เด็กที่พระเจ้าทรงใช้3---เด็กสาวผู้ยืนยันความจริงจากสวรรค์
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 2:50 am
กจ 2:25
ดังที่กษัตริย์ดาวิดตรัสถึงพระองค์ว่า
“ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ
พระองค์ประทับอยู่เบื้องขวา ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
ดังนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี
ปากของข้าพเจ้ากล่าวถ้อยคำแสดงความเกษมเปรมปรีดิ์
ร่างกายที่ตายได้ของข้าพเจ้า พำนักอยู่ในความหวัง
เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนผู้ตาย
และจะไม่ทรงปล่อยผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้เน่าเปื่อย
พระองค์ทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้จักทางแห่งชีวิต
พระองค์จะทรงทำให้ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความยินดีเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์”
กว่า100 ปีที่ร่างของนักบุญผู้งดงาม ยังเหมือนเพียงผู้หลับไหล เหตุการณ์ของท่านคือเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุด และ กว่า1ศตวรรษที่การแพทย์และวิทยาศาสตร์พัฒนาไปจากสมัยของท่าน จนยุคปัจจุบัน แต่คำตอบยังคงเหมือนเดิมทุกครั้งที่มีการพิสูจน์คือ "เหตุการณ์ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้"
นักบุญแบร์นาแด๊ต ( พรหมจารี )
St. Bernadette Soubirous
ค.ศ. 1844-1879
เกิดที่เมืองลูดส์ประเทศฝรั่งเศสวันที่ 7 มกราคม 1844 เป็นบุตรสาวของนายฟรังซิส และ นางหลุยส์ โซเบรู แบร์นาแด๊ต ผู้ซึ่งเป็นพ่อแม่ที่ยากจน เธอรับศีลล้างบาปในชื่อ มารีย์ เบอร์นาด เธอมีร่างกายบอบบาง และป่วยเป็นโรคหืดอย่างรุนแรง
การประจักษ์ที่ เมืองลูร์ด แก่ ด.ญ. แบร์นาแด๊ต ซูบิรูส์ ครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1858 เป็นการประจักษ์ที่รู้จักกันแพร่หลายมาก…
การประจักษ์ครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1858 แบร์นาแดีต กับตัวแน็ต น้องสาวและเพื่อนชื่อ ยาน อะบาดี ชวนกันไปเก็บฟืนมาหุงข้าว…เมื่อมาถึงใกล้ก้อนหินใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "มัสซาเบียล" ฐานของหินนี้เว้าเข้าไปเป็นรูปถ้ำ กว้างประมาณ 12 เมตร ลึกประมาณ 8 เมตร ทางด้านขวาของถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร รอบๆ ถ้ำมีเถากุหลาบป่าขึ้นอยู่ประปราย ขณะนั้นหอนาฬิกาที่วัดบอกเวลาเที่ยงพอดี และมหัศจรรย์ก็ได้เริ่มขึ้น
