ภาพที่เห็นคล้าย ๆ ชุดแม่พระภาพนี้แต่ไม่มีเสื้อคลุมสีน้ำเงิน
ศาลเจ้าแม่พลับพลึงในกรุงเทพฯ
พอกลางปีที่แล้วคู่หูฉันเกิดร้อนรนอยากเรียนคำสอนเพื่อล้างบาปขึ้นมา ฉันก็ไปกับคู่หูด้วย แล้วพอเห็น “ดอกลิลลี่” ก็ทำให้นึกได้ว่าดอกพลับพลึงก็เป็นดอกลิลลี่พันธุ์หนึ่งเหมือนกัน ก็แอบสงสัยนิด ๆ ว่าเจ้าแม่พลับพลึงที่ฉันเห็นคือแม่พระหรือเปล่า แต่แม่พระต้องชุดขาวสิ พอชวนคู่หูฉันคุย เธอก็ตอบว่า “รูปแม่พระสวมชุดแดงก็มีนะ”
ดอกพลับพลึง (Crinum Lily) ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย
สมัยที่ยังเป็นพุทธศาสนิกชน ฉันก็ยังเรียกตัวเองว่าเป็น “คนพุทธ” ได้ไม่เต็มปาก เพราะในกิจวัตรประจำวันฉันไม่เคยสวดมนตร์เลย วัดก็ไม่ไป ถ้าได้แวะไปก็แค่จุดธูปไหว้ขอพรตอนทุกข์ใจหรือทำตามประเพณีในวันสำคัญ ๆ เท่านั้น หลักธรรมคำสอนในศาสนาพุทธนอกจากที่เรียนตอนมัธยมก็ไม่ศึกษาเพิ่ม แถมยังส่งคืนครูผู้สอนไปหมดเหลือติดตัวกระพร่องกระแพร่ง
แต่ในใจมีคำถามเกี่ยวคำสอนของศาสนาพุทธเหมือนกัน ที่ไม่เข้าใจที่สุดคงเป็นเรื่องพระเวสสันดรที่เอาลูกไปให้ชูชกทั้งที่รู้ว่าลูกจะต้องถูกทรมาน แต่ทางศาสนาพุทธเรียกว่านั่นเป็นการ “ทำทานที่ยิ่งใหญ่” ฉันหาคำตอบจากหลาย ๆ ที่แล้วแต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้ฉันรู้สึกสมเหตุผลได้เลย นอกจากความรู้สึกว่า “มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่อยากหลุดพ้นคนเดียวลูกเมียจะเป็นอย่างไรก็ช่าง”
พอถึงช่วงจังหวะที่คู่หูฉันอยากล้างบาปฉันก็เลยไปเป็นเพื่อนเพราะเห็นเธอมีความทุกข์มากและอยากให้เธอสบายใจ ตอนแรกที่รู้ว่าต้องเรียนทุกวันอาทิตย์ตลอด 1 ปีกว่าจะได้ล้างบาปรู้สึกเลยว่ามันเป็นภาระมากมายก็พาลอยากจะเลิก ช่วงแรกฉันโดดเรียนบ่อยมาก
แต่หลังจากไปเรียนและเข้ามิสซาเย็นมาระยะหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่า คำสอนหลาย ๆ อย่างเข้ากันกับชีวิตของเราได้และทำให้ทบทวนตัวเอง
หลังจากนั้นพอมีใครมาขอให้ช่วย หากฉันทำได้ฉันก็ยินดีและเต็มใจที่จะช่วยแล้ว
ส่วนคำถามในศาสนาคริสต์ที่ติดค้างในใจฉันซึ่งคล้ายคลึงกับเรื่องพระเวสสันดรก็คือ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าต้องส่งพระบุตรลงมาไถ่โทษให้มนุษย์ และทำไมพระเจ้าต้องทดลองอับราฮัมให้ฆ่าอิสอัค พ่อต้องรักลูกไม่ใช่หรือ?
ทำให้ฉันเข้าใจว่าพระเจ้าทรงรักพวกเรามากแค่ไหน
เพราะมนุษย์ไม่มีทางจะหาอะไรมาถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อให้พระองค์อภัยบาปได้เลย พระองค์จึงยอมส่งพระองค์เองมารับโทษแทนพวกเรา และถึงพระองค์จะทรงทดลองความเชื่อของอับราฮัมแต่พระองค์ก็ได้ทรงเตรียมลูกแกะเพื่อบูชายันต์เอาไว้แล้ว อิสอัคไม่ได้ถูกบูชายัญจริงในขณะที่กัณหาชาลีถูกพ่อทิ้งจริง
หลังจากได้เรียนคำสอนมาอีกครึ่งปี ฉันก็เริ่มมั่นใจขึ้นว่าหนทางของพระเจ้านี่แหละที่เหมาะสมกับฉันแล้ว ฉันจึงมุ่งมั่นที่จะล้างบาปพร้อมกับคู่หูด้วยทั้งที่ตอนแรกกะมานั่งเป็นเพื่อนเฉย ๆ
พ่อแม่ไม่ว่าอะไรเลยและยังบอกว่า “ไม่ว่าศาสนาไหนก็สอนให้เป็นคนดีทั้งนั้น” ก็เลยทำให้รู้สึกโล่งใจมากที่ไม่ต้องปิดบังแล้ว
ปัญหาจุกจิกอื่น ๆ ก็มีขึ้นตลอดระยะเวลาที่เรียนคำสอนบ้างแต่เพราะคิดอย่างเดียวว่า “พระเป็นเจ้าจะทรงช่วย” ปัญหาทุกอย่างที่คิดว่าเป็นอุปสรรคก็หายไปทีละอย่าง ๆ จนทุกอย่างปลอดโปร่งไปหมด
ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า
ความกังวลใจก่อนล้างบาปว่าจะทำหน้าที่เป็นลูกของพระได้ไม่ดีก็เริ่มหมดไปและทุกอย่างก็ชัดเจนมากขึ้นว่า “ขอให้เราพยายามในแบบของเราก็เพียงพอแล้ว”
ตอนนี้ฉันได้เข้ามาเป็นศิษย์ของพระคริสต์และเป็นลูกของแม่พระเท่านี้ฉันก็พอใจแล้ว
ขอให้พระเจ้าสถิตอยู่กับทุกคนค่ะ