ช่วยทีครับผมเป็นโรควิตกกังวล
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ตอนนี้ผมเป็นโรควิตกกังวลมากๆเลยครับ กลัวตัวเองจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ ทั้งๆที่ไม่ตรวจมาแล้วก็ปกติดีนะครับ อยากขอครับแนะนำจากพี่น้องคริสตชนด้วยกันว่าผมควรทำไงดี ช่วยสวดเผื่อผมด้วยนะครับ
ขอให้สวดภาวนาด้วยจิตใจร้อนรน แล้วถ้าเกิดเป็นโรคขึ้นมาจริงๆ ก็ให้พยายามรักษาให้หายด้วยความเชื่อ และการซื่อสัตย์ต่อตนเองในการรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์นะขอรับ -- แต่ถ้ายังปกติดีอยู่ แล้วไปวิตกกังวล สุดท้ายจากปกติก็จะกลายเป็นโรคเครียดแล้วมีโรคอื่นๆตามมา เพราะวิตกไปเอง --เฮ้อ อย่าวิตกไปเลยนะ เป็นกำลังใจและสวดให้นะ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
เหมาะสมและชอบยิ่งนักwarlock เขียน: = อย่าไปวิตกมันครับ= ง่ายนิดเดียว
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
อย่าเครียดค่ะ ทำใจให้สงบ เราต้องมีสติค่ะjihun7 เขียน: ตอนนี้ผมเป็นโรควิตกกังวลมากๆเลยครับ กลัวตัวเองจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ ทั้งๆที่ไม่ตรวจมาแล้วก็ปกติดีนะครับ อยากขอครับแนะนำจากพี่น้องคริสตชนด้วยกันว่าผมควรทำไงดี ช่วยสวดเผื่อผมด้วยนะครับ
ไปตรวจมาแล้วไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว อย่าวิตกกังวลไปเลยค่ะ เด๋วจิตใจเรากังวลจะทำให้ร่างกายเจ็บป่วยไปด้วย หรือที่เค้าเรียกว่าฮิสทีเรีย อะไรประมานนั้น
ลองสงบสติอารมณ์แล้วก็คุยกะพระดูจะทำให้เราเย็นมากขึ้นนะค่ะ เวลาเครียดก็หาอะไรที่รีแลกซ์ทำ
ฟังเพลง เล่นดนตรี เล่นกีฬา ดูหนัง หรือกิจกรรมอะไรที่เราชอบ จะได้ไม่เกิดอาการวิตกกังวลขึ้น
หรือถ้ายังไม่หายแนะนำปรึกษาจิตแพทย์ค่ะ หรือปรึกษานู๋รี่ก็ได้นะ
ไม่มีอะไรทำร้ายเราได้..นอกจากตัวเราเองนะค่ะ..ยิ้มแล้วก้สุ้ๆค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย ~KaThaRoS~ เมื่อ จันทร์ มี.ค. 03, 2008 7:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
ในช็อคโกแลตจะมีสารคล้ายสารแห่ความสุขค่ะ การทานช็อคโกแลตมันสุขได้แค่ชั่วคราว หมดทานหมดก็ทุกข์ต่อแล้ว คล้ายะกะสุราแหละAion เขียน: กินช็อคโกแลตช่วยได้เปล่า (หรือว่าจะช่วยทำให้เบาหวานเพิ่ม) เอิ๊กๆ
พอส่งเมาก้ทุกข์ต่อ แล้วอะไรล่ะที่จะ ทำให้เรามีความสุขตลอดเวลา
คนเรามีความสุขจากไหน ก็จากการกระตุ้น path way reward ในสมองส่วนกลางที่จะหลั่งDopramine ออกมาให้เรามีความสุข
ความสุขก็มาจากการที่เราได้รับการตอบสนองควารพึงพอใจ จึงมีความสุข
ฉะนั้นเราก็ต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาเองให้ได้
วิธีง่ายๆเลยนะค่ะ คือเราต้องมองโลกในแก่ดี มีความมั่นคงทางจิตใจ
โลกเรามี2ด้าน อยู่ที่เราเลือกจะมอง มองให้มันดี มันก็ดี
มองให้มันร้าย มันก็จบ...
แล้วคุณเลือกที่จะมองโลกแบบไหนล่ะค่ะ..........
**ปล. จะช่วยสวดให้ จขกท อาการ axiety เกิดได้กับทุกคนค่ะ อย่าเครียดๆ สู้ๆ
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
"จงวางใจในพระเจ้า"
สั้น! ง่าย! และได้ผล!
สั้น! ง่าย! และได้ผล!
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
1.เลิกกังวล/ อย่าหมกมุ่น กับเรื่องที่คุณวิตกjihun7 เขียน: ตอนนี้ผมเป็นโรควิตกกังวลมากๆเลยครับ กลัวตัวเองจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ ทั้งๆที่ไม่ตรวจมาแล้วก็ปกติดีนะครับ อยากขอครับแนะนำจากพี่น้องคริสตชนด้วยกันว่าผมควรทำไงดี ช่วยสวดเผื่อผมด้วยนะครับ
2.วางใจพระเจ้า/ วางใจหมอ เพราะตรวจแล้วว่าไม่เป็นอะไร
3.ภาวนาให้คนอื่นๆ และเรื่องต่างๆ ( การให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ )
4. ทำตามข้อ 1-3 รับรองได้ผล
ขอพระเจ้าทรงอวยพรคร้าบ :cheesy:
โรคนี้ต้องใช้เวลาครับ
กว่าบางคนจะเลิกกลัวความมืดได้ก็ต้องรู้จักความมืดเสียก่อนว่าหมายถึงอะไร
กว่าบางคนจะเลิกกลัวสัปรด มะพร้าว กลัวลูกโป่ง กลัวขนหน้าแข้ง หรือกลัวในสิ่งที่ไม่เห็นจะต้องน่ากลัวก็ต้องเลิกเป็นดาราก่อน หรือไม่ก็ต้องเลิกอยู่ต่อหน้าสาธารณชนก่อน
กว่าบางคนจะเลิกกังวลได้ ก็ต้องรู้จักความกังวลก่อนว่ามันคืออะไร
ถามพระเยซูเจ้าสิ ว่าตอนที่พระองค์อยู่ในสวนเกสมานีพระองค์กังวลอะไร พระองค์กลัว พระองค์ถามพระว่ายังไง สุดท้ายพระองค์ก็มอบพระองค์ไว้กับพระไม่ใช่เหรอ
ไม่สบายแล้วไง ไม่สบายแล้วทำให้เรารู้สึกว่าเราโดนพระลงโทษหรือ ไม่ใช่นา อย่าเข้าใจอย่างนั้นเชียว
"อย่าสาลวนจนเกินเหตุ"
กว่าบางคนจะเลิกกลัวความมืดได้ก็ต้องรู้จักความมืดเสียก่อนว่าหมายถึงอะไร
กว่าบางคนจะเลิกกลัวสัปรด มะพร้าว กลัวลูกโป่ง กลัวขนหน้าแข้ง หรือกลัวในสิ่งที่ไม่เห็นจะต้องน่ากลัวก็ต้องเลิกเป็นดาราก่อน หรือไม่ก็ต้องเลิกอยู่ต่อหน้าสาธารณชนก่อน
กว่าบางคนจะเลิกกังวลได้ ก็ต้องรู้จักความกังวลก่อนว่ามันคืออะไร
ถามพระเยซูเจ้าสิ ว่าตอนที่พระองค์อยู่ในสวนเกสมานีพระองค์กังวลอะไร พระองค์กลัว พระองค์ถามพระว่ายังไง สุดท้ายพระองค์ก็มอบพระองค์ไว้กับพระไม่ใช่เหรอ
ไม่สบายแล้วไง ไม่สบายแล้วทำให้เรารู้สึกว่าเราโดนพระลงโทษหรือ ไม่ใช่นา อย่าเข้าใจอย่างนั้นเชียว
"อย่าสาลวนจนเกินเหตุ"
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
แนะนำให้คิดใหม่ว่า
ความสุขของคุณอยู่ที่ไหนระหว่าง "เป็นไปตามสิ่งที่เราปรารถนา" กับ "เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า" โดยระลึกเสมอว่าพระองค์มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเราเสมอ พระองค์ไม่เคยมอบแมงป่องให้ลูกในขณะที่ลูกขอปลา
ดังนั้นต่อให้คุณป่วยนั่นก็คือแผนการ์ณของพระองค์ ขอให้เพียงคุณวางใจในพระองค์ ผมรับรองว่าคุณจะพบสันติสุข สันติสุขมากกว่าไม่ป่วยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณสบายดีก็ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแน่นอนครับ
ความสุขของคุณอยู่ที่ไหนระหว่าง "เป็นไปตามสิ่งที่เราปรารถนา" กับ "เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า" โดยระลึกเสมอว่าพระองค์มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเราเสมอ พระองค์ไม่เคยมอบแมงป่องให้ลูกในขณะที่ลูกขอปลา
ดังนั้นต่อให้คุณป่วยนั่นก็คือแผนการ์ณของพระองค์ ขอให้เพียงคุณวางใจในพระองค์ ผมรับรองว่าคุณจะพบสันติสุข สันติสุขมากกว่าไม่ป่วยด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณสบายดีก็ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแน่นอนครับ
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ขอบคุณจริงๆครับ ผมไม่รู้จะตอบแทนความมีน้ำใจยังไงนอกจากคำขอบคุณ ตอนนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วครับ ผมจะพยามทำใจให้สงบ ถ้าอาการเครียดมันโผ่ลเมื่อไรผมก็จะสวดวันทามารีอาไล่มัน ขอบคุณทุกคนครับ
ใจเย็นๆ และลองทบทวนดูว่า อะไรที่ทำให้เรากังวล
เรามาสามารถจัดการมันได้หรือไม่ ถ้าจัดการได้ก็ดีครับ
แต่ถ้าจัดการไม่ได้ ความวิตก จะทำให้เกิดความหดหู่ และจะทำให้ท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก
ลองเรียบเรียงความคิดแบบใจเย็นๆ โดยหาเวลาให้ตัวเอง ค่อยๆดูว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร
สบายใจ หรือไม่อย่างไร ไม่งั้นก็เขียนลงกระดาษครับว่าตอนนี้เราคิดอะไรอยู่
เขียนแล้วเก็บเอาไว้ สักสี่ห้าวันค่อยมาอ่าน แล้วปรับตัวจากที่อ่านมา แล้วก็เขียนลงไปอีก ทำซ้ำๆกันนะครับ
ผมเคยทำแบบนี้ แล้วสบายใจ เลยเอามาแนะนำ
เรามาสามารถจัดการมันได้หรือไม่ ถ้าจัดการได้ก็ดีครับ
แต่ถ้าจัดการไม่ได้ ความวิตก จะทำให้เกิดความหดหู่ และจะทำให้ท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก
ลองเรียบเรียงความคิดแบบใจเย็นๆ โดยหาเวลาให้ตัวเอง ค่อยๆดูว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร
สบายใจ หรือไม่อย่างไร ไม่งั้นก็เขียนลงกระดาษครับว่าตอนนี้เราคิดอะไรอยู่
เขียนแล้วเก็บเอาไว้ สักสี่ห้าวันค่อยมาอ่าน แล้วปรับตัวจากที่อ่านมา แล้วก็เขียนลงไปอีก ทำซ้ำๆกันนะครับ
ผมเคยทำแบบนี้ แล้วสบายใจ เลยเอามาแนะนำ
ทำจิตใจให้สบายปล่อยวาง คิดในด้านpositiveไว้ก่อนแต่ถ้าพลาดพลั้งมา ขอให้ถือว่านี่แหละคือสิ่งที่พระเจ้าท่านกำลังทดสอบเราอยู่ทำให้เราแกร่งขึ้นไงคะ.......ยิ่งถ้าจิตเราป่วยแล้วก็จะยิ่งทำให้บั่นทอนสุขภาพกายให้แย่ลงนะคะ
สวดภาวนาครับ
ขอตอบคุณ Nicolas ดังนี้นะครับ: จากอาการที่คุณเล่ามาผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นอาการของโรค Phobic disorder หรือโรคกลัวนะครับ ความจริงโรคกลัวต่างจากโรควิตกกังวล แต่ในปัจจุบันเราจัดไว้ในกลุ่มของโรควิตกกังวล ( anxiety disorders ) ผู้ป่วยจะมีอาการวิตกสารพัดเรื่อง โรคกลัวมี 3 ประเภทคือ 1. Specific phobia เช่นกลัวสัตว์ต่างๆ 2.Agoraphobia เป็นอาการของการกลัวสถานการณ์หลายๆที่ร่วมกัน เช่นตลาดหรือที่ๆมีคนเยอะๆ 3. Social phobia คืออาการกลัวเวลาถูกจ้องมอง แต่สำหรับคุณนิโคลาส ผมเห็นว่าน่าจะเป็นอาการของโรควิตกกังวล ( anxiety disorders ที่เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
