++ ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้า ++
ตอนประมาณ ม.ต้น ...ผมเคยฝันว่า พระเยซูมาให้พรครับ และหลังจากนั้นก็ฝันเห็นเทวดา
หลังจากนั้น 4 ปี อาของผมมาค้างบ้านผมพักใหญ่แล้วพาผมไปเที่ยวโบสถ์ ผมก็เลยถามเรื่องเกี่ยวกับคริสต์ อาก็บอกทุกเรื่อง ทำให้ผมศรัทธายิ่งขึ้น ...วันที่ไปโบสถ์ครั้งแรก ปรากฏว่าเขามีงานเพลงที่โบสถ์พอดี ผมว่าคลาสสิคมากครับ(ผมเป็นคนชอบเพลงคลาสสิคอยู่แล้ว) วันนั้นเป็นวันเสาร์อ่ะคับ...และวันต่อมาอาก็พาไปอาสนวหารอัสสัมชัญ แล้วอาผมก็ให้บทสวดมนต์พื้นฐานมา
หลังจากนั้นผมก็เกิดศรัทธาอย่างจริงจัง
หลังจากนั้น 4 ปี อาของผมมาค้างบ้านผมพักใหญ่แล้วพาผมไปเที่ยวโบสถ์ ผมก็เลยถามเรื่องเกี่ยวกับคริสต์ อาก็บอกทุกเรื่อง ทำให้ผมศรัทธายิ่งขึ้น ...วันที่ไปโบสถ์ครั้งแรก ปรากฏว่าเขามีงานเพลงที่โบสถ์พอดี ผมว่าคลาสสิคมากครับ(ผมเป็นคนชอบเพลงคลาสสิคอยู่แล้ว) วันนั้นเป็นวันเสาร์อ่ะคับ...และวันต่อมาอาก็พาไปอาสนวหารอัสสัมชัญ แล้วอาผมก็ให้บทสวดมนต์พื้นฐานมา
หลังจากนั้นผมก็เกิดศรัทธาอย่างจริงจัง
-
- โพสต์: 5
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 09, 2010 2:55 am
ทำไม่ถึงใช้คำว่าตัดสินใจ ไม่เคยรู้สึกว่าต้องตัดสิน รู้สึกแต่เชื่อ ไว้ใจและรัก มาตลอดจนทุกวันนี้ งงว่าตัดสินใจทำไม
-
- โพสต์: 15
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 29, 2011 6:20 pm
- ที่อยู่: WWW.FACEBOOK.COM/DDREAMLANDD
ดิฉันอยากจะพิมพ์ข้อความที่มันอัดอั้นภายในจิตใจมา กว่า 10 ปี.
อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องที่ไม่น่าสนใจ แล้วเลื่อนผ่านข้อความของดิฉันไป.
.
ดิฉันเกิดและเติบโตมาในครอบครัวของพุทธศาสนิกชนที่ดีมากๆ.
แต่กระนั้นครอบครัวของดิฉันกลับมีแต่ปัญหา เนื่องจากคุณพ่อเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องอบายมุข.
ดังนั้นคุณแม่จึงกลายเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก. ท่านอาจจะไม่ได้ใช้คำพูดที่ดีมากกับดิฉัน.
แต่ท่านก็คอยเป็นห่วงเป็นใยทุกๆเรื่องเท่าที่ท่านจะดูแลได้ดิฉัน.
ตอนอนุบาลดิฉันอยู่รร. ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายน้อย เพราะตอนนั้นคุณแม่เป็นแม่บ้าน.
แต่ต่อมาเนื่องจากท่านมีปัญหาเกี่ยวกับคุณพ่อทำให้ท่านต้องหางานทำเพื่อเลี้ยงดิฉันและพี่ชาย.
ดิฉันเชื่อฟังคุณแม่เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเชื่อฟังได้ตลอดมา.. .
.
จนกระทั้งคุณแม่ถามฉันว่าอยากจะเข้า ป1. รร. อะไร
ดิฉันตอบชื่อรร. แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น รร. คาทอลิก ใครจะเชื่อว่า เด็กๆอย่างดิฉันจะรู้เรื่องรร.
แต่ตอนนั้นอยู่ดีๆดิฉันก็อยากจะเข้าไปในรร. แห่งนั้น ดิฉันเชื่อในพระเจ้า วางใจในพระองค์.
ตั้งแต่เด็ก.. . ผู้คนที่เป็นคาทอลิกที่รู้จักดิฉันที่ รร. มักจะถามว่าทำไมไม่ไปเรียนคำสอน.
ตอนนั้นดิฉันงงมาก ว่าจะไปได้อย่างไรในเมื่อดิฉันเป็นพุทธ.. .
แต่ทุกๆคนกลับคิดว่าดิฉันเป็นคริสต์เพราะนามสกุลของดิฉัน.
