Amazing Grace
เพลงเดียวกันแต่สามารถร้องได้หลายแบบนะครับ
Helmut Lotti sings "Amazing Grace". แบบเอวิส
NANA MOUSKOURI CANCIÓN:AMAZING GRACE เสียงดีแต่โบสถ์สวยมากๆๆๆๆๆ
Aerosmith Steven Tyler Singing Amazing Grace ของแปลกครับ แอโร่สมิธวงร๊อคชื่อดังร้องเพลงนี้แบบคนทะเลาะกัน
Lean Rimes - Amazing Grace ร้องสดครับไม่มีดนตรีโชว์เสียงล้วนๆ คนร้องสวย
Yolanda Adams- Amazing Grace ร้องสไตล์เพลงคนดำเสียงสุดๆ มีเติมเนื้อเองด้วย
Declan Galbraith Amazing Grace ไอ้หนูนี่น่ารัก แต่ใส่อารมณ์ยิ่งกว่าผู้ใหญ่ เปลี่ยนเนื้อเป็นa boy เพื่อให้เข้ากับตัวเองน่ารักดี
Kiara Sasso "Amazing Grace" ขนาดอัดจากคอนเสริ์ธนะเนี่ยเสียงทรงพลังจริงๆ
John Farnham - Amazing Grace LIVE ป้าหลานประชันกัน
Amazing Grace (a capella) ร้องสดแต่เปลี่ยนคีย์เอง
destiny's child"amazing grace" @ motown live คงจำชื่อวงได้นะ
Helmut Lotti sings "Amazing Grace". แบบเอวิส
NANA MOUSKOURI CANCIÓN:AMAZING GRACE เสียงดีแต่โบสถ์สวยมากๆๆๆๆๆ
Aerosmith Steven Tyler Singing Amazing Grace ของแปลกครับ แอโร่สมิธวงร๊อคชื่อดังร้องเพลงนี้แบบคนทะเลาะกัน
Lean Rimes - Amazing Grace ร้องสดครับไม่มีดนตรีโชว์เสียงล้วนๆ คนร้องสวย
Yolanda Adams- Amazing Grace ร้องสไตล์เพลงคนดำเสียงสุดๆ มีเติมเนื้อเองด้วย
Declan Galbraith Amazing Grace ไอ้หนูนี่น่ารัก แต่ใส่อารมณ์ยิ่งกว่าผู้ใหญ่ เปลี่ยนเนื้อเป็นa boy เพื่อให้เข้ากับตัวเองน่ารักดี
Kiara Sasso "Amazing Grace" ขนาดอัดจากคอนเสริ์ธนะเนี่ยเสียงทรงพลังจริงๆ
John Farnham - Amazing Grace LIVE ป้าหลานประชันกัน
Amazing Grace (a capella) ร้องสดแต่เปลี่ยนคีย์เอง
destiny's child"amazing grace" @ motown live คงจำชื่อวงได้นะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
;D ขอบคุณจ๊ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.ค. 04, 2006 12:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ชอบอันนี้ที่สุด
Amazing Grace - Promise Keepers อเมซซิ่งเกรซ แรปเกาหลีเป้นอนิมะด้วยน่ารัก สุดยิด
http://youtube.com/watch?v=SyCWqKFjlUc& ... ng%20grace
ชีวิตที่พระเจ้าทรงสำแดงของจอห์น นิวตัน ผู้ประพันธ์บทเพลง "Amazing Grace"
จอห์น นิวตัน (John Newton) เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม 1725 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บิดาของจอห์นมีอาชีพเป็นกัปตันเดินเรือ มารดาเป็นคริสตชนที่รักพระเจ้ามาก เดิมนางตั้งใจให้จอห์นรับใช้พระเจ้า แต่นางก็ไม่ทันได้เห็น เพราะนางเสียชีวิตเมื่อจอห์นอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานบิดาของจอห์นก็ได้แต่งงานใหม่ ทำให้จอห์นต้องไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ เนื่องจากจอห์นไม่ชอบระเบียบวินัยที่เคร่งครัด จึงทนอยู่ได้เพียง 3 ปี ก็ออกจากโรงเรียน