แบร์นาแด๊ตบอกว่า "เห็นหญิงสาวขาว (ทั้งตัว) คนหนึ่ง เธอก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายฉัน แบมือเหมือนแม่พระในรูปทั่วไป ที่แขนขวามีลูกประคำห้อยอยู่ สตรีนั้นสวมเสื้อขาวยาวลงมาปกคลุมเท้า เสื้อนั้นมีที่รูดปิดคอ และมีปลายเชือกสีขาวห้อยอยู่ ผ้าสีขาวที่คลุมศีรษะนั้น ปกบ่าและแขน ฉันเห็นดอกกุหลาบสีเหลือง 2 ดอก บนเท้าทั้งสองของเธอ รัดประคดของเสื้อสีฟ้า ห้อยต่ำลงมาเลยหัวเข่า ส่วนลูกประคำนั้นสายสีเหลือง เม็ดสีขาวขนาดโต และห่างกัน หญิงสาวผู้นั้นท่าทางว่องไว มีแสงอยู่รอบข้าง
การประจักษ์ครั้งที่ 3 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1858 แม่พระบอกกับแบร์นาแด๊ตว่า "หนูจะกรุณามาที่นี่สัก 15 วัน จะได้ไหมคะ?" (แม้พระแม่จะพูดภาษาของชนบทฝรั่งเศส แต่แบรดนาเดตยืนยันว่า แม่พระพูดโดยใช้คำที่สุภาพ และอ่อนหวานมาก เรียกภาษาชาวบ้านคือ"พูดเพราะ"มาก ชนิดที่คนในสมัยนั้นยังพิศวงว่าชาวสวรรค์จะสุภาพอ่อนหวานกับเด็กชาวบ้านจนๆขนาดนี้เลยหรือ แปลไทยคงประมาณนี้)
การประจักษ์ครั้งที่ 6 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1858 มีผู้คนมารอดูมากมาย แบร์นาแด๊ตมาตามเวลากำหนดกับมารดาและน้า ดร. โดชูส แพทย์ประจำตำบลลูร์ดร่วมอยู่ด้วย เขามาเพื่อจะคอยจับผิดมากกว่ามาด้วยใจศรัทธาเลื่อมใส แม่พระบอกแบร์นาแด๊ตว่า "หนูจงสวดให้คนบาปที่น่าสงสารได้กลับใจและสวดให้โลกที่กำลังยุ่งยากสับสนอยู่นี้ให้มีสันติสุข"
การประจักษ์ครั้งที่ 16 วันที่ 25 มีนาคม 1858 การประจักษ์ครั้งนี้สำคัญมาก แบร์นาแด๊ตวิงวอนให้สตรีงามนั้นบอกชื่อของตน "คุณขา กรุณาบอกหนูหน่อยเถอะค่ะ คุณคือใคร?" …ต่อคำถามอันพากเพียรและเต็มไปด้วยความไว้วางใจเช่นนี้เป็นครั้งที่ 3 สตรีผู้นั้น ซึ่งเคยพนมมืออยู่เสมอ บัดนี้ค่อยๆ กางแขนออก แบมือปล่อยแขนต่ำลงมาทั้ง 2 ข้าง (แบบแม่พระในเหรียญมหัศจรรย์) พลางกล่าวเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวลูร์ดว่า "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล" พลางยิ้มให้แบร์นาแด๊ตอีกครั้งหนึ่ง แล้วหายไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่..แบร์นาแด๊ตกลับไปหาคุณพ่อเจ้าวัดกล่าวว่า "สตรีผู้นั้นพึ่งบอกหนูว่า ฉันคือการปฏิสนธินิรมล" คุณพ่อเจ้าวัดถามต่อไปว่า "แล้วเจ้ารู้ไหมว่า แปลว่าอะไร?" "หนูไม่ทราบค่ะคุณพ่อ" หนูท่องมาตลอดทางตั้งแต่ถ้ำมาถึงที่นี่ ว่า "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล"
แม่พระได้ให้แบร์นาแด๊ตเห็นทั้งหมด 17 ครั้ง พระนางได้ขอให้เธอสวดให้คนบาปทั้งหลายได้กลับใจ และทำกิจใช้โทษบาปแทนคนบาป แรกๆ ไม่มีคนเชื่อว่าแม่พระได้ประจักษ์มา เธอต้องทุกข์ใจมาก แล้ววันหนึ่งแม่พระได้บอกให้เธอขุดดินบนพื้นถ้ำ น้ำได้ไหลออกมา วันรุ่งขึ้นลำธารน้ำได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มหัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้นเมื่อคนตักน้ำไปใช้ มีคนจำนวนมากหายจากโรคร้ายต่างๆอย่างอัศจรรย์ จนปัจจุบันนี้ ยังมีปรากฎการณ์ที่ผู้คนหายป่วยเพราะน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้เสมอ ทำให้ทุกปีมีผู้แสวงบุญเดินทางไปยังลูรด์มากมาย
