ผมขอเล่าประสบการณ์ทางความเชื่อของผมออกเป็น 3 ช่วงนะครับ
1.เยาวชนผู้ไม่เดียงสา
ผมเชื่อว่าเยาวชนคริสตังส่วนใหญ่ มาวัดเพียงเพราะมากับครอบครัว
ไม่ได้มีความกระตือรือร้นในความเชื่อมากเท่าใดนัก
จนกระทั่งถึงช่วงชั้นมัธยมปลาย ที่ต้องเรียนพิเศษ เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ในช่วงเวลานั้นละ ที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างพระเจ้ากับตัวเอง
เช่น มีเรียนพิเศษตอนเช้าก็อาจจะไม่เข้ามิสซา พอเรียนเสร็จก็อ้างว่าเหนื่อยไม่เข้ามิสซา
(และอาจจะไปเที่ยวแทนอีกด้วย)
สำหรับตัวผมเองนั้น ช่วงเวลาดังกล่าวได้ตรงกับช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตก
เพื่อนผมหลายๆคนที่ตั้งใจเรียน ต้องออกจากโรงเรียน
เพราะครอบครัวไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน
ผมเองตอนนั้นก็มิได้เป็นคนศรัทธาอะไรนัก ก็ตั้งคำถามเชิงบ่นตัดพ้อว่า
"พระเจ้ามีจริงๆรึเปล่า? เหตุใดปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น"
แม้ผมจะกล่าวเช่นผู้สิ้นศรัทธา แต่ก็ดูเหมือนพระเจ้าทรงสดับฟังคำถามห้วนๆของผม และทรงตรัสตอบ
ในปีดังกล่าวได้มีงานเยาวชนโลกครั้งแรก
คณะครูได้เสนอชื่อผมเป็นตัวแทนของประเทศไทย
เนื่องจากผมเป็นเด็กช่วยมิสซาประจำของโรงเรียน
ณ ที่นั่นผมได้เห็นความน่าศรัทธาขององค์สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่สอง
ผมเองไม่ใช่คนที่ศรัทธาพระสงฆ์เท่าใดนัก
แต่ผมสัมผัสได้ถึงความรักจากผู้คนที่นั่นต่อที่นั่นต่อพระองค์
คนนับล้านจากบ้านเกิดเมืองนอนของตน มาที่นี่ เพื่อได้ใกล้ชิดพระองค์
พระองค์ต้องเป็นคนดีมากๆ ผู้คนมากมายจึงรักพระองค์มากขนาดนี้
พระองค์ทรงเป็นกันเองมากกับพวกเราเยาวชน
เมือเราเหล่าเยาวชนโบกมือเต้นตามเพลง
พระองค์ก็ทรงพยายามโบกพระหัตถ์ตาม ทั้งๆที่มีอาการสั่นอันเนื่องมาจากโรคพาร์กินสัน
พระองค์ได้กล่าวคำปิดท้ายซึ่งมีคนแปลให้ผม
"ไม่ว่าอย่างไร
จงอย่าหมดหวังในพระเจ้า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเรา
หากแต่เป็นเราเองที่ไม่เปิดใจ ไม่ยินยอมให้พระองค์บันดาลการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเรา
จงจำไว้ว่า พ่อจะไม่ลืมพวกเธอ
เพราะพวกเธอทุกคน
คือความหวังของโลก
คือความหวังของพ่อ
คือความหวังของพระศาสนจักร"
2.ตกผลึกทางความคิด
เมื่อผมกลับมา ผมรู้สึกว่าสื่อภายนอกนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพระศาสนจักรอย่างขาดความเข้าใจ
จำเป็นต้องได้รับการอธิบายอย่างถูกต้อง
ด้วยความช่วยเหลือของพ่ออนุสรณ์ แก้วขจร
จึงมีบทความCatholic World Tourลงในสารวัดฟาติมา
ผมกล้าพูดว่านั่นเพราะ พระสันตะปาปาจอห์นปอลเป็นแรงบันดาลใจของผม
หลังการสิ้นพระชนม์ของท่าน
หลายคนคงตั้งแง่กับท่านเบเนดิกต์ที่16 เพราะท่านเป็นคนหน้าดุ เงียบขรึม และดูหัวโบราณ
แต่ผมอยากบอกว่า ท่านเบเนดิกต์ทรงทำงานเป็นเบื้องหลังให้กับงานต่างๆของท่านจอห์นปอล
ท่านเป็นผู้ดำรงอนุรักษ์สิ่งดี แต่ก็เป็นคนที่ใจเปิดกว้าง สมถะ
ดังที่จะเห็นได้จากการกล่าวขอโทษต่อบรรดาผู้ถูกระทำ ในคดีพระสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในไอร์แลนด์
ทรงวอนขอให้พวกเขา กลับมาสู่พระศาสนจักร ก้าวไปด้วยกันสู่อ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้า
ทรงยอมที่จะเป็นฝ่ายขอโทษผู้อื่นก่อน ทั้งๆที่ยุคนี้เป็นช่วงเวลาระบาดของแนวคิด”สัมพันธนิยม” (Relativism) ที่ผู้คนจะแสดงว่าความคิดตัวเองถูกต้อง โดยไม่ยอมรับความผิดใดๆในทุกเรื่องราว
3.ทำงานรับใช้อย่างมุ่งมั่น
ผมได้ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ยุโรป โดยวัตถุประสงค์หลัก คือการไปเคารพพระศพพระสันตะปาปาจอห์นปอล แรงบันดาลใจของผม ซึ่งดูท่าพระเจ้าทรงอวยพรผมอย่างอุดม คือการได้แสวงบุญ12ประเทศ ภายใน 9 เดือน
ผมอยากแบ่งปันให้บรรดาผู้ใหญ่ที่ได้ตัดสินใจมอบหมายงานๆต่างที่ท่านคิดว่าเป็นกระแสเรียกที่ดีให้กับเยาวชน และบังคับให้เขาทำไปเรื่อยๆ โดยบอกว่า “ทำๆไปเถอะ เดี๋ยวพระเจ้าก็จะทรงอวยพรเอง”
ผมอยากให้พวกท่านเสนอแนวทางต่างๆให้พวกเขา โดยที่ให้พวกเขาตัดสินใจเองว่าจะเลือกแนวทางไหน
เพราะว่า นอกจากพระจิตเจ้าประทานพละกำลังแก่เราในการดำเนินกิจการแล้ว ยังทรงประทานพระปรีชาญาณในการวินิจฉัยเลือกกระแสเรียกของตนที่จะเสริมสร้างพระศาสนจักรได้สูงสุดตามศักยภาพของตน
“แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่างๆเหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น…พระเจ้าทรงจัดอวัยวะต่างๆในร่างกายให้อยู่ในที่ที่ทรงพระประสงค์…เพื่อร่างกายจะได้ไม่มีการแตกแยกใดๆ ตรงกันข้าม อวัยวะแต่ละส่วนจะเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ”
(1คร 12:12,18, 25)
_____________
เรียบเรียงจากการแบ่งปัน ณ โบสถ์แม่พระฟาติมา ดินแดง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2011
ติดตามการรายงานข่าวพระสันตะปาปาได้ที่
www.popereport.com
วศิน มานะสุรางกูล: เยาวชนผู้ทำเว็บไซต์รายงานข่าวพระสันตะปาปา
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ขอบคุณคนโพสและขอบคุณคุณวศินค่ะ
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรนะคะ
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรนะคะ
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับงานของวิน และขอบคุณวินสำหรับงานของพระเจ้า