โปรดปราน (พีพี )
“...แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า” (โยชูวา 24:15)
ขณะนี้ชาวไทยเราอยู่ในยุคที่ผู้นำประเทศท้าทายให้ประชาชนเลือกข้าง ในแวดวงเพื่อนฝูงฉันก็ถูกถามว่า เธอจะอยู่ฝ่ายไหน เมื่อถูกถามให้เลือกข้างฉันกลับคิดถึงพระคัมภีร์เก่าที่เพิ่งอ่านคือเรื่องของโยชูวา เมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตท่านเองก็ท้าทายให้คนอิสราเอลเลือกข้างเหมือนกัน ซึ่งตัวโยชูวาเองได้เลือกข้างไว้แล้ว ดังที่ท่านประกาศอย่างมั่นคงว่า ตัวท่านและครอบครัวเลือกฝ่ายพระเจ้า
โยชูวา โยชัว เยชูวา ยะโฮชูอะ เยซู ต่างมีความหมายเดียวกันคือพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด โยชูวาเป็นบุตรนูน เกิดในตระกูลเอฟราอิม ในสมัยที่อิสราเอลตกเป็นทาสในอียิปต์ มีชีวิต 110 ปี (ยชว.24:29) โยชูวามีประสบการณ์ชีวิตในหลายๆ ด้านดังนี้
1. ด้านการก่อสร้าง : ในช่วงที่เป็นทาสในอียิปต์ เขาต้องทำงานหนักเหมือนชายฉกรรจ์ชาวยิวอื่นๆ ในการทำอิฐ ทำปูนเพื่อการก่อสร้าง
2. ด้านการทหาร :ในช่วงที่โมเสสพาชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ อยู่ในถิ่นทุรกันดาร อิสราเอลทำสงครามกับอามาเลข โยชูวาถูกส่งให้เป็นผู้นำเหล่าทัพออกไปสู้รบจนได้ชัยชนะ (อพยพ17:9-16) ต่อมาเขาเป็น 1 ใน 12 คนที่โมเสสส่งไปสอดดินแดนคานาอัน (กดว.13:1-16)
3. ด้านความเชื่อ : ได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าทรงทำงานผ่านโมเสส ได้รับการสอนเรื่องการรักษาพระบัญญัติกฎเกณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่เยาว์วัย เขามีความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงประทานแผ่นดินคานาอันซึ่งเป็นแผ่นดินแห่งพระสัญญาสำหรับอิสราเอล
4. ด้านการรับใช้ : เป็นผู้รับใช้ของโมเสสตั้งแต่หนุ่มๆ (กดว.11:28) มักอยู่เคียงข้างโมเสสตลอดเวลา ไม่ว่าโมเสสจะไปไหน ข้างหนึ่งคืออาโรน และอีกข้างหนึ่งคือโยชูวา
5. ด้านการเป็นผู้นำ : ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำอิสราเอลต่อจากโมเสส เพราะเป็นผู้มีความสามารถ มีความสัตย์ซื่อ ประกอบด้วยพระจิตเจ้า (กดว.27:16-23,ฉธบ.1:34-40,3:23-27)
โยชูวา คือผู้นำอิสราเอลคนใหม่ เมื่อพระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้โมเสสเข้าไปในแผ่นดินแห่งพระสัญญา เพราะท่านไม่เชื่อฟังพระเจ้า และไม่ให้เกียรติแก่พระองค์ (กดว.20:1-20) รวมทั้งชาวอิสราเอลที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กลุ่มชนที่ออกจากอียิปต์ที่มีชีวิตในถิ่นทุรกันดาร พวกหัวดื้อและขี้บ่นก็ไม่สามารถเข้าในแผ่นดิน ยกเว้นโยชูวา คาเลบ และชนรุ่นใหม่ที่เกิดในถิ่นทุรกันดารที่มีอายุ 20 ปีลงมาจึงได้เข้าแผ่นดินนั้น (กดว.14:26-35)
หลังจากโมเสสเสียชีวิต โยชูวาต้องทำหน้าที่นำชนชาติอิสราเอลออกจากถิ่นทุรกันดาร บุกเข้ายึดครองคานาอันดินแดนแห่งพระสัญญา โยชูวามีความวิตกกังวล มีความกลัว และขาดความมั่นใจเพราะ คนอิสราเอล มีนิสัยทั้งดื้อด้านและขี้บ่น ด้านจำนวนประชากรมีมาก ส่วนในแผ่นดินคานาอันประกอบด้วยชนชาติเดิม 7 ชนชาติ คนพวกนี้เป็นคนตัวใหญ่แข็งแกร่ง มีกำลังมากและกราบไหว้รูปเคารพ ดูน่ากลัวจริงๆที่จะเข้าไปยึดครอง บทเรียนที่เราได้รับจากชีวิตของโยชูวา ดังนี้

1. ก้าวออกจากถิ่นทุรกันดาร…ด้วยความวางใจในพระเจ้า (ยชว.1:3-9)
พระเจ้าทรงให้โยชูวามองเห็นปัจจุบัน แม้ว่าท่านยังอยู่ท่ามกลางปัญหา ท่านต้องเคลื่อนพลