พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแท้
โปรดปราน (พีพี )
“เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย ผู้นำเจ้าออกจากอียิปต์ออกจากแดนทาส
อย่ามีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเรา” (อพยพ 20.2 -3-ฉบับอมตธรรม)
มีหลายวลี ที่คนในสังคม ใช้เกี่ยวกับพระเจ้า เช่น “เงินคือพระเจ้า” “ความรักคือพระเจ้า” “งานคือพระเจ้า” เป็นต้น พระเจ้าที่เราพูดๆกันคือ อำนาจที่สามารถบันดาลให้เกิดสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เราพอใจ หรือเรียกว่ามีความสุข หรือหมายถึงสิ่งที่เรายกย่องบูชา ในทำนองเดียวกันในกลุ่มคริสตชน ผู้เชื่อศรัทธา ตั้งตัวเป็นพระเจ้า หรือทำหน้าที่ของพระเจ้า จึงขอเชิญพวกเรามายืนยันว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า ตามคำยืนยันด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1.คำประกาศของพระเจ้า
ถ้าเมื่อไหร่หน้าจอโทรทัศน์มีรูปธงชาติ และใช้ชื่อว่า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ มีรูปธงชาติไทย มีเพลงปลุกใจร้องซ้ำไปซ้ำมา แล้วมีคนหน้าตาขึงขังออกมานั่งอ่านประกาศแทนผู้ประกาศข่าวประจำ พวกเราคงตกใจและถูกสะกดจิตต้องตั้งใจฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้น เช่นปฏิวัติ ปฏิรูป หรือใครบุกที่ไหน เช่นครั้งล่าสุด (หวังว่าเป็นครั้งสุดท้าย ) เมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2006 เมื่อมีรัฐประหาร พวกเราคงรีบเช็คข่าว และเรียกรวมตัวกันเพื่อ อธิษฐานภาวนาขอความเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าที่จะควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้เลวร้าย ขอพระเจ้าทรงควบคุมมือที่มองไม่เห็น เพราะเราห่วงตัวเอง ห่วงเพื่อนฝูง ห่วงสังคมประเทศชาติเป็นต้น
มาพิจารณา พระคัมภีร์เก่า อพยพ 20.2 ซึ่งเป็นข้อแรกของพระบัญญัติ และเป็นข้อที่สำคัญมากเพราะหากคริสตชน ไม่สามารถให้องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นพระเจ้าในชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไร คงไม่ทำเพื่อพระเจ้า แต่คงทำเพื่ออะไรสักอย่าง พระบัญญัติ 10 ประการ (อพยพ 20:2-17 และเฉลยธรรมบัญญัติ 5.6-21) เป็นกุญแจทั้งหมดของพระเจ้าที่จะทรงเปิดเผยถึงเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะในพระคัมภีร์เก่าเฉลยธรรมบัญญัติเป็นการตอกย้ำก่อนที่คนอิสราเอลจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปดินแดนคะนาอัน ซึ่งเป็นดินแดนพระสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญามอบให้ อับราฮัม อิศอัค ยาโคบ ณ ที่ดินแดนแห่งนั้นมีรูปเคารพอื่นๆมากมาย และเกรงว่า พวกเขาจะหลงไปไหว้รูปเคารพเหล่านั้น
อพยพ 20 ข้อ 2 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า” หรืออีกนัยหนึ่งพูดว่า “เราคือพระผู้เป็นเจ้าของเจ้า” (I am the Lord your God) พระนามนี้ พระเจ้าทรงสำแดงแก่โมเสสครั้งแรกที่ภูเขาโฮเรบก่อนที่เขาจะกลับไปอียิปต์เพื่อนำชนชาติอิสราเอลให้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส (อพยพ 3.14) ต่อมาเมื่อโมเสสสงสัยว่าจะบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระเจ้าอย่างไร พระองค์ตรัส ว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” คำประกาศเช่นนี้ พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้เราหาข้อพิสูจน์พระองค์ด้วยวิธีและเหตุผลของเรา พระเจ้าทรงประกาศว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย” พระองค์ทรงยืนยันถึงการดำรงอยู่ของพระองค์
