คุณเคยมีประสบการณ์ทะเลทรายในชีวิตของคุณหรือไม่?

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 1:12 am

คอลัมน์ วันละก้าวกับพระเยซู โดย ราฟาแอล,อุดมศานต์ ธันวาคม 2009 หน้า 40-41

กาลาเทีย 1:15-17:

"ครั้นแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะสำแดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถึงพระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่รีรอที่จะปรึกษาผู้ใดเลย หรือแม้แต่จะขึ้นไปกรุงเยซูเซเล็ม เพื่อพอกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอะราเบียและกลับมายังเมืองดามัสกันอีก"

เจริญเติบโตในทะเลทราย ข้าพเจ้าไม่ได้ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอะราเบีย(กท1:17)

เปาโลมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายอะราเบีย ก่อนจะเริ่มต้นงานที่เขาจะทำตลอดชีวิตของเขา

..........นักต่อสู้หัวรุนแรงได้กลายมาเป็นคนสันโดษ..........

แทนที่จะเร่งรีบออกไปเผยแผ่ข่าวสารของเขา
เขาฉลาดพอจะเข้าใจว่าวิญญาณของเขาต้องผ่านการเตรียมพร้อม การอภิเษก การบำบัดรักษา


เขาจึงไปเข้าค่ายฝึกวิญญาณ ทะเลทรายจะทำหน้าที่ของมัน ถ้าเรายินยอม!!!

ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายจริงๆ หรือเป็นคำอุปมา
ทะเลทรายคือความท้าทายสำหรับผู้ที่ชอบมีอำนาจเหนือสภาพแวดล้อมของตน และชอบความสะดวกสบาย
ความมโหฬารของทะเลทรายชนะได้ทั้งอำนาจและความอ่อนแอของมนุษย์

ในทะเลทรายไม่มีความสนุก ความสะดวกสบายหรือความสุขสำราญ
มนุษย์ต้องทำงานเพียงเพื่อจะอยู่รอด และต้องถูกทดสอบพละกำลัง
ทะเลทรายเป็นสถานที่แห้งแล้ง ว่างเปล่า มีแต่ฝุ่นกว้างใหญ่สุดสายตา และเปลี่ยว
มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรหรืออันตราย

มนุษย์ต้องออกแรงอย่างหนักเพื่อจะทำสิ่งใดให้สำเร็จได้ในทะเลทราย!!!!

แล้วเราจะไปที่นั่นทำไม?
ทะเลทรายสามารถฝึกวิญญาณให้เชื่องถ้าเรายินยอม
สามารถทำให้มนุษย์กลับมาเป็นมนุษย์

เราต้องตระหนักว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้
เมื่อเราเลิกเชื่อว่า เราคือแหล่งรวมผลิตภาพของเรา
เราจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆได้ใหม่
ของเล่นและเงินทองที่เราพยายามสะสมไม่มีประโยชน์อะไร
งานของเราจะกำหนดให้เราทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

ถ้าเรายินยอม
ทะเลทรายจะสามารถปลดเปลื้องความจองหอง และความเห็นแก่ตัวออกไปจากตัวเราได้
เราจะหน้าหนาขึ้น แต่จิตใจอ่อนโยนมากขึ้น
เราจะตระหนักว่าการพึ่งพาผู้อื่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย และเราสามารถอยู่รอดได้ด้วยสิ่งของเพียงเล็กน้อย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ

"เราจะเรียนรู้ว่าเราสามารถพึ่งพระเจ้าได้ และเมื่อพระองค์ทรงเข้ามาควบคุมทุกสิ่งแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องพยายามควบคุมสิ่งใดอีกต่อไป"


