รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
			
		
		
			- 
				
																			 Prod Pran
- Defender of lawS
  
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
						
						
													
							
						
									 
								 ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 8:30 pm
			
			
			
			
			ไม่ละอายเพราะข่าวดี
		                                                  โปรดปราน ( พีพี )
16ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องละอายต่อข่าวดี   เพราะนี่คืออานุภาพของพระเจ้าซึ่งนำความรอดพ้นให้แก่ทุกคนที่เชื่อมีความเชื่อ ให้แก่พวกยิวก่อนแล้วให้แก่คนต่างชาติด้วยเช่นกัน 17เพราะความเที่ยงธรรมที่พระเจ้าช่วยให้รอดพ้น ถูกเปิดเผยในข่าวดีนี้ ความเที่ยงธรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเชื่อและนำไปสู่ ความเชื่อ   ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า    ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตโดยความเชื่อ ( โรม 1.16-17)
 ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน 2008 ถึง 29 มิถุนายน 2009  พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกประกาศให้เป็นปีนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นปีที่ 2000 ของการครบรอบวันเกิดของอัครทูตผู้ยิ่งใหญ่  สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 พร้อมด้วย สมเด็จพระอัยกา บาร์โธโลเมออส ที่ 1 ประมุขพระศาสนจักรออร์ทอดอกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ทรงร่วมเป็นประธานวจนพิธีกรรมเปิดปีนักบุญเปาโล ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิหารนักบุญเปาโล  เมื่อวันเสาร์ที่ 28มิถุนายน 2008  สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงย้ำว่าปีนักบุญเปาโล มีเพื่อให้คริสตชนเอาชนะความแตกแยก และเกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แบบที่นักบุญเปาโลสอนให้คริสตชนรักกันฉันท์พี่น้องในพระคริสตเจ้า   ใจความสำคัญของบทเทศน์ของ พระสันตะปาปา ตรัสถามสัตบุรุษว่า “นักบุญเปาโลคือใคร ...ก่อนจะฉลองปีนักบุญเปาโล เราต้องรู้ความหมายให้ชัดเจนถูกต้อง”แล้วพระองค์ตรัสถึงความหมายว่า “นักบุญเปาโลคืออาจารย์ของชาวต่างชาติและเป็นผู้ประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์ นี่คือสิ่งที่ท่านพรรณนาตนเองตลอดชีวิต การที่ท่านอธิบายตัวเองเป็นอาจารย์ของชาวต่างชาติ  แสดงให้เห็นว่า นักบุญเปาโลมองไปยังอนาคตข้างหน้า มองที่การสั่งสอนและประกาศพระนามพระเยซูให้กับประชากรทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น พ่ออยากย้ำเตือนพวกเราอีกครั้ง นักบุญเปาโลไม่ใช่แค่ปูชนียบุคคลในอดีตกาล ที่เราระลึกถึงเพื่อให้ความเคารพเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นครูอาจารย์  เป็นอัครสาวก  เป็นผู้ประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์ให้กับเราซึ่งเป็นเป็นประชากรในยุคนี้ นี่คือเหตุผลที่พ่อปรารถนาให้มีการชุมนุม เพื่อเปิดปีนักบุญเปาโล พ่ออยากให้ทุกคนเรียนรู้และฟังคำสอนของนักบุญเปาโล ผู้เป็นอาจารย์ของพวกเรา ขอให้ทุกคนตระหนักเสมอว่า ความเชื่อและความจริงซึ่งเป็นรากฐานของเหตุผล คือบ่อเกิดสำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกันในการเป็นสาวกติดตามพระคริสตเจ้า”  ...(ดูทั้งหมดที่ http://www.issara.com/blog/?p=947)
                   ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน 2008 ถึง 29 มิถุนายน 2009  พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกประกาศให้เป็นปีนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นปีที่ 2000 ของการครบรอบวันเกิดของอัครทูตผู้ยิ่งใหญ่  สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 พร้อมด้วย สมเด็จพระอัยกา บาร์โธโลเมออส ที่ 1 ประมุขพระศาสนจักรออร์ทอดอกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ทรงร่วมเป็นประธานวจนพิธีกรรมเปิดปีนักบุญเปาโล ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิหารนักบุญเปาโล  เมื่อวันเสาร์ที่ 28มิถุนายน 2008  สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงย้ำว่าปีนักบุญเปาโล มีเพื่อให้คริสตชนเอาชนะความแตกแยก และเกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แบบที่นักบุญเปาโลสอนให้คริสตชนรักกันฉันท์พี่น้องในพระคริสตเจ้า   ใจความสำคัญของบทเทศน์ของ พระสันตะปาปา ตรัสถามสัตบุรุษว่า “นักบุญเปาโลคือใคร ...ก่อนจะฉลองปีนักบุญเปาโล เราต้องรู้ความหมายให้ชัดเจนถูกต้อง”แล้วพระองค์ตรัสถึงความหมายว่า “นักบุญเปาโลคืออาจารย์ของชาวต่างชาติและเป็นผู้ประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์ นี่คือสิ่งที่ท่านพรรณนาตนเองตลอดชีวิต การที่ท่านอธิบายตัวเองเป็นอาจารย์ของชาวต่างชาติ  แสดงให้เห็นว่า นักบุญเปาโลมองไปยังอนาคตข้างหน้า มองที่การสั่งสอนและประกาศพระนามพระเยซูให้กับประชากรทุกยุคทุกสมัย ดังนั้น พ่ออยากย้ำเตือนพวกเราอีกครั้ง นักบุญเปาโลไม่ใช่แค่ปูชนียบุคคลในอดีตกาล ที่เราระลึกถึงเพื่อให้ความเคารพเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นครูอาจารย์  เป็นอัครสาวก  เป็นผู้ประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์ให้กับเราซึ่งเป็นเป็นประชากรในยุคนี้ นี่คือเหตุผลที่พ่อปรารถนาให้มีการชุมนุม เพื่อเปิดปีนักบุญเปาโล พ่ออยากให้ทุกคนเรียนรู้และฟังคำสอนของนักบุญเปาโล ผู้เป็นอาจารย์ของพวกเรา ขอให้ทุกคนตระหนักเสมอว่า ความเชื่อและความจริงซึ่งเป็นรากฐานของเหตุผล คือบ่อเกิดสำหรับความเป็นหนึ่งเดียวกันในการเป็นสาวกติดตามพระคริสตเจ้า”  ...(ดูทั้งหมดที่ http://www.issara.com/blog/?p=947)               
              จากจดหมายถึงชาวโรม บทที่ 1.16-17 น่าสนใจมากที่อัครทูตเปาโล กล้ายืนยันว่าไม่ละอายเพราะการประกาศข่าวดี  เหตุผลที่นักบุญเปาโลให้ว่าต้องไม่ละอายเพราะข่าวดีคือ
1.พระวรสารคือข่าวดี 
 	
