พระคำภีร์รายวันประจำเดือน กรกฎาคม 2555

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ มิ.ย. 30, 2012 10:06 am

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 1:13-15; 2:23-24

พระเจ้าไม่ทรงสร้างความตาย และไม่พอพระทัยให้ผู้มีชีวิตต้องพินาศ พระองค์ทรงเนรมิตทุกสิ่งให้ดำรงคงอยู่ บรรดาสิ่งสร้างในโลกล้วนมีอยู่เพื่อชีวิต ไม่มีพิษสงแห่งการทำลายอยู่เลย แดนมรณะก็ไม่ปกครองเหนือแผ่นดิน เพราะความชอบธรรมเป็นอมตะ

โดยแท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงสร้างเขาตามภาพลักษณ์แห่งพระธรรมชาติของพระองค์ แต่เพราะความอิจฉาของปีศาจ ความตายจึงเข้ามาในโลก ผู้ที่อยู่ฝ่ายปีศาจก็จะประสบความตาย

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง 2 คร 8:7,9,13-15

พี่น้อง เมื่อท่านมีทุกสิ่งบริบูรณ์ คือความเชื่อ การพูด ความรู้ ความกระตือรือร้นและความรักที่ท่านมีต่อเรา ดังนั้น ท่านก็ควรจะดีพร้อมในการกุศลนี้ด้วย

ท่านทราบแล้วถึงพระกรุณา ของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แม้ทรงร่ำรวยพระองค์ก็ยังทรงยอมกลายเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ร่ำรวยเพราะความยากจนของพระองค์

การบริจาคมิได้มีจุดมุ่งหมายให้ท่านต้องยากจนลงในการช่วยเหลือผู้อื่น แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อความเสมอภาคกัน ในยามที่ท่านมีความบริบูรณ์ เช่นเวลานี้ ท่านควรช่วยเหลือผู้อื่นที่ขัดสน และเช่นเดียวกันในยามที่เขามีความบริบูรณ์ เขาจะได้ช่วยเหลือเมื่อท่านขัดสนด้วย จึงจะมีความเท่าเทียมกัน ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ที่เก็บได้มาก ไม่มีสิ่งใดเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่เก็บได้น้อยก็ไม่มีสิ่งใดขาดแคลน”

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 5:21-24,35-43

เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบพระองค์ ขณะที่ยังทรงอยู่ริมทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงแทบพระบาท พร่ำวิงวอนว่า ‘บุตรสาวเล็กๆของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรคกลับมีชีวิต’ พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา ประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามไปและเบียดเสียดพระองค์

ขณะที่ตรัสอยู่นั้น มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า ‘บุตรสาวของท่านตายแล้ว ไปรบกวนพระอาจารย์อีกทำไมเล่า?’ แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรมว่า ‘อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด’ พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใครติดตามไปนอกจากเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็นความวุ่นวาย และเห็นผู้คนร่ำไห้พิลาปรำพันเป็นอันมาก พระองค์เสด็จเข้าไป ตรัสแก่พวกนั้นว่า ‘วุ่นวายและร้องไห้ไปทำไม? เด็กคนนี้ไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น’ พวกนั้นพากันหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ทรงไล่พวกนั้นออกไปข้างนอก ทรงนำบิดามารดาของเด็กและศิษย์ที่ติดตามเข้าไปยังที่ที่เด็กนอนอยู่ ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า ‘ทาลิธาคูม!’ แปลว่า ‘หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น’ เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา เด็กนั้นอายุสิบสองขวบแล้ว ทันใดนั้น คนทั้งหลายต่างประหลาดใจอย่างยิ่ง พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด และทรงสั่งให้เขานำอาหารมาให้เด็กนั้นรับประทาน

ข้อคิด

นักบุญมาระโกเล่าเรื่องเกี่ยวกับการปลุกเด็กห?ญิงเล็ก ๆ ให้ฟื้นชีวิต แม้ว่าการอัศจรรย์นี้จะเป็นภาพล่วงหน้าแห่งความรอดของเรา ความตายของร่างกายเป็นเครื่องหมายของความตายฝ่ายจิตอันเกิดจากความตั้งใจออกห่างจากพระเจ้าโดยเจตนา การเอาชนะความตายในเด็กห?ญิงเล็ก ๆ ผู้นี้ พระเยซูเจ้าได้ให้ภาพล่วงหน้าแห่งชัยชนะของพระองค์เหนือความตาย อันเกิดจากการแยกตนจากพระเจ้า นักบุญมาระโกต้องการชี้ให้เห็นชัดว่าพระเยซูเจ้าเป็นประกาศกของยุคสุดท้าย ผู้เสด็จมาเพื่อประทานชีวิต หรืออีกนัยหนึ่งคือ เพื่อฟื้นฟูสัมพันธภาพของความรักกับพระเจ้านั่นเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

จันทร์ ก.ค. 02, 2012 8:22 am

เอาบทเทศน์ของคุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม มาแชร์ค่ะ
ประทับใจกับบทเทศน์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามากๆๆ

พอดีได้รับเมลล์เลยขอเอามาแชร์
คุณพ่อตีความได้ชัดเจนมาก ชอบๆๆ
:s012: :s012: :s012:


http://www.udomsarn.com/cathradio/2012j ... speech.mp3
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:04 pm

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:05 pm

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 2:6-10,13-16

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เพราะชาวอิสราเอลได้ล่วงละเมิดสามครั้งและสี่ครั้ง เราจะตัดสินลงโทษและจะไม่กลับคำ เพราะเขาได้ขายผู้ชอบธรรมเพื่อเงิน ขายคนขัดสนเพื่อรองเท้าแตะคู่เดียว เขาทั้งหลายได้เหยียบย่ำศีรษะของคนยากจนลงไปในฝุ่นของแผ่นดิน ทำให้หนทางของผู้ต่ำต้อยต้องหันเหไป บุตรและบิดาเข้าหาหญิงสาวคนเดียวกัน เป็นการลบหลู่นามศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาใช้เสื้อผ้าที่ยึดเป็นประกันมาปูนอนอยู่ข้างพระแท่นบูชาทุกแท่น เขาดื่มเหล้าองุ่นที่เป็นค่าปรับจากประชาชน ในบ้านพระเจ้าของตน เราเองได้ทำลายชนเผ่าอาโมไรต์ต่อหน้าเขา แม้ชาวอาโมไรต์มีร่างสูงเหมือนต้นสนสีดาร์ และแข็งแรงเหมือนต้นโอ๊ค เราได้ทำลายผลของเขาจากเบื้องบน และทำลายรากของเขาจากเบื้องล่าง เราได้ให้ท่านทั้งหลายขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ นำทางท่านในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบปี เพื่อท่านจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของชนเผ่าอาโมไรต์

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะกดท่านลงในที่ที่ท่านอยู่ เหมือนเกวียนที่บรรทุกฟ่อนข้าวอัดแน่นจมลงในดิน แม้ผู้วิ่งเร็วก็จะหนีไม่ทัน คนแข็งแรงจะใช้กำลังของตนก็ไม่ได้ ทหารชำนาญศึกจะช่วยชีวิตของตนให้รอดพ้นก็ไม่ได้ ผู้ยิงธนูจะยืนหยัดอยู่ไม่ได้ ผู้มีฝีเท้าเร็วช่วยตนเองไม่ได้ ผู้ขี่ม้าก็ช่วยชีวิตตนเองไม่ได้ ในวันนั้นแม้แต่นักรบกล้าหาญที่สุด ก็จะทิ้งอาวุธหนีไป” - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส -

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 8:18-22

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเห็นประชาชนห้อมล้อมพระองค์ จึงทรงสั่งบรรดาศิษย์ให้ข้ามทะเลสาบไปอีกฝั่งหนึ่ง ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาทูลว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าอยากติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”

ศิษย์อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” แต่พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา และปล่อยให้คนตายฝังผู้ตายของเขาเองเถิด”

ข้อคิด

อาโมสเป็นชาวยูดาห์แต่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นประกาศกในอาณาจักรอิสราเอล (ภาคเหนือ) ประมาณ 750 ปี ก่อน ค.ศ. คำสอนเด่นของท่านคือ ความยุติธรรมในสังคม ท่านตำหนิการนมัสการพระเจ้าแต่เพียงพิธี แต่ขาดคุณธรรม ไม่เมตตาต่อคนยากจน ผิดประเวณี
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:07 pm

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2012
ฉลองนักบุญโทมัส อัครสาวก


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกชาวเอเฟซัส อฟ 2:19-22

พี่น้อง ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศกเป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า

พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 20:24-29

เวลานั้น โทมัส ซึ่งเรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไม่ได้อยู่กับอัครสาวกคนอื่น ๆ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอื่นบอกเขาว่า “พวกเราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกายของพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด”
แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย ทั้ง ๆ ที่ประตูปิดอยู่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิ้วมาที่นี่ และดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลำที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”

ข้อคิด

นักบุญโทมัส เป็นชาวประมงซื่อๆ จากกาลิลี พระเยซูเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวก เมื่อมีเพื่อนอัครสาวกบอกว่า พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ ท่านไม่เชื่อ เมื่อพระองค์ประจักษ์ครั้งที่สอง ท่านจึงเชื่อการที่โทมัสสงสัย ทำให้เราเชื่อมั่นใจขึ้น มากกว่าความเชื่อของอัครสาวกองค์อื่นๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:07 pm

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 5:14-15,21-24

จงแสวงหาความดี อย่าแสวงหาความชั่ว แล้วท่านจะมีชีวิต องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาลจะสถิตกับท่านดังที่ท่านอ้าง จงเกลียดชังความชั่ว จงรักความดี จงตั้งความยุติธรรมไว้ที่ประตูเมือง บางทีองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล จะทรงสงสารพงศ์พันธุ์โยเซฟที่เหลืออยู่