ผู้นำส่วนใหญ่เคยเข้าไปในทะเลทรายไม่ครั้งใดก็ครั้งหนึ่ง
มีหลายตัวอย่างในพระคัมภีร์ เช่น
- โมเสสที่หลบหนีไปยังทะเลทราย หลังจากได้ฆ่าชาวอียิปต์คนหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ในทะเลทรายพระเจ้าตรัสกับเขาผ่านพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
- ดาวิด กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวอิสราเอล เคยหนีเข้าไปในทะเลทรายเพื่อหนีจากการตามฆ่าของกษัตริย์ซาอูลผู้มีจิตใจริษยา
ขณะอยู่ที่นั่น เขาได้เขียนบทสดุดีในพระคัมภีร์ไว้หลายบท เช่น "วิญญาณข้าพเจ้ากระหายพระเจ้า..ในดินแดนแห้งแล้งและอ่อนระโหยซึ่งขาดน้ำ"(สดด63:1)
หลายคนกลายเป็นประกาศกหลังจากได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในทะเลทราย พระเยซูเจ้าเองได้เข้าไปอยู่ในทะเลทรายถึงสี่สิบวันสี่สิบคืนและทนต่อสู้กับการประจญ ก่อนที่พระองค์จะเริ่มต้นงานอภิบาลของพระองค์

ผู้นำหลายคนในประวัติศาสตร์ต้องผ่านทะเลทรายภายในตนเอง เช่น อับราฮัม ลินคอร์น ผู้สูญเสียคนรักคนแรกไปก่อนจะสมรสและต้องพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าในการเลือกตั้ง
แต่ท้ายที่สุด เขาก็กลายเป็นผู้นำคนหนึ่งของชาติอเมริกา ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำนี้ เขาต้องเจ็บปวดกับความตายอย่างอนาถของวิลลี่บุตรชายของเขา

หลายคนถือว่าความเข้มแข็งภายใต้แรงกดดันของลินคอร์น เกิดจากความสามารถของเขาในการสู้ทนกับความสูญเสีย

ฤดูกาลในทะเลทรายหมุนเวียนไปอย่างเชื่องช้า เราอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจเป็นปีในทะเลทรายของเรา
และเฝ้าถามตัวเราว่า"ฉันทำผิดพลาดตรงไหน?ทำไมจึงยากเย็นนัก?"เราอาจรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง และถูกทอดทิ้ง
และสงสัยว่าเราจะหลุดพ้นจากสภาพที่ยากลำบากนี้ได้หรือไม่?ทะเลทรายคือสิ่งที่ลำบาก

แต่ในที่สุด ทะเลทรายจะสอนเราให้รู้จักอานุภาพของความเรียบง่าย
จะเตือนว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของทุกสิ่ง เราไม่ได้มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
ยังมีใครบางคนที่เป็นผู้ปิดและเปิดประตูอยู่เบื้องบนนั้น
เมื่อเราลดความเร็วลงนานพอ เราจะรู้ว่า"มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น"(มธ4:4)


เราจะเรียนรู้ว่าคุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่สิ่งที่เราทำ
แต่เรามีค่ายิ่งกว่านั้นมาก
ความจริงคือมีผู้ที่รักเรา ขีวิตเป็นของเราได้มาเปล่าๆ
ดังนั้น จงมีความสุขกับมัน


บางครั้ง ทะเลทรายไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เราเพียงแต่รู้สึกหงุดหงิด เราพยายามต่อสู้ดิ้นรนโดยไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
เราไม่สามารถทำทุกสิ่งที่เราอยากทำ
เรารู้สึกเหมือนถูกเหนี่ยวรั้ง

แม้ว่าหลายสิ่ง หลายอย่าง กำลังเกิดขึ้นภายในตัวเรา โดยไม่มีผลภายนอก ปรากฎ
แต่ถ้าเรายินยอม เราอาจกลายเป็นคนที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งสภาพแวดล้อม
เราไม่จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขที่ชัดเจนและรวดเร็ว


เปาโลไม่หลีกเลี่ยงทะเลทรายของเขา เขาเผชิญหน้ากับมัน
เมื่อเขาออกมาจากทะเลทราย เขาได้กลายเป็นผู้นำและมนุษย์ที่ดีขึ้น
เขาไม่ต้องการเรียนรู้จากผู้อื่น เขายอมรับทะเลทรายของตน
และไม่หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ความมืด หรือความวิเวก

เวลานี้เองที่เสียงเย้ยหยันจะจางหายไป แรงกดดันจะลดลง
ความเชื่ออย่างซื่อๆจะเข้ามาแทนที่ความเคร่งเครียด
ถ้าเรายอมให้เป็นเช่นนั้น


