึ้งมาก โดยเฉพาะคำว่า "มีพระเจ้ามาช่วยแก้ไขและช่วยอยู่ในใจนั้นมันอบอุ่นกว่าคนที่แก้ปัญหาเองไม่มีพระเจ้าคอยหนุนใจเยอะเลยล่ะ"

แต่ก็ว่าไปแล้ว มันก็น้ำพระทัยพระองค์จริงๆ
แหละครับ ไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังว่า ทำไม ...

  " มีพระเจ้ามาช่วยแก้ไข และช่วยอยู่ในใจนั้นมันอบอุ่นกว่าคนที่แก้ปัญหาเองไม่มีพระเจ้าคอยหนุนใจเยอะเลยล่ะ " เพราะฉะนั้นหลายๆ คนจงภูมิใจเสียเถิดว่าเรามาถูกทางแล้ว พระเจ้าทรงเลือกเรา พระองค์จะไม่มีวันทิ้งเราแน่นอน 

        World  Peace      

ไม่ต้องน้อยใจครับ

มีความหวังแต่ไม่ต้องคาดหวัง ทุกเรื่องมักเป็นแบบนี้

Pope John Paul II เกิดในภาวะสงคราม  ท่าน respond ความรุนแรงด้วยความรัก ความเมตตา  ท่านเป็นแสงสว่างในที่มืด  จากแสงเล็กๆ  ก็ค่อยๆปกคลุมความมืดทั้งหมด

ได้อ่านสารแม่พระบ้างมั้ยคะ  แม่พระก็บอกเราอยู่ตลอดนะคะว่า  ให้สวด  ลูกๆ มีฟังบ้าง  ไม่ฟังบ้าง  ความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูกที่ไม่ฟังเป็นยังไง  คุณก็รับความรู้สึกนี้เป็นเพื่อนแม่นะคะ  แม่ทนรับยังไง  ก็รับอย่างงั้น  แม่ยังไม่เบื่อที่จะบอกลูกยังไง  ก็ขอให้ไม่เบื่อและอดทนอย่างแม่

สวดให้โจรใต้กลับใจเหมือนกันค่ะ

ครับ ผมก็จะไม่ท้อ และจะสวดต่อ
ขอให้ชาวคริสต์ที่ยังไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้
ตื่นขึ้นจากความกังวลอื่นใด มาสวดภาวนา
เพื่อชาวใต้เถิด ...

อาแมน