พระคัมภีร์สารบบที่สอง ปัญหา "อธิกธรรม
อันที่จริงคริสตชน (ทั้งโปรเตสแตนต์และคาทอลิก) ต่างยอมรับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่สืบทอดมาจากชาวยิวเหมือนกันเพียงแต่หลังการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนชาวยิวต่างกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆที่ยังเหลือรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่มี 2 แห่งคือที่แผ่นดินปาเลสไตน์ซึ่งยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลักและที่เมืองอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์ซึ่งใช้ภาษากรีกเป็นหลัก
ต้องยอมรับว่าชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกนั้นมีใจเปิดกว้าง กว่าชาวยิวที่ใช้ภาษาฮีบรูซึ่งค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อพวกเขาแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมจากภาษาฮีบรูมาเป็นฉบับภาษากรีกที่เรียกกันว่า"สารบบเจ็ดสิบหรือ Septuagint" จึงได้รวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย
ส่วนที่เพิ่มเติมจากภาษาฮีบรูได้แก่
ท โทบิต และ ยูดิธ ต้นฉบับเป็นภาษาอาราเมอิก หรืออาจเป็นฮีบรู
ท บารุค และ มัคคาบี 1 ต้นฉบับเป็นภาษาฮีบรู
ท ปรีชาญาณ และ มัคคาบี 2 ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
ท บุตรสิรา
ท บางส่วนของ เอสเธอร์ ต้นฉบับอาจเป็นภาษาฮีบรู
ท บางส่วนของ ดาเนียล ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
จุดแตกหักด้านพระคัมภีร์ระหว่างคริสตชนเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1519 ที่เมือง Leipzig เมื่อ Eck อ้างข้อความจากหนังสือมัคคาบีฉบับที่2 เพื่อสนับสนุนคำสอนเรื่องไฟชำระแต่ MartinLuther คัดค้านโดยอ้างว่าหนังสือดังกล่าวไม่อยู่ในสารบบผลสรุปคือลูเธอร์เดินตามสารบบของชาวยิวในปาเลสäตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู ส่วนคาทอลิกเดินตามสารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก
ต่อมาในปีค.ศ.1546(27ปีหลังเหตุการณ์ที่เมืองLeipzig)สังคายนาที่นครเตรนท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ(ไม่ผิดพลาด)รับรองหนังสือทุกเล่มที่คาทอลิกใช้อยู่ในปัจจุบัน(ทั้งสารบบที่หนึ่งและสารบบที่สอง)ว่า "เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า"
..
ความหมายของคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical
Deutero-canonical แปลตามตัวคือ "สารบบที่สอง" ดังนั้น เมื่อมีสารบบที่สอง แสดงว่าต้องมี "สารบบที่หนึ่ง (Protocanonical) " ด้วยซึ่งทั้งสองคำนี้ใช้ในคาทอลิกเท่านั้น
ข้อควรระวังคือต้องไม่เข้าใจในทำนองที่ว่าพระศาสนจักรคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์อยู่2ระบบโดยสารบบที่สองเพิ่มเข้ามาภายหลังเพราะถ้าเข้าใจแบบนี้จะทำให้หนังสือในสารบบที่สองดูเหมือนจะด้อยค่าลงไปเมื่อเทียบกับหนังสือในสารบบที่หนึ่่งดังนั้นความหมายที่ถูกต้องคือ
* พระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งไงได้แก่หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่คริสตชนทุกนิกายยอมรับเหมือนกัน
* พระคัมภีร์สารบบที่สองได้แก่หนังสือ 7เล่มและบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิกและมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่หนึ่งทุกประการ
ส่วนคำ Apocrypha ที่เราแปลว่า"อธิกธรรม" ได้แก่หนังสือที่เขียนขึ้นระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลเรื่อยมาจนถึงพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกมีทั้งที่ถือกำเนิดมาจากชาวยิวล้วนๆ หรือลูกผสมโดยเริ่มจากชาวยิวแล้วจบลงโดยคริสตชนหรือที่เป็นของคริสตชนล้วนๆก็มีหนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยมีเจตนาให้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้าแต่ไม่ได้รับการรับรองให้อยู่ในสารบบ
ท ข้อที่แตกต่างระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์จึงอยู่ตรงนี้ คือสำหรับคาทอลิก"อธิกธรรม"หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ทั้งในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง และในสารบบที่สอง
ท สำหรับโปรเตสแตนต์ "อธิกธรรม"หมายถึงหนังสือที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาถือหนังสือในสารบบที่สองของคาทอลิกเป็น "อธิกธรรม"ไปด้วย
..
พระศาสนจักรคาทอลิกมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือ Apocrypha ?
ในที่ประชุมสมัชชาพระสังฆราชที่เมืองบาร์กา ประเทศสเปญ (Synod of Braga) ปี ค.ศ. 563 ได้ประณามทุกคนที่ "อ่าน เห็นชอบ หรือปกป้อง"หนังสือ Apocrypha หมายความว่าใครก็ตามที่อ่านหนังสืออธิกธรรมถือว่าถูกตัดขาดจากสมาชิกภาพของพระศาสนจักร (บัพพาชนียกรรม:Ex-communication)ซึ่งมองแล้วอาจจะดูรุนแรงนั่นเป็นเพราะในหนังสืออธิกธรรมโดยเฉพาะที่เขียนโดยคริสตชน มีความเชื่อผิดๆแฝงอยู่มากส่วนใหญ่เป็นของพวก Gnosticism ได้แก่พวกที่ปรารถนาดียกย่องความเป็นพระเจ้าของพระเยซูเจ้าสุดโต่งจนกลายเป็นว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์แท้ ซึ่่่งจะนำไปสู่ข้อสรุปผิดๆ อีกว่าพระองค์ไม่ถูกทรมานจริงไม่สิ้นพระชนม์จริงและดังนั้นเราก็ไม่ได้รับการไถ่บาปจริง
เมื่อเห็นสาเหตุที่ทำให้พระศาสนจักรต้องประณามคนอ่านหนังสืออธิกธรรมแล้วคงช่วยให้เราสบายใจมากขึ้นเพราะเมื่อสาเหตุหมดไป คำประณามก็ถูกลืมเลือนไปด้วย
ในสมัยกลางโดยเฉพาะในยุคของนักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญโธมัส อไควนัส หนังสืออธิกธรรมได้รับการยอมรับอย่างสูงทั้งในหมู่พระสงฆ์นักบวชและฆราวาส และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เห็นภาพเขียนฝาผนังในวัดต่างประเทศเป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออธิกธรรม
ดังนั้น คาทอลิกสามารถอ่านและอ้างอิงหนังสืออธิกธรรมได้โดยต้องสามารถแยกแยะ และระบุให้ได้อะไรถูก อะไรผิด
ความสับสนที่ติดตามมาจนถึงปัจจุบันก็คือสมัยก่อน เราใช้คำว่า "อธิกธรรม" เรียกหนังสือพระคัมภีร์ในสารบบที่สอง ซึ่่งคำว่า อธิกธรรม นี้ หมายถึง ธรรมภาคผนวก แม้ว่าในความเป็นจริง มิได้เป็นภาคผนวกอย่างที่ความหมายตรงตามตัวอักษร แต่ยังหาคำภาษาไทยที่สง่าน่าฟังไปว่าคำนี้ยังไม่ได้ จึงได้ใช้คำว่า อธิกธรรม ไปก่อนโดยอนุโลมต่อมาได้บัญญัติคำที่ใช้เรียกเสียใหม่ว่า พระคัมภีร์สารบบที่สอง แทนเพื่อที่จะได้ไม่สับสนกับหนังสือ Apcrypha ซึ่งอาจใช้ภาษาไทยว่า "พระคัมภีร์นอกสารบบ (อธิกธรรม)"
พระคัมภีร์สารบบที่สองนี้ประกอบด้วยหนังสือเล่มเต็มทั้งหมด ทั้งหมด 7เล่ม กับอีก 2 ส่วนซึ่งเป็นบางบทของพระคัมภีร์ที่มีอยู่แล้วในพันธสัญญาเดิม ซึ่งถ้าจัดวางลำดับ จะนำไปแทรกระหว่างพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
ต้องยอมรับว่าชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกนั้นมีใจเปิดกว้าง กว่าชาวยิวที่ใช้ภาษาฮีบรูซึ่งค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อพวกเขาแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมจากภาษาฮีบรูมาเป็นฉบับภาษากรีกที่เรียกกันว่า"สารบบเจ็ดสิบหรือ Septuagint" จึงได้รวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย
ส่วนที่เพิ่มเติมจากภาษาฮีบรูได้แก่
ท โทบิต และ ยูดิธ ต้นฉบับเป็นภาษาอาราเมอิก หรืออาจเป็นฮีบรู
ท บารุค และ มัคคาบี 1 ต้นฉบับเป็นภาษาฮีบรู
ท ปรีชาญาณ และ มัคคาบี 2 ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
