☆เด็กที่พระเจ้าทรงใช้4---+++วีรสตรีแห่งความบริสุทธิ์+++
มารีอา กอร์เรตตี้ (St. Maria Gorretti) เธอเกิดในปี 1890 ที่แอนโกนาประเทศอิตาลี เป็นบุตรคนที่สามในจำนวนลูกทั้งหมด 7 คน ลุยจิ และ อัสซุนตา ผู้เป็นพ่อและแม่ของมารีอา กอแร้ตตี เป็นชาวนายากจน แม้จะพยายามทำงานอย่างหนักเพียงไรก็ไม่อาจปลดเปลื้องความยากจนอย่างสุดๆ ออกไปจากครอบครัวของตนได้ เมื่อครอบครัวขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น เขาก็ย้ายจากที่นาเล็กๆ ไปยังอีกที่หนึ่ง แสวงหาความเหมาะสมเพื่อการทำกินให้เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวให้ได้ ในการย้ายครั้งที่สาม สุขภาพของลุยจิผู้เป็นพ่อก็ย่ำแย่ลงจากอากาศที่เป็นพิษในบริเวณนั้น ที่สุดเขาก็ตายลง อัสซุนตาถูกทิ้งให้ต่อสู้ไปแต่เพียงลำพังเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ๖ คน เธอรับต่องานที่ลุยจิทำอยู่ในทุ่งนา อันเป็นงานในหุ้นส่วนกับชาวนาอีกคนที่ชื่อว่า โจวานนี่ เซเรเนลลี่
อัสซุนตารับแบกแอกหนักในการับผิดชอบต่างๆ แต่เธอก็มิได้ลำบากในการนี้อยู่เพียงผู้เดียว เธอพบว่ายังมีอีกคนหนึ่งอยู่เคียงข้างเธอ มาแบ่งภาระของเธอได้ นั่นคือ ลูกสาวของเธอ มารีอา เด็กน้อยอายุแค่๑๐ขวบ แต่ก็มีความคิดและความรู้สึกจากการตายจากไปของพ่อของเธออยู่ในใจลึกๆ เธอเหมือนผลไม้ที่สุกงอมหอมหวานเกินอายุของเธอ มารีอารับผิดชอบดูแลงานในบ้านทุกอย่างและต้องดูแลเอาใจใส่เลี้ยงน้องสาวน้องชายตัวเล็กตัวน้อยทั้งหมด ดังนั้น ณ อายุที่เด็กหญิงอายุเท่ากันกำลังเล่นดูแลบ้านกันอยู่ มารีอากลับต้องทำเรื่องบ้านๆ อย่างสุดๆ เธอตื่นก่อนฟ้าสางพร้อมแม่ เตรียมอาหารเช้าและทำความสะอาดบ้าน เธอต้องไปตักน้ำ ทำอาหารและล้างภาชนะทุกอย่าง ในตอนบ่ายเมือแม่กลับมาบ้านแล้ว เธอก็ยังคงต้องอยู่ช่วยแม่เพื่อตระเตรียมทุกอย่างสำหรับวันถัดไป
ดูภายนอกแล้ว งานเช่นนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากงานที่เด็กหญิงจนๆ ทั่วไปต้องทำกันในยุคนั้นและละแวกนั้น มีเด็กมากมายทำอย่างที่มารีอาทำ แต่มิใช่ทุกคนจะทำงานนี้ด้วยความขยันหมั่นเพียรและด้วยความรักอย่างมารีอาทำ ช่างเป็นความเป็นอยู่ที่หนักหนาสาหัสเสียจริง แต่ก็ด้วยรูปแบบชีวิตเยี่ยงนี้เองที่ช่วยพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตของเธอให้เจริญขึ้นอย่างน่าทึ่ง ความรักที่เธอมีต่อพระเยซูเจ้ายังลึกซึ้งขึ้นจากความศรัทธาภักดีของเธอที่มีต่อพระมารดาพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
อัสซุนตารับแบกแอกหนักในการับผิดชอบต่างๆ แต่เธอก็มิได้ลำบากในการนี้อยู่เพียงผู้เดียว เธอพบว่ายังมีอีกคนหนึ่งอยู่เคียงข้างเธอ มาแบ่งภาระของเธอได้ นั่นคือ ลูกสาวของเธอ มารีอา เด็กน้อยอายุแค่๑๐ขวบ แต่ก็มีความคิดและความรู้สึกจากการตายจากไปของพ่อของเธออยู่ในใจลึกๆ เธอเหมือนผลไม้ที่สุกงอมหอมหวานเกินอายุของเธอ มารีอารับผิดชอบดูแลงานในบ้านทุกอย่างและต้องดูแลเอาใจใส่เลี้ยงน้องสาวน้องชายตัวเล็กตัวน้อยทั้งหมด ดังนั้น ณ อายุที่เด็กหญิงอายุเท่ากันกำลังเล่นดูแลบ้านกันอยู่ มารีอากลับต้องทำเรื่องบ้านๆ อย่างสุดๆ เธอตื่นก่อนฟ้าสางพร้อมแม่ เตรียมอาหารเช้าและทำความสะอาดบ้าน เธอต้องไปตักน้ำ ทำอาหารและล้างภาชนะทุกอย่าง ในตอนบ่ายเมือแม่กลับมาบ้านแล้ว เธอก็ยังคงต้องอยู่ช่วยแม่เพื่อตระเตรียมทุกอย่างสำหรับวันถัดไป
