พ่อ แม่ ญาติ รับไม่ได้แน่ๆถ้าเปลี่ยนศาสนา
แต่ทำไงดีคะ
เราอยากเป็นจะแย่แล้ว
แต่กลัวแม่เสียใจอะคะ
ใครประสบปัญหาแบบนี้มาบ้างไหมคะ แล้วแก้ปัญหาอย่างไร
ช่วยทีนะคะ
![sob2 : xemo031 :](./images/smilies/xbugs31.gif)
เคยพูดเปรยๆไว้อะคะ แต่แม่ก็พูดกลับมาว่า อย่ากระแ_ะไปหน่อยเลย แม่ไม่ได้ด่านะคะ แค่พูดเหน็บแนม เฉยๆsasuke เขียน: ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดูรึยังครับ?
21 ค่ะHoly เขียน: อายุเท่าไหร่แล้วครับ
ทำมาหมดและคะ เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง ยังไม่กล้าพออะคะ ไม่รุ้เปนไง เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -sasuke เขียน: ระหว่างนี้ก็หาไบเบิ้ลหรือหนังสือเสริมศรัทธาอื่นๆมาอ่านดูก่อน หรือลองมาเข้าโบสถ์ดูก่อนก็ได้นะครับ
อย่าเพิ่งคิดว่าหมดหวังซิครับ ค่อยๆลองแย๊บคุณแม่ไปเรื่อย (ที่สำคัญคือต้องแย๊บตอนคุณแม่อารมณ์ดีด้วย)
ดีแล้วล่ะครับ ที่พยายามจะไม่หักหาญน้ำใจคุณแม่ ค่อยๆไปทำไปเดี๋ยวเค้าก็ค่อยๆเข้าใจเราเอง
สวดสายประคำค่ะ แม่พระช่วยได้จริงๆ ขอให้ไว้ใจนะคะ~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทั้งตระกูล พุทธจ๋ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พ่อ แม่ ญาติ รับไม่ได้แน่ๆถ้าเปลี่ยนศาสนา
แต่ทำไงดีคะ
เราอยากเป็นจะแย่แล้ว
แต่กลัวแม่เสียใจอะคะ
ใครประสบปัญหาแบบนี้มาบ้างไหมคะ แล้วแก้ปัญหาอย่างไร
ช่วยทีนะคะ
![]()
อยู่บ้านกลัวพ่อด้วยรึเปล่าคะ อยู่วัดเลยพลอยกลัวพระสงฆ์ไปด้วย~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทำมาหมดและคะ เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง ยังไม่กล้าพออะคะ ไม่รุ้เปนไง เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -
เชื่อพระ เป็นคริสต์โดยไม่ได้ล้างบาป ตามความคิดของตัวเองนะคะ เหมือนแต่งงานแบบอยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่เข้าพิธีน่ะค่ะKongtap เขียน: คุณมองว่าการเป็นคริสต์คืออะไร.....คือการได้ล้างบาป การได้ไปโบสถ์ร่วมพิธีกรรมต่างๆมากมาย การได้ห้อยกางเขนสวยๆ...(หรือเปล่า)
จริงๆแล้ว
สิ่งเหล่านี้มันมากมายเกินไป และไม่จำเป็น....
ศาสนา ก็คือ ใบมะกอก
เกิดขึ้นหลังจากที่อีฟอาดัมกินผลไม้ ขัดคำสั่งพระองค์ไปเชื่อตัวเองและมารซาตาน เขาทั้งสองที่แต่ก่อนเคยเปลือยเปล่า(กายใจ) กลับต้องหาใบมะกอกมาปกปิด....
ในกรอบของศาสนาก็คือการที่เราจะต้องทำดี ทำตามบัญญัติมากมาย ทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปกปิดความเป็นตัวเรา
แต่จริงๆแล้วพระเจ้าต้องการอะไร...พระเจ้าไม่ต้องการอะไรใหญ่โต เพราะทุกสิ่งในโลกมันก็เล็กน้อยมากกับพระองค์
และที่สำคัญ....พระเจ้ารู้จักจิตใจของเราดีที่สุด....
