คำพยาน คุณ ชัยรัตน์ จิตต์แก้ว - จากนักโหราศาสตร์สู่นักประกาศเพื่อพระคริสต์
ที่มาครับ http://www.christiansiam.com/Testimony/Chairat.html
ขอสรรเสริญพระเจ้าผู้พระทัยดีของเราครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมชื่อชัยรัตน์ จิตต์แก้ว อายุ 46 ปี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย เทคโนโลยีสารสนเทศและการตลาดออนไลน์ (Senior Vice President of IT & Marketing Online Development Department) บริษัท มิลเลียไลฟ์ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยและคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผ่านหลักสูตรการศึกษาอบรมสัมนาทั้งในและต่างประเทศด้านการบริหารจัดการและด้าน IT หลายหลักสูตร ภรรยาชื่อคุณสุชีดา (สุภาวงศ์วณิช) จิตต์แก้วเรามีบุตรสาว 1 คนชื่อเพ็ญธิดา จิตต์แก้ว อายุ 10 ปี เรียนอยู่โรงเรียนคริสต์ธรรมศึกษา
ผมเขียนคำพยานนี้ขึ้นเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงมีเมตตาต่อชีวิตผม และทรงมีกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการเรียกผม ด้วยทรงรู้นิสัยของผมผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขชีวิตของผมตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งผมพบว่าความยุ่งยากลำบากในชีวิตวัยเยาว์นั้น ที่แท้เป็นแผนการที่พระเจ้าทรงวาดไว้สำหรับผมโดยเฉพาะ พระองค์ทรงวางเงื่อนไขให้ผมต้องค้นหาความจริงของชีวิตด้วยวิถีทางต่างๆ ให้แจ้งใจก่อน ทรงให้ผมมีข้อมูลในเรื่องชีวิตมากพอที่จะศึกษาเปรียบเทียบด้วยตนเอง เพื่อว่าเมื่อถึงวาระที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ผมแล้ว ผมจะได้สิ้นสงสัยและไม่อาจปฏิเสธพระองค์ได้ และนี่คงเป็นพระประสงค์ที่พระองค์ไม่ส่งคริสเตียนไปประกาศกับผมอย่างจริงจังตลอดสี่สิบกว่าปีในชีวิตที่ผ่านมาของผม
ขอสรรเสริญพระเจ้าผู้พระทัยดีของเราครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมชื่อชัยรัตน์ จิตต์แก้ว อายุ 46 ปี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย เทคโนโลยีสารสนเทศและการตลาดออนไลน์ (Senior Vice President of IT & Marketing Online Development Department) บริษัท มิลเลียไลฟ์ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยและคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผ่านหลักสูตรการศึกษาอบรมสัมนาทั้งในและต่างประเทศด้านการบริหารจัดการและด้าน IT หลายหลักสูตร ภรรยาชื่อคุณสุชีดา (สุภาวงศ์วณิช) จิตต์แก้วเรามีบุตรสาว 1 คนชื่อเพ็ญธิดา จิตต์แก้ว อายุ 10 ปี เรียนอยู่โรงเรียนคริสต์ธรรมศึกษา
ผมเขียนคำพยานนี้ขึ้นเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงมีเมตตาต่อชีวิตผม และทรงมีกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการเรียกผม ด้วยทรงรู้นิสัยของผมผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขชีวิตของผมตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งผมพบว่าความยุ่งยากลำบากในชีวิตวัยเยาว์นั้น ที่แท้เป็นแผนการที่พระเจ้าทรงวาดไว้สำหรับผมโดยเฉพาะ พระองค์ทรงวางเงื่อนไขให้ผมต้องค้นหาความจริงของชีวิตด้วยวิถีทางต่างๆ ให้แจ้งใจก่อน ทรงให้ผมมีข้อมูลในเรื่องชีวิตมากพอที่จะศึกษาเปรียบเทียบด้วยตนเอง เพื่อว่าเมื่อถึงวาระที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ผมแล้ว ผมจะได้สิ้นสงสัยและไม่อาจปฏิเสธพระองค์ได้ และนี่คงเป็นพระประสงค์ที่พระองค์ไม่ส่งคริสเตียนไปประกาศกับผมอย่างจริงจังตลอดสี่สิบกว่าปีในชีวิตที่ผ่านมาของผม
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ จันทร์ ม.ค. 25, 2010 11:11 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ชีวิตวัยเด็กของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความยุ่งยากเนื่องจากปัญหาในครอบครัวระหว่างคุณพ่อและคุณแม่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าและพี่ ๆ น้อง ๆ ในฐานะลูกได้รับในวัยเด็กมีส่วนสำคัญที่หล่อหลอมนิสัยของข้าพเจ้าให้สนใจสงสัยในเรื่องความลึกลับของชีวิตมนุษย์ ข้าพเจ้ามักสงสัยในเรื่องมนุษย์เกิดมาจากไหน.. มนุษย์เกิดมาทำไม..ใครกำหนดแบบแผนชีวิตมนุษย์.. และเป้าหมายของชีวิตมนุษย์คืออะไร..