“เราเกลียด เรารังเกียจเทศกาลฉลองของท่าน เราไม่พอใจการประชุมสง่างามของท่าน แม้ท่านทั้งหลายถวายเครื่องเผาบูชา เราก็ไม่พอใจธัญบูชาของท่าน เราไม่มองสัตว์อ้วนพีที่ท่านถวายเป็นศานติบูชา จงให้เสียงอึกทึกของบทเพลงของท่านอยู่ห่างจากเรา เราทนฟังเสียงพิณใหญ่ของท่านไม่ได้ แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงเหมือนน้ำ และให้ความชอบธรรมเป็นเหมือนธารน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 8:28-34

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามฟากมาถึงดินแดนของชาวกาดารา ผู้ถูกปีศาจสิงสองคนออกจากบริเวณหลุมศพมาเฝ้าพระองค์ ทั้งสองคนดุร้ายมากจนไม่มีใครเดินผ่านทางนั้นได้ ทันใดนั้น ทั้งสองคนร้องตะโกนว่า “ข้าแต่บุตรของพระเจ้า ท่านมายุ่งกับเราทำไม ท่านมาที่นี่เพื่อทรมานเราก่อนเวลาหรือ” ไม่ไกลจากที่นั่นมีหมูฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่

พวกปีศาจจึงอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับไล่พวกเรา ขอได้ส่งเราเข้าไปในหมูฝูงนั้นเถิด” พระองค์ตรัสกับมันว่า “จงไปเถิด” พวกปีศาจจึงออกไปสิงในหมู หมูทั้งฝูงต่างวิ่งกระโจนจากหน้าผาลงไปในทะเลสาบ จมน้ำตาย คนเลี้ยงหมูหนีเข้าไปในเมืองเล่าเรื่องทั้งหมดนี้และเรื่องคนถูกปีศาจสิงด้วย คนทั้งเมืองต่างออกมาเฝ้าพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นพระองค์ ก็ทูลขอพระองค์ให้เสด็จออกไปจากเขตแดนของเขา

ข้อคิด

กาดารา เป็นแคว้นที่ได้ชื่อมาจากเมืองกาดารา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบทิเบเรียส (นักบุญมาระโกเรียกชาวเกราซา ดู มาระโก 5:1-20) เป็นบริเวณที่ไม่มีใครชอบผ่านทางนั้น แต่พระเยซูเจ้าตั้งใจเสด็จไปช่วยคนที่ถูกปีศาจสิงพระเยซูเจ้าแสวงหาความดี ไม่รังเกียจคนที่ไม่มีใครอยากพบวันนี้ฉันจะกล้าไปคุยกับคนที่ไม่มีใครอยากสนทนาด้วยไหม
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:08 pm

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม 2012
น.อันตน มารีย์ ซักกาเรีย พระสงฆ์


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 7:10-17

ในครั้งนั้น อามาซิยาห์สมณะที่เมืองเบธ-เอลส่งคนไปทูลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอลว่า “อาโมสได้คิดกบฏต่อพระองค์ในหมู่พงศ์พันธุ์อิสราเอล แผ่นดินทนฟังถ้อยคำของเขาไม่ได้ เพราะอาโมสพูดว่า ‘กษัตริย์เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตน’”

สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนายไปเสียเถอะ จงกลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำมาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่อย่าประกาศพระวาจาที่เบธ-เอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารประจำชาติ” อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอล ประชากรของเรา’ บัดนี้ จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

ท่านพูดว่า ‘อย่าประกาศพระวาจากล่าวโทษอิสราเอล อย่าเทศน์สอนกล่าวโทษพงศ์พันธุ์อิสอัค’ ดีแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ภรรยาของท่านจะเป็นหญิงโสเภณีในเมือง บุตรชายหญิงของท่านจะล้มลงด้วยดาบ เขาจะขึงเชือกแบ่งที่ดินของท่าน ท่านจะตายในแผ่นดินที่มีมลทิน และอิสราเอลจะถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ห่างจากแผ่นดินของตนอย่างแน่นอน’”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 9:1-8

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฝั่งกลับมายังเมืองของพระองค์ ทันใดนั้น มีผู้หามคนอัมพาตคนหนึ่งนอนบนแคร่มาเฝ้าพระองค์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของเขา จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ทำใจดี ๆ ไว้เถิด ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า”

พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสว่า “ท่านคิดร้ายในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้น เดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านทราบว่า บุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้” พระองค์จึงตรัสสั่งคนอัมพาตว่า “จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน เมื่อประชาชนเห็นดังนี้ ต่างมีความกลัว ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ประทานอำนาจเช่นนี้ให้แก่มนุษย์

ข้อคิด

อาโมส เป็นคนเลี้ยงสัตว์ในภาคใต้ (ยูดาห์) และยอมรับการเรียกให้เป็นประกาศกที่เมืองเบธ-เอล (ภาคเหนือ) โดนพระสงฆ์ตำหนิให้กลับบ้านเกิดเมืองนอน ท่านกล้าตอบพระสงฆ์ยิวในสมัยนั้น (750 ก.ค.ศ.) เราไม่ควรตอบพระสงฆ์เช่นนั้น แต่ควรดูแบบอย่างของพระเยซูที่มีเมตตา เยียวยารักษา ให้อภัย แม้ธรรมาจารย์คิดไม่ดีกับพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:08 pm

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2012
น.มารีย์ กอเรตตี พรหมจารีและมรณสักขี


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 8:4-6,9-12

ท่านทั้งหลายที่เหยียบย่ำคนขัดสน และทำลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรเล่าวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรเล่าวันสับบาโตจะพ้นไป เราจะได้นำข้าวสาลีออกขาย เราจะทำถังตวงข้าวให้เล็กลง ทำให้ตุ้มเชเขลใหญ่ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงน้ำหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่งซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี”

“วันนั้น - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส – เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกในเวลาเที่ยงวัน ทำให้แผ่นดินมืดแม้ในเวลากลางวัน เราจะเปลี่ยนเทศกาลฉลองของท่านให้เป็นการไว้ทุกข์ เปลี่ยนบทเพลงทั้งหมดของท่านเป็นการคร่ำครวญ เราจะให้ทุกคนสวมผ้ากระสอบที่สะเอว ให้ทุกคนโกนศีรษะจนโล้น เราจะทำให้เป็นเหมือนการไว้ทุกข์บุตรชายคนเดียว และวาระสุดท้ายจะเหมือนวันที่ขมขื่น

“ดูซิ วันเวลาจะมาถึง - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส – เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาในแผ่นดิน ไม่ใช่การหิวอาหารหรือการกระหายน้ำ แต่จะส่งความปรารถนาจะฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาทั้งหลายจะเดินทางระเหระหนจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น จะเร่ร่อนจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เพื่อแสวงหาพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เขาจะหาไม่พบ”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 9:9-13

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงดำเนินไปจากที่นั่น ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว กำลังนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสสั่งเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป

ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและคนบาปหลายคนมาร่วมโต๊ะกับพระองค์และบรรดาศิษย์ เมื่อเห็นดังนี้ ชาวฟาริสีจึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงกินอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า” พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีย่อมไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ จงไปเรียนรู้ความหมายของพระวาจาที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป”

ข้อคิด

อาโมส กล่าวเตือน 3 เรื่อง คือ

1.อย่าทำบุญเอาหน้า คือ อย่าเข้าวัดร่วมพิธีกรรมอย่างเคร่งครัด แต่ทำผิดความอยุติธรรมกับเพื่อนบ้าน

2.แผ่นดินมืด อาโมสกล่าวถึงวันของพระเจ้า พระเจ้ามีอำนาจเหนือแสงสว่างและความมืด เราต้องกลับใจ ปรับปรุงชีวิตขณะที่ยังมีเวลา

3.กระหายพระวาจา เวลามีประกาศกคอยเตือนใจ เมื่อหมดโอกาสเราจะเสียใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:14 pm

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา



บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 9:11-15

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “วันนั้น เราจะตั้งเพิงที่ล้มลงแล้วของดาวิดขึ้นใหม่ จะซ่อมแซมช่องโหว่ จะตั้งซากปรักหักพังขึ้นใหม่ จะสร้างเพิงขึ้นใหม่ให้เหมือนในสมัยนานมาแล้ว เขาจะได้ยึดคนที่เหลือของเอโดม และยึดชนชาติทั้งหลายที่เคยเป็นของเราเป็นกรรมสิทธิ์” - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส และจะทรงทำเช่นนี้

“ดูซิ วันเวลาจะมาถึง - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส – เมื่อคนไถจะตามทันคนเกี่ยว ผู้ย่ำผลองุ่นจะตามทันผู้หว่านเมล็ด เหล้าองุ่นใหม่จะไหลจากภูเขา ไหลลงมาตามเนินเขาทุกแห่ง เราตั้งใจจะนำอิสราเอลประชากรของเราที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยกลับมา เขาจะสร้างเมืองที่ถูกทำลายแล้วขึ้นใหม่และจะเข้าไปอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นของสวนนั้น เขาจะทำสวนผลไม้และจะกินผลจากสวนนั้น เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปอีกเลย จากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบแก่เขา - องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านตรัสไว้”


พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 9:14-17

วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์นเข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพวกเราและพวกฟาริสีจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีลเลย” พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร

ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่ และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย”

ข้อคิด

ในประวัติศาสตร์อิสราเอล ปี 587 ก่อน ค.ศ. ชาวยิวถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน แต่พระเจ้าให้ความหวังว่าจะฟื้นฟูประเทศของกษัตริย์ดาวิดขึ้นใหม่ (กจ 15:16) จะให้มีอิสรภาพทำเกษตรกรรม เหล้าองุ่นเป็นเครื่องดื่มให้ชีวิตชีวา (เมื่อดื่มพอเหมาะ) พระเยซูเจ้าเป็นผู้ฟื้นฟูประชากรที่พระเจ้าทรงรักแท้จริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:20 pm