ขณะที่คุณปล่อยในทะเลทรายปรับแต่งคุณ
คุณจะปลดปล่อยและค้นพบความสามารถใหม่ๆในการสร้างสรรค์ผลงานที่ยั่งยืน
และเช่นเดียวกับเปาโล คุณจะพัฒนาความสามารถในการทนรับได้
ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตด้วยความมั่นใจและความหวัง
แน่นอนคุณเป็นคนเลือก

ข้อคิด

คุณเคยมีประสบการณ์ทะเลทรายในชีวิตของคุณหรือไม่?
ประสบการณ์นี้ทำให้คุณเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองบ้าง?
คุณมีความกล้าที่จะกลับไปยังทะเลทรายนั้นหรือไม่?
ถ้าหากว่าคุณต้องทำเช่นนั้นเพื่อเริ่มต้นทำสิ่งใดใหม่ๆ

จาก Leadership Secrests of St.Paul.เคล็ดลับความเป็นผู้นำของนักบุญเปาโล โดย Jeff Caliguire
แปลและจัดพิมพ์ โดย คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร

******หมายเหตุสำคัญ******
โปรดอ่านย้อนทบทวน ขบคิด เป็นอย่างดี เนื่องจากบทความมีความลึกซึ้ง มีความเสี่ยงต่อการเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความผิดได้
แก้ไขล่าสุดโดย Man of Macedonia เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 1:17 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 1:38 pm

สุดยอดมาก ขอพระนามพระคริสเจ้าจงได้รับการสรรเสิญตลอดนิรันดร

พระเจ้าอวยพรเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ^^
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 2:33 pm

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: สุดยอดมาก ขอพระนามพระคริสเจ้าจงได้รับการสรรเสิญตลอดนิรันดร

พระเจ้าอวยพรเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ^^
ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรคุณเช่นกันครับ
: xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
ignatius
.
.
โพสต์: 2597
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2008 12:48 pm

จันทร์ ธ.ค. 21, 2009 12:16 am

Man of Macedonia เขียน: คอลัมน์ วันละก้าวกับพระเยซู โดย ราฟาแอล,อุดมศานต์ ธันวาคม 2009 หน้า 40-41

กาลาเทีย 1:15-17:

"ครั้นแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะสำแดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถึงพระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่รีรอที่จะปรึกษาผู้ใดเลย หรือแม้แต่จะขึ้นไปกรุงเยซูเซเล็ม เพื่อพอกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอะราเบียและกลับมายังเมืองดามัสกันอีก"

เจริญเติบโตในทะเลทราย ข้าพเจ้าไม่ได้ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอะราเบีย(กท1:17)

เปาโลมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายอะราเบีย ก่อนจะเริ่มต้นงานที่เขาจะทำตลอดชีวิตของเขา

..........นักต่อสู้หัวรุนแรงได้กลายมาเป็นคนสันโดษ..........

แทนที่จะเร่งรีบออกไปเผยแผ่ข่าวสารของเขา
เขาฉลาดพอจะเข้าใจว่าวิญญาณของเขาต้องผ่านการเตรียมพร้อม การอภิเษก การบำบัดรักษา


เขาจึงไปเข้าค่ายฝึกวิญญาณ ทะเลทรายจะทำหน้าที่ของมัน ถ้าเรายินยอม!!!

ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายจริงๆ หรือเป็นคำอุปมา
ทะเลทรายคือความท้าทายสำหรับผู้ที่ชอบมีอำนาจเหนือสภาพแวดล้อมของตน และชอบความสะดวกสบาย
ความมโหฬารของทะเลทรายชนะได้ทั้งอำนาจและความอ่อนแอของมนุษย์

ในทะเลทรายไม่มีความสนุก ความสะดวกสบายหรือความสุขสำราญ
มนุษย์ต้องทำงานเพียงเพื่อจะอยู่รอด และต้องถูกทดสอบพละกำลัง
ทะเลทรายเป็นสถานที่แห้งแล้ง ว่างเปล่า มีแต่ฝุ่นกว้างใหญ่สุดสายตา และเปลี่ยว
มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรหรืออันตราย

มนุษย์ต้องออกแรงอย่างหนักเพื่อจะทำสิ่งใดให้สำเร็จได้ในทะเลทราย!!!!

