Belong to the Truth Jesus Christ

ขอพระให้รวย (ได้) !

ข้าแต่พระเป็นเจ้า ตั้งแต่ลูกเขียนบทสวดถวายแด่พระองค์มา บทนี้เป็นบทแรกที่เพื่อนๆ ที่ทราบว่าลูกจะเขียนอะไร ต่างรบเร้าขออ่านเร็วๆ และเป็นบทที่ลูกใช้เวลามากที่สุดตั้งหลายคืนในการเขียน เพราะลูกต้องอ่าน แล้วเขียน แล้วย่อความ อ่านอีก ย่อความอีกๆ จากข้อมูล 160 กว่าหน้า ให้เหลือเพียง 4 หน้า แต่ต้องให้ได้ใจความครบถ้วน :O

ก่อนสงกรานต์ เพื่อนของลูก ผู้ที่ลูกเรียกเธอว่า “เพื่อนจิตวิญญาณ” เอาหนังสือให้ลูกอ่านเล่มหนึ่ง เธอบอกว่าเธออ่านแล้วนึกถึงลูก ว่าเหมือนชีวิตของลูกมาก เธอจึงอุตส่าห์ไปก๊อปปี้ทั้งเล่มมาให้ลูก (Bless her heart!)

ปรากฎว่าลูกเองอ่านแล้วก็วางไม่ลง ตั้งแต่บรรทัดแรกจนถึงบรรทัดสุดท้าย ลูกรำพึงกับตัวเองด้วยความตื่นเต้นว่า ฉันก็ทำแบบนี้ เหมือนฉันเปี๊ยบเลย...

ลูกจึงขอเขียนบทสวดบทนี้ เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์และเพื่อเป็นพยานคนที่ 2 ในบทความทั้งหมดนี้ พระเจ้าข้า

ผู้เขียนเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกันผู้หนึ่งที่ประสบปัญหาทางธุรกิจจนถึงขั้นจะพึ่งศาลเพื่อประกาศตัวเองเป็นบุคคลล้มละลายตามกฎหมายของเขา พอดีเพื่อนคนหนึ่งบอกเขาว่า มีผู้หนึ่งที่จะช่วยเขาเรื่องการเงินได้ โดยไม่ต้องพึ่งศาล เขาตื่นเต้นมาก ถามเพื่อนคนนี้ว่าใครล่ะ เพื่อนตอบว่า “Jesus!” เขาก็ถามต่อว่า “How?” เพื่อนคนนี้ตอบว่าวิธีทั้งหมดอยู่ในพระคัมภีร์ ให้ไปค้นหาเอาเอง ถ้าเขาทำตามพระวาจาของพระเยซูเจ้าอย่างเคร่งครัด เขาก็จะหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินได้

ในช่วงเศรษฐกิจไทยประสบปัญหาต้มยำกุ้ง ลูกเองเพิ่งหลุดพ้นจากคดีอันไม่เป็นธรรมไม่นาน ซ้ำยังต้องตกอยู่ในสภาวะที่ต้องเลี้ยงดูลูก 4 คนตามลำพัง มีอยู่วันหนึ่ง ลูกบอกกับเพื่อนจิตวิญญาณผู้นี้ว่า ลูกไม่ไหวแล้ว ลูกจะยอมให้แบงก์มายึดทุกอย่าง ลูกเองจะขอไปรับใช้พระอย่างเดียว จะไปเป็นหญิงกวาดวัดก็ได้ (ประโยคนี้กลายเป็นประโยคอมตะระหว่างลูกกับเธอจนถึงทุกวันนี้ ☺ ) เธอบอกกับลูกว่า พระเจ้าทรงใช้แต่ละคนต่างกันตามความสามารถและกระแสเรียกของแต่ละคน เธอบอกต่อกับลูกว่า ลูกเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ อย่าไปกวาดวัดเลย ให้ลูกรับใช้พระองค์โดยผ่านธุรกิจของลูกเถิด