คนทุกยุค ทุกสมัย มีคนประกาศตัวเองหรืออ้างว่าเป็นพระเจ้า หรือเป็นประกาศกใหม่จากพระเจ้า โดยเบื้องหลังผู้นำเหล่านี้มีปัญหาทางจิต และปัญหาทางเพศ พวกเขาจึงพยามดึงเรื่องพระเจ้าสนับสนุนความผิดปกติของตัวเองก็เยอะ เราต้องสำนึกเสมอว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า หรือพระยาห์เวห์ของชาวคริสต์ไม่ใช่พระเจ้าแห่งการลามก พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ทรงเป็นคลังแห่งพระพร เพราะทรงประทานพรอันอุดมให้ผู้ที่เชื่อและติดตามพระองค์
พระเจ้าทรงประกาศฤทธานุภาพของพระองค์ สดุดี 90:2 “ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายเกิดขึ้นมาก่อนที่พระองค์ทรงให้กำเนิดแผ่นดินโลกและพิภพ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล” และ โรม 11:36 ว่า “เพราะสิ่งสารพัดมาจากพระองค์โดยพระองค์และเพื่อพระองค์”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกแก่คนอิสราเอลยุคนั้นและเรายุคนี้ว่า “เราคือพระยาห์เวห์ของเจ้าทั้งหลายผู้นำเจ้าออกจากมาจากอียิปต์ออกจากแดนทาส” คำว่า เรา เป็นการแสดงถึงฤทธานุภาพของพระองค์ ทรงเป็นผู้สร้างฟ้าและแผ่นดินโลก พระเจ้าทรงเท้าความเดิมแก่อิสราเอล เพื่อย้ำเตือนถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ว่าพวกเขาเคยผูกพันอย่างไรกับพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นผู้นำเขาออกจากความเป็นทาสในอียิปต์ ซึ่งพวกเขาต้องทำงานหนัก ทุกข์ทรมาน ขาดเสรีภาพ แต่พระเจ้าเป็นผู้ประทานเสรีภาพให้แก่พวกเขา พระเจ้าทรงประทานบัญญัตินี้ที่ภูเขาซีนาย เพื่อว่าเป็นกฎพื้นฐานในการดำเนินชีวิตระหว่างพวกเขากับพระเจ้า และ ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ พระเจ้าทรงปลดปล่อยความเป็นทาสถึง 430 ปี ของอิสราเอลในอียิปต์
ประยุกต์ใช้ ตอนนี้พวกเราได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความบาปได้โดยพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงประทานให้มนุษย์ โดยพระบุตร (Jesus) ผู้ที่เชื่อและวางใจในพระองค์ ได้รับอิสรภาพหลุดพ้นการเป็นทาสของความบาป ได้เป็นไท และได้รับความรอดนิรันดร์ (เล็งถึงอนาคต) คำว่า “ยาห์เวห์ ” นักวิชาการพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ชี้ว่ามาจากภาษาฮีบรู ซึ่งผสมทับคำฮีบรู 3 คำ มีความหมายว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าในอดีต พระเจ้าปัจจุบันและพระเจ้าในอนาคต “เราคือพระเจ้าของเจ้า” นั้นหมายความว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเราในอดีต ปัจจุบันและอนาคต หรือพูดได้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาล ถึงนิรันดร์กาล
***พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแท้***
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
2. คำประกาศิตของพระเจ้า
ประกาศิต มีความหมายว่า คำสั่งเด็ดขาด ในบริบทนี้คือคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ ข้อ 3 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” ตัวอย่าง มนุษย์เองเกลียดการนอกใจ หรือการทรยศการหักหลังกัน เรามักจะรับข่าว ผ่านสื่อต่างๆเช่นหนังสือพิมพ์ลงให้เราเห็นบ่อยๆ เรื่องการฆ่ากัน เช่น สามี ฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามีเพราะนอกใจ หรือเพื่อนฆ่าเพื่อน เพราะทรยศ ไม่รักษาสัญญา เป็นต้น
“อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” นี่คือประกาศิตจากพระเจ้าว่าอย่ามีพระอื่นนอกเหนือจากพระองค์เพียงผู้เดียว พระเจ้าทรงถือสิทธิ์อะไร หรือถืออำนาจต่อมนุษย์อย่างนี้ทำไม เพราะพระองค์ทรงเป็น