จอห์นเป็นเด็กที่เกเรมาก บิดาจึงต้องพาขึ้นเรือไปด้วย ตั้งแต่จอห์นอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 18 ปี ก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือ จอห์นไม่ชอบชีวิตการเป็นทหารเรือ เพราะลำบาก และกฏระเบียบมาก จึงพยายามหลบหนีแต่ไม่พ้น ถูกจับได้ จึงถูกลงโทษโดยการโบยด้วยแส้อย่างโหดร้ายทารุณ จากสภาพชีวิตที่*****มโหด ทารุณ ทำให้จอห์นค่อยๆ กลายเป็นคนที่มีความโหดร้าย *****มโหด และป่าเถื่อน
อยู่มาวันหนึ่ง จอห์นหลบหนีได้จากการเป็นทหารเรือ และได้ร่วมหุ้นในการทำธุรกิจการค้าทาส ที่นั่นเอง จอห์นได้ใช้ความรุนแรง ทารุณ โหดร้ายต่อทาสชาวผิวดำที่จับได้จากแอฟริกาอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการค้าทาสสมัยนั้น เพราะพูดต่างภาษากัน จึงต้องปกครองโดยการใช้กำลังและอำนาจในการดูแลปกครอง เช่นมีการทารุณแก่คนที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งเมื่อทาสป่วยและดูเหมือนจะไม่รอด ก็จะจับทาสนั้นทิ้งลงทะเลให้เป็นอาหารให้ปลา เพราะเปลืองอาหาร
จอห์นทำธุรกิจค้าทาสจนเจริญรุ่งเรือง จนวันหนึ่งได้ถูกหักหลังถูกทิ้งไว้ที่เกาะร้างตามลำพังเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่งมีเรือแล่นผ่านมา บังเอิญที่เรือนั้นเป็นเพื่อนของบิดาของจอห์น เขาจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากการเดินเรือในอดีตใช้เวลายาวนานมาก จอห์นจึงฆ่าเวลาโดยการอ่านหนังสือ จอห์นอ่านหนังสืออยู่ในเรือเรื่อยๆ จนได้มาอ่านหนังสือที่ชื่อ "เลียนแบบพระคริสต์" (Of The Imitation Of Christ) ของโธมัส อาเคมพิส (Thomas a' Kempis) และหนังสือเล่มนี้ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตของจอห์นในเวลาต่อมา เมื่อจอห์นกลับสู่ลอนดอนได้ไม่นาน เขาก็กลับไปทำอาชีพค้าทาสอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม คศ.1748 ขณะที่เรือของจอห์นเดินทางกลับสู่ประเทศอังกฤษ เรือของจอห์นก็เจอพายุใหญ่ จนเรือทำท่าว่าจะอัปปาง ทุกคนต่างช่วยกันวิดน้ำออก เสบียงอาหารทุกอย่างต้องทิ้งลงทะเลหมด เป็นเวลาตลอด 4 สัปดาห์ที่ทุกคนในเรือไม่มีอาหารกิน ได้แต่ตกปลาพอประทังความหิว ในสภาวะเฉียดความตายนี้เอง จอห์นคิดถึงพระเจ้าซึ่งเขาเคยได้ยิน และได้อ่านในหนังสือ ที่ได้กล่าวถึงความรัก การให้อภัยการช่วยกู้จากพระเจ้า การที่พระเยซูคริสต์ทรงตายที่ไม้กางเขนเพื่อทุกคน เวลานั้นเองจอห์นได้อธิษฐานรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต และอธิษฐานของการทรงช่วยเหลือให้พ้นจากพายุ
ต่อมาจอห์นยังคงทำอาชีพค้าทาสอยู่ แต่เขาพยายามทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องโดยการจัดให้มีการนมัสการพระเจ้าทุกสัปดาห์กับเหล่าลูกเรือ อย่างไรก็ตามจอห์นก็รู้สึกถึงการกระทำของตัวเองที่ป่าเถื่อนรุนแรง รวมกับการต่อต้านที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของเหล่าทาสผิวดำและประชาชนชาวอังกฤษ ดังนั้นเมื่อเขากลับไปถึงอังกฤษ เขาก็เลิกอาชีพค้าทาสนี้ และแต่งงานในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คศ.1750 กับ Mary Catlett ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อธิษฐานเผื่อจอห์นเสมอ ที่นั่นเองจอห์นได้เปลี่ยนมาทำงานเป็นเสมียนที่เมือง Liverpool เป็นระยะเวลา 9 ปี ต่อมาจอห์นรู้สึกถึงการทรงเรียกจากพระเจ้าในการเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเรียนพระคัมภีร์และจอห์นได้พบกับนักเทศน์ ชื่อ จอร์จ วิทฟิลด์ (George Whitefield) บุคคลผู้นี้เป็นผู้หนุนใจ และเป็นแรงผลักดันอย่างมากในการรับใช้ของจอห์น
ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 39 ปี จอห์นได้บวชเป็นนักบวชในนิกาย Anglican สำหรับงานแรกของจอห์นนั้นได้ไปรับใช้ที่โบสถ์เล็กๆ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อ Olney ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมือง Cambridge เป็นเวลา 15 ปี และที่นี่เองจอห์นได้เทศนาสั่งสอน และได้เป็นพยานถึงชีวิตของท่านเองในอดีตที่โหด*****ม และดุร้าย แต่โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า จอห์นจึงได้รับการอภัยโทษบาป และเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่
ที่โบสถ์ของท่าน พระเจ้าได้ทรงอวยพระพรอย่างมากมีผู้มาร่วมนมัสการมากจนต้องขยายโบสถ์ออกไปด้านข้าง และแทบทุกวันจะมีการเรียนพระคัมภีร์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
หลังจากนั้นท่านได้ย้ายเข้ามาประจำในกรุงลอนดอน และท่านได้ทำงานที่นี่เป็นเวลา 28 ปี และได้สิ้นชีวิตในปี คศ.1807 ซึ่งเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์การเลิกทาสในอังกฤษซึ่งเป็นผลงานของ วิลเบอร์ ฟอร์ช ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของจอห์นเอง โดยเป็นผู้นำกฏหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และตราเป็นกฏหมายห้ามการมีทาสทั่วประเทศอังกฤษ
ครั้งหนึ่งเมื่อจอห์นอายุ 82 ปี ท่านได้กล่าวว่า "แม้ความทรงจำจะเลอะเลือนเพียงไรก็ตาม แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ดีเสมอนั้นมี 2 ประการ คือ ข้าพเจ้าเป็นคนบาปที่สุด และพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงฤทธิ์ที่สุด"
เพลง Amazing Grace เป็น 1 ใน 281 เพลงนมัสการที่นิวตันเขียนขึ้นมา
เนื้อหาของบทเพลงส่วนหนึ่งมาจากชีวิตของนิวตัน
และมีพื้นฐานจากเพลงสดุดีโมทนาของดาวิด ใน 1 พงศาวดาร 16, 17
"จากคนค้าทาส เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า" ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนและให้โอกาสที่จะกลับมาหาพระองค์สู่อ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์.....
จอห์น นิวตัน (John Newton) เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม 1725 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บิดาของจอห์นมีอาชีพเป็นกัปตันเดินเรือ มารดาเป็นคริสตชนที่รักพระเจ้ามาก เดิมนางตั้งใจให้จอห์นรับใช้พระเจ้า แต่นางก็ไม่ทันได้เห็น เพราะนางเสียชีวิตเมื่อจอห์นอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานบิดาของจอห์นก็ได้แต่งงานใหม่ ทำให้จอห์นต้องไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ เนื่องจากจอห์นไม่ชอบระเบียบวินัยที่เคร่งครัด จึงทนอยู่ได้เพียง 3 ปี ก็ออกจากโรงเรียน