ข้าพเจ้าพยายามหาคำตอบเหล่านี้ด้วยกำลังและวิธีการของตนเองมาโดยตลอด เมื่อเติบโตขึ้นการแสวงหาคำตอบเรื่องความลึกลับของชีวิตนำข้าพเจ้าเข้าสู่การศึกษาในสาขาความรู้ใหญ่ 2 สาขา นอกเหนือจากการได้รับการศึกษาในโรงเรียนตามขั้นตอนปกติอย่างเด็กทั่วๆไป ข้าพเจ้าศึกษาวิชาโหราศาสตร์ตั้งแต่ปี 2516 เมื่ออายุประมาณ 13-14 ปี และข้าพเจ้าสนใจศึกษาวิชาพุทธศาสนาอย่างจริงจังซึ่งประกอบด้วยภาคปริยัติคือการเรียนรู้ศึกษาพระสูตร และมีการปฏิบัติภาวนาบ้างเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี
ยี่สิบกว่าปีกับการเรียนรู้และเก็บสถิติรูปแบบวิถีชีวิตของมนุษย์กับตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้าในวิธีการทางโหราศาสตร์ หรือที่เรียกว่าการคำนวณดวงชะตา ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นความมหัศจรรย์ของความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งสองอย่างชัดเจน
ในการศึกษาทางโลกข้าพเจ้าจบการศึกษาทางด้านสถิติและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นข้าพเจ้าเข้าใจดีถึงเรื่องของความสัมพันธ์โดยบังเอิญกับเรื่องของความสัมพันธ์ที่มีแบบแผนที่สามารถพยากรณ์หรือคาดการณ์ไปข้างหน้าได้ ในที่สุดข้าพเจ้าต้องยอมรับกับตัวเองว่าการที่จะอธิบายสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบในโหราศาสตร์นั้น วิธีที่ตรงมากที่สุดคือต้องยอมรับว่าจักรวาล โลก และมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นอย่างมีแบบแผนและมีจุดมุ่งหมายโดยใครบางคน... ใครบางคนนี้เป็นผู้มีสติปัญญาลึกล้ำเหลือที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้ ท่านผู้นี้อาจเป็นองค์ที่คนไทยทั่ว ๆ ไปเรียกว่าพระพรหม แต่ข้าพเจ้าโน้มเอียงที่จะเรียกท่านว่า พระเจ้า
ข้าพเจ้าพยายามหาคำตอบเหล่านี้ด้วยกำลังและวิธีการของตนเองมาโดยตลอด เมื่อเติบโตขึ้นการแสวงหาคำตอบเรื่องความลึกลับของชีวิตนำข้าพเจ้าเข้าสู่การศึกษาในสาขาความรู้ใหญ่ 2 สาขา นอกเหนือจากการได้รับการศึกษาในโรงเรียนตามขั้นตอนปกติอย่างเด็กทั่วๆไป ข้าพเจ้าศึกษาวิชาโหราศาสตร์ตั้งแต่ปี 2516 เมื่ออายุประมาณ 13-14 ปี และข้าพเจ้าสนใจศึกษาวิชาพุทธศาสนาอย่างจริงจังซึ่งประกอบด้วยภาคปริยัติคือการเรียนรู้ศึกษาพระสูตร และมีการปฏิบัติภาวนาบ้างเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี
ยี่สิบกว่าปีกับการเรียนรู้และเก็บสถิติรูปแบบวิถีชีวิตของมนุษย์กับตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้าในวิธีการทางโหราศาสตร์ หรือที่เรียกว่าการคำนวณดวงชะตา ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นความมหัศจรรย์ของความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งสองอย่างชัดเจน
ในการศึกษาทางโลกข้าพเจ้าจบการศึกษาทางด้านสถิติและคอมพิวเตอร์ ดังนั้นข้าพเจ้าเข้าใจดีถึงเรื่องของความสัมพันธ์โดยบังเอิญกับเรื่องของความสัมพันธ์ที่มีแบบแผนที่สามารถพยากรณ์หรือคาดการณ์ไปข้างหน้าได้ ในที่สุดข้าพเจ้าต้องยอมรับกับตัวเองว่าการที่จะอธิบายสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบในโหราศาสตร์นั้น วิธีที่ตรงมากที่สุดคือต้องยอมรับว่าจักรวาล โลก และมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นอย่างมีแบบแผนและมีจุดมุ่งหมายโดยใครบางคน... ใครบางคนนี้เป็นผู้มีสติปัญญาลึกล้ำเหลือที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้ ท่านผู้นี้อาจเป็นองค์ที่คนไทยทั่ว ๆ ไปเรียกว่าพระพรหม แต่ข้าพเจ้าโน้มเอียงที่จะเรียกท่านว่า พระเจ้า
