+++ มาแพร่ธรรมกันเถอะ +++
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
มาแพร่ธรรมกันเถอะ
โดย โปรดปราน (พีพี )
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราได้ให้แก่ท่าน แล้วจงทราบเถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ' (มัทธิว 28:19-20 )
เมื่อกลางเดือน ตุลาคม 2005 ศกนี้ หลังจากนั่งหลังขด หลังแข็งผ่าน สองสัมมนา ที่เชียงใหม่ ฉันเลยถือโอกาส พักผ่อนต่อสี่วัน จึงขึ้นไปเยี่ยมให้กำลังใจ คุณพ่อทิวา ที่ป่าตึงอีกครั้งหนึ่ง ณ ป่าตึง ขณะนี้ เป็น‘ปลายฝนต้นหนาว พืชพรรณ เขียวชอุ่ม ช่างสงบ สดชื่นมากทีเดียว’ วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม เป็นวันแพร่ธรรมสากล ฉันมีโอกาสร่วมมิสซา กับพี่น้องปกาเกอะญอที่วัดนักบุญปาตริก ได้ฟังการเทศนา จากพ่อเจ้าวัด คุณพ่อได้เล่าถึงการออกไปเยี่ยมพี่น้องคาทอลิกตามหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขต การอภิบาลของท่าน ว่า ชาว ปกาเกอะญอ ที่ อยู่ในถิ่นกันดารนั้น ได้มีโอกาสรู้จัก และสัมผัสความรักของพระเจ้า ตรีเอกภาพ เพราะการแพร่ธรรม ของธรรมทูตฝรั่ง ขณะนี้ บางหมู่บ้านไม่มีวัด ไม่มีคุณพ่อ หรือ บางหมู่บ้านมีวัดเก่าๆ แต่ไม่มีคุณพ่อประจำ ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตังเหล่านั้นยังคงรักษาความเชื่อ ด้วยการสวดภาวนา อย่างสม่ำเสมอ บางหมู่บ้านที่พ่อเจ้าวัดนักบุญปาตริก นำทีม ( ซิสเตอร์ และครูคำสอน ) ไปเยี่ยม ไม่มีพระสงฆ์ไปทำมิสซา ห้า ปีมาแล้ว เช้าวันนั้นคุณพ่อทิวาได้ย้ำในคำเทศนาให้สัตตบุรุษเห็นความสำคัญของการแพร่ธรรม โดยเฉพาะในครอบครัว ของพี่น้องคริสตัง ซึ่งเป็นภาระสำคัญของคริสตชนเอง และตั้งแต่ วันที่23 ตุลาคม ถึง ตุลาคม 2006 เป็นปีแห่งการแพร่ธรรม
หลังจากได้ฟังคุณพ่อเล่าถึงพันธกิจที่ทีมของท่านได้ออกไปทำ ความคิดฉันแล่นไปไกล คิดถึงความรัก ของพระเยซูเจ้า และซาบซึ้งใจ ถึงชีวิตธรรมทูตยุคแรกๆ ที่ยอมทุกข์ยาก ลำบาก เพื่อให้คนทุกชาติ ทุกชนเผ่าได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อธรรมทูต เหล่านั้นได้จากชุมชนไปแล้ว พวกเขาได้ทิ้ง มรดกแห่งความเชื่อและศรัทธาพระผู้เป็นเจ้า ตกทอดมาถึงชุมชน ฉันคิดต่อไป ว่าทำอย่างไร ที่จะให้พี่น้องเหล่านั้น ที่ได้สัมผัสความรักของพระเยซูเจ้า แล้วยังเข้มแข็งในความเชื่อ มีโอกาส ร่วมมิสซา ทุกวันอาทิตย์ หรือบ่อยขึ้น ลึกๆในจิตใจซาบซึ้ง และขอบคุณพระเจ้า ที่ ฉันมี โบสถ์ นมัสการทุกวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับพี่น้องคริสตัง ที่มีพระสงฆ์ ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณทุกๆวันอาทิตย์ แล้วพี่น้องที่อยู่ในที่กันดาร ห่างไกล ออกไป ไม่บาทหลวง ดูแล ทำอย่างไรที่จะให้พวกเขาเติบโตในความเชื่อ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าและพระศาสนจักร ส่วนคนที่มีโอกาส ร่วมมิสซา ประจำ จะมีภาระใจร่วมงานกับพระเยซูเจ้าอย่างไร
1. แพร่ธรรมคือพระราชกิจของพระเยซูคริสต์
��มื่อมนุษย์คู่แรกได้ทำความบาปแล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการ ฝ่ายจิตวิญญาณที่จะช่วยและไถ่โทษมนุษย์ โดยที่พระเจ้าเสด็จมาในสภาพมนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์เพื่อกู้มนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาป
��ักบุญยอห์นได้บันทึกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”��รือนักบุญเปาโล เขียนไว้ดังนี้ “คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราและทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ” ( 2 โครินธ์. 5:19 )