                เหตุผลที่เราไม่ควรละอายเนื่องด้วยพระวรสารเพราะว่า  "พระวรสาร"  คือข่าวเรื่องพระเยซูคริสต์เสด็จมาปลดปล่อยมวลมนุษย์ให้พ้นจากการเป็นทาสบาป พ้นจากการพิพากษาลงโทษ และรับชีวิตใหม่ เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าทรงให้แก่ชนชาติอิสราเอลในสมัยพระคัมภีร์เก่า และได้เกิดขึ้นสำเร็จเป็นจริงทางองค์พระเยซูเจ้า ผู้ใดหันกลับจากบาปมาเชื่อวางใจในพระเยซู จะได้รับการอภัยโทษบาปและเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้ 
 
   
                 ดังนั้นการที่เราจะประกาศเรื่องพระเยซูผู้ปลดปล่อยคนบาปเป็นข่าวดีไม่ต้องละอาย...เมื่อมีข่าวร้ายสิ เราไม่ควรฟัง ข่าวร้ายสิเราควรจะลังเลใจ  หรือละอายที่จะบอกเล่า หรือหาวิธีการบอกเพื่อไม่ให้ผู้ฟังเสียใจหรือตกใจ     เมื่อ 4 ปีก่อน ครอบครัวเราได้สูญเสียพี่ชายคนโตหัวใจวายตาย ไม่มีใครกล้าบอกคุณแม่ ทันทีหลังจากฉันกลับจากไปดูงานการจัดหลักสูตรที่ ปินัง มาเลเซีย ได้ทราบข่าวร้ายว่าพี่ชายได้จากโลกนี้ไปแล้ว ต่อมาได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายคนที่สองขอร้องให้ฉันเป็นคนบอกคุณแม่ว่า พี่ชายตายแล้ว ขณะนั้นแม่รับรู้ว่า พี่ชายป่วยกะทันหันจึงต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ฉันงงว่าทำไม พี่ชายอยู่บ้านเดียวกับแม่ ต้องมาใช้น้อง ทั้งๆที่อยู่คนละที่  ก่อนที่ฉันจะปฏิเสธว่าไม่กล้าบอกข่าวร้ายนี้กับแม่ พี่ชายบอกว่า “เธอเป็นคนมีวาทศิลป์ดีมีวิธีบอกทำให้แม่ไม่ตกใจ”  ดังนั้นจึงรีบไปหาแม่ที่บ้านพี่ชาย ใช้วิธีหว่านล้อม พูดอ้อมโลกเสียนาน ฝ่ายแม่ถามว่า “ไปเยี่ยมพี่ชายแล้วยัง อาการเป็นอย่างไรบ้าง ฉันจึงค่อยๆบอกว่า พี่ชายไปสวรรค์แล้ว ” คุณแม่เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เขามีบุญจังไม่ต้องทรมาน”  ...พวกเราเลยโล่งใจ
	
          2000 ปีผ่านไปแล้ว นักบุญเปาโลยังเป็นต้นแบบแก่พวกเราในการแบ่งปันข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้า ผู้ที่บังเกิดมาเพื่อช่วยกู้มนุษยชาติให้พ้นจากความผิดบาป ไม่ต้องตกนรก พ้นอำนาจมืดของความบาป พระองค์คือผู้นำมนุษย์กลับไปหาพระบิดาที่อาณาจักรสวรรค์ นี่คือข่าวดีที่สุด ที่เราต้องประกาศและต้องไม่ละอาย  
			
									
									
						 
		 
				
		
		 
	 
	        
			
		
		
			- 
				
																			 Prod Pran
- Defender of lawS
  
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
						
						
													
							
						
									 
								 ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 8:35 pm
			
			
			