..ข้าพเจ้าเชื่อเองว่ามีพระเจ้าแต่ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระเจ้า ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้านอกจากการยอมรับในประจักษ์พยานที่พระองค์แสดงไว้ในภาคพื้นฟ้าซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตมนุษย์ที่ผ่านมือข้าพเจ้าในโหราศาสตร์ ข้าพเจ้าต้องการหายสงสัยในเรื่องนี้แต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร...
แต่
แต่
พระเจ้าที่แท้จริง...?
แต่จิตวิญญาณในการแสวงหาคำตอบเรื่องชีวิตของข้าพเจ้ายังคงผลักดันข้าพเจ้าอยู่ และอาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา...อยากรู้ว่าศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าเขาสอนอะไรกัน...
ข้าพเจ้าจึงได้ตัดใจวางคัมภีร์พุทธศาสนาลงก่อน และเริ่มเปิดใจค้นคว้าศาสนาฮินดูจากคัมภีร์ภควัตคีตา (BHAGAVAD GITA) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคัมภีร์หลักของศาสนานั้น ทั้งนี้เพราะศาสนาฮินดูมีอิทธิพลต่อพุทธศาสนาค่อนข้างมากและศัพท์แสงที่ใช้ในทั้งสองศาสนาก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่หลายเรื่อง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้รู้จักบุคคลิกภาพของพระเจ้าในศาสนาฮินดูก่อน....
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าพยายามแสวงหาความรู้เรื่องพระเจ้าของศาสนาอิสลามจากเพื่อนฝูงและคนรู้จักที่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยผู้รู้ในศาสนานั้นเท่าที่พอจะหาอ่านได้ ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจเรื่องของโองการ (ซูเราะห์) ของพระเจ้า และอรรถกถาของศาสนาจารย์ (หะดีษ) ข้าพเจ้าจึงได้เริ่มรู้จักพระเจ้าในศาสนานั้นขึ้นมาบ้างอย่างเลาๆรางๆ ... แต่คำตอบอันเด็ดขาดเรื่องพระเจ้าก็ยังคงมาไม่ถึงข้าพเจ้า...
จวบจนกลางปี 2001 (พ.ศ. 2544) ข้าพเจ้าได้งานใหม่โดยได้ย้ายมาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ขณะนั้นบริษัทมีที่ทำการอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ใกล้ถนนสีลม..วันที่ 30 สิงหาคม 2001 เป็นวันพฤหัสบดี เวลาเที่ยงเศษ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ข้าพเจ้าเดินเล่นไปในซอยเล็ก ๆ ซึ่งเชื่อมโยงถึงกันไปมาในย่านนั้น ข้าพเจ้าเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่คุ้นเคยในตรอกซอยเหล่านั้นจนไปพบร้านหนังสือร้านหนึ่งชื่อ
แต่จิตวิญญาณในการแสวงหาคำตอบเรื่องชีวิตของข้าพเจ้ายังคงผลักดันข้าพเจ้าอยู่ และอาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ทำให้ข้าพเจ้าเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา...อยากรู้ว่าศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าเขาสอนอะไรกัน...
ข้าพเจ้าจึงได้ตัดใจวางคัมภีร์พุทธศาสนาลงก่อน และเริ่มเปิดใจค้นคว้าศาสนาฮินดูจากคัมภีร์ภควัตคีตา (BHAGAVAD GITA) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคัมภีร์หลักของศาสนานั้น ทั้งนี้เพราะศาสนาฮินดูมีอิทธิพลต่อพุทธศาสนาค่อนข้างมากและศัพท์แสงที่ใช้ในทั้งสองศาสนาก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่หลายเรื่อง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้รู้จักบุคคลิกภาพของพระเจ้าในศาสนาฮินดูก่อน....
ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าพยายามแสวงหาความรู้เรื่องพระเจ้าของศาสนาอิสลามจากเพื่อนฝูงและคนรู้จักที่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยผู้รู้ในศาสนานั้นเท่าที่พอจะหาอ่านได้ ข้าพเจ้าเริ่มเข้าใจเรื่องของโองการ (ซูเราะห์) ของพระเจ้า และอรรถกถาของศาสนาจารย์ (หะดีษ) ข้าพเจ้าจึงได้เริ่มรู้จักพระเจ้าในศาสนานั้นขึ้นมาบ้างอย่างเลาๆรางๆ ... แต่คำตอบอันเด็ดขาดเรื่องพระเจ้าก็ยังคงมาไม่ถึงข้าพเจ้า...
จวบจนกลางปี 2001 (พ.ศ. 2544) ข้าพเจ้าได้งานใหม่โดยได้ย้ายมาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ขณะนั้นบริษัทมีที่ทำการอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ใกล้ถนนสีลม..วันที่ 30 สิงหาคม 2001 เป็นวันพฤหัสบดี เวลาเที่ยงเศษ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ข้าพเจ้าเดินเล่นไปในซอยเล็ก ๆ ซึ่งเชื่อมโยงถึงกันไปมาในย่านนั้น ข้าพเจ้าเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่คุ้นเคยในตรอกซอยเหล่านั้นจนไปพบร้านหนังสือร้านหนึ่งชื่อ
พระเจ้าทรงตรัสกับข้าพเจ้า...
ตกดึกคืนนั้นเวลาประมาณ 2 นาฬิกาเศษข้าพเจ้าได้รับนิมิตในความฝันที่ชัดเจนติดตามากที่สุด ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่มีอากาศเย็นสบายและมีสีทองสว่างสุกใสรอบตัวยิ่งกว่าอยู่ในร้านขายทองเสียอีก รอบตัวของข้าพเจ้ามีแต่ก้อนเมฆสีทองสุกปลั่ง เต็มไปหมด ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดดังออกมาจากก้อนเมฆสีทองด้านหน้าข้าพเจ้าว่า
ตกดึกคืนนั้นเวลาประมาณ 2 นาฬิกาเศษข้าพเจ้าได้รับนิมิตในความฝันที่ชัดเจนติดตามากที่สุด ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่มีอากาศเย็นสบายและมีสีทองสว่างสุกใสรอบตัวยิ่งกว่าอยู่ในร้านขายทองเสียอีก รอบตัวของข้าพเจ้ามีแต่ก้อนเมฆสีทองสุกปลั่ง เต็มไปหมด ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดดังออกมาจากก้อนเมฆสีทองด้านหน้าข้าพเจ้าว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ จันทร์ ม.ค. 25, 2010 11:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระเจ้าทรงนำ...
วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ากลับไปที่ร้านหนังสือนั้นอีกเพื่อขอความเห็นจากผู้ดูแลร้านที่เป็นคริสเตียน เธอรับฟังเรื่องของข้าพเจ้าด้วยความตื่นเต้นและบอกว่า พระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าออกมาให้ได้รับความรอด ข้าพเจ้าถามว่า ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไร เธอตอบว่า ข้าพเจ้าต้องไปที่โบสถ์เพื่อรับเชื่อพระเจ้าโดยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้ายังรู้สึกสับสนงงงัน เมื่อเธอพูดถึงพระเยซูว่าคือพระเจ้าและเป็นพระเจ้าองค์เดียวกับที่ทรงตรัสกับข้าพเจ้าในนิมิต และเนื่องจากบ้านพักอาศัยของข้าพเจ้าอยู่ในย่านถนนพัฒนาการ เธอจึงได้แนะนำที่ตั้งของคริสตจักรในซอยอ่อนนุชให้ข้าพเจ้าและบอกให้ข้าพเจ้ารีบไปในวันอาทิตย์นั้นเลย
เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้านข้าพเจ้าบอกเรื่องนี้กับภรรยาว่าเราจะหาโอกาสไปเที่ยวที่โบสถ์คริสต์ที่ซอยอ่อนนุชกันในวันอาทิตย์หน้าเพราะวันอาทิตย์สุดสัปดาห์นั้นข้าพเจ้าไม่ว่าง แต่นี่ยังไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง ปัญหาที่แท้จริงคือข้าพเจ้าไม่รู้จักธรรมเนียมการไปโบสถ์ของชาวคริสต์ และข้าพเจ้าไม่รู้จักใครเลยที่จะไต่ถามได้... ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรดี...