ตั้งแต่เด็กดิฉันอยากจะบวชเป็นภคินี และอยากจะย้ายศาสนา. แต่ก็ถูกที่บ้านห้ามมาตั้งแต่เด็ก
ด้วยความที่ ที่บ้านมีปัญหาดิฉันจึงหยุดการพูดจาเรื่องนี้ แต่ในใจของดิฉันกลับเร้าร้อนไปด้วยความเชื่อต่อพระเจ้า ดิฉันเรียน รร. คาทอลิก คือ รร. เซนต์โยเซฟระยอง และที่นั้นที่ทำให้ดิฉันมีความเชื่อ และการรับใช้พระ ดิฉันมักจะเดินผ่านบ้านมาเซอร์ เขตพรต หรือสถานที่ต่างๆที่ทำให้ดิฉันเกิดความสงบในใจ รร. ของดิฉันอยู่ติดกับโบสถ์และมีสุสานด้านหลังของ รร. อยู่มาวันหนึ่ง คุณครูท่านหนึ่งได้พาดิฉันมาที่สุสาน ดิฉันได้เห็นอัศจรรย์ สิ่งที่ดิฉันได้เห็นคือ มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งกำลังยืนไหว้ดิฉันอยู่.
ต่อจากนั้นดิฉันก็ศรัทธาเงียบๆ มาเสมอ. จนกระทั้งดิฉันเข้าศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 4
ที่รร. อัสสัมชัญระยอง ดิฉันมีความกล้ามากขึ้นที่เข้าหาพระ หลังจากที่ดิฉันไปเข้าค่ายเพื่อนนักบุญมงฟอร์ต ดิฉันได้ไปเข้าค่ายที่มรณสักขี สองคอน ดิฉันพบอัศจรรย์ที่นั้น. หลังกลับมาจากค่ายดิฉัน
อยากจะเข้าหาพระจริงๆ ดิฉันเข้าพบ บราเดอร์ ที่ รร. เพื่อขออนุญาตเรียนคำสอน ท่านใจดีมาก
ดิฉันได้เล่าเรื่องราวที่ประสบมาแด่ท่าน ขอเอ่ยนามผู้มีพระคุณแก่ดิฉัน
ท่านชื่อว่า ภราดา สมพร คงวิมล . ดิฉันกล้าที่จะไปโบสถ์คนเดียว สวดคนเดียวที่สุสาน
ดิฉันชอบความสงบที่สุสานด้านหลังโบสถ์ ดิฉันรู้สึกถึงพระในทุกๆสรรพสิ่ง.
ดิฉันปราถนาที่จะล้างบาปปัสกานี้ โดย บ. สมพร คุยกับคุณแม่ของดิฉันให้
คุณแม่ยอมที่จะให้เรียนคำสอน แต่เรื่องการล้างบาปท่านบอกดิฉันว่ามันเป็นกระแส
ท่านบอกว่าดิฉันเปลี่ยนไปหลังจากกลับมาจากค่าย แต่ดิฉันสวดทุกวัน เช้าเย็น
เช้า ตีช่วงประมาณ ตี 3 - ตี 5 และเย็นก่อนนอน ขณะรับประทานอาหาร ดิฉันรำพึงถึงพระแทบๆจะทุกๆลมหายใจ ใครๆต่างก็มองว่าดิฉันเป็นเด็กไม่ดีเลือกพระมากกว่าคำสั่งสอนของแม่
ดิฉันโดนคุณแม่ด่า ว่า ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ใครๆก็ว่าอีกไม่นานฉันจะเลิกไปเอง
ดิฉันคุยกับซิสเตอร์ที่โบสถ์ หนีแม่ไปโบสถ์ทุกๆวัน เพื่อสวดให้พ่อของดิฉันที่ป่วยหนัก
อย่างไม่ทราบสาเหตุ และดิฉันโดนสั่งยื่นคำขาด ห้ามสวด ห้ามไปโบสถ์ ห้ามไปค่าย
แต่ดิฉันเชื่อในพระ พระเจ้าเท่านั้นที่รักอย่างไม่มีพันธนาการ รักเพราะดิฉันเป็นลูกของพระ
ไม่ได้รักดิฉันเพราะหน้าที่ ดิฉันรักในพระเจ้าเพียงองค์เดียว ดิฉันวางใจในพระองค์เสมอ
ไม่ว่าดิฉันจะต้องทนกับการกระทำของแม่ดิฉันสักเท่าไร ดิฉันจะทำเพื่อพระเจ้า.
ดิฉันยอมทุกอย่างเพื่อหนทางแด่พระเจ้า. ขอบคุณท่านผู้อ่านค่ะ.
อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องที่ไม่น่าสนใจ แล้วเลื่อนผ่านข้อความของดิฉันไป.
.
ดิฉันเกิดและเติบโตมาในครอบครัวของพุทธศาสนิกชนที่ดีมากๆ.
แต่กระนั้นครอบครัวของดิฉันกลับมีแต่ปัญหา เนื่องจากคุณพ่อเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องอบายมุข.
ดังนั้นคุณแม่จึงกลายเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก. ท่านอาจจะไม่ได้ใช้คำพูดที่ดีมากกับดิฉัน.
แต่ท่านก็คอยเป็นห่วงเป็นใยทุกๆเรื่องเท่าที่ท่านจะดูแลได้ดิฉัน.
ตอนอนุบาลดิฉันอยู่รร. ซึ่งใช้ค่าใช้จ่ายน้อย เพราะตอนนั้นคุณแม่เป็นแม่บ้าน.
แต่ต่อมาเนื่องจากท่านมีปัญหาเกี่ยวกับคุณพ่อทำให้ท่านต้องหางานทำเพื่อเลี้ยงดิฉันและพี่ชาย.
ดิฉันเชื่อฟังคุณแม่เท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเชื่อฟังได้ตลอดมา.. .
.
จนกระทั้งคุณแม่ถามฉันว่าอยากจะเข้า ป1. รร. อะไร
ดิฉันตอบชื่อรร. แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น รร. คาทอลิก ใครจะเชื่อว่า เด็กๆอย่างดิฉันจะรู้เรื่องรร.
แต่ตอนนั้นอยู่ดีๆดิฉันก็อยากจะเข้าไปในรร. แห่งนั้น ดิฉันเชื่อในพระเจ้า วางใจในพระองค์.
ตั้งแต่เด็ก.. . ผู้คนที่เป็นคาทอลิกที่รู้จักดิฉันที่ รร. มักจะถามว่าทำไมไม่ไปเรียนคำสอน.
ตอนนั้นดิฉันงงมาก ว่าจะไปได้อย่างไรในเมื่อดิฉันเป็นพุทธ.. .
แต่ทุกๆคนกลับคิดว่าดิฉันเป็นคริสต์เพราะนามสกุลของดิฉัน.
ตั้งแต่เด็กดิฉันอยากจะบวชเป็นภคินี และอยากจะย้ายศาสนา. แต่ก็ถูกที่บ้านห้ามมาตั้งแต่เด็ก
ด้วยความที่ ที่บ้านมีปัญหาดิฉันจึงหยุดการพูดจาเรื่องนี้ แต่ในใจของดิฉันกลับเร้าร้อนไปด้วยความเชื่อต่อพระเจ้า ดิฉันเรียน รร. คาทอลิก คือ รร. เซนต์โยเซฟระยอง และที่นั้นที่ทำให้ดิฉันมีความเชื่อ และการรับใช้พระ ดิฉันมักจะเดินผ่านบ้านมาเซอร์ เขตพรต หรือสถานที่ต่างๆที่ทำให้ดิฉันเกิดความสงบในใจ รร. ของดิฉันอยู่ติดกับโบสถ์และมีสุสานด้านหลังของ รร. อยู่มาวันหนึ่ง คุณครูท่านหนึ่งได้พาดิฉันมาที่สุสาน ดิฉันได้เห็นอัศจรรย์ สิ่งที่ดิฉันได้เห็นคือ มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งกำลังยืนไหว้ดิฉันอยู่.
ต่อจากนั้นดิฉันก็ศรัทธาเงียบๆ มาเสมอ. จนกระทั้งดิฉันเข้าศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 4
ที่รร. อัสสัมชัญระยอง ดิฉันมีความกล้ามากขึ้นที่เข้าหาพระ หลังจากที่ดิฉันไปเข้าค่ายเพื่อนนักบุญมงฟอร์ต ดิฉันได้ไปเข้าค่ายที่มรณสักขี สองคอน ดิฉันพบอัศจรรย์ที่นั้น. หลังกลับมาจากค่ายดิฉัน
อยากจะเข้าหาพระจริงๆ ดิฉันเข้าพบ บราเดอร์ ที่ รร. เพื่อขออนุญาตเรียนคำสอน ท่านใจดีมาก
ดิฉันได้เล่าเรื่องราวที่ประสบมาแด่ท่าน ขอเอ่ยนามผู้มีพระคุณแก่ดิฉัน
ท่านชื่อว่า ภราดา สมพร คงวิมล . ดิฉันกล้าที่จะไปโบสถ์คนเดียว สวดคนเดียวที่สุสาน
ดิฉันชอบความสงบที่สุสานด้านหลังโบสถ์ ดิฉันรู้สึกถึงพระในทุกๆสรรพสิ่ง.
ดิฉันปราถนาที่จะล้างบาปปัสกานี้ โดย บ. สมพร คุยกับคุณแม่ของดิฉันให้
คุณแม่ยอมที่จะให้เรียนคำสอน แต่เรื่องการล้างบาปท่านบอกดิฉันว่ามันเป็นกระแส
ท่านบอกว่าดิฉันเปลี่ยนไปหลังจากกลับมาจากค่าย แต่ดิฉันสวดทุกวัน เช้าเย็น
เช้า ตีช่วงประมาณ ตี 3 - ตี 5 และเย็นก่อนนอน ขณะรับประทานอาหาร ดิฉันรำพึงถึงพระแทบๆจะทุกๆลมหายใจ ใครๆต่างก็มองว่าดิฉันเป็นเด็กไม่ดีเลือกพระมากกว่าคำสั่งสอนของแม่
ดิฉันโดนคุณแม่ด่า ว่า ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ใครๆก็ว่าอีกไม่นานฉันจะเลิกไปเอง
ดิฉันคุยกับซิสเตอร์ที่โบสถ์ หนีแม่ไปโบสถ์ทุกๆวัน เพื่อสวดให้พ่อของดิฉันที่ป่วยหนัก
อย่างไม่ทราบสาเหตุ และดิฉันโดนสั่งยื่นคำขาด ห้ามสวด ห้ามไปโบสถ์ ห้ามไปค่าย
แต่ดิฉันเชื่อในพระ พระเจ้าเท่านั้นที่รักอย่างไม่มีพันธนาการ รักเพราะดิฉันเป็นลูกของพระ
ไม่ได้รักดิฉันเพราะหน้าที่ ดิฉันรักในพระเจ้าเพียงองค์เดียว ดิฉันวางใจในพระองค์เสมอ
ไม่ว่าดิฉันจะต้องทนกับการกระทำของแม่ดิฉันสักเท่าไร ดิฉันจะทำเพื่อพระเจ้า.
ดิฉันยอมทุกอย่างเพื่อหนทางแด่พระเจ้า. ขอบคุณท่านผู้อ่านค่ะ.
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ทำไมคุณถึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้าเพราะแสวงหาความรักโดยไม่รู้ตัวมาตลอดค่ะ
ผมเกิดมาในครอบครัวคริสต์(โปรแตสแตนซ์)มาตั้งแต่เด็กเลยครับ
จะไปโบสถ์บ่อยมาก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เชื่อจริงจังอะไรแต่พออยู่
ม.3 ตอนนี้ศรัทธาอย่างรุนแรง เพราะได้เรียนรู้คำสอนเรื่องความรัก
อย่างกระจ่างถ่องแท้จากศาสนาจารย์ที่โบสถ์
และทำให้ผมซาบซึ้งในความรักขององค์พระเจ้ามาจนบัดนี้และสืบไปเป็นนิตย์
เชร์วาล
คนรักพระเจ้า
จะไปโบสถ์บ่อยมาก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เชื่อจริงจังอะไรแต่พออยู่
ม.3 ตอนนี้ศรัทธาอย่างรุนแรง เพราะได้เรียนรู้คำสอนเรื่องความรัก
อย่างกระจ่างถ่องแท้จากศาสนาจารย์ที่โบสถ์
และทำให้ผมซาบซึ้งในความรักขององค์พระเจ้ามาจนบัดนี้และสืบไปเป็นนิตย์
เชร์วาล
คนรักพระเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่คนจะมีศาสนาอยู่
เป็นการยากที่คนจะเกิดในแผ่นดินที่มีศาสนาที่ถูกต้อง
เป็นการยากที่คนจะเกิดในสถานที่อุดมสมบูรณ์
พระพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบาย
เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ
เป็นการยากที่คนจะมีศาสนาอยู่
เป็นการยากที่คนจะเกิดในแผ่นดินที่มีศาสนาที่ถูกต้อง
เป็นการยากที่คนจะเกิดในสถานที่อุดมสมบูรณ์
พระพุทธพจน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สำหรับผม..ผมก็คริสตังยืนครับ ทำไมเชื่อหรือไม่ทราบว่าจะเรียกว่าอย่างไรดี จากวัยเด็กผมอยู่ใกล้พระมาตลอด พระคือเพื่อนเล่น พระคือเซเว่น เป็นได้สารพัด ได้แต่คิดว่าสักวันคงมีโอกาสได้รับศีลเหมือนคนอื่นๆ และโอกาสก็มาถึงได้ย้ายที่ทำงานได้มีโอกาสใกล้พระมากขึ้นอีก จนวันนึงป่วยได้ขอพระไว้ ให้สามารถทำงานได้เหมือนเดิมแล้วจะรับใช้พระองค์ตลอดชีวิต จึงได้รับโปรดศีลล้างบาปครับ
เพิ่งเป็นสมาชิกได้ไม่นาน อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ยาวหน่อย รู้จักพระเจ้ามาได้ประมาณ15ปี แรกเริ่มที่เชื่อพระเจ้าจากเพื่อนข้างบ้านที่เป็นคริสเตียนชวนไปโบสถ์ความหวังแต่ตอนนั้นความเชื่อยังไม่แข็งแรง ทำให้การไปโบสถ์ยังไม่ค่อยกล้าใจยังเฉยๆ แต่อยากเรียนรู้ ตอนนั้นยังไม่เข้าใจถึงเรื่องพระเจ้าเลยด้วยซั้าเหมือนใครบอกอะไรแล้วยังไม่เข้าหัวไม่รู้เรื่อง คงยังมีซาตานครอบงำอยู่ เพื่อนให้นำอธิษฐานก่อนทานข้าวก็ไม่กล้าเลี่ยงไปเรื่อย แต่เพื่อนๆก็น่ารักมาก ช่วงนั้นเค้ารู้ว่าเรากำลังสอบเข้าราชภัฏเพราะเอนไม่ติด เป็นปีที่สองแล้ว คือเป็นคนหัวไม่ดีเหลวไหล คนที่โบสถ์ช่วยกันอธิฐานให้ แล้วเราก็ขอจากพระเจ้าด้วยถึงแม้ยังมีความสงสัยก็ตาม ในที่สุดพระเจ้าก็ประทานให้ แต่พอได้เข้าไปเรียนมีเพื่อนใหม่เรากลับลืมพระเจ้า คือไม่ค่อยไปโบสถ์ แต่ยังอธิฐานเรื่อยๆ มีไบเบิลก็อ่านบ้างเพื่อนที่เรียนก็ถามว่าเป็นคริสต์เตียนเหรอ เราก็บอกใช่ แต่เชื่อมั๊ยว่าเราอ่านไบเบิลเท่าไรก็ไม่เคยรู้เรื่องเลยไม่เข้าใจ แต่เราจะเป็นคนที่ชอบอธิฐานกับพระเจ้าคือถ้าเจอขอทานเราก็ขอพระเจ้าคุ้มครองเค้า เจอแมวโดนรถชนตายต่อหน้าเราก็บอกพระเจ้า เราก็เชื่อพระเจ้าแบบไม่กระจ่างแบบมัวมาได้จนเรียนจบทำงาน ตอนเริ่มทำงานเราก็มีชีวิตการทำงานที่ดี คือเป็นเซลล์ ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบได้งาน เงินเดือนคอมมิชชั่นได้หลักเกือบแสนมาตลอด แต่เราลืมไปว่านี่คือพรจากพระเจ้า เราเริ่มไปนับถือโน่นนี่นั้น ไม้ต่างๆเทพฮินดู จนเริ่มมีปัญหามากมาย มีครอบครัวแต่พระเจ้าก็ส่งคนที่รู้จักพระเจ้าเหมือนกันมาให้คือแฟนเข้าโบสถ์เซ็นหลุยแต่ก็เหมือนเราคือพอชีวิตดีก็ลืมพระเจ้า แฟนทำกิจการเอง ครอบครัวเราก็ใช้ชีวิตแบบขึ้นๆลงมาตลอด คือพระเจ้าน่าจะเตือนให้เรานึกถึงพระเจ้าแล้ว แต่เรากลับลืมไปเลยไปเข้าวัดแทน อาบน้ำมนต์ หาหมอดู จนขั้นที่วิกฤตเกือบจะที่สุดคือตอนนั้นอยู่เราก็ตัดสินใจเอาไบเบิลไปบริจาค คือคิดในใจว่าเราไม่เชื่อแ้วแน่นอน เราจะไหว้พระสวดมนต์ เราก็ชวนแฟนแต่แฟนก็ไม่สวดเค้าบอกไม่ถนัดสวดพุทธถนัดแต่คริสต์แต่ตอนนั้นแฟนก็ไม่สวดเลยทั้งสองอย่าง เราก็บูชาแต่เทพฮินดู(เราไม่ได้ว่าพุทธหรือเทพฮินดูไม่ดีนะแต่อาจเพราะเราได้เคยเป็นลูกพระแล้วเราก็คงตองรักพระเจ้าเท่านั้น) เริ่มทำธุรกิจก็พังหมดตัว งานที่เราทำอยู่ก็ขายไม่ได้ยอดเลย ภาระเยอะมาก ท้อถอยกันมากยังหาทางออกไม่ได้ จนอยู่ๆมาวันหนึ่งตอนนั้นออกจากงานแล้ว ลาคลอดลูกอยู่บ้าน เปิดทีวี แล้วเจอคำพูดว่ากลับมาหาพระเจ้า พระเจ้ายังคงรักเราอยู่ทำนองนี้ เราร้องไห้เลยโทรบอกแฟนเลยว่าเราอยากไปโบสถ์ ตอนนั้นน่าจะเป็นช่องคริสต์เตียน แฟนเราบอกว่ามีโบสถ์พระแม่สกลสงเคราะห์อยู่หน้าปากซอย (คาทอลิก) และนั้นเองก็เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ได้กลับมาหาพระเจ้าอีกครั้ง ยังไม่จบมีต่ออีกแต่มาเล่าต่อนะคะอย่าพึ่งเบื่อนะคะ
มาเล่าต่อ ตอนที่กลับมาเข้าโบสถ์อีกครั้ง เรารู้สึกอบอุ่นมากๆ สุขใจถึงแม้จะยังมีปัญหามากมาย ครอบครัวเราขอเรียนคำสอนเพื่อที่จะล้างบาป ตอนนั้นก็เดือนตุลา53 ช่วงแรกที่มาโบสถ์คาทอลิกก็ยังเก้ๆกังๆแต่มีมาเซอร์วารุณีและครูเพ็ญคอยแนะนำ และคนที่โบสถ์ก็น่ารักมาก เพราะเรามีลูกๆไปด้วย ก็มีเสียงดังบ้าง แต่ทุกคนก็ยินดี และก็มีอัศจรรย์เกิดขึ้นหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่ลืมเลย คือ ตอนที่มาโบสถ์แรกๆน่าจะเดือนตุลา คืนหนึ่งในวันอาทิตย์ เราก็เล่นเน็ทคือศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า และพระสันตะปาปายอลปอที่2 แล้วเราก็นึกในใจว่าพระเจ้าจะรู้มั๊ยว่าลูกกลับมาแล้ว ดูไปเรื่อยแล้วก็เข้านอนซัก4ทุ่มกว่าๆ พอนอนไปได้ซักพักเราก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเคาะที่กำแพงหัวนอนด้านที่แฟนนอนเคาะอยู่ซักพักเราก็ลุกขึ้นดูเปิดม่านดูที่หน้าต่างก็สงสัยว่าเสียงอะไร แต่ก็ไม่เห็น ก็เลยนอนต่อซักพักก็ได้ยินอีกเราก็เปิดม่านดูที่ระเบียงก็ไม่เห็นก็นึกในใจแต่ไม่มีความกลัวเลยว่าใครจะมาเคาะได้อย่างไร บ้านเราเป็นบ้านเดียวตรงกำแพงที่เคาะก็เป็นกำแพงเรียบๆตรงหน้าต่างหัวนอนไม่มีที่ให้ใครยืนได้ชั้นสองด้วย ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรก็เลยนอนต่อ พอนอนอีกซักพักก็มีเสียงเคาะอีกเราก็เปิดม่านหัวเตียงข้างที่แฟนนอนดูอีกก็ไม่มีเรามองไปที่พื้นก็เป็นสนามหญ้าเราก็แปลกทำไมแฟนนอนหลับไม่รู้เรื่องเลยคราวนี้ก็เหมือนมีอะไรดลใจเรา ก็มาเปิดดูด้านหัวนอนเราพอมองออกไปเห็นบนท้องฟ้าเป็นระยะใกล้ๆตา เห็นกลุ่มดาวระยิบระยับสวยมากๆ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก แล้วกลุ่มดาวก็ค่อยๆหายไป ก็กลายเป็นท้องฟ้าธรรมดา เรารู้ในใจเราเลยว่าพระเจ้าได้ให้เรารับรู้ว่าท่านรู้และท่านยังเสริมความเชื่อของเราให้มั่นคงว่ามีพระเจ้าอยู่กับเราตลอดเราก็ขอพระเจ้าให้มีสิ่งดีๆกับครอบครัวลูก น้ำตาไหลด้วยความสุขใจ เรายังจำมาจนทุกวันนี้ พระก็อวยพรให้ครอบครัวเราพระช่วยให้แฟนเรากับป๊าๆเค้าคืนดีกันเพราะตอนที่มีปัญหาก็ตัดพ่อตัดลูกกันเลยทีเดียวคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ดีกันแน่เพราะไม่ได้ติดต่อกันมาหลายเดือน แต่อยู่ๆก็กลับมาคุยกันมาช่วยเหลือเพราะตอนนั้นยังลำบากมากๆ นี่ก็เป็นพระพรหนึ่งที่พระเจ้าทรงให้ คือทำให้เรารักบิดามารดา ถ้าไม่ได้ดีกันก็คงเป็นบาปไปตลอด และพระเจ้าก็ยังช่วยเหลืออยู่ตลอด ถึงแม้เรายังมีกางเขนที่ต้องแบก ยังมีอุปสรรค์อยู่แต่เราก็แบกกางเขนด้วยความสุขใจ และเราก็มั่นใจว่าเราจะไม่แบกกางเขนเดินไปผิดทางแล้วเพราะเราแบกกางเขนของเราเดินตามองค์พระคริสต์เจ้า ลูกภาวนาขอพระเจ้าอยู่ทุกวันว่าอย่าให้ลุกหลีกหนีจากพระเจ้าอีกไม่ว่าวันนั้นจะสุขหรือทุกข์เพียงใดก็ตามขอให้ลูกได้เดินตามองค์พระคริสต์เจ้าตลอดไป ก็อยากจะหนุนใจของคนที่ท้อแท้หรือคิดว่ากางเขนที่แบก หนักเหลือเกิน หรือบ้างคนอาจจะคิดว่าพระเจ้าไม่เห็นช่วยลูกเลย อยากจะบอกว่าพระเจ้าไม่เคยลืมพวกเราเลยแม้เราจะมีบาปมากแค่ไหน พระเจ้ายังเตือนให้เรากลับมาหาพระองค์เสมอ แต่เป็นเราเองนั้นแหละที่ละทิ้งพระองค์ อยากจะให้คนที่จะละทิ้งพระเจ้า หรือลืมพระเจ้าไปกลับมาหาพระเจ้าเพราะพระเจ้าให้อภัยลูกของพระองค์เสมอ เราก็ยังเรื่องต่างจากการช่วยเหลือของพระเจ้าอีกมากมายไว้จะมาถ่ายทอดให้ฟังอีก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวผิดพลาดก็ขออภัยด้วย
สวัสดีครับเนื่องจากผมเป็นสมาชิกของบอร์ดใหม่แต่ผมมีความเชื่อในพระเจ้ามานานแล้วครับโดยเริ่มต้นเมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ราวชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 นี่แหละครับ คือในขณะนั้นมีผู้ประกาศของคริสตจักรแห่งหนึ่งมาประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงไถ่บาปที่โรงเรียนและได้แจกหนังสือความรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ด้วยผมก็นำหนังสือนั้นมาอ่านที่บ้านและได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาหนังสือเล่มนั้นทำให้ผมได้สำนึกว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่กระทำบาปและจะต้องถูกพิพากษาการกระทำจากพระผู้เป็นเจ้าในวันพิพากษาโลกหากผมรับความเชื่อในพระนามของพระคริสต์ให้เป็นผู้ไถ่บาปพระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงยกโทษและให้อภัยในความผิดบาปแก่ผมครับ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้านับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ
ปัจจุบันเรียนชั้นไหนเหรอครับนี่?COLUMBUS เขียน:สวัสดีครับเนื่องจากผมเป็นสมาชิกของบอร์ดใหม่แต่ผมมีความเชื่อในพระเจ้ามานานแล้วครับโดยเริ่มต้นเมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ราวชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 นี่แหละครับ คือในขณะนั้นมีผู้ประกาศของคริสตจักรแห่งหนึ่งมาประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงไถ่บาปที่โรงเรียนและได้แจกหนังสือความรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ด้วยผมก็นำหนังสือนั้นมาอ่านที่บ้านและได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาหนังสือเล่มนั้นทำให้ผมได้สำนึกว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่กระทำบาปและจะต้องถูกพิพากษาการกระทำจากพระผู้เป็นเจ้าในวันพิพากษาโลกหากผมรับความเชื่อในพระนามของพระคริสต์ให้เป็นผู้ไถ่บาปพระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงยกโทษและให้อภัยในความผิดบาปแก่ผมครับ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้านับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ
ปัจจุบันผมเรียนจบปริญญาแล้วครับกำลังทำปริญญาโทและคาดว่าจะทำ Ph D ต่อเลยครับZion เขียน:ปัจจุบันเรียนชั้นไหนเหรอครับนี่?COLUMBUS เขียน:สวัสดีครับเนื่องจากผมเป็นสมาชิกของบอร์ดใหม่แต่ผมมีความเชื่อในพระเจ้ามานานแล้วครับโดยเริ่มต้นเมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ราวชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 นี่แหละครับ คือในขณะนั้นมีผู้ประกาศของคริสตจักรแห่งหนึ่งมาประกาศเรื่องพระคริสต์ผู้ทรงไถ่บาปที่โรงเรียนและได้แจกหนังสือความรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ด้วยผมก็นำหนังสือนั้นมาอ่านที่บ้านและได้รู้จักพระเยซูคริสตเจ้าตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาหนังสือเล่มนั้นทำให้ผมได้สำนึกว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่กระทำบาปและจะต้องถูกพิพากษาการกระทำจากพระผู้เป็นเจ้าในวันพิพากษาโลกหากผมรับความเชื่อในพระนามของพระคริสต์ให้เป็นผู้ไถ่บาปพระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงยกโทษและให้อภัยในความผิดบาปแก่ผมครับ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเชื่อพระเจ้านับแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ
ยอดเยี่ยม ทุกคนรักพระองค์ และพระองค์ก็รักทุกๆคน ขอให้ความรักของท่านร้อนรนอยู่เสมอ
ตลอดเวลา เมื่อมาอ่านเรื่องราวการแบ่งปันของน้องๆ ก็ช่วยเสริมศรัทธาตัวพี่ที่เป็นคริสตังนอน
ได้อย่างดี ขอบคุณน้องๆขอให้รักพระองค์สิ้นสุดจิตใจจนกว่า ชีวิตจะ ...หาไม่ และพระองค์
ได้เตรียมสิ่งที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน จิตใจคาดไม่ถึง นั่นคือบ้านแท้ในสวรรค์ นิรันดรให้กับ
ลูกๆของพระองค์
.... ...
ตลอดเวลา เมื่อมาอ่านเรื่องราวการแบ่งปันของน้องๆ ก็ช่วยเสริมศรัทธาตัวพี่ที่เป็นคริสตังนอน
ได้อย่างดี ขอบคุณน้องๆขอให้รักพระองค์สิ้นสุดจิตใจจนกว่า ชีวิตจะ ...หาไม่ และพระองค์
ได้เตรียมสิ่งที่ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน จิตใจคาดไม่ถึง นั่นคือบ้านแท้ในสวรรค์ นิรันดรให้กับ
ลูกๆของพระองค์
.... ...
-
- โพสต์: 39
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 3:48 pm
- ที่อยู่: 168m2khaoyai chaam phetchaburi
- ติดต่อ:
ขอเเค่คูณเชื่อเพราะคุณศรัทธาไม่ใช่เชื่อเพราะใครๆเชื่อ
-
- โพสต์: 39
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2009 3:48 pm
- ที่อยู่: 168m2khaoyai chaam phetchaburi
- ติดต่อ:
เป็นลูกคนโตครับทางเเม่เป็นคาทอลิคทั้งหมดทางพ่อเป็นพุทธทั้งหมด
-
- โพสต์: 3
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2018 5:43 pm
เกิดมาในครอบครัวพุทธครับแต่เรียนพิเศษที่คริสจักร เชื่อใน2ศาสนามาตั้วแต่เด็กๆ ถือศีลกินเจตั้งแต่ 7-8ขวบ ไหว้พระแต่ก็นับถือพระเยซู พอเริ่มโตมาเวลาจะทำการอะไรเป็นทุกข์หรือสุขก็จะนึกถึงพระเจ้าขอพระจากพระเจ้าแล้วก็ได้หมดทุกอย่างที่ขอเกิดขึ้นในชีวิตหมดจริงๆ จนมีคู่ชีวิตซึ่งก่อนหน้านั้นคนที่เข้ามาเป็นคริสโปแตสแตนท์กับอิสลามหมดเลยแต่นิสัยก็เข้ากันไม่ได้ จนวันนึงได้ขอพระจากพระเจ้าไปแล้วระบุว่าถ้าเป็นของขวัญจากพระเจ้าขอให้มีจุดสังเกตุคือตาสีฟ้า (มีเพื่อนต่างชาติเยอะตาสีเขียวสีเทาสีน้ำตาลหมด) ไม่ถึงเดือนครับ เค้าก็เข้ามามนชีวิตผมแล้วก็มีทุกอย่าวตรงที่ผมได้ขอไว้เป๊ะๆตอนแรกไม่ได้นึกถึงว่าเค้าเป็นคนนั้นนะครับคบกันเป็นปีผมได้ถามไปว่านับถือศาสนาอะไร เค้าบอกเค้าเป็นคริสคาทอลิก มันเตือนใจผมในนึกย้อนกลับไปในสิ่งที่ขอไว้ ผมเชื่อหมดใจเลยครับ หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ผมพูดในใจถ้าพระเจ้าได้ยินผมช่วยตอบคำถามผมด้วยว่าต้องการให้เปลี่ยนศาสนาหรือไม่ (ไม่เคยเปิดคัมภีร์อ่านมาก่อน) ผมก็สุ่มเปิดไปประโยคแรกที่เห็นคือ Trust ye in the Lord forever: for in the Lord Jehovah is everlasting strength:
Isaiah 26:4
หลังจากนั้นผมเชื่อหมดใจศึกษาคัมภีร์ทาตลอด มีโบสถซางตาครูซอยู่ใกล้ๆแต่ก็รู้ไม่ทันเค้าเปิดสอนไปก่อนแล้วตั้งแต่มิถุนา ก็เลยยังไม่ได้เปลี่ยนอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ว่าจะไปเปลี่ยนที่ต่างประเทศตอนย้ายไป ผมคิดว่าช้าหรือเร็วไท่สำคัญ สำคัญที่ความเชื่อและจุดจบ เชื่อในะระเจ้าและคำสอนทำตามยึดมั่น คือสิ่งที่สำคัญกว่าการล้างบาป
-
เพิ่มเติม ผมได้ถาพระคัมภีร์ง่าทำอย่างให้ครอบครัวของลูกเชื่อในพระเจ้า สุ่มเปิดไปเจอ zechariah 10:8 เป็นขอความต่อเชื่อมต่อกันเหมือนพระเจ้าได้ยินแล้วตอบจริงๆ ข้อความประมาณว่า เราจะเรียกเขาและรวบรวมเขาเข้ามา เพราะเราได้ไถ่เขาไว้แล้ว และเขาจะมีจำนวนมากเหมือนกาลก่อน
ทุกๆครั้งถ้าผมมีคำถามหรือหาคำตอบไม่ได้ผมมักจะถามพระเจ้าแล้วเปิดพระคัมภีร์ ถ้าคุณศรัทธาพอ พระเจ้าจะตอบคำถามคุณเสมอ ผมเชื่อแบบนั้นพระบิดารักลูกทุกคนดั่งเช่นพระเยซูกล่าวว่าทุกคนที่เชื่อและทำตามคำสอนคือพี่น้องของพระเยซูทุกคน
Isaiah 26:4
หลังจากนั้นผมเชื่อหมดใจศึกษาคัมภีร์ทาตลอด มีโบสถซางตาครูซอยู่ใกล้ๆแต่ก็รู้ไม่ทันเค้าเปิดสอนไปก่อนแล้วตั้งแต่มิถุนา ก็เลยยังไม่ได้เปลี่ยนอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ว่าจะไปเปลี่ยนที่ต่างประเทศตอนย้ายไป ผมคิดว่าช้าหรือเร็วไท่สำคัญ สำคัญที่ความเชื่อและจุดจบ เชื่อในะระเจ้าและคำสอนทำตามยึดมั่น คือสิ่งที่สำคัญกว่าการล้างบาป
-
เพิ่มเติม ผมได้ถาพระคัมภีร์ง่าทำอย่างให้ครอบครัวของลูกเชื่อในพระเจ้า สุ่มเปิดไปเจอ zechariah 10:8 เป็นขอความต่อเชื่อมต่อกันเหมือนพระเจ้าได้ยินแล้วตอบจริงๆ ข้อความประมาณว่า เราจะเรียกเขาและรวบรวมเขาเข้ามา เพราะเราได้ไถ่เขาไว้แล้ว และเขาจะมีจำนวนมากเหมือนกาลก่อน
ทุกๆครั้งถ้าผมมีคำถามหรือหาคำตอบไม่ได้ผมมักจะถามพระเจ้าแล้วเปิดพระคัมภีร์ ถ้าคุณศรัทธาพอ พระเจ้าจะตอบคำถามคุณเสมอ ผมเชื่อแบบนั้นพระบิดารักลูกทุกคนดั่งเช่นพระเยซูกล่าวว่าทุกคนที่เชื่อและทำตามคำสอนคือพี่น้องของพระเยซูทุกคน