ช่างเหมือนกันอะไรเช่นนี้

หลังจากที่รับทราบจากเพื่อนเช่นนั้น นักธุรกิจผู้นี้ตัดสินใจอ่านพระคัมภีร์เพื่อค้นหาคำตอบ เขาอ่านอย่างตั้งใจ อ่านอย่างค้นหาและอ่านอย่างซึมซับ และหลังจากใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง เขาก็ค้นพบคำตอบที่เขาแสวงหา เขาลงมือปฏิบัติตามทันที และก็ปรากฎว่า ธุรกิจของเขาค่อยๆ ฟื้นกลับมา และในที่สุด ฐานะของเขาก็กลับมามั่นคงเหมือนเดิม จนถึงทุกวันนี้ 10ปีต่อมา เขาและภรรยาจึงเริ่มเขียนหนังสือเล่าแบ่งปันสิ่งที่เขาค้นพบและเป็นพยานถึงความเชื่อของเขาที่มีต่อพระองค์ หนังสือส่วนใหญ่จะถูกแจกฟรี

เหมือนกันอีก!

คัดลอกมาจาก   บทสวดของฉัน   บทที่ 185   ขอพระให้รวย (ได้) !

เอามาแบ่งปัน หนุนใจ ให้ทุกๆคนที่กำลังรู้สึกท้อแท้ในชีวิตค่ะ  ถ้าอ่านแล้วรู้สึกดีก็อย่าลืม...ขอบคุณพระ...นะคะ

คริสตชนรวยได้ไหม?

คำตอบคือ ได้ ตัวโตๆ

คริสตชนส่วนใหญ่จะถูกสอนมาตลอดว่า ความรวยหรือความมั่งมีจะทำให้เราห่างเหินจากพระ เพราะฉะนั้นเลยมีความเข้าใจว่าความยากจนเป็นสิ่งที่จะทำให้เราใกล้ชิดกับพระมากขึ้น แต่ผู้เขียนคนนี้ค้นพบจากพระคัมภีร์ว่า หากเราร่ำรวยโดยปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าแล้ว ก็ไม่เป็นสิ่งผิดแปลกเลย เพราะแท้จริงแล้ว พระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ย่อมปรารถนาให้ลูกของพระองค์ที่ชอบธรรมทุกคน มีความเป็นอยู่ดี ประสบความสำเร็จในชีวิต

“...ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน แล้วพระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้เราพร้อมกับพระบุตรหรือ?”
โรม 8:32

“อับราฮัมมั่งมีมาก มีฝูงแกะและเงินทอง”
ปฐก 13:

“แต่จงระลึกว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านประทานพละกำลังให้ท่านมั่งคั่ง
เพราะทรงปฏิบัติตามพันธสัญญาที่ได้ทรงสาบานไว้กับบรรพบุรุษของท่าน”
ฉธบ 8:18

“พวกคนเที่ยงธรรมจะรับพระพร ทรัพย์ศฤงคาร และความมั่งคั่ง มีอยู่ในเรือนเขา”
สดุดี 112:2-3

ลูกเองได้เคยเขียนเรื่อง “คนรวยแต่ไม่มีพระ VS คนมีพระแล้วค่อยรวย” เป็นบทสวดของฉันบทที่ 46 ถวายแด่พระองค์ใกล้เคียงกันมากเลย

บทบัญญัติของพระเจ้าในการได้มาซึ่งความร่ำรวย


บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดในข้อนี้คือ พระเจ้าต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดในชีวิตเรา คนจำนวนไม่น้อยที่รับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด แต่มีสักกี่คนที่คิดถึงพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใดในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวัน

ในโลกปัจจุบัน ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างโหยหา บางคนยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งเหล่านี้ ส่วนพระเจ้านั้นอยู่ที่ลำดับที่เท่าไรในชีวิตก็ไม่มีใครทราบได้

พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

“จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้”
มัทธิว 6:33

“เรารักบรรดาผู้ที่รักเรา และบรรดาผู้ที่แสวงเราก็พบเรา
ความมั่งคั่งและเกียรติอยู่กับเรา ทั้งทรัพย์ศฤงคารที่ทนทานและความชอบธรรม”
สุภาษิต 8:17-18

สำหรับลูกทุกวันนี้ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่ว่าจะทำอะไร ลูกจะคิดถึงพระองค์ก่อนเสมอเพราะลูกถือว่าสำหรับลูกแล้ว

“You are the Captain of my fate, and Master of my soul.”

เหมือนกับที่ผู้เขียนคนนี้เขียนไว้เลย

ทางของพระหรือทางของเรา?