แต่พระเจ้าไม่ทรงปล่อยงานที่ยังกระทำไม่เสร็จไว้กับข้าพเจ้าแต่เพียงลำพัง วันเสาร์รุ่งขึ้นนั้นเองพระเจ้าทรงส่งฑูตของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อนำทางให้ข้าพเจ้ามาพบพระองค์..
ในซอยบ้านข้าพเจ้านั้นมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่สุดซอย เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงเป็นครูสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง (ภายหลังจึงได้รู้จักว่าท่านชื่ออาจารย์นันทิยา) ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักท่านโดยส่วนตัวมาก่อน ท่านเดินผ่านหน้าบ้านข้าพเจ้าบ่อยๆ แต่เราไม่เคยคุยกัน บางครั้งท่านทักทายยิ้มหัวหยอกเล่นกับลูกสาวของข้าพเจ้าที่วิ่งเล่นอยู่ เราจึงได้ยิ้มทักทายกันบ้าง.. แต่พระเจ้าทรงนำท่านให้ได้พบกับภรรยาของข้าพเจ้าในวันเสาร์นั้นเองและเธอทั้งสองได้คุยกัน ในที่สุดภรรยาข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่าท่านเป็นคริสเตียน
เมื่อทราบดังนั้น ภรรยาข้าพเจ้าจึงตามข้าพเจ้าออกมาพบท่าน ข้าพเจ้าได้ทำความรู้จักกับท่านและได้เล่านิมิตของข้าพเจ้าให้ท่านฟัง และขอความรู้เรื่องการไปโบสถ์ของชาวคริสต์จากท่าน ท่านได้บอกว่าท่านขออาสาพาข้าพเจ้าไปโบสถ์ที่ใกล้บ้านของเรานั่นคือคริสตจักรร่มเย็น เราจึงนัดวันไปโบสถ์กันไว้เป็นวันอาทิตย์ถัดไป โดยข้าพเจ้าจะขับรถไปรับท่านที่บ้านสุดซอย แต่ครั้นถึงวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2001 (2544) ท่านกลับเป็นฝ่ายเดินมาที่บ้านของข้าพเจ้าเสียเองตั้งแต่เช้าเพื่อพาข้าพเจ้าไปโบสถ์...
"ข้าพเจ้าจึงได้มาที่ คริสตจักรร่มเย็น พัฒนาการซอย 17 เป็นครั้งแรกในวันนั้น และก็ในขณะที่นิมิตของพระเจ้ายังติดตาตรึงใจข้าพเจ้าอยู่อย่างชัดเจน ข้าพเจ้าได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า นับจากนั้นมาข้าพเจ้าก็พยายามหาทางรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าให้มากขึ้นด้วยการอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์... ข้าพเจ้าพยายามอ่าน และศึกษาพระคัมภีร์เท่าที่จะสามารถจัดสรรเวลาได้ และข้าพเจ้าอาศัยบทเรียนพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์เป็นแผนที่นำทางในการศึกษาด้วย...
วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ากลับไปที่ร้านหนังสือนั้นอีกเพื่อขอความเห็นจากผู้ดูแลร้านที่เป็นคริสเตียน เธอรับฟังเรื่องของข้าพเจ้าด้วยความตื่นเต้นและบอกว่า พระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าออกมาให้ได้รับความรอด ข้าพเจ้าถามว่า ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไร เธอตอบว่า ข้าพเจ้าต้องไปที่โบสถ์เพื่อรับเชื่อพระเจ้าโดยต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้ายังรู้สึกสับสนงงงัน เมื่อเธอพูดถึงพระเยซูว่าคือพระเจ้าและเป็นพระเจ้าองค์เดียวกับที่ทรงตรัสกับข้าพเจ้าในนิมิต และเนื่องจากบ้านพักอาศัยของข้าพเจ้าอยู่ในย่านถนนพัฒนาการ เธอจึงได้แนะนำที่ตั้งของคริสตจักรในซอยอ่อนนุชให้ข้าพเจ้าและบอกให้ข้าพเจ้ารีบไปในวันอาทิตย์นั้นเลย
เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้านข้าพเจ้าบอกเรื่องนี้กับภรรยาว่าเราจะหาโอกาสไปเที่ยวที่โบสถ์คริสต์ที่ซอยอ่อนนุชกันในวันอาทิตย์หน้าเพราะวันอาทิตย์สุดสัปดาห์นั้นข้าพเจ้าไม่ว่าง แต่นี่ยังไม่ใช่ปัญหาที่แท้จริง ปัญหาที่แท้จริงคือข้าพเจ้าไม่รู้จักธรรมเนียมการไปโบสถ์ของชาวคริสต์ และข้าพเจ้าไม่รู้จักใครเลยที่จะไต่ถามได้... ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรดี...
แต่พระเจ้าไม่ทรงปล่อยงานที่ยังกระทำไม่เสร็จไว้กับข้าพเจ้าแต่เพียงลำพัง วันเสาร์รุ่งขึ้นนั้นเองพระเจ้าทรงส่งฑูตของพระองค์มาหาข้าพเจ้าเพื่อนำทางให้ข้าพเจ้ามาพบพระองค์..
ในซอยบ้านข้าพเจ้านั้นมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่สุดซอย เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงเป็นครูสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง (ภายหลังจึงได้รู้จักว่าท่านชื่ออาจารย์นันทิยา) ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักท่านโดยส่วนตัวมาก่อน ท่านเดินผ่านหน้าบ้านข้าพเจ้าบ่อยๆ แต่เราไม่เคยคุยกัน บางครั้งท่านทักทายยิ้มหัวหยอกเล่นกับลูกสาวของข้าพเจ้าที่วิ่งเล่นอยู่ เราจึงได้ยิ้มทักทายกันบ้าง.. แต่พระเจ้าทรงนำท่านให้ได้พบกับภรรยาของข้าพเจ้าในวันเสาร์นั้นเองและเธอทั้งสองได้คุยกัน ในที่สุดภรรยาข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่าท่านเป็นคริสเตียน
เมื่อทราบดังนั้น ภรรยาข้าพเจ้าจึงตามข้าพเจ้าออกมาพบท่าน ข้าพเจ้าได้ทำความรู้จักกับท่านและได้เล่านิมิตของข้าพเจ้าให้ท่านฟัง และขอความรู้เรื่องการไปโบสถ์ของชาวคริสต์จากท่าน ท่านได้บอกว่าท่านขออาสาพาข้าพเจ้าไปโบสถ์ที่ใกล้บ้านของเรานั่นคือคริสตจักรร่มเย็น เราจึงนัดวันไปโบสถ์กันไว้เป็นวันอาทิตย์ถัดไป โดยข้าพเจ้าจะขับรถไปรับท่านที่บ้านสุดซอย แต่ครั้นถึงวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2001 (2544) ท่านกลับเป็นฝ่ายเดินมาที่บ้านของข้าพเจ้าเสียเองตั้งแต่เช้าเพื่อพาข้าพเจ้าไปโบสถ์...
"ข้าพเจ้าจึงได้มาที่ คริสตจักรร่มเย็น พัฒนาการซอย 17 เป็นครั้งแรกในวันนั้น และก็ในขณะที่นิมิตของพระเจ้ายังติดตาตรึงใจข้าพเจ้าอยู่อย่างชัดเจน ข้าพเจ้าได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า นับจากนั้นมาข้าพเจ้าก็พยายามหาทางรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าให้มากขึ้นด้วยการอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์... ข้าพเจ้าพยายามอ่าน และศึกษาพระคัมภีร์เท่าที่จะสามารถจัดสรรเวลาได้ และข้าพเจ้าอาศัยบทเรียนพระคัมภีร์ทางไปรษณีย์เป็นแผนที่นำทางในการศึกษาด้วย...
พระคุณพระเจ้า....