ลองด้อม ๆ มอง ๆ ดู บาทหลวงที่ท่าทางใจดี แล้วรู้สึกถูกชะตา แล้วลองเข้าไปคุยพร้อมกับเพื่อนที่เป็นคาทอลิกซิคะ แล้วค่อยแนะนำตัวเองให้บาทหลวงรู้จัก แล้วจึงค่อย ๆ คุยปรึกษาและเล่าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ให้บาทหลวงเขาฟัง เผื่อบาทหลวงท่านจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ท่านไม่โดดกัดคุณหรอก รับรองด้วยเกียรติเนตรนารีเลยค่ะ~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทำมาหมดและคะ เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง ยังไม่กล้าพออะคะ ไม่รุ้เปนไง เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -
แต่ต้องมีการปฏิบัติด้วยครับwowowow เขียน: ผมขอรอดด้วยพระคุณความเชื่อก็พอแล้วครับ![]()
ใช่ครับ ผมก็ว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญ....Buddy เขียน:เชื่อพระ เป็นคริสต์โดยไม่ได้ล้างบาป ตามความคิดของตัวเองนะคะ เหมือนแต่งงานแบบอยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่เข้าพิธีน่ะค่ะKongtap เขียน: คุณมองว่าการเป็นคริสต์คืออะไร.....คือการได้ล้างบาป การได้ไปโบสถ์ร่วมพิธีกรรมต่างๆมากมาย การได้ห้อยกางเขนสวยๆ...(หรือเปล่า)
จริงๆแล้ว
สิ่งเหล่านี้มันมากมายเกินไป และไม่จำเป็น....
ศาสนา ก็คือ ใบมะกอก
เกิดขึ้นหลังจากที่อีฟอาดัมกินผลไม้ ขัดคำสั่งพระองค์ไปเชื่อตัวเองและมารซาตาน เขาทั้งสองที่แต่ก่อนเคยเปลือยเปล่า(กายใจ) กลับต้องหาใบมะกอกมาปกปิด....
ในกรอบของศาสนาก็คือการที่เราจะต้องทำดี ทำตามบัญญัติมากมาย ทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปกปิดความเป็นตัวเรา
แต่จริงๆแล้วพระเจ้าต้องการอะไร...พระเจ้าไม่ต้องการอะไรใหญ่โต เพราะทุกสิ่งในโลกมันก็เล็กน้อยมากกับพระองค์
และที่สำคัญ....พระเจ้ารู้จักจิตใจของเราดีที่สุด....ถามว่า สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ไหน ก็คงอยู่ที่สองคนนั้นรักกันจริง แต่มันมีหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น เราอาจมองว่า มันเป็นแค่พิธี แต่ในด้านจิตวิญญาณมันเป็นมากกว่านั้นนะคะ เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มี หรือไม่สำคัญ
ศีลล้างบาป เปลี่ยนเราในระดับวิญญาณนะคะ ไม่ใช่ระดับจิตใจ มันพูดยาก เรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช้จะเห็นกันแบบจะๆ ขึ้นกับประสบการณ์
ที่ตัวเองเห็นและเชื่อในศีลล้างบาปมากๆ ก็เพราะคนที่ดึงให้เข้าวัดครั้งแรกคือ คริสตังนอนที่ปฎิเสธพระเจ้าโดยสิ้นเชิง (เรียกได้ว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ศีลล้างบาปที่ติดตัวมา ... เค้าเป็นคนดีนะคะ แต่เค้าไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีจริง) เค้าบอกเราว่า พระเจ้าไม่มีจริง ศาสนาเป็นสิ่งสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริงแต่ระหว่างที่เค้าพูดกับเรา เรากลับเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในคนอื่น มันมีอะไรบางอย่างที่มาสัมผัส ยิ่งเค้าบอกว่า พระเจ้าไม่มีจริงมากเท่าไหร่ ใจเราก็ร้อนรนมากขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงดูด และจากนั้นก็เริ่มไปวัดคาทอลิกตั้งแต่นั้นมา
เมื่อรับศีลล้างบาป วิญญาณคุณจะไม่เหมือนคนอื่นนะคะ คุณจะมีตราประทับของพระองค์ วิญญาณคุณจะเปลี่ยนเปลี่ยนแบบไม่รู้ตัว
พระอวยพรนะคะ![]()
ใช่นะคะ แต่อย่าลืมว่า พระรักเรา มากกว่าที่เราจะรักพระองค์ได้นะKongtap เขียน:
****ผมไม่ได้บอกนะว่า พิธีการล้างหรือพิธีกรรม ไม่สำคัญ
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือจิตใจ เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรที่สิ่งนี้นั่นแหละ......
