หน้า 2 จากทั้งหมด 4

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 24, 2006 12:21 pm
โดย Divine Mercy
seraphim เขียน:
Jeab Agape เขียน:
พี่นัทคร้าบ ตอนสองกับสามยังไม่ได้อ่าน แต่ขอแซวก่อนฮะ

ตอนแรกหนูอ่านชื่อพี่ คิดว่า โฮลี่ หม่อม แล้วหม่อมของใครล่ะ

และรู้ตั้งแต่แรกและว่าเป็นพี่นัท ....เนี่ย ถ้าไม่ใช่ช่วงมหาพรต โดนหนูยำเรื่องเปลี่ยนชื่อแน่ๆ

ขอบคุณพระ มหาพรต หนูต้องลด เลิก ละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า



;D ;D หม่อมของพี่โฮลี่มั๊ง อุ๊บ....มหาพรต ลด ละ เลิก

มิบังอาจครับผม... ;D

สำหรับน้องเจี๊ยบที่ถาม พี่ขออธิบายความหมายของ Mom
mom [N] ; แม่ (คำไม่เป็นทางการ)
Syn. mum
Related. มารดา.

ซึ่งในความหมายของพี่ คือHoly Mom ซึ่งหมายถึงพระแม่มารีย์ พระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเราครับ
เหตุผลที่เปลี่ยนชื่อก็ง่ายๆครับ ชื่อเก่ายาวเกินไป และเมื่อมองดูบ่อยๆแล้วเหมือนจะหนักแน่นและน่าเกรงขาม พี่เลยอยากเปลี่ยนเป็นชื่อที่ดูคิกขุ น่ารัก ความรู้สึก อารมณ์จะได้ soft ลงหน่อย สรุปว่าน่าร้ากกกกมั้ยครับ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 24, 2006 5:06 pm
โดย Jeab Agape

ขอบคุณมาก อ่านแล้ว ซาบซึ้ง น้ำตาหยดเลย รู้สึกชีวิตพี่รันทดจัง
แต่เห็นถึงความรักเต็มเปี่ยมของพระเจ้า และความยิ่งใหญ่ของพระองค์


เรื่องชื่อเข้าใจ ฮะ แต่ไม่เคยเห็น Holy Mom อิอิ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 24, 2006 7:31 pm
โดย Divine Mercy
;Dแก้ไขบางเรื่องที่แนะนำมาทาง IM ให้แล้วนะครับ

หากมีเรื่องที่อยากบอกหรือแนะนำ เชิญได้เลยครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ใครอยากอ่านต่อก็มาให้กำลังใจกันหน่อยน้า :)

ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายครับ... ขอทุกคนระลึกถึงผมในคำภาวนาด้วยนะครับ :'(

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 25, 2006 10:39 pm
โดย Divine Mercy
จิ๊กซอตัวที่สี่ :-[ ภาระหนักที่ต้องรับแบก - ความภาคภูมิใจในชีวิต :D


รูปภาพ

ถึงแม้ว่าชีวิตผมจะลำบาก แต่พระเมตตาของพระก็ประทานมาให้ผมอย่างสม่ำเสมอ ณ เวลานี้ผมเรียนจบปริญญาตรีแล้วครับ เป็นความสำเร็จที่ใฝ่ฝัน รอคอย มานานแสนนาน จุดหมายต่อไปคือ การเรียนต่อปริญญาโท ผมได้สมัครเรียนต่อ มศธ. เนื่องจากเรียนทางไปรษณีย์ อ่านหนังสือและก็ไปสอบ ซึ่งสามารถทำงานปกติได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ใครหลายคนคงไม่เคยทำ... ก็วันรับปริญญาของผม ผมไม่ได้บอกให้ใครทราบเลยแม้คนเดียว พ่อ แม่ และเพื่อนฝูง เพราะผมไม่สามารถลางานได้เนื่องจากไม่มีครูสอนแทน และถ้าพ่อ แม่มา ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ ต้องหาที่พักและต้องคอยดูแล วันนั้นอะไรก็ดูฉุกละหุกไปเสียทุกเรื่อง ผมมีเวลาว่างตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่าย 2 จากนั้นมีคาบสอนถึงเย็น ผมเดินทางไปตามเวลาและรีบกลับมาทันคาบสอนพอดิบพอดี ตื่นเต้น เร้าใจ หัวใจแทบวาย เวลาดูฉิวเฉียดตลอด เหงื่อยโชกทั้งวันครับ... แต่ความดีใจมีมากกว่าหลายร้อยเท่าครับ เวลาผ่านไปจนถึงช่วงปิดเทอมพอมีเวลาว่าง ผมเลยขอให้พ่อกับแม่ลงมาที่กรุงเทพฯ มีผม พ่อ แม่ ซิสเตอร์ทั้งสามท่านและเพื่อนฝูงอีก 4-5 คน เราไปถ่ายรูปร่วมกันในชุดครุยปริญญา บรรยากาศเหมือนวันรับปริญญาไม่ผิดเพี้ยน จากนั้นก็ไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหาร และก็ไปต่อกับเพื่อนๆ ที่คาราโอเกะ ทุกคนร่วมชื่นชมยินดีในความสำเร็จของผม