ถ้าเราเลือกวิถีดำรงชีวิต โดยปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้า ไม่ใช่ตามใจของเราแล้ว พระองค์ก็จะทรงนำชีวิตเราและประทานพระพรให้เราเอง

“เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้สั่งสอนเจ้าเพื่อประโยช์ของเจ้า ผู้นำเจ้าในทางที่เจ้าควรจะไป”
อิสยาห์ 10:22

“พระพรของพระเจ้ากระทำให้มั่งคั่ง”
สุภาษิต 10:22

พระวาจาบทหลังนี้เป็นบทที่ลูกติดอยู่ที่พระแท่นในโรงงานหนึ่งของลูก!


พระเจ้าทรงต้องการให้เรากลับใจ

ถ้าเราเลี้ยงจิตวิญญาณของเราด้วยพระวาจา ด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ทุกวัน เราก็จะมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง และเมื่อเรามีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งแล้ว ก็จะส่งผลให้เรามีปัญญา มีความสามารถในการนำมาซึ่งความสำเร็จในหน้าที่การงาน

“อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่
เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า
สิ่งใดดีและสิ่งใดเป็นที่พอพระทัยอันสมบูรณ์พร้อมกับพระองค์”
โรม 12:2

“จงมีจิตใจและความรู้สึกนึกคิดอย่างใหม่ จงสวมใส่สภาพมนุษย์ใหม่
ซึ่งพระเจ้าทรงเนรมิตให้เหมือนพระองค์ มีความชอบธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากความจริง”
เอเฟซัส 4:23-24


เราจะกลับใจได้อย่างไร

ทุกคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มีสักกี่คนที่จะศึกษาพระวาจา และคำสั่งสอนของพระองค์ และปฏิบัติตนตามนั้นอย่างจริงๆ จังๆ และอย่างจริงใจ

“อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัติห่างเหินไปจากปากของเจ้า แต่เจ้าจงตรึกตรองตามนั้น
ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะกระทำตามข้อความที่เขียนไว้นั้นทุกประการ
แล้วเจ้าจะมีความจำเริญ และเจ้าจะสำเร็จผลเป็นอย่างดี”
โยซูวา 1:8

เราต้อง  1. สวดภาวนาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
          2. ศึกษาและไตร่ตรองถึงพระวาจาของพระองค์ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และ
          3. ดำรงชีวิตตามพระวาจาและคำสั่งสอนของพระองค์ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ

ลูกสวดภาวนาจนบางครั้งตื่นมากลางดึก สมองของลูกยังสวดสายประคำอยู่

ต้องขยันทำงาน

เราเคยได้ยินกันมาตลอดว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่ช่วยตัวเองเท่านั้น จริงๆ แล้ว มีพระวาจาหลายบท ที่เน้นถึงประโยคนี้และเน้นให้มนุษย์ต้องขยัน

“ถ้าผู้ใดไม่อยากทำงานก็อย่ากิน”
2 เธสะโลนิกา 3:10

“ให้ทำงานอย่างสงบและหาเลี้ยงชีพด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง”
2 เธสะโลนิกา 3:12

“มือที่หย่อนเป็นเหตุให้เกิดความยากจน แต่มือที่ขยันขันแข็งกระทำให้มั่งคั่ง”
สุภาษิต 10:4

“มือของเจ้าจับทำงานอะไร จงกระทำการนั้นด้วยเต็มกำลังของเจ้า”
ปัญญาจารย์ 9:10


ความสุขสมบูรณ์ในจิตใจและริมฝีปาก

คำสั่งสอนของพระองค์ บวกกับความเชื่อของเราในพระองค์ที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ จะเป็นพระพรแก่เราในหน้าที่การงานและทุกสิ่งทุกอย่าง เราต้องวางใจในพระองค์ ขอบคุณพระองค์และสรรเสริญพระองค์แม้ในความทุกข์ยากลำบาก

“พระธรรมของพระเจ้าอยู่ในจิตใจของเขา และย่างเท้าของเขาจะไม่พลาด”
สดุดี 37:31

“เพราะคนชอบธรรมจะไม่ถดถอย...เขาไม่กลัวข่าวร้าย จิตใจของเขายึดแน่น วางใจในพระเจ้า”
สดุดี 112: 6-7