เมื่อแบร์นาแด๊ตได้รับศีลบวชเป็นซิสเตอร์แล้ว เพื่อนนักบวชได้ถามเธอว่า การที่แม่พระได้ให้ความสนใจแก่เธอเป็นพิเศษ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลสำคัญหรือไม่? แบร์นาแด๊ตได้ตอบว่า "ฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย! ฉันเปรียบเหมือนไม้กวาดด้ามหนึ่ง เมื่อคนใช้งานเสร็จแล้ว เขาก็เอาไม้กวาดด้ามนั้นไว้หลังประตู แม่พระได้เลือกฉัน เพราะฉันเป็นคนที่ไม่มีความรู้เลย" เธอช่างเปี่ยมด้วยฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ! และอ่อนน้อมถ่อมตน (นักบุญยอห์นเวียนเนย์ องค์อุปถัมภ์พระสงฆ์พูดว่า "ฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพเป็นพื้นฐานของฤทธิ์กุศลทุกชนิด เปรียบเหมือนสายโซ่ที่ร้อยลูกประคำ ถ้าเอาโซ่ออก ลูกประคำจะหล่นกระจัดกระจาย" ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราไม่มีฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ เราจะไม่มีฤทธิ์กุศลอะไรเลย เพราะฉะนั้นปิศาจพยายามล่อลวงมนุษย์ให้หลงกลอุบายของมัน เพื่อมันจะได้ทำลายฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ ให้มนุษย์นั้นหลงตัวเองและเย่อหยิ่งจองหอง แล้วมนุษย์คนนั้นก็จะตกอยู่ในอำนาจมืดของมันตลอดไป)
คำพูดของแม่พระที่แบร์นาแด๊ตบันทึกไว้เป็นภาษาท้องถิ่น เมื่อ 24 ตุลาคม ค.ศ.1865 แปลได้ความว่า
" แม่ไม่สัญญาให้ลูกมีความสุขในโลกนี้แต่เป็นในโลกหน้า "
ภายหลังเคยมีคนถามแบรนาแดทว่า แม่พระสวยไม๊ เธอตอบว่า สวยมากขนาดว่าถ้าได้เห็นอีกครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดาย
รูปนี้เป็นรูปสถานที่ที่แม่พระประจักษ์ในปัจจุบัน โดยนำพระรูปของแม่พระไปตั้งไว้ตรงจุดที่พระแม่ปรากฎมา
แบรนาแดต ผู้ได้เห็นแม่พระที่ลูรด์ เธอได้บวชเป็นแม่ชี และเสียชีวิตเมื่ออายุ36ปี แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ได้หยุดแค่การได้เห็นแม่พระ แต่ร่างกายของเธอไม่เน่าเปื่อยเลย และเป็นศพไม่เน่าเปื่อยที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก เพราะไม่ได้แห้งแข็ง เป็นมัมมี่ เหมือนศพไม่เน่า ที่มีโอกาสเกิดได้ตามธรรมชาติ แต่สภาพเธอยังสดสวยงามราวนอนหลับเช่นนี้มานานกว่า100ปีแล้ว
แต่ใครจะทราบว่า หลังจากเสียชีวิตและฝังลงดินตามธรรมดาไป40ปี เมื่อขุดศพเธอขึ้นมา เธอจะยังสดสวยงดงาม ราวกับเพิ่งเคลิ้มหลับไปเมื่อวานนี้ และใครจะคาดคิดว่า ศพของเธอจะอยู่ยาวนานจนมีเทคโนโลยีเจริญจนได้ถ่ายภาพสี