เคล็ดลับที่ไม่ลับสำหรับการเรียนให้จบของผมก็คือ เนื่องจากผมไม่ได้เรียนในชั่วโมงสอนปกติเหมือนคนอื่นเขา ผมได้แต่ซื้อเนื้อหาสรุปและข้อสอบเก่าในแต่ละปีมาอ่าน วิธีการอ่านให้จำของผมคือ อ่านแค่รอบเดียวแล้วอัดเทปไว้ จากนั้นก็เปิดฟังได้ในทุกกิจกรรมที่สามารถ เช่น เปิดฟังขณะเข้ารถไปกลับ กินข้าว อาบน้ำ ตรวจงานนักเรียน ทุกเวลาที่ว่างจากการสอนก็ว่าได้ครับ ผมสามารถเปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ตามความพอใจ เชื่อมั้ยครับว่า จำได้แทบทุกข้อ และก็ประสบความสำเร็จมากกว่า 60 % แค่นี้ผมก็รู้สึกภูมิใจแล้วครับ ส่วนวิธีการลงทะเบียนนั้น ในแต่ละภาคเรียนผมจะลงเต็มจำนวนหน่วยกิจที่กำหนด แต่ผมจะอ่านหนังสือด้วยวิธีดังกล่าวแค่ครึ่งเดียว เช่น ลง 6 วิชา แต่จะอ่านแค่ 3-4 วิชา เพราะอ่านน้อยวิชาความแม่นยำก็มากว่า ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ตก ไม่ซีเรียสครับ เพราะสามารถลงสอบซ่อมได้ในเทอมเดียวกัน และก็เต็มที่อีกครั้งในการเตรียมตัวสอบซ่อม สำหรับผมคิดว่าวิธีนี้ทำให้ผมไม่เครียดมากนัก และที่สุดในแต่ละเทอมก็ผ่านทุกรายวิชา นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะนำไปใช้ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ และไม่ขอบอกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่วิธีนี้ทำให้ผมเรียนจบภายใน 3 ปีครึ่ง ซึ่งถือว่า OK สำหรับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะว่าบางคนเรียนถึง 7-8 ปี ยังเรียนไม่จบเลยครับ