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเมตตาของพระองค์ และกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ข้าพเจ้า... พระเจ้าทรงรู้นิสัยของข้าพเจ้าผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขชีวิตเพื่อให้ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาค้นหาสิ่งต่างๆให้แจ้งใจก่อน เพื่อให้ข้าพเจ้ามีข้อมูลในชีวิตมากพอที่จะเปรียบเทียบด้วยตนเอง เพื่อว่าเมื่อถึงวาระที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะได้สิ้นสงสัย และไม่อาจปฎิเสธพระองค์ได้ และนี่คงเป็นพระประสงค์ที่พระองค์ไม่ส่งคริสเตียนไปประกาศกับข้าพเจ้าอย่างจริงจังตลอดสี่สิบกว่าปีในชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้า...
...ข้าแต่พระเจ้าผู้สูงสุด ข้าแต่พระเยซูคริสต์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณที่ทรงเรียกข้าพระองค์ออกมาให้ได้รับความรอด... ข้าพระองค์คือใครเล่าที่พระองค์ได้ทรงรักและทรงเอาพระทัยใส่อย่างเจาะจงถึงเพียงนี้ ... ข้าพระองค์คือผงคลีดินท่ามกลางมหาสาครและพิภพปฐพีอันไพศาลที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเท่านั้นเองมิใช่หรือ...พระองค์เจ้าข้า... ขอพระนาม พระเกียรติ พระสิริของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะบูชาแก่มนุษย์ทั้งหลายสืบไปเป็นนิตย์ - อาเมน...ชัยรัตน์ จิตต์แก้ว
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเมตตาของพระองค์ และกำหนดเวลาที่เหมาะสมที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ข้าพเจ้า... พระเจ้าทรงรู้นิสัยของข้าพเจ้าผู้ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงกำหนดเงื่อนไขชีวิตเพื่อให้ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาค้นหาสิ่งต่างๆให้แจ้งใจก่อน เพื่อให้ข้าพเจ้ามีข้อมูลในชีวิตมากพอที่จะเปรียบเทียบด้วยตนเอง เพื่อว่าเมื่อถึงวาระที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะได้สิ้นสงสัย และไม่อาจปฎิเสธพระองค์ได้ และนี่คงเป็นพระประสงค์ที่พระองค์ไม่ส่งคริสเตียนไปประกาศกับข้าพเจ้าอย่างจริงจังตลอดสี่สิบกว่าปีในชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้า...
...ข้าแต่พระเจ้าผู้สูงสุด ข้าแต่พระเยซูคริสต์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณที่ทรงเรียกข้าพระองค์ออกมาให้ได้รับความรอด... ข้าพระองค์คือใครเล่าที่พระองค์ได้ทรงรักและทรงเอาพระทัยใส่อย่างเจาะจงถึงเพียงนี้ ... ข้าพระองค์คือผงคลีดินท่ามกลางมหาสาครและพิภพปฐพีอันไพศาลที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นเท่านั้นเองมิใช่หรือ...พระองค์เจ้าข้า... ขอพระนาม พระเกียรติ พระสิริของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะบูชาแก่มนุษย์ทั้งหลายสืบไปเป็นนิตย์ - อาเมน...ชัยรัตน์ จิตต์แก้ว
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ขอบคุณมากครับ -w-
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
ขอบคุณ ครับ
สรรเสิรญพระเจ้า
สรรเสิรญพระเจ้า
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
อ่านจบละหรอ (แซววว) ฮิฮิ† † † Ʀƴʉʉϊƈƕ † † † เขียน: ขอบคุณมากครับ -w-
ผมเป็นอีกคนนึงที่แพ้ความยาว
จะอ่านให้จบครับ
พระเจ้าทรงเรียกลูกของพระองค์ทุกคน
รม 1:19
พระเจ้าทรงทำให้สิ่งที่รู้ได้เกี่ยวกับพระองค์ปรากฏชัดอยู่แล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่เมื่อทรงสร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือพระอานุภาพนิรันดรและเทวภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่ทรงสร้าง