ท บุตรสิรา
ท บางส่วนของ เอสเธอร์ ต้นฉบับอาจเป็นภาษาฮีบรู
ท บางส่วนของ ดาเนียล ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
จุดแตกหักด้านพระคัมภีร์ระหว่างคริสตชนเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1519 ที่เมือง Leipzig เมื่อ Eck อ้างข้อความจากหนังสือมัคคาบีฉบับที่2 เพื่อสนับสนุนคำสอนเรื่องไฟชำระแต่ MartinLuther คัดค้านโดยอ้างว่าหนังสือดังกล่าวไม่อยู่ในสารบบผลสรุปคือลูเธอร์เดินตามสารบบของชาวยิวในปาเลสäตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู ส่วนคาทอลิกเดินตามสารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก
ต่อมาในปีค.ศ.1546(27ปีหลังเหตุการณ์ที่เมืองLeipzig)สังคายนาที่นครเตรนท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ(ไม่ผิดพลาด)รับรองหนังสือทุกเล่มที่คาทอลิกใช้อยู่ในปัจจุบัน(ทั้งสารบบที่หนึ่งและสารบบที่สอง)ว่า "เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า"
..
ความหมายของคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical
Deutero-canonical แปลตามตัวคือ "สารบบที่สอง" ดังนั้น เมื่อมีสารบบที่สอง แสดงว่าต้องมี "สารบบที่หนึ่ง (Protocanonical) " ด้วยซึ่งทั้งสองคำนี้ใช้ในคาทอลิกเท่านั้น
ข้อควรระวังคือต้องไม่เข้าใจในทำนองที่ว่าพระศาสนจักรคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์อยู่2ระบบโดยสารบบที่สองเพิ่มเข้ามาภายหลังเพราะถ้าเข้าใจแบบนี้จะทำให้หนังสือในสารบบที่สองดูเหมือนจะด้อยค่าลงไปเมื่อเทียบกับหนังสือในสารบบที่หนึ่่งดังนั้นความหมายที่ถูกต้องคือ
* พระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งไงได้แก่หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่คริสตชนทุกนิกายยอมรับเหมือนกัน
* พระคัมภีร์สารบบที่สองได้แก่หนังสือ 7เล่มและบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิกและมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่หนึ่งทุกประการ
ส่วนคำ Apocrypha ที่เราแปลว่า"อธิกธรรม" ได้แก่หนังสือที่เขียนขึ้นระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลเรื่อยมาจนถึงพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกมีทั้งที่ถือกำเนิดมาจากชาวยิวล้วนๆ หรือลูกผสมโดยเริ่มจากชาวยิวแล้วจบลงโดยคริสตชนหรือที่เป็นของคริสตชนล้วนๆก็มีหนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยมีเจตนาให้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้าแต่ไม่ได้รับการรับรองให้อยู่ในสารบบ
ท ข้อที่แตกต่างระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์จึงอยู่ตรงนี้ คือสำหรับคาทอลิก"อธิกธรรม"หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ทั้งในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง และในสารบบที่สอง
ท สำหรับโปรเตสแตนต์ "อธิกธรรม"หมายถึงหนังสือที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาถือหนังสือในสารบบที่สองของคาทอลิกเป็น "อธิกธรรม"ไปด้วย
..
พระศาสนจักรคาทอลิกมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือ Apocrypha ?
ในที่ประชุมสมัชชาพระสังฆราชที่เมืองบาร์กา ประเทศสเปญ (Synod of Braga) ปี ค.ศ. 563 ได้ประณามทุกคนที่ "อ่าน เห็นชอบ หรือปกป้อง"หนังสือ Apocrypha หมายความว่าใครก็ตามที่อ่านหนังสืออธิกธรรมถือว่าถูกตัดขาดจากสมาชิกภาพของพระศาสนจักร (บัพพาชนียกรรม:Ex-communication)ซึ่งมองแล้วอาจจะดูรุนแรงนั่นเป็นเพราะในหนังสืออธิกธรรมโดยเฉพาะที่เขียนโดยคริสตชน มีความเชื่อผิดๆแฝงอยู่มากส่วนใหญ่เป็นของพวก Gnosticism ได้แก่พวกที่ปรารถนาดียกย่องความเป็นพระเจ้าของพระเยซูเจ้าสุดโต่งจนกลายเป็นว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นมนุษย์แท้ ซึ่่่งจะนำไปสู่ข้อสรุปผิดๆ อีกว่าพระองค์ไม่ถูกทรมานจริงไม่สิ้นพระชนม์จริงและดังนั้นเราก็ไม่ได้รับการไถ่บาปจริง
เมื่อเห็นสาเหตุที่ทำให้พระศาสนจักรต้องประณามคนอ่านหนังสืออธิกธรรมแล้วคงช่วยให้เราสบายใจมากขึ้นเพราะเมื่อสาเหตุหมดไป คำประณามก็ถูกลืมเลือนไปด้วย
ในสมัยกลางโดยเฉพาะในยุคของนักบุญเบอร์นาร์ด และนักบุญโธมัส อไควนัส หนังสืออธิกธรรมได้รับการยอมรับอย่างสูงทั้งในหมู่พระสงฆ์นักบวชและฆราวาส และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เห็นภาพเขียนฝาผนังในวัดต่างประเทศเป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออธิกธรรม
ดังนั้น คาทอลิกสามารถอ่านและอ้างอิงหนังสืออธิกธรรมได้โดยต้องสามารถแยกแยะ และระบุให้ได้อะไรถูก อะไรผิด
ความสับสนที่ติดตามมาจนถึงปัจจุบันก็คือสมัยก่อน เราใช้คำว่า "อธิกธรรม" เรียกหนังสือพระคัมภีร์ในสารบบที่สอง ซึ่่งคำว่า อธิกธรรม นี้ หมายถึง ธรรมภาคผนวก แม้ว่าในความเป็นจริง มิได้เป็นภาคผนวกอย่างที่ความหมายตรงตามตัวอักษร แต่ยังหาคำภาษาไทยที่สง่าน่าฟังไปว่าคำนี้ยังไม่ได้ จึงได้ใช้คำว่า อธิกธรรม ไปก่อนโดยอนุโลมต่อมาได้บัญญัติคำที่ใช้เรียกเสียใหม่ว่า พระคัมภีร์สารบบที่สอง แทนเพื่อที่จะได้ไม่สับสนกับหนังสือ Apcrypha ซึ่งอาจใช้ภาษาไทยว่า "พระคัมภีร์นอกสารบบ (อธิกธรรม)"
พระคัมภีร์สารบบที่สองนี้ประกอบด้วยหนังสือเล่มเต็มทั้งหมด ทั้งหมด 7เล่ม กับอีก 2 ส่วนซึ่งเป็นบางบทของพระคัมภีร์ที่มีอยู่แล้วในพันธสัญญาเดิม ซึ่งถ้าจัดวางลำดับ จะนำไปแทรกระหว่างพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พี่แจ๊คกี้ลอกมาจากเว็บนี้หรือเปล่าครับ