พระผู้สร้าง ปฐมกาล 1.1 “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน” ในสดุดี 24.1 “แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ เช่นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองให้พวกเขาเห็นประจักษ์แก่ตาที่พระองค์ทรงชนะเหนือบรรดาพระทั้งหลายของอียิปต์ และทรงนำไปสำแดงแก่ ฟาร์โรห์ และต่อประชากรของพระองค์ โมเสสได้สอนอิสราเอลในอียิปต์ว่า ...พระยาเวห์เป็นผู้อยู่เหนือพระทั้งปวง (8:10,9:14) เมื่อพระเจ้าทรงนำอิสราเอลเดินในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ได้ประกาศแก่ประชากรของพระองค์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวอย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์
พระองค์ทรงเป็นผู้ไถ่กู้ ตัวอย่าง การไถ่กู้ทางกายภาพ เช่นพระเจ้าทรงไถ่กู้อิสราเอลให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส ทรงนำพวกเขาไปยังดินแดนพระสัญญาที่อุดมไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนมคือ “คะนาอัน” ที่พระยาเวห์ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของอิสราเอล พระเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้พ้นเงื้อมมือของ ฟาร์โรห์ อียิปต์ “อย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากเรา” ไม่ใช่เป็นคำหลอกหรือขู่ให้ตกใจ แต่พระเจ้าทรงใช้ประกาศิตนี้ เพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์เอง พระองค์สามารถช่วยเหลือเราได้ และความจริงคือพระเจ้าเป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงแล้ว ใหญ่ที่สุดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีพระอื่นอีกแล้ว
เชื่อว่าพี่น้องชาวคริสต์คงหรือยังคงเจอสภาพเหมือนฉัน เคยถูกต่อว่าบ่อยๆว่า “คริสเตียนใจดำ ไม่ทำบุญสุนทาน แจกซองอะไรให้ก็ไม่เอา” เราต้องมีจุดยืนของเรา การที่เราไม่ร่วมศาสนพิธีของความเชื่ออื่น เช่นงานผ้าป่า กฐิน บวชนาค การหล่อรูปพระบูชารุ่นต่างๆ เพราะเรามีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ที่เราน้อมลงกราบไหว้ ด้วยความเคารพ เราคริสตชนจะไม่บูชารูปเคารพอื่น แต่คริสตชนมีคำตอบให้คนที่ถามได้มากมาย เพราะเราช่วยดูแลคนสังคมมากมาย พระเจ้าสั่งให้เราดูแล กลุ่มคนที่ภาษาปัจจุบันเรียกว่า “คนชายขอบ” เช่น เด็กกำพร้า หญิงม่าย คนเจ็บไข้ คนหว้าเหว่ คนด้อยโอกาส และ หลายๆ องค์กรของชาวคริสต์มีหน่วยงานเฉพาะขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนในสังคม เช่น สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านฉุกเฉิน ศูนย์เลิกยาเสพติด พันธกิจเอดส์ พันธกิจกลุ่มชาติพันธุ์ พันธกิจเรือนจำ และอีกมากมาย เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า พระบัญญัติข้อใหญ่ ข้อที่ 2 คือรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง และนักบุญเปาโลยืนยันคำสอนของพระเยซูเจ้าว่า “ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด”
3.หนทางที่เราเลือก
อพยพ 20:4-5 อย่าทำรูปเคารพ บัญญัติข้อนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างของชนชาติอิสราเอล จากชาติอื่นๆ ในสมัยนั้น เพราะทุกศาสนาในยุคนั้นมีรูปเคารพมากมาย เช่นคนอียิปต์มีรูปเทวรูปต่างๆ มีรูปหลายหลากรูปแบบเช่น เป็นมนุษย์ เป็น สัตว์ พระเจ้าสั่งอย่าทำรูปเคารพ เพราะรูปเคารพไม่สามารถช่วยอะไรมนุษย์ได้ ซึ่งในสดุดี 135:15-18 ได้บันทึกว่า “รูปเคารพของชนชาติต่างๆทำจากเงินและทองทำด้วยน้ำมือของมนุษย์ มีปากแต่พูดไม่ได้ มีตาแต่มองไม่ได้ มีหูแต่ไม่ได้ยิน ไม่มีแม้แต่ลมหายใจในปาก ผู้ที่สร้างพวกมันก็จะเป็นเหมือนพวกมันและผู้ที่วางใจในพวกมันก็จะเป็นเหมือนกัน”
