ความทุกข์ของลูกคือความทุกข์ของแม่
ในครั้งหนึ่งที่กลุ่มแสวงบุญชาวฝรั่งเศสมาเมดจูกอเรจ
ฉันได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า"อัลเบิร์ต"
ในตอนแรกนั้นเขาได้เข้ามาหาซิสเตอร์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
และปรึกษากับซิสเตอร์ว่า
"ซิสเตอร์ กลุ่มทัวร์ที่มากับผมเขาเอาแต่สวดกัน
ผมรู้สึกเบื่อมากๆเลย ผมอยากมาเที่ยว"
ซิสเตอร์ก็แนะนำสั้นๆว่า
"คุณลองอยู่กับพวกเขาไปสักระยะก่อนนะ"
พอวันเวลาเริ่มผ่านไป อัลเบิร์ตเริ่มมีความปิติกับการภาวนา
ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงก๋ค่อยปริยิ่มจนดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นฉีกมาถึงใบหู^^
แต่ในวันสุดท้ายที่อัลเบิร์ตจะต้องกลับ อัลเบิร์ตกลับมีใบหน้าที่เศร้าสร้อย
"อัลเบิร์ตเกิดอะไรขึ้น" ซิสเตอร์ถาม
"ซิสเตอร์ ผมรักที่นี่มากเลย แต่ผมมีหนี้สินมากมายกว่าจะกลับมาได้อีกอย่างน้อยก็คง3ปี
ผมรักการภาวนา แต่ผมไม่รู้จะหาชุมชนแห่งการภาวนาได้ที่ไหน
จะชวนภรรยาของผมร่วมสวดภาวนาก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะเราเคยทะเลาะกันบ่อยๆ จนเดี๋ยวนี้แทบไม่ได้คุยกันเลย "
"อัลเบิร์ต ถ้าอย่างนั้นเธอก็พยายามภาวนาแม้ตัวคนเดียวนะ
ให้เธอมอบความปรารถนา/ปัญหาต่างๆของเธอให้กับแม่พระ
และให้เธอรับ ความปราถนาของแม่พระ มาแทนที่ไว้ในจิตใจของเธอ
พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมทุกสิ่งให้" ซิสเตอร์ตอบ และเราก็ร่ำลากัน
3เดือนต่อมา ซิสเตอร์ก็ได้พบกับเขาอีกที่เมดจูกอเรจ^^''
"อัลเบิร์ต เกิดอะไรขึ้น ไหนเธอบอกว่าอีก3ปีไงละ"

"ซิสเตอร์ ผมถูกภรรยาบังคับให้พาเธอมาทีนี้"
"ภรรยาของเธอ?ไหนเล่าเรื่องให้ซิสเตอร์ฟังสิ"
"เมื่อผมกลับมาที่บ้าน ผมได้ห้องเงียบที่ไม่มีใครเข้าๆออกๆ
ผมสวดภาวนาที่นั่นทุกวันโดยไม่ได้บอกใคร จนกระทั่งวันหนึ่ง
ภรรยาของผมก็ได้เขามาในห้อง
"อับเบิร์ต เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ มานั่งเงียบได้เป็นวันๆทุกวัน เธอกำลังทำอะไรอยู่หน่ะ?"
"ฉันกำลังภาวนา"
"การภาวนา? มันคืออะไรเหรอ?"
"ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก ฉันไม่ใช่บาทหลวงซะด้วยสิ
เอางี้ละกันนะ เธอมานั่งดูฉันภาวนาละกัน"
ทุกวันๆผมก็จะภาวนาโดยที่ภรรยาผมสังเกต
จนวันหนึ่งเธอเริ่มภาวนาตาม และถามผมเรื่องราวที่เมดจูกอเรจ
เมื่อผมเล่าจบ เธอเกรี้ยวกราดใส่ผม
"ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้! ฉันจะได้ไปด้วย
เรามาไปเมดจูกอเรจด้วยกันเถอะ"
"แต่ที่รัก เราไม่มีเงินนะ"ผมบอก
"เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องตั๋วเอง"เธอตอบ
และแล้ว เราก็ได้มาที่นี่กัน
จนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเธอไปหาตั๋วมาจากไหน^^"