แล้วเราจะไปที่นั่นทำไม?
ทะเลทรายสามารถฝึกวิญญาณให้เชื่องถ้าเรายินยอม
สามารถทำให้มนุษย์กลับมาเป็นมนุษย์

เราต้องตระหนักว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งได้
เมื่อเราเลิกเชื่อว่า เราคือแหล่งรวมผลิตภาพของเรา
เราจะจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆได้ใหม่
ของเล่นและเงินทองที่เราพยายามสะสมไม่มีประโยชน์อะไร
งานของเราจะกำหนดให้เราทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป

ถ้าเรายินยอม
ทะเลทรายจะสามารถปลดเปลื้องความจองหอง และความเห็นแก่ตัวออกไปจากตัวเราได้
เราจะหน้าหนาขึ้น แต่จิตใจอ่อนโยนมากขึ้น
เราจะตระหนักว่าการพึ่งพาผู้อื่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย และเราสามารถอยู่รอดได้ด้วยสิ่งของเพียงเล็กน้อย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ

"เราจะเรียนรู้ว่าเราสามารถพึ่งพระเจ้าได้ และเมื่อพระองค์ทรงเข้ามาควบคุมทุกสิ่งแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องพยายามควบคุมสิ่งใดอีกต่อไป"


สุดยอดจริงๆ ใช่แล้ว การอ่อนน้อมถ่อมตน การลดความจองหอง และลดความคิดยึดมั่นในตัวตนของเรา
ทำให้เราใกล้ชิดพระมากขึ้น เพราะพระองค์เองทรงเป็นแแบอย่างที่ดีให้เราดูแล้ว เราที่บอกเสมอว่าเราเป็นลูกพระนั้น
ได้ทำอย่างที่พระองค์ทรงทำหรือเปล่า...?

ผู้นำส่วนใหญ่เคยเข้าไปในทะเลทรายไม่ครั้งใดก็ครั้งหนึ่ง
มีหลายตัวอย่างในพระคัมภีร์ เช่น
- โมเสสที่หลบหนีไปยังทะเลทราย หลังจากได้ฆ่าชาวอียิปต์คนหนึ่ง ระหว่างที่อยู่ในทะเลทรายพระเจ้าตรัสกับเขาผ่านพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ
- ดาวิด กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวอิสราเอล เคยหนีเข้าไปในทะเลทรายเพื่อหนีจากการตามฆ่าของกษัตริย์ซาอูลผู้มีจิตใจริษยา
ขณะอยู่ที่นั่น เขาได้เขียนบทสดุดีในพระคัมภีร์ไว้หลายบท เช่น "วิญญาณข้าพเจ้ากระหายพระเจ้า..ในดินแดนแห้งแล้งและอ่อนระโหยซึ่งขาดน้ำ"(สดด63:1)
หลายคนกลายเป็นประกาศกหลังจากได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในทะเลทราย พระเยซูเจ้าเองได้เข้าไปอยู่ในทะเลทรายถึงสี่สิบวันสี่สิบคืนและทนต่อสู้กับการประจญ ก่อนที่พระองค์จะเริ่มต้นงานอภิบาลของพระองค์

ผู้นำหลายคนในประวัติศาสตร์ต้องผ่านทะเลทรายภายในตนเอง เช่น อับราฮัม ลินคอร์น ผู้สูญเสียคนรักคนแรกไปก่อนจะสมรสและต้องพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าในการเลือกตั้ง
แต่ท้ายที่สุด เขาก็กลายเป็นผู้นำคนหนึ่งของชาติอเมริกา ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำนี้ เขาต้องเจ็บปวดกับความตายอย่างอนาถของวิลลี่บุตรชายของเขา

หลายคนถือว่าความเข้มแข็งภายใต้แรงกดดันของลินคอร์น เกิดจากความสามารถของเขาในการสู้ทนกับความสูญเสีย

ฤดูกาลในทะเลทรายหมุนเวียนไปอย่างเชื่องช้า เราอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจเป็นปีในทะเลทรายของเรา
และเฝ้าถามตัวเราว่า"ฉันทำผิดพลาดตรงไหน?ทำไมจึงยากเย็นนัก?"เราอาจรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง และถูกทอดทิ้ง
และสงสัยว่าเราจะหลุดพ้นจากสภาพที่ยากลำบากนี้ได้หรือไม่?ทะเลทรายคือสิ่งที่ลำบาก