จอห์นเป็นเด็กที่เกเรมาก บิดาจึงต้องพาขึ้นเรือไปด้วย ตั้งแต่จอห์นอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 18 ปี ก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือ จอห์นไม่ชอบชีวิตการเป็นทหารเรือ เพราะลำบาก และกฏระเบียบมาก จึงพยายามหลบหนีแต่ไม่พ้น ถูกจับได้ จึงถูกลงโทษโดยการโบยด้วยแส้อย่างโหดร้ายทารุณ จากสภาพชีวิตที่*****มโหด ทารุณ ทำให้จอห์นค่อยๆ กลายเป็นคนที่มีความโหดร้าย *****มโหด และป่าเถื่อน
อยู่มาวันหนึ่ง จอห์นหลบหนีได้จากการเป็นทหารเรือ และได้ร่วมหุ้นในการทำธุรกิจการค้าทาส ที่นั่นเอง จอห์นได้ใช้ความรุนแรง ทารุณ โหดร้ายต่อทาสชาวผิวดำที่จับได้จากแอฟริกาอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการค้าทาสสมัยนั้น เพราะพูดต่างภาษากัน จึงต้องปกครองโดยการใช้กำลังและอำนาจในการดูแลปกครอง เช่นมีการทารุณแก่คนที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งเมื่อทาสป่วยและดูเหมือนจะไม่รอด ก็จะจับทาสนั้นทิ้งลงทะเลให้เป็นอาหารให้ปลา เพราะเปลืองอาหาร
จอห์นทำธุรกิจค้าทาสจนเจริญรุ่งเรือง จนวันหนึ่งได้ถูกหักหลังถูกทิ้งไว้ที่เกาะร้างตามลำพังเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่งมีเรือแล่นผ่านมา บังเอิญที่เรือนั้นเป็นเพื่อนของบิดาของจอห์น เขาจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากการเดินเรือในอดีตใช้เวลายาวนานมาก จอห์นจึงฆ่าเวลาโดยการอ่านหนังสือ จอห์นอ่านหนังสืออยู่ในเรือเรื่อยๆ จนได้มาอ่านหนังสือที่ชื่อ "เลียนแบบพระคริสต์" (Of The Imitation Of Christ) ของโธมัส อาเคมพิส (Thomas a' Kempis) และหนังสือเล่มนี้ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตของจอห์นในเวลาต่อมา เมื่อจอห์นกลับสู่ลอนดอนได้ไม่นาน เขาก็กลับไปทำอาชีพค้าทาสอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม คศ.1748 ขณะที่เรือของจอห์นเดินทางกลับสู่ประเทศอังกฤษ เรือของจอห์นก็เจอพายุใหญ่ จนเรือทำท่าว่าจะอัปปาง ทุกคนต่างช่วยกันวิดน้ำออก เสบียงอาหารทุกอย่างต้องทิ้งลงทะเลหมด เป็นเวลาตลอด 4 สัปดาห์ที่ทุกคนในเรือไม่มีอาหารกิน ได้แต่ตกปลาพอประทังความหิว ในสภาวะเฉียดความตายนี้เอง จอห์นคิดถึงพระเจ้าซึ่งเขาเคยได้ยิน และได้อ่านในหนังสือ ที่ได้กล่าวถึงความรัก การให้อภัยการช่วยกู้จากพระเจ้า การที่พระเยซูคริสต์ทรงตายที่ไม้กางเขนเพื่อทุกคน เวลานั้นเองจอห์นได้อธิษฐานรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต และอธิษฐานของการทรงช่วยเหลือให้พ้นจากพายุ
ต่อมาจอห์นยังคงทำอาชีพค้าทาสอยู่ แต่เขาพยายามทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องโดยการจัดให้มีการนมัสการพระเจ้าทุกสัปดาห์กับเหล่าลูกเรือ อย่างไรก็ตามจอห์นก็รู้สึกถึงการกระทำของตัวเองที่ป่าเถื่อนรุนแรง รวมกับการต่อต้านที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของเหล่าทาสผิวดำและประชาชนชาวอังกฤษ ดังนั้นเมื่อเขากลับไปถึงอังกฤษ เขาก็เลิกอาชีพค้าทาสนี้ และแต่งงานในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คศ.1750 กับ Mary Catlett ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อธิษฐานเผื่อจอห์นเสมอ ที่นั่นเองจอห์นได้เปลี่ยนมาทำงานเป็นเสมียนที่เมือง Liverpool เป็นระยะเวลา 9 ปี ต่อมาจอห์นรู้สึกถึงการทรงเรียกจากพระเจ้าในการเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเรียนพระคัมภีร์และจอห์นได้พบกับนักเทศน์ ชื่อ จอร์จ วิทฟิลด์ (George Whitefield) บุคคลผู้นี้เป็นผู้หนุนใจ และเป็นแรงผลักดันอย่างมากในการรับใช้ของจอห์น
ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 39 ปี จอห์นได้บวชเป็นนักบวชในนิกาย Anglican สำหรับงานแรกของจอห์นนั้นได้ไปรับใช้ที่โบสถ์เล็กๆ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อ Olney ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมือง Cambridge เป็นเวลา 15 ปี และที่นี่เองจอห์นได้เทศนาสั่งสอน และได้เป็นพยานถึงชีวิตของท่านเองในอดีตที่โหด*****ม และดุร้าย แต่โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า จอห์นจึงได้รับการอภัยโทษบาป และเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่
ที่โบสถ์ของท่าน พระเจ้าได้ทรงอวยพระพรอย่างมากมีผู้มาร่วมนมัสการมากจนต้องขยายโบสถ์ออกไปด้านข้าง และแทบทุกวันจะมีการเรียนพระคัมภีร์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
หลังจากนั้นท่านได้ย้ายเข้ามาประจำในกรุงลอนดอน และท่านได้ทำงานที่นี่เป็นเวลา 28 ปี และได้สิ้นชีวิตในปี คศ.1807 ซึ่งเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์การเลิกทาสในอังกฤษซึ่งเป็นผลงานของ วิลเบอร์ ฟอร์ช ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของจอห์นเอง โดยเป็นผู้นำกฏหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และตราเป็นกฏหมายห้ามการมีทาสทั่วประเทศอังกฤษ
ครั้งหนึ่งเมื่อจอห์นอายุ 82 ปี ท่านได้กล่าวว่า "แม้ความทรงจำจะเลอะเลือนเพียงไรก็ตาม แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ดีเสมอนั้นมี 2 ประการ คือ ข้าพเจ้าเป็นคนบาปที่สุด และพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงฤทธิ์ที่สุด"
เพลง Amazing Grace เป็น 1 ใน 281 เพลงนมัสการที่นิวตันเขียนขึ้นมา
เนื้อหาของบทเพลงส่วนหนึ่งมาจากชีวิตของนิวตัน
และมีพื้นฐานจากเพลงสดุดีโมทนาของดาวิด ใน 1 พงศาวดาร 16, 17
"จากคนค้าทาส เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า" ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนและให้โอกาสที่จะกลับมาหาพระองค์สู่อ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์.....
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร ก.ค. 04, 2006 1:36 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ตอนนี้ (จริงๆแล้วหลายปีแล้ว ) มีหนังสือ ที่แปลเป็นภาษาไทย เกี่ยวกับอัตชีวประวัติ "จอห์น นิวตัน" ผู้ประพันธ์เพลงนี้( และหลายๆ เพลง ) ขาย ที่ร้านหนังสือคริสเตียน ซึ่งสำนักพิมพ์ กนกบรรณาสาร เป็นผู้จัดพิมพ์ ฮะ
เอ่อ แล้ว พี่น้องคริสตังร้องกันมากไหม ฮะ
เอ่อ แล้ว พี่น้องคริสตังร้องกันมากไหม ฮะ
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
มีเนื้อเพลงพร้อม mp3ไหมครับอยากได้ หรือเป็นmv ก็ได้อะครับเอามาให้โหลดหน่อยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :-X