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 2:2-5

ขณะที่ข้าพเจ้าได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ พระจิตก็เสด็จมาสถิตอยู่ในข้าพเจ้า ทรงทำให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราส่งท่านไปพบลูกหลานอิสราเอล ไปพบชาติคนกบฏซึ่งทรยศต่อเรา เขาทั้งหลายและบรรพบุรุษเป็นกบฏต่อเราจนถึงวันนี้ ผู้ที่เราส่งท่านไปพบนั้นเป็นลูกหน้าด้านและใจดื้อดึง ท่านจะต้องพูดกับเขาว่า “พระเจ้าตรัสดังนี้” เขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม คนกบฏเหล่านั้นอย่างน้อยก็จะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ในหมู่เขา”

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ฉบับที่สอง 2 คร 12:7-10

พี่น้อง เพื่อมิให้การเปิดเผยที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป พระเจ้าทรงให้มีหนามทิ่มแทงเนื้อหนังของข้าพเจ้า เป็นทูตของซาตานที่คอยตบตีข้าพเจ้ามิให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้อ้อนวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้ง ขอให้มันพ้นไปจากข้าพเจ้า แต่พระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า ‘พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับเจ้า เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเต็มใจที่จะโอ้อวดเรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าพำนักอยู่ในข้าพเจ้า ดังนั้น เพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจความอ่อนแอต่างๆเมื่อถูกสบประมาท เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:1-6

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากที่นั่นกลับไปยังถิ่นกำเนิดของพระองค์ บรรดาศิษย์ติดตามไปด้วย ครั้นถึงวันสับบาโตพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในศาลาธรรม ผู้ฟังมากมายต่างประหลาดใจ และพูดว่า ‘เขาเอาเรื่องทั้งหมดนี้มาจากไหน? ปรีชาญาณที่เขาได้รับมานี้คืออะไร? อะไรคืออัศจรรย์ที่สำเร็จด้วยมือของเขา? คนนี้เป็นช่างไม้ ลูกนางมารีย์ เป็นพี่น้องของยากอบ โยเสท ยูดาและซีโมนไม่ใช่หรือ? พี่สาวน้องสาวของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ?’ คนเหล่านั้นรู้สึกสะดุดใจและไม่ยอมรับพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดท่ามกลางวงศ์ญาติ และในบ้านของตน’ พระองค์ไม่ทรงสามารถทำอัศจรรย์ที่นั่นได้ นอกจากทรงปกพระหัตถ์รักษาผู้เจ็บป่วยบางคนให้หายขากโรคภัย พระองค์ทรงประหลาดพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ พระองค์เสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านต่างๆในบริเวณนั้น



บทเทศน์จากพระวาจาของพระเจ้า
อาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

ในอาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดานี้ พ่อเชิญชวนให้พี่น้องฟังพระวาจาของพระเจ้าที่ตรัสกับพี่น้องผ่านทางพระคัมภีร์ เริ่มต้นด้วยการมองดูความจริงในชีวิตของเราแต่ละคนคู่ขนานไปกับความจริงในชีวิตของท่านนักบุญเปาโล ที่ท่านเล่าไว้ในบทจดหมายของท่านถึงชาวโครินธ์ ซึ่งเราอ่านเป็นบทอ่านที่ 2 ประจำอาทิตย์นี้

พ่อคิดว่าเราแต่ละคนต่างมีความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด ที่เป็นดังหนามคอยทิ่มแทงชีวิตของเราให้รู้สึกเป็นทุกข์ เหมือนที่เกิดขึ้นกับชีวิตของท่านนักบุญเปาโล และเราแต่ละคนก็ต้องการให้พระเจ้ามาปลดมาถอนเอาหนามแห่งความทุกข์อันเจ็บปวดดังกล่าวออกไปจากชีวิตของเราด้วยเช่นกัน พ่อจึงอยากให้พี่น้องนำเอาถ้อยคำที่ท่านนักบุญเปาโลได้ยินพระเจ้าตรัสกับท่านในจังหวะนั้นของชีวิตของท่านมารำพึงไตร่ตรอง ให้นำมาพูดเตือนชีวิตของพี่น้องบ่อยๆ ซ้ำไปซ้ำมาว่า “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับเจ้า เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ” และอีกตอนหนึ่งที่ว่า “เพราะข้าพ เจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น” พ่ออยากให้พี่น้องรำพึงไตร่ตรองถ้อยคำของท่านนักบุญเปาโลดังกล่าวจนกระทั่งมีเสียง หรืออาการของพระเจ้าในทำนองเดียวกันนั้นผุดขึ้นในจิตใจของพี่น้องเอง จนเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะสู้ชีวิต และยึดมั่นในทางของพระเจ้าเหมือนท่านนักบุญเปาโล จนในที่สุดพี่น้องจะได้พูดได้เหมือนที่นักบุญเปาโลที่กล่าวต่อไปอีกว่า เพราะฉะนั้น “ข้าพเจ้าจึงเต็มใจที่จะโอ้อวดเรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าพำนักอยู่ในข้าพเจ้า”

พระวาจาของพระเจ้าตอนที่สองที่พ่ออยากให้พี่น้องฟังพระเจ้าพูดกับพี่น้องต่อไปผ่านทางพระวรสารตามคำเล่าโดยท่านนักบุญมัทธิว โดยฟังควบคู่ไปกับพระคัมภีร์จากหนังสือประกาศกเอเสเคียลที่พี่น้องรับฟังเป็นบทอ่านแรกประจำอาทิตย์นี้เกี่ยวกับการทำหน้าที่ประกาศกเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าและประกาศกเอเสเคียล อยากให้พี่น้องรับฟังและรับรู้ว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้พี่น้องพึงต้องทำหน้าที่เทศน์สอนในฐานะที่เราเป็นประกาศกในชีวิตอย่างไร

ในจังหวะต่างๆที่เราแต่ละคนก้าวเดินเข้าไปร่วมชีวิตกับผู้คนทั้งหลาย องค์พระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระองค์ให้เข้ามา แสดงอาการบอกให้เรารู้ตัวว่า ในจังหวะชีวิตที่ก้าวนั้น กับบุคคลนั้นๆ ในโอกาสนั้นๆ เราต้องก้าวออกไปแนะนำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ในแนวทางของพระเจ้าให้กับเขา แม้ว่าเขาอาจจะไม่ยอมรับไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่เราพยายามเตือนสอนอยู่นั้นก็ตาม ให้เรานำเอาถ้อยคำของพระเจ้าที่ตรัสกับประกาศกเอเสเคียลมาตอกย้ำกับชีวิตของเราให้ต้องเตือนสอนออกไป พระเจ้าตรัสกับท่านประกาศกว่า “เราส่งเจ้าไปหาลูกหลานอิสราเอล ไปหาประชาชาติซึ่งเอาใจออกห่างจากเรา วันนี้ ผู้ที่เราส่งเจ้าไปหานั้นเป็นลูกหน้าด้านและใจดื้อดึง” .. “ถึงเขาจะฟังหรือไม่ฟังก็ตาม เขาก็จะรู้ว่ามีประกาศกอยู่ท่ามกลางพวกเขา” พี่น้องจงมองดูพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ของเราเป็นตัวอย่าง แม้ว่าการกลับไปเทศน์สอนในบ้านเกิดของพระองค์จะประสบปัญหาการตั้งแง่ตั้งคำถามกับพระองค์สักเพียงใด แต่พระองค์ก็ยังคงทำหน้าที่ประกาศกเทศน์สอน

พี่น้องที่เคารพ ขอให้อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่เราจะแสดงความกล้าหาญยืนหยัดสอนผู้คนให้ได้รับรู้และปฏิบัติตามความจริงที่พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงให้กับเราทั้งหลายเถิด และหากชีวิตของเราจะต้องประสบกับความยากลำบากในขณะที่กำลังทำหน้าที่เทศน์สอนนั้น หรือความทุกข์อื่นใดภายในชีวิตของเราเองก็ตาม ก็ขอให้พี่น้องได้นำคำแนะนำจากชีวิตของท่านนักบุญ เปาโลในบทจดหมายของท่านมาพิจารณาไตร่ตรองเป็นแสงสว่างนำทาง และเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนชีวิตของพี่น้องตลอดอาทิตย์นี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:20 pm

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา ฮชย 2:16,17ข-18,21-22

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เรากำลังจะไปเกลี้ยกล่อมนาง เราจะนำนางไปในถิ่นทุรกันดาร เราจะพูดกับใจของนาง
ที่นั่น นางจะตอบเรา เหมือนกับที่ได้ตอบเมื่อนางยังสาวอยู่ เหมือนกับที่นางได้ตอบเมื่อออกจากแผ่นดินอียิปต์ วันนั้น – องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส – ท่านจะเรียกเราว่า “สามีของฉัน” ท่านจะไม่เรียกเราอีกต่อไปว่า “บาอัลของฉัน”

เราจะแต่งงานกับท่านตลอดไป เราจะแต่งงานกับท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ด้วยความรักมั่นคงและความเมตตากรุณา เราจะหมั้นท่านไว้กับเราด้วยความซื่อสัตย์ และท่านจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 9:18-26

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น หัวหน้าคนหนึ่งเข้ามากราบพระบาท ทูลว่า“บุตรหญิงของข้าพเจ้าเพิ่งสิ้นใจ เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้มีชีวิต” พระเยซูเจ้าทรงลุกขึ้นเสด็จตามเขาไปพร้อมกับบรรดาศิษย์
ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว เข้ามาข้างหลังสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า “ถ้าฉันเพียงสัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” พระเยซูเจ้าทรงหันมาเห็นเข้า จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ทำใจดี ๆ ไว้ ความเชื่อของท่าน ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” หญิงนั้นก็หายจากโรคนับแต่เวลานั้น

เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงบ้านของหัวหน้าคนนั้น ทรงเห็นคนเป่าขลุ่ย และผู้คนกำลังชุลมุนวุ่นวาย จึงตรัสว่า “ออกไปเถิด เด็กหญิงคนนี้ยังไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น” พวกนั้นต่างหัวเราะเยาะพระองค์ เมื่อคนกลุ่มนั้นถูกไล่ออกไปข้างนอกแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไป ทรงจับมือเด็กหญิง เด็กนั้นก็ลุกขึ้น ข่าวเรื่องนี้จึงแพร่ออกไปทั่วแคว้นนั้น

ข้อคิด

ประกาศกโฮเชยาสอนเปรียบเทียบความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ประชากรของพระองค์ มนุษย์เปรียบเหมือนสตรีที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี ไปนับถือพระบาอัลของต่างชาติ คล้ายกับการมีชู้แต่พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับเรา ซื่อสัตย์เมตตาแม้เราไม่ซื่อสัตย์
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:20 pm

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา ฮชย 8:4-7,11-13

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เขาได้แต่งตั้งกษัตริย์หลายองค์ที่เราไม่ได้เสนอ เขาได้แต่งตั้งเจ้านายหลายคน แต่เราไม่เห็นด้วย เขาใช้เงินและทองคำสร้างรูปเคารพ เพื่อความพินาศของตน กรุงสะมาเรียเอ๋ย เราละทิ้งรูปลูกโคของเจ้า ความโกรธของเราพลุ่งขึ้นลงโทษเขาทั้งหลาย อีกนานเท่าไรเขาจึงจะพ้นโทษได้ รูปลูกโคนี้มาจากอิสราเอล นายช่างเป็นผู้สร้างขึ้นมา รูปนั้นไม่ใช่พระเจ้า รูปลูกโคของกรุงสะมาเรียจะถูกทุบเป็นชิ้น ๆ เขาได้หว่านลม เขาจึงจะต้องเก็บเกี่ยวลมบ้าหมู ต้นข้าวไม่มีรวง ทำแป้งไม่ได้ หรือถ้าจะทำได้ คนต่างชาติก็จะกลืนกิน

เอฟราอิมได้สร้างแท่นบูชาจำนวนมากเพื่อทำบาป แท่นบูชาเหล่านี้กลายเป็นโอกาสให้เขาทำบาป เราได้เขียนธรรมบัญญัติจำนวนมากสำหรับเขา แต่เขาคิดว่าธรรมบัญญัติเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน เขาถวายเครื่องบูชาแก่เรา และกินเนื้อสัตว์ที่ได้ถวายนั้น แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่พอพระทัยเครื่องบูชาเหล่านี้ บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความผิดของเขา และจะทรงลงโทษบาปของเขา เขาจะต้องกลับไปอียิปต์

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 9:32-37

เวลานั้น เมื่อคนที่เคยตาบอดทั้งสองคนจากไปแล้ว มีผู้พาคนใบ้ถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ครั้นปีศาจถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ กล่าวว่า “ยังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลยในอิสราเอล” แต่ชาวฟาริสีกล่าวว่า “คนนี้ขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง”

พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด

เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”

ข้อคิด

บาปในการเมืองและพิธีประกาศกโฮเชยาบอกว่า มนุษย์เลือกผู้นำและนับถือสิ่งอื่นเป็นพระเจ้า เช่น เงิน ทองคำ ฯลฯ มนุษย์สร้างแท่นบูชาจำนวนมาก โดยมิได้ฟังพระประสงค์ของพระเจ้า หากไม่กลับใจ มนุษย์จะต้องรับผลของสิ่งที่ตนทำพระเยซูเจ้าทรงประกาศข่าวดี... ทรงรักษาโรค... ทรงสงสาร... ใครฟังพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย billa-bong เมื่อ อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ ก.ค. 08, 2012 5:21 pm

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม 2012
ระลึกถึง น.เบเนดิกต์ เจ้าอธิการ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา ฮชย 10:1-3,7-8,12

อิสราเอลเป็นเหมือนเถาองุ่นเขียวชอุ่มที่มีผลมาก เขายิ่งเกิดผลมากเท่าใด ก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น แผ่นดินของเขายิ่งอุดมสมบูรณ์มากเท่าใด เขาก็ยิ่งสร้างเสาศักดิ์สิทธิ์ให้งดงามยิ่งขึ้นเท่านั้น ใจของเขาไม่ซื่อ เขาจึงจะต้องรับโทษความผิด พระเจ้าจะทรงพังแท่นบูชา จะทรงทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขา แล้วเขาจะพูดว่า “พวกเราไม่มีกษัตริย์ เพราะเราไม่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์จะมีประโยชน์อะไรสำหรับเรา”

กรุงสะมาเรียจะพินาศ กษัตริย์ของเขาจะเป็นเหมือนเศษไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ สักการสถานบนที่สูงทั้งหลายของเมืองอาเวน ซึ่งเป็นบาปของอิสราเอล จะถูกทำลาย หนามและกอหนามจะงอกขึ้นบนแท่นบูชา เขาจะพูดกับภูเขาว่า “จงปกคลุมเราไว้” จะบอกเนินเขาว่า “จงล้มลงทับพวกเราเถิด”

ท่านทั้งหลายจงหว่านความชอบธรรมสำหรับตน จงเกี่ยวผลเป็นความรักมั่นคง จงไถดินที่ยังไม่เคยเพาะปลูก เพราะถึงเวลาแล้วที่จะแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมาหลั่งความรอดพ้นลงมาเหนือท่านเหมือนฝน

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:1-7

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบ ประทานอำนาจให้เขาขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด

อัครสาวกสิบสองคนมีนามดังนี้ คนแรกคือซีโมน ผู้มีสมญาว่าเปโตร กับอันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบบุตรของเศเบดีกับยอห์นน้องชาย ฟิลิปและบาร์โธโลมิว โธมัสและมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัส และธัดเดอัส ซีโมนจากกลุ่มชาตินิยม และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้ทรยศพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนนี้ออกไป ทรงสั่งเขาว่า “อย่าเดินตามทางของคนต่างชาติ อย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย แต่จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว”

ข้อคิด

โฮเชยา บทที่ 10 กล่าวถึง 2 เรื่อง คือการลงโทษการละทิ้งความเชื่อ (ข้อ 1-2) และเชิญให้กลับใจมาสู่ความชอบธรรมของพระเจ้า เมื่อเราร่ำรวยขึ้น อาจหลงลืมพระเจ้า นับถือสิ่งอื่นแทนพระเจ้า ที่สุดจะพบกับความยุ่งยากลำบากเหมือนกอหนามแทงใจ บางครั้งอยากตาย พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ ให้มีพระพรขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคภัยไข้เจ็บแก่พี่น้อง
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2012 8:25 pm

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา ฮชย 11:1,3-4,8ค-9

พระเจ้าตรัสดังนี้ “เมื่ออิสราเอลยังเด็ก เราก็รักเขา เราได้เรียกบุตรของเราออกมาจากอียิปต์ เราสอนเอฟราอิมให้เดิน เราอุ้มเขาทั้งหลายไว้ แต่เขาไม่รู้ว่าเราเอาใจใส่เขา เราใช้เชือกแห่งมนุษยธรรม และใช้สายสะพายแห่งความรักจูงเขา เราเป็นเหมือนผู้ที่ยกทารกมาจูบแก้ม และก้มลงป้อนอาหารให้เขา

ใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เราจะไม่มาด้วยความโกรธ”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:7-15

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทนก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย อย่าหาเหรียญทอง เหรียญเงินหรือเหรียญทองแดงใส่ในไถ้ เมื่อเดินทาง อย่ามีย่าม อย่ามีเสื้อสองตัว อย่าสวมรองเท้า อย่าถือไม้เท้า เพราะคนงานย่อมมีสิทธิ์ได้รับอาหารอยู่แล้ว

เมื่อท่านเข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้าน จงดูว่าผู้ใดที่นั่นเป็นผู้เหมาะสมที่จะต้อนรับท่าน แล้วจงพักอยู่กับเขาจนกว่าท่านจะจากไป เมื่อท่านเข้าไปในบ้านใดจงให้พรแก่บ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นสมควรได้รับพร จงให้สันติสุขของท่านมาสู่บ้านนั้น ถ้าบ้านนั้นไม่สมควรได้รับพร จงให้สันติสุขกลับมาหาท่าน

ถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากบ้านหรือเมืองนั้น จงสลัดฝุ่นจากเท้าออกเสียด้วย เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา เมืองโสดมและเมืองโกโมราห์จะรับโทษเบากว่าโทษของเมืองนั้น”

ข้อคิด

ความรักเมตตาชนะเหนือความอกตัญญูข้อความของประกาศกโฮเชยา (ในพันธสัญญาเดิม) ชี้ให้เห็นความรักเมตตาของพระเจ้า เหมือนบิดาผู้ใจดี ต่อประชากรที่อกตัญญูตอบความรักของพระเจ้าพระเจ้ามิได้ลงอาญาแต่ปรารถนาให้เราหันชีวิตกลับมาหาพระองค์พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้นำสันติสุขไปให้ผู้อื่นเช่นกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2012 8:26 pm

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา น.เฮนรี่


บทอ่านจากหนังสือประกาศกโฮเชยา ฮชย 14:2-10

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเถิด ท่านสะดุดล้มลงเพราะความผิดของท่าน จงเตรียมถ้อยคำที่จะพูดมาด้วย และกลับมาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ทูลพระองค์ว่า “โปรดทรงลบล้างความผิดทั้งหมด และทรงรับสิ่งที่ดี ข้าพเจ้าทั้งหลายจะนำคำสรรเสริญจากปากมาถวายแทนโคเพศผู้ อัสซีเรียจะไม่ช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ขี่ม้าอีก จะไม่เรียกสิ่งที่มือของข้าพเจ้าได้สร้างขึ้นอีกต่อไปว่า ‘พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย’ เพราะลูกกำพร้าพบพระกรุณาในพระองค์”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะรักษาเขาให้หายจากความไม่ซื่อสัตย์ของเขา เราจะรักเขาด้วยใจจริง เพราะเราจะไม่โกรธเขาอีกแล้ว เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างสำหรับอิสราเอล เขาจะผลิดอกเหมือนดอกลิลลี่ เขาจะหยั่งรากเหมือนต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน กิ่งก้านของเขาจะแผ่ขยาย เขาจะงดงามเหมือนต้นมะกอกเทศ และจะมีกลิ่นหอมเหมือนเลบานอน เขาทั้งหลายจะกลับมานั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเรา เขาจะปลูกข้าวสาลีอีก จะทำให้เถาองุ่นผลิตผลอุดม มีชื่อเสียงเหมือนเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน เอฟราอิมจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับรูปเคารพอีก เราเองจะตอบและดูแลเขา เราเป็นเหมือนต้นไซเปรสใบเขียวสดอยู่เสมอ ท่านจะได้รับผลของท่านจากเรา

ผู้มีปรีชาพึงเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ผู้ใดฉลาดก็จงรู้ เพราะหนทางทั้งหลายขององค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนเที่ยงธรรม ผู้ชอบธรรมย่อมเดินตามทางนี้ แต่ผู้ล่วงละเมิดจะสะดุดล้ม

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:16-23

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า“จงฟังเถิด เราส่งท่านไปเหมือนแกะในฝูงสุนัขป่า ท่านจงฉลาดประดุจงูและซื่อประดุจนกพิราบจงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาล และเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน

พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษพ่อแม่ให้ถึงตาย
คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึงวาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น เมื่อเขาจะเบียดเบียนท่านในเมืองหนึ่ง จงหลบหนีไปอีกเมืองหนึ่ง เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ก่อนที่ท่านจะไปทั่วทุกหัวเมืองของอิสราเอล บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเสด็จกลับมาแล้ว”

ข้อคิด

การกลับใจและความรอดพ้นบทสุดท้ายของประกาศกโฮเชยา กล่าวถึง การกลับใจ มิใช่แค่ทำพิธีกรรมภายนอกเท่านั้น การถวายบูชา คำภาวนาต้องจริงใจและมาจากภายใน พระเจ้าจะทรงช่วยรักษา ให้เราประพฤติซื่อสัตย์ พระเจ้าทรงรักเราจริง จะช่วยเราให้งดงามและมีผลจากการงานดีขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2012 8:28 pm

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2012
น.คามิลโล เด เลลลิส พระสงฆ์


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 6:1-8

ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่บนพระบัลลังก์สูงและตั้งอยู่บนที่สูง ชายฉลองพระองค์แผ่เต็มพระวิหาร เสราฟหลายตนยืนอยู่เหนือพระองค์โดยรอบ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า สองปีกคลุมเท้า และสองปีกใช้บิน เสราฟแต่ละตนต่างร้องรับกันว่า“ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระยาห์เวห์จอมจักรวาล
แผ่นดินทั้งหมดเต็มไปด้วยพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์”

เสาประตูทั้งหลายสั่นสะเทือนเพราะเสียงของผู้ร้อง และพระวิหารก็มีควันเต็มไปหมด ข้าพเจ้าพูดว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากมีมลทิน อาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติริมฝีปากมีมลทิน ถึงกระนั้น นัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระยาห์เวห์จอมจักรวาล”

แล้วเสราฟตนหนึ่งบินมาหาข้าพเจ้า ถือคีมคีบถ่านที่ลุกอยู่มาจากแท่นบูชา เสราฟตนนั้นสัมผัสปากของข้าพเจ้า พูดว่า “ดูซิ สิ่งนี้สัมผัสริมฝีปากของท่านแล้ว ความผิดของท่านก็ถูกลบล้างแล้ว บาปของท่านก็ได้รับการอภัยแล้ว”
แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใคร ใครจะไปแทนเรา”ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:24-33

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ และผู้รับใช้ย่อมไม่อยู่เหนือนาย ถ้าศิษย์เท่าเทียมกับอาจารย์ และผู้รับใช้เท่าเทียมกับนาย ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ถ้าเขาเรียกเจ้าบ้านว่า ‘เบเอลเซบูล’ เขาจะเรียกลูกบ้านร้ายกว่านั้นสักเท่าใด”

“อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เราบอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน”

“อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้นดินโดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว เพราะฉะนั้น อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก”

“ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ด้วย”

ข้อคิด

อิสยาห์ เป็นประกาศกในอาณาจักรยูดาห์ ได้รับกระแสเรียกราว ปี 740 ก่อน ค.ศ. เสราฟ (Seraphim) เป็นทูตสวรรค์รับใช้ใกล้ชิดพระยาห์เวห์ ขับร้องศักดิ์สิทธิ์ (ดังที่เราภาวนาเลียนแบบในพิธีมิสซา) สรรเสริญพระเจ้า อิสยาห์ตระหนักดีว่า “ปากมีมลทิน” ไม่เหมาะสมจะเป็นประกาศก แต่พระเจ้าต้องการความสมัครใจ ความสุภาพ ให้เราเป็นเครื่องมือที่สุภาพของพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2012 8:30 pm

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอาโมส อมส 7:12-15

สมณะอามาซิยาห์กล่าวแก่ประกาศกอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนาย ไปเสียเถอะ จงกลับไปอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ ไปทำมาหากินที่นั่น และประกาศพระวาจาที่นั่นเถิด แต่อย่าประกาศพระวาจาที่เบธ-เอลอีกต่อไป เพราะที่นี่เป็นสักการสถานของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารประจำชาติ”

อาโมสจึงตอบสมณะอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยเป็นประกาศก หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มประกาศก ข้าพเจ้าเคยเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ข้าพเจ้าเลิกต้อนฝูงแพะแกะ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปเถอะ จงไปประกาศพระวาจาแก่อิสราเอลประชากรของเรา’”

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:3-14

ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราพระองค์ทรงอวยพระพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่ทรงพอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราในพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก ในองค์พระคริสตเจ้า เราได้รับการไถ่กู้ เดชะพระโลหิต คือได้รับการอภัยบาป นี่คือพระหรรษทานอันอุดมซึ่งพระเจ้าประทานแก่เราอย่างล้นเหลือ ให้มีปรีชาและรอบรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงเผยให้เราทราบถึงพระประสงค์อันเร้นลับของพระองค์ ซึ่งทรงพอพระทัยดำริไว้ล่วงหน้าในพระคริสตเจ้า พระองค์จะทรงกระทำตามแผนการนี้ เมื่อถึงเวลากำหนด โดยทรงนำทุกสิ่งทั้งที่อยู่บนสวรรค์และบนแผ่นดิน ให้มารวมกันอยู่ใต้ปกครองของพระคริสตเจ้าพระประมุขแต่พระองค์เดียว

ในองค์พระคริสตเจ้านี้เอง เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นผู้ที่ได้หวังในพระคริสตเจ้าก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง คือข่าวดีอันนำความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาจะประทานให้นั้น เป็นตราประทับ และเป็นมัดจำของมรดกที่เราจะได้รับเพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:7-13

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกทั้งสิบสองคนเข้ามาพบ และทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ๆ ประทานอำนาจเหนือปิศาจ ทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย นอกจากไม้เท้าเท่านั้น ไม่ให้มีอาหาร ไม่ให้มีย่าม ไม่ให้มีเศษเงินใส่ไถ้ ให้สวมรองเท้าได้ แต่มิให้เอาเสื้อสำรองไปด้วย พระองค์ตรัสแก่เขาว่า ‘ถ้าท่านเข้าไปในบ้านใด จงพักอยู่ที่นั่นจนกว่าจะออกเดินทางต่อไป ถ้าที่ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากที่นั่นพลางสลัดฝุ่นจากเท้าไว้เป็นพยานปรักปรำเขา’ บรรดาอัครสาวกจึงได้ไปเทศน์สอนคนทั้งหลายให้กลับใจ ได้ขับไล่ปิศาจจำนวนมาก ได้เจิมน้ำมันผู้เจ็บป่วยหลายคน และรักษาเขาให้หายจากโรคภัย

ข้อคิด

ศิษย์พระคริสต์และความยากจนพระเยซูเจ้าทรงส่งบรรดาศิษย์ไปประกาศข่าวดี ด้วยความเรียบง่าย ยากจน การเอาเสื้อไปสองตัวเป็นเครื่องหมายของความร่ำรวย ผู้ประกาศข่าวดีต้องไม่นำสิ่งของไปมาก เพราะจะหนัก เป็นภาระ นำเฉพาะสิ่งจำเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ใช้อำนาจหรือความมั่นคงที่อำนาจเงิน หรือฐานะในสังคมหยิบยื่นให้เราได้รับเลือกพิเศษ “ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์” (อฟ 1:4) การดำเนินชีวิตเรียบง่ายจะช่วยเราให้ “คนทั้งหลายกลับใจ” ง่ายขึ้นเราดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างไร?
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 12, 2012 8:34 pm

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2012
พระนางพรหมจารีแห่งภูเขาคาร์แมล