วิธีบำบัด หากใช้วิธีทางฝึกสมาธิและใช้หลักธรรมะของทุกศาสนาแล้วไม่บังเกิดผล ผมขอแนะให้ใช้ยารับประทานเข้าช่วยจะได้ผลแน่นอนกว่า โดยจะเป็นยาในกลุ่มของ selective serotonin reuptake inhibitors เช่นยา Paroxetine ( seroxat ) เม้ดละ 20 มกวันละครั้งก่อนนอน ควรรักษาอย่างน้อย 6 เดือน ลองปรึกษาแพทย์ดูอีกครั้งนะครับ ขอให้โชคดีหายไวๆนะครับ
From ปิยะ สมรศาสตร์
วิธีบำบัด หากใช้วิธีทางฝึกสมาธิและใช้หลักธรรมะของทุกศาสนาแล้วไม่บังเกิดผล ผมขอแนะให้ใช้ยารับประทานเข้าช่วยจะได้ผลแน่นอนกว่า โดยจะเป็นยาในกลุ่มของ selective serotonin reuptake inhibitors เช่นยา Paroxetine ( seroxat ) เม้ดละ 20 มกวันละครั้งก่อนนอน ควรรักษาอย่างน้อย 6 เดือน ลองปรึกษาแพทย์ดูอีกครั้งนะครับ ขอให้โชคดีหายไวๆนะครับ
From ปิยะ สมรศาสตร์
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
ถ้าเราวิตกกังวลอะไร ลองบอกกับพระองค์สิคะ พระท่านช่วยได้จริงๆนะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
วางใจพระครับ
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
พี่น้องครับ ขอบคุณมากๆที่ช่วยกันแนะนำเข้ามาครับ ตอนนี้ผมเกือบหายแล้ว ประมาณ 95 เปอร์เซนต์แล้วครับ ขอบคุณพระมากๆ อาจเป็นเพราะผมวางใจในพระมากขึ้นด้วย เลยทำให้หายเร็ว ไม่กลัวที่จะตาย ถ้าใครมีปัญหาเกี่ยวกับความเครียดหรือวิตกกังวลก็คุยกันได้นะครับ ถึงถ้าเป็นมากกว่า 6 เดือนก็รีบๆเข้ามาคุยนะครับ มันรักษาได้
ดีใจด้วยนะคัฟ นิโคลาส ดีใจจริงๆๆที่นายดีขึ้น
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ยินดีด้วยนะคะ อีกแค่ 5 %
สู้ ๆ ค่ะ
สู้ ๆ ค่ะ
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
เราก็เคยเป็นค่ะ
แถมเคยเป็นโรคจิตด้วย
หูแว่ว เห็นภาพหลอนเนื่องจากอาการเครียดจัด
ทำร้ายตัวเอง สารพัดจะบรรยาย จนไม่มีเพื่อนอยากจะคบเลยล่ะค่ะ
แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ
จะเหลือก็แต่แค่ชอบคิดมากแหละค่ะ
เราหายจากความทรมาณนี้ด้วยการสวดภาวนา
และกำลังใจจากคนรักค่ะ นอกจากครอบครัวแล้วก็มีเค้าเนี่ยล่ะค่ะที่ไม่รังเกียจเรา
ยินดีด้วยนะคะ อีกนิดเดียวก็จะหาย 100% แล้ว >w< ไฟต์โตะ!!
แถมเคยเป็นโรคจิตด้วย
หูแว่ว เห็นภาพหลอนเนื่องจากอาการเครียดจัด
ทำร้ายตัวเอง สารพัดจะบรรยาย จนไม่มีเพื่อนอยากจะคบเลยล่ะค่ะ
แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ
จะเหลือก็แต่แค่ชอบคิดมากแหละค่ะ
เราหายจากความทรมาณนี้ด้วยการสวดภาวนา
และกำลังใจจากคนรักค่ะ นอกจากครอบครัวแล้วก็มีเค้าเนี่ยล่ะค่ะที่ไม่รังเกียจเรา
ยินดีด้วยนะคะ อีกนิดเดียวก็จะหาย 100% แล้ว >w< ไฟต์โตะ!!
Maya เขียน: เราก็เคยเป็นค่ะ
แถมเคยเป็นโรคจิตด้วย
หูแว่ว เห็นภาพหลอนเนื่องจากอาการเครียดจัด
ทำร้ายตัวเอง สารพัดจะบรรยาย จนไม่มีเพื่อนอยากจะคบเลยล่ะค่ะ
แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ
จะเหลือก็แต่แค่ชอบคิดมากแหละค่ะ
เราหายจากความทรมาณนี้ด้วยการสวดภาวนา
และกำลังใจจากคนรักค่ะ นอกจากครอบครัวแล้วก็มีเค้าเนี่ยล่ะค่ะที่ไม่รังเกียจเรา
ยินดีด้วยนะคะ อีกนิดเดียวก็จะหาย 100% แล้ว >w< ไฟต์โตะ!!
เอ้จากคนรักเหรอครับ แล้วนายนิโคลาสนี้มีคนรักรึยังครับ สงสัยจัง