แต่ในที่สุด ทะเลทรายจะสอนเราให้รู้จักอานุภาพของความเรียบง่าย
จะเตือนว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของทุกสิ่ง เราไม่ได้มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ
ยังมีใครบางคนที่เป็นผู้ปิดและเปิดประตูอยู่เบื้องบนนั้น
เมื่อเราลดความเร็วลงนานพอ เราจะรู้ว่า"มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น"(มธ4:4)


นั่นแหละ..ประโยคนี้จึงเรียกว่า พระวาจาทรงชีวิต เพราะนำให้เรามีชีวิตและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
โดยผ่านพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าทางศีลมหาสนิท และ พระวาจาของพระองค์



เราจะเรียนรู้ว่าคุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่สิ่งที่เราทำ
แต่เรามีค่ายิ่งกว่านั้นมาก
ความจริงคือมีผู้ที่รักเรา ขีวิตเป็นของเราได้มาเปล่าๆ
ดังนั้น จงมีความสุขกับมัน


บางครั้ง ทะเลทรายไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
เราเพียงแต่รู้สึกหงุดหงิด เราพยายามต่อสู้ดิ้นรนโดยไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
เราไม่สามารถทำทุกสิ่งที่เราอยากทำ
เรารู้สึกเหมือนถูกเหนี่ยวรั้ง

แม้ว่าหลายสิ่ง หลายอย่าง กำลังเกิดขึ้นภายในตัวเรา โดยไม่มีผลภายนอก ปรากฎ
แต่ถ้าเรายินยอม เราอาจกลายเป็นคนที่มีความสุขได้โดยไม่ต้องพึ่งสภาพแวดล้อม
เราไม่จำเป็นต้องหาวิธีแก้ไขที่ชัดเจนและรวดเร็ว


เปาโลไม่หลีกเลี่ยงทะเลทรายของเขา เขาเผชิญหน้ากับมัน
เมื่อเขาออกมาจากทะเลทราย เขาได้กลายเป็นผู้นำและมนุษย์ที่ดีขึ้น
เขาไม่ต้องการเรียนรู้จากผู้อื่น เขายอมรับทะเลทรายของตน
และไม่หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ความมืด หรือความวิเวก

เวลานี้เองที่เสียงเย้ยหยันจะจางหายไป แรงกดดันจะลดลง
ความเชื่ออย่างซื่อๆจะเข้ามาแทนที่ความเคร่งเครียด
ถ้าเรายอมให้เป็นเช่นนั้น


ชอบบประโยคนี้มากๆเลย..

ขณะที่คุณปล่อยในทะเลทรายปรับแต่งคุณ
คุณจะปลดปล่อยและค้นพบความสามารถใหม่ๆในการสร้างสรรค์ผลงานที่ยั่งยืน
และเช่นเดียวกับเปาโล คุณจะพัฒนาความสามารถในการทนรับได้
ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตด้วยความมั่นใจและความหวัง
แน่นอนคุณเป็นคนเลือก

ข้อคิด

คุณเคยมีประสบการณ์ทะเลทรายในชีวิตของคุณหรือไม่?
ประสบการณ์นี้ทำให้คุณเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองบ้าง?
คุณมีความกล้าที่จะกลับไปยังทะเลทรายนั้นหรือไม่?
ถ้าหากว่าคุณต้องทำเช่นนั้นเพื่อเริ่มต้นทำสิ่งใดใหม่ๆ

จาก Leadership Secrests of St.Paul.เคล็ดลับความเป็นผู้นำของนักบุญเปาโล โดย Jeff Caliguire
แปลและจัดพิมพ์ โดย คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร

******หมายเหตุสำคัญ******
โปรดอ่านย้อนทบทวน ขบคิด เป็นอย่างดี เนื่องจากบทความมีความลึกซึ้ง มีความเสี่ยงต่อการเข้าใจวัตถุประสงค์ของบทความผิดได้
ตอบกลับโพส