"ในส่วนลึกของจิตใจ ฉันเป็นกบฏต่อพระเจ้า เธอคงไม่เข้าใจ เธอคิดว่าฉันยังเป็นคาทอลิก ความจริงฉันอยากให้คนเรียกฉันว่าคาทอลิก บางครั้งคำตอบเธออาจถูกต้อง ฉันไม่ประทับใจเพราะฉันคิดว่าเธอไม่ถูก เนื่องจากมิตรภาพจอมปลอมระหว่างเราสองคนการแยกทางของเราเมื่อฉันแต่งงานไม่มีผลกระทบต่อฉันเลย
ก่อนสมรสฉันได้ไปสารภาพบาปและรับศีลมหาสนิทอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นกฏข้อบังคับ สามีและฉันคิดอย่างเดียวกัน เราเพียงแต่ปฏิบัติตามกฏเท่านั้น"
"โดยทั่วไปชีวิตคู่ของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น เรามีความคิดเห็นตรงกันในทุกสิ่ง เรื่องนี้ก็เช่นกันเราไม่ต้องการมีลูกเป็นภาระ ความจริงสามีอยากได้ลูกคนหนึ่ง ฉันได้ชักจูงเขาสำเร็จให้เลิกล้มความปรารถนานั้น เครื่องแต่งกาย เครื่องเรือนหรูหรา สถานที่สำราญ ปิกนิก การท่องเที่ยวโดยรถยนต์ และอื่นๆ มีความสำคัญต่อฉันมาก หนึ่งปีเต็มแห่งความสนุกสนานเพลิดเพลินบนผืนโลกตั้งแต่แต่งงานจนถึงความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน แน่นอนภายในจิตใจ ฉันไม่มีความสุขเลยแม้ว่าดูภายนอกฉันสบายดี มีบางสิ่งที่อยู่ภายในตำหนิติเตียนฉันตลอดเวลา"
"โดยไม่ได้คาดฝันฉันได้รับมรดกจากคุณป้าลอต สามีได้เงินเดือนขึ้นสูง ฉะนั้นฉันได้ตบแต่งบ้านหรูหราสวยงาม ในชีวิตฉันพระศาสนาหายไปในความมืด เหลือแต่แสงไฟริบหรี่เกือบจะมอดดับไป"
"ฉันมักจะพูดเป็นเชิงตลกขบขันว่า ในนรกปิศาจกำลังปิ้งวิญญาณบนถ่านไฟแดงร้อนจัดขณะที่ลูกสมุนของมันมีหางยาวกำลังลากเหยื่อรายใหม่เข้ามาให้มัน เราอาจจะวาดภาพผิดไปบ้าง แต่มันก็ไม่เกินความเป็นจริง
ฉันขอบอกเธอ ไฟที่พระคัมภีร์กล่าวถึงไม่ได้หมายถึงการทรมานของมโนธรรม ไฟก็คือไฟจริงๆ สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสว่า "ไปให้พ้นจากเรา ท่านถูกสาปแช่ง ลงไปในไฟชั่วนิรันดร" เป็นความจริงทุกถ้อยคำ ทุกถ้อยคำจริงๆ! เธออาจถามว่าวิญญาณที่มองไม่เห็นถูกไฟที่มองเห็นเผาได้อย่างไร? ในโลกวิญญาณเธอเจ็บปวดทรมานเมื่อเธอเอานิ้วแหย่เข้าไปในไฟ ความจริงวิญญาณไม่ เผาไหม้ แต่วิญญาณแต่ละดวงเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส การทรมานที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อเรารู้ว่าเราจะไม่ได้เห็นพระเจ้าอีกต่อไป ทำไมสิ่งนี้จึงทรมานพวกเราอย่างมหันต์ เพราะเมื่อมีชีวิตอยู่ในโลกเราใจเย็นเฉยต่อพระองค์ ไม่สนใจใยดีพระองค์ ตราบใดที่มีดวางอยู่บนโต๊ะ เธอก็ไม่รู้สึกอะไร นอกจากว่ามีดนั้นแหลมคม
ถ้าเธอเอามีดแทงเข้าไปในเนื้อ เธอก็จะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด บัดนี้เรารู้สึกถึงการสูญเสียองค์พระเจ้า วิญญาณคาทอลิกในนรกต้องเจ็บปวดทรมานมากกว่าวิญญาณศาสนาอื่น เพราะเขาทั้งหลายได้รับและปฏิเสธพระหรรษทานและความสว่างมากกว่าผู้อื่น ผู้ที่รู้มากย่อมเจ็บปวดทรมานมากกว่าผู้ที่รู้น้อย
ผู้ที่ได้ทำบาปด้วยความชั่วร้ายต้องทรมานมากกว่าผู้ที่ได้ทำบาปด้วยความอ่อนแอ แต่ไม่มีใครทรมานมากกว่าที่เขาสมควรได้รับ โอ้ ถ้าสิ่งนี้เป็นจริง ฉันก็มีเหตุผลทำไมฉันจึงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง"
"ความตายของฉันได้เกิดขึ้นดังนี้ . . ."
"หนึ่งอาทิตย์ล่วงมาแล้ว ฉันพูดตามการคำนวณของฉัน เพราะความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ฉันอยากบอกว่าฉันได้เผาอยู่ในนรกเป็นเวลา 10 ปีเมื่อ 1 สัปดาห์มาแล้ว ในวันอาทิตย์สามีและฉันไปปิกนิก การเที่ยวครั้งสุดท้ายของฉัน วันที่อากาศปลอดโปร่ง ฉันสบายดี แต่รู้สึกมีลางสังหรไม่สบาย ใจตลอดวัน ทันใดนั้นในขณะสามีกำลังเลี้ยวรถ ก็มีรถยนตร์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก เขาตกใจ ขาดสติ ไม่อาจควบคุมรถไว้ได้"
"เยซู ซึ่งเป็นคำอุทานที่ชาวเยอรมันชอบใช้กัน หลุดออกจากริมฝีปากฉันด้วยเสียงสั่นๆ ไม่ใช่เป็นคำภาวนา แต่เป็นเสียงตะโกนร้องเสียงหลง
ฉันเจ็บปวดเนื้อตัวฉีกขาด ถ้าเปรียบเทียบกับเวลานี้ มันเป็นความเจ็บปวดเพียงนิดเดียว แล้วฉันเป็นลมหมดสติ แปลกมากทีเดียว! เช้าวันนั้นฉันได้เกิดความคิดว่า "เธอควรไปฟังมิสซาอีกสักครั้ง มันเหมือนกับการขอร้องครั้งสุดท้าย""
"
ชัดเจนและแน่วแน่ ฉันตอบว่า "ไม่" ตัดความคิดนั้นออกไปทันที เธอก็รู้แล้วว่าอะไรได้เกิดขึ้นหลังจากความตายของฉัน ณที่แห่งนี้ฉันรู้ชะตากรรมของสามีและแม่ อะไรได้เกิดขึ้นกับศพและงานศพของฉันโดยความรู้ทางธรรมชาติ อะไรเกิดขึ้นในโลกเรารู้ไม่ชัดเจน แต่เรารู้สิ่งที่ติดอกติดใจเรา ฉันสามารถมองเห็นเธออยู่ที่ไหน"
"ทันทีทันใดฉันได้ตื่นขึ้นจากความมืดสนิท ในพริบตาฉันออกจากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่งเห็นตัวเองล้อมรอบด้วยแสงสว่างไสวในที่ซึ่งศพฉันนอนอยู่ เหมือนโรงหนัง ทันทีแสงไฟได้ดับลง ม่านบนเวทีเปิดออก ภาพที่ไม่ได้คาดคิด น่ากลัวสยองขวัญ มีสีแสงปรากฏขึ้นเป็นฉากๆ ภาพชีวิตของฉันเอง"
"วิญญาณฉันเป็นนักแสดงในจอแก้ว
ฉันได้เห็นพระหรรษทานที่ฉันปฏิเสธพระเจ้าตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวาระสุดท้าย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นฆาตกรที่ศาลยุติธรรมกำลังแสดงหลักฐานของเหยื่อที่ฉันได้ฆ่า ฉันควรเป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำผิดหรือ? ไม่เลย! ฉันควรรู้สึกละอายใจหรือ? ไม่เลย!"
"อย่างไรก็ตาม ฉันไม่อาจทนยืนต่อหน้าพระเนตรของพระเจ้าที่ฉันได้ปฏิเสธ มีสิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือ บินหนี! เหมือนเคนหลบหนีจากศพอาเบล ดังนั้น
วิญญาณฉันรีบออกจากภาพที่น่ากลัวสยองขวัญ นี่คือการพิพากษาส่วนบุคคล พระตุลาการที่มองไม่เห็นได้ตรัสว่า "ไปให้พ้นจากเรา" แล้ววิญญาณ ฉัน คล้ายเงาสีเหลืองกำมะถัน ก็ดิ่งลงไปในสถานที่แห่งการทรมานชั่วนิรันดร"
นี่เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันประมาณ 65 ปีมาแล้ว (2002 ลบ 1937)
จุดมุ่งหมายของการเสนอเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อเขย่าขวัญท่านผู้อ่าน เราต้องการยืนยันข้อความเชื่อของพระศาสนาคาทอลิกว่านรกมีจริง วิญญาณดวงหนึ่งถูกพระเจ้าบังคับให้มาเปิดเผยความลี้ลับของสถานที่แห่งการทรมานชั่วนิรันดร
เราได้อ่านแล้วว่าอะไรได้พาหญิงคนหนึ่งไปสู่ความหายนะตลอดกาล บทเรียนของเธอควรสอนเราเจริญชีวิตในความศักดิ์สิทธิ์ทุกๆวัน เพื่อเราจะได้เดินบนทางสู่ความรอดชั่วนิรันดร ขอให้เราเพียรพยายามส่วดภาวนาจนถึงวันสุดท้าย ให้เรามีความศรัทธาต่อพระนางพรหมจารีมารีอา สวดลูกประคำทุกๆวันฝากตัวเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระนาง แก้บาปรับศีลบ่อยๆเท่าที่เราสามารถจะทำได้
ในเวลาเดียวกันสวดให้ผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะคนบาปทุกคนในโลก ทำพลีกรรมและใช้โทษบาปแทนคนเหล่านั้นด้วย ตามพระวาจาของพระเยซูคริสตเจ้า: "อย่าไปสวรรค์คนเดียว พาคนอื่นไปกับเราด้วย"
ข้าแต่พระเยซูเจ้า
โปรดอภัยบาปข้าพเจ้า
โปรดช่วยข้าพเจ้าพ้นจากไฟนรก
โปรดนำวิญญาณทั้งหลายสู่สวรรค์
โดยเฉพาะวิญญาณที่ต้องการพระเมตตาของพระองค์มากที่สุด พระเจ้าข้า
โปรดระลึกเถิด
โอ้ พรหมจารีมารีอา ผู้โอบอ้อมอารี
แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยได้ยินเลยว่า
ผู้ที่มาพึ่งท่าน มาขอความช่วยเหลือคุ้มครองจากท่าน ถูกท่านทอดทิ้ง
ข้าพเจ้าวางใจดังนี้ จึงวิ่งมาหาพระมารดา พรหมจารีแห่งพรหมจารีทั้งหลาย
ข้าพเจ้าคนบาปคร่ำครวญเฉพาะพระพักตร์ของท่าน
พระมารดาแห่งพระวจะนาถ
โปรดอย่าเมินต่อวาจาของข้าพเจ้า
แต่จงสดับฟังและโปรดด้วยเถิด
อาแมน
http://www.geocities.com/prakobkit/mary/002.htm