http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... &Itemid=68
ถ้าใครได้ไปที่เว็บนี้ ต้องอ่านอธิกธรรมในมุมมองของโปรเตสแตนต์ ด้วยค้าบ
http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... &Itemid=68
http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... &Itemid=68
ถ้าใครได้ไปที่เว็บนี้ ต้องอ่านอธิกธรรมในมุมมองของโปรเตสแตนต์ ด้วยค้าบ
http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... &Itemid=68
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ จันทร์ ส.ค. 10, 2009 10:39 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
หมายความว่าอย่างไรครับjacky เขียน: ใช่แล้วคะ พี่เอาบทความจากที่นี่ มา แล้วไม่ทราบว่า น้องเจี๊ยบ เคย อ่าน สารบบ บ้างยังคะ
ถ้าพี่แจ๊คกี้หมายถึง สารบบที่ 1 Oldtestment 39 เล่มที่โปรเตสแตนต์ใช้ ก็อ่านประจำครับ
แต่ถ้าหมายถึง สารบบที่ 2 ที่คาทอลิก (ไม่ทราบออร์ทอดอกซ์ ด้วยหรือเปล่า) อ่านผ่านๆตามเว็บไซต์ บ้างครับ
และอ่านตามที่ปรากฏใน ไบเบิ้ล ไดอารี่ ของคาทอลิก ฮะ
พี่หมายถึงสารบบ ที่สองนะคะ เพราะ orthodox กะcatholic ใช้เหมือนกันคะJeab Agape เขียน:หมายความว่าอย่างไรครับjacky เขียน: ใช่แล้วคะ พี่เอาบทความจากที่นี่ มา แล้วไม่ทราบว่า น้องเจี๊ยบ เคย อ่าน สารบบ บ้างยังคะ
ถ้าพี่แจ๊คกี้หมายถึง สารบบที่ 1 Oldtestment 39 เล่มที่โปรเตสแตนต์ใช้ ก็อ่านประจำครับ
แต่ถ้าหมายถึง สารบบที่ 2 ที่คาทอลิก (ไม่ทราบออร์ทอดอกซ์ ด้วยหรือเปล่า) อ่านผ่านๆตามเว็บไซต์ บ้างครับ
และอ่านตามที่ปรากฏใน ไบเบิ้ล ไดอารี่ ของคาทอลิก ฮะ
แหล่งที่มาของพระคัมภีร์หลักๆ ในประเด็นที่เถียงกันนี้มี 2 แหล่งครับ
1. Palestine Jewish
2. Alexandrian Jewish
ของ PJ เป็นฉบับภาษาฮีบรูซึ่งใช้อยู่ที่อิสราเอล
ของ AJ เป็นฉบับภาษากรีกซึ่งใช้อยู่ที่อเลกซานเดรีย อิยิปต์
ทีนี้ เรื่องความถูกต้อง ทั้ง 2 ฉบับ ถูกต้องทั้งคู่ แต่ ฉบับ AJ มีหนังสือแต่งเพิ่มเข้ามาอีก
ทำไมต้องแต่งเพิ่ม?
เพราะ AJ เป็นฉบับสำหรับพวกยิวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวต่างชาติ (Gentiles) ในฐานะชากลุ่มน้อย ไม่เหมือน PJ ที่เป็นกลุ่มขนาดใหญ่
สังเกตดีๆ ว่า Deutero ที่คาทอลิก-ออร์โธดอกซ์ใช้ส่วนใหญ่พูดเรื่องการดำรงชีวิตท่านกลางคลื่นวัฒนธรรมอื่นๆ
แล้วถามว่า ฉบับไหนควรได้รับการใช้มากกว่ากัน?
ไม่ทราบครับ...ที่รู้คือ สมัยนั้นคนส่วนใหญ่ใช้ภาษากรีกเป็นภาษากลาง ฉบับภาษากรีักเลยแพร่หลาย
พี่น้องวัฒนธรรมกรีก เช่น สายออร์โธดอกซ์ ก็ใช้ฉบับนี้กัน รวมไปถึงพี่น้องอีก 5 พระศาสนจักรด้วยที่ใช้ บางแห่งมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ส่วนตัวผม คิดไปคิดมา มันเหมือน พระวรสาร 3 เล่มของเราที่คล้ายๆ กัน
จะเห็นว่า ทั้ง 3 เล่มมีส่วนที่เหมือนกันทั้ง 3 เกือบครึ่ง
คล้ายกันแบบจับคู่นิดหน่อย และเป็นแบบตัวของตัวเองประมาณฉบับละ 25%
นี่ยังไม่นับฉบับที่ใช้กันในธรรมเนียมอื่นอย่าง
Alexandrian tradition
Antiochian/West Syrian tradition
Armenian tradition
Chaldean/East Syrian tradition
ถ้าเอามาหมด ท่าจะปวดหัว
1. Palestine Jewish
2. Alexandrian Jewish
ของ PJ เป็นฉบับภาษาฮีบรูซึ่งใช้อยู่ที่อิสราเอล
ของ AJ เป็นฉบับภาษากรีกซึ่งใช้อยู่ที่อเลกซานเดรีย อิยิปต์
ทีนี้ เรื่องความถูกต้อง ทั้ง 2 ฉบับ ถูกต้องทั้งคู่ แต่ ฉบับ AJ มีหนังสือแต่งเพิ่มเข้ามาอีก
ทำไมต้องแต่งเพิ่ม?
เพราะ AJ เป็นฉบับสำหรับพวกยิวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวต่างชาติ (Gentiles) ในฐานะชากลุ่มน้อย ไม่เหมือน PJ ที่เป็นกลุ่มขนาดใหญ่
สังเกตดีๆ ว่า Deutero ที่คาทอลิก-ออร์โธดอกซ์ใช้ส่วนใหญ่พูดเรื่องการดำรงชีวิตท่านกลางคลื่นวัฒนธรรมอื่นๆ
แล้วถามว่า ฉบับไหนควรได้รับการใช้มากกว่ากัน?
ไม่ทราบครับ...ที่รู้คือ สมัยนั้นคนส่วนใหญ่ใช้ภาษากรีกเป็นภาษากลาง ฉบับภาษากรีักเลยแพร่หลาย
พี่น้องวัฒนธรรมกรีก เช่น สายออร์โธดอกซ์ ก็ใช้ฉบับนี้กัน รวมไปถึงพี่น้องอีก 5 พระศาสนจักรด้วยที่ใช้ บางแห่งมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ส่วนตัวผม คิดไปคิดมา มันเหมือน พระวรสาร 3 เล่มของเราที่คล้ายๆ กัน
จะเห็นว่า ทั้ง 3 เล่มมีส่วนที่เหมือนกันทั้ง 3 เกือบครึ่ง
คล้ายกันแบบจับคู่นิดหน่อย และเป็นแบบตัวของตัวเองประมาณฉบับละ 25%
นี่ยังไม่นับฉบับที่ใช้กันในธรรมเนียมอื่นอย่าง
Alexandrian tradition
Antiochian/West Syrian tradition
Armenian tradition
Chaldean/East Syrian tradition
ถ้าเอามาหมด ท่าจะปวดหัว
เริ่มแรกเดิมที การประชุมระหว่าง พระศาสนาจักร ตะวันตกกับตะวันออก เมื่องสองพันปีที่แล้ว เรื่องการใช้พระคำภีร์ และมีการตกลงกันมา ทั้ง 72 เล่ม นั้นเป็นพระคำภีร์ที่ ถูกต้องและสมบูรณ์แบบแล้วและถือว่าจบแล้ว ไม่มีเพิ่ม หรือลด ออกไป เพียงแต่ข้อที่เป็นพระคำที่เป็นสาระบบ สอง จะ มีเครืองหมาย ***ไว้ แต่ดีใจมากที่พี่น้อง catholic จะจัดทำพระคำ ทั้ง 72 เล่ม ขึ้นเร็วนี้
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
อืิมๆๆ
น่าสนใจนะสารบบ2
น่าสนใจนะสารบบ2
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
อยากรู้เพิ่มเติมอ่ะครับHoly เขียน: ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ จะพบเหตุผลสุดแสบทรวงของการตัดสาระบบรองในสาระบบปาเลสไตน์โดยธรรมาจารย์ชาวยิว
ขอบคุณค่ะคุณ holy อยากให้นำมาแบ่งปันกัน บ้างนะคะ อยากรู้เหมือนกัน ว่าแสบทรวง ยังไง : emo038 :
โดยความคิดเห็น ส่วนตัวแล้ว นาย มาติน ลูเธอร์ ทำไมต้องไปแสวงหา จากชาวยิวอีก ในเมื่อ ชาวยิว นั้นกบฎ สั่งประหารพระเป็นเจ้า พระคำภีร์ที่ใช้อยู่ก่อนนั้นเรา ชาวคริสต์ถือว่า
สมบูรณ์แล้ว โดยพระคำภีร์ ทั้งหมด 72 เล่ม ถือว่าได้รับการดลใจจาก พระเป็นเจ้า คะ
โดยความคิดเห็น ส่วนตัวแล้ว นาย มาติน ลูเธอร์ ทำไมต้องไปแสวงหา จากชาวยิวอีก ในเมื่อ ชาวยิว นั้นกบฎ สั่งประหารพระเป็นเจ้า พระคำภีร์ที่ใช้อยู่ก่อนนั้นเรา ชาวคริสต์ถือว่า
สมบูรณ์แล้ว โดยพระคำภีร์ ทั้งหมด 72 เล่ม ถือว่าได้รับการดลใจจาก พระเป็นเจ้า คะ
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 5:44 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
เข้าใจว่ารุ่นของน้อง(พี่)เจี๊ยบน่าได้เรียนวิชานี้ด้วยไม่ใช่หรอ.... อยากได้ชีทมากๆ มีไหมศิษย์พี่Jeab Agape เขียน:หมายความว่าอย่างไรครับjacky เขียน: ใช่แล้วคะ พี่เอาบทความจากที่นี่ มา แล้วไม่ทราบว่า น้องเจี๊ยบ เคย อ่าน สารบบ บ้างยังคะ
ถ้าพี่แจ๊คกี้หมายถึง สารบบที่ 1 Oldtestment 39 เล่มที่โปรเตสแตนต์ใช้ ก็อ่านประจำครับ
แต่ถ้าหมายถึง สารบบที่ 2 ที่คาทอลิก (ไม่ทราบออร์ทอดอกซ์ ด้วยหรือเปล่า) อ่านผ่านๆตามเว็บไซต์ บ้างครับ
และอ่านตามที่ปรากฏใน ไบเบิ้ล ไดอารี่ ของคาทอลิก ฮะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.ย. 19, 2009 5:29 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
มีจำหน่ายแล้วครับ ไปดูได้ที่ร้านหนังสือคาทอลิกทั่วไปTVE เขียน:เคยอ่านตอนเด็กๆแบบเรื่องย่อ
อยากได้แบบฉบับเต็มๆมาอ่าน
ไม่ทราบว่ามีพิมพ์จำหน่ายไหมครับ
ร้านคาทอลิกในกรุงเทพมีแค่3ร้านที่ผมนึกออก
-Heaven Light ของบอร์ดเราที่U-Center
-อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก (จ-ศเปิด7:00-17:00น. เสาร์7:00-12.00 อาทิตย์หยุด)
-วัดพระมหาไถ่ ร่วมฤดีทุกวัน9.00-19.00น.
ถ้าคุณTVEไม่สะดวกจริงๆ จะนัดให้ผมเอาไปให้ก็ยินดีครับ
เพราะผมไปวัดเซนต์จอห์นเหมือนกัน^^
-Heaven Light ของบอร์ดเราที่U-Center
-อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก (จ-ศเปิด7:00-17:00น. เสาร์7:00-12.00 อาทิตย์หยุด)
-วัดพระมหาไถ่ ร่วมฤดีทุกวัน9.00-19.00น.
ถ้าคุณTVEไม่สะดวกจริงๆ จะนัดให้ผมเอาไปให้ก็ยินดีครับ
เพราะผมไปวัดเซนต์จอห์นเหมือนกัน^^