จากข้อพระคัมภีร์ที่ยกมานี้ชี้ให้เห็นถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงพระเจ้าและทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า พระเยซูทรงรับพระราชกิจนี้โดยการรับสภาพมนุษย์ มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทำไม? เพราะเป็นทางสุดท้ายแล้วที่มนุษย์จะเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า
�� มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับมดตัวหนึ่ง คือมดได้ตกลงไปในบ่อน้ำเจ้าของบ่อพยายามช่วยมดตัวนั้น โดยใช้ไม้เล็กๆ ยื่นไปให้มดเคราะห์ร้ายนั้นเกาะ แต่เจ้ามดไม่ยอมเกาะ ชายคนนั้นให้จึงคิดวิธีการใหม่คือ ได้จับมดตัวหนึ่งวางไว้บนไม้แล้วเอาไม้นั้นแหย่ลงไปในบ่อน้ำ ครั้นเมื่อมดตัวที่อยู่ในบ่อน้ำเห็นมดอีกตัว กำลังไต่ไม้นั้น มันจึงมีความเชื่อและกล้าไต่ตามขึ้นมา แล้วมันจึงรอดชีวิตจากการจมน้ำในบ่อนั้น เช่นเดียวกับพวกเรานี่แหละที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักโดยให้พระเยซูรับภาระคือต้องรับโทษแทนเราบนกางเขน โดยพระชนม์ของพระเยซูเองเป็นค่าจ้างของความบาป เป้าหมายที่พระเยซูทรงรับภาระนี้เพราะพระองค์ทรงรักคนบาปที่หยิ่งยโสและจิตใจแข็งกระด้างให้กลับคืนดีกับพระเจ้า
�� พระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อพวกเรา ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่ พระเยซูทรงรักพวกเราใน ขณะที่เราเป็นคนบาปอยู่ “.....ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (โรม. 5:8)��
ขณะดำรงพระชนม์ในโลกนี้ พระเยซูทรงมีพระราชกิจ มากมายซึ่งเราอ่านพบในพระวรสารทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ สั่งสอน และรักษาโรคและทุกอย่างที่ทรงกระทำนั้นคือการแพร่ธรรมของพระองค์
โดย โปรดปราน (พีพี )
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราได้ให้แก่ท่าน แล้วจงทราบเถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ' (มัทธิว 28:19-20 )
เมื่อกลางเดือน ตุลาคม 2005 ศกนี้ หลังจากนั่งหลังขด หลังแข็งผ่าน สองสัมมนา ที่เชียงใหม่ ฉันเลยถือโอกาส พักผ่อนต่อสี่วัน จึงขึ้นไปเยี่ยมให้กำลังใจ คุณพ่อทิวา ที่ป่าตึงอีกครั้งหนึ่ง ณ ป่าตึง ขณะนี้ เป็น‘ปลายฝนต้นหนาว พืชพรรณ เขียวชอุ่ม ช่างสงบ สดชื่นมากทีเดียว’ วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม เป็นวันแพร่ธรรมสากล ฉันมีโอกาสร่วมมิสซา กับพี่น้องปกาเกอะญอที่วัดนักบุญปาตริก ได้ฟังการเทศนา จากพ่อเจ้าวัด คุณพ่อได้เล่าถึงการออกไปเยี่ยมพี่น้องคาทอลิกตามหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขต การอภิบาลของท่าน ว่า ชาว ปกาเกอะญอ ที่ อยู่ในถิ่นกันดารนั้น ได้มีโอกาสรู้จัก และสัมผัสความรักของพระเจ้า ตรีเอกภาพ เพราะการแพร่ธรรม ของธรรมทูตฝรั่ง ขณะนี้ บางหมู่บ้านไม่มีวัด ไม่มีคุณพ่อ หรือ บางหมู่บ้านมีวัดเก่าๆ แต่ไม่มีคุณพ่อประจำ ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตังเหล่านั้นยังคงรักษาความเชื่อ ด้วยการสวดภาวนา อย่างสม่ำเสมอ บางหมู่บ้านที่พ่อเจ้าวัดนักบุญปาตริก นำทีม ( ซิสเตอร์ และครูคำสอน ) ไปเยี่ยม ไม่มีพระสงฆ์ไปทำมิสซา ห้า ปีมาแล้ว เช้าวันนั้นคุณพ่อทิวาได้ย้ำในคำเทศนาให้สัตตบุรุษเห็นความสำคัญของการแพร่ธรรม โดยเฉพาะในครอบครัว ของพี่น้องคริสตัง ซึ่งเป็นภาระสำคัญของคริสตชนเอง และตั้งแต่ วันที่23 ตุลาคม ถึง ตุลาคม 2006 เป็นปีแห่งการแพร่ธรรม
หลังจากได้ฟังคุณพ่อเล่าถึงพันธกิจที่ทีมของท่านได้ออกไปทำ ความคิดฉันแล่นไปไกล คิดถึงความรัก ของพระเยซูเจ้า และซาบซึ้งใจ ถึงชีวิตธรรมทูตยุคแรกๆ ที่ยอมทุกข์ยาก ลำบาก เพื่อให้คนทุกชาติ ทุกชนเผ่าได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อธรรมทูต เหล่านั้นได้จากชุมชนไปแล้ว พวกเขาได้ทิ้ง มรดกแห่งความเชื่อและศรัทธาพระผู้เป็นเจ้า ตกทอดมาถึงชุมชน ฉันคิดต่อไป ว่าทำอย่างไร ที่จะให้พี่น้องเหล่านั้น ที่ได้สัมผัสความรักของพระเยซูเจ้า แล้วยังเข้มแข็งในความเชื่อ มีโอกาส ร่วมมิสซา ทุกวันอาทิตย์ หรือบ่อยขึ้น ลึกๆในจิตใจซาบซึ้ง และขอบคุณพระเจ้า ที่ ฉันมี โบสถ์ นมัสการทุกวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับพี่น้องคริสตัง ที่มีพระสงฆ์ ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณทุกๆวันอาทิตย์ แล้วพี่น้องที่อยู่ในที่กันดาร ห่างไกล ออกไป ไม่บาทหลวง ดูแล ทำอย่างไรที่จะให้พวกเขาเติบโตในความเชื่อ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าและพระศาสนจักร ส่วนคนที่มีโอกาส ร่วมมิสซา ประจำ จะมีภาระใจร่วมงานกับพระเยซูเจ้าอย่างไร
1. แพร่ธรรมคือพระราชกิจของพระเยซูคริสต์
��มื่อมนุษย์คู่แรกได้ทำความบาปแล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการ ฝ่ายจิตวิญญาณที่จะช่วยและไถ่โทษมนุษย์ โดยที่พระเจ้าเสด็จมาในสภาพมนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์เพื่อกู้มนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาป
��ักบุญยอห์นได้บันทึกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”��รือนักบุญเปาโล เขียนไว้ดังนี้ “คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราและทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ” ( 2 โครินธ์. 5:19 )
จากข้อพระคัมภีร์ที่ยกมานี้ชี้ให้เห็นถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงพระเจ้าและทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า พระเยซูทรงรับพระราชกิจนี้โดยการรับสภาพมนุษย์ มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทำไม? เพราะเป็นทางสุดท้ายแล้วที่มนุษย์จะเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า
�� มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับมดตัวหนึ่ง คือมดได้ตกลงไปในบ่อน้ำเจ้าของบ่อพยายามช่วยมดตัวนั้น โดยใช้ไม้เล็กๆ ยื่นไปให้มดเคราะห์ร้ายนั้นเกาะ แต่เจ้ามดไม่ยอมเกาะ ชายคนนั้นให้จึงคิดวิธีการใหม่คือ ได้จับมดตัวหนึ่งวางไว้บนไม้แล้วเอาไม้นั้นแหย่ลงไปในบ่อน้ำ ครั้นเมื่อมดตัวที่อยู่ในบ่อน้ำเห็นมดอีกตัว กำลังไต่ไม้นั้น มันจึงมีความเชื่อและกล้าไต่ตามขึ้นมา แล้วมันจึงรอดชีวิตจากการจมน้ำในบ่อนั้น เช่นเดียวกับพวกเรานี่แหละที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักโดยให้พระเยซูรับภาระคือต้องรับโทษแทนเราบนกางเขน โดยพระชนม์ของพระเยซูเองเป็นค่าจ้างของความบาป เป้าหมายที่พระเยซูทรงรับภาระนี้เพราะพระองค์ทรงรักคนบาปที่หยิ่งยโสและจิตใจแข็งกระด้างให้กลับคืนดีกับพระเจ้า
�� พระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อพวกเรา ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่ พระเยซูทรงรักพวกเราใน ขณะที่เราเป็นคนบาปอยู่ “.....ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (โรม. 5:8)��
ขณะดำรงพระชนม์ในโลกนี้ พระเยซูทรงมีพระราชกิจ มากมายซึ่งเราอ่านพบในพระวรสารทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ สั่งสอน และรักษาโรคและทุกอย่างที่ทรงกระทำนั้นคือการแพร่ธรรมของพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ พ.ย. 12, 2005 3:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
