แม่พระประจักษ์ที่นิการากัว (Nicaragua)🇳🇮 ค.ศ.1980

แบ่งปัน คำพยาน ประสบการณ์ชีวิตกับพระเจ้า และการอัศจรรย์ ที่พระเจ้าได้ทรงกระทำต่อชีวิตของเราแต่ละคน
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 802
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 11:55 pm

รูปภาพ

     นิการากัวประสบแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1972 อาคารในนครหลวงเกือบ 80%พังทลาย อนาสตาซิโอ โซโมซา เคบายล์ ใช้ประโยชน์จกเหตุการณ์นี้เพื่อสร้างอำนาจเผด็จการทั่วประเทศ เขาร่ำรวยขึ้นอย่างมหาศาลจากการทุจริตเงินช่วยเหลือระหว่างประเทศที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุดและสร้างประเทศใหม่ แต่นี่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในนิการากัวในปี 1979 ประชาชนลุกขึ้นและขับไล่โซโมซาเผด็จการออกไป เหตุการณ์เหล่านี้ทำหี้ผู้เสียชีวิตเกือบ 40,000 คน น่าเสียดายที่มันทำให้เผด็จการอีกคนหนึ่งเข้ายึดอำนาจ ดาเนียล ออร์เตกา โดยมีผู้ร่วมงานของเขารวมตัวกันที่ค่ายอเมริกัน ดาเนียล ออร์เตกามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มตะวันออก และเขาได้โอนกรรมสิทธิ์ ธนาคาร บริษัทประกันภัย เหมืองแร่ และทรัพยากรป่าไม้มาเป็นของรัฐ แต่ประชาชนต่อต้านโครงการรวบรวมที่ดินของเขาอย่างรุนแรง และประเทศก็นองเลือดด้วยสงครามกลางเมืองที่คร่าชีวิตผู้คนไป 29,000 คน สถานการณ์เลวร้ายสำหรับนิการากัวและเลือดไหลนองโดยไม่ช่วยแก้ไขความทุกข์ทรมานของประชาชน

- การประจักษ์ของแม่พระแห่งคัวปา นิการากัว 

     คัวปาเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ในเขต Nicarsguan ของ Chontales ทางตะวันออกของManagua ซี่งเป็นเมืองหลวง ความหมายที่พิเศษมากของ Cuapa มาจากคำว่า “coatl pan” ซึ่งในภาษา Nahuatl พื้นเมืองหมายถึง “เหนืองู” ซึ่งก็คือ “ผู้เหยียบหัวงู” หรือแม่พระนั่นเอง มีผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เขาคือ เบอร์นาโด มาร์ติเนส (Bernado Martinez) เขาเป็นชาวนาที่มีใจศรัทธาและถ่อมตน เขาทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อทุกคนและช่วยทางโบสถ์โดยสมัครใจในฐานะแซกซ์ตัน(อาสาสมัคร) เขาไม่เคยรู้จักสถานที่อื่นใดนอกจากคัวปาที่เขาเกิดในปี 1931 คุณยายของเขาเลี้ยงดูเขาและสอนเขาหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะการศึกษาด้านคริสตศาสนา เธอจะปลุกเร้าความศรัทธาของเขาตั้งแต่ยังเล็ก เบอร์นาโดอยากจะเป็นพระสงฆ์ แต่ด้วยระดับวัฒนธรรมความยากจนของเขา ทำให้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เขาอาศัยอยู่กับคุณยายจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 เมษายน 1974 ขณะนั้นเบอร์นาโดอายุ 43 ปี เขาตัดสินใจที่จะอยู่คนเดียว เขาอยู่ใกล้โบสถ์และเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือการงานของโบสถ์และเขาต้องการทำให้ดีที่สุดเสมอ

     วันที่ 15 เมษายน ค.ศ.1980 เขาได้เข้าไปในโบสถ์และพบว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์สว่างไสว ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกระเบื้องหลังคาที่ต้องแตกหักทำให้แสงสว่างส่องมากระทบกับรูปปั้น เขากังวลทันทีเกี่ยวกับการซ่อมแซมและสงสัยว่าพวกเขาจะจ่ายเงินได้อย่างไร เพราะโบสถ์ไม่มีเงินเลย ดังนั้นเขาจึงเข้าไปดูรูปปั้นแต่กลับประหลาดใจว่าหลังคาไม่มีรู แสงไม่ได้มาจากข้างบนหลังคา แต่แสงออกมาจากรูปปั้น เบอร์นาโดรู้สึกประหลาดใจมากและคิดทันทีว่ารูปปั้นเริ่มส่องแสงเพราะเขาตัองทำอะไรผิดพลาดไป และเขาจำได้ว่าเมื่อวานนี้เขาโกรธคนคิวบาคนหนึ่งที่เดินผ่านหมู่บ้าน คนคิวบาคนนี้เห็นเบอร์นาโดกำลังขอบคุณพระเจ้าที่ถนน จึงพูดกับเบอร์นาโดว่า “หยุดพูดและแสดงความขอบคุณนี้เสีย ฉันจะสอนคุณให้รู้ว่าควรขอบคุณใคร ต่อจากนี้ไปอย่าขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งใดๆ แต่จงขอบคุณ ฟิเดล คาสโตร เพราะเขาทำให้เรามีอาหารกิน” เบอร์นาโดโกรธและตอบเขาว่า “เราจะไม่กลายเป็นคอมมิวนิสต์ และฉันจะขอบคุณพระเจ้าเสมอ” แต่ต่อมาเบอร์นาโดรู้สึกผิดที่ไม่สามารถสร้างสันติสุขในตัวเองได้ เบอร์นาโดพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ วันรุ่งขึ้นเขาจึงตัดสินใจขอโทษชาวคิวบาคนนี้ เขารอชาวคิวบาที่ถนนและขอให้เขายกโทษให้

     วันต่อมา ด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เบอร์นาโดจึงเล่าให้เพื่อนบางคนฟังว่ารูปปั้นพระแม่มารีย์เริ่มส่องแสงเมื่อวันก่อน แต่เขาขอร้องพวกเขาอย่าได้ไปบอกใคร น่าเสียดายที่มันตรงกันข้าม ข่าวแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านและเบอร์นาโดก็กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคน พระสงฆ์ในเมืองใกล้เคียง จุยกัวปา ได้ทราบเหตุการณ์นี้ ท่านขอพบเบอร์นาโดและถามเขาว่า “เขาสวดภาวนาอย่างไรบ้าง?” เบอร์นาโดอธิบายให้พระสงฆ์ฟังว่าคุณยายของเขาสอนให้เขาสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์ และเขาได้พัฒนาความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระนางและเรียนรู้ที่จะรักพระนาง เพราะพระนางคือความรักของจิตวิญญาณของเขา พระนางได้ชี้นำทุกย่างก้าวของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ และด้วยเหตุนี้ความรักของเขาต่อแม่พระจึงเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก พระสงฆ์รู้สึกประทับใจกับคำพูดของเบอร์นาโดและเชื่อถือในคำให้การของเขาอย่างจริงจัง พระสงฆ์บอกให้เบอร์นาโดสวดภาวนาต่อไปอย่างดีและให้ถามแม่พระว่า พระนางทรงคาดหวังอะไรจากหมู่บ้าน และพระรูปจะส่องแสงอีกมั้ย? ตรงกันข้ามกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้พระแม่มารีย์ประจักษ์แก่พวกเขา เบอร์นาโดสวดภาวนาดังนี้ “ข้าแต่พระมารดา โปรดอย่างคาดหวังอะไรจากลูกเลย ลูกมีปัญหามากมายที่โบสถ์ โปรดประจักษ์แก่คนอื่นเถิด เพราะลูกต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาใดๆที่จะเกิดขึ้น ลูกมีปัญหามากแล้ว ลูกไม่ต้องการมีมากกว่านี้”

     วันเวลาผ่านไปและทุกคนลืมเรื่องราวของรูปปั้นเรืองแสงนี้ แต่ลึกๆในตัวของเบอร์นาโด เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ทุกคนจะหัวเราะเยาะเขา แต่เขามีความสุขที่ได้ขอโทษและหลีกเลี่ยงปัญหามากมาย

- การประจักษ์ครั้งแรก

8 พฤษภาคม ค.ศ.1980 เบอร์นาโดรู้สึกเศร้า แท้จริงแล้วในขณะที่เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในฐานะแซกซ์ตัน(อาสาสมัคร) เขากลับได้รับแต่คำตำหนิเท่านั้น

เพื่อผ่อนคลาย เขาตัดสินใจไปตกปลาในแม่น้ำเพื่อให้ใจสงบขึ้น และเมื่อได้สัมผัสกับธรรมชาติและสวรรค์แห่งความสงบนี้ เบอร์นาโดก็ลืมความกังวลทั้งหมดของเขา ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงวาบขึ้น เขาบอกตัวเองว่าฝนจะตกแน่นอนและถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว เขาเริ่มเดินทางกลับ แต่ระหว่างทางเขารู้สึกงงว่าทำไมฝนไม่ตก จากนั้นเขาก็เห็นสายฟ้าแลบอีกครั้ง และความประหลาดใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก สตรีผู้หนึ่งปรากฏที่ตรงกลางสายฟ้าแลบนั้น เบอร์นาโดตี่นตะลึงกับความสวยงามของเธอ เธอยืนอยู่บนก้อนเมฆเหนือกองหิน สวมอาภรณ์สีขาว ดิ้นทองปักที่ขอบโดยรอบ มือของเธอประสานอยู่ที่หน้าอก เบอร์นาโดไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่ใช่ว่าเขากลัว เขาแค่ประหลาดใจ แล้วสตรีผู้นั้นก็ยื่นแขนออกมา เบอร์นาโดเห็นรังสีแสงส่องออกมาจากมือของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะถามสตรีผู้นั้น “ท่านชื่ออะไร?” สตรีตอบว่า “ฉันชื่อมารีย์” เบอร์นาโดถามว่า “ท่านมาจากที่ไหน?” สตรีตอบว่า “ฉันมาจากสวรรค์ ฉันเป็นมารดาของพระเยซู” เบอร์นาโดจำคำพูดของพระสงฆ์ที่ให้เขาถามแม่พระว่า “พระแม่ทรงประสงค์สิ่งใด”

แม่พระตรัสตอบว่า “แม่ต้องการให้ลูกสวดสายประคำไม่เฉพาะแต่ในเดือนพฤษภาคมเท่านั้น แม่ต้องการให้ลูกสวดอย่างสม่ำเสมอในครอบครัวพร้อมกับบรรดาเด็กๆที่โตพอจะเข้าใจได้แล้ว ให้สวดภาวนาตามเวลาที่กำหนดไว้โดยไม่รบกวนกับงานประจำวันของพวกลูก จงรู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงพอพระทับการสวดภาวนาอย่างเร่งรีบหรือสวดอย่างกลไก นี่คือเหตุผลที่แม่แนะนำให้ลูกสวดสายประคำพร้อมกับรำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกแห่งพระวรสาร เพื่อนำพระวาจาของพระเจ้าไปปฏิบัติ คือ จงรักกันและกัน ปฏิบัติตามภาระผู้พันของลูก จงสร้างสันติภาพ อย่าทูลขอสันติภาพจากพระเจ้าถ้าหากลูกไม่สร้างสันติภาพ เพราะหากลูกไม่ทำ ก็จะไม่มีสันติภาพ นิการากัวได้รับความเดือนร้อนมากมายตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว และถูกคุกคามด้วยความทุกข์ยากมากขึ้น และจะต้องทนทุกข์ต่อไปถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จงสวดภาวนา ลูกเอ๋ย จงสวดภาวนาให้โลกทั้งโลกด้วย จงบอกกับผู้มีความเชื่อและผู้ที่ไม่มีความเชื่อว่าโลกกำลังถูกคุกคามจากอันตรายร้ายแรง แม่ได้วอนขอพระเมตตาและพระยุติธรรจากพระเยซูเจ้า แต่ถ้าพวกลูกไม่เปลี่ยนแปลง ลูกจะเร่งการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่สาม”

เบอร์นาโดทูลแม่พระว่า “ข้าแต่พระแม่ ลูกไม่ต้องการปัญหาใดๆ ลูกมีปัญหากับหลายคนที่โบสถ์แล้ว ขอพระแม่ทรงใช้คนอื่นเถิด”

แม่พระตรัสว่า “ไม่ได้หรอก เพราะพระเยซูเจ้าทรงเลือกลูกให้เป็นผู้เผยแพร่สาส์นแล้ว” จากนั้นพระแม่มารีย์ทรงยกแขนขึ้นสู่สวรรค์และเมฆก็เริ่มลอยขึ้นไปในอากาศ และแม่พระก็หายไปต่อหน้าเบอร์นาโดซึ่งยังคงประหลาดใจ

เบอร์นาโดกลับบ้านและดูแลงานต่างๆ แต่เขากลัวที่จะเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟัง เขายังจำได้ว่าพวกเขาหัวเราะเยาะเขาอย่างไร เมื่อรูปปั้นเริ่มเรืองแสงอีก เบอร์นาโดไม่พูดอะไรและผลอยหลับไป

วันเวลาผ่านไป เบอร์นาโดกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกับมีน้ำหนักถ่วงอยู่ในหัวใจ แต่เขายังไม่กล้าพูดอะไร เขาพยายามหาเรื่องสนุกๆไปเรื่อย เช่นไปพบเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เรื่องนี้รบกวนจิตใจเขามากจนทำให้น้ำหนักตัวของเขาลดลง และผู้คนก็ถามเขาว่า คุณป่วยอยู่หรือ?

ผ่านไป 8 วัน ในวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ.1980 เบอร์นาโดพาลูกวัวไปที่แม่น้ำเพื่อให้ดื่มน้ำ และที่นั่นในขณะที่แดดจัดมาก เขาเห็นแสงสว่างที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ และสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า เขาเห็นพระแม่มารีย์ประจักษ์มาอีกครั้ง และเช่นเดียวกับครั้งก่อน แม่พระทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาและมีลำแสงพุ่งออกมาจากพระหัตถ์ แม่พระตรัสกับเบอร์นาโดว่า “ทำไมลูกจึงไม่พูดในสิ่งที่แม่ขอให้ลูกพูดละ”

เบอร์นาโดตอบ “พระแม่ ลูกกลัว ลูกกลัวจะถูกคนอื่นล้อเลียน กลัวว่าพวกเขาจะหัวเราะเยาะลูก กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อลูก และพวกเขาจะหาว่าลูกเป็นบ้าไปแล้ว”

“อย่ากลัวเลย แม่จะช่วยลูก” แม่พระตรัส

แล้วมีแสงสว่างจ้าวาบขึ้นมา และแม่พระก็จากไป

เบอร์นาโดรู้สึกตัวขึ้นมาและพบว่าลูกวัวกำลังดื่มน้ำจากแม่น้ำ จากนั้นเขากลับไปที่คัวปา เขาตัดสินใจพูดกับผู้หญิงสองคนที่ดูแลโบสถ์กับเขา พวกเขากลับเตือนเบอร์นาโดว่า “อย่าพูดเรื่องนี้กับคนอื่นๆให้เงียบไว้” เบอร์นาโดตอบว่า “เขาจะเชื่อฟังพระแม่มารีย์และพูดตามที่พระนางทรงขอ”

วันรุ่งขึ้นเมื่อเขาตื่นขึ้น หลายคนมาหาเขาและเบอร์นาโดก็เล่าเรื่องการประจักษ์ด้วยความซื่อสัตย์ บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ และอีกหลายคนหัวเราะเยาะเขา สำหรับเบอร์นาโด มันไม่สำคัญหรอก เขารักษาคำพูดของเขา เขาซื่อสัตย์ต่อพระแม่มารีย์ เบอร์นาโดกลับมายังสถานที่แห่งการประจักษ์เพื่อสวดภาวนา แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ในตอนกลางคืน เขานอนและมีความฝันซึ่งมีพระแม่มารีย์อยู่ด้วย ในความฝัน แม่พระทรงยกพระหัตถ์ขวาขึ้นชี้ไปที่ว่างเปล่า และแม่พระตรัสว่า “ดูท้องฟ้าสิ”

เบอร์นาโดเห็นเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายต่อหน้าต่อตาของเขา

ผู้คนจำนวนมากแต่งกายด้วยชุดขาวกำลังเดินไปหาพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น พวกเขาทั้งหมดถูกอาบด้วยแสงสว่างและร้องเพลงอย่างมีความสุข เบอร์นาโดได้ยินแต่ไม่เข้าใจคำพูด เขาคิดว่าเป็นงานเลี้ยงในสวรรค์ เพราะความสุขและความปิติยินดีที่หาที่เปรียบมิได้นั้นครอบครองอยู่ในทุกคนซึ่งเขาไม่เคยเห็นในที่ใด ร่างกายของพวกเขาเปล่งแสง

แล้วเขาก็เห็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้คนต่างแต่งกายด้วยชุดสีขาว แต่มีสายประคำส่องสว่างอยู่ในมือ สายประคำมีสีที่ขาวมากและฉายแสงหลากสี หนึ่งในคนเหล่านั้นมีหนังสือเล่มใหญ่ที่เปิดอยู่ เขากำลังอ่านและหลังจากรับฟัง ทุกคนก็นั่งรำพึงใคร่ครวญอย่างเงียบๆ จากนั้นทุกคนก็เริ่มสวดบท “ข้าแต่พระบิดาและตามด้วยวันทามารีย์สิบบท” และเบอร์นาโดก็รู้สึกดื่มด้ำไปกับพวกเขา คำภาวนานั้นมีอำนาจมากจนเบอร์นาโดรู้สึกท่วมท้นด้วยความสุข แต่ละคำดูมีพลังพิเศษและเบอร์นาโดก็สั่นสะท้านไปด้วยการสวดภาวนา

แม่พระมองมาที่เบอร์นาโดและตรัสกับเขาว่า “คนเหล่านี้คือคนกลุ่มแรกที่แม่มอบสายประคำให้ ลูกเห็นไหมว่านี่คือลักษณะที่แม่ต้องการให้ลูกทำในการสวดสายประคำ” ต่อมาเบอร์นาโดเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลกำลังสวดสายประคำ พวกเขาดูเหมือนนักพรตฟรังซิสกัน

และในที่สุดเบอร์นาโดก็เห็นคนกลุ่มที่สี่ แต่ผู้คนมีจำนวนมากขึ้น ฝูงชนมีจำนวนมากจนเบอร์นาโดไม่สามารถนับได้ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง พวกเขาแต่งกายตามปกติและมีทุกสีและทุกคนมีสายประคำอยู่ในมือ ทันใด เบอร์นาโดก็รู้สึกว่าสามารถไปอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ได้เพราะทุกคนแต่งกายเหมือนเขา แต่เมื่อมองดูมือของพวกเขา มันเป็นสีดำ อย่างไรก็ตาม มือของพวกเขาเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า เบอร์นาโดอยากเข้าไปร่วมกับพวกเขา แต่แม่พระตรัสว่า “ไม่ได้ ลูกยังต้องบอกประชาชนถึงสิ่งที่ลูกเห็นและได้ยิน” แม่พระตรัสอีกว่า “แม่ได้แสดงให้ลูกเห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าแล้ว สิ่งนี้ลูกจะได้รับถ้าลูกเชื่อฟังพระเจ้าและปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์... ถ้าลูกหมั่นเพียรสวดสายประคำศักดิ์สิทธิ์ , อ่านพระวาจาและนำพระวาจาไปปฏิบัติ”

วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ.1980 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏต่อเบอร์นาโด และได้ทำนายเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เหตุการณ์หนึ่งคือการฆาตกรรมลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเบอร์นาโด ซึ่งเหตุการณ์นี้สามารถยับยั้งได้ถ้าเขาฟังคำเตือนของเบอร์นาโด

- แม่พระทรงเยาว์วัยประจักษ์มา

วันที่ 8 กันยายน ค.ศ.1980 เบอร์นาโดได้ไปที่สถานที่แห่งการประจักษ์อีก พร้อมด้วยคนกลุ่มหนึ่งตามเขาไปด้วย ขณะที่กำลังสวดสายประคำ แม่พระประจักษ์มาเหนือต้นไม้ แต่ครั้งนี้ทรงประจักษ์ในลักษณะเด็กอายุ 7 ขวบ พระนางทรงตรัสย้ำในสาส์นเดิม เบอร์นาโดบอกพระนางว่าประชาชนต้องการสร้างโบสถ์เพื่อถวายเกียรติแด่พระนาง และมีชายคนหนึ่งที่พร้อมจะมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อการนี้ แม่พระตรัสว่า “ไม่ พระเจ้าไม่ทรงประสงค์โบสถ์ที่เป็นวัตถุ พระองค์ประสงค์วิหารที่มีชีวิต ซึ่งก็คือพวกลูกทุกคนที่เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงมีความยินดีในพวกลูก” แล้วแม่พระตรัสต่อไปว่า “จงรักกันและกัน จงให้อภัยกัน จงสร้างสันติภาพ อย่าสวดภาวนาวอนขอสันติภาพ ถ้าไม่สร้างสันติภาพ”

แม่พระทรงสั่งเบอร์นาโดไม่ให้รับเงินแม้แต่เซนต์เดียว ไม่ว่าเพื่อทำอะไรก็ตาม

- การประจักษ์ครั้งสุดท้าย แม่พระทรงกรรแสง(ร้องไห้) 13 ตุลาคม ค.ศ.1980

แม่พระประจักษ์อีกครั้งในที่เดิมและเบอร์นาโดวอนขอให้แม่พระประจักษ์แก่คนอื่นๆ ให้ได้เห็นด้วยเพื่อที่พวกเขาจะได้เชื่อ เขาทูลแม่พระว่า ประชาชนบอกว่าปีศาจได้มาปรากฏแก่เขาและบอกเขาว่าแม่พระตายแล้ว และเป็นฝุ่นดินเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

ด้วยถ้อยคำนี้ แม่พระทรงเศร้าพระทัยและเริ่มกรรแสง เบอร์นาโดคิดว่าเป็นความผิดของเขา จึงทูลพระนางว่า “ข้าแต่พระแม่ โปรดอภัยให้ลูกในสิ่งที่ลูกพูดด้วยเถิด พระแม่ต้องโกรธลูกมาก โปรดอภัยให้ลูกด้วย โปรดอภัยให้ลูกด้วย” แต่แม่พระบอกเขาว่า “แม่ไม่ได้โกรธลูก หรือมีความโกรธ แม่เศร้าใจในความใจแข็งของคนเหล่านี้ ลูกต้องสวดภาวนาเพื่อพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลง” เบอร์นาโดเริ่มร้องไห้ เขาโศกเศร้าที่เห็นแม่พระในสภาพเช่นนี้ ขณะที่เขาร้องไห้ แม่พระได้ประทานสาส์นนี้ “จงสวดสายประคำ รำพึงถึงพระธรรมล้ำลึก ฟังพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสภายในพวกเขา จงรักกันและกัน จงให้อภัยซึ่งกันและกัน จงสร้างสันติภาพ อย่าสวดภาวนาวอนขอสันติภาพโดยปราศจากการสร้างสันติภาพ มิฉะนั้นจะเป็นการเสียเวลาเปล่าในการสวดภาวนาเพื่อสันติภาพ จงแบกรับภาระหน้าที่ของลูก จงนำพระวาจาของพระเยซูเจ้าไปปฏิบัติ พยายามทำให้พระเจ้าพอพระทัย รับใช้เพื่อนบ้านของลูก เพราะสิ่งนั้นทำให้พระองค์พอพระทัย”

เบอร์นาโดทูลว่าเขามีหลายสิ่งที่จะวอนขอจากแม่พระเพื่อช่วยเหลือประชาชน แม่พระตอบว่า “พวกเขาวอนขอจากแม่ในสิ่งที่ไม่สำคัญ จงวอนขอความเชื่อ เพื่อที่แต่ละคนจะมีพละกำลังที่จะแบกกางเขนได้ พวกเขาไม่มีวันที่จะหลีกหนีความทุกข์ยากในโลกนี้ได้หรอก ความทุกข์ยากคือกางเขนที่ลูกต้องแบก ชีวิตเป็นเช่นนี้ ลูกมีความยุ่งยากกับสามีของลูก กับภรรยา กับลูกๆ กับพี่น้อง... จงสนทนากัน พูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหาของพวกลูกด้วยสันติภาพ อย่าใช้ความรุนแรง จงวอนขอความเชื่อ เพื่อที่จะได้มีความอดทน”

แล้วแม่พระบอกกับเบอร์นาโดว่า พระนางจะไม่กลับมาอีก เบอร์นาโดร้องตะโกนว่า “โปรดอย่าทอดทิ้งลูก พระแม่ของลูก โปรดอย่าทอดทิ้งพวกเรา พระแม่ของลูก โปรดอย่าทอดทิ้งพวกเรา พระแม่ของลูก” แม่พระทำให้เขาสงบลง ตรัสว่า “อย่ายุ่งยากใจเลย แม่อยู่กับลูกถึงแม้ว่าลูกจะไม่เห็นแม่ แม่เป็นแม่ของพวกลูกทุกคนผู้เป็นคนบาป จงรักกันและกัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน จงสร้างสันติภาพ เพราะถ้าลูกไม่สร้างสันติภาพ จะไม่มีสันติภาพ อย่าใช้ความรุนแรง นิการากัวต้องทนทุกข์เป็นอย่างมากตั้งแต่แผ่นดินไหวและจะยังคงทุกข์ยากต่อไปถ้าลูกทุกคนไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าลูกทุกคนไม่เปลี่ยนแปลง ลูกจะเร่งเวลาการมาถึงของสงครามโลกครั้งที่สาม จงสวดภาวนา สวดภาวนาต่อองค์พระบุตรของแม่เพื่อโลกทั้งมวล โลกถูกคุกคามด้วยอันตรายร้ายแรงต่างๆ ผู้เป็นแม่ย่อมไม่ลืมลูกๆของเธอ แม่ก็ไม่ลืมความทุกข์ยากของพวกลูกเช่นกัน แม่เป็นแม่ของพวกลูกทุกคนผู้เป็นคนบาป จงเรียกแม่ด้วยคำพูดนี้ “ข้าแต่พรหมจารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระแม่เป็นแม่ของลูก เป็นแม่ของพวกเราทุกคนผู้เป็นคนบาป”

นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของแม่พระแห่งคัวปา สาส์นของพระนางนั้นเรียบง่าย แต่เรียกร้องให้พวกเราทำตามอย่างเร่งด่วน ให้เราสร้างสันติภาพและการให้อภัย ปฏิบัติภาระหน้าที่ของเรา ยอมรับกางเขนในแต่ละวัน รักกันและกัน และสวดภาวนาจากหัวใจ ดำรงชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้า เรารู้ว่าพระนางทรงอยู่กับเราเสมอ

เพื่อปกป้องเบอร์นาโด ทางโบสถ์ได้นำตัวเขาไปอยู่ที่สามเณราลัย ที่นี่เขาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสวนและเขาได้เล่าเรื่องการประจักษ์ให้แก่บรรดาสามเณรฟัง

ในปีค.ศ. 1995 เบอร์นาโด มาติเนส ได้บวชเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุ 64 ปี ที่อาสนวิหารแห่งลีออน ในนิการากัว เขาเสียชีวิตในปีค.ศ. 2000 บิชอปแห่งมานากัวเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องการประจักษ์ ในปี 1994 บิชอปโรเบโล ได้ให้การรับรองการประจักษ์ในระดับท้องถิ่น

การประจักษ์ของแม่พระแห่งคัวปาถูกประกาศอย่างเป็นทางการในอาสนวิหารเมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.2013 โดยบิชอป Socrates Rene Sandig แห่งจุยกัลปาผู้เป็นประธานคณะบิชอปแห่งนิการากัว ท่านได้มาเป็นประธานในการประกอบพิธีมิสซาบริเวณสถานที่ประจักษ์โดยมีบิชอปอีกหลายท่านเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.2013

การประจักษ์ของแม่พระแห่งคัวปาได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากพระศาสนจักรว่าเชื่อถือได้

⛪️ อาสนวิหารแห่งลีออน (León Cathedral)
Cathedral-Basilica of the Assumption of the Blessed Virgin Mary
https://maps.app.goo.gl/5ZHcfJCB7paeMv5o9?g_st=ic

รูปภาพ

CR. : https://www.facebook.com/photo?fbid=595 ... 5396579617
ตอบกลับโพส