“พระเจ้าประเสริฐ ทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งในวันยากลำบาก พระองค์ทรงรู้จักผู้ที่เข้ามาลี้ภัยอยู่ในพระองค์”
นาฮูม 1:7

“อย่ากระวนกระวายใจถึงสิ่งใดเลย จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบถึงความปรารถนาทุกอย่างของท่าน
โดยคำอธิษฐาน การวอนขอ พร้อมด้วยการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเกินสติปัญญาจะเข้าใจได้นั้น
จะคุ้มครองดวงใจและความคิดของท่านไว้ในพระคริสตเยซู”
ฟิลิปปี 4:6-7

ลูกสอนลูกๆ ทุกวันนี้ว่า ให้ทูลขอพรและขอบคุณพระองค์ในทุกสิ่งที่ทำ เพราะแม้แต่ความผิดหวัง ก็คือพระพร เพราะพระองค์ทรงทราบดีกว่าเราว่าอะไรควรให้ อะไรไม่ควรให้

ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้า

“ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน
ฝนจะตกน้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน
ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย
เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”
มัทธิว7:24-27

“คนทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตาม ย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก”
ลูกา 11:8

“จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตนเอง เพราะถ้าผู้ใดฟังพระวาจาแล้ว ไม่ปฏิบัติตาม
ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา เมื่อมองตนเองและจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร
ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น”
ยากอบ 1:22-25

“ถ้าเขาทั้งหลายเชื่อฟัง และปรนนิบัติพระองค์
เขาจะอยู่ครบอายุของเขาด้วยความเจริญรุ่งเรือง และอยู่ครบปีของเขาด้วยความสุขใจ”
โยบ 36:11

ชัดเจนและสมบูรณ์

จงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยความคิด วาจา และการกระทำ

ข้อนี้มีความสำคัญมาก ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า ถ้าเราอยากได้แครอท เราต้องปลูกแครอท อยากได้แตงโม ต้องปลูกแตงโม ถ้าเราอยากให้พระเจ้าประทานความร่ำรวยให้แก่เรา เราเคยถวายอะไรให้แก่พระเจ้าบ้างไหม? การถวายที่มีค่าที่สุดแด่พระเจ้า ไม่ใช่อยู่ที่ปริมาณหรือจำนวนแต่อยู่ที่ใจ และนอกจากทรัพย์สินเงินทองแล้ว เรายังต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วย

การถวายเงินแด่พระองค์นั้น เราควรทำอย่างสม่ำเสมอ โดยการให้แก่พระศาสนจักร หรือ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือ โครงการที่ควรสนับสนุน ตามกำลังทรัพย์ของเรา แม้ในเวลาที่เราไม่มีเงินมาก และต้องเป็นการกระทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อหน้าตาตัวเอง หรืออยากได้ชื่อเสียง เพราะหากผู้ใดทำบุญหรือทำดีเพียงเพื่อต้องการให้ผู้อื่นทราบ หรือเพื่อได้หน้า เขาก็จะได้เพียงเท่านั้น แต่หากเขาทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างจริงใจ พระเจ้าก็จะประทานพระพรแก่เขามากกว่าและยิ่งใหญ่กว่าที่เขาจะได้รับจากมนุษย์เสียอีก

ทุกวันนี้ลูกประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ด้วยใจบริสุทธ์ แต่บางครั้งพระองค์ก็ประทานพระพรแก่ลูกอย่างที่ลูกเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน เสมือนหนึ่งเป็นกำลังใจให้ลูก เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์จริงๆ !

“ผู้ใดเอาใจใส่คนจน ก็เป็นสุข พระเจ้าทรงช่วยกู้เขาในวันยากลำบาก”
สดุดี 41:1

“ส่วนท่าน เมื่อให้ทาน อย่าให้มือซ้ายของท่านรู้ว่ามือขวากำลังทำสิ่งใด
เพื่อทานของท่านจะได้เป็นทานที่ไม่เปิดเผย
แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งจะประทานบำเหน็จให้แก่ท่าน”
มัทธิว 6:3-4

“เราจะเปิดหน้าต่างในสวรรค์ให้เจ้าและเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้า”
มาลาคี 3:10