2. แพร่ธรรมคือภาระกิจของพวกเรา
��ระวรสารนักบุญมัทธิวบทที่ 28: 19-20 คริสตชนรู้จักพระคัมภีร์ตอนนี้ว่าคำสั่งหรือ พระมหาบัญชาของพระเยซูเจ้า หลายคนได้มีข้อถกเถียงกันมากมาย เช่น กลุ่มคริสเตียน เห็น ว่า “มิชชั่นนารีและศิษยาภิบาล”คือผู้ตอบสนองพระมหาบัญชา หรือคำสั่งนี้ ส่วนบางคนมีความเห็นว่าก่อนที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ตรัสสั่งแก่บรรดาอัครสาวก 11 คนเท่านั้น เมื่อดูจากบริบทข้อ 16-18 แท้จริงแล้วพระเจ้าให้ภาระแก่คริสตชนทุกคนไม่ใช่เพียงแต่ อัครสาวก หรือผู้รับใช้พระเจ้า ( บาทหลวง และศิษยาภิบาล ) ในพระคัมภีร์ตอนนี้ที่พระเยซูเจ้าทรงมีพระมหาบัญชาต่อคริสตชน เพื่อให้นำข่าวดีไปป่าวประกาศไปทุกแห่งหน มหาบัญชานี้เป็นคำสั่ง เป็นคำท้าเชิญแก่ชาวคริสต์ทุกคน ทุกคณะนิกาย ทุกสังกัด ให้นำข่าวดี เรื่องพระเยซูคริสต์นี้ไปยังคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า และต้องสอนชุมชนแห่งความเชื่อให้เติบโตขึ้น
อัครทูตเปาโลเมื่อได้รับกระแสเรียกก็ตอบสนองต่อพระมหาบัญชานี้ทันที ท่านตอบสนองโดยการเชื่อฟังต่อการทรงเรียกของพระเจ้า เราได้สัมผัสชีวิตท่านผ่านพระคัมภีร์ว่าตลอดชีวิตของเปาโล ท่านได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อรับใช้พระเจ้า โดย การเทศนา การแพร่ธรรม โดยเฉพาะกับคนต่างชาติ ท่านยอมตายเพื่อ พระเยซูเจ้า และมาถึงคริสตชนพวกเราจะตอบสนอง คำสั่งของพระเยซูเจ้าอย่างไร “...เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา...” เพราะ พระเยซูคริสต์ทรงรักมนุษย์ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ดังนั้นคำสั่งของพระองค์ คือให้ประกาศ หรือแพร่ธรรมเรื่องของพระองค์แก่ทุกๆคน
��้าเราไม่มีภาระใจต่อการแพร่ธรรมแล้ว คนที่ยังไม่รู้จัก ข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เขาจะมีโอกาสฟังพระวจนะอย่างไร เช่นหนังสือ โรม. 10:14-15 “.....และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์
อย่างไรได้”��
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ในพันธสัญญาใหม่จะพบว่าในศตวรรษแรกคริสตชนมีภาระใจต่อการออกไปแพร่ธรรม ประกาศข่าว ดีของพระเยซูเจ้า แก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ ปัจจุบันนี้เรา (คริสตชน) มักจะมีข้ออ้างให้ตัวเองมากมาย เช่น “ฉันไม่ได้รับกระแสเรียกให้เป็นนักบวช หรือ ธรรมทูตฉันจึงไม่สามารถพูดเกี่ยวกับข่าวดีได้ อาจจะจริงที่พระเจ้าไม่ทรงเรียกทุกคนให้เป็นบาทหลวง หรือเป็นศิษยาภิบาล หรือเป็น ธรรมทูต แต่พระเจ้าทรงประทานความสามารถให้คริสตชนทุกคนในการแพร่ธรรมนำข่าวดีของพระเยซูเจ้าออกไป นั่นคือเหตุผลที่ทรงมีพระมหาบัญชาแก่พวกเรา
�� ก็ยังมีคริสตชนจำนวนมาก บอกว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องประกาศ (พูด) แต่ฉันใช้ชีวิตเพื่อประจักษ์พยานแล้ว” บางคนบอก “ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องพระเยซู เมื่อฉันดำเนินชีวิตแบบชาวคริสต์แล้วคนอื่นเขาจะเห็นพระเยซูในตัวฉันเอง” ใช่คนอื่นอาจจะสังเกตพฤติกรรมของท่าน แต่พวกเขาไม่สามารถได้รับความรอดได้จากชีวิตของเรา จนกว่าเราจะพูดข่าวดีให้เขารับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียว ดังนั้นข่าวดีหรือคริสเตียนเรียกข่าวประเสริฐคือเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูทั้งหมด แล้วพระเจ้าทรงนำให้เกิดผล โรม. 1:16 “ข่าวประเสริฐคือนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าเพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด”
วาระต่อการแพร่ธรรมที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเราขณะนี้คือการแบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดคือความรอดในองค์พระเยซูคริสต์แก่คนที่ไม่เชื่อไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และทุกคนในครัวเรือนของท่าน
ทางคริสตจักรของคริสเตียนได้รณรงค์ให้ฆราวาส ร่วมรับภาระคือการอธิษฐานภาวนาให้บุคคลที่ไม่เชื่อ เพราะขณะนี้ทุกๆ นาทีคนได้ตายไปโดยไม่เคยได้ยินข่าวดีของพระเยซูคริสต์พวกเขาต้องจากไปโดยยังไม่ได้รับความรอด คริสตชนคือประชากรแห่งความหวัง จึงเป็นกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบในการแบ่งปันข่าวดี และเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่อง พระเจ้าที่ให้พระเยซูผู้นำความหวังมายังทุกคนใน 2 โครินธ์. 5:18-20 ได้เตือนให้เราเป็น “ทูตของพระคริสต์” เป็นผู้ที่รับภาระแห่งการแพร่ธรรม
��
อัครทูตเปาโลในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกให้แพร่ธรรม นำข่าวดีของพระเยซูเจ้า ใน 1 โครินธ์. 9:16-17ท่านเปาโลบอกว่า “.....เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศวิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า” นักบุญเปาโลซึ่งเป็นผู้รับใช้อย่างแข็งขันอยู่แล้วท่านยังเห็นถึงความสำคัญต่อการแพร่ธรรมประกาศข่าวดี ในจุดนี้ท่านเข้าใจว่า หากท่านไม่แพร่ธรรมจะทำให้คนอื่นพินาศ แล้ววิบัติจะเกิดขึ้นแก่ท่าน
ปีนี้ฉันชอบดู/ฟัง การเทศนาทางทีวี ซึ่งรับจากเมือง Cape Town ประเทศ อัฟริกาใต้ เป็นสถานี “God TV” มีนักเทศนาที่มีชื่อเสียงมากมาย เทศนา ฟื้นฟูวิญญาณจิตผู้เชื่อ และประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์มาถึงกลุ่มชนทั้งผิวขาวและผิวดำ แต่ละรายการมีการนำคนกลับใจใหม่ เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์นับเป็นร้อยๆ พระจิตเจ้าทรงเคลื่อนไหว คนจำนวนมากได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า พระบุตร เขาได้พบทางแห่งความจริง การเจ็บป่วยได้รับการรักษา คนอ่อนแอได้รับพลัง และเมื่อฟังรายการสัมภาษณ์ คนที่กลับใจเชื่อพระเจ้าในบางรายการ คนที่ให้สัมภาษณ์นั้น ทั้งหญิงชาย รู้สึกซาบซึ้งถึงความรักของพระเยซูคริสต์ พวกเขาดีใจและบอกว่าไม่เคยสายที่จะรู้จักกับพระเยซูคริสต์ สำหรับฉันแล้วรู้สึกชื่นใจที่ได้มีโอกาส ฟัง เทศนากับนักเทศน์ฟื้นฟูระดับโลก กับที่นมัสการแห่งนั้น และบางครั้งฉันสัมผัสฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อฟังการแพร่ธรรมของพวกเขา
คริสตจักรโปรเตสแตนต์ทั่วโลกยังให้ความสำคัญ และเชื่อว่ายังจำเป็นสำหรับการแพร่ธรรม นำข่าวดีของพระเยซูเจ้า ที่ทรงรักมนุษย์ทุกคน ทุกชาติภาษา และเผ่าพันธุ์ ฉันอยากสนับสนุนท้าท้ายพระศาสนจักรคาทอลิก และพี่น้องคริสตังให้กลับกันมาเอาจริงเอาจัง เรื่องการแพร่ธรรมอีกครั้งหนึ่ง เพราะความจริงแล้วบุคคลที่ต้องการความรอดคือคนที่อยู่รอบตัวท่าน
ดูที่ มัทธิวบทที่ 28 :20 เป็นพระสัญญาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าว่าพระองค์จะอยู่กับเราจนกว่าจะสิ้นพิภพ เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้วสาวกไม่เห็นพระองค์อีก แต่พระจิตของพระองค์สถิตอยู่ในจิตใจพวกเขาเสมอ ทรงแนะนำ สั่งสอน ทำให้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น และเช่นเดียวกันกับเราบรรดาผู้เชื่อ พระจิตทรงนำ เราให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก การเชื่อฟัง การมีชีวิตที่กระตือรือร้น มีการเสียสละตัวเองเพื่อพระราชกิจ เป็นท่อพระพรที่ส่งพระพรเรื่องความรักและความรอดไปยังคนไม่เชื่อพระเจ้า มาแพร่ธรรมด้วยกันเถอะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตีพิมพ์ ในอิสระรายปักษ์ ฉบับที่ 55 ปักษ์หลัง เดือน ตุลาคม 2005 หน้า 2-5
��ระวรสารนักบุญมัทธิวบทที่ 28: 19-20 คริสตชนรู้จักพระคัมภีร์ตอนนี้ว่าคำสั่งหรือ พระมหาบัญชาของพระเยซูเจ้า หลายคนได้มีข้อถกเถียงกันมากมาย เช่น กลุ่มคริสเตียน เห็น ว่า “มิชชั่นนารีและศิษยาภิบาล”คือผู้ตอบสนองพระมหาบัญชา หรือคำสั่งนี้ ส่วนบางคนมีความเห็นว่าก่อนที่พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ตรัสสั่งแก่บรรดาอัครสาวก 11 คนเท่านั้น เมื่อดูจากบริบทข้อ 16-18 แท้จริงแล้วพระเจ้าให้ภาระแก่คริสตชนทุกคนไม่ใช่เพียงแต่ อัครสาวก หรือผู้รับใช้พระเจ้า ( บาทหลวง และศิษยาภิบาล ) ในพระคัมภีร์ตอนนี้ที่พระเยซูเจ้าทรงมีพระมหาบัญชาต่อคริสตชน เพื่อให้นำข่าวดีไปป่าวประกาศไปทุกแห่งหน มหาบัญชานี้เป็นคำสั่ง เป็นคำท้าเชิญแก่ชาวคริสต์ทุกคน ทุกคณะนิกาย ทุกสังกัด ให้นำข่าวดี เรื่องพระเยซูคริสต์นี้ไปยังคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า และต้องสอนชุมชนแห่งความเชื่อให้เติบโตขึ้น
อัครทูตเปาโลเมื่อได้รับกระแสเรียกก็ตอบสนองต่อพระมหาบัญชานี้ทันที ท่านตอบสนองโดยการเชื่อฟังต่อการทรงเรียกของพระเจ้า เราได้สัมผัสชีวิตท่านผ่านพระคัมภีร์ว่าตลอดชีวิตของเปาโล ท่านได้ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่อรับใช้พระเจ้า โดย การเทศนา การแพร่ธรรม โดยเฉพาะกับคนต่างชาติ ท่านยอมตายเพื่อ พระเยซูเจ้า และมาถึงคริสตชนพวกเราจะตอบสนอง คำสั่งของพระเยซูเจ้าอย่างไร “...เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา...” เพราะ พระเยซูคริสต์ทรงรักมนุษย์ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ดังนั้นคำสั่งของพระองค์ คือให้ประกาศ หรือแพร่ธรรมเรื่องของพระองค์แก่ทุกๆคน
��้าเราไม่มีภาระใจต่อการแพร่ธรรมแล้ว คนที่ยังไม่รู้จัก ข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เขาจะมีโอกาสฟังพระวจนะอย่างไร เช่นหนังสือ โรม. 10:14-15 “.....และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์
อย่างไรได้”��
เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ในพันธสัญญาใหม่จะพบว่าในศตวรรษแรกคริสตชนมีภาระใจต่อการออกไปแพร่ธรรม ประกาศข่าว ดีของพระเยซูเจ้า แก่บรรดาผู้ไม่เชื่อ ปัจจุบันนี้เรา (คริสตชน) มักจะมีข้ออ้างให้ตัวเองมากมาย เช่น “ฉันไม่ได้รับกระแสเรียกให้เป็นนักบวช หรือ ธรรมทูตฉันจึงไม่สามารถพูดเกี่ยวกับข่าวดีได้ อาจจะจริงที่พระเจ้าไม่ทรงเรียกทุกคนให้เป็นบาทหลวง หรือเป็นศิษยาภิบาล หรือเป็น ธรรมทูต แต่พระเจ้าทรงประทานความสามารถให้คริสตชนทุกคนในการแพร่ธรรมนำข่าวดีของพระเยซูเจ้าออกไป นั่นคือเหตุผลที่ทรงมีพระมหาบัญชาแก่พวกเรา
�� ก็ยังมีคริสตชนจำนวนมาก บอกว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องประกาศ (พูด) แต่ฉันใช้ชีวิตเพื่อประจักษ์พยานแล้ว” บางคนบอก “ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องพระเยซู เมื่อฉันดำเนินชีวิตแบบชาวคริสต์แล้วคนอื่นเขาจะเห็นพระเยซูในตัวฉันเอง” ใช่คนอื่นอาจจะสังเกตพฤติกรรมของท่าน แต่พวกเขาไม่สามารถได้รับความรอดได้จากชีวิตของเรา จนกว่าเราจะพูดข่าวดีให้เขารับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นพระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียว ดังนั้นข่าวดีหรือคริสเตียนเรียกข่าวประเสริฐคือเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูทั้งหมด แล้วพระเจ้าทรงนำให้เกิดผล โรม. 1:16 “ข่าวประเสริฐคือนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าเพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด”
วาระต่อการแพร่ธรรมที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเราขณะนี้คือการแบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดคือความรอดในองค์พระเยซูคริสต์แก่คนที่ไม่เชื่อไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และทุกคนในครัวเรือนของท่าน
ทางคริสตจักรของคริสเตียนได้รณรงค์ให้ฆราวาส ร่วมรับภาระคือการอธิษฐานภาวนาให้บุคคลที่ไม่เชื่อ เพราะขณะนี้ทุกๆ นาทีคนได้ตายไปโดยไม่เคยได้ยินข่าวดีของพระเยซูคริสต์พวกเขาต้องจากไปโดยยังไม่ได้รับความรอด คริสตชนคือประชากรแห่งความหวัง จึงเป็นกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบในการแบ่งปันข่าวดี และเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่อง พระเจ้าที่ให้พระเยซูผู้นำความหวังมายังทุกคนใน 2 โครินธ์. 5:18-20 ได้เตือนให้เราเป็น “ทูตของพระคริสต์” เป็นผู้ที่รับภาระแห่งการแพร่ธรรม
��
อัครทูตเปาโลในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเรียกให้แพร่ธรรม นำข่าวดีของพระเยซูเจ้า ใน 1 โครินธ์. 9:16-17ท่านเปาโลบอกว่า “.....เพราะจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐ ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศวิบัติจะเกิดแก่ข้าพเจ้า” นักบุญเปาโลซึ่งเป็นผู้รับใช้อย่างแข็งขันอยู่แล้วท่านยังเห็นถึงความสำคัญต่อการแพร่ธรรมประกาศข่าวดี ในจุดนี้ท่านเข้าใจว่า หากท่านไม่แพร่ธรรมจะทำให้คนอื่นพินาศ แล้ววิบัติจะเกิดขึ้นแก่ท่าน
ปีนี้ฉันชอบดู/ฟัง การเทศนาทางทีวี ซึ่งรับจากเมือง Cape Town ประเทศ อัฟริกาใต้ เป็นสถานี “God TV” มีนักเทศนาที่มีชื่อเสียงมากมาย เทศนา ฟื้นฟูวิญญาณจิตผู้เชื่อ และประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์มาถึงกลุ่มชนทั้งผิวขาวและผิวดำ แต่ละรายการมีการนำคนกลับใจใหม่ เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์นับเป็นร้อยๆ พระจิตเจ้าทรงเคลื่อนไหว คนจำนวนมากได้รับการสัมผัสจากพระเจ้า พระบุตร เขาได้พบทางแห่งความจริง การเจ็บป่วยได้รับการรักษา คนอ่อนแอได้รับพลัง และเมื่อฟังรายการสัมภาษณ์ คนที่กลับใจเชื่อพระเจ้าในบางรายการ คนที่ให้สัมภาษณ์นั้น ทั้งหญิงชาย รู้สึกซาบซึ้งถึงความรักของพระเยซูคริสต์ พวกเขาดีใจและบอกว่าไม่เคยสายที่จะรู้จักกับพระเยซูคริสต์ สำหรับฉันแล้วรู้สึกชื่นใจที่ได้มีโอกาส ฟัง เทศนากับนักเทศน์ฟื้นฟูระดับโลก กับที่นมัสการแห่งนั้น และบางครั้งฉันสัมผัสฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อฟังการแพร่ธรรมของพวกเขา
คริสตจักรโปรเตสแตนต์ทั่วโลกยังให้ความสำคัญ และเชื่อว่ายังจำเป็นสำหรับการแพร่ธรรม นำข่าวดีของพระเยซูเจ้า ที่ทรงรักมนุษย์ทุกคน ทุกชาติภาษา และเผ่าพันธุ์ ฉันอยากสนับสนุนท้าท้ายพระศาสนจักรคาทอลิก และพี่น้องคริสตังให้กลับกันมาเอาจริงเอาจัง เรื่องการแพร่ธรรมอีกครั้งหนึ่ง เพราะความจริงแล้วบุคคลที่ต้องการความรอดคือคนที่อยู่รอบตัวท่าน
ดูที่ มัทธิวบทที่ 28 :20 เป็นพระสัญญาสุดท้ายของพระเยซูเจ้าว่าพระองค์จะอยู่กับเราจนกว่าจะสิ้นพิภพ เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้วสาวกไม่เห็นพระองค์อีก แต่พระจิตของพระองค์สถิตอยู่ในจิตใจพวกเขาเสมอ ทรงแนะนำ สั่งสอน ทำให้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น และเช่นเดียวกันกับเราบรรดาผู้เชื่อ พระจิตทรงนำ เราให้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก การเชื่อฟัง การมีชีวิตที่กระตือรือร้น มีการเสียสละตัวเองเพื่อพระราชกิจ เป็นท่อพระพรที่ส่งพระพรเรื่องความรักและความรอดไปยังคนไม่เชื่อพระเจ้า มาแพร่ธรรมด้วยกันเถอะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตีพิมพ์ ในอิสระรายปักษ์ ฉบับที่ 55 ปักษ์หลัง เดือน ตุลาคม 2005 หน้า 2-5
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ พ.ย. 12, 2005 3:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แล้วถ้าเรายังไม่ได้เป็นคริสตชนแต่มีความเชื่อ เราจะแพร่ธรรมได้ยังไงล่ะค่ะ ทั้งๆที่เราก็ยังไม่ได้เป็นคริสตชนเต็มตัว
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
*thx *ok *no1 ดีครับ เรื่องนี้น่าสนับสนุนมากๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
GoD aNd I เขียน: แล้วถ้าเรายังไม่ได้เป็นคริสตชนแต่มีความเชื่อ เราจะแพร่ธรรมได้ยังไงล่ะค่ะ ทั้งๆที่เราก็ยังไม่ได้เป็นคริสตชนเต็มตัว
แค่หนูดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซู ให้เป็นแบบอย่างให้แก่คนรอบข้าง
นี่ก็เป็นการแพร่ธรรมอย่างหนึ่งแล้วคะ
แล้วถ้ามีโอกาสได้เอ่ยชื่อพระองค์ หรือ ยืนยันความเชื่อความศรัทธาของเรา
ก็อย่าอายที่จะประกาศด้วยว่าเชื่อ....แค่นี้ก็โอเคในระดับหนึ่งแล้วจ๊ะ *no1
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ไม่ได้หรอก เจ๊เธอ ต้องการให้ อิสระเป็นที่แรก ฮับ อีกอย่างถึงแม้ พี่จะใส่รูปงดงามสุดหรูอย่างไรHoly เขียน: วันหลังก่อนส่งพิมพ์พี่พีพีเอามาโพสแล้วให้ผมแปะรูปก่อนสิครับ แล้วเวลาพี่พีพีส่งต้นฉบับก็เอารูปผมส่งให้เขาไปด้วย บทความในหนังสือก็จะได้สวยงามด้วยไงครับ
ที่โน่น เข้ามีพื้นที่จำกัด คร้าบทั่น ที่นี่แหละสุดๆ
พี่โฮลี่ ไปนำไปขึ้นบอร์ดบทความล่ะ ???
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ทำไมหรอครับ ???Y u K i เขียน: คุณพ่อมักจะเทศน์เรื่องนี้บ่อย ๆ โดยให้ดูแบบอย่างคริสตังที่เกาหลีใต้
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
คนเกาหลี เอาจริงเอาจังกับการแพร่ธรรมมาก
ขณะนี้มีคนต่างชาติเข้าไปทำงานในประเทศเขากว่า 100 ชาติ เขามีนิมิตแพร่ธรรมแก่
คนต่างชาติมากขึ้น เพราะเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำให้ชนชาติเหล่านั้นมารับพระพรของอับราฮัม
แต่ขณะเดียวกัน อิสลามก็เพิ่มขึ้น เพราะคนต่างชาติอิสลามเข้าไป แพร่ธรรมโดยแพร่พันธุ์
ขณะนี้มีคนต่างชาติเข้าไปทำงานในประเทศเขากว่า 100 ชาติ เขามีนิมิตแพร่ธรรมแก่
คนต่างชาติมากขึ้น เพราะเชื่อว่าพระเจ้าทรงนำให้ชนชาติเหล่านั้นมารับพระพรของอับราฮัม
แต่ขณะเดียวกัน อิสลามก็เพิ่มขึ้น เพราะคนต่างชาติอิสลามเข้าไป แพร่ธรรมโดยแพร่พันธุ์
พี่น้องกันจับมือกันแพร่ธรรม อย่าว่ากันช่วยกันให้ผู้อื่นมารู้จักบิดาที่รักลูกสุดประมาณและพระเยซู
ที่ใจดี ดังเพลง
(มือกระชับกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวด้วยใจชื่นชม ด้วยใจของเราเกลียวกลม สุขสมความรักพระองค์)
2เราร่วมสามัคคีน้องพี่ในพระองค์ เราเป็นหนึ่งมั่นคงดำรงสวรรค์ รื่นรมย์
ที่ใจดี ดังเพลง
หนึ่งเดียวกัน
1 เราร่วมเป็นหนึ่งซื้งในความสัมพันธ์ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสรรค์ สวรรค์รื่นรมย์ (มือกระชับกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวด้วยใจชื่นชม ด้วยใจของเราเกลียวกลม สุขสมความรักพระองค์)
2เราร่วมสามัคคีน้องพี่ในพระองค์ เราเป็นหนึ่งมั่นคงดำรงสวรรค์ รื่นรมย์