ดูภายนอกแล้ว งานเช่นนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากงานที่เด็กหญิงจนๆ ทั่วไปต้องทำกันในยุคนั้นและละแวกนั้น มีเด็กมากมายทำอย่างที่มารีอาทำ แต่มิใช่ทุกคนจะทำงานนี้ด้วยความขยันหมั่นเพียรและด้วยความรักอย่างมารีอาทำ ช่างเป็นความเป็นอยู่ที่หนักหนาสาหัสเสียจริง แต่ก็ด้วยรูปแบบชีวิตเยี่ยงนี้เองที่ช่วยพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตของเธอให้เจริญขึ้นอย่างน่าทึ่ง ความรักที่เธอมีต่อพระเยซูเจ้ายังลึกซึ้งขึ้นจากความศรัทธาภักดีของเธอที่มีต่อพระมารดาพรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ ก.พ. 20, 2008 4:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ในสมัยนั้นเด็กๆรับศีลมหาสนิทไม่ได้จนกว่าพวกเขาจะมีอายุครบ 12 ปี มารีอามีความศรัทธาต่อศีลศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างเหลือล้น จนพระสงฆ์เจ้าวัดได้อนุญาตเธอรับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อเธอมีอายุเพียง 11 ปี
เมื่อเธอจะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ทุกวันเธอต้องเร่งมือทำงานประจำวันให้เร็วขึ้น เพราะต้องออกเดินเท้าไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้ๆ แต่ก็ไกลพอดูถ้าเดินเท้า เพื่อจะไปเรียนคำสอนและรับการอบรมที่วัดนั้น เธอดีใจที่ได้พลีกรรมลำบากแบบนี้ และเรียนรู้คำสอนได้อย่างดี เนื้อหาที่คุณพ่ออบรมในวันที่เธอรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันนั้นก็คือ “ให้รักษาความบริสุทธิ์ไว้ แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”...และคำสอนนี้ได้หยั่งราลึกที่สุดลงไปในจิตใจของมารีอา กอแร้ตตี
แม้ก่อนที่เธอจะได้ยินคำสอนข้อนี้ เธอก็เป็นคนสุภาพเจียมตัวถ่อมตนและสงบเสงี่ยมอยู่เป็นปรกติของเธออยู่แล้ว เธอจะละจากเพื่อนๆ ที่พูดจาไม่ดี เธอไม่เคยมองรูปภาพไม่ดีหรือนิตยสารที่ไม่ดีทั้งหลาย มารีอา กอแร้ตตีเรียนรู้ว่าเธอสามารถหนีจากโอกาสที่จะทำบาปไม่ดีทั้งหลายได้ด้วยการสวดภาวนาและการพลีกรรม (คือยินดีในความยากลำบากที่เกิดขึ้นประจำชีวิต ถวายเป็นพลีร่วมกับพระทรมานของพระเยซูในการไถ่บาปมนุษย์)
เมื่อเธอจะรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ทุกวันเธอต้องเร่งมือทำงานประจำวันให้เร็วขึ้น เพราะต้องออกเดินเท้าไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้ๆ แต่ก็ไกลพอดูถ้าเดินเท้า เพื่อจะไปเรียนคำสอนและรับการอบรมที่วัดนั้น เธอดีใจที่ได้พลีกรรมลำบากแบบนี้ และเรียนรู้คำสอนได้อย่างดี เนื้อหาที่คุณพ่ออบรมในวันที่เธอรับศีลมหาสนิทครั้งแรกในวันนั้นก็คือ “ให้รักษาความบริสุทธิ์ไว้ แม้จะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”...และคำสอนนี้ได้หยั่งราลึกที่สุดลงไปในจิตใจของมารีอา กอแร้ตตี