ให้คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคด เรียนคำสอน ท่องจำได้หมด แล้วบอกบาทหลวงว่าคุณเชื่อ แต่พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นจิตใจของคุณว่าจริงๆแล้ว คุณก็ยังไม่ได้ลึกซึ้งกับมันเท่าไหร่.....
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น ถามเฉยๆ แต่ถ้าอยากเล่า ก็ IM มาก็ได้ค่ะKongtap เขียน:Buddy เขียน:อันนี้หลังไมค์ได้มั้ยอ่า.....Kongtap เขียน:
ทำไมถึงเปลี่ยนใจไม่ล้างบาปคะ หรือว่า ไปเข้าโบสถ์โปรฯแทน
![]()
แต่พูดเปรยๆไว้ว่า.....
จิตใจของผมเป็นอิสระได้ก็เพราะผมได้รู้ความจริงที่เป็นความจริงแท้
เด๋วแอดเมล์คุยกันที่หลังดีกว่า
ได้อีก†Ecclēsia เขียน: ข้าน้อยเอง ช่วงเวลาที่เรียนคำสอนอยู่ก็ไม่ได้บอกทางครอบครัวไปตรงๆ ว่าจะ" เปลี่ยนศาสนา" อ่าค่ะ
เพราะคิดว่า ถ้าพูดไปเเบบหักมุมเลยอาจจะเกิดอาการต่อต้าน
เลยใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ทยอยเอาหนังสือศาสนาเข้าบ้านบ้าง ค่อยๆเอากางเขนไปไว้ในบ้านบ้าง
ข้าพเจ้าใช้เวลาเกือบ 2 ปี เเต่เป็น 2 ปีที่อยู่อย่างมีความสุขเเม้จะถูกพจญในบางเวลา
จริงๆเเล้วการที่ผู้ใหญ่ในบ้านพยายามไม่อยากให้ลูกหลานเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ก็อาจจะเพราะพวกท่าน"เป็นห่วง"
เกรงว่า จะไปนับถืออะไรที่ผิดๆ สอนให้ทำไม่ดี เเละบางที สอนให้เกลียดพ่อเเม่ (อันนี้หลายๆท่านชอบนำมาอ้าง)
ดังนั้น เราจึงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ แก้ไขนิสัยเสียหลายๆอย่างในตัวเรา เเล้วในที่สุด ผู้ใหญ่อาจจะยอมรับว่า
"การนับถือคริสต์ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกท่านคิด"
เชื่อว่า ซักวันหนึ่งหากเป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็จะได้ประกาศยืนยันความเชื่อต่อหน้าครอบครัว
ของข้าพเจ้าก็คือ ก่อนล้างบาป (เพราะตามธรรมเนียมคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นต้องขออนุญาตจากครอบครัว เป็นความท้าทายอย่างเเรง)
ถึงได้มีโอกาสบอกกับคุณเเม่ คุยกันดีๆ เเล้วก็ผ่านไปด้วยดี ทั้งๆที่ ไม่น่าจะผ่าน (ขอขอบพระคุณพระเจ้า)
เเต่ สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ พยายามอย่าทำตัวเเปลกเเยก
เช่น ถ้ามีงานของพี่น้องต่างศาสนา หากเราช่วยอะไรได้ ก็ช่วย เเต่พยายามอย่าให้ขัดความเชื่อของเรา (ไหว้พระ รูปเคารพฯลฯ)
ไม่ใช่ว่า งานไหว้เจ้า ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป งานศพเเบบพุทธ ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป อันนี้ก็เกินไปค่า
ที่สำคัญ ต้องอดทน หมั่นสวดภาวนา จนกว่าจะถึงเวลานั้น
ขอพระเจ้าอวยพรเจ้าของกระทู้ เเละพี่น้องที่ประสบปัญหาเดียวกันทุกท่าน![]()
![]()
สู้ๆค่า