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :-X
http://www.sing365.com/music/lyric.nsf/ ... 45000EBECC-*-St.GrEGoRY-*- เขียน: มีเนื้อเพลงพร้อม mp3ไหมครับอยากได้ หรือเป็นmv ก็ได้อะครับเอามาให้โหลดหน่อยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :-X
เพลงนี่คริสตังก็แปลมาร้องในชื่อเพลง "พระหรรษทาน" ผมเห็นตั้งแต่หนังสือเพลงเพื่อพระองค์ ของสังฆมณฑลราชบุรี พิมพ์ออกมานานมาแล้ว จนกระทั้งนำมาลงในหนังสือเพลงปรารถนา ผมแปลกใจจรงที่ทำไมคนทำหนังสือเพลงปรารถนาจัดเพลงนี้ให้อยู่ในหมวดเพลงแต่งงานก็ไม่รู้ จนกระทั่งมีหนังสือเพลงสรรเสริญสดุดีออกมาก็จัดไว้ในเพลงทั่วไปซึ่งจัดประเภทไม่ได้แทน เพราะเพลงของคาทอลิกจะจัดประเภทเพลงต่างกับคริสเตียน ทางคาทอลิกจะจัดตามภาคของพิธีกรรม ตั้งแต่ เริ่มพิธี ถวายเครื่องบูชา รับศีลมหาสนิท ปิดพิธี และอื่นๆ ส่วนของคริสเตียนจะดูที่เนื้อหาว่าเพลงนั้นมีเนื้อหาในแนวใด เช่น สรรเสริญพระเจ้า ความรักของพระเจ้า การกลับใจ การสำนึกผิด ฯลฯJeab Agape เขียน:
ตอนนี้ (จริงๆแล้วหลายปีแล้ว ) มีหนังสือ ที่แปลเป็นภาษาไทย เกี่ยวกับอัตชีวประวัติ "จอห์น นิวตัน" ผู้ประพันธ์เพลงนี้( และหลายๆ เพลง ) ขาย ที่ร้านหนังสือคริสเตียน ซึ่งสำนักพิมพ์ กนกบรรณาสาร เป็นผู้จัดพิมพ์ ฮะ
เอ่อ แล้ว พี่น้องคริสตังร้องกันมากไหม ฮะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
หมายถึงพี่เพชรถามเหรอ ว่าจะอยู่แนวใด เราก็มีฮะ วันหลังขอดูสิ เรามีหมวดของเพลงเช่นกันAndreas เขียน:
จนกระทั่งมีหนังสือเพลงสรรเสริญสดุดีออกมาก็จัดไว้ในเพลงทั่วไปซึ่งจัดประเภทไม่ได้แทน เพราะเพลงของคาทอลิกจะจัดประเภทเพลงต่างกับคริสเตียน ทางคาทอลิกจะจัดตามภาคของพิธีกรรม ตั้งแต่ เริ่มพิธี ถวายเครื่องบูชา รับศีลมหาสนิท ปิดพิธี และอื่นๆ ส่วนของคริสเตียนจะดูที่เนื้อหาว่าเพลงนั้นมีเนื้อหาในแนวใด เช่น สรรเสริญพระเจ้า ความรักของพระเจ้า การกลับใจ การสำนึกผิด ฯลฯ
เช่น เพลงเปิด ตอบสนอง เพลงปิด และใช้ในโอกาสอะไร ฯลฯ แน่นอนเราจัดไม่เหมือนคริสตัง เพราะถ้าเหมือนเราก็ไม่เป็นคริสเตียน นะพี่ 8)
ผมว่าจัดเหมือนก็เป็นได้นะ555Jeab Agape เขียน:หมายถึงพี่เพชรถามเหรอ ว่าจะอยู่แนวใด เราก็มีฮะ วันหลังขอดูสิ เรามีหมวดของเพลงเช่นกันAndreas เขียน:
จนกระทั่งมีหนังสือเพลงสรรเสริญสดุดีออกมาก็จัดไว้ในเพลงทั่วไปซึ่งจัดประเภทไม่ได้แทน เพราะเพลงของคาทอลิกจะจัดประเภทเพลงต่างกับคริสเตียน ทางคาทอลิกจะจัดตามภาคของพิธีกรรม ตั้งแต่ เริ่มพิธี ถวายเครื่องบูชา รับศีลมหาสนิท ปิดพิธี และอื่นๆ ส่วนของคริสเตียนจะดูที่เนื้อหาว่าเพลงนั้นมีเนื้อหาในแนวใด เช่น สรรเสริญพระเจ้า ความรักของพระเจ้า การกลับใจ การสำนึกผิด ฯลฯ
เช่น เพลงเปิด ตอบสนอง เพลงปิด และใช้ในโอกาสอะไร ฯลฯ แน่นอนเราจัดไม่เหมือนคริสตัง เพราะถ้าเหมือนเราก็ไม่เป็นคริสเตียน นะพี่ 8)
ถ้าจัดหมวดหมู่เพลงของสภาคริสตจักรก็คงคล้าย ๆ คาทอลิกมั้งครับ แต่ผมดูจากหนังสือเพลงภาษาอังกฤษขอค่าย Maranatha เขาจัดอีกแบบนึง ไม่เกี่ยวกับพิธีกรรมเลย
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
ขอบคุณสำหรับlinkครับผม ;D