รม 1:19
พระเจ้าทรงทำให้สิ่งที่รู้ได้เกี่ยวกับพระองค์ปรากฏชัดอยู่แล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่เมื่อทรงสร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือพระอานุภาพนิรันดรและเทวภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่ทรงสร้าง
อ่านไม่หมด จะเข้ามาอ่านอีกรอบ แล้วจะก๊อปปี้ด้วย , ที่อ่านไม่หมด ไม่ใช่อะไร , อ่านแล้วมันจะีร้องไห้้
กิจการพระเจ้าได้เริ่มต้นไว้นั้น
ไม่มีวันชะงักหรือหยุดพักไป
กิจนั้นย่อมไม่ต้องพึ่งป้อมปราการใด
แต่จำเริญใหญ่จากพืชพันธุ์เป็นช่อพวง
ไม่มีวันชะงักหรือหยุดพักไป
กิจนั้นย่อมไม่ต้องพึ่งป้อมปราการใด
แต่จำเริญใหญ่จากพืชพันธุ์เป็นช่อพวง
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
อัลเลลูยา อาเมน สรรเสริญพระเจ้า
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
sinner เขียน: น่าสนใจ...แต่ยาวววววววววววว...จัง..ขี้เกียจอ่านอ่า
เดี๋ยวบริโภคข้อมูลเกินอัตรา...หาใครมาย่อยให้ฟังดีกว่า...อิอิ
i think so, but i won't to say !! haha
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
สรรเสริญพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก อาเมน
นึกถึงโรงเรียนเก่า ร้องบ่อย ๆ จนจำได้เลยLee Seung Gi เขียน: กิจการพระเจ้าได้เริ่มต้นไว้นั้น
ไม่มีวันชะงักหรือหยุดพักไป
กิจนั้นย่อมไม่ต้องพึ่งป้อมปราการใด
แต่จำเริญใหญ่จากพืชพันธุ์เป็นช่อพวง
โรงเรียนสายสภาคริสตจักรฯ ละสิ 5555+ เช่นกันValkyrie_chan เขียน: สรรเสริญพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก อาเมน
นึกถึงโรงเรียนเก่า ร้องบ่อย ๆ จนจำได้เลยLee Seung Gi เขียน: กิจการพระเจ้าได้เริ่มต้นไว้นั้น
ไม่มีวันชะงักหรือหยุดพักไป
กิจนั้นย่อมไม่ต้องพึ่งป้อมปราการใด
แต่จำเริญใหญ่จากพืชพันธุ์เป็นช่อพวง
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
โหว ว
อยากร้องได้บ้าง ง
อยู่แต่ โรงเรียน คาทอลิกอ่า ....
- -* แต่ก็ มีเสหน์ ส่วนตังมั๊กๆ* อิอิ
อยากร้องได้บ้าง ง
อยู่แต่ โรงเรียน คาทอลิกอ่า ....
- -* แต่ก็ มีเสหน์ ส่วนตังมั๊กๆ* อิอิ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
Lee Seung Gi เขียน:เด็กดาราเก่าค่ะ ได้ร้องเพลงนี้ทุกสัปดาห์ เพราะเข้าหอประชุมValkyrie_chan เขียน: สรรเสริญพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก อาเมน
นึกถึงโรงเรียนเก่า ร้องบ่อย ๆ จนจำได้เลยLee Seung Gi เขียน: กิจการพระเจ้าได้เริ่มต้นไว้นั้น
ไม่มีวันชะงักหรือหยุดพักไป
กิจนั้นย่อมไม่ต้องพึ่งป้อมปราการใด
แต่จำเริญใหญ่จากพืชพันธุ์เป็นช่อพวง
โรงเรียนสายสภาคริสตจักรฯ ละสิ 5555+ เช่นกัน
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
ส่วนผม เด็กเก่าโรงเรียนปริ้นส์รอยแยลส์วิทยาลัยValkyrie_chan เขียน:Lee Seung Gi เขียน:เด็กดาราเก่าค่ะ ได้ร้องเพลงนี้ทุกสัปดาห์ เพราะเข้าหอประชุมValkyrie_chan เขียน: สรรเสริญพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก อาเมน
นึกถึงโรงเรียนเก่า ร้องบ่อย ๆ จนจำได้เลย
โรงเรียนสายสภาคริสตจักรฯ ละสิ 5555+ เช่นกัน
เวลาเข้าโบสถ์ตอนเช้า จะมีการแจกหนังสือเพลงนมัสการ แต่พอผู้นำบอกให้เปิดเพลงนี้ ทุกคนจะส่งหนังสือเพลงกลับไปที่หัวแถวหมด เพราะว่าร้องบ่อยมาก จนจำเนื้อได้ขึ้นใจ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณพระเจ้าครับ