วิธีและเวลาของพระเจ้าในการประทานพระพร

พระเจ้าจะไม่ประทานพระพรหรือความมั่งคั่งแก่ผู้สมควรได้รับ โดยการเทเงินลงมาจากสวรรค์ แต่จะเป็นไปตามธรรมชาติของหลักการเงินบนโลกนี้ การได้ขึ้นเงินเดือน การได้โบนัสก้อนโต หุ้นที่มีอยู่ ราคาขึ้นไปสุดกู่ การขายทรัพย์สินบางอย่างที่มีอยู่ในราคาดี การได้เริ่มธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรอย่างคาดไม่ถึง ธุรกิจที่มีอยู่ก็ทำกำไรอย่างมหาศาล ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น และพระองค์จะประทานพระพรตามเงื่อนเวลาของพระองค์ ไม่ใช่ตามเงื่อนเวลาที่มนุษย์เรียกร้อง

ผู้เขียนคนนี้เขียนว่าสิ่งที่เขาเขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เป็นแค่หลักเทวศาสตร์ หรือทฤษฎีเท่านั้น เขาบอกว่าทุกคนที่เขารู้จักที่ปฏิบัติตามทุกหัวข้อที่เขาเขียน ประสบความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน แต่คงมีคนไม่น้อยที่จะเถียงคอเป็นเอ็นว่า เขาก็ทำดีแล้ว แต่ไม่เห็นพระเจ้าประทานพระพรให้เขาร่ำรวยเลย เขาเขียนต่อว่า หากชาวนาหว่านเมล็ดข้าวเสร็จแล้ว ก็ไม่พรวนดิน ถางหญ้า หรือใส่ปุ๋ยเลย แล้วจะบ่นได้อย่างไรว่าผลการเพาะปลูกไม่งอกงาม! พระเจ้าไม่ทรงลำเอียง พระองค์ทรงรักลูกของพระองค์ทุกคนเท่ากัน

“ทุกคนที่ยำเกรงพระองค์ และปฏิบัติความชอบธรรม ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใดย่อมเป็นที่พอพระทัยของพระองค์”
กิจการอัครสาวก 10:34-35

ทุกวันนี้ เขาเปิดโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์หนังสือแบ่งปันความเชื่อของเขาและภรรยาและแปลเป็นหลายภาษาแจกจ่ายไปทั่วโลก

ลูกไม่ทราบว่าทำไมลูกอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจึงเกิดความตื่นเต้นในใจมาก และมีความรู้สึกว่าต้องเขียนเป็นบทสวดถวายแด่พระองค์ มาบัดนี้ลูกเขียน(ย่อความ)เสร็จแล้ว ลูกมีความสุขมาก และลูกขอจบบทสวดนี้ด้วยพระวาจาบทนี้ พระเจ้าข้า

“สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์”
1 โครินธ์ 2:9

ลูกรักพระองค์ พระเจ้าข้า
อาแมน


จบแล้วเจ้าค่ะ ... ยาวไปสักหน่อย
ขอให้บรรดาลูก ๆ ของพระบิดาเจ้า ... ทุกท่านเป็นคนรวยสมความตั้งใจของท่านเทอญ 

คัดลอกมาจาก  บทสวดของฉัน  บทที่ 185  ขอพระให้รวย (ได้) !
และยังมี บทสวดของฉัน ดีๆ อีกมากมายให้คุณๆท่านๆ ได้อ่านกันอย่างเพลิดเพลินเลยค่ะ
http://www.catholic.or.th/spiritual/books/prayerme/

เออ....อย่าปั๊มกระทู้แบบนี้นะคะ   
ถ้าจะมีอีกหลายตอน 
ขอให้เขียนเป็นตอนที่ 1  2 3 4


แต่ถ้าทำแบบนี้ 
คนอื่นจะคิดว่า คุณโพสเล่น ๆ อ่ะจ้า

~@Little lamb@~ เขียน: เออ....อย่าปั๊มกระทู้แบบนี้นะคะ   
ถ้าจะมีอีกหลายตอน 
ขอให้เขียนเป็นตอนที่ 1  2 3 4


แต่ถ้าทำแบบนี้ 
คนอื่นจะคิดว่า คุณโพสเล่น ๆ อ่ะจ้า

  อ่า ... ขอโทษค่ะ ... รับทราบแล้วค่ะ   

ขอบคุณครับ