เหตุที่ยังหวัง
ขณะที่เธอกำลังจะจบเรื่อง อิมม์ก็กล่าวประโยคที่เศร้าที่สุดว่า
“ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ในเวสต์แบงค์ เรารู้จักคำว่า ‘สันติภาพ’ เราเปล่งคำนี้ได้ สะกดมันถูก แต่ยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน ที่นี่ไม่มีอนาคตให้เราและลูกหลานของเรา”
เธอพูดถูกไหม ไม่มีอนาคตสำหรับคนในเวสต์แบงค์ ใจของฉันไม่พร้อมที่จะเห็นด้วยกับอิมม์ เพราะโยฮานกับฉันได้ข่าวดีและเห็นความหวังราง ๆ ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่
จริง ๆ แล้ว
อิมม์บอกฉันเองว่าได้รับโทรศัพท์จากทหารที่ช่วยลูกชาย “คุณจะอนุญาตให้ผมมาเยี่ยมคุณที่บ้านได้ไหมครับ ผมเป็นทหารอิสราเอล” เขาถาม
“ได้สิ” พวกเขาตอบ “แต่ขอให้มานอกเครื่องแบบก็แล้วกัน” ถึงจะมีไมตรีแต่ก็ยังต้องระวังตัว
จริง ๆ ตัวเขาเองก็รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย เพราะการที่ทหารอิสราเอลจะเข้าไปเยี่ยมชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“ผมกลัวครับ” เขายอมรับ
“ผมเชื่อในสิ่งที่ใคร ๆ บอกผมมาหลายปี เขาบอกว่าชาวปาเลสไตน์เป็นคนเลว พวกคุณฆ่าคนด้วยการขว้างก้อนหินใส่จนตาย ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง”
ครั้งแรกเขามาอยู่สองชั่วโมงครึ่ง แล้วก็มาเยี่ยมอีกหลายครั้ง เมื่อเขาจัดงานหมั้น ครอบครัวบาเซ็มก็ไปร่วมงานด้วย รวมถึงไปร่วมงานแต่งงาน
สองครอบครัวนี้จึงกลายเป็นเพื่อนกัน ความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีต่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้ช่วย ยิ่งใหญ่กว่าความแตกต่างทางการเมือง
ตลอดทางที่มุ่งไปยังฉนวนกาซา เราได้ข่าวของชาวมุสลิมหลายคนที่กลับใจมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในสภาพที่น่าหดหู่ ยังมีมิชชันนารีที่ทำงานอย่างสัตย์ซื่อในแถบฉนวนกาซาตลอดสิบสามปี ไม่นานมานี้องค์การเปิดประตูกับสมาคมพระคริสตธรรมได้ร่วมกันเปิดร้านหนังสือคริสเตียนขึ้น มีคริสตชนอาศัยอยู่ในแถบเวสแบงค์ด้วย โดยประกอบด้วยมิชชันนารีและคริสตชนท้องถิ่นที่ต่างช่วยกันรับใช้พระเจ้า ตามที่พระองค์ทรงกำหนดไว้สำหรับพวกเขา
http://www.musalaha.org/
ดูเหมือนว่า
มูซาลาฮาเป็นการพัฒนาทางความสัมพันธ์ที่น่าตื่นใจที่สุด ซาลิม มูนาเยร์ ชาวปาเลสไตน์ ได้รณรงค์เรื่องนี้มาสองสามปีแล้ว
เขามีความใฝ่ฝันที่จะนำคริสตชนยิวและปาเลสไตน์เข้ามาพบกัน มาแบ่งปันความรู้สึกเจ็บปวด มารับฟังกันและกัน และเริ่มต้นนำสิ่งที่พระเยซูทรงสอนไว้ คือการรักศัตรู มาปฏิบัติต่อกัน นี่เป็นขบวนการที่เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ และ
มีความเจ็บปวดแทรกอยู่ตลอดทาง แต่บัดนี้กำลังเริ่มเกิดผล
อิมม์ บาเซ็มเป็นสมาชิกคนหนึ่งในขบวนการมูซาลาฮา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ
ในการประชุมครั้งหนึ่ง เธอได้ผูกไมตรีกับผู้หญิงยิวคนหนึ่ง ขณะที่คุยและแบ่งปันกันนั้น ก็เริ่มเกิดความรู้สึกดีต่อกันมาก ๆ คืนหนึ่งหลังการประชุม ทุกคนกำลังลาจากกัน เพื่อนชาวยิวขอให้เธอออกไปพบสามีที่รออยู่ในรถ
เมื่ออิมม์เห็นชายผู้นั้น น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาทันที เธอไม่อาจยื่นมือออกไปทักทายเขาได้ เพราะเขาเป็นทหารคนเดียวกับที่มาจับลูกชายของเธอไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ การเห็นเขาอีกครั้ง ทำให้เธอถึงกับช็อก อิมม์ร้องไห้ต่อมาอีกหลายชั่วโมง
คนปาเลสไตน์มากมายไม่อาจเข้าใจได้ว่า
ทำไมคนยิวซึ่งเป็นชนชาติที่คุ้นกับความทุกข์ยากลำเค็ญมากกว่าชนชาติใดในโลก จึงดูเหมือนจะหันความโกรธเกรี้ยวจากอดีตมาลงที่พวกเขา บางคนกล่าวว่า
“เรารักคนยิว แต่เราเกลียดชังสิ่งที่พวกเขาทำกับเรา” อย่างไรก็ดี เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มคุ้นกับหัวใจที่แตกสลายของอีกฝ่ายมากขึ้น เรียนรู้จักกันและกันผ่าน
ขบวนการมูซาลาฮามากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความหวังใหม่ ๆ กำลังเริ่มฉายแสงอยู่ที่ขอบฟ้า
หลายชั่วโมงก่อนที่เราจะบินกลับเนเธอร์แลนด์ โยฮานและฉันมีโอกาสพูดในคริสตจักรแบ๊บติสต์ในกรุงเยรูซาเล็ม เราเล่าถึงคริสตชนทั่วโลกที่กำลังถูกข่มเหง หลังจากนั้นศิษยาภิบาล คือ อเล็กซ์ อาวัด ได้ขอให้สมาชิกลงมือกระทำในสิ่งที่สมควร นั่นก็คือ
“ตลอดอาทิตย์หน้าผมขอให้พวกคุณอธิษฐานอย่างเจาะจง อธิษฐานเพื่อพี่น้องคริสตชนที่กำลังเผชิญกับการข่มเหง” เขาชักชวนเราทุกคนเช่นกัน บางคนสัญญาอธิษฐานเผื่อประเทศจีน บางคนเลือกซูดานแอลจีเรีย เกาหลีเหนือ หรืออียิปต์ ส่วนฉันเองตั้งใจอธิษฐานเผื่อคริสเตียนชาวปาเลสไตน์ที่กำลังทนทุกข์
มิใช่ว่าชาวปาเลสไตน์จะถูกกดขี่เพราะความเชื่อในพระเจ้า ถึงไม่ได้เชื่อพวกเขาก็ถูกกดขี่อยู่แล้ว ถูกเหยียดหยามว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง ถูกหยามเพียงเพราะเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ถูกยึดบ้านเรือนไปโดยไม่มีการจ่ายค่าชดเชย
พี่น้องคริสตชนชาวปาเลสไตน์เจ็บปวดมากขึ้นอีก เมื่อคริสตชนทั่วโลกละเลยพวกเขา เรามักมีความรักต่อชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือก คือยิว ทำให้ลืมไปว่า มีพี่น้องคริสตชนในหมู่ชนชาวปาเลสไตน์เช่นกัน
ขณะที่ฉันกำลังคิดไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่ ฉันก็เริ่มต้นอธิษฐาน
ขอให้พี่น้องชาวปาเลสไตน์เอาชนะความโกรธและความขมขื่นที่มีอยู่ในชีวิต “และพระเจ้าข้า... ขอให้เขารู้ว่า พวกเขาจะมีอนาคตและความหวังจริง ๆ ก็ด้วยพระองค์เท่านั้น”
ที่มา - แอนเนเก คอมพาเนน. ทุกข์ที่ซ่อนเร้นยินดีที่ยั่งยืน หน้าที่ 156-165. กรุงเทพฯ: กนกบรรณสาร, 2001