พระคำภีร์รายวันประจำเดือน ตุลาคม 2555

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:10 am

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2012
ฉลองนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู พรหมจารี


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 66:10-14

ท่านทั้งหลายจงยินดีกับกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายที่รักกรุงเยรูซาเล็ม จงชื่นชมกับกรุงนี้เถิด ท่านทั้งหลายที่เคยไว้ทุกข์ให้กรุงเยรูซาเล็ม จงร่วมยินดีกับกรุงนี้ด้วยความชื่นบานเถิด ท่านจะได้รับการปลอบโยนอย่างเต็มเปี่ยมจากกรุงเยรูซาเล็ม ทารกมีความยินดีเมื่อดูดนมจากทรวงอกของมารดาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะมีความยินดีจากความอุดมสมบูรณ์ของกรุงนี้ฉันนั้น
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะบันดาลให้สันติสุขหลั่งไหลมาสู่กรุงนี้เหมือนแม่น้ำ จะนำความมั่งคั่งของนานาชาติมายังกรุงนี้เหมือนสายน้ำที่กำลังล้นฝั่ง กรุงนี้จะอุ้มท่านทั้งหลายไว้ ให้ท่านดูดนม และหยอกล้อท่านบนตัก มารดาปลอบโยนบุตรฉันใด เราก็จะปลอบโยนท่านทั้งหลายฉันนั้น ท่านจะได้รับการปลอบโยนในกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายจะเห็น และใจของท่านจะโลดเต้นยินดี กระดูกของท่านจะสดชื่นขึ้นเหมือนหญ้าอ่อน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะทรงพระพิโรธต่อบรรดาศัตรู

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:1-4

ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า ‘ผู้ใดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์?’ พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็ก เล็กๆคนหนึ่งให้มายืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา แล้วตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็ก เล็กๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็กๆคนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์”

ข้อคิด

นักบุญเทเรซาซึ่งกำลังเราเทิดเกียรติ ได้สะท้อนภาพพระวรสารวันนี้ในชีวิตของท่าน อย่างน่าทึ่ง ท่านดำเนินชีวิตที่เปี่ยมด้วยความน่ารัก สดชื่น ใสซื่อ และมีสำนึกเช่นเด็ก ๆ เสมอว่า ท่านไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง ยังจำเป็นต้องพึ่งและรับความรักจากพระเจ้าเพื่อมีชีวิตอยู่รอด ท่านวางตนเสมือนลูกที่อยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระบิดาเสมอข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ลูกมีท่าทีความเป็นลูกดังเช่นนักบุญเทเรซา ที่เชื่อมั่นและวางชีวิตของลูกไว้ในความดูแลและห่วงใยของพระองค์เสมอไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:11 am

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2012
ระลึกถึงอารักขเทวดา

บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 23:20-23ก

พระเจ้าตรัสดังนี้ “เราจะส่งทูตสวรรคไปข้างหน้าท่าน เพื่อป้องกันท่านตามทาง และนำท่านไปถึงสถานที่ที่เราจัดเตรียมไว้ จงเคารพเชื่อฟังถ้อยคำของทูตสวรรค์นั้น อย่าต่อต้าน เพราะเขาทำไปในนามของเรา และจะไม่ยอมอภัยความผิดของท่านเลย แต่ถ้าท่านเชื่อฟังเขาและทำตามที่เราสั่งทุกประการ เราจะเป็นศัตรูกับศัตรูของท่าน เป็นปฏิปักษ์กับปฏิปักษ์ของท่าน ทูตสวรรค์ของเราจะเดินข้างหน้าและนำท่าน”

พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 18:1-5,10

ขณะนั้น บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลถามว่า “ผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์” พระเยซูเจ้าทรงเรียกเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งให้มายืนอยู่กลางกลุ่มพวกเขา แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านไม่กลับเป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่ถ่อมตนลงเป็นเหมือนเด็กเล็ก ๆ คนนี้ ผู้นั้นจะยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรสวรรค์

ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็ก ๆ เช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา “จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดา ๆ เหล่านี้คนใดเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า ตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์ พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์”

ข้อคิด

ความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ยิ่งใหญ่นัก พระองค์ทรงสร้างเรามาแต่ละคนในลักษณะที่ไม่เหมือนและไม่ซ้ำกัน ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงดูแลเอาใจใส่เราเป็นรายบุคคล และเป็นการเฉพาะ ผ่านทางอารักขเทวดา ซึ่งเดินหน้าและนำเรา ดังที่เราเทิดเกียรติท่านในวันนี้ เราจึงต้องตระหนักในคุณค่าชื่นชอบและขอบคุณพระเจ้า เสมอ

ข้าแต่พระเจ้า ขอกราบขอบพระคุณที่พระองค์ทรงสร้าง และปฏิบัติต่อลูกเป็นการเฉพาะโดยไม่ซ้ำกับผู้อื่น ลูกจะพยายามฟังและปฏิบัติต่อพระองค์ผ่านทางอารักขเทวดาของลูกเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:12 am

วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือโยบ โยบ 9:1-12,14-16

โยบตอบว่า “จริงอยู่ ข้าพเจ้ารู้อย่างที่ท่านพูด ว่าคนเราจะเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร ถ้าผู้ใดปรารถนาจะโต้เถียงกับพระองค์ ในหนึ่งพันครั้งผู้นั้นก็ตอบพระองค์ไม่ได้สักครั้งเดียว พระองค์ทรงพระปรีชารู้ทุกสิ่ง ทรงพระอานุภาพทำได้ทุกอย่าง ผู้ใดเล่าต่อต้านพระองค์แล้วรอดชีวิตอยู่ได้ พระองค์ทรงเคลื่อนย้ายภูเขาโดยที่ภูเขาไม่รู้ตัว เมื่อพระองค์กริ้ว ก็ทรงทำให้ภูเขาปั่นป่วน ทรงขยับแผ่นดินออกจากที่ และเสาของแผ่นดินก็สั่นสะเทือน ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทรงปิดผนึกดวงดาวไว้ไม่ให้ส่องแสง ทรงขึงท้องฟ้าแต่ลำพังพระองค์ ทรงพระดำเนินบนคลื่นของทะเล ทรงเนรมิตสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวทิศใต้ ทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเข้าใจได้ ทรงทำการอัศจรรย์นับไม่ถ้วน ดูซิ พระองค์ทรงผ่านมาใกล้ๆ แต่ข้าพเจ้ามองไม่เห็นพระองค์ พระองค์ทรงจากไป ข้าพเจ้าก็ไม่สังเกตเห็น ถ้าพระองค์ทรงหยิบฉวยสิ่งใด ใครจะขัดขวางพระองค์ได้ ใครจะทูลถามพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงทำอะไร’ แล้วข้าพเจ้าจะโต้ตอบพระองค์ได้อย่างไร จะเลือกถ้อยคำอะไรมาเถียงกับพระองค์ แม้ข้าพเจ้าไม่มีความผิด ข้าพเจ้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องขอพระกรุณาจากผู้พิพากษาของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าร้องทูลถามพระองค์ และพระองค์ทรงตอบ ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงฟังเสียงของข้าพเจ้า

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 9:57-62

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินตามทางพร้อมกับบรรดาศิษย์ ชายผู้หนึ่งทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะติดตามพระองค์ไปทุกแห่งที่พระองค์จะเสด็จ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่บุตรแห่งมนุษย์ไม่มีที่จะวางศีรษะ”

พระองค์ตรัสกับอีกคนหนึ่งว่า “จงตามเรามาเถิด” แต่เขาทูลว่า “ขออนุญาตให้ข้าพเจ้าไปฝังศพบิดาของข้าพเจ้าเสียก่อน” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงปล่อยให้คนตายฝังคนตายของตนเถิด ส่วนท่านจงไปประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้า”

อีกคนหนึ่งทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะตามพระองค์ไป แต่ขออนุญาตกลับไปร่ำลาคนที่บ้านก่อน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดที่จับคันไถแล้วเหลียวดูข้างหลัง ผู้นั้นก็ไม่เหมาะสมกับพระอาณาจักรของพระเจ้า”

ข้อคิด

บุคคล 3 ประเภทในพระวรสารวันนี้ปรารถนาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า แต่พอรู้ว่า การเป็นศิษย์พระองค์จะมีชีวิตที่ไม่สะดวกสบาย ไม่มีคำตอบสำเร็จรูป ต้องตัดขาดจากครอบครัวพวกเขาก็แสดงท่าทีไม่สู้ และหาทางเลี่ยง พระองค์จึงทรงท้าทายว่า การเป็นศิษย์พระองค์ จะต้องมีชีวิตเช่นชาวนา คือหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ต้องมุมานะ พากเพียรเดินหน้าเพื่อร่วมประกาศ คุณค่าพระอาณาจักรเรื่อยไป ใครท้อแท้และถอยหลังก็ไม่เหมาะสมเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ข้าแต่พระเยซูเจ้า ยามที่ลูกท้อแท้และท้อถอยในการเป็นศิษย์พระองค์ โปรด ให้ลูกมีกำลังใจและมองความยากลำบากเป็นการท้าทายเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:12 am

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2012
ระลึกถึง น.ฟรังซิส ชาวอัสซีซี


บทอ่านจากหนังสือโยบ โยบ 19:21-27

โยบกล่าวว่า“จงสงสารข้าพเจ้าเถิด เพื่อนเอ๋ย จงสงสารเถิด เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าได้ตีข้าพเจ้า ทำไมท่านทั้งหลายจึงเบียดเบียนข้าพเจ้า เหมือนกับที่พระเจ้าทรงกระทำเล่า ท่านทำร้ายเนื้อหนังของข้าพเจ้ายังไม่พออีกหรือ ข้าพเจ้าอยากให้ถ้อยคำของข้าพเจ้าถูกบันทึกไว้ อยากให้จารึกไว้ในหนังสือ อยากให้ใช้สิ่วเหล็กและตะกั่ว สลักไว้บนหินให้คงอยู่ตลอดไป ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้ว่าพระผู้ปกป้องข้าพเจ้าทรงพระชนม์อยู่ จะทรงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้ายบนฝุ่นดิน เมื่อหนังของข้าพเจ้าถูกทำลาย และไม่มีร่างกายอีกแล้ว ข้าพเจ้าจะเห็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเห็นพระองค์อยู่เคียงข้าง นัยน์ตาของข้าพเจ้าจะแลเห็นพระองค์ไม่ใช่อย่างคนแปลกหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกมีความมั่นใจเช่นนี้”


พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:1-12

ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง

เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น

เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว” แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า “แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้ปรักปรำท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น

ข้อคิด

ผู้ที่ปรารถนาเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าต้องพร้อมถูกส่งไปหาผู้คนทุกประเภทแม้มีผู้ประสงค์คิดทำร้ายเขา(เช่นสุนัขป่า) แต่เขาต้องไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้(เช่นแกะ)นำสันติและความยินดีไปให้กับทุกคน พร้อมทั้งมีสำนึกที่จะกระทำภารกิจช่วยบรรเทา และเยียวยาผู้เจ็บป่วยและมีปัญหาข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดให้ลูกมีสำนึกในแต่ละวันว่า พระองค์ทรงส่งลูกไปกระทำหน้าที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ยากและนำสันติไปให้แก่ผู้ที่พบเห็นเสมอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:12 am

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือโยบ โยบ 38:1,12-21,40:3-5

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโยบจากกลางลมพายุ ว่าตั้งแต่วันที่ท่านเกิดมา ท่านเคยสั่งรุ่งอรุณ และเคยกำหนดสถานที่ให้รุ่งอรุณอยู่หรือ รุ่งอรุณจะได้จับชายแผ่นดินไว้ และสลัดคนชั่วออกไป แผ่นดินเปลี่ยนไปเหมือนดินเหนียวถูกตราประทับ และมีสีต่าง ๆ เหมือนเสื้อผ้า แสงสว่างถูกถอนไปจากคนชั่ว เพราะแขนของเขาที่เงื้อขึ้นเพื่อทำร้ายย่อมถูกหัก ท่านเคยเข้าไปจนถึงตาน้ำแห่งทะเล หรือเดินเข้าไปในขุมลึกแล้วหรือ มีใครแสดงให้ท่านเห็นประตูแห่งความตาย หรือท่านได้เห็นประตูเงาแห่งความตายแล้วหรือ ท่านรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินหรือ ถ้าท่านรู้ทุกสิ่งแล้ว ก็จงบอกมา หนทางไหนนำไปสู่ที่พำนักของความสว่าง และที่ไหนเป็นสถานที่ของความมืด ท่านจะได้นำทั้งแสงสว่างและความมืดไปอยู่ในเขตแดนของตน หรืออย่างน้อยก็ชี้ทางให้มันกลับไปบ้านได้ แน่นอน ท่านต้องรู้ เพราะเวลานั้นท่านเกิดมาแล้ว จำนวนวันของท่านก็มากมาย

โยบทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่ใช่คนสำคัญ จะทูลตอบพระองค์ได้อย่างไร ข้าพเจ้าเอามือปิดปาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลครั้งหนึ่งแล้ว และจะไม่กราบทูลอีก ข้าพเจ้ากราบทูลสองครั้งแล้ว จะไม่กราบทูลต่อไป”


พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:13-16

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า“วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองโคราซิน วิบัติจงเกิดแก่เจ้า เมืองเบธไซดา ถ้าอัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นในเจ้าได้เกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว เขาเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบนั่งบนกองขี้เถ้ากลับใจเสียนานแล้ว ฉะนั้น เมืองไทระและเมืองไซดอนจะรับโทษเบากว่าเจ้าในวันพิพากษา

ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าจะยกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตายผู้ใดฟังท่าน ผู้นั้นฟังเรา ผู้ใดสบประมาทท่าน ผู้นั้นสบประมาทเรา ผู้ที่สบประมาทเรา ก็สบประมาทผู้ที่ทรงส่งเรามา”

ข้อคิด

พระเยซูเจ้าวาดภาพให้ศิษย์ของพระองค์ตระหนักว่า การประกาศพระอาณาจักรพระเจ้า จะไม่ราบรื่นและไม่ได้รับการต้อนรับเสมอไป แต่เขาต้องไม่เสียใจและตัดสินลงโทษคนเหล่านั้น เพราะเป็นหน้าที่ของพระเจ้าที่จะเป็นผู้พิพากษาลงโทษเอง ตรงกันข้ามเขาจะต้องกระทำหน้าที่ต่าง ๆ ในนามของพระเจ้าผู้ที่เลือกอยู่ข้างเขาเสมอ

ข้าแต่พระอาจารย์เจ้า พระองค์เคยประสบความยุ่งยาก และถูกต่อต้านในการนำพระเจ้ามาสถิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ขอโปรดให้ลูกเข้มแข็ง ยามที่ประสบปัญหาต่าง ๆ ด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:13 am

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม 2012
น.บรูโน พระสงฆ์


บทอ่านจากหนังสือโยบ โยบ 42:1-3,5-6,12-17

โยบทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า“ข้าพเจ้าเข้าใจว่าพระองค์ทรงกระทำได้ทุกสิ่ง ไม่มีผู้ใดขัดขวางพระประสงค์ของพระองค์ได้ พระองค์เคยตรัสถามว่า ‘ผู้นี้เป็นใครที่ใช้ถ้อยคำไร้ความรู้ ทำให้แผนการของเรามืดไป’ ข้าพเจ้าจึงพูดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ และเป็นสิ่งน่าพิศวงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะรู้ได้ ข้าพเจ้าเคยรู้จักพระองค์เพียงจากคำพูดของผู้อื่น แต่บัดนี้ดวงตาของข้าพเจ้าแลเห็นพระองค์ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอถอนคำพูดและเป็นทุกข์เสียใจโปรยฝุ่นดินและขี้เถ้าบนศีรษะ”

พระเจ้าทรงอวยพระพรชีวิตใหม่ของโยบมากกว่าชีวิตเดิม เขามีแกะหนึ่งหมื่นสี่พันตัว อูฐหกพันตัว โคเพศผู้หนึ่งพันคู่ และลาเพศเมียหนึ่งพันตัว เขามีบุตรชายเจ็ดคน และบุตรหญิงสามคน เขาเรียกชื่อบุตรหญิงคนแรกว่า “เยมีมาห์” คนที่สองว่า “เคสิยาห์” และคนที่สามว่า “เคเรนหัปปุค” ทั่วแผ่นดินไม่มีหญิงใดงดงามเท่ากับบุตรหญิงของโยบ บิดาให้เธอมีสิทธิรับมรดกเหมือนกับพี่ชายและน้องชายของเธอ

โยบยังมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกหนึ่งร้อยสี่สิบปี ได้เห็นบุตร หลาน เหลน ถึงสี่ชั่วอายุ แล้วโยบก็สิ้นชีวิตในวัยชราอันยาวนานและผาสุก

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:17-24

เวลานั้น ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคนกลับมาด้วยความชื่นชมยินดี ทูลว่า “พระเจ้าข้า แม้แต่ปีศาจก็ยังอ่อนน้อมต่อเราเดชะพระนามของพระองค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ จงฟังเถิด เราให้อำนาจแก่ท่านที่จะเหยียบงูและแมงป่อง มีอำนาจเหนือกำลังทุกอย่างของศัตรู ไม่มีอะไรจะทำร้ายท่านได้ อย่าชื่นชมยินดีที่ปีศาจอ่อนน้อมต่อท่าน แต่จงชื่นชมยินดีมากกว่าที่ชื่อของท่านจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว”

ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงปลาบปลื้มพระทัยเดชะพระจิตเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรทรงเปิดเผยให้รู้”

แล้วพระองค์ทรงหันพระพักตร์ไปยังบรรดาศิษย์ตรัสกับเขาโดยเฉพาะ “นัยน์ตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านเห็น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ประกาศกและกษัตริย์จำนวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้เห็นแต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง”

ข้อคิด

แม้บรรดาสานุศิษย์จะประสบความล้มเหลวบ้าง แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์ความสำเร็จ และเต็มเปี่ยมด้วยความยินดี พระองค์ทรงเตือนสติว่า ที่พวกเขาทำงานได้ผล ก็เพราะพระองค์ ทรงอยู่เบื้องหลัง ประทานพลังและอำนาจให้ พระองค์ยังทรงชวนบรรดาสานุศิษย์ให้ภาวนาสรรเสริญขอบพระคุณพระบิดาพร้อมกับพระองค์ ที่ได้ทรงโปรดให้บรรดาสานุศิษย์ผู้ต่ำต้อย ได้มีส่วนร่วม สร้างพระอาณาจักรของพระองค์บนโลกนี้ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกปรารถนาที่จะภาวนาสรรเสริญพระบิดาเจ้าบ่อย ๆ และสม่ำเสมอ พร้อมกับพระองค์ ดังที่พระองค์ได้ทรงเชิญชวนลูกในวันนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:13 am

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา



บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล ปฐก 2:18-24

องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าตรัสว่า “มนุษย์อยู่เพียงคนเดียวนั้น ไม่ดีเลย เราจะสร้างผู้ช่วยที่เหมาะกับเขาให้” องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจึงทรงเอาดินมาปั้นสัตว์ป่าทุกชนิดและนกทุกชนิดในท้องฟ้า ทรงนำสัตว์เหล่านี้มาให้มนุษย์ เพื่อดูว่าเขาจะตั้งชื่อมันว่าอย่างไร สัตว์แต่ละตัวจะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้ มนุษย์จึงตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยง นกในอากาศ และสัตว์ป่าทั้งหมด แต่มนุษย์ยังไม่พบผู้ช่วยที่เหมาะกับตน ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงทำให้มนุษย์หลับสนิท และขณะที่เขากำลังนอนหลับ ก็ทรงเอากระดูกซี่โครงของเขาออกมาหนึ่งซี่ และทรงบันดาลให้เนื้อปิดสนิท องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเอาซี่โครงนั้นมาสร้างหญิง แล้วทรงนำมาให้มนุษย์ มนุษย์จึงพูดว่า “นี่คือกระดูกจากกระดูกของฉัน และเนื้อจากเนื้อของฉัน นางจะมีชื่อว่าหญิง เพราะนางมาจากชาย” เพราะฉะนั้น ชายจะละบิดามารดาของตนไปผูกพันกับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 2:9-11

พี่น้อง แต่เราก็เห็นว่า พระเยซูเจ้าผู้ถูกลดฐานะลงต่ำกว่าทูตสวรรค์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทรงได้รับสิริรุ่งโรจน์และเกียรติยศเป็นมงกุฎ เพราะทรงยอมรับความตายดังนี้ โดยอาศัยพระหรรษทานของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงลิ้มรสความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน

พระเจ้าผู้ทรงสร้างและค้ำจุนทุกสิ่ง มีพระประสงค์จะนำบุตรจำนวนมากเข้ามารับพระสิริรุ่งโรจน์ จึงเป็นการเหมาะสมแล้วที่พระองค์จะทรงทำให้ผู้ที่นำมนุษย์ให้รอดพ้นนั้นสมบูรณ์โดยผ่านการทนทุกข์ทรมาน เพราะว่าทั้งผู้ประทานความศักดิ์สิทธิ์และผู้รับความศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาจากแหล่งเดียวกัน พระองค์จึงไม่ทรงอายที่จะเรียกคนเหล่านั้นว่าพี่น้อง

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:2-16

เวลานั้น ชาวฟาริสีบางคนทูลถามหวังจะจับผิดพระองค์ว่า ‘เป็นการถูกต้องหรือไม่ที่ชายจะหย่ากับภรรยา?’ พระองค์ทรงตอบเขาว่า ‘โมเสสได้บัญญัติไว้ว่าอย่างไร? เขาทูลตอบว่า ‘โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือหย่าร้างและหย่ากันได้’ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ‘เพราะใจดื้อหยาบกระด้างของท่าน โมเสสจึงได้เขียนบัญญัติข้อนี้ไว้ แต่เมื่อแรกสร้างโลกนั้นพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง เพราะฉะนั้น ชายจะละบิดามารดา และชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงรวมกันไว้ มนุษย์อย่าได้แยกเลย’ เมื่อกลับเข้าไปในบ้านแล้ว บรรดาศิษย์ทูลถามถึงเรื่องนี้อีก พระองค์จึงตรัสตอบว่า ‘ผู้ใดหย่าร้างภรรยา และแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาคนเดิม และถ้าหญิงคนหนึ่งหย่ากับสามีไปแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง ก็ทำผิดประเวณีเช่นเดียวกัน’

มีผู้นำเด็กเล็กๆมาเฝ้าพระเยซูเจ้าเพื่อทรงสัมผัสอวยพร แต่บรรดาศิษย์กลับดุว่าคนเหล่านั้น เมื่อทรงเห็นเช่นนี้ พระองค์ทรงรู้สึกกริ้ว ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า ‘ปล่อยให้เด็กเล็กๆมาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย’ แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเหล่านั้นไว้ ปกพระหัตถ์ และประทานพระพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:13 am

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 1:6-12

พี่น้อง ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรงเรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่นนั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดีของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเราหรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศแก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดย้ำสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า

พี่น้อง ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศไปแล้วนั้น มิใช่ข่าวที่มาจากมนุษย์ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้รับมาจากมนุษย์ มิได้เรียนรู้จากมนุษย์ แต่ได้รับจากการเปิดเผยของพระเยซูคริสตเจ้า

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:25-37

ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต”

ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้อง จึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา

วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”

ข้อคิด

ความรักมิใช่เป็นพระบัญญัติที่มีไว้ให้ท่องขึ้นใจ ราวกับว่า เมื่อท่องได้ก็มีความรักแล้ว ความรักมิใช่เป็นแต่เพียงความรู้สึก แต่ต้องแสดงออกเป็นการกระทำที่เห็นได้ชัด ดังเช่นชาวสะมาเรีย ในพระวรสาร ที่ได้ก้มลงช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ลงมือล้างและพันแผล พร้อมทั้งรับผิดชอบนำไป เยียวยารักษาต่อ จนกระทั่งบุคคลนั้นมีชีวิตเป็นปกติสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกจะปฏิบัติกิจการแห่งความรักโดยไม่มีเงื่อนไขต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่รอบข้างและกำลังรอคอยความรักอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:17 am

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม 2012
น.ดิโอนีซิโอ พระสังฆราชและเพื่อนมรณสักขี
น.ยอห์น เลโอนาร์ดี พระสงฆ์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 1:13-24

พี่น้อง ท่านทั้งหลายต้องเคยได้ยินเรื่องชีวิตในอดีตของข้าพเจ้า เมื่อยังยึดถือประเพณีของชาวยิวว่า ข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และพยายามทำลายด้วย ข้าพเจ้าก้าวหน้าในลัทธิยิวมากกว่าเพื่อนชาวยิวรุ่นเดียวกันหลายคน และมีจิตใจร้อนรนอย่างยิ่งในการรักษาประเพณีของบรรพบุรุษ

ครั้นแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษทานของพระองค์ และพอพระทัยที่จะสำแดงพระบุตรของพระองค์ในตัวข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศข่าวดีถึงพระบุตรแก่บรรดาคนต่างศาสนา ข้าพเจ้าไม่รีรอที่จะปรึกษากับมนุษย์ผู้ใดเลย หรือแม้แต่จะขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อพบกับผู้เป็นอัครสาวกก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าออกเดินทางไปยังอะราเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีก สามปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำความรู้จักกับเคฟาส และพักอยู่กับเขาเป็นเวลาสิบห้าวัน ข้าพเจ้าไม่พบอัครสาวกอื่น ๆ นอกจากยากอบ ผู้เป็นน้องชายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอสาบานเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนนี้ มิใช่ความเท็จ

หลังจากนั้น ข้าพเจ้าไปในเขตแดนซีเรียและซิลิเซีย พระศาสนจักรต่าง ๆ ในแคว้นยูเดียยังไม่เคยรู้จักหน้าข้าพเจ้าเลย เขาเหล่านั้นเคยแต่ได้ยินว่า “ผู้ที่เคยข่มเหงพวกเรา บัดนี้กลับมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามจะทำลาย” เขาเหล่านั้นจึงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะข้าพเจ้า

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:38-42

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้าคอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉันบ้าง”

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธา มารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุด ที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้”

ข้อคิด

สังคมปัจจุบันหยิบยื่นหลายสิ่งหลายอย่างให้เราเลือก เราจึงต้องเลือกทำสิ่งที่จำเป็น และสำคัญก่อน ส่วนสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่จำเป็น ต้องรอทำในโอกาสต่อไป มาร์ธาและมารีย์ ทำสิ่งที่ดีในการต้อนรับพระเยซูเจ้า แต่พระองค์ถือโอกาสเตือนให้เรารู้จักลำดับความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่เรากระทำ เราเคยให้ความสำคัญด้วยการนั่งใกล้ชิดพระองค์เหมือนมารีย์ เพื่อฟังพระองค์ ทรงบอกกล่าวถึงสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับชีวิตหรือไม่ หรือเรากระทำทุกอย่างยกเว้นสิ่งสำคัญที่ต้องกระทำ คือให้ความสำคัญแก่พระเจ้าเป็นอันดับแรก

ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดสอนให้ลูกฉลาดเท่าทัน และรู้จักจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ในการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยเทอญ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:18 am

วันพุธที่ 10 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 2:1-2,7-14

พี่น้อง สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้าขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มอีกพร้อมกับบารนาบัส และพาทิตัสไปด้วย ข้าพเจ้าไปตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย ชี้แจงให้บรรดาพี่น้องที่นั่นรู้ข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างศาสนา เล่าให้คนสำคัญฟังเป็นการส่วนตัว เพื่อข้าพเจ้าจะไม่วิ่งโดยไร้ประโยชน์

ยิ่งกว่านั้น บุคคลสำคัญเหล่านี้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบหน้าที่ให้ประกาศแก่ผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว เพราะพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เปโตรเป็นธรรมทูตไปพบผู้ที่เข้าสุหนัตแล้ว ก็ทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าไปพบคนต่างศาสนาเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อยากอบ เคฟาสและยอห์น ซึ่งได้รับความนับถือว่าเป็นหลัก รู้เรื่องพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็จับมือกับข้าพเจ้าและบารนาบัส แสดงความเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ตกลงกันว่า เราจะไปพบคนต่างศาสนา ส่วนพวกเขาจะไปพบผู้เข้าสุหนัตแล้ว เขาเหล่านี้ขอเพียงแต่ไม่ให้เราลืมคนยากจน คำขอนี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะทำอยู่แล้ว

เมื่อเคฟาสมาที่เมืองอันทิโอก ข้าพเจ้าคัดค้านเขาซึ่ง ๆ หน้าเพราะเขาเป็นฝ่ายผิด เพราะก่อนที่คนของยากอบจะมา เคฟาสกินอาหารร่วมกับคนต่างชาติ แต่ครั้นพวกนั้นมา เขาก็ปลีกตัว และแยกออกมาเพราะกลัวพวกที่เข้าสุหนัต ชาวยิวคนอื่นจึงแสร้งทำตามเขาบ้าง แม้กระทั่งบารนาบัสเองก็หลงแสร้งทำตามพวกเขาไปด้วย

เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเขาเหล่านั้นประพฤติตนไม่ถูกต้องตามความหมายแท้จริงของข่าวดี ข้าพเจ้าพูดกับเคฟาสต่อหน้าทุกคนว่า “ท่านเป็นชาวยิว ยังประพฤติตนอย่างคนต่างชาติ มิใช่อย่างชาวยิว แล้วเหตุไฉนท่านจึงบังคับคนต่างชาติให้ประพฤติตนอย่างชาวยิวเล่า

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:1-4

วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า“ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การประจญ”

ข้อคิด

บรรดาสาวกมีประสบการณ์ว่าพระเยซูเจ้าทรงภาวนาบ่อย ๆ และสม่ำเสมอ จึงขอพระองค์ สอนให้รู้จักภาวนา พระองค์จึงสอนพวกเขาให้สวดภาวนา บทข้าแต่พระบิดา ซึ่งมีแนวทางไว้ 5 ประการคือ ขอให้พระนามพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ ให้พระองค์เสด็จมาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ให้มีอาหารประจำวันพอเพียง ให้พระองค์อภัยโทษแก่เราและอย่าให้ถูกผจญเกินกำลัง
ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดให้ลูกมิใช่เพียงภาวนาบทข้าแต่พระบิดานี้บ่อย ๆ เท่านั้น แต่นำไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:18 am

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 3:1-5

ชาวกาลาเทียโง่เขลาเอ๋ย ใครสะกดท่านให้มึนงงไปได้ทั้ง ๆ ที่ภาพของพระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน ปรากฏอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว ข้าพเจ้าอยากรู้จากท่านเพียงข้อเดียวเท่านั้นว่า ท่านได้รับพระจิตเจ้าเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติหรือเพราะท่านเชื่อการประกาศข่าวดี ท่านโง่เขลาถึงเพียงนี้เทียวหรือ ท่านเริ่มต้นด้วยพระจิตเจ้า แต่บัดนี้ท่านจะมาจบลงด้วยการกระทำตามธรรมชาติอีก ประสบการณ์มากมายที่ท่านได้รับมานั้นไร้ประโยชน์เสียแล้วหรือ ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียแล้วจริง ๆ พระองค์ผู้ประทานพระจิตเจ้าให้ท่าน และทรงแสดงการอัศจรรย์ต่าง ๆ ในหมู่ท่านทั้งหลาย ทรงกระทำเช่นนั้นเพราะท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ หรือเพราะท่านยอมเชื่อการประกาศข่าวดี


พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:5-13

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน” สมมติว่าเพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า “อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิดแล้ว ลูก ๆ กับฉันก็เข้านอนแล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ลุกขึ้นให้ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะถูกรบเร้า

เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทนปลาหรือ ถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดี ๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”

ข้อคิด

ความรักและความสัมพันธ์ที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ เป็นลักษณะแบบพ่อลูก เราจึงต้องภาวนาด้วยท่าทีแบบที่ลูกต้องมีต่อพ่อ โดยมั่นใจว่า พ่อต้องประทานสิ่งดีงามให้แก่ลูกเสมอ วันนี้พระเยซูเจ้าทรงเน้นว่าพระบิดาและพระองค์ประทานพระจิตเจ้า ให้เป็นของขวัญล้ำค่าที่ยิ่งใหญ่แก่เราซึ่งเป็นลูก พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานความสว่าง ความรอบรู้ และความคิดอ่าน ช่วยให้เราเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ พร้อมทั้งได้รับสิ่งจำเป็นและดีงาม สำหรับการดำเนินชีวิตที่มีคุณค่าและความหมาย
ข้าแต่พระจิตเจ้า โปรดเสด็จมาสถิตประทับในชีวิตของลูกเถิด พระองค์คือทุกสิ่งทุกอย่างของลูก
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:18 am

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 3:7-14

พี่น้อง ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า คนที่มีความเชื่อนั่นแหละคือบุตรของอับราฮัม พระคัมภีร์เห็นล่วงหน้าแล้วว่าพระเจ้าจะโปรดให้คนต่างศาสนาเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อ พระองค์จึงทรงประกาศข่าวดีล่วงหน้าแก่อับราฮัมว่า อาศัยท่านนานาชาติจะได้รับพระพร ดังนั้น ผู้ที่มีความเชื่อจึงได้รับพระพรร่วมกับอับราฮัมผู้มีความเชื่อ

ผู้ใดที่พึ่งการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติย่อมถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ทุกคนที่ไม่ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติย่อมถูกสาปแช่ง เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้เพราะธรรมบัญญัติ เพราะผู้ชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่โดยความเชื่อ ธรรมบัญญัติมิได้มาจากความเชื่อ ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติก็จะพบชีวิตอาศัยการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติเหล่านั้น พระคริสตเจ้าทรงไถ่กู้เราให้รอดพ้นจากการสาปแช่งของธรรมบัญญัติโดยทรงถูกสาปแช่งแทนเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ทุกคนที่ถูกแขวนประจานบนต้นไม้ จงถูกสาปแช่ง เพื่อพระพรที่อับราฮัมได้รับจะได้ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้าไปถึงคนต่างศาสนาด้วย เพื่อเราจะได้รับพระจิตเจ้าตามพระสัญญาโดยอาศัยความเชื่อ

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:14-26

เวลานั้น พระเยซูเจ้ากำลังทรงขับไล่ปีศาจซึ่งทำให้คนเป็นใบ้ เมื่อปีศาจออกไปแล้ว คนใบ้ก็พูดได้ ประชาชนต่างประหลาดใจ บางคนกล่าวว่า “เขาขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล เจ้าแห่งปีศาจนั่นเอง” บางคนต้องการจับผิดพระองค์ จึงขอให้พระองค์ทรงแสดงเครื่องหมายจากสวรรค์

พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “อาณาจักรใดแตกแยกภายใน อาณาจักรนั้นย่อมพินาศ บ้านเรือนย่อมพังทลายทับกัน ถ้าซาตานแตกแยกกันเอง อาณาจักรของมันจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เพราะท่านบอกว่า เราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของเบเอลเซบูล พวกพ้องของท่านขับไล่มันด้วยอำนาจของใครเล่า พวกพ้องของท่านจะเป็นผู้ตัดสินลงโทษท่าน แต่ถ้าเราขับไล่ปีศาจด้วยอำนาจของพระเจ้า ก็หมายความว่าพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงท่านแล้ว เมื่อคนแข็งแรงมีอาวุธครบมือเฝ้าบ้านของตน ทรัพย์สมบัติของเขาก็ปลอดภัย แต่ถ้าผู้ใดแข็งแรงกว่าเข้ามาโจมตีและเอาชนะเขาได้ ก็ย่อมริบอาวุธที่เขามั่นใจนั้น และแบ่งปันข้าวของที่ปล้นได้

ผู้ใดไม่อยู่กับเรา ย่อมเป็นปฏิปักษ์กับเรา ใครไม่รวบรวมสิ่งต่าง ๆ ไว้กับเรา ย่อมทำให้สิ่งเหล่านั้นกระจัดกระจายไป
เมื่อปีศาจออกไปจากมนุษย์แล้ว มันท่องเที่ยวไปในที่แห้งแล้งเพื่อหาที่พัก เมื่อไม่พบมันจึงคิดว่า “ข้าจะกลับไปยังบ้านที่ข้าจากมา” เมื่อกลับมาถึง มันพบว่าบ้านนั้นปัดกวาดตกแต่งไว้เรียบร้อย มันจึงไปพาปีศาจอีกเจ็ดตนที่ชั่วร้ายยิ่งกว่ามันเข้ามาอาศัยที่นั่น สภาพสุดท้ายของมนุษย์ผู้นั้นจึงเลวร้ายกว่าเดิม”

ข้อคิด

ปีศาจมีพลังและอำนาจสามารถทำลายเราได้ แม้พระเจ้าเคยช่วยให้เราหลุดพ้นแล้ว แต่เราก็ต้องไม่ชะล่าใจ ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกระแสโลก มิฉะนั้นปีศาจจะเข้าครอบครองและครอบงำ ชีวิต ทำให้เรามีอาการแย่กว่าที่เคย ดังนั้นเราจึงต้องเตือนสติตนเองและตัดสินใจเลือกอยู่ฝ่ายพระเจ้าเสมอ เพราะบางทีปีศาจมีเล่ห์กลที่จะดึงเราไปเป็นพวกของมัน และทำให้เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า โดยไม่รู้ตัว ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอเลือกอยู่ฝ่ายพระองค์เสมอ ขอพระองค์เลือกอยู่ฝ่ายลูกเสมอไปด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:19 am

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 3:22-29

พี่น้อง พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกสิ่งถูกจองจำไว้ใต้อำนาจแห่งบาป เพื่อพระสัญญาจะประทานให้แก่ผู้ที่มีความเชื่อเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า

ก่อนที่ความเชื่อจะมาถึง ธรรมบัญญัติควบคุมดูแลเราอย่างเคร่งครัด จนกว่าความเชื่อจะถูกเปิดเผย ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงเป็นเหมือนครูพี่เลี้ยง นำเราไปพบพระคริสตเจ้า เพื่อเราจะได้เป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ แต่เมื่อความเชื่อมาถึงแล้ว เราก็ไม่ถูกครูพี่เลี้ยงควบคุมดูแลอีกต่อไป ท่านทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู เพราะท่านทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปในพระคริสตเจ้า ก็สวมพระคริสตเจ้าไว้ ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่มีทาสหรือไทย ไม่มีชายหรือหญิงอีกต่อไป เพราะท่านทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู และถ้าท่านเป็นของพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านก็เป็น “เชื้อสาย” ของอับราฮัม เป็นทายาทตามพระสัญญา

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:27-28

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังตรัสอยู่นั้น สตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นในหมู่ประชาชนว่า “หญิงที่ให้กำเนิดและให้นมเลี้ยงท่านช่างเป็นสุขจริง” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “คนทั้งหลายที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามย่อมเป็นสุขกว่านั้นอีก”

ข้อคิด

วันนี้เป็นวันเสาร์ วันของพระแม่ พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าได้ประทานเกียรติอันสูงสุดแก่พระแม่ เพราะไม่มีใครแล้วที่ฟังและปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า ได้ดีเท่ากับพระแม่ ในเวลาเดียวกัน พระองค์ประทานเกียรติให้เราเป็นคนสนิทของพระองค์ด้วย หากเราฟังและปฏิบัติพระวาจาของพระเจ้าเช่นพระแม่ และประการสำคัญคือ เราจะเป็นผู้มีความสุขอย่างแท้จริงข้าแต่พระแม่ โปรดสอนลูกให้มีชีวิตปฏิบัติตามพระวาจาเฉกเช่นพระแม่ เพื่อลูกจะได้ มีความสุขเป็นลูกของพระแม่ และเป็นคนสนิทของพระเยซูเจ้าเสมอไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:19 am

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรมดา


บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ 7:7-11

ข้าพเจ้าอธิษฐานขอความรอบรู้ แล้วพระเจ้าก็ประทาน ข้าพเจ้าวอนขอ แล้วจิตแห่งปรีชาญาณก็มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าประมาณค่าปรีชาญาณเหนือกว่าคทาและราชบัลลังก์ ข้าพเจ้าคิดว่าทรัพย์สมบัติไม่มีค่าใดเลยเมื่อเปรียบกับปรีชาญาณ แม้เพชรล้ำค่า ข้าพเจ้าคิดว่าด้อยกว่าปรีชาญาณ ทองทั้งโลก เมื่อเปรียบกับปรีชาญาณ ก็เหมือนทรายหยิบมือเดียว เงิน เมื่อเปรียบกับปรีชาญาณ ก็เหมือนดินโคลน ข้าพเจ้ารักปรีชาญาณมากกว่าสุขภาพและความสวยงาม ข้าพเจ้าคิดว่าปรีชาญาณมีค่ามากกว่าแสงสว่าง เพราะรังสีของปรีชาญาณไม่มีวันอับแสง สิ่งดีทั้งหลายมาถึงข้าพเจ้าพร้อมกับปรีชาญาณ ทรัพย์สมบัติล้ำค่าอยู่ในมือของปรีชาญาณ

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:12-13

พี่น้อง พระวาจาของพระเจ้า เป็นพระวาจาที่มีชีวิตและบังเกิดผล คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุเข้าไปถึงจุดที่วิญญาณและจิตใจแยกจากกัน ถึงเส้นเอ็นและไขกระดูก สามารถวินิจฉัยความรู้สึกนึกคิดภายในใจ จึงไม่มีสรรพสิ่งใดๆซ่อนเร้นไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่ทุกสิ่งเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสายพระเนตรของพระผู้ซึ่งเราจะต้องทูลถวายรายงาน

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:17-30

เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงพระดำเนินอยู่ระหว่างทาง ชายคนหนึ่งรีบเข้ามาคุกเข่าลง ทูลถามว่า ‘พระอาจารย์ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร?’ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ทำไมเรียกเราว่าผู้ทรงความดี? ไม่มีใครทรงความดีนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ท่านก็รู้จักบทบัญญัติแล้ว คือ อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณี อย่าลักขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกง จงนับถือบิดามารดา’ ชายผู้นั้นทูลว่า ‘พระอาจารย์ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติเหล่านี้ทุกข้อมาตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว’ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วยพระทัยเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า ‘ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด’ เมื่อได้ฟังพระวาจานี้ ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเป็นทุกข์ แล้วจากไป เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมากมาย

พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรโดยรอบ แล้วตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า ‘ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า!’ บรรดาศิษย์แปลกใจต่อพระวาจานี้ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอีกว่า ‘ลูกเอ๋ย ยากจริงหนอที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า! อูฐจะลอดรูเข็มยังง่ายกว่าคนมั่งมีเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า’ บรรดาศิษย์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น พูดกันว่า ‘ดังนี้ ใครเล่าจะสามารถรอดพ้นได้?’ พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์แล้วตรัสว่า ‘สำหรับมนุษย์เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าเป็นเช่นนั้นได้ เพราะพระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง’

เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่ง และติดตามพระองค์แล้ว’ พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ไม่มีใครที่ละทิ้งบ้านช่อง พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นาเพราะเห็นแก่เรา และเพราะเห็นแก่ข่าวดี จะไม่ได้รับตอบแทนร้อยเท่า ณ บัดนี้ เขาจะได้บ้านช่อง พี่น้องชายหญิง มารดา บุตร ไร่นา พร้อมกับการเบียดเบียนในโลกนี้ และในโลกหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร

ข้อคิด

วัยรุ่นเป็นวัยร้อนวัยแรงวัยเร็ว ดังเช่นชายหนุ่มในพระวรสารวันนี้ แม้เป็นคนดีและคนรวย ระดับหนึ่ง แต่ก็รีบเข้ามาพบพระเยซูเจ้า พร้อมทั้งป้อนคำถามแสดงความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่มีความหมาย และมีคุณค่ากว่าที่เป็นอยู่ แต่น่าเสียดาย เขาไม่สามารถตอบสนองคำท้าทาย ของพระเยซูเจ้า ที่ให้เขาลืมตนเองและคิดถึงผู้อื่น เขาได้จากพระองค์ไปด้วยหน้าตาเป็นทุกข์ และเศร้าสลด ถึงกระนั้นพระวาจาประโยคหนึ่งกล่าวว่า “พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเขาด้วย พระทัยเอ็นดู” อันเป็นท่าทีที่พระเยซูเจ้าได้มอบให้เรากระทำต่อไปต่อบรรดาวัยรุ่นทั้งหลาย ซึ่งมีท่าทีดังเช่นชายหนุ่มในพระวรสาร กล่าวคือเราต้องมองบรรดาวัยรุ่นด้วยสายตาที่เอ็นดูและท้าทายพวกเขาแทนพระเยซูเจ้าต่อไปข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกจะนำสายพระเนตรด้วยพระทัยเอ็นดูของพระองค์ไปสู่บรรดาวัยรุ่นทั้งหลายเป็นการท้าทายพวกเขาแทนพระองค์เสมอไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:20 am

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2012
ระลึกถึง น.เทเรซา แห่งอาวีลา พรหมจารีและนักปราชญ์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 4:22-24,26-27,31-5:1

พี่น้อง มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าอับราฮัมมีบุตรสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงที่ไม่เป็นทาส เด็กที่เกิดมาจากหญิงทาสนั้นเกิดมาตามธรรมชาติ ส่วนเด็กที่เกิดจากหญิงที่ไม่เป็นทาสนั้นเกิดมาตามพระสัญญา เรื่องนี้กล่าวไว้เป็นอุปมา หญิงสองคนนี้หมายถึงพันธสัญญาทั้งสองฉบับ ฉบับหนึ่งจากภูเขาซีนาย คือนางฮาการ์ ซึ่งให้กำเนิดบุตรมาเป็นทาส

แต่กรุงเยรูซาเล็มที่อยู่เบื้องบนนั้นไม่เป็นทาส และเป็นมารดาของเรา เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงชื่นชมเถิด หญิงหมันผู้ไม่มีบุตร จงเปล่งเสียงโห่ร้องเถิด ท่านที่ไม่เคยเจ็บครรภ์คลอดบุตร เพราะบุตรของหญิงที่ถูกทอดทิ้งมีมากกว่าบุตรของหญิงที่ยังมีสามีอยู่ด้วย

เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เรามิใช่บุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่ไม่เป็นทาส พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:29-32

เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำหรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำหรับคนยุคนี้ฉันนั้น

ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่ มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่ มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก”

ข้อคิด

ขณะที่เรากำลังเดินผิดทาง ซึ่งนำไปสู่ความหายนะในชีวิต หากมีเสียงเชิญชวนให้เรา หันกลับมาเริ่มเส้นทางที่ถูกต้อง เสียงดังกล่าวย่อมเป็นเสียงแห่งความรักที่แท้จริง พระเจ้าทรงรักเรา โปรดให้มีผู้คนและเหตุการณ์รอบข้าง เตือนสติเราให้สำนึกว่าเราเลือกเดินทางผิด แต่น่าเสียดายที่เราไม่รู้จักฟังและอ่านเครื่องหมายแห่งความรัก ที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้กลับใจ จนกระทั่งเกิดความเสียหายบ่อยครั้งในชีวิต

ข้าแต่พระเจ้า ขอกราบขอบพระคุณพระองค์ ที่ทรงเรียกลูกให้หันกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ขอโปรด ให้ลูกพร้อมที่จะกระทำหน้าที่เฉกเช่นโยนาห์ เชิญชวนผู้อื่นให้กลับใจมาหาพระองค์เช่นเดียวกันด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:20 am

วันอังคารที่ 16 ตุลาคม 2012
น.เฮดวิก นักพรต น.มาร์การีตา มารีย์ อาลาก๊อก พรหมจารี


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 5:1-6

พี่น้อง พระคริสตเจ้าทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระแล้ว ฉะนั้น จงยืนหยัดมั่นคง และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
จงฟังเถิด ข้าพเจ้า เปาโลขอบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านเข้าสุหนัต พระคริสตเจ้าก็จะไม่มีประโยชน์อะไรกับท่าน ข้าพเจ้าขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับทุกคนที่เข้าสุหนัตว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติทุกข้อด้วย ท่านที่คิดว่าเป็นผู้ชอบธรรมอาศัยธรรมบัญญัติ ก็แยกตัวออกไปจากพระคริสตเจ้า และขาดจากพระหรรษทาน ส่วนเรานั้น พระจิตเจ้าทรงนำเราให้รอคอยความชอบธรรมที่หวังจะได้รับจากความเชื่อ เพราะในพระคริสตเยซูนั้น การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัตนั้นไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญก็คือมีความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำอาศัยความรัก

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:37-41

เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสจบแล้ว ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระองค์ไปเสวยพระกระยาหารที่บ้าน พระองค์จึงเสด็จเข้าไปประทับที่โต๊ะ ชาวฟาริสีคนนั้นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าพระองค์ไม่ได้ทรงล้างพระหัตถ์ตามธรรมเนียมก่อนเสวยพระกระยาหาร

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “ชาวฟาริสีเอ๋ย ท่านล้างถ้วยชามด้านนอก แต่ใจของท่านเต็มไปด้วยของที่ขโมยมาและความชั่วร้าย คนโง่เอ๋ย พระเจ้าผู้ทรงสร้างภายนอก มิได้ทรงสร้างภายในด้วยหรือ ถ้าจะให้ดีแล้ว จงให้สิ่งที่อยู่ภายในเป็นทานเถิด แล้วทุกสิ่งก็จะสะอาดสำหรับท่าน”

ข้อคิด

ในพระคัมภีร์มีกล่าวว่า “มนุษย์มองดูภายนอก แต่พระเจ้าทรงมองทะลุจิตใจ” มนุษย์ล้างถ้วยชาม ล้างมือ อาบน้ำกันทุกวัน ทำความสะอาดแต่ภายนอก แต่ม่านใจชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์จากบาปและความชั่วช้าต่าง ๆ ให้เรามีสายตาอย่างพระเจ้า มองอย่างพระเจ้า สนใจภายใน มิใช่ภายนอกเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:20 am

วันพุธที่ 17 ตุลาคม 2012
ระลึกถึง น.อิกญาซีโอ ชาวอันติโอก พระสังฆราชและมรณสักขี


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย กท 5:18-25

พี่น้อง ถ้าท่านมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ ท่านก็ไม่อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ กิจการของธรรมชาติมนุษย์นั้นปรากฏชัดแจ้ง คือ การผิดประเวณี ความลามกโสมม การปล่อยตัวตามราคตัณหา การกราบไหว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก การเมามาย การสำมะเลเทเมา และอีกหลายประการในทำนองเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งดังที่เคยเตือนมาแล้วว่า ผู้ที่ประพฤติตนเช่นนี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก

ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง เรื่องเหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย ผู้ที่เป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้ว ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจงดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 11:42-46

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า“วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ สมุนไพรและผักทุกชนิด แต่ละเลยความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า บทบัญญัติเหล่านี้จำเป็นต้องปฏิบัติโดยไม่ละเว้นบทบัญญัติอื่น ๆ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน บรรดาชาวฟาริสี ท่านชอบนั่งแถวหน้าในศาลาธรรม และชอบให้ผู้คนคำนับตามลานสาธารณะ วิบัติจงเกิดแก่ท่าน ท่านเป็นเหมือนหลุมศพที่มองไม่เห็น คนจะเดินเหยียบไปโดยไม่รู้’นักกฎหมายคนหนึ่งจึงทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ ท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็สบประมาทพวกเราด้วย’ พระองค์ตรัสตอบว่า ‘ท่านนักกฎหมายทั้งหลาย วิบัติจงเกิดแก่ท่านด้วย ท่านให้ผู้อื่นแบกสัมภาระหนักเกินกำลัง แต่ท่านไม่ยอมแม้แต่จะใช้นิ้วแตะต้องสัมภาระนั้น’

ข้อคิด

นักบุญเปาโลเตือนเราว่า กิจการธรรมชาติของมนุษย์ คือการปล่อยตัวตามราคะตัณหา การแตกแยก ฯลฯ ผู้ที่ประพฤติตนเช่นนี้จะไม่ได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก ผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า ก็ตรึงธรรมชาติของตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขน และดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า ให้พระจิตเจ้าเป็นผู้นำทาง ก็จะไม่ประพฤติปฏิบัติอย่างชาวฟาริสี หรือนักกฎหมายที่ละเลยความยุติธรรมและความรักที่พระคริสตเจ้าประณาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:20 am

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม 2012
ฉลอง น.ลูกา ผู้นิพนธ์พระวรสาร


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงทิโมธี ฉบับที่สอง 2 ทธ 4:10-17

ลูกที่รักยิ่ง เดมาสละทิ้งข้าพเจ้าไปแล้วเพราะเขารักโลกนี้ และไปที่เมืองเธสะโลนิกา ส่วนเครสเซนซ์ไปยังแคว้นกาลาเทีย และทิตัสไปยังแคว้นดาลมาเธีย เหลือเพียงลูกาที่ยังอยู่กับข้าพเจ้า จงพามาระโกไปกับท่านด้วย เพราะเขามีประโยชน์สำหรับข้าพเจ้าในการปฏิบัติศาสนบริการ ข้าพเจ้าส่งทีคิกัสไปยังเมืองเอเฟซัส เมื่อท่านจะไป จงนำเสื้อคลุมที่ข้าพเจ้าทิ้งไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสติดไปด้วย รวมทั้งม้วนหนังสือ โดยเฉพาะม้วนที่ทำด้วยหนังสัตว์ อาเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงทำร้ายข้าพเจ้าไว้มาก องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตอบแทนเขาตามการกระทำของเขา จงระวังเขาด้วย เพราะเขาต่อต้านคำพูดของข้าพเจ้าอย่างมาก

การสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้าไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 10:1-9

ต่อจากนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคน และทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์เป็นคู่ ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า “พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว”

ข้อคิด

พระคริสตเจ้านอกจากเลือกอัครสาวก 12 องค์แล้ว ยังทรงเลือกสาวกอีก 72 องค์เพื่อช่วยพระองค์ทำงาน ไปเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์ บรรดาอัครสาวก ธรรมทูตก็ทำงานประกาศพระอาณาจักรท่ามกลางสุนัขป่า นำข่าวดี สันติสุขแก่ทุกคน 2000 ปีผ่านไป ก็ยังไม่ได้ผลเท่าไร โดยเฉพาะในเอเชีย อัฟริกา และในประเทศไทย เราพระสงฆ์ นักบวช ฆราวาส ทำอะไรบ้างเพื่อพระอาณาจักรในประเทศของเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:21 am

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2012
น.ยอห์นแห่งเบรเบิฟ และ น.อิสอัค โยเกอ
พระสงฆ์และเพื่อนมรณสักขี น.เปาโล แห่งไม้กางเขน พระสงฆ์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:11-14

พี่น้อง ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น

เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นผู้ที่ได้หวังในพระคริสตเจ้าก่อนที่พระองค์จะเสด็จมา ในองค์พระคริสตเจ้านี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ได้ฟังพระวาจาแห่งความจริง คือข่าวดีอันนำความรอดพ้นมาให้ ท่านได้เชื่อแล้ว จึงได้รับพระจิตเจ้า ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้นั้นเป็นตราประทับ และเป็นประกันของมรดกที่เราจะได้รับ เพื่อปลดปล่อยเราให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์


พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:1-7

เวลานั้น ขณะที่ประชาชนนับพัน ๆ คนพากันเบียดเสียดจนเกือบจะเหยียบกัน พระเยซูเจ้าทรงเริ่มตรัสกับบรรดาศิษย์ก่อนว่า ‘จงระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาวฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคดของเขา ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้นจะไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะมีผู้ได้ยินในที่แจ้ง สิ่งที่ท่านกระซิบที่หูภายในห้องจะถูกประกาศบนดาดฟ้าของบ้าน

‘เรากล่าวแก่ท่านที่เป็นมิตรของเราว่า อย่าเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กายและหลังจากนั้นก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่าท่านต้องเกรงกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าแล้วยังมีอำนาจโยนท่านลงไปในนรกด้วย ใช่แล้ว เราบอกท่านทั้งหลาย จงเกรงกลัวผู้นี้เถิด นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าทรงเตือนเราให้ระวังเชื้อแป้งของบรรดาชาวฟาริสี คือ ความหน้าซื่อใจคด แต่ให้เราซื่อสัตย์ต่อพระองค์ ต่อผู้อื่นและต่อตนเอง นอกนั้นยังทรงเตือนเราอย่างเกรงกลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่จงเกรงกลัวผู้ที่มีอำนาจโยนเราลงไปในนรก แต่ก็ทรงบรรเทาใจเราไว้ไว้วางใจในพระเจ้าที่ดูแลเอาพระทัยใส่เราด้วยพระทัยเมตตา เพราะเรามีค่ามากกว่านกกระจอกมากมาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:21 am

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 1:15-23

พี่น้อง เมื่อข้าพเจ้ารู้ถึงความเชื่อของท่านทั้งหลายในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และรู้ถึงความรักที่ท่านมีต่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกคน ข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อท่าน และระลึกถึงท่านทั้งหลายในคำอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ประทานพระพรแห่งปรีชาญาณและการเปิดเผยให้แก่ท่านเดชะพระจิตเจ้า เพื่อท่านจะได้รู้ซึ้งถึงพระองค์ดียิ่งขึ้น ขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นล้ำเลิศเพียงใด พระอานุภาพและพละกำลังนี้ พระองค์ทรงแสดงในองค์พระคริสตเจ้า เมื่อทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์ เหนือเทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนายและเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ทั้งในภพนี้และในภพหน้า พระเจ้าทรงวางทุกสิ่งไว้ใต้พระบาทของพระคริสตเจ้า และทรงแต่งตั้งพระคริสตเจ้าไว้เหนือสรรพสิ่ง ให้ทรงเป็นศีรษะของพระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระวรกายของพระองค์ เป็นความบริบูรณ์ของพระผู้ทรงอยู่ในทุกสิ่งและทรงกระทำให้ทุกสิ่งบริบูรณ์

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:8-12

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“เราบอกท่านทั้งหลายว่าทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรแห่งมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้า แต่ผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธไม่ยอมรับต่อหน้าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วยเช่นเดียวกัน

ทุกคนที่กล่าวร้ายต่อบุตรแห่งมนุษย์จะได้รับการอภัย แต่ผู้ที่กล่าวร้ายต่อพระจิตเจ้าจะไม่ได้รับการอภัยเลย
เมื่อเขาจะนำท่านไปยังศาลาธรรมต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำนาจ ท่านทั้งหลายอย่าวิตกกังวลว่าจะหาเหตุผลป้องกันตัวอย่างไรหรือจะพูดอะไร เพราะพระจิตเจ้าจะทรงสอนท่านในเวลานั้นว่าจะต้องพูดอะไร”

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าทรงส่งพระจิตเจ้ามาอยู่กับเรา เพื่อจะได้เป็นพยานถึงพระองค์ ในยามต้องขึ้นโรงขึ้นศาลว่าจะต้องพูดอะไร พูดอย่างไร ให้เรามีความศรัทธาต่อพระจิตเจ้า ให้พระจิตเจ้านำทาง อย่าให้พระจิตเป็นพระที่ถูกลืม อย่างกล่าวร้ายต่อพระจิตเจ้า เพราะจะไม่ได้รับการอภัย ให้เรายอมรับความจริงและกลับใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:21 am

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย 53:10-11

ถึงกระนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัยให้เขาถูกขยี้ด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อเขามอบตนเพื่อชดเชยบาป เขาจะได้เห็นลูกหลาน จะมีอายุยืน พระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะสำเร็จไปอาศัยเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า “หลังจากที่เขาประสบความทรมานแล้ว เขาจะได้เห็นแสงสว่างและจะพอใจ ความรู้ของผู้รับใช้ที่ชอบธรรมของเรา จะนำความชอบธรรมมาให้แก่คนจำนวนมาก เขาจะรับความผิดของคนทั้งหลายไว้เอง”

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 4:14-16

พี่น้อง ในเมื่อเรามีมหาสมณะยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งผ่านเข้าสู่สวรรค์แล้ว คือพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เรายึดมั่นอยู่ในการแสดงความเชื่อของเราเถิด เพราะเหตุว่าเรามิได้มีมหาสมณะที่ไม่สามารถร่วมทุกข์กับเราผู้อ่อนแอ แต่เรามีมหาสมณะผู้ได้ผ่านการทดลองทุกอย่างเหมือนกับเรา ยกเว้นบาป ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ


พระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:35-45

เวลานั้น ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี เข้ามาทูลพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ ข้าพเจ้าทั้งสองปรารถนาให้พระองค์ทรงกระทำตามที่ข้าพเจ้าจะขอนี้’ พระองค์ตรัสถามว่า ‘ท่านปรารถนาให้เราทำสิ่งใด?’ ทั้งสองทูลตอบว่า ‘ขอโปรดให้ข้าพเจ้าคนหนึ่งนั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายของพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์เถิด’ พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านสามารถดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่?’ ทั้งสองทูลว่า ‘ได้ พระเจ้าข้า’ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ถ้วยที่เราจะดื่มนั้น ท่านจะได้ดื่ม และการล้างที่เราจะรับนั้น ท่านก็จะได้รับ แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้

เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธยากอบและยอห์น พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกเขาทั้งหมดมาพบ ตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็นใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในหมู่ท่าน ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ทุกคน เพราะบุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์’

ข้อคิด

บรรดาอัครสาวกยังมักใหญ่ใฝ่สูง อิจฉากัน พระอาจารย์จึงทรงเตือนว่าอย่าเอาอย่างคนต่างชาติที่เป็นใหญ่ เป็นหัวหน้า เป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น ใช้อำนาจบังคับ แต่ผู้ใหญ่ต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น สมเด็จพระสันตะปาปาทรงมีสมญานามว่า “ผู้รับใช้แห่งผู้รับใช้ทั้งหลาย” ตามแบบฉบับพระคริสตเจ้า ซึ่งเสด็จมาเพื่อรับใช้ผู้อื่น ให้เราเอาอย่างพระอาจารย์ ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ร่วมทุกข์กับพระองค์ในโลกนี้ จะได้ร่วมสุขกับพระองค์ในโลกหน้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:26 am

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 2:1-10

พี่น้อง ท่านทั้งหลายตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและเพราะบาป ครั้งหนึ่งท่านเคยดำเนินชีวิตตามโลกีย์วิสัย อยู่ใต้อำนาจเทพนิกรเจ้าผู้ปกครองชั้นบรรยากาศ คือจิตที่ทำงานอยู่ในมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง เราทุกคนก็เคยประพฤติเช่นนี้ในอดีต ปล่อยตนตามราคะตัณหา ปฏิบัติตนตามความต้องการและความคิดโดยธรรมชาติฝ่ายต่ำ เราจึงน่าจะถูกพระเจ้าลงโทษเช่นเดียวกับคนอื่น แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงสำแดงความรักยิ่งใหญ่ต่อเรา เมื่อเราตายไปแล้วเพราะการล่วงละเมิด พระองค์ก็ทรงบันดาลให้เรากลับมีชีวิตกับพระคริสตเจ้า ท่านได้รับความรอดพ้นก็เพราะพระหรรษทาน พระเจ้าโปรดให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเยซู โปรดให้เรามีที่นั่งในสวรรค์พร้อมกับพระคริสตเจ้า เพื่อจะทรงแสดงพระหรรษทานอันอุดมเหลือล้นของพระองค์แก่มนุษย์ทุกยุคสมัยในอนาคต โดยทรงพระกรุณาต่อเราในพระคริสตเยซู ท่านได้รับความรอดพ้นเพราะพระหรรษทานอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า มิได้มาจากการกระทำใด ๆ ของท่าน เพื่อมิให้ใครโอ้อวดตนได้ เราเป็นผลงานของพระองค์ ถูกสร้างมาในพระคริสตเยซูเพื่อให้ประกอบกิจการดี ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าให้เราปฏิบัติ

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:13-21

เวลานั้น ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด’
พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่านแล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า ‘จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม’พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า ‘เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน” เขาคิดอีกว่า “ฉันจะทำอย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า “ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด” แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้”

ข้อคิด

นักบุญเปาโลเตือนเราให้คิดถึงการดำเนินชีวิตตามราคะตัณหาในอดีต ซึ่งพระเจ้าได้ช่วยเราให้รอดอาศัยพระเมตตาในพระคริสต์ ความรอดเป็นของประทานจากพระเจ้า มิใช่จากการกระทำใด ๆ ของเรามนุษย์ ซึ่งเราต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่เสมอ

ในพระวรสาร พระคริสตเจ้าทรงเตือนเราให้ระวังตัวจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติ ฉะนั้น ให้เราสะสมทรัพย์สมบัติสำหรับโลกหน้ามิใช่โลกนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:27 am

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2012
น.ยอห์น กาปิสตราโน พระสงฆ์


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 2:12-22

พี่น้อง จงระลึกเถิดว่า เวลานั้นท่านอยู่ห่างจากพระคริสตเจ้า ถูกกีดกันมิให้เป็นประชากรอิสราเอล เป็นคนต่างด้าว ไม่มีส่วนในพระสัญญาและในพันธสัญญา อยู่ในโลกนี้โดยไม่มีความหวังและไม่มีพระเจ้า แต่บัดนี้ในองค์พระคริสตเยซู ท่านทั้งหลายซึ่งในอดีตเคยอยู่ห่างไกลได้เข้ามาอยู่ใกล้ เดชะพระโลหิตของพระคริสตเจ้า พระองค์คือสันติของเรา ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียว โดยทรงทำลายกำแพงที่แบ่งแยกคือการเป็นศัตรูกัน ทรงล้มเลิกธรรมบัญญัติพร้อมกับข้อบังคับและข้อห้ามต่าง ๆ เมื่อทรงรับร่างกายเป็นมนุษย์เพื่อสร้างสันติ ทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับเป็นมนุษย์คนใหม่คนเดียวในพระองค์ โดยทางไม้กางเขนทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับคืนดีกับพระเจ้า รวมเป็นกายเดียว และทรงขจัดการเป็นศัตรูกันเดชะพระองค์ พระองค์เสด็จมาประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับท่านทั้งหลายที่อยู่ห่างไกล และประกาศสันติเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ เดชะพระองค์เราทั้งสองฝ่ายจึงเข้าไปเฝ้าพระบิดาเจ้าได้ในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน

ท่านจึงไม่เป็นคนต่างด้าวหรือผู้อาศัยอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า ถูกสร้างขึ้นเป็นอาคารโดยมีบรรดาอัครสาวกและประกาศก เป็นรากฐาน มีพระคริสตเยซูทรงเป็นศิลาหัวมุม พระคริสตเจ้าทรงทำให้อาคารทุกส่วนต่อกันสนิทเจริญขึ้นเป็นพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระคริสตเจ้า ท่านทั้งหลายก็เช่นกันกำลังถูกก่อสร้างร่วมกันขึ้นเป็นที่ประทับของพระเจ้าเดชะพระจิตเจ้า

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:35-38

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำลังคอยนายกลับจากงานสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิดรับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังตื่นเฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผู้รับใช้เหล่านั้นไปนั่งโต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ว่านายจะมาเวลาสองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำลังทำเช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็เป็นสุข”

ข้อคิด

อาศัยศีลล้างบาป พระคริสตเจ้าทำให้เรามีบุญ ไม่เป็นคนต่างด้าวอีกต่อไป แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า เป็นลูกของพระบิดา เป็นน้องของพระเยซูเจ้า และเป็นที่ประทับของพระจิตในพระวรสาร พระคริสตเจ้าทรงเตือนเราให้เป็นผู้รับใช้ที่ดี ไม่ใช่รับใช้โลกนี้เท่านั้น แต่รับใช้พระเจ้าด้วย และเตรียมพร้อมรับเสด็จพระองค์ในวันตายของเรา ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จมาเวลาใด
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:28 am

วันพุธที่ 24 ตุลาคม 2012
น.อันตน มารีย์ คลาเรต์ พระสังฆราช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:2-12

พี่น้อง ท่านคงรู้แล้วถึงพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้าประกอบพันธกิจเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกนี้เพราะพระเจ้าทรงเปิดเผย ดังที่ข้าพเจ้าเขียนไว้ก่อนหน้านี้โดยสังเขป เมื่ออ่านแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ารู้ธรรมล้ำลึกเรื่องพระคริสตเจ้าได้อย่างไร ธรรมล้ำลึกนี้พระองค์มิได้ทรงเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยเดชะพระจิตเจ้าให้แก่บรรดาอัครสาวกและประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รู้ว่า คนต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระคริสตเยซูอาศัยข่าวดี ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ข่าวดีนี้เดชะพระหรรษทานที่พระเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้ เพื่อสำแดงพระอานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยที่สุดในบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบพระหรรษทานนี้ เพื่อประกาศให้คนต่างชาติรู้ถึงความไพบูลย์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า และอธิบายให้เข้าใจถึงแผนการล้ำลึก ซึ่งซ่อนเร้นอยู่เป็นเวลานานมาแล้วในพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่ง เพื่อเทพนิกรเจ้าและเทพนิกรอำนาจในสวรรค์ได้รู้ พระปรีชาญาณของพระเจ้าในรูปแบบต่าง ๆ ณ บัดนี้โดยทางพระศาสนจักร ตามพระประสงค์นิรันดรที่ทรงกระทำให้สำเร็จไปในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:39-48

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”

เปโตรทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำหรับพวกเราหรือสำหรับทุกคน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ใครเล่าเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่น ๆ เพื่อปันส่วนอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังทำดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นคิดว่า “นายจะมาช้า” และเริ่มตบตีผู้รับใช้ทั้งชายและหญิง กินดื่มจนเมามาย นายของผู้รับใช้คนนั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายจะแยกเขาออก ให้ไปอยู่กับพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์

‘ผู้รับใช้ที่รู้ใจนายของตน แต่ไม่เตรียมพร้อมและไม่ทำตามใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก แต่ผู้รับใช้ที่ไม่รู้ใจนาย แม้ทำสิ่งที่ควรจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ผู้นั้นก็จะถูกทวงกลับไปมากด้วย’”

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าทรงเตือนเราให้เตรียมพร้อมเมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาโดยมิได้คาดหมายในวันตายของเรา ให้เราเป็นคนใช้ที่ซื่อสัตย์และรอบคอบ ทำงานที่นายมอบหมายให้ ให้เราเป็นคนใช้แบบนักบุญเปาโล ที่ได้รับมอบหมายให้ประกาศข่าวดีแก่คนต่างชาติต่างศาสนา ช่วยพระองค์ทำงานให้คนมารู้จักพระองค์มากขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:28 am

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 3:14-21

พี่น้อง ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าเฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา ผู้ทรงเป็นที่มาของครอบครัวทั้งหลาย ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน ขอพระองค์ประทานพละกำลังแก่ท่านเดชะพระจิตเจ้าตามความไพบูลย์แห่งพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ให้ชีวิตภายในของท่านเข้มแข็งยิ่งขึ้น พระคริสตเจ้าจะได้ทรงพำนักในจิตใจของท่านอาศัยความเชื่อ เมื่อท่านหยั่งรากและตั้งมั่นอยู่บนความรักแล้ว ท่านและบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะได้เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า เพื่อท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม

ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพที่แสดงพลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ในพระศาสนจักร และในพระคริสตเยซู ทุกยุคสมัยตลอดนิรันดร อาเมน

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:49-53

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า“เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เรามีการล้างที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำเร็จ ‘ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรานำความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี’”

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าตรัสว่าพระองค์มาจุดไปในโลก และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ ไฟแห่งความรัก แต่มนุษย์ไม่เข้าใจความรักของพระเจ้า ไม่ตอบรับ ยังรักตัวเองจนลืมพระเจ้า โลกของเรายังขาดความรักต่อพระเจ้าและต่อกันและกัน ให้เราช่วยพระองค์จุดไฟแห่งความรักให้แผ่ขยายไปทั่วโลก โดยเริ่มที่ตัวเรา ครอบครัว และหมู่คณะของเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:29 am

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:1-6

พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก พยายามรักษาเอกภาพแห่งพระจิตเจ้าด้วยสายสัมพันธ์แห่งสันติ มีกายเดียวและจิตเดียว ดังที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการเดียว มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อหนึ่งเดียว ศีลล้างบาปหนึ่งเดียว พระเจ้าหนึ่งเดียว ผู้ทรงเป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกคน ทรงกระทำการผ่านทุกคน และสถิตอยู่ในทุกคน


พระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:54-59

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า“เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า‘ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้องเล่า ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันเสียระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย’”

ข้อคิด

บุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ตระหนักถึงสัญญาณแห่งกาลเวลา ว่าถึงเวลาแล้วจะต้องเรียกประชุมพระสังคายนาวาติกันที่ 2 เพื่อฟื้นฟูพระศาสนจักรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยทรงเชิญพี่น้องคริสตชนนิกายต่าง ๆ ที่มีความเชื่อเดียวกัน นับถือพระคริสตเจ้าและพระเจ้าองค์เดียวกันเข้าร่วมประชุมด้วย พระสังคายานาวาติกันที่ 2 ผ่านไป 40 กว่าปีแล้ว แต่งานคริสตจักรสัมพันธ์และสาสนสัมพันธ์ยังก้าวหน้าไปไม่เท่าไร เราช่วยทำอะไรบ้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:29 am

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 29เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:7-16

พี่น้อง เราแต่ละคนได้รับพระหรรษทานตามสัดส่วนที่พระคริสตเจ้าประทานให้ ดังนั้น จึงมีคำกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“เมื่อพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำบรรดาเชลยไปด้วยและทรงแจกจ่ายของประทานแก่บรรดามนุษย์”คำว่า “พระองค์เสด็จขึ้น” นั้นหมายความว่าอย่างไร ถ้ามิใช่หมายความว่า พระองค์ได้เสด็จลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่างก่อนแล้ว และพระองค์ผู้เสด็จลงไปก็เป็นองค์เดียวกับผู้เสด็จขึ้นไปเหนือสวรรค์ทุกชั้น เพื่อจะทรงครอบครองทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ พระองค์ประทานให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี บางคนเป็นผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ไว้สำหรับงานรับใช้เสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้า จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ตามมาตรฐานความสมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า เราจะได้ไม่เป็นเหมือนเด็ก ถูกคลื่นลมซัดโคลงเคลงล่องลอยตามกระแสคำสั่งสอนทุกอย่างที่เกิดจากเล่ห์กลของมนุษย์ด้วยอุบายชาญฉลาดที่คอยหลอกลวงให้หลงผิดอีกต่อไป แต่ให้เราดำเนินชีวิตในความจริงด้วยความรัก เจริญเติบโตขึ้นจนบรรลุถึงความสมบูรณ์ในพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระเศียร พระองค์ทรงทำให้ร่างกายทุกส่วนประสานสัมพันธ์กันอย่างสนิทแน่นแฟ้น ทรงจัดให้ข้อต่อทุกข้อเสริมกำลังให้แต่ละส่วนทำหน้าที่ของตน ร่างกายจึงเจริญเติบโตและเสริมสร้างตนเองอย่างสมบูรณ์ขึ้นด้วยความรัก

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:1-9

ในเวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขากำลังถวายเครื่องบูชาพระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า ‘ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน’

พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า ‘ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดแก่คนสวนว่า “ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จงโค่นมันเสียเถิด เสียที่เปล่า ๆ” แต่คนสวนตอบว่า “นายครับ ปล่อยมันไว้ปีนี้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้”’

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าทรงเลือกบวงคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นประกาศก บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวดี ผู้อภิบาลและอาจารย์ เพื่องานรับใช้เสริมสร้างพระกายของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเราเป็นอะไร ก็ให้เรายินดีทำหน้าที่รับใช้พระองค์อย่างดี แต่ถ้าเราเป็นต้นมะเดื่อไม่มีผล ก็ทรงเตือนเราให้กลับใจ เปลี่ยนชีวิต ยังทรงเมตตาเราให้โอกาสเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:30 am

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 31:7-9

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำหรับยาโคบ และโห่ร้องต้อนรับผู้นำของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’ ดูซิ เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมาจากแผ่นดินทางทิศเหนือ และจะรวบรวมเขาทั้งหลายมาจากปลายแผ่นดิน ในหมู่เขาจะมีทั้งคนตาบอด คนขาพิการ หญิงมีครรภ์ และหญิงที่กำลังคลอดบุตร เขาทั้งหลายจะกลับมาที่นี่พร้อมกันเป็นหมู่ใหญ่ เขาทั้งหลายกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า เราจะนำเขากลับมาขณะที่เขาอธิษฐานภาวนา เราจะนำเขาให้เดินไปยังธารน้ำ ให้เดินในทางตรงที่เขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาสำหรับอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรคนแรกของเรา”

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 5:1-6

มหาสมณะทุกองค์ย่อมได้รับการคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนเพื่อนมนุษย์ในความสัมพันธ์ติดต่อกับพระเจ้า เพื่อถวายทั้งบรรณาการและเครื่องบูชาชดเชยบาป เขาสามารถเห็นใจผู้ที่ไม่รู้และหลงผิด เพราะเขาก็ถูกความอ่อนแอครอบงำอยู่เช่นกัน เพราะเหตุนี้ เขาจึงต้องถวายบูชาชดเชยบาปสำหรับตนเองเช่นเดียวกับชดเชยบาปสำหรับประชากรด้วย ไม่มีใครแอบอ้างเกียรตินี้เป็นของตนได้ นอกจากผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกเหมือนกับอาโรน ในทำนองเดียวกันพระคริสตเจ้ามิได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาสมณะ แต่ผู้ที่ทรงยกย่องพระคริสตเจ้าคือพระเจ้า ผู้ตรัสกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้ให้กำเนิดท่าน” เช่นเดียวกับที่ได้ตรัสไว้อีกแห่งหนึ่งว่า “ท่านเป็นสมณะตลอดนิรันดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค”

พระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:46-52

เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัส บุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า ‘ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด’ หลายคนได้ดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า ‘พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด’ พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า ‘ไปเรียกเขามาซิ’ เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า ‘ทำใจดีๆไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว’ คนตาบอดก็สลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า?’ คนตาบอดทูลว่า ‘รับบูนี ให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด’ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้ช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว’ ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป

ข้อคิด

คนตาบอดเป็นคนที่น่าสงสาร แต่คนตาบอดทางใจที่เห็นผิดเป็นชอบ ก็น่าสงสารยิ่งกว่าอีก ต้องการการเยียวยารักษา พระคริสตเจ้าทรงเป็นหมอวิเศษ ทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด ดังที่ประกาศกเยเรมีย์กล่าวทำนายไว้ ทรงรักษาคนพิการ ทรงรักษาบารทิเมอัส คนตาบอดให้หายอาศัยความเชื่อของเขา ให้เรามีความเชื่อในพระคริสตเจ้าเช่นกัน เพื่อเราจะได้รับการรักษาจากพระองค์ทั้งกายและวิญญาณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:31 am

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 4:32-5:8

พี่น้อง จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด
ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์ จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชากลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า

ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่าง ๆ หรือความโลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ อย่าให้มีทั้งการพูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่ให้มีการขอบพระคุณ

ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็นเสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่มีสิทธิรับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของพระเจ้าเลย อย่าให้ใครใช้คำพูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำความผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:10-17

ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า ‘หญิงเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว’ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า ‘วันที่ทำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า ‘เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ’ เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงกระทำ

ข้อคิด

พระคริสตเจ้าทรงประทานบัญญัติใหม่แก่เรา บัญญัติแห่งความรัก ซึ่งสำคัญกว่าการถือวันสับบาโต ปัจจุบันพระศาสนจักรไม่ถือวันสับบาโตเป็นวันพระเจ้า แต่ถือวันอาทิตย์แทน ให้เราพร้อมใจกันนมัสการพระเจ้าในวันนั้น และปฏิบัติบัญญัติแห่งความรัก โดยช่วยเหลือผู้อื่นทุก ๆ วันไม่ว่าเป็นวันอะไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:32 am

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม 2012
สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา


บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส อฟ 5:21-33

พี่น้อง จงยอมอยู่ใต้อำนาจของกันและกันด้วยความเคารพยำเกรงพระคริสตเจ้า ภรรยาจงยอมอยู่ใต้อำนาจของสามีเหมือนยอมอยู่ใต้อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะสามีเป็นศีรษะของภรรยาเหมือนพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระศาสนจักร พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกายให้รอดพ้น พระศาสนจักรยอมอยู่ใต้อำนาจของพระคริสตเจ้าฉันใด ภรรยาก็ต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของสามีทุกเรื่องฉันนั้น

สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากตำหนิริ้วรอยหรือสิ่งใด ๆ ในลักษณะดังกล่าว เช่นเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง เพราะไม่มีใครเกลียดชังเนื้อหนังของตน แต่ย่อมเลี้ยงดูและทะนุถนอมอย่างดียิ่ง พระคริสตเจ้าทรงกระทำเช่นเดียวกันต่อพระศาสนจักร เพราะเราเป็นส่วนแห่งพระกายของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะเหตุนี้ ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” ธรรมล้ำลึกประการนี้ยิ่งใหญ่นัก ข้าพเจ้าหมายถึงพระคริสตเจ้ากับพระศาสนจักร ดังนั้น แต่ละท่านจงรักภรรยาของตนเหมือนรักตนเอง และภรรยาก็จงเคารพยำเกรงสามีี

พระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:18-21

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า“พระอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งใด เราจะเปรียบพระอาณาจักรกับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งชายคนหนึ่งทิ้งไว้ในสวนของตน มันเติบโตขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งบรรดานกในอากาศมาทำรังอาศัยบนกิ่งได้’พระองค์ยังตรัสอีกว่า ‘เราจะเปรียบพระอาณาจักรของพระเจ้ากับสิ่งใด พระอาณาจักรก็เหมือนกับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งฟูขึ้นทั้งหมด’”

ข้อคิด

พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ทรงสร้างเป็นชายและหญิง ทรงเอาซี่โครงของชายมาสร้างหญิง เพื่อให้ชายตระหนักว่าหญิงเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตน ต้องรัก เลี้ยงดูทะนุถนอม สามีภรรยาต้องรักเคารพกัน ซึ่งสัตย์ต่อกัน ไม่นอกใจกัน ไม่หย่า สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 บุญราศี ตรัสว่า อนาคตของสังคมและพระศาสนจักรขึ้นกับครอบครัว ครอบครัวซึ่งเป็นพื้นฐานของสังคม ต้องเข้มแข็งมั่นคง ครอบครัวดี คนดี สังคมก็ดี
ตอบกลับโพส