แม้ก่อนที่เธอจะได้ยินคำสอนข้อนี้ เธอก็เป็นคนสุภาพเจียมตัวถ่อมตนและสงบเสงี่ยมอยู่เป็นปรกติของเธออยู่แล้ว เธอจะละจากเพื่อนๆ ที่พูดจาไม่ดี เธอไม่เคยมองรูปภาพไม่ดีหรือนิตยสารที่ไม่ดีทั้งหลาย มารีอา กอแร้ตตีเรียนรู้ว่าเธอสามารถหนีจากโอกาสที่จะทำบาปไม่ดีทั้งหลายได้ด้วยการสวดภาวนาและการพลีกรรม (คือยินดีในความยากลำบากที่เกิดขึ้นประจำชีวิต ถวายเป็นพลีร่วมกับพระทรมานของพระเยซูในการไถ่บาปมนุษย์)
ขณะที่ฤทธิ์กุศลหรือคุณธรรมเรื่องความบริสุทธิ์หยั่งรากลึกลงในชีวิตและวิญญาณของมารีอาอยู่นี้ เธอมิได้สังเกตว่าในบ้านหลังเดียวกันที่เธออยู่นั้น กลับมีอีกวิญญาณหนึ่งกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นเหวของกามารมณ์ อเลสซานโดร เซเรเนลลี่ ลูกชายของโจวานนี่ และเป็นคนทำงานคนหนึ่งเคียงข้างอัสซุนตาในทุ่งนา เขาได้รับอิทธิพลชั่วร้ายจากนิตยสารเลวๆ และหนังสือพิมพ์แย่ๆ ที่พ่อของเขานำมาให้เขาอ่าน เขามีอายุมากกว่ามารีอาถึง๘ปี มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ดูน่าเคารพอยู่บ้างแต่ก็อารมณ์เสียง่าย และเขาไม่ค่อยจะไว้ใจใคร ในเวลาว่างก็ไม่ค่อยออกจากฟาร์มไปไหน ทั้งไม่ค่อยจะคบกับใครอีกด้วย
อเลสซานโดรที่ผ่านๆ มายังแสดงตัวว่าใจดีสุภาพและเคารพครอบครัวกอแร้ตตี้ เขาชอบอาหารที่มารีอาทำ ทั้งๆที่พ่อของเขาชอบบ่นเรื่องนี้อยู่ประจำ ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุร้าย อัสซุนตาสังเกตเห็นว่าอเลสซานโดร ไม่พอใจและเคืองๆ มารีอา เขายังสั่งให้มารีอาทำโน่นทำนี่หลายอย่างและบางอย่างก็จงใจหาเรื่องเธออย่างไร้เหตุผล ฝ่ายมารีอานั้นเงียบและไม่เคยบ่น แต่เมื่ออยู่ลำพังเธอก็แอบร้องไห้คนเดียว
บ่ายวันหนึ่ง อเลสซานโดรเอาเสื้อขาดๆ ตัวหนึ่งปูลงบนที่นอนของเขาและบอกให้มารีอาช่วยซ่อมแซมให้ มารีอาทำงานเช่นนี้ให้กับครอบครัวเซเรเนลลี่เรื่อยมาอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มารีอาเกิดความเอะใจบางอย่างจากน้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิมของเขาที่สั่งให้ซ่อมเสื้อนี้ เธอจึงรีบหยิบเสื้อตัวนั้นและลงบันไดมาชั้นล่างที่มีน้องสาวคนเล็กของเธอกำลังหลับอยู่ เธอเย็บชุนเสื้อในความเงียบเหมือนกำลังรำพึงภาวนา ทันใดอเลสซานโดรก็ปรากฏกายเข้ามาอีก ทำให้เธอกลัวมาก ทำไมจะไม่กลัวเล่าก็ในเมื่อเขาเคยทำทีท่าจะเข้ามาหาตัวเธอมาครั้งหนึ่งแล้วนั่นเอง แต่ครั้งนี้เขาเดินผ่านตัวเธอไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและทำให้มารีอาคิดว่าเธอเองอาจเข้าใจผิด แต่มารีอาไม่เคยรู้เลยว่าอเลสซานโดรได้นำมีดเล่มหนึ่งมาซ่อนไว้ล่วงหน้าแถวๆ นั้นเพื่อจะได้หยิบฉวยได้ง่าย แล้วเขาก็เรียกเธอเข้าไปหา แต่มารีอาไม่ยอมเข้าไปหาเขา ทันใดนั้นเองเขาก็ใช้กำลังกระชากเธอเข้าไปข้างในห้อง แต่เธอก็ยังขัดขืนเหมือนเดิม