รูปภาพ

ชีวิตความเป็นครูสำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องที่หนักมาก เพราะต้องเรียนรู้ นิสัยใจคอของเด็กแต่ละคน ยิ่งได้เป็นเป็นประธานสาระการเรียนรู้ คณะกรรมการในโรงเรียนและยังต้องเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยแล้วยิ่งหนักกว่าครูธรรมดาหลายเท่า เพราะเด็กในความรับผิดชอบที่ผมประจำชั้นอยู่ก็ประมาณ 48 คน และต้องสอนอีก 8 ห้องเรียน เยอะมั้ยครับ... เมื่อศึกษาเรียนรู้นิสัย ความประพฤตินักเรียนแล้วต้องนำมาประเมินผลเพื่อหาแนวทางแก้ไข ปรับปรุง ประคับประคอง ช่วยเหลือนักเรียนให้ดีขึ้น สำหรับนักเรียนในความปกครองของผมมาจากหลายหลายครอบครัว ฐานะ อาชีพของผู้ปกครองแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่นักเรียนมักมีปัญหาครอบครัวแตกแยก พฤติกรรมบางอย่างจึงดูก้าวร้าว เงียบขรึม ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากนักเรียนปกติทั่วไป การเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตการเป็นนักเรียน หน้าที่ของครูคือต้องเข้มงวด กวดขันเป็นพิเศษ ผมทุ่มเทแรงกายแรงใจและเวลาในการสอนอย่างเต็มที่ เตรียมสื่อการสอนที่ดีและเพียงพอ ยอมรับครับว่าต้องลงทุนจากกระเป๋าตัวเอง ลงแรงทำสื่อเอง บางเนื้อหาที่สอนเกือบพัน นักเรียนส่วนใหญ่มักคิดว่าโรงเรียนมีสื่อและงบให้ครู แต่เปล่าเลยทุกอย่างเป็นความกระตือรือร้นและการทุ่มเทของครูแต่ละคน (ที่อื่นผมไม่ทราบ เพราะอาจจะมีให้จริงๆ)

รูปภาพ

ภาษิตกล่าวไว้ว่า "ครูเปรียบเหมือนเรือจ้าง" ซึ่งความหมายนี้ก็คงจะไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ นักเรียนเปรียบเหมือนผู้โดยสาร ครูผู้ทำหน้าที่พายเรือก็ต้องนำทุกคนไปถึงฝั่งด้วยความปลอดภัย ระหว่างทางเมื่อเกิดปัญหา ครูต้องคอยแก้ไขและประคับประคองจนถึงจุดหมาย สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาต้องติดตามเป็นพิเศษและคอยช่วยเหลือ บางคนความประพฤติดีแต่ไม่มีเงินเรียน เสริมพิเศษผมจำเป็นต้องสนับสนุนให้นักเรียนมีโฮกาส พูดง่ายๆ คือ..จ่ายให้... บางคนมีเงินมาโรงเรียนจำกัดซื้อได้เฉพาะอาหารกลางวัน บ่อยครั้งที่ต้องคอยซื้อขนมมาแจกให้นักเรียน นักเรียนบางคนติดค่าเทอมหลายเทอมก็จำเป็นที่ต้องวิ่งหาทุนมาสนับสนุนนักเรียนจากผู้ปกครองท่านอื่นที่รู้จัก และจากทุนที่โรงเรียนมี ยื่นขอผ่อนผันจากทางโรงเรียนให้บ้างแล้วแต่กรณี เหตุผลที่ต้องทำไปทั้งหมด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่จำเป็นต้องทำเพราะผมรู้ดีว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน หลายต่อหลายครั้งที่ผมจะช่วยเหลือผผู้ด้อยโอกาสและขัดสนดังที่เราจะเห็นได้จากโทรทัศน์ บอกไว้ก่อนนะครับว่า ไม่ได้อวดรวย... แต่ละรายบอกได้เลยครับว่าไม่ได้มากมายอะไร รายละร้อยสองร้อย ซึ่งผมระลึกเสมอว่า

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 4:40 pm
โดย Divine Mercy
ขอคำภาวนาจากผู้ที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมทุกคนด้วยนะครับ

เนื่องจาก 2- 3 วันนี้ไม่ค่อยสบาย หน้ามืด เป็นไข้ด้วย :'(

จะเขียนต่อก็รู้สึกมึน นึกอะไรไม่ออก ???... ขอบคุณครับ

ขอพระเป็นเจ้าและแม่พระอวยพระพรให้ทุกคนเช่นกัน

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 9:37 pm
โดย Jeab Agape
เจี๊ยบได้อ่านตอนที่สี่ เมื่อตอนบ่าย พี่นัทช่างเป็นตัวอย่างที่ดี แก่พวกเรา

เสียใจด้วย ที่พระเอกอย่างพี่นัท โดนแกล้ง จากพวกมารร้าย จึงได้รสชาติของชีวิตสุดๆ

หนูจะภาวนาให้เป็นพิเศษ แบบที่ 1 ฮับ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 11:16 pm
โดย Buddy
Jeab Agape เขียน:


หนูจะภาวนาให้เป็นพิเศษ แบบที่ 1 ฮับ
;D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 27, 2006 11:26 am
โดย Jeab Agape
Buddy เขียน:
Jeab Agape เขียน:


หนูจะภาวนาให้เป็นพิเศษ แบบที่ 1 ฮับ
;D
แล้วพี่บัดดี้ชอบภาวนาแบบไหนคร้าบ


คุณเลือกวิธีใดในการสวดภาวนา...
« on: March 25, 2006, 10:18:33 pm »

--------------------------------------------------------------------------------


วิธีแห่งการสวดภาวนา

1. การสวดวิธีที่หนึ่ง การสวดออกเสียง เป็นการวิงวอนขอพระเป็นเจ้าให้ประทานสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรา

2. การสวดวิธีที่สอง คือ การสวดโดยไม่เปิดปากออกเสียง ทำให้เรามีอิสระเพื่อให้ดวงใจของเราเท่านั้นสนทนากับพระองค์

3. การสวดวิธีที่สาม อาจจะเรียกว่าเป็นการภาวนาในใจหรือจิตภาวนา นั่นคือ ในการสวดภาวนานั้น เรายกวิญญาณไว้ในขั้นที่สูงสุด มีความรักประคับประคองวิญญาณนั้นไว้ พลางยกวิญญาณนั้นโผผินขึ้นหาพระเป็นเจ้า โดยวิธีที่บริสุทธิ์ที่สุดและเต็มไปด้วยความรักสุดซึ้ง ซึ่งเป็นไปได้โดยอาศัยปีกแห่งความปรารถนา...

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 28, 2006 8:30 pm
โดย Prod Pran
ขอบคุณค่ะ น้องนัท ที่นำประสบการณ์ ตรงของชีวิตมาแบ่งปัน

ร่วม ภาวนาให้ น้อง ยามเจ็บป่วย เช่นนี้ด้วยค่ะ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 29, 2006 10:19 am
โดย :+: seraphim :+:
*heh 5 โหล มาตามต้นฉบับตอนต่อไปคะ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 29, 2006 11:03 am
โดย Jeab Agape
กำลังรอ อ่านด้วยคนจ้า

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 29, 2006 11:03 pm
โดย Divine Mercy
จิ๊กซอตัวที่ห้า พันธนาการด้วยมิตรภาพ

ย้อนหลังกลับไปเมื่อเริ่มทำงานเป็นครู ผมมีเพื่อนสนิทอยู่กลุ่มหนึ่งที่ผมเรียกได้ว่า ทุ่มเทใจเกินร้อยในการคบหา ขณะเดียวกันหนึ่งในกลุ่มนี้ก็เป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดเรียกว่ามากกว่าหลายๆ คน เพราะเหตุผลหลายอย่างที่สำคัญคือ เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ช่วงแรกด้วยความตั้งใจที่อยากได้เพื่อนร่วมห้องที่มาช่วยจ่ายค่าเช่าหอพัก ผมจึงชวนเขาเข้ามาอยู่กับผม เขาเป็นคนดีคนหนึ่งหรืออาจเรียกว่า ไม่เรื่องมากเหมือนผม ผมเริ่มคุ้นเคยสนิทสนมกับคนในครอบครัวของเขา เนื่องจากเขามีน้องสาวอีกสองคนที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ แต่แยกกันอยู่คนละที่เพื่อสะดวกในการทำงาน บ่อยครั้งที่เรา (หมายถึงตัวผม เพื่อน และน้องสาว) จะนัดเจอกันเพื่อไปทานอาหารร่วมกันเสมอ มิตรภาพก็เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนวันเวลาที่เราคบกัน ไม่นานผมก็มีโอกาสได้รู้จักกับพ่อแม่และยายของเพื่อนเมื่อครั้งที่ผมไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด ทุกท่านดูอบอุ่น มีน้ำใจ ให้การต้อนรับขับสู้อย่างเป็นกันเองตามวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัด

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2006 12:41 am
โดย ~@Little lamb@~
*ok ติดตาม ๆ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2006 8:41 am
โดย Prod Pran
เข้ามาอ่านค่ะ :D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2006 9:01 am
โดย New lamb
ยังติดตามอ่านอยู่ค่ะ และเป็นกำลังใจให้เสมอ *ok

