พระวาจาประจำวันที่ 9 พ.ย.

รวม ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ล
เข้าใจ พระคัมภีร์ ชีวิต และคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ ตามลำดับ อย่างง่ายๆ
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

เสาร์ พ.ย. 10, 2012 9:26 am

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2012 สัปดาห์ที่ 31 เทศกาลธรรมดา (ฉลองครบรอบการถวายพระวิหารลาเตรัน)
“พระวิหาร” เมื่อปลายเดือนกันยายน พ่อมีโอกาสไปร่วมพิธีเจิมถวายอาสนวิหารใหม่ของสังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี้ พี่น้องคริสตชนจำนวนมากก็ได้มีโอกาสไปร่วมเหมือนกัน คนที่ไปร่วมกันมากมายต่างประทับใจในการเจิมพระแท่นบูชา การเจิมด้วยน้ำมันคริสมาที่พระแท่นเรียกว่าชโลมพระแท่น และเจิมที่กำแพงอาสนวิหารอีกสิบสองจุด (เลข 12 หมายถึงศิลาสิบสองฐานของพระศาสนจักร หมายถึงอัครสาวกทั้งสิบสององค์ และหมายถึงสิบสองเผ่าของอิสราเอลประชากรของพระเจ้า และยังหมายถึงพระพรที่ไหลออกไปทั้งสี่ทิศของโลกคือไปทั่วโลก ทิศละสามประตูเลข 3 เป็นเลขแห่งความสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการที่พระพรของพระเจ้าจะไหลออกไปสู่ทุกคนจากพระวิหาร ไปทั่วโลก..” การเสก หรือเจิมถวายพระวิหารนี้เป็นเครื่องหมายของการยกถวายให้กับพระเจ้า และเป็นเครื่องหมายของ “ศูนย์กลาง” ของชีวิตจิตใจของประชากรของพระเจ้า เป็นที่ประทับของพระเจ้าเพื่อทุกคนจะแสวงหาพระเจ้า และได้รับพระพรจากพระเจ้า...
พระศาสนจักรของเรา โรมันคาทอลิกมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม เพราะพระสันตะปาปาอยู่ที่นั่น นักบุญเปโตรสิ้นชีวิตที่กรุงโรม โรมเป็นที่ตั้งของ “พระวิหาร” อันที่จริง พระวิหารที่โรมที่เรียกว่า “มหาวิหาร” (Basilica บาสิลีกา รากภาษามาจากกรีกและโรมมัน แปลว่ามหาวิหารก็ชัดหรือวิหารแม่ ภาษาลาตินใช้คำว่า Archibasilica) ที่กรุงโรมมี 4 มหาวิหารด้วยกัน ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งพระพร และการไปแสวงบุญที่โรมก็มักจะต้องเยี่ยมเยือนพระวิหารเหล่านี้ สี่พระวิหารนี่คือ
1. มหาวิหารนักบุญเปโตร Saint Peter Basilica (ใหญ่ที่สุด)
2. มหาวิหารนักบุญยอห์นแห่งลาเตรัน Saint John Lateran Basilica (อาสนวิหารของพระสันตะปาปาในฐานะพระสังฆราชแห่งกรุงโรม ปีที่อภิเษกพระวิหารนี้นั้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 324 นานโขเลยนะครับ)
3. มหาวิหารแม่พระ Saint Mary Major Basilica
4. มหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงกรุงโรม Saint Paul Basilica

ปกติพระสังฆราชจะต้องมีอาสนวิหารของตนเอง เป็นเครื่องหมายของหน้าที่นายชุมพาบาล มีสังฆมณฑลที่ตนเองปกครองดูแล กรุงโรม ถือเป็นสังฆมณฑลหนึ่งเช่นกัน และกรุงโรมก็มีสังฆราชประจำกรุงโรม และใครก็ตามที่ได้ชื่อว่าเป็นสังฆราชแห่งกรุงโรม คนนั้นคือ “พระสันตะปาปา” และอาสนวิหารของพระสังฆราชแห่งกรุงโรมคือ “มหาวิหารนักบุญยอห์นแห่งลาเตรัน” นั่นเอง ดังนั้น เราจึงถือได้ว่า มหาวิหารลาเตรันเป็นมหาวิหารแม่ เพราะพระสังฆราชแห่งกรุงโรมเป็นหัวหน้าและประมุขของพระสังฆราชทุกองค์และคริสตชนทั่วโลกนั่นเอง... ส่วนมหาวิหารนักบุญเปโตร แน่นอนเป็นเครื่องหมายของศูนย์กลางของพระศาสนจักรคาทอลิก แต่ในฐานะพระสังฆราชแห่งกรุงโรมของพระสันตะปาปา ลาเตรันเป็นอาสนวิหารของพระองค์ในฐานะพระสังฆราชแห่งโรม ดังนั้น จึงได้ชื่อเรียกว่า “มหาวิหารแม่” ของบรรดาอาสนวิหารทั้งหลาย ในมหาวิหารหลังนี้มีรูปหินอ่อนแกะสลักของอัครสาวทั้งสิบสองสวยงามมาก
ความหมายของ “พระวิหาร” พ่อคิดว่าเรามาอ่านเรื่องราวการถวายพระวิหารหลังแรกของพันธสัญญาเดิมกันหน่อยดีกว่าครับ แม้เป็นเรื่องพระวิหารในอดีตของศาสนายิวหรือพันธสัญญาเดิมของเราแต่เราพระศาสนจักรได้รับแรงบันดาลใจและเหตุผลของการมีพระวิหารนี้มากและมีคุณค่าจริงๆ...
“22กษัตริย์ซาโลมอนทรงยืนอยู่หน้าพระแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ต่อหน้าชาวอิสราเอลทุกคนที่มาชุมนุมกัน ทรงชูพระกรขึ้นสู่สวรรค์ 23อธิษฐานว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าอื่นใดเหมือนพระองค์ทั้งในสวรรค์เบื้องบนหรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้รับใช้ของพระองค์ที่ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์อย่างสุดจิตสุดใจ 24พระองค์ทรงรักษาพระสัญญาที่ตรัสไว้กับดาวิดพระราชบิดา ผู้รับใช้ของพระองค์ วันนี้พระองค์ทรงกระทำให้เป็นจริงตามที่ทรงสัญญาไว้ทุก........ 27แต่พระเจ้าทรงพำนักบนแผ่นดินได้จริงหรือ แม้สวรรค์ชั้นสูงสุดและจักรวาลทั้งปวงยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้ แล้วพระวิหารที่ข้าพเจ้าได้สร้างนี้จะรองรับพระองค์ได้อย่างไร 28ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดทรงรับคำภาวนาและคำวอนขอของผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดทรงฟังเสียงร้องและคำอธิษฐานภาวนาซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์กราบทูลเฉพาะพระพักตร์ในวันนี้เถิด 29ขอพระองค์ทอดพระเนตรดูแลพระวิหารนี้ทั้งกลางวันและกลางคืน พระองค์ตรัสถึงพระวิหารนี้ว่า "นามของเราจะอยู่ที่นั่น" โปรดทรงฟังคำอธิษฐานภาวนาที่ผู้รับใช้ของพระองค์กราบทูลในสถานที่แห่งนี้ด้วยเถิด” (1พกษ 8:22-29)
สรุปก็คือ พระวิหารคือที่ประทับของพระเจ้า ที่พระเจ้าจะอวยพรประชากรของพระองค์ตลอดไป เป็นเครื่องหมายของการประทับอยู่ของพระเจ้า ดังนั้น วันนี้เราฉลองพระวิหารแม่ของพระศาสนจักร ขอให้เราสรรเสริญการประทับอยู่ของพระเจ้ากับพระศาสนจักร และสรรเสริญเครื่องหมายแห่งเอกภาพและพระพรของพระเจ้ากับเราตลอดไป....
อ้อ อย่าลืมนะครับ ว่าอันที่จริงพระวิหารของพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งภายนอก ไม่ใช่สถาปัตยกรรมและวัตถุ แต่พระวิหารของพระเจ้าที่ได้รับการเจิมถวายแล้วแท้จริงนั้นคือเราทุกคน เราต้องเป็นคนศักดิ์สิทธิ์นะครับ... ถ้าอยากจะแสวงบุญโดยการเยี่ยมพระวิหาร ไม่ต้องพยายามไปที่โรมก็ได้นะครับ การเยี่ยมเยียนเพื่อนพี่น้อง การให้เกียรติพี่น้อง การรักเพื่อนพี่น้อง ก็เป็นการสรรเสริญพระวิหารหรือการประทับอยู่ของพระเจ้าเสมอเช่นกันครับ... ถ้าเรารักกันและกันจริง นั่นก็เป็นเครื่องหมายของความรักใน พระศาสนจักรหรือวัด “church” แล้วครับ
วันนี้ขอตีกลับมาที่คำของเปาโลหน่อยนะครับ... “25สามีก็จงรักภรรยาดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักร และทรงพลีพระองค์เพื่อพระศาสนจักร 26ทรงบันดาลให้พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ทรงใช้น้ำและพระวาจาชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ 27พระองค์จะได้ทรงพบว่าพระศาสนจักรนั้นรุ่งโรจน์ ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากมลทิน ปราศจากตำหนิริ้วรอยหรือสิ่งใด ๆ ในลักษณะดังกล่าว 28เช่นเดียวกัน สามีต้องรักภรรยาเหมือนรักกายของตน ผู้ที่รักภรรยาก็รักตนเอง”
อ่านมาถึงตอนนี้แยกยากแล้สิครับว่า วัด พระศาสนาจักร หรือพี่น้อง หรือภรรยาและสามี... ชัดดีนี้ครับ จะแปลกมากถ้าเรารักวัด ตัววัด วัตถุเหลือเกินแต่ไม่รักกันและกัน...
ฉลองลาเตรันวันนี้จะทำให้เราหลงใหลได้ปลื้มกับ “วัด” จริงๆ วัดในความหมายที่ลึกซึ้งไปถึงชีวิต เราจะได้ “รักกันและกันจริงๆ” นะครับ เพื่อว่าเวลาดูละครบ้าๆสุดๆเรื่องการขาดความรัก นอกใจ เสน่หาและอาฆาตอย่าง “แรงเงา” เราจะได้มีจุดยืน และทอดอาลัยให้กับสังคม การเมือง ที่ขาดความรักแท้ ความรักแท้จริงต้องเริ่มในครอบครัวครับ... มิฉะนั้นเกรงจะดูละครกันแต่เอามันส์เท่านั้น ดูกันจนคล้อยลอยไหลตามไปว่านั่นใช่ นั่นดี นั่นถูก (อย่างน้อยก็อาจไม่รู้สึกผิดก็แย่แล้ว) ครับ
พี่ต้องคริสตชนครับให้เรารักพระเจ้า รักพระศาสนจักร รักวัด ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องรักกันและกันก่อนในครอบครัวก่อน สามีภรรยา พ่อแม่ พี่น้อง ลูกๆ ต้องรักกันก่อนครับ... ถ้ารักกันและกันในครอบครัว “การไปวัดจะสวยงามที่สุดครับ” หรือเราจะเกลียดโกรธกันตลอดทางที่ไปวัด และไปสรรเสริญพระสวยงาม แต่เกลียดชัง หรือไม่รักกันครับ...เฟคแย่เลยนะครับ ขอพระเจ้าอวยพรครับ จดหมายของเปโตรวันนี้ยืนยันชัดว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการเจิมแล้วครับ

1ปต 2:4-9………….
4จงเข้าไปเฝ้าพระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาทรงชีวิตซึ่งมนุษย์ละทิ้งไป แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้และมีค่าประเสริฐ 5ท่านเป็นเหมือนศิลาที่มีชีวิตกำลังก่อสร้างขึ้นเป็นวิหารของพระจิตเจ้า เป็นสมณตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายเครื่องบูชาฝ่ายจิตซึ่งเป็นที่สบพระทัยของพระเจ้าเดชะพระเยซูคริสตเจ้า 6ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย” 7สำหรับท่านผู้มีความเชื่อ ศิลานี้จึงมีค่าประเสริฐ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ศิลาที่ช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม 8เป็นศิลาที่ทำให้สะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้ล้มลง เขาเหล่านั้นสะดุดเพราะไม่ยอมเชื่อฟังพระวาจา นี่เป็นชะตากรรมของพวกเขา
9ท่านทั้งหลาย เป็นชาติที่ทรงเลือกสรรไว้ เป็นสมณราชตระกูล เป็นชนชาติศักดิ์สิทธิ์ เป็นประชากรที่เป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า เพื่อจะประกาศพระฤทธา นุภาพของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืดสู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์
ตอบกลับโพส