ลูดส์กลายเป็นเมืองที่คริสตชนทั่วโลกไปแสวงบุญ ลำธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ผลิตน้ำสัปดาห์ละ 27,000 แกลลอน ตั้งแต่วันที่แม่พระได้ประจักษ์แก่แบร์นาแด๊ต เธอมิได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัด และได้ดำรงชีวิตอย่างเงียบๆ ที่เมืองเนเวอร์ พระสันตะปาปาปิโอที่ 11 ได้แต่งตั้งเธอเป็นบุญราศีในปี 1925 และนักบุญในปี 1933 ศพของเธอไม่เน่าเปื่อย นอนอยู่ในโลงแก้ว เหมือนเจ้าหญิงนิทรา
พระแม่มารีย์ คงต้องการให้ร่างของลูกที่แม่รักเป็นสักขีพยานถึงความมหัศจรรย์ที่ได้เคยเกิดขึ้นเมื่อ100กว่าปีก่อน สิ่งนี้เหมือนจะบอกเราว่า แม้เรื่องมหัศจรรย์ที่แบรนาแดตเห็นแม่พระจะผ่านไปนานเท่าใด แต่ความมหัศจรรย์ของแม่ไม่ได้จบและตายไปพร้อมกับเธอ หากแต่ยังคงอยู่จนปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต
แม่พระยังคงอยู่เคียงข้างลูกของแม่ทุกคน ทุกรุ่น และทุกยุคทุกสมัย
ใครจะคาดคิดว่าเด็กหญิงชาวบ้านซื่อๆคนหนึ่ง ที่คิดช้า ความจำก็ไม่ดี ขนาดเคยต้องพยายามจดพระวาจาของแม่พระเพราะกลัวจะลืม จะได้รับเกียรติยิ่งใหญ่จากสวรรค์ถึงเพียงนี้
ครั้งหนึ่งเคยมีคนมากมายสงสัยเธอ ไม่เชื่อว่าเธอได้พบแม่พระจริงๆ และว่าเธอเป็นเด็กเพ้อเจ้อและเป็นบ้า แต่ท่ามกลางคนมากมายทำไมแม่พระถึงเลือกที่จะปรากฎให้เด็กซื่อๆ จนใครๆมองว่าโง่ด้วยซ้ำแบบเธอเห็น และรับสารอันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระแม่ และใครเล่าจะคิดว่า ไม่จำเป็นที่มนุษย์คนใดต้องรับรองความจริงของเธอ แต่สวรรค์เองเป็นผู้รับรองความจริงของเธอ ด้วยการอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้
ดังที่กษัตริย์ดาวิดตรัสถึงพระองค์ว่า
“ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าเสมอ
พระองค์ประทับอยู่เบื้องขวา ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
ดังนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดี
ปากของข้าพเจ้ากล่าวถ้อยคำแสดงความเกษมเปรมปรีดิ์
ร่างกายที่ตายได้ของข้าพเจ้า พำนักอยู่ในความหวัง
เพราะพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนผู้ตาย
และจะไม่ทรงปล่อยผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ให้เน่าเปื่อย
พระองค์ทรงสอนข้าพเจ้าให้รู้จักทางแห่งชีวิต
พระองค์จะทรงทำให้ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยความยินดีเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์”
กว่า100 ปีที่ร่างของนักบุญผู้งดงาม ยังเหมือนเพียงผู้หลับไหล เหตุการณ์ของท่านคือเหตุการณ์ที่โด่งดังที่สุด และ กว่า1ศตวรรษที่การแพทย์และวิทยาศาสตร์พัฒนาไปจากสมัยของท่าน จนยุคปัจจุบัน แต่คำตอบยังคงเหมือนเดิมทุกครั้งที่มีการพิสูจน์คือ "เหตุการณ์ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้"
นักบุญแบร์นาแด๊ต ( พรหมจารี )
St. Bernadette Soubirous