			
			2.พระวรสารคือความรอดของพระเจ้า 
               เหตุผลที่เราไม่ควรละอาย เพราะพระวรสารคือความรอด  ความรอดในพระคัมภีร์เก่าหมายถึงการปลดปล่อยหรือการช่วยให้รอดพ้นจากภยันอันตราย และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ (อพย.6:6; สดด.6:2-4; 7:1-5; 103:3) ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่หมายถึงการทรงไถ่ผู้เชื่อทั้งหลายให้รอดพ้นจากโทษบาปคือความตาย เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์และสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น (1 ธส.5:9)   เป็นความรอดของผู้เชื่อเอง เบื้องหลังของมนุษย์ทุกคนได้รับผลของความบาปของมนุษย์คู่แรก ได้ถ่ายทอดมาถึงมนุษยชาติอยู่ในคำแช่งสาป “ค่าจ้างของความบาปคือความตาย” ตายทั้งฝ่ายร่างกาย และวิญญาณจิต ซึ่งต้องแยกจากพระเจ้านิรันดร์  คนบาปเหมือนกับนักโทษแดนประหาร ที่รอวันพิพากษา และรอเวลาถูกประหาร  นักประวัติศาสตร์อย่าง นีลล์เขียนไว้ว่า “มีหลักฐานว่าพวกที่ไม่เชื่อจำนวนมากกลับใจในนาทีที่การตัดสินประหารชีวิตและความตายของคริสเตียนเป็นประจักษ์พยาน”  
ตัวอย่าง พันธกิจเรือนจำเป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่คริสเตียนได้ทำ ในหลายจังหวัด  เพื่อให้ผู้ต้องขังมีโอกาสสัมผัสถึงความรักของพระเยซูเจ้า   ตามที่ทราบแต่ละปีมีนักโทษทั่วประเทศได้ต้อนรับพระเยซูเจ้า เขาจึงมีเสรีภาพด้านวิญญาณจิต
การประกาศข่าวดีเป็นวิถีทางนำคนไปสู่ความรอดที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ ท่านเปาโล
              กล่าวว่าไม่ละอายเพราะท่านเข้าใจดีว่าความรอดนี้ไม่ได้มาจากมนุษย์ แต่มาจากพระเมตตาของพระเจ้า    ดังนั้นพระเยซูคริสต์ คือข่าวดีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้นำความรอดของมนุษย์     อัครทูตเปาโลยืนยันว่า  “ พระเจ้าจึงทรงโปรดช่วยคนที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาเรื่องโง่ๆ” (1โครินธ์ 1.21)
 3. พระวรสารคืออานุภาพและเป็นของมนุษย์ทุกคน
   	เหตุที่ไม่ละอายที่จะประกาศข่าวดีเพราะพระวรสารคือ “อานุภาพ”  ฉันคิดถึงคำว่า “อานุภาพ ร้ายแรงของ นิวเคลียร์”  ตอนนี้ทั้งโลก กำลังหวั่นไหว กับการทดลองของเกาหลีเหนือกับอิหร่าน เรื่องการทดลองยิงระเบิดและส่งดาวเทียมสู่ท้องฟ้า เหตุที่กลัว คือกลัวว่า ทั้งสองประเทศนี้จะกำลังผลิตระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพร้ายแรง แล้วติดหัวจรวดยิงบางประเทศ ก็ได้.... ท่านเปาโลว่า“ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องละอายต่อข่าวดี   เพราะนี่คืออานุภาพของพระเจ้าซึ่งนำความรอดพ้นให้แก่ทุกคนที่เชื่อมีความเชื่อ ให้แก่พวกยิวก่อนแล้วให้แก่คนต่างชาติด้วยเช่นกัน” (โรม 1.16) อานุภาพของข่าวดีคือ นำผู้เชื่อวางใจในพระเยซูเจ้า ทุกๆคนให้ได้รับความรอด ดังคำยืนยันว่า “ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด'” ( กิจการ 2:21)
3. พระวรสารคืออานุภาพและเป็นของมนุษย์ทุกคน
   	เหตุที่ไม่ละอายที่จะประกาศข่าวดีเพราะพระวรสารคือ “อานุภาพ”  ฉันคิดถึงคำว่า “อานุภาพ ร้ายแรงของ นิวเคลียร์”  ตอนนี้ทั้งโลก กำลังหวั่นไหว กับการทดลองของเกาหลีเหนือกับอิหร่าน เรื่องการทดลองยิงระเบิดและส่งดาวเทียมสู่ท้องฟ้า เหตุที่กลัว คือกลัวว่า ทั้งสองประเทศนี้จะกำลังผลิตระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพร้ายแรง แล้วติดหัวจรวดยิงบางประเทศ ก็ได้.... ท่านเปาโลว่า“ข้าพเจ้าเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องละอายต่อข่าวดี   เพราะนี่คืออานุภาพของพระเจ้าซึ่งนำความรอดพ้นให้แก่ทุกคนที่เชื่อมีความเชื่อ ให้แก่พวกยิวก่อนแล้วให้แก่คนต่างชาติด้วยเช่นกัน” (โรม 1.16) อานุภาพของข่าวดีคือ นำผู้เชื่อวางใจในพระเยซูเจ้า ทุกๆคนให้ได้รับความรอด ดังคำยืนยันว่า “ทุกคนซึ่งได้ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด'” ( กิจการ 2:21)
	ตัวอย่าง ฉันได้สังเกตวิวาทะในวงการของชาวคริสต์เรื่องการ ประกาศข่าวดีหรือการแพร่ธรรมเสมอ  เช่นบางกลุ่มเลี้ยงดูเด็กกำพร้า หญิงม่าย เพื่อเป็นโอกาสนำเขามาถึงพระเยซู บางกลุ่มช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ลี้ภัย  คนถูกจองจำ บางกลุ่มชอบแจกใบปลิว หนังสือคำพยาน  บางกลุ่มชอบจัดประกาศในโอกาสต่างๆ ของปฏิทินคริสต์ศาสนา บางกลุ่มชอบส่งเสียงประกาศตามที่ชุมนุมชน เช่นสวนสาธารณะ สี่แยก ศูนย์การค้า หรือที่ชุมชนต่างๆ  บางกลุ่มใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ ส่งข้อความทางโทรศัพท์ บางกลุ่มชอบตอกแปะข้อความบนยอดไม้สูงๆ  บางกลุ่มโพสต์ประกาศตามเว็บไซต์   เปิดบล็อกของตัวเอง   เป็นต้น .....จากการที่เรามุ่งทำการแพร่ธรรมหลากหลายรูปแบบของต่างคณะ ต่างนิกาย บ่อยครั้งจึงมีความขัดแย้ง ระหว่างคนประกาศ คนถูกประกาศ แล้วไปด่าต่อๆกับคนไม่ชอบประกาศ และไม่ยอมประกาศ  ทั้งนิกายเดียวกันและต่างนิกาย เป็นต้น

  นักบุญเปาโลยืนยันเสมอว่า ต้องมีการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับความรักและยอมเสียสละพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า และต้องไม่ละอาย หรืออีกนัยหนึ่งผู้ประกาศต้องภูมิใจด้วย  ตลอดชีวิตของเปาโลที่ได้รับใช้พระเยซูเจ้า ต้องทำงานอย่างหนัก อดทนต่อการเบียดเบียนทุกอย่าง  เช่นนักบุญเปาโลได้เล่าว่า “25เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง   เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง   ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง   ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 26ข้าพเจ้าต้องเดินทางบ่อยๆ   เผชิญภัยอันน่ากลัวในแม่น้ำ   เผชิญโจรภัย   เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง   เผชิญภัยจากคนต่างชาติ   เผชิญภัยในนคร   เผชิญภัยในป่า   เผชิญภัยในทะเล   เผชิญภัยจากพี่น้องทรยศ 27ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก   ต้องอดหลับอดนอนบ่อยๆ   ต้องหิวและกระหาย   ต้องอดข้าวบ่อยๆ   ต้องทนหนาวไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่” ( 2โครินธ์ 11.25-28) 
              ในที่สุดอัครทูตเปาโลพบจุดจบที่โหดร้าย คือถูกฆ่าตายพร้อมนักบุญเปโตรและคริสตชนคนอื่นๆ ใน ช่วงของการเบียดเบียนที่น่าขยะแขยงในสมัยจักรพรรดิเนโร  นักบุญเปาโลสามารถสละชีวิตในการประกาศข่าวดีเพราะท่านซาบซึ้งถึงความรักของพระเยซู เพราะว่าแม้แต่คนบาปใจหยาบอย่างเปาโล ที่ถือหนังสือมอบอำนาจของมหาสมณะเดินทางไปเมืองดามัสกัสเพื่อจับกุมทุกคนที่นับถือตามพระคริสตเจ้ามาลงโทษที่กรุงเยรูซาเล็ม  ขณะเดินทางใกล้ถึงเมืองดามัสกัส มีแสงจากท้องฟ้าล้อมรอบตัวเปาโล และเขาล้มลง พระเยซูเจ้าทรงเรียกด้วยพระองค์เองว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าเบียดเบียนเราทำไม”เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเผยพระองค์ เปาโลได้รับเชื่ออย่างอัศจรรย์และทันทีทันใด ท่านเปาโล รักคนบาปที่กำลังจะเดินหลงทางจากพระผู้สร้าง จึงตั้งใจ นำพวกเขากลับมาหาพระเจ้า อัครทูตเปาโลได้สร้างสาวก ถ่ายทอดนิมิตแก่ศิษย์รัก อย่างทิโมธี  ติตัส และมาถึงพวกเราจนทุกวันนี้
	