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 01, 2006 3:47 pm
โดย Divine Mercy
จิ๊กซอตัวที่หก ก้าวเดินครั้งนี้ ถูกเรียกว่า

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 01, 2006 4:05 pm
โดย mind
เมื่อพระศาสนจักรในประเทศไทยได้มีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพิธีกรรม บทสวดภาวนาที่เราเคยปฏิบัติมานาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับผมถูกขับให้ออกจากศาสนา หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ผมยอมรับในสิ่งที่คนส่วนใหญ่กำลังปฏิบัติไม่ได้นั่นเอง
รบกวน พี่นัทช่วย ขยายความ หรือ ยกตัวอย่างให้ฟัง(อ่าน)หน่อยได้ไหมอะครับ น้องมายด์ เขลาปัญญา ไม่เข้าใจ อ่า ;D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 01, 2006 4:26 pm
โดย Divine Mercy
เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมาพระศาสนจักรในประเทศไทยได้ทำการปรับบทภาวนา อาทิ บทข้าแต่พระบิดา บทตอบรับในพิธีบูชามิสซา พิธีกรรม ฯลฯ คาทอลิกรุ่นเก่าจะรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างชัดเจน เพราะต้องเริ่มฝึกสวดกันใหม่ แต่รุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาก็ได้รับของใหม่ที่ผ่านการแก้ไขแล้วจึงไม่ค่อยมองเห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขอบคุณครับที่ถามประเด็นนี้ พี่จะขอนำคำอธิบายนี้ไปเพิ่มเติมในเนื้อหาต่อไป :)

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 01, 2006 5:12 pm
โดย ~@Little lamb@~
mind เขียน:

รบกวน พี่นัทช่วย ขยายความ หรือ ยกตัวอย่างให้ฟัง(อ่าน)หน่อยได้ไหมอะครับ น้องมายด์ เขลาปัญญา ไม่เข้าใจ อ่า ;D

อึ๋ย...พี่มาย.....พี่นัทเขาอ่อนกว่าพี่หลายปีนะย๊า~~~
แอบเด็กนิ.....หึ หึ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 01, 2006 5:23 pm
โดย Divine Mercy
~@Little lamb@~ เขียน:
mind เขียน:

รบกวน พี่นัทช่วย ขยายความ หรือ ยกตัวอย่างให้ฟัง(อ่าน)หน่อยได้ไหมอะครับ น้องมายด์ เขลาปัญญา ไม่เข้าใจ อ่า ;D

อึ๋ย...พี่มาย.....พี่นัทเขาอ่อนกว่าพี่หลายปีนะย๊า~~~
แอบเด็กนิ.....หึ หึ


จริงหรือนี่ หลอกให้เราปล่อยแก่อีกแล้ว... แต่ก็ไม่แน่ถ้าเจอตัวจริงอาจจะบอกว่า ผมแก่จริงๆ ;D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 02, 2006 12:53 am
โดย mind
~+ HolyMom +~ เขียน:
~@Little lamb@~ เขียน:
mind เขียน:

รบกวน พี่นัทช่วย ขยายความ หรือ ยกตัวอย่างให้ฟัง(อ่าน)หน่อยได้ไหมอะครับ น้องมายด์ เขลาปัญญา ไม่เข้าใจ อ่า ;D

อึ๋ย...พี่มาย.....พี่นัทเขาอ่อนกว่าพี่หลายปีนะย๊า~~~
แอบเด็กนิ.....หึ หึ


จริงหรือนี่ หลอกให้เราปล่อยแก่อีกแล้ว... แต่ก็ไม่แน่ถ้าเจอตัวจริงอาจจะบอกว่า ผมแก่จริงๆ ;D
อ๊ะจริงสิ จะรู้ไหมเนี้ย เย้ เลยได้โอกาสปล่อยเด็ก ซะหน่อย ฮับ ฮิๆๆๆ ;D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 03, 2006 7:20 am
โดย Divine Mercy
ใครที่ติดตาม รอหน่อยนะครับ ก็กำลังเขียนต้นฉบับตอนต่อไปอยู่

ขอบคุณทุกคนนะครับที่เป็นกำลังใจให้เสมอ ;)