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 1:11-17

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เครื่องบูชามากมายของท่านไม่เป็นประโยชน์ใดแก่เรา เราเอือมระอาแกะเพศผู้ที่เผาบูชาถวายเรา เบื่อไขมันของโคหนุ่มที่ขุนไว้ เราไม่พอใจเลือดของโคเพศผู้ ลูกแกะ และแพะเพศผู้ เมื่อท่านทั้งหลายเข้ามาต่อหน้าเรา ใครเรียกร้องให้ท่านทำเช่นนี้ เหยียบย่ำลานวิหารของเรา อย่านำของถวายไร้ประโยชน์เข้ามาอีกเลย กำยานเป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับเรา เราทนการฉลองที่ปนกับความชั่วร้ายไม่ได้ เราเกลียดวันต้นเดือน และวันฉลองของท่าน วันเหล่านี้เป็นเหมือนภาระหนักสำหรับเรา เราเหนื่อยที่จะต้องแบกภาระนั้น เมื่อท่านชูมือขึ้น เราจะเบือนสายตาไปจากท่าน แม้ท่านจะอธิษฐานภาวนามากขึ้น เราก็จะไม่ฟัง มือของท่านเปื้อนเลือด จงล้าง จงชำระตนให้สะอาด จงนำกิจการชั่วร้ายของท่านออกไปให้พ้นจากสายตาของเรา จงเลิกทำความชั่ว จงเรียนรู้ที่จะทำความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหง จงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกกำพร้า จงปกป้องสิทธิของหญิงหม้าย”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:34-11:1

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า“อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”“ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา”

“ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
“ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”
“ผู้ที่ต้อนรับประกาศก เพราะเราเป็นประกาศก จะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศก ผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม”

“ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดา ๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้ว ก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่าง ๆ ในแคว้นกาลิลี

ข้อคิด

โลกปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาการสมัยใหม่ - เทคโนโลยี แม้กระทั่ง ดิน – ฟ้า - อากาศ และที่เปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือความคิด – ทัศนคติของมนุษย์ ตลอดไปจนถึงการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์ มนุษย์หลงตัวเองมากขึ้น และคิดหยิ่งผยองว่า ตนเองเก่ง ไร้เทียมทาน มนุษย์ทำตามใจตัวเองมากขึ้น แม้สิ่งที่ชั่วร้าย พระเจ้าจึงตรัสสอนเราผ่านทางประกาศกอิสยาห์ว่า“จงเลิกทำชั่ว จงเรียนรู้ที่จะทำความดี จงแสวงหาความยุติธรรม จงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหง พระเจ้าสอนให้เรา ยึดความถูกต้อง อะไรดี – อะไรควรทำ เราจะต้องรับคำสอนของพระเจ้า และนำมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตของเรา เราจึงจะสมควรได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 12:50 pm

:s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:49 pm

ขออภัยทุกท่านนะครับ หายไปเป็นเดือน คือเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ ที่หอพักไม่มี Internet ที่ทำงานก็ไม่มีเวลาได้เข้าเลยครับ :s008:
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:55 pm

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 7:1-9

ในรัชสมัยของกษัตริย์อาหัส โอรสของกษัตริย์โยธาม โอรสของกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล โอรสของเรมาลิยาห์ ยกทัพขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำสงครามกับเมือง แต่เอาชนะไม่ได้ เมื่อมีผู้มาส่งข่าวแก่ราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดว่า “ชาวซีเรียมาตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนเอฟราอิมแล้ว” พระทัยของกษัตริย์และจิตใจของประชาชนก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นเมื่อถูกลมพัด

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “ท่านและเชอาร์ยาชูบบุตรชาย จงออกไปพบกษัตริย์อาหัสที่ปลายท่อน้ำของสระข้างบนที่ถนนลานช่างซักฟอก ทูลกษัตริย์ว่า “ขอพระองค์โปรดฟัง สงบพระทัย อย่าทรงกลัว อย่าให้พระทัยหวั่นไหวเพราะความกริ้วรุนแรงของกษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และโอรสของเรมาลิยาห์ซึ่งเป็นเหมือนฟืนสองดุ้นที่จวนจะมอดอยู่แล้ว มีแต่ควัน ซีเรียพร้อมกับเอฟราอิมและโอรสของเรมาลิยาห์ได้คิดการชั่วร้ายต่อพระองค์ พูดว่า ‘เราจงขึ้นไปโจมตียูดาห์ ทำให้ประชาชนมีความกลัว เราจะได้ยึดเมืองและแต่งตั้งบุตรของทาเบเอลให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “สิ่งนี้จะไม่เป็นไป จะไม่เกิดขึ้นเลย กรุงดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของซีเรีย และกษัตริย์เรซีนเป็นหัวของกรุงดามัสกัส อีกหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะไม่เป็นประชากรอีกต่อไป กรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวงของเอฟราอิม และโอรสของเรมาลิยาห์เป็นหัวของกรุงสะมาเรีย ถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อมั่น พระองค์จะทรงตั้งมั่นอยู่ไม่ได้”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:20-24

เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาเมืองที่พระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากกว่าที่เมืองอื่น เพราะชาวเมืองไม่ยอมกลับใจว่า “จงวิบัติเถิด เมืองโคราซิน จงวิบัติเถิด เมืองเบธไซดา เพราะถ้าการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ เอาขี้เถ้าโรยศีรษะ กลับใจเสียนานแล้ว ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระและเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า

ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้ายกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ ตรงกันข้าม เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย เพราะว่าถ้าการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสดมแล้ว เมืองโสดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองโสดมจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า”

ข้อคิด

อำนาจของมนุษย์บนโลกนี้เป็นเพียงสิ่งสมมุติขึ้น และเป็นเหมือนดาบสองคม เมื่อได้อำนาจนั้นมา และใช้อำนาจในทางที่ถูกที่ควรก็จะเกิดเป็นผลดีทั้งต่อตนเองและสังคม แต่ถ้าหากใช้อำนาจไปในทางที่ผิด เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น - ข่มเหงรังแกผู้อื่น เพียงเพื่อความดีส่วนตัว ดื้อรั้นในอำนาจและความผิด กลัวเสียหน้าที่จะกลับใจ มนุษย์ผู้นั้นควรจะต้องรับโทษอย่างสาสมกับความผิดที่ได้กระทำ พระเจ้าจะทรงลงโทษเขาอย่างแน่นอน
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:56 pm

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 10:5-7,13-16

พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า“วิบัติจงเกิดแก่อัสซีเรีย ไม้เรียวที่เราใช้เมื่อเราโกรธ ไม้พลองที่เราใช้เมื่อเราโกรธจัด เราจะส่งเขาไปสู้ชนชาติที่ไม่เคารพนับถือเรา จะสั่งเขาให้ไปต่อสู้ประชากรที่เราโกรธ เพื่อไปริบข้าวของ ไปปล้นและเหยียบย่ำชนชาตินี้เหมือนเหยียบเลนบนถนน แต่อัสซีเรียมิได้ตั้งใจเช่นนั้น จิตใจของเขาก็มิได้คิดดังนี้ เขาคิดแต่จะทำลาย และทำลายล้างชนชาติจำนวนมาก

เพราะกษัตริย์ทรงคิดว่า “เราได้ทำการนี้ด้วยกำลังมือ และปรีชาญาณของเรา เพราะเรามีปรีชา เราได้ย้ายเขตแดนของประชาชนหลายชาติ ได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา ได้ใช้อำนาจคว่ำผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ มือของเราได้ฉวยทรัพย์สมบัติของประชาชนหลายชาติ เหมือนฉวยรังนก คนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้ในรังนกฉันใด เราก็ยึดแผ่นดินทั้งหมดฉันนั้น ไม่มีผู้ใดขยับปีก ไม่มีผู้ใดอ้าปากหรือร้องจิ๊บ ๆ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ขวานจะอวดตัวว่าเก่งกว่าผู้ที่ใช้มันหรือ เลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือ เหมือนกับว่าไม้ตะบองจะควบคุมผู้ถือมันขึ้นตีหรือ หรือไม้พลองจะยกสิ่งที่มิใช่ไม้ขึ้นได้”ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า จอมจักรวาล จะทรงส่งโรคภัยมาทำให้คนแข็งแรงกลับผอมแห้ง โรคนี้จะเผาผลาญผู้ที่เป็นเกียรติของเขาเหมือนไฟไหม้”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:25-27

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า“ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้”

ข้อคิด

พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ ให้มนุษย์ครอบครองทุกสิ่ง แต่หลายครั้ง มนุษย์หลงผิด - คิดอยากเป็นใหญ่เท่าเสมอพระเจ้า มนุษย์คิดว่าจะครอบครองโลก กระทำทุกสิ่งด้วยความโลภ - โกรธ - หลง และตามใจตัวเอง การกระทำเช่นนั้นจะย้อนกลับมาทำลายตัวเขาผู้นั้นอย่างแน่นอน

ขอพระเจ้า ผู้ทรงเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่แท้จริง โปรดทรงบันดาลให้เราตระหนักถึงความจริง เข้าใจอย่างถูกต้อง ปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง โดยไม่หลงไปกับความจอมปลอมต่าง ๆ ของโลกด้วยเทอญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:57 pm

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 26:7-9,12,16-19

หนทางของผู้ชอบธรรมก็ตรง พระองค์ทรงทำให้ทางเดินของผู้ชอบธรรมราบเรียบ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเดินตามพระวินิจฉัยของพระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความหวังในพระองค์ ความปรารถนาประการเดียวของข้าพเจ้าทั้งหลาย คือสรรเสริญพระนามและระลึกถึงพระองค์ วิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์เวลากลางคืน จิตใจของข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะเมื่อพระองค์ทรงพิพากษาแผ่นดิน ผู้อาศัยในแผ่นดินจะได้เรียนรู้ความชอบธรรม

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติภาพแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เพราะพระองค์ทรงบันดาลให้กิจการทั้งหมดของข้าพเจ้าทั้งหลายประสบความสำเร็จ

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในยามทุกข์ เขาทั้งหลายแสวงหาพระองค์ เมื่อทรงตีสอนเขา เขาก็ตั้งใจอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์ หญิงมีครรภ์จวนจะคลอดบุตร บิดตัวและร้องด้วยความเจ็บปวดฉันใด ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีครรภ์ บิดตัวด้วยความเจ็บปวด แต่คลอดเพียงลมเท่านั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้นำความรอดพ้นมาให้แผ่นดิน ไม่มีผู้อาศัยในโลกคนใดเกิดมา บรรดาผู้ตายของพระองค์จะมีชีวิตอีก ร่างกายของเขาทั้งหลายจะกลับคืนชีพ ผู้อาศัยอยู่ในฝุ่นดินเอ๋ย จงตื่นและจงร้องเพลงด้วยความยินดีเถิด เพราะน้ำค้างของท่านเป็นน้ำค้างที่ส่องแสง แผ่นดินจะคลอดผู้อาศัยในแดนผู้ตาย

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:28-30

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”

ข้อคิด

หนทางของผู้ชอบธรรม เป็นหนทางหรือทางเดินที่ราบเรียบ เป็นหนทางที่มุ่งตรงสู่พระเจ้า เป็นหนทางที่แม้จะต้องผ่านความยากลำบาก – ผ่านอุปสรรค แต่ก็เป็นหนทางที่จะต้องผ่านและฟันฝ่าไปสู่จุดหมายปลายทางที่เที่ยงแท้ถาวรในพระเจ้า แต่มนุษย์ถูกประจญล่อลวงด้วยหลายสิ่ง แสง – สี –เสียง รูป – รส – กลิ่น ยั่วยวนให้มนุษย์ออกนอกทาง เพื่อหนีความจริง หนีความยากลำบาก หนีที่จะต้องออกแรง – มุมานะ – พยายาม พระเจ้าเตือนสอนเรา ให้ยึดเป้าหมายเป็นหลัก แม้จะเหน็ดเหนื่อย – แบกภาระหนัก เราจะต้องฟันฝ่าและผ่านไปให้ได้ พระเจ้าพร้อมจะเป็นที่พักพิงของเราเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:57 pm

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 38:1-6,21-22,7-8

สมัยนั้น กษัตริย์เฮเซคียาห์ประชวรหนักจนเกือบจะสิ้นพระชนม์ ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอส เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘จงจัดเรื่องในบ้านให้เรียบร้อย เพราะท่านจะต้องตาย ท่านจะไม่หาย’” กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงผินพระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ ทำตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงพระกันแสงอย่างหนัก

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งประกาศกอิสยาห์ว่า “จงไปทูลกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ เราได้ยินคำอธิษฐานและเห็นน้ำตาของท่านแล้ว เราจะต่ออายุให้ท่านอีกสิบห้าปี เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้

ประกาศกอิสยาห์สั่งว่า “จงนำผลมะเดื่ออัดมาวางไว้บนพระยอด แล้วพระองค์จะทรงหายประชวร” กษัตริย์เฮเซคียาห์ตรัสถามว่า “มีเครื่องหมายใดบอกเราว่าเราจะขึ้นไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้” ประกาศกอิสยาห์ทูลตอบว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายนี้ให้เห็นว่าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้ ดูซิ เราจะทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดบนขั้นบันไดที่ขึ้นไปบนดาดฟ้าของกษัตริย์อาหัสแล้วถอยหลังกลับไปสิบขั้น” ดวงอาทิตย์ก็ถอยหลังกลับสิบขั้นจากที่ได้ทอดเงาบนบันไดไปแล้ว

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 12:1-8

ครั้งหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลีในวันสับบาโต บรรดาศิษย์รู้สึกหิว จึงเด็ดรวงข้าวมากิน เมื่อชาวฟาริสีสังเกตเห็นดังนั้น จึงทูลพระองค์ว่า “ดูซิ ศิษย์ของท่านกำลังทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต”
พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำสิ่งใดเมื่อหิวโหย พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศน์ของพระเจ้า เสวยขนมปังที่ตั้งถวายพร้อมกับบรรดาผู้ติดตาม ขนมปังนั้นผู้ใดจะกินไม่ได้ นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น ท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือว่า ในวันสับบาโตนั้น บรรดาสมณะในพระวิหารย่อมละเมิดวันสับบาโตได้โดยไม่มีความผิด เราบอกท่านทั้งหลายว่า ที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารเสียอีก ถ้าท่านเข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ ท่านคงจะไม่กล่าวโทษผู้ไม่มีความผิด เพราะบุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”

ข้อคิด

พระเจ้าทรงรักษาสัจจะ พระเจ้าทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์เสมอ ด้วยเหตุว่า พระเจ้ามิทรงปฏิเสธตัวพระองค์เองได้ พระเจ้าคือองค์แห่งความจริง เมื่อใดที่มนุษย์ปฏิญาณตน และปฏิบัติตามในสิ่งที่ได้ปฏิญาณไว้ พระเจ้าก็ทรงรับคำอธิษฐาน และโปรดให้เป็นไป พระเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยพระทัยดีและเมตตาสงสาร พระองค์มิได้ทรงพอพระทัยเครื่องเผาบูชาภายนอก แต่พระองค์ทรงพอพระทัยเครื่องบูชาฝ่ายจิต ที่ออกมาจากจิตใจที่ซื่อตรง
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:58 pm

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม 2012
น.ลอเรนซ์ แห่งบรินดิซี พระสงฆ์และนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร


บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ มคา 2:1-5

วิบัติจงเกิดแก่ผู้วางแผนร้าย และคิดทำความชั่วอยู่บนที่นอน พอรุ่งขึ้นตอนเช้าก็ทำ เพราะเขามีอำนาจจะทำเช่นนั้น เขาอยากได้ทุ่งนาใดก็เข้ายึด เขาอยากได้บ้านใดก็ริบไป เขารีดไถทั้งเจ้าของและบ้านเรือน เขาบีบคนและมรดก

องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสดังนี้ว่า “ดูซิ เรากำลังวางแผนต่อสู้กับคนประเภทนี้ เป็นภัยพิบัติซึ่งท่านถอนคอให้พ้นไม่ได้ ท่านจะยืดอกเดินอย่างผึ่งผายไม่ได้ เพราะนั่นคือเวลาแห่งภัยพิบัติ เวลานั้น จะมีผู้แต่งคำพังเพยถึงท่าน และจะคร่ำครวญอย่างขมขื่นว่า ‘พวกเราถูกปล้นจนหมดตัวแล้ว พระเจ้าทรงมอบมรดกของประชากรของข้าพเจ้า ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่นแล้ว พระองค์ทรงเอาไปอย่างไร พระองค์ทรงแบ่งทุ่งนาของพวกเราให้แก่บรรดาศัตรู’

ดังนั้น จะไม่มีผู้ใดขึงเชือกวัดส่วนมรดก เพื่อจับฉลากให้ท่านในชุมชนขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 12:14-21

เวลานั้น ชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไรพระเยซูเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงเสด็จไปจากที่นั่น ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้ เพื่อให้พระวาจาที่ตรัสทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า
“นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่ จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติจะมีความหวังในนามของเขา”

ข้อคิด

วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่วางแผนร้าย และคิดทำความชั่ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็จะบังเกิดแก่ผู้กระทำ เป็นกฎทองและปรัชญาแห่งความจริง “ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว” อย่าหลงไปกับโลกแห่งความจอมปลอมที่ว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ผู้ใดดำเนินชีวิต ละเว้นความชั่ว ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม ตามบัญญัติของพระเจ้า เขาผู้นั้นจะได้รับสวรรค์เป็นมรดก
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:58 pm

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 23:1-6

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “วิบัติแก่บรรดาผู้เลี้ยงที่ทำลายและทำให้ฝูงแกะที่เราเลี้ยงไว้กระจัดกระจายไป” ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสกล่าวโทษบรรดาผู้เลี้ยงที่เลี้ยงดูประชากรของเราว่า “ท่านทั้งหลายขับไล่แกะของเราให้กระจัดกระจายไปและไม่ดูแลแกะเหล่านั้น ใช่แล้ว เราจะจัดการกับท่านทั้งหลายและกับกิจการชั่วร้ายของท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “เราจะรวบรวมแกะที่รอดชีวิตของเราจากแผ่นดินทุกแห่งที่เราเคยขับไล่ให้เขาไปอาศัยอยู่ เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมายังทุ่งหญ้าของเขาอีก เขาจะมีลูกดกและทวีจำนวนมากมาย เราจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงให้เลี้ยงดูเขา เขาจะไม่ต้องกลัวและตกใจอีกต่อไป จะไม่มีแกะขาดไปแม้แต่ตัวเดียว” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะทำให้ความถูกต้องและความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอลจะดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนามของพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา””

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 2:13-18

พี่น้อง บัดนี้ในองค์พระคริสตเยซู ท่านทั้งหลายซึ่งในอดีตเคยอยู่ห่างไกลได้เข้ามาอยู่ใกล้ เดชะพระโลหิตของพระคริสตเจ้า พระองค์คือสันติของเรา ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียว โดยทรงทำลายกำแพงที่แบ่งแยกคือการเป็นอริต่อกันนั้นลงเสีย ทรงล้มเลิกธรรมบัญญัติพร้อมกับข้อบังคับต่างๆ เมื่อทรงรับเอาร่างกายเป็นมนุษย์เพื่อสร้างสันติ ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์ใหม่คนเดียวในพระองค์ ทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับคืนดีกับพระเจ้า รวมอยู่เป็นกายเดียว โดยทางไม้กางเขน ทรงขจัดการเป็นอริต่อกันนั้นเสียในพระองค์ พระองค์ได้เสด็จมาประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับท่านทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ เดชะพระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงสามารถเข้าไปเฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 6:30-34