“ไม่..ฉันกำลังดูน้องคนเล็กอยู่”
ทันใด อเลสซานโดรจับตัวเธอไว้แน่นและบังคับให้เข้าไปในครัว มารีอามองนัยน์ตาของเขาเพียงครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ ทั้งสองจึงสู้กัน แต่เขาย่อมแข็งแรงกว่ามาก เธอจึงกรีดร้องเสียงดังซ้ำๆ กันหลายครั้ง แต่อนิจจาเสียงนั้นช่วยได้แค่ปลุกน้องสาวที่หลับอยู่ตื่นขึ้นและเริ่มร้องไห้ตามประสาเด็กน้อยที่ตกใจตื่น
เมื่อรู้ว่าจะไม่มีวันได้ดังใจแล้ว อเลสซานโดรจึงหยิบมีดและกระหน่ำแทงมารีอาอย่างฉุนเฉียว มิได้แทงเพียงครั้งเดียว..แต่แทงถึง๑๔ครั้ง มารีอานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นปากก็เปล่งเสียงว่า “แม่จ๋า หนูกำลังจะตาย! พระองค์! ไม่นะ! ไม่”
อเลสซานโดรที่ผ่านๆ มายังแสดงตัวว่าใจดีสุภาพและเคารพครอบครัวกอแร้ตตี้ เขาชอบอาหารที่มารีอาทำ ทั้งๆที่พ่อของเขาชอบบ่นเรื่องนี้อยู่ประจำ ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุร้าย อัสซุนตาสังเกตเห็นว่าอเลสซานโดร ไม่พอใจและเคืองๆ มารีอา เขายังสั่งให้มารีอาทำโน่นทำนี่หลายอย่างและบางอย่างก็จงใจหาเรื่องเธออย่างไร้เหตุผล ฝ่ายมารีอานั้นเงียบและไม่เคยบ่น แต่เมื่ออยู่ลำพังเธอก็แอบร้องไห้คนเดียว
บ่ายวันหนึ่ง อเลสซานโดรเอาเสื้อขาดๆ ตัวหนึ่งปูลงบนที่นอนของเขาและบอกให้มารีอาช่วยซ่อมแซมให้ มารีอาทำงานเช่นนี้ให้กับครอบครัวเซเรเนลลี่เรื่อยมาอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มารีอาเกิดความเอะใจบางอย่างจากน้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิมของเขาที่สั่งให้ซ่อมเสื้อนี้ เธอจึงรีบหยิบเสื้อตัวนั้นและลงบันไดมาชั้นล่างที่มีน้องสาวคนเล็กของเธอกำลังหลับอยู่ เธอเย็บชุนเสื้อในความเงียบเหมือนกำลังรำพึงภาวนา ทันใดอเลสซานโดรก็ปรากฏกายเข้ามาอีก ทำให้เธอกลัวมาก ทำไมจะไม่กลัวเล่าก็ในเมื่อเขาเคยทำทีท่าจะเข้ามาหาตัวเธอมาครั้งหนึ่งแล้วนั่นเอง แต่ครั้งนี้เขาเดินผ่านตัวเธอไปโดยไม่พูดอะไรสักคำและทำให้มารีอาคิดว่าเธอเองอาจเข้าใจผิด แต่มารีอาไม่เคยรู้เลยว่าอเลสซานโดรได้นำมีดเล่มหนึ่งมาซ่อนไว้ล่วงหน้าแถวๆ นั้นเพื่อจะได้หยิบฉวยได้ง่าย แล้วเขาก็เรียกเธอเข้าไปหา แต่มารีอาไม่ยอมเข้าไปหาเขา ทันใดนั้นเองเขาก็ใช้กำลังกระชากเธอเข้าไปข้างในห้อง แต่เธอก็ยังขัดขืนเหมือนเดิม
“ไม่..ฉันกำลังดูน้องคนเล็กอยู่”
ทันใด อเลสซานโดรจับตัวเธอไว้แน่นและบังคับให้เข้าไปในครัว มารีอามองนัยน์ตาของเขาเพียงครั้งเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ ทั้งสองจึงสู้กัน แต่เขาย่อมแข็งแรงกว่ามาก เธอจึงกรีดร้องเสียงดังซ้ำๆ กันหลายครั้ง แต่อนิจจาเสียงนั้นช่วยได้แค่ปลุกน้องสาวที่หลับอยู่ตื่นขึ้นและเริ่มร้องไห้ตามประสาเด็กน้อยที่ตกใจตื่น
เมื่อรู้ว่าจะไม่มีวันได้ดังใจแล้ว อเลสซานโดรจึงหยิบมีดและกระหน่ำแทงมารีอาอย่างฉุนเฉียว มิได้แทงเพียงครั้งเดียว..แต่แทงถึง๑๔ครั้ง มารีอานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นปากก็เปล่งเสียงว่า “แม่จ๋า หนูกำลังจะตาย! พระองค์! ไม่นะ! ไม่”
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร มิ.ย. 27, 2006 2:38 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เมื่ออเลสซานโดรคิดว่ามารีอาตายแล้ว เขาก็หนีไปซ่อนในห้องของเขาจนกระทั่งโจวานนี่ อัสซุนตาและเพื่อนบ้านต่างก็เข้ามารุมดูร่างของมารีอา อัสซุนตาเป็นลมล้มพับไปเมื่อเห็นสภาพของลูกสาวแสนดีของเธอ เขาไปตามหมอมาแต่หมอก็ช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่ จึงนำตัวเธอขึ้นรถฉุกเฉินไปส่งโรงพยาบาล แต่รถต้องแล่นช้าๆ เพื่อมิให้กระเทือนมาก เพราะจะทำให้เจ็บมากขึ้นและที่สำคัญเพื่อป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป แต่ผู้คนต่างก็รู้อยู่ว่ามารีอา กอแร้ตตีกำลังจะตายอย่างแน่นอน จึงพากันตะโกนว่า “มาเรียตต้า ช่วยวิงวอนเทอญ” (พระแม่มารีอา ช่วยวิงวอนเทอญ)
มารีอามิได้ตายทันที เธอทนทรมานอยู่อีก ๒๔ ชั่วโมง ตลอดเวลาเธอถวายความเจ็บปวดแด่พระเยซูเจ้าของเธอและสวดถึงพระมารดาของพระเจ้าตลอด วันถัดมาเธอได้รับศีลเจิมสุดท้าย เมื่อคุณพ่อที่มาส่งศีลถามเธอว่าเธอยินดีจะยกโทษให้คนที่ฆ่าเธอหรือไม่
เธอตอบทันทีว่า “ได้...ได้ค่ะ หนูยกโทษให้เขาเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูเจ้า หนูอยากให้เขาอยู่ในสวรรค์กับหนูด้วย”
...เธอจากไปในตอนบ่ายวันนั้น นั่นคือวันที่ ๖ กรกฎาคม ค.ศ.๑๙๐๒(พ.ศ.๒๔๔๕) เป็นวันเสาร์ต้นเดือน และเป็นวันฉลองพระโลหิตอันประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้าตามปฏิทินคาทอลิกของท้องถิ่นนั้น(ประเทศอิตาลี) อันเป็นวันที่ช่างสมกับการเข้าสวรรค์ของผู้มีวิญญาณไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้ซึ่งรักษาความบริสุทธิ์ของเธอไว้...โดยยอมแลกด้วยชีวิตของเธอ
มารีอามิได้ตายทันที เธอทนทรมานอยู่อีก ๒๔ ชั่วโมง ตลอดเวลาเธอถวายความเจ็บปวดแด่พระเยซูเจ้าของเธอและสวดถึงพระมารดาของพระเจ้าตลอด วันถัดมาเธอได้รับศีลเจิมสุดท้าย เมื่อคุณพ่อที่มาส่งศีลถามเธอว่าเธอยินดีจะยกโทษให้คนที่ฆ่าเธอหรือไม่
เธอตอบทันทีว่า “ได้...ได้ค่ะ หนูยกโทษให้เขาเพื่อเห็นแก่ความรักต่อพระเยซูเจ้า หนูอยากให้เขาอยู่ในสวรรค์กับหนูด้วย”
...เธอจากไปในตอนบ่ายวันนั้น นั่นคือวันที่ ๖ กรกฎาคม ค.ศ.๑๙๐๒(พ.ศ.๒๔๔๕) เป็นวันเสาร์ต้นเดือน และเป็นวันฉลองพระโลหิตอันประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้าตามปฏิทินคาทอลิกของท้องถิ่นนั้น(ประเทศอิตาลี) อันเป็นวันที่ช่างสมกับการเข้าสวรรค์ของผู้มีวิญญาณไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้ซึ่งรักษาความบริสุทธิ์ของเธอไว้...โดยยอมแลกด้วยชีวิตของเธอ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 10:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เรื่องราวอันเป็นวีรกรรมด้วยความตายของเธอแพร่สะพัดไปอย่างกว้างไกลและรวดเร็ว ผู้ที่เคยรู้จักเธอขณะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ต่างเคยเรียกเธอว่าเทวดาน้อยกันทั้งนั้น และบัดนี้คนเหล่านี้ยิ่งออกเสียงเรียกขานนามของเธอ เพราะยิ่งทีสิ่งที่พวกเขาวอนขอพระเจ้าผ่านการเสนอวิงวอนทางเธอนั้นได้รับการตอบสนองมากมายอย่างสม่ำเสมอทั้งเรื่อง ทางด้านจิตใจและวัตถุ
ในปี๑๙๔๗(๔๕ปีหลังจากเธอตาย) พระสันตะปาปาปีโอที่๑๒ประกาศให้เธอเป็นบุญราศี และต่อมาอีก๓ปีก็ประกาศชื่อเธอให้อยู่ในสารบบนักบุญ เป็นมรณสักขีแห่งความบริสุทธิ์ อัสซุนตา แม่ของเธอ รวมทั้งน้องชาย น้องสาวทุกคนก็ร่วมอยู่ในพิธีประกาศแต่งตั้งมารีอา กอแร้ตตีให้อยู่ในสมาชิกแห่งกองทัพนักบุญในสวรรค์ในวันนั้นด้วย
มารีอา กอแร้ตตีได้รับการแต่งตั้งและประกาศโดยพระสันตะปาปาปีโอที่๑๒อีกครั้ง ให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของเยาวชนคาทอลิกทุกคน ในวันที่ประกาศนี้พระสันตะปาปาภาวนาถึงท่านนักบุญอย่างสอดคล้องว่า “เราทั้งหลายคารวะท่านโอ้ ท่านผู้สวยงามและน่ารัก ผู้เป็นมรณสักขีในแผ่นดิน และเป็นดุจเทวดาในสรวงสวรรค์...ในการทนทุกข์ทรมานเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของท่าน เราได้พบพละกำลังแห่งความรัก ความมั่นคง และความซื่อสัตย์ของท่านที่มีต่อเจ้าบ่าวแห่งเมืองสวรรค์”
ในปี๑๙๔๗(๔๕ปีหลังจากเธอตาย) พระสันตะปาปาปีโอที่๑๒ประกาศให้เธอเป็นบุญราศี และต่อมาอีก๓ปีก็ประกาศชื่อเธอให้อยู่ในสารบบนักบุญ เป็นมรณสักขีแห่งความบริสุทธิ์ อัสซุนตา แม่ของเธอ รวมทั้งน้องชาย น้องสาวทุกคนก็ร่วมอยู่ในพิธีประกาศแต่งตั้งมารีอา กอแร้ตตีให้อยู่ในสมาชิกแห่งกองทัพนักบุญในสวรรค์ในวันนั้นด้วย
มารีอา กอแร้ตตีได้รับการแต่งตั้งและประกาศโดยพระสันตะปาปาปีโอที่๑๒อีกครั้ง ให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของเยาวชนคาทอลิกทุกคน ในวันที่ประกาศนี้พระสันตะปาปาภาวนาถึงท่านนักบุญอย่างสอดคล้องว่า “เราทั้งหลายคารวะท่านโอ้ ท่านผู้สวยงามและน่ารัก ผู้เป็นมรณสักขีในแผ่นดิน และเป็นดุจเทวดาในสรวงสวรรค์...ในการทนทุกข์ทรมานเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของท่าน เราได้พบพละกำลังแห่งความรัก ความมั่นคง และความซื่อสัตย์ของท่านที่มีต่อเจ้าบ่าวแห่งเมืองสวรรค์”
อเล็กซานโดรถูกจับกุม ฟ้องศาลดำเนินคดี และถูกตัดสินจำคุก 30 ปี (ประเทศอิตาลีไม่มีกฏหมายประหารชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบัน) ในตอนแรกเขายังมีจิตใจแข็งกระด้าง 8 ปีต่อมา เขาเล่าว่ามารีอาได้ปรากฏตัวให้เขาเห็นในฝัน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เมื่อเขาได้รับอิสระภาพแล้ว เขาได้ไปเยี่ยมคารวะและขอขมาแม่ของมารีอา และบวชเป็นภารดาในคณะกาปูชิน
เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 1950 พระสันตะปาปาปิโอที่ 12 ได้แต่งตั้งมารีอากอร์เรตตี้เป็นนักบุญ ญาติ แม่และพี่น้องของเธอได้มาร่วมพิธีอันสง่างาม รวมทั้งชายชราอายุ 66 ปี เขา คือ อเล็กซานโดร เซรี่เนลลี่ ผู้เป็นฆาตกร
เมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 1950 พระสันตะปาปาปิโอที่ 12 ได้แต่งตั้งมารีอากอร์เรตตี้เป็นนักบุญ ญาติ แม่และพี่น้องของเธอได้มาร่วมพิธีอันสง่างาม รวมทั้งชายชราอายุ 66 ปี เขา คือ อเล็กซานโดร เซรี่เนลลี่ ผู้เป็นฆาตกร
ขอให้ความรักต่อความบริสุทธิ์ของเธอจงเป็นแบบอย่างสำหรับเยาวชนในยุคนี้ ขอให้ชีวิตของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของตนไว้ ขอให้คำเสนอวิงวอนของเธอช่วยให้คนหนุ่มคนสาวทั้งหลายของเรามีพลังต่อสู้กับการยั่วยวนจากตัณหาซึ่งทำลายฤทธิ์กุศลอันบอบบางประการนี้ด้วยเทอญ.
ข้าแต่นักบุญมารีอา กอแร้ตตี ขอมอบเด็กๆ และเยาวชนทุกคนไว้ในความเมตตาของท่านในสวรรค์...ช่วยวิงวอนเทอญ.
อ้างอิง
http://www.geocities.com/prakobkit/word/enew10.htm
http://www.santamariagoretti.it/vita.html
สารวัดซางตาครู้ส สารปีที่ 35 ฉบับที่ 130 ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2549
(แปลจากหนังสือ Lives of saints,edited by Sr.Anna Bagadiong ของ Paulines publishing house,พิมพ์ครั้งที่๑๗,2001,หน้า๑๖๕-๑๖๙-แปลโดย ป.จันทร์.,30-5-2006)
ข้าแต่นักบุญมารีอา กอแร้ตตี ขอมอบเด็กๆ และเยาวชนทุกคนไว้ในความเมตตาของท่านในสวรรค์...ช่วยวิงวอนเทอญ.
อ้างอิง
http://www.geocities.com/prakobkit/word/enew10.htm
http://www.santamariagoretti.it/vita.html
สารวัดซางตาครู้ส สารปีที่ 35 ฉบับที่ 130 ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2549
(แปลจากหนังสือ Lives of saints,edited by Sr.Anna Bagadiong ของ Paulines publishing house,พิมพ์ครั้งที่๑๗,2001,หน้า๑๖๕-๑๖๙-แปลโดย ป.จันทร์.,30-5-2006)
ดูหนังแล้วดีมากมากกก สอนเรื่องการให้อภัย
ตอนที่ท่านจะโดนข่มขืน ท่านสวดข้าแต่พระบิดา
ตอนที่ท่านถูกแทง ท่านขอพระให้อภัย คนแทงท่าน
ซึ๊งงงงงงงงง
หนังมีขายที่คณะเซ็นต์เปาลิเน่ โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ :D
ตอนที่ท่านจะโดนข่มขืน ท่านสวดข้าแต่พระบิดา
ตอนที่ท่านถูกแทง ท่านขอพระให้อภัย คนแทงท่าน
ซึ๊งงงงงงงงง
หนังมีขายที่คณะเซ็นต์เปาลิเน่ โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ :D
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
โมทนาคุณท่านนักบุญครับ
วาเลนไทน์ที่ผ่านมา มีผลสำรวจว่าวัยรุ่นไทย (ที่ไม่เคยเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความรักและวันวาเลนไทน์) วางแผนมีเซ็กส์ในวันนี้กันถึง1ใน5 และท่ามกลางสังคมที่วัฒนธรรมการมั่วเพศกำลังรุนแรง ทั้งการส่ำสอน ถ่ายคลิป มั่วกันไม่เลือกสถานที่ เรื่องราวของท่านจะช่วยเป็นสักขีพยานของ ความศักดิ์สิทธิ์แห่งความบริสุทธิ์ ได้เป็นอย่างดี
เรื่องรักษาความบริสุทธิ์นี่ดูนับวันๆจะยากขึ้นๆ สำหรับวัยรุ่นยุคนี้ที่มีแต่สื่อยั่วยวนมากมาย
ตัวผมเองก็ต่อสู้อยู่เสมอ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่อย่างน้อยก็พยายาม :cheesy:
ขอบคุณพี่ปอสำหรับบทความดีๆครับ
นักบุญมารีอา กอแร้ตตี ช่วยวิงวอนเทอญ
ตัวผมเองก็ต่อสู้อยู่เสมอ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่อย่างน้อยก็พยายาม :cheesy:
ขอบคุณพี่ปอสำหรับบทความดีๆครับ
นักบุญมารีอา กอแร้ตตี ช่วยวิงวอนเทอญ
มีแต่นักบุญที่เป็นพรหมจารีย์เท่านั้นHoly เขียน: ขอให้ความรักต่อความบริสุทธิ์ของเธอจงเป็นแบบอย่างสำหรับเยาวชนในยุคนี้ ขอให้ชีวิตของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของตนไว้ ขอให้คำเสนอวิงวอนของเธอช่วยให้คนหนุ่มคนสาวทั้งหลายของเรามีพลังต่อสู้กับการยั่วยวนจากตัณหาซึ่งทำลายฤทธิ์กุศลอันบอบบางประการนี้ด้วยเทอญ.
ข้าแต่นักบุญมารีอา กอแร้ตตี ขอมอบเด็กๆ และเยาวชนทุกคนไว้ในความเมตตาของท่านในสวรรค์...ช่วยวิงวอนเทอญ.
อ้างอิง
http://www.geocities.com/prakobkit/word/enew10.htm
http://www.santamariagoretti.it/vita.html
สารวัดซางตาครู้ส สารปีที่ 35 ฉบับที่ 130 ประจำวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2549
(แปลจากหนังสือ Lives of saints,edited by Sr.Anna Bagadiong ของ Paulines publishing house,พิมพ์ครั้งที่๑๗,2001,หน้า๑๖๕-๑๖๙-แปลโดย ป.จันทร์.,30-5-2006)
ที่จะมีสิทธิถือดอกซ่อนกลิ่น
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เพิ่งสังเกตเหมือนกัน ทำไมหรอครับPhulasso เขียน: มีแต่นักบุญที่เป็นพรหมจารีย์เท่านั้น
ที่จะมีสิทธิถือดอกซ่อนกลิ่น
-
- โพสต์: 626
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
- ที่อยู่: bkk
ยอมตายเพื่อรักษาความเป็นพรหมจรรย์ อายุเพียงไม่กี่ปี แต่เธอก็สามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ช่างน่ายินดีนัก ถ้าบรรดาคนอื่นๆจะได้มาอ่าน เพื่อตัวเอง และเพื่อพระเจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.พ. 25, 2008 4:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ คุณธรรมแห่งพรหมจรรย์Batholomew เขียน:เพิ่งสังเกตเหมือนกัน ทำไมหรอครับPhulasso เขียน: มีแต่นักบุญที่เป็นพรหมจารีย์เท่านั้น
ที่จะมีสิทธิถือดอกซ่อนกลิ่น
ใช้ครั้งแรกกับพระนางมารีอาพรหมจารี(เทียบ เพลงซาโลมอน 2:1)
Man of Macedonia เขียน:เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ คุณธรรมแห่งพรหมจรรย์Batholomew เขียน:เพิ่งสังเกตเหมือนกัน ทำไมหรอครับPhulasso เขียน: มีแต่นักบุญที่เป็นพรหมจารีย์เท่านั้น
ที่จะมีสิทธิถือดอกซ่อนกลิ่น
ใช้ครั้งแรกกับพระนางมารีอาพรหมจารี(เทียบ เพลงซาโลมอน 2:1)
The Bride Meditates
2:1 I am the rose of Sharon, and the lily of the valleys.
การไตร่ตรองของเจ้าสาว
2:1 ดิฉันเหมือนดอกกุหลาบในทุ่งชาโรน เหมือนดอกลิลลีในหุบเขา
Ref: http://thaipope.org/webdual/22_002.htm
ขอบคุณ คุณโฮลี่มากครับ สำหรับบทความดีๆแบบนี้ อ่านแล้วเสริมศรัทธา และเป็นกำลังใจให้แก่เยาวชนคริสตังได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม