** รับการหนุนใจเพื่อเสริมสร้างกัน **
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 10:58 pm
รับการหนุนใจเพื่อเสริมสร้างกัน โปรดปราน (พีพี )
“... พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงเมตตา พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงชูใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถชูใจคนเหล่านั้น ที่มีความทุกข์ยากอย่างใด อย่างหนึ่งได้ด้วยความชูใจ ซึ่งตัวเราเองได้รับจากพระเจ้า” (2 โครินธ์ 1.3-4 )
บทนำ
มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคร้าย แพทย์บอกว่า ถ้าเขามีกำลังใจต่อสู้ผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วงได้ เขาจะหายแน่นอน เขานอนตรมบนเตียงภรรยาเปิดหน้าต่างทุกวัน เพื่อสามีจะเห็นทิวทัศน์ภายนอก พอย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เป็นเหลือง ส้ม แดงและค่อยๆร่วง ชายหนุ่มเริ่มท้อใจมาก เมื่อมองผ่านหน้าต่าง ที่ริมรั้วใกล้กำแพงบ้านมีองุ่นต้นหนึ่ง ใบสีส้มค่อยๆร่วง จนเกือบหมดต้น แต่ขณะที่เขาหลับภรรยาแอบไปวาดใบองุ่นเถาหนึ่งที่ผนังกำแพงไว้แต้มสีส้มอ่อนๆ ทุกครั้งที่สามีของเธอมองไปข้างนอก ก็ยังเห็นใบองุ่นเถานั้นคงอยู่ ในที่สุดฤดูหนาวผ่านไป จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิ ชายคนนี้มองไปนอกหน้าต่างเห็นใบไม้ดอกไม้สดสวยงามมาก จิตใจเขาสดชื่น มีกำลังต่อสู้โรคร้ายเขาแข็งแรงขึ้น วันหนึ่งภรรยาได้ประคองเขามาเดินไปสูดอากาศนอกบ้าน เขายังข้องใจเรื่องใบองุ่นเถานั้นว่าทำไมไม่ร่วง เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆเขาจึงได้คำตอบว่าเป็นใบไม้ที่วาดไว้ ...เขาน้ำตาซึมกอดภรรยาไว้แน่น ด้วยความขอบคุณที่เธอเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย
การหมดกำลังใจ หรือท้อใจคือขโมยตัวฉกาจ ที่มันขโมยพละกำลังของเรา ขโมย ความกระตือรือร้น ขโมยความปีติยินดี ขโมยสันติสุข และขโมยความพอใจของเราไป ถ้าความท้อใจอาศัยอยู่กับเรานานๆ เพื่อนๆของมันจะเข้าร่วมในไม่ช้า เพื่อนๆของมัน คือความเหนื่อยล้า การหมดหวัง การสงสัย ความอคติ ความคิดเชิงลบ การสงสารตัวเอง ความขมขื่น เป็นต้น
เมื่อเราท้อ เราต้องการคำหนุนใจ และเราต้องหนุนใจคนอื่นด้วย แท้จริงแล้วคริสตชนต้องมองไปที่พระเยซูเจ้า เราจะได้รับกำลังใจ ได้รับการช่วยเหลือ พิจารณาดูว่าเราสามารถรับการหนุนใจและสามารถเสริมสร้างกันได้อย่างไรบ้าง
1. รับการหนุนใจเพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตาและการปลอบใจ
“สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงเมตตา
พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง” ( 2 โครินธ์1.3)
พระเจ้าถูกเรียกว่าบิดาของความเมตตาปรานี ในภาษากรีกคำ"ความเมตตา"คือoiktirmos หมายถึงความสงสาร (ดวงวิญญาณที่หลงหาย ) ความน่าเสียดาย ความปรานี เป็นความรู้สึกของหัวใจ และน้ำพระทัยของพระเจ้า ทรงรู้สึกเมตตาไปยังมนุษย์ พระเจ้าทรงเป็นแหล่งของความเมตา ความเมตตาของพระองค์มาถึงพวกเรา นำมาการช่วยเหลือให้รับความรอด ได้รับการยกโทษเพราะความบาปและจากการสาปแช่งชั่วนิรันดร ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระเยซูเจ้า เพราะการเสียสละยอมทนทุกข์บนไม้กางเขน เมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พระโลหิตของพระองค์จึงชำระการอธรรมทั้งสิ้นของเรา ทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม นำการคืนดีกับพระเจ้า ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ นี่คือพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าของความเมตตา ยืนยันในบทเพลงสุดดี 86:5 “ข้าแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐและทรงพร้อมที่จะประทานอภัย อุดมด้วยความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ร้องทูลพระองค์” มี คำในกรีกสำหรับ"ช่วยเหลือ/ปลอบใจ"คือparaklesis คือทำให้ การทำให้เบิกบานใจ ได้รับความหนุนใจ ตามความเป็นจริง รูปแบบหนึ่งรูปแบบของคำนี้ parakletos ถูกใช้สำหรับพระจิต หรือพระจิต เป็นผู้ปลอบโยน ในพระวรสาร น.ยอห์น 14.26 "แต่พระผู้ช่วยคือพระจิตเจ้าที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” แท้จริงแล้วการปลอบใจ การช่วยเหลือทั้งหมดทั้งหมดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยเหลือทุกอย่าง เพราะพระลักษณะของพระเจ้าที่เราเชื่อและวางใจคือทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา และความรักจนถึงที่สุด พิสูจน์ด้วยการวายพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้านั่นคือความรักจนถึงที่สุด
ตัวอย่าง ณ ที่ประชุมใหญ่ในประเทศบราซิลฉันได้ฟังคำพยานจากสาวสวยชาวโบลิเวียคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้ฟังเกือบหมื่นคน สตรีรายนี้เล่าว่า ตอนที่เธออายุ 25 ปี (ตอนพูดอายุ 32 ปี) ขณะเดินทางกลับบ้านจากที่ทำงาน เธอถูกชายหนุ่ม 3 คนฉุดไปข่มขืน ผลจากการถูกกระทำจากสามชายชั่วครั้งนั้น เธอติดเชื้อ HIV เอดส์ ดังนั้นเธอจึงโกรธทุกคน และเธอได้ฆ่าตัวตายแต่มีการช่วยไว้ได้ เธอสงสัยว่าพระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ไหม พระเยซูเจ้าอยู่ที่ไหนทำไมไม่ช่วยเธอเลย ดังนั้นเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระสงฆ์ แต่คุณพ่อก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ดี ในที่สุดพระสงฆ์แนะนำว่า “ให้ลูกไปถามพระเยซูเจ้าเอง” ดังนั้นเธอจึงเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าที่หน้าพระแท่น เงยหน้ามอง ที่รูปพระเยซูเจ้า บนไม้กางเขน เธอร้องไห้คร่ำครวญ และต่อว่าพระองค์อย่างขมขื่น เหตุที่พระองค์ได้ทอดทิ้งเธอ พระเยซูเจ้าไม่ได้ตรัสอะไรเลย แต่ดวงตาเธอที่เพ่งไปที่พระพักตร์ พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ได้เห็นพระเยซูเจ้าทรงร้องไห้กับความทุกข์ของเธอ ดังนั้นเธอจึงได้รับคำตอบ ได้รับการหนุนใจ ว่าพระองค์ทรงรักเธอมาก ทรงอยู่กับเธอทุกสถานการณ์ ทรงเจ็บปวดร่วมกับเธอ ...ในที่สุด หญิงสาวสามารถยกโทษให้อภัยต่อผู้กระทำผิดต่อเธอ และยอมรับน้ำพระทัยพระได้ บัดนี้เธอได้อุทิศตัว กับการรับใช้พระเจ้า โดยเป็นวิทยากร สอน พูด รณรงค์ เรื่องเอดส์ ทั่วประเทศ โบลิเวีย วันที่เธอเป็นพยานในที่ประชุมวันนั้น เชื่อว่าทุกคนได้รับการหนุนใจ
“... พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงเมตตา พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงชูใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถชูใจคนเหล่านั้น ที่มีความทุกข์ยากอย่างใด อย่างหนึ่งได้ด้วยความชูใจ ซึ่งตัวเราเองได้รับจากพระเจ้า” (2 โครินธ์ 1.3-4 )
บทนำ
มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคร้าย แพทย์บอกว่า ถ้าเขามีกำลังใจต่อสู้ผ่านพ้นฤดูใบไม้ร่วงได้ เขาจะหายแน่นอน เขานอนตรมบนเตียงภรรยาเปิดหน้าต่างทุกวัน เพื่อสามีจะเห็นทิวทัศน์ภายนอก พอย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี เป็นเหลือง ส้ม แดงและค่อยๆร่วง ชายหนุ่มเริ่มท้อใจมาก เมื่อมองผ่านหน้าต่าง ที่ริมรั้วใกล้กำแพงบ้านมีองุ่นต้นหนึ่ง ใบสีส้มค่อยๆร่วง จนเกือบหมดต้น แต่ขณะที่เขาหลับภรรยาแอบไปวาดใบองุ่นเถาหนึ่งที่ผนังกำแพงไว้แต้มสีส้มอ่อนๆ ทุกครั้งที่สามีของเธอมองไปข้างนอก ก็ยังเห็นใบองุ่นเถานั้นคงอยู่ ในที่สุดฤดูหนาวผ่านไป จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิ ชายคนนี้มองไปนอกหน้าต่างเห็นใบไม้ดอกไม้สดสวยงามมาก จิตใจเขาสดชื่น มีกำลังต่อสู้โรคร้ายเขาแข็งแรงขึ้น วันหนึ่งภรรยาได้ประคองเขามาเดินไปสูดอากาศนอกบ้าน เขายังข้องใจเรื่องใบองุ่นเถานั้นว่าทำไมไม่ร่วง เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆเขาจึงได้คำตอบว่าเป็นใบไม้ที่วาดไว้ ...เขาน้ำตาซึมกอดภรรยาไว้แน่น ด้วยความขอบคุณที่เธอเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย
การหมดกำลังใจ หรือท้อใจคือขโมยตัวฉกาจ ที่มันขโมยพละกำลังของเรา ขโมย ความกระตือรือร้น ขโมยความปีติยินดี ขโมยสันติสุข และขโมยความพอใจของเราไป ถ้าความท้อใจอาศัยอยู่กับเรานานๆ เพื่อนๆของมันจะเข้าร่วมในไม่ช้า เพื่อนๆของมัน คือความเหนื่อยล้า การหมดหวัง การสงสัย ความอคติ ความคิดเชิงลบ การสงสารตัวเอง ความขมขื่น เป็นต้น
เมื่อเราท้อ เราต้องการคำหนุนใจ และเราต้องหนุนใจคนอื่นด้วย แท้จริงแล้วคริสตชนต้องมองไปที่พระเยซูเจ้า เราจะได้รับกำลังใจ ได้รับการช่วยเหลือ พิจารณาดูว่าเราสามารถรับการหนุนใจและสามารถเสริมสร้างกันได้อย่างไรบ้าง
1. รับการหนุนใจเพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตาและการปลอบใจ
“สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงเมตตา
พระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง” ( 2 โครินธ์1.3)
พระเจ้าถูกเรียกว่าบิดาของความเมตตาปรานี ในภาษากรีกคำ"ความเมตตา"คือoiktirmos หมายถึงความสงสาร (ดวงวิญญาณที่หลงหาย ) ความน่าเสียดาย ความปรานี เป็นความรู้สึกของหัวใจ และน้ำพระทัยของพระเจ้า ทรงรู้สึกเมตตาไปยังมนุษย์ พระเจ้าทรงเป็นแหล่งของความเมตา ความเมตตาของพระองค์มาถึงพวกเรา นำมาการช่วยเหลือให้รับความรอด ได้รับการยกโทษเพราะความบาปและจากการสาปแช่งชั่วนิรันดร ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระเยซูเจ้า เพราะการเสียสละยอมทนทุกข์บนไม้กางเขน เมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พระโลหิตของพระองค์จึงชำระการอธรรมทั้งสิ้นของเรา ทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรม นำการคืนดีกับพระเจ้า ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ นี่คือพระเมตตาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าของความเมตตา ยืนยันในบทเพลงสุดดี 86:5 “ข้าแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐและทรงพร้อมที่จะประทานอภัย อุดมด้วยความรักมั่นคงต่อบรรดาผู้ร้องทูลพระองค์” มี คำในกรีกสำหรับ"ช่วยเหลือ/ปลอบใจ"คือparaklesis คือทำให้ การทำให้เบิกบานใจ ได้รับความหนุนใจ ตามความเป็นจริง รูปแบบหนึ่งรูปแบบของคำนี้ parakletos ถูกใช้สำหรับพระจิต หรือพระจิต เป็นผู้ปลอบโยน ในพระวรสาร น.ยอห์น 14.26 "แต่พระผู้ช่วยคือพระจิตเจ้าที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” แท้จริงแล้วการปลอบใจ การช่วยเหลือทั้งหมดทั้งหมดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยเหลือทุกอย่าง เพราะพระลักษณะของพระเจ้าที่เราเชื่อและวางใจคือทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา และความรักจนถึงที่สุด พิสูจน์ด้วยการวายพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้านั่นคือความรักจนถึงที่สุด
ตัวอย่าง ณ ที่ประชุมใหญ่ในประเทศบราซิลฉันได้ฟังคำพยานจากสาวสวยชาวโบลิเวียคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้ฟังเกือบหมื่นคน สตรีรายนี้เล่าว่า ตอนที่เธออายุ 25 ปี (ตอนพูดอายุ 32 ปี) ขณะเดินทางกลับบ้านจากที่ทำงาน เธอถูกชายหนุ่ม 3 คนฉุดไปข่มขืน ผลจากการถูกกระทำจากสามชายชั่วครั้งนั้น เธอติดเชื้อ HIV เอดส์ ดังนั้นเธอจึงโกรธทุกคน และเธอได้ฆ่าตัวตายแต่มีการช่วยไว้ได้ เธอสงสัยว่าพระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ไหม พระเยซูเจ้าอยู่ที่ไหนทำไมไม่ช่วยเธอเลย ดังนั้นเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระสงฆ์ แต่คุณพ่อก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ดี ในที่สุดพระสงฆ์แนะนำว่า “ให้ลูกไปถามพระเยซูเจ้าเอง” ดังนั้นเธอจึงเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าที่หน้าพระแท่น เงยหน้ามอง ที่รูปพระเยซูเจ้า บนไม้กางเขน เธอร้องไห้คร่ำครวญ และต่อว่าพระองค์อย่างขมขื่น เหตุที่พระองค์ได้ทอดทิ้งเธอ พระเยซูเจ้าไม่ได้ตรัสอะไรเลย แต่ดวงตาเธอที่เพ่งไปที่พระพักตร์ พระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน ได้เห็นพระเยซูเจ้าทรงร้องไห้กับความทุกข์ของเธอ ดังนั้นเธอจึงได้รับคำตอบ ได้รับการหนุนใจ ว่าพระองค์ทรงรักเธอมาก ทรงอยู่กับเธอทุกสถานการณ์ ทรงเจ็บปวดร่วมกับเธอ ...ในที่สุด หญิงสาวสามารถยกโทษให้อภัยต่อผู้กระทำผิดต่อเธอ และยอมรับน้ำพระทัยพระได้ บัดนี้เธอได้อุทิศตัว กับการรับใช้พระเจ้า โดยเป็นวิทยากร สอน พูด รณรงค์ เรื่องเอดส์ ทั่วประเทศ โบลิเวีย วันที่เธอเป็นพยานในที่ประชุมวันนั้น เชื่อว่าทุกคนได้รับการหนุนใจ