เวลานั้น บรรดาอัครสาวกได้กลับมาเฝ้าพระเยซูเจ้าและทูลรายงานให้ทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เขาได้ทำและได้สอน พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า ‘ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด’ เพราะว่ามีคนไปมาจนพวกเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะรับประทานอาหาร พระเยซูเจ้าพร้อมกับบรรดาอัครสาวกจึงลงเรือไปยังที่สงัดตามลำพัง ประชาชนหลายคนได้เห็นพระเยซูเจ้ากับบรรดาอัครสาวกแล่นเรือออกไป ก็คาดคะเนได้ว่า พระองค์จะทรงไปที่ใด จึงรีบเดินเท้าออกจากเมืองต่างๆไปที่นั่นและไปถึงก่อน เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือ ทรงแลเห็นประชาชนมากมายก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนเขาหลายเรื่อง

ข้อคิด

พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงดูที่ดี เป็นนายชุมพาบาลที่ดี ที่เอาใจใส่ฝูงแกะของตน พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ มิให้แกะต้องกระจัดกระจาย แต่ทรงพาฝูงแกะไปยังแหล่งที่มีหญ้าและน้ำอันอุดม พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดกับฝูงแกะ มิให้ฝูงแกะอยู่ในอันตรายจากหมาป่า และภัยอันตรายใด ๆ พระองค์ทรงเป็นเลี้ยงดู และรู้จักลูกแกะทั้งฝูงของพระองค์ ทรงรู้ว่าแกะเหล่านั้นต้องการสิ่งใด และอะไรเหมาะสมกับแกะเหล่านั้น พระองค์ทรงเต็มไปด้วยความรัก – ความเมตตาต่อฝูงแกะทุกตัวของพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 5:59 pm

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม 2012
น.บรยิต นักพรต


บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ มคา 6:1-4,6-8

จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเถิด จงลุกขึ้นแก้คดีของท่านต่อหน้าภูเขา จงให้เนินเขาฟังเสียงของท่าน ภูเขาทั้งหลายเอ๋ย จงฟังคดีขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด รากฐานถาวรของแผ่นดินเอ๋ย จงฟังเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากรของพระองค์ พระองค์จะทรงสู้ความกับอิสราเอล ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ทำอะไรกับท่าน เราได้ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจในเรื่องใด จงตอบซิ เพราะเราได้นำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และไถ่ท่านจากการเป็นทาส เราใช้โมเสส อาโรน และมีเรียม ให้นำหน้าท่าน

“ข้าพเจ้าจะต้องนำสิ่งใดเมื่อเข้ามาเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และกราบนมัสการพระเจ้าผู้สูงสุด ข้าพเจ้าจะต้องนำเครื่องเผาบูชา โคหนุ่มอายุหนึ่งปีหลายตัวเข้ามาเฝ้าพระองค์หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะเพศผู้นับพันตัว พอพระทัยลำธารน้ำมันนับหมื่นสายหรือ ข้าพเจ้าจะต้องถวายบุตรคนแรกเพื่อชดเชยความผิดของข้าพเจ้า ถวายบุตรจากกายของข้าพเจ้าเพื่อชดเชยบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำหรือ”

“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงบอกท่านไว้แล้วว่าอะไรดี และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์สิ่งใดจากท่าน คือให้ท่านปฏิบัติความยุติธรรมและรักความดีงาม และดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตนกับพระเจ้าของท่าน”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 12:38-42

เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์บางคนทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์ พวกเราต้องการเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ประการหนึ่งจากท่าน”

พระองค์ทรงตอบว่า “คนชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต้องการเห็นเครื่องหมายนี้รึ จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น เว้นแต่เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืนฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น ในวันพิพากษา ชาวเมืองนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจ เมื่อได้ฟังคำเทศน์ของโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้ จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก”

ข้อคิด

ความยุติธรรม คือการเรียกร้องการตอบสนองกลับคืนที่เท่าเทียมกัน เหมือนดังกฎที่ว่า “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ในสมัยของในโมเสส แต่พระเจ้าได้เสด็จมาในโลก ทรงสอนและปรับให้สมบูรณ์ขึ้น มิได้เปลี่ยนหลักการเดิมที่เป็นจริง แต่ทรงปรับปรุงให้สมบูรณ์ขึ้น มนุษย์กระทำสิ่งใดก็มักจะเรียกร้องการตอบแทน เรียกร้องผลประโยชน์ ยื่นหมูยื่นแมว หรือมีข้อแม้ ถ้าอย่างนี้ก็ต้องอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ต้องอย่างโน้น ฯลฯพระเจ้าข้า โปรดให้ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งและดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์เทอญ !
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 6:00 pm

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม 2012
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกมีคาห์ มคา 7:14-15,18-20

ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงใช้ไม้ขอของผู้เลี้ยงแกะเลี้ยงดูประชากร คือฝูงแพะแกะที่เป็นมรดกของพระองค์ ซึ่งอาศัยโดดเดี่ยวอยู่ในป่า ที่มีแผ่นดินอุดมสมบูรณ์อยู่โดยรอบ โปรดทรงให้เขาหากินอยู่ในแคว้นบาชานและกีเลอาด เหมือนในสมัยก่อน โปรดทรงแสดงปาฏิหาริย์แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย เหมือนในสมัยที่ทรงนำข้าพเจ้าทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

เทพเจ้าใดเล่าเป็นเหมือนพระองค์ ผู้ทรงให้อภัยความผิด และทรงมองข้ามการล่วงละเมิดแก่ผู้ที่เหลืออยู่เป็นมรดกของพระองค์ พระองค์ไม่ทรงรักษาพระพิโรธไว้ตลอดไป แต่พอพระทัยแสดงความรักมั่นคง ขอพระองค์ทรงพระเมตาต่อข้าพเจ้าทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง โปรดทรงเหยียบย่ำความผิดของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปของข้าพเจ้าทั้งหลายลงไปในทะเลลึก พระองค์จะทรงแสดงความซื่อสัตย์แก่ยาโคบ ทรงแสดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัม ดังที่เคยทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายตั้งแต่นานมาแล้ว

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 12:46-50

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสกับประชาชน พระมารดาและพระญาติของพระองค์ มายืนอยู่ข้างนอก ต้องการพูดกับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามผู้ที่มาทูลนั้นว่า “ใครเป็นมารดา ใครเป็นพี่น้องของเรา” แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ชี้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่คือมารดาและพี่น้องของเรา เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา”

ข้อคิด

“ ใครเป็นมารดา ใครเป็นพี่น้องของเรา ? ” “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและเป็นมารดาของเรา” เป็นคำถามและคำตอบอย่างชัดเจน และไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม ผู้ใดที่ปฏิบัติตามพระวาจาพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่โลภ - ไม่โกรธ - ไม่หลง แต่เต็มไปด้วยความรัก – ความเมตตา - สงสาร – ให้อภัย อภัยแม้แต่ผู้ที่ฆ่า รักแม้กระทั่งศัตรู ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้เราคริสตชนรักกันตามวิถีชุมชนคริสตชน ผู้เป็นศิษย์ของพระคริสต์ อย่างแท้จริงด้วยเทอญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 6:00 pm

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม 2012
ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง 2 คร 4:7-15

พี่น้อง เรามีสมบัตินี้เก็บไว้ในภาชนะดินเผา เพื่อแสดงว่าอานุภาพล้ำเลิศนั้นมาจากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเรา เราทนทุกข์ทรมานรอบด้าน แต่ไม่อับจน เราจนปัญญา แต่ก็ไม่หมดหวัง เราถูกเบียดเบียน แต่ไม่ถูกทอดทิ้ง เราถูกตีล้มลง แต่ไม่ถึงตาย เราแบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูเจ้าจะปรากฏอยู่ในร่างกายของเราด้วย ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่เราเสี่ยงกับความตายอยู่เสมอเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า เพื่อให้ชีวิตของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติที่ตายได้ของเรา ดังนั้น ความตายกำลังทำงานอยู่ในเรา แต่ชีวิตกำลังทำงานอยู่ในท่าน

มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ข้าพเจ้าได้เชื่อ จึงได้พูด เรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกันนี้ เราเชื่อ เราจึงพูด เพราะรู้ว่าพระองค์ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ ทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้าด้วย จะทรงนำเราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นสำหรับท่านเพื่อว่าเมื่อพระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้น การขอบพระคุณจะทวียิ่งขึ้น เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 20:20-28

เวลานั้น มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้”

เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าคนต่างชาติที่เป็นหัวหน้า ย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์”

ข้อคิด

ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “พระเจ้าได้ทรงประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ ให้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ - ไถ่บาปมนุษย์ ด้วยการยอมรับความทรมาน สิ้นพระชนม์และเสด็จกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์ บันดาลให้มนุษย์กลับคืนชีพ มีชีวิตใหม่ในองค์พระเยซูเจ้า” และความตอนนี้ก็เป็นจริงตามที่พระเจ้าได้ตรัส เรามนุษย์ทุกคนได้รับการไถ่ให้รอด แต่การดำรงชีวิตของเราทุกวัน ก็จะต้องก้าวเดินไปในหนทางที่พระองค์ทรงชี้แสดงแก่เรา คือตามบทบัญญัติของพระองค์ บัญญัติแห่งความรัก รักและรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดังที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้แก่เรา มิใช่แสวงหาอำนาจและการเป็นใหญ่
ชุมชนศิษย์พระคริสต์จะต้องเป็นประจักษ์พยานแห่งการรักและรับใช้ซึ่งกันและกัน ตามแบบอย่างขององค์พระคริสต์เจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

เสาร์ ส.ค. 11, 2012 6:00 pm

:s012:
ตอบกลับโพส