4.พระวรสารคือการสำแดงแก่คนบาปว่าความชอบธรรมมาจากพระเจ้า   
  “เพราะความเที่ยงธรรมที่พระเจ้าช่วยให้รอดพ้น ถูกเปิดเผยในข่าวดีนี้ ความเที่ยงธรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับความเชื่อและนำไปสู่ ความเชื่อ   ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า    ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตโดยความเชื่อ” ( โรม 1.17)
  เหตุผลที่เราต้องไม่ละอายเพราะข่าวดีได้สำแดงให้คนบาปรู้ว่าเราสามารถรอดพ้น หรือได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากบาป และได้รับความชอบธรรม "ความชอบธรรม" ในพระคัมภีร์มีความหมายทั่วไปคือ การมีชีวิตสอดคล้องกับสิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องและการปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์ เมื่อใช้บรรยายถึงพระลักษณะของพระเจ้า จะหมายถึงความสัตย์ซื่อของพระองค์ในการรักษาพระสัญญา  แต่เมื่อกล่าวถึงประชากรของพระองค์จะหมายถึงลักษณะชีวิต ที่พระเจ้าทรงยอมรับและมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์ โดยผ่านทางความเชื่อที่ผู้นั้นมีในพระเยซูคริสต์ และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ ( ดู โรม.5:1; 6:18; 8:4) 
 ตามธรรมชาติของมนุษย์แล้วเรา มีผลของความบาป ทรยศต่อพระเจ้า เราได้ทำลายพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อให้หลุดพ้นจากคำสาปแช่ง การพิพากษาลงโทษตามพระพิโรธ เราต้องการความชอบธรรม เพราะธรรมชาติของพระเจ้าทรงบริสุทธิ์และมีความชอบธรรม 
  
ดังนั้น"พระวรสาร" คือข่าวเรื่องพระเยซูคริสต์เสด็จมาปลดปล่อยมวลมนุษย์ให้พ้นจากการเป็นทาสบาป พ้นจากการพิพากษาลงโทษ และรับชีวิตใหม่ เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าทรงให้แก่ชนชาติอิสราเอลในสมัยพระคัมภีร์เดิม และได้เกิดขึ้นสำเร็จเป็นจริงทางองค์พระเยซูคริสต์ ผู้ใดหันกลับจากบาปมาเชื่อวางใจในพระเยซู จะได้รับการอภัยโทษบาปและเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้ จึงเป็นข่าวดีที่สุดที่คริสตชนต้องประกาศอย่างมั่นใจและไม่ต้องละอาย...อาแมน
หมายเหตุ ตีพิมพ์ในอิสระรายเดือน ปี 2009 
			
									
									
						 
		 
				
		
		 
	 
	        
			
	        
			
	        
			
		
		
			- 
				
																			 Prod Pran
- Defender of lawS
  
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
						
						
													
							
						
									 
								 เสาร์ ธ.ค. 29, 2012 4:37 pm
			
			
			
			
			พันธกิจทั้งหมดของคริสตชน คือการประกาศข่าวดี  ดังนั้นแต่ละกลุ่มจะมีวิธีการประกาศ
ที่แตกต่างกัน บางวิธีทำให้คริสตชนโกรธกันเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะผ่านปีเก่า และสู่ปี
ใหม่สิ่งที่พวกเราเองต้องทำต่อไป คือการประกาศข่าวดีของพระเยซู เพราะข่าวดีนี้
มีอานุภาพ นำคนไปถึงความรอด ได้กลับคืนดีกับพระบิดา