ขอพระเป็นเจ้าและแม่พระอวยพระพรทุกคนตลอดไปนะครับ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 03, 2006 5:32 pm
โดย Divine Mercy
จิ๊กซอตัวที่เจ็ด ที่สุดของความมืดแห่งชีวิต

นับวันสุขภาพของผมก็แย่ลงเรื่อยๆ หลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องหยุดงาน เพราะในบางวันที่ตื่นนอนขึ้นมา ลุกจากที่นอนไม่ได้ ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมักจะล้อผมว่า

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 03, 2006 6:57 pm
โดย Junior Boy
สู้ๆต่อไปนะครับ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 3:43 pm
โดย Jeab Agape
อ่านแล้วเศร้าจังฮะ ....เชื่อว่าพระองค์ทรงมีแผนการที่ดีต่อชีวิตพี่นะฮะ

ขอพระเจ้าทรงเสริมกำลังพี่นัทต่อไปขอรับ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 07, 2006 4:22 pm
โดย ~@Little lamb@~
ใกล้จะถึงตอนปัจจุบันแล้ว :D

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 1:53 am
โดย Divine Mercy
จิ๊กซอตัวที่แปด พระคุณความรักกับมิตรภาพคริสตชน

คุณเคยคิดเล่นๆ บ้างมั้ยครับว่า เมื่อคุณตื่นนอนขึ้นมากลับพบว่า คุณอยู่คนเดียว ไม่มีใครที่คุณสามารถพึ่งพาอาศัยได้ ไม่มีคนพูดคุยปรึกษาหารือ ไม่มีคนคอยห่วงหาอาทรในตัวคุณเลย... ใช่ครับ... ผมรู้สึกอย่างนั้นเมื่อการกลับมาในครั้งนี้ ผมต้องอยู่คนเดียว ไม่มีใครเลยสักคนที่จะทำให้ผมอุ่นใจ มั่นใจ ทุกอย่างมีแต่ความเงียบเหงา โดดเดี่ยว มันยากที่จะทำใจได้ เพื่อนผมที่ย้ายออกไปยังคงแวะเวียนมาบ้างในบางโอกาส แต่ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมไม่สามารถปรึกษาหารือ หรือระบายความในใจให้เขาฟังได้อีกต่อไป ทุกอย่างสะสมอยู่ภายในสมองและความรู้สึกที่อึดอัดในใจยิ่งนานวันยิ่งมากขึ้น ไม่มีหนทางที่จะได้รับการผ่อนคลาย ประกอบกับความเจ็บปวดทางกายที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากระบบประสาทความรู้สึกเริ่มทำงาน เจ็บปวดแค่ไหนหรือครับ...มากจนบางครั้งต้องร้องโอดครวญ ทรมาน ปวดตามขา ตามเนื้อตัว และแผลที่จะโพก เหมือนคนที่โดนเข็มทิ่มแทงตลอดเวลา มีแต่ความอดทนที่ทำผมอยู่ต่อได้ในแต่ละวันทั้งหมดทำให้ผมต้องสวดภาวนาถวายความเจ็บปวดทั้งกายและใจร่วมกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า และขอความบรรเทาจากพระมารดาผู้ระทมทุกข์ จึงทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะเบาบางลง และทำให้ผมทนได้มากขึ้น

ถึงเวลานี้กิจกรรมทุกอย่างผมต้องทำเอง ซักผ้า กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าว ทำแผล ฯลฯ นานวันสิ่งที่ทำส่งผลต่อสุขภาพของผม อากรปวดเพิ่มมากขึ้น แผลที่เป็นอยู่ก็ขยายมากขึ้น ผมจึงจำเป็นต้องจ้างแม่บ้านมาคอยช่วยดูแลเรื่องความสะอาด ซื้ออาหารให้ แต่ก็ต้องประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลายต่อหลายครั้งต้องซื้อกับข้าว 1 อย่าง ทานให้ครบสามมื้อ นานวันก็ต้องประหยัดมากขึ้นลดเหลือวันละสองมื้อ ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นต้องทานเท่าที่มี นึกถึงแล้วก็รันทดใจทำให้น้ำตาต้องไหลอยู่ร่ำไป น้ำตาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ที่ช่วยให้ภาวะทางใจของผมบางเบาลงชั่วขณะ การสวดภาวนาเป็นอีกหนทางที่อยู่คู่กับผมในเวลานี้ เป็นหนทางที่ผมหวังความช่วยเหลือจากเบื้อบน ผมต้องสวดทำวัตร วันละ 3 เวลา เช้า เย็น ค่ำ นอกนั้นก็สวดสายประคำ หาสิ่งโน้นสิ่งนี้มาทำอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อให้เวลาหมดไปในแต่ละวัน เพียงเสี้ยวเวลาที่ผมว่าง ก็มักจะต้องคิดถึงเรื่องราวต่างๆอยู่เสมอ ผมพยายามติดต่อกับกลุ่มเพื่อน เชื้อเชิญให้เขาแวะเวียนเข้ามาหา ผมต้อนรับขับสู้ทุกคนอย่างดี เพื่อให้ทุกคนสนุกสนาน ไม่เครียด ทั้งเหล้า เบียร์ อาหารการกินมีให้อย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นเช่นนี้เสมอมาในยามที่ผมเหงา

รูปภาพ

ครั้งหนึ่งทำให้ผมต้องคิดถึงความจริงที่ว่า

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 11:28 am
โดย Prod Pran
ขอบคุณพระเจ้า ที่แสนดี แก่น้องนัท

ขอพระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากชีวิตน้องนัทค่ะ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 2:52 pm
โดย :+: seraphim :+:
คุณจะมีชีวิตใหม่

จาก : คนรักจากไป แต่หัวใจยังอยู่ หน้า 133
โดย : ชาติ ชลทิศ


คุณจะยังคงมองหาคนที่คุณสูญเสียไปในชีวิตคุณ
ถ้าคุณยังต้องการพบเธออีก
ถ้าคุณยังเศร้าใจเพียงแค่คิดถึงเขา
คุณยังไม่ได้ปล่อยวางทั้งหมด



ถ้ากระบวนการการพ้นทุกข์ของคุณยังไม่สิ้นสุด
จงแน่ใจวันหนึ่งคุณจะเป็นคนใหม่ และมีชีวิตใหม่
คุณจะจดจำมันด้วยความยินดี สันติ และอิสระ



ความรู้สึกนี้เหมือนกับผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกแล้ว
ผู้ชายรู้สึกเหมือนกับเอาที่ยกน้ำหนักออกไป



คุณจะจดจำถึงการเป็นอยู่ของคนที่คุณสูญเสียไป
แต่ความรักที่คุณมีต่อเขาจะให้ชีวิตใหม่แก่เรา



คุณจะไม่โหยหาที่จะมีความสัมพันธ์แห่งกายเดียวกัน
แต่ความรักที่คุณมีต่อบุคคลนั้น
คนที่คุณรักจะมีชีวิตอยู่ในตัวคนในแง่ของจิตใจ



พลังแห่งความรักทั้งหมดจะกลับมายังคุณ
เมื่อคุณปล่อยให้คนที่รักเป็นอิสระอย่างเต็มที่




:) เมื่อเวลามีความทุกข์ใจ เรามักจะพบอะไรที่ดีดีซ่อนอยู่เสมอ ถ้าวันนี้นัทไม่มีความทุกข์ อาจจะไม่ได้รู้จักครอบครัว รักษ์บุญยวง ขอบคุณความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ให้ครอบครัว รักษ์บุญยวงเป็นสื่อความรักของพระองค์ที่มีต่อนัทมากมายนะจ๊ะ ขอบคุณความมีน้ำใจอันดีของครอบครัวรักษ์บุญยวงด้วย ซาบซึ้งใจจริงๆ คะ

Re:STORY OF MY LIFE

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 11, 2006 12:01 am
โดย ~@Little lamb@~
:-[


อายคะ ง่า~~~~~~~~


ขอให้พระนามของพระเจ้าได้รับการสรรเสริญคะ
งานของพระเจ้าคะ ไม่ใช่งานของพวกเรา



ขอบคุณพระเจ้านะคะ พวกเราเป็นแค่ทางผ่านของพระพรของพระเจ้าคะ :-[