ค.ศ. 1844-1879
เกิดที่เมืองลูดส์ประเทศฝรั่งเศสวันที่ 7 มกราคม 1844 เป็นบุตรสาวของนายฟรังซิส และ นางหลุยส์ โซเบรู แบร์นาแด๊ต ผู้ซึ่งเป็นพ่อแม่ที่ยากจน เธอรับศีลล้างบาปในชื่อ มารีย์ เบอร์นาด เธอมีร่างกายบอบบาง และป่วยเป็นโรคหืดอย่างรุนแรง
การประจักษ์ที่ เมืองลูร์ด แก่ ด.ญ. แบร์นาแด๊ต ซูบิรูส์ ครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1858 เป็นการประจักษ์ที่รู้จักกันแพร่หลายมาก…
การประจักษ์ครั้งที่ 1 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1858 แบร์นาแดีต กับตัวแน็ต น้องสาวและเพื่อนชื่อ ยาน อะบาดี ชวนกันไปเก็บฟืนมาหุงข้าว…เมื่อมาถึงใกล้ก้อนหินใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "มัสซาเบียล" ฐานของหินนี้เว้าเข้าไปเป็นรูปถ้ำ กว้างประมาณ 12 เมตร ลึกประมาณ 8 เมตร ทางด้านขวาของถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร รอบๆ ถ้ำมีเถากุหลาบป่าขึ้นอยู่ประปราย ขณะนั้นหอนาฬิกาที่วัดบอกเวลาเที่ยงพอดี และมหัศจรรย์ก็ได้เริ่มขึ้น
แบร์นาแด๊ตบอกว่า "เห็นหญิงสาวขาว (ทั้งตัว) คนหนึ่ง เธอก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายฉัน แบมือเหมือนแม่พระในรูปทั่วไป ที่แขนขวามีลูกประคำห้อยอยู่ สตรีนั้นสวมเสื้อขาวยาวลงมาปกคลุมเท้า เสื้อนั้นมีที่รูดปิดคอ และมีปลายเชือกสีขาวห้อยอยู่ ผ้าสีขาวที่คลุมศีรษะนั้น ปกบ่าและแขน ฉันเห็นดอกกุหลาบสีเหลือง 2 ดอก บนเท้าทั้งสองของเธอ รัดประคดของเสื้อสีฟ้า ห้อยต่ำลงมาเลยหัวเข่า ส่วนลูกประคำนั้นสายสีเหลือง เม็ดสีขาวขนาดโต และห่างกัน หญิงสาวผู้นั้นท่าทางว่องไว มีแสงอยู่รอบข้าง
การประจักษ์ครั้งที่ 3 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1858 แม่พระบอกกับแบร์นาแด๊ตว่า "หนูจะกรุณามาที่นี่สัก 15 วัน จะได้ไหมคะ?" (แม้พระแม่จะพูดภาษาของชนบทฝรั่งเศส แต่แบรดนาเดตยืนยันว่า แม่พระพูดโดยใช้คำที่สุภาพ และอ่อนหวานมาก เรียกภาษาชาวบ้านคือ"พูดเพราะ"มาก ชนิดที่คนในสมัยนั้นยังพิศวงว่าชาวสวรรค์จะสุภาพอ่อนหวานกับเด็กชาวบ้านจนๆขนาดนี้เลยหรือ แปลไทยคงประมาณนี้)
การประจักษ์ครั้งที่ 6 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1858 มีผู้คนมารอดูมากมาย แบร์นาแด๊ตมาตามเวลากำหนดกับมารดาและน้า ดร. โดชูส แพทย์ประจำตำบลลูร์ดร่วมอยู่ด้วย เขามาเพื่อจะคอยจับผิดมากกว่ามาด้วยใจศรัทธาเลื่อมใส แม่พระบอกแบร์นาแด๊ตว่า "หนูจงสวดให้คนบาปที่น่าสงสารได้กลับใจและสวดให้โลกที่กำลังยุ่งยากสับสนอยู่นี้ให้มีสันติสุข"
