แฟนไม่อยากไปทำงานครับ กำลังหนักใจ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 26, 2008 10:06 am
แฟนผมเคยประสบความล้มเหลวในการเรียนครับ คือเธอเป็นคนที่เคยเรียนหนังสือเก่งสมัยมัธยมแต่เรียนมหาลัยไม่จบ และก็ล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร (เสีย self จนบางครั้งดูถูกตัวเอง) เคยมีแฟนมาก่อนคิดว่าจะไปทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆด้วยกันแล้วก็เลิกกันซะก่อน
ก่อนมาคบกับเราเธอตัดสินใจกลับไปเรียนป.ตรีอีกครั้งกับ ม.ราชภัฏฯ หลังจากเธอคบกับผมมาได้พักใหญ่ๆเธอเห็นว่าผมมีรายได้สูง (รายได้ผมมากกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไปพอสมควร และผมไม่มีภาระซื้อบ้านออกรถ) เธอเลยตัดสินใจเลิกเรียน และบอกความจริงกับผมว่าจริงๆเธอเรียนไม่จบมาแล้วหลายครั้งและครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจ และไม่ว่าจะเป็นวุฒิระดับม.6หรือป.ตรีที่ไม่ใช่วิชาชีพก็ไม่มีทางทำให้เธอมีรายได้เกินหนึ่งในสิบของผม ดังนั้นผมน่าจะเลี้ยงดูเธอได้
ผมไม่สามารถจะยอมรับแนวคิดแบบนี้ได้เลยจริงๆครับ ผมไม่อยากมีแฟนเป็นแม่บ้านถ้าเกิดในอนาคตเรามีลูกต้องเลี้ยงดูก็ว่าไปอย่าง
ผมไม่ได้คิดว่าเงินแค่ไม่กี่% ของตัวเองทำไมให้แฟนไม่ได้ ความจริงมันไม่ใช่ แต่ผมไม่อยากให้เขาดูถูกตัวเอง ไม่อดทนต่อความลำบาก ล้มเหลวมาเยอะก็เลยไม่สู้อะไรสักอย่าง รอคนอื่น(แฟน) เลี้ยงอย่างเดียว ผมยังรับไม่ได้จริงๆครับ พอผมบ่นมากๆเราก็ทะเลาะกัน
ก่อนหน้านี้ผมลงทุนซื้อเครื่องบดและเครื่องชงกาแฟมาให้เธอลองขาย แต่มันก็ขายไม่ดีเพราะทำเลที่ไม่ต้องลงทุนเช่าที่มันไม่ดีพอ
การเปลี่ยนทัศนคติคนเป็นเรื่องยากมหาศาลจริงๆครับ ถ้ามันไม่ได้เปลี่ยนมาจากข้างในใจเขาจริงๆ และเธอเองก็เปลี่ยนผมไม่ได้เช่นกัน
วันก่อนเธอไปสมัครงานที่รพ.แห่งหนึ่งในตำแหน่ง cashier ของร้าน minimart หรือไม่ก็สาวเสิร์ฟ ปรากฏว่าพอคนรับสมัครได้ยินว่าแฟนเธอ(หมายถึงผม) ทำงานอะไร มีรายได้ประมาณเท่าไหร่ ก็ถึงกับอึ้งไปเลยว่าปล่อยแฟนมาทำงานอย่างนี้ได้ยังไง
จริงๆคนเราไม่ควรอยู่เฉยๆเป็นแม่บ้านอย่างเดียวไม่ใช่เหรอครับ ถึงไม่บอกให้ใครรู้แต่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าแฟนผมไม่ทำงานและไม่เรียนหนังสือด้วยก็เหมือนผมทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กยังไงยังงั้นแหละครับ
เมื่อเธอยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่กลับไปเรียนต่อ ผมก็ยืนกรานให้เธอออกไปหางานทำให้ได้ เธอก็โกรธอีกครับ บอกว่าวุฒิม.6มันจะไปมีงานดีๆอะไร อย่างน้อยก็ต้องทำสัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งนั่นก็ไม่เท่าไหร่ แต่ก็อาจจะต้องเข้ากะ หรือเข้าเช้ามืด เลิกค่ำมากๆ เดือนละหลายๆวัน ซึ่งผมก็ไม่สะดวกไปรับไปส่ง หรือต่อให้สะดวกก็ดูจะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับรายได้ที่จะได้มา แล้วทำไมผมจะต้องบีบให้เธอไปลำบาก
ทุกวันนี้ก็ภาวนาว่าขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆตอนนี้ครับ
ก่อนมาคบกับเราเธอตัดสินใจกลับไปเรียนป.ตรีอีกครั้งกับ ม.ราชภัฏฯ หลังจากเธอคบกับผมมาได้พักใหญ่ๆเธอเห็นว่าผมมีรายได้สูง (รายได้ผมมากกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วไปพอสมควร และผมไม่มีภาระซื้อบ้านออกรถ) เธอเลยตัดสินใจเลิกเรียน และบอกความจริงกับผมว่าจริงๆเธอเรียนไม่จบมาแล้วหลายครั้งและครั้งนี้ก็ยังไม่แน่ใจ และไม่ว่าจะเป็นวุฒิระดับม.6หรือป.ตรีที่ไม่ใช่วิชาชีพก็ไม่มีทางทำให้เธอมีรายได้เกินหนึ่งในสิบของผม ดังนั้นผมน่าจะเลี้ยงดูเธอได้
ผมไม่สามารถจะยอมรับแนวคิดแบบนี้ได้เลยจริงๆครับ ผมไม่อยากมีแฟนเป็นแม่บ้านถ้าเกิดในอนาคตเรามีลูกต้องเลี้ยงดูก็ว่าไปอย่าง
ผมไม่ได้คิดว่าเงินแค่ไม่กี่% ของตัวเองทำไมให้แฟนไม่ได้ ความจริงมันไม่ใช่ แต่ผมไม่อยากให้เขาดูถูกตัวเอง ไม่อดทนต่อความลำบาก ล้มเหลวมาเยอะก็เลยไม่สู้อะไรสักอย่าง รอคนอื่น(แฟน) เลี้ยงอย่างเดียว ผมยังรับไม่ได้จริงๆครับ พอผมบ่นมากๆเราก็ทะเลาะกัน
ก่อนหน้านี้ผมลงทุนซื้อเครื่องบดและเครื่องชงกาแฟมาให้เธอลองขาย แต่มันก็ขายไม่ดีเพราะทำเลที่ไม่ต้องลงทุนเช่าที่มันไม่ดีพอ
การเปลี่ยนทัศนคติคนเป็นเรื่องยากมหาศาลจริงๆครับ ถ้ามันไม่ได้เปลี่ยนมาจากข้างในใจเขาจริงๆ และเธอเองก็เปลี่ยนผมไม่ได้เช่นกัน
วันก่อนเธอไปสมัครงานที่รพ.แห่งหนึ่งในตำแหน่ง cashier ของร้าน minimart หรือไม่ก็สาวเสิร์ฟ ปรากฏว่าพอคนรับสมัครได้ยินว่าแฟนเธอ(หมายถึงผม) ทำงานอะไร มีรายได้ประมาณเท่าไหร่ ก็ถึงกับอึ้งไปเลยว่าปล่อยแฟนมาทำงานอย่างนี้ได้ยังไง
จริงๆคนเราไม่ควรอยู่เฉยๆเป็นแม่บ้านอย่างเดียวไม่ใช่เหรอครับ ถึงไม่บอกให้ใครรู้แต่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าแฟนผมไม่ทำงานและไม่เรียนหนังสือด้วยก็เหมือนผมทำตัวเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กยังไงยังงั้นแหละครับ
เมื่อเธอยืนกรานเสียงแข็งว่าจะไม่กลับไปเรียนต่อ ผมก็ยืนกรานให้เธอออกไปหางานทำให้ได้ เธอก็โกรธอีกครับ บอกว่าวุฒิม.6มันจะไปมีงานดีๆอะไร อย่างน้อยก็ต้องทำสัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งนั่นก็ไม่เท่าไหร่ แต่ก็อาจจะต้องเข้ากะ หรือเข้าเช้ามืด เลิกค่ำมากๆ เดือนละหลายๆวัน ซึ่งผมก็ไม่สะดวกไปรับไปส่ง หรือต่อให้สะดวกก็ดูจะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับรายได้ที่จะได้มา แล้วทำไมผมจะต้องบีบให้เธอไปลำบาก
ทุกวันนี้ก็ภาวนาว่าขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆตอนนี้ครับ