รูปเคารพคืออะไร รูปเคารพไม่ใช่เพียงแต่รูปปั้น รูปหล่อ รูปแกะ เท่านั้น คนไทยอาจจะคิดถึง แต่รูปพระ รุ่นต่างๆ ที่มีการสร้างการสร้างปลุกเสก ขึ้นมาในโอกาสต่างๆ แต่รูปเคารพ ที่เรามักจะลืม และยังมีเสมอในชีวิตของพวกเราชาวคริสต์ คือ อะไรก็ตามที่เป็นเครื่องกั้น หรือทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า ประกาศกเอเสเคียล กล่าวว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้ได้ยึดเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจและวางสิ่งที่สะดุดให้ทำบาปผิดไว้ข้างหน้าเขา” มาดูรูปแบบของรูปเคารพท่ามกลางชาวคริสต์ เช่น บางคนมีเรื่องของเงิน พระเยซูตรัสว่า “เงินอยู่ที่ไหนใจอยู่ที่นั่น” รูปเคารพที่คริสตชนมักติดกับ เช่น บางคนมีการเรียน/การศึกษา บางคนมีแฟน บางคนมีเรื่องครอบครัว บางคนมีกีฬา มีการพนัน มีธุรกิจ มีวิชาปรัชญา มีการกินการเที่ยว มีดูหนังฟังเพลงฯลฯ
เพราะสิ่งที่กล่าวมาแล้วทำให้คริสตชนจำนวนมากขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้า ในเมื่อพวกเขามีสิ่งอื่นเต็มสมอง เต็มจิตใจ เขาก็จะคิดถึง พะวง อยู่กับสิ่งนั้น สิ่งเหล่านั้นฝังอยู่จิตใจ เติมเต็มด้านความคิด จนองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีช่องที่จะอยู่ในจิตใจของเรา
ดังนั้นคริสตชนต้องให้พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และพระจิตเจ้า คือองค์ ตรีเอกภาพเท่านั้นอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา นั่นคือ ยอมให้พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าแท้ของเราแต่องค์เดียว
-------------------------
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ อิสระรายเดือน มีนาคม 2008
ประกาศิต มีความหมายว่า คำสั่งเด็ดขาด ในบริบทนี้คือคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ ข้อ 3 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” ตัวอย่าง มนุษย์เองเกลียดการนอกใจ หรือการทรยศการหักหลังกัน เรามักจะรับข่าว ผ่านสื่อต่างๆเช่นหนังสือพิมพ์ลงให้เราเห็นบ่อยๆ เรื่องการฆ่ากัน เช่น สามี ฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามีเพราะนอกใจ หรือเพื่อนฆ่าเพื่อน เพราะทรยศ ไม่รักษาสัญญา เป็นต้น
“อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา” นี่คือประกาศิตจากพระเจ้าว่าอย่ามีพระอื่นนอกเหนือจากพระองค์เพียงผู้เดียว พระเจ้าทรงถือสิทธิ์อะไร หรือถืออำนาจต่อมนุษย์อย่างนี้ทำไม เพราะพระองค์ทรงเป็น
พระผู้สร้าง ปฐมกาล 1.1 “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน” ในสดุดี 24.1 “แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ เช่นพระองค์ทรงสำแดงพระองค์เองให้พวกเขาเห็นประจักษ์แก่ตาที่พระองค์ทรงชนะเหนือบรรดาพระทั้งหลายของอียิปต์ และทรงนำไปสำแดงแก่ ฟาร์โรห์ และต่อประชากรของพระองค์ โมเสสได้สอนอิสราเอลในอียิปต์ว่า ...พระยาเวห์เป็นผู้อยู่เหนือพระทั้งปวง (8:10,9:14) เมื่อพระเจ้าทรงนำอิสราเอลเดินในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ได้ประกาศแก่ประชากรของพระองค์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวอย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์
พระองค์ทรงเป็นผู้ไถ่กู้ ตัวอย่าง การไถ่กู้ทางกายภาพ เช่นพระเจ้าทรงไถ่กู้อิสราเอลให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส ทรงนำพวกเขาไปยังดินแดนพระสัญญาที่อุดมไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนมคือ “คะนาอัน” ที่พระยาเวห์ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของอิสราเอล พระเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้พ้นเงื้อมมือของ ฟาร์โรห์ อียิปต์ “อย่ามีพระอื่นใดนอกเหนือจากเรา” ไม่ใช่เป็นคำหลอกหรือขู่ให้ตกใจ แต่พระเจ้าทรงใช้ประกาศิตนี้ เพื่อผลประโยชน์ของมนุษย์เอง พระองค์สามารถช่วยเหลือเราได้ และความจริงคือพระเจ้าเป็นพระเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงแล้ว ใหญ่ที่สุดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องมีพระอื่นอีกแล้ว