การประจักษ์ครั้งที่ 16 วันที่ 25 มีนาคม 1858 การประจักษ์ครั้งนี้สำคัญมาก แบร์นาแด๊ตวิงวอนให้สตรีงามนั้นบอกชื่อของตน "คุณขา กรุณาบอกหนูหน่อยเถอะค่ะ คุณคือใคร?" …ต่อคำถามอันพากเพียรและเต็มไปด้วยความไว้วางใจเช่นนี้เป็นครั้งที่ 3 สตรีผู้นั้น ซึ่งเคยพนมมืออยู่เสมอ บัดนี้ค่อยๆ กางแขนออก แบมือปล่อยแขนต่ำลงมาทั้ง 2 ข้าง (แบบแม่พระในเหรียญมหัศจรรย์) พลางกล่าวเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวลูร์ดว่า "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล" พลางยิ้มให้แบร์นาแด๊ตอีกครั้งหนึ่ง แล้วหายไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่..แบร์นาแด๊ตกลับไปหาคุณพ่อเจ้าวัดกล่าวว่า "สตรีผู้นั้นพึ่งบอกหนูว่า ฉันคือการปฏิสนธินิรมล" คุณพ่อเจ้าวัดถามต่อไปว่า "แล้วเจ้ารู้ไหมว่า แปลว่าอะไร?" "หนูไม่ทราบค่ะคุณพ่อ" หนูท่องมาตลอดทางตั้งแต่ถ้ำมาถึงที่นี่ ว่า "ฉันคือการปฏิสนธินิรมล"
แม่พระได้ให้แบร์นาแด๊ตเห็นทั้งหมด 17 ครั้ง พระนางได้ขอให้เธอสวดให้คนบาปทั้งหลายได้กลับใจ และทำกิจใช้โทษบาปแทนคนบาป แรกๆ ไม่มีคนเชื่อว่าแม่พระได้ประจักษ์มา เธอต้องทุกข์ใจมาก แล้ววันหนึ่งแม่พระได้บอกให้เธอขุดดินบนพื้นถ้ำ น้ำได้ไหลออกมา วันรุ่งขึ้นลำธารน้ำได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มหัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้นเมื่อคนตักน้ำไปใช้ มีคนจำนวนมากหายจากโรคร้ายต่างๆอย่างอัศจรรย์ จนปัจจุบันนี้ ยังมีปรากฎการณ์ที่ผู้คนหายป่วยเพราะน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้เสมอ ทำให้ทุกปีมีผู้แสวงบุญเดินทางไปยังลูรด์มากมาย
เมื่อแบร์นาแด๊ตได้รับศีลบวชเป็นซิสเตอร์แล้ว เพื่อนนักบวชได้ถามเธอว่า การที่แม่พระได้ให้ความสนใจแก่เธอเป็นพิเศษ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุคคลสำคัญหรือไม่? แบร์นาแด๊ตได้ตอบว่า "ฉันไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย! ฉันเปรียบเหมือนไม้กวาดด้ามหนึ่ง เมื่อคนใช้งานเสร็จแล้ว เขาก็เอาไม้กวาดด้ามนั้นไว้หลังประตู แม่พระได้เลือกฉัน เพราะฉันเป็นคนที่ไม่มีความรู้เลย" เธอช่างเปี่ยมด้วยฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ! และอ่อนน้อมถ่อมตน (นักบุญยอห์นเวียนเนย์ องค์อุปถัมภ์พระสงฆ์พูดว่า "ฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพเป็นพื้นฐานของฤทธิ์กุศลทุกชนิด เปรียบเหมือนสายโซ่ที่ร้อยลูกประคำ ถ้าเอาโซ่ออก ลูกประคำจะหล่นกระจัดกระจาย" ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราไม่มีฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ เราจะไม่มีฤทธิ์กุศลอะไรเลย เพราะฉะนั้นปิศาจพยายามล่อลวงมนุษย์ให้หลงกลอุบายของมัน เพื่อมันจะได้ทำลายฤทธิ์กุศลแห่งความสุภาพ ให้มนุษย์นั้นหลงตัวเองและเย่อหยิ่งจองหอง แล้วมนุษย์คนนั้นก็จะตกอยู่ในอำนาจมืดของมันตลอดไป)
คำพูดของแม่พระที่แบร์นาแด๊ตบันทึกไว้เป็นภาษาท้องถิ่น เมื่อ 24 ตุลาคม ค.ศ.1865 แปลได้ความว่า
" แม่ไม่สัญญาให้ลูกมีความสุขในโลกนี้แต่เป็นในโลกหน้า "
ภายหลังเคยมีคนถามแบรนาแดทว่า แม่พระสวยไม๊ เธอตอบว่า สวยมากขนาดว่าถ้าได้เห็นอีกครั้ง ถึงตายก็ไม่เสียดาย
รูปนี้เป็นรูปสถานที่ที่แม่พระประจักษ์ในปัจจุบัน โดยนำพระรูปของแม่พระไปตั้งไว้ตรงจุดที่พระแม่ปรากฎมา
แบรนาแดต ผู้ได้เห็นแม่พระที่ลูรด์ เธอได้บวชเป็นแม่ชี และเสียชีวิตเมื่ออายุ36ปี แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ได้หยุดแค่การได้เห็นแม่พระ แต่ร่างกายของเธอไม่เน่าเปื่อยเลย และเป็นศพไม่เน่าเปื่อยที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก เพราะไม่ได้แห้งแข็ง เป็นมัมมี่ เหมือนศพไม่เน่า ที่มีโอกาสเกิดได้ตามธรรมชาติ แต่สภาพเธอยังสดสวยงามราวนอนหลับเช่นนี้มานานกว่า100ปีแล้ว
แต่ใครจะทราบว่า หลังจากเสียชีวิตและฝังลงดินตามธรรมดาไป40ปี เมื่อขุดศพเธอขึ้นมา เธอจะยังสดสวยงดงาม ราวกับเพิ่งเคลิ้มหลับไปเมื่อวานนี้ และใครจะคาดคิดว่า ศพของเธอจะอยู่ยาวนานจนมีเทคโนโลยีเจริญจนได้ถ่ายภาพสี
ลูดส์กลายเป็นเมืองที่คริสตชนทั่วโลกไปแสวงบุญ ลำธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ผลิตน้ำสัปดาห์ละ 27,000 แกลลอน ตั้งแต่วันที่แม่พระได้ประจักษ์แก่แบร์นาแด๊ต เธอมิได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัด และได้ดำรงชีวิตอย่างเงียบๆ ที่เมืองเนเวอร์ พระสันตะปาปาปิโอที่ 11 ได้แต่งตั้งเธอเป็นบุญราศีในปี 1925 และนักบุญในปี 1933 ศพของเธอไม่เน่าเปื่อย นอนอยู่ในโลงแก้ว เหมือนเจ้าหญิงนิทรา
พระแม่มารีย์ คงต้องการให้ร่างของลูกที่แม่รักเป็นสักขีพยานถึงความมหัศจรรย์ที่ได้เคยเกิดขึ้นเมื่อ100กว่าปีก่อน สิ่งนี้เหมือนจะบอกเราว่า แม้เรื่องมหัศจรรย์ที่แบรนาแดตเห็นแม่พระจะผ่านไปนานเท่าใด แต่ความมหัศจรรย์ของแม่ไม่ได้จบและตายไปพร้อมกับเธอ หากแต่ยังคงอยู่จนปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต
แม่พระยังคงอยู่เคียงข้างลูกของแม่ทุกคน ทุกรุ่น และทุกยุคทุกสมัย
ใครจะคาดคิดว่าเด็กหญิงชาวบ้านซื่อๆคนหนึ่ง ที่คิดช้า ความจำก็ไม่ดี ขนาดเคยต้องพยายามจดพระวาจาของแม่พระเพราะกลัวจะลืม จะได้รับเกียรติยิ่งใหญ่จากสวรรค์ถึงเพียงนี้
ครั้งหนึ่งเคยมีคนมากมายสงสัยเธอ ไม่เชื่อว่าเธอได้พบแม่พระจริงๆ และว่าเธอเป็นเด็กเพ้อเจ้อและเป็นบ้า แต่ท่ามกลางคนมากมายทำไมแม่พระถึงเลือกที่จะปรากฎให้เด็กซื่อๆ จนใครๆมองว่าโง่ด้วยซ้ำแบบเธอเห็น และรับสารอันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระแม่ และใครเล่าจะคิดว่า ไม่จำเป็นที่มนุษย์คนใดต้องรับรองความจริงของเธอ แต่สวรรค์เองเป็นผู้รับรองความจริงของเธอ ด้วยการอัศจรรย์ที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้