เชื่อว่าพี่น้องชาวคริสต์คงหรือยังคงเจอสภาพเหมือนฉัน เคยถูกต่อว่าบ่อยๆว่า “คริสเตียนใจดำ ไม่ทำบุญสุนทาน แจกซองอะไรให้ก็ไม่เอา” เราต้องมีจุดยืนของเรา การที่เราไม่ร่วมศาสนพิธีของความเชื่ออื่น เช่นงานผ้าป่า กฐิน บวชนาค การหล่อรูปพระบูชารุ่นต่างๆ เพราะเรามีพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ที่เราน้อมลงกราบไหว้ ด้วยความเคารพ เราคริสตชนจะไม่บูชารูปเคารพอื่น แต่คริสตชนมีคำตอบให้คนที่ถามได้มากมาย เพราะเราช่วยดูแลคนสังคมมากมาย พระเจ้าสั่งให้เราดูแล กลุ่มคนที่ภาษาปัจจุบันเรียกว่า “คนชายขอบ” เช่น เด็กกำพร้า หญิงม่าย คนเจ็บไข้ คนหว้าเหว่ คนด้อยโอกาส และ หลายๆ องค์กรของชาวคริสต์มีหน่วยงานเฉพาะขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนในสังคม เช่น สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านฉุกเฉิน ศูนย์เลิกยาเสพติด พันธกิจเอดส์ พันธกิจกลุ่มชาติพันธุ์ พันธกิจเรือนจำ และอีกมากมาย เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า พระบัญญัติข้อใหญ่ ข้อที่ 2 คือรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง และนักบุญเปาโลยืนยันคำสอนของพระเยซูเจ้าว่า “ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด”
3.หนทางที่เราเลือก
อพยพ 20:4-5 อย่าทำรูปเคารพ บัญญัติข้อนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างของชนชาติอิสราเอล จากชาติอื่นๆ ในสมัยนั้น เพราะทุกศาสนาในยุคนั้นมีรูปเคารพมากมาย เช่นคนอียิปต์มีรูปเทวรูปต่างๆ มีรูปหลายหลากรูปแบบเช่น เป็นมนุษย์ เป็น สัตว์ พระเจ้าสั่งอย่าทำรูปเคารพ เพราะรูปเคารพไม่สามารถช่วยอะไรมนุษย์ได้ ซึ่งในสดุดี 135:15-18 ได้บันทึกว่า “รูปเคารพของชนชาติต่างๆทำจากเงินและทองทำด้วยน้ำมือของมนุษย์ มีปากแต่พูดไม่ได้ มีตาแต่มองไม่ได้ มีหูแต่ไม่ได้ยิน ไม่มีแม้แต่ลมหายใจในปาก ผู้ที่สร้างพวกมันก็จะเป็นเหมือนพวกมันและผู้ที่วางใจในพวกมันก็จะเป็นเหมือนกัน”
รูปเคารพคืออะไร รูปเคารพไม่ใช่เพียงแต่รูปปั้น รูปหล่อ รูปแกะ เท่านั้น คนไทยอาจจะคิดถึง แต่รูปพระ รุ่นต่างๆ ที่มีการสร้างการสร้างปลุกเสก ขึ้นมาในโอกาสต่างๆ แต่รูปเคารพ ที่เรามักจะลืม และยังมีเสมอในชีวิตของพวกเราชาวคริสต์ คือ อะไรก็ตามที่เป็นเครื่องกั้น หรือทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า ประกาศกเอเสเคียล กล่าวว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้ได้ยึดเอารูปเคารพของเขาไว้ในใจและวางสิ่งที่สะดุดให้ทำบาปผิดไว้ข้างหน้าเขา” มาดูรูปแบบของรูปเคารพท่ามกลางชาวคริสต์ เช่น บางคนมีเรื่องของเงิน พระเยซูตรัสว่า “เงินอยู่ที่ไหนใจอยู่ที่นั่น” รูปเคารพที่คริสตชนมักติดกับ เช่น บางคนมีการเรียน/การศึกษา บางคนมีแฟน บางคนมีเรื่องครอบครัว บางคนมีกีฬา มีการพนัน มีธุรกิจ มีวิชาปรัชญา มีการกินการเที่ยว มีดูหนังฟังเพลงฯลฯ
เพราะสิ่งที่กล่าวมาแล้วทำให้คริสตชนจำนวนมากขาดความสัมพันธ์กับพระเจ้า ในเมื่อพวกเขามีสิ่งอื่นเต็มสมอง เต็มจิตใจ เขาก็จะคิดถึง พะวง อยู่กับสิ่งนั้น สิ่งเหล่านั้นฝังอยู่จิตใจ เติมเต็มด้านความคิด จนองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีช่องที่จะอยู่ในจิตใจของเรา
ดังนั้นคริสตชนต้องให้พระเจ้า พระเยซูคริสต์ และพระจิตเจ้า คือองค์ ตรีเอกภาพเท่านั้นอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา นั่นคือ ยอมให้พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าแท้ของเราแต่องค์เดียว
-------------------------
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ อิสระรายเดือน มีนาคม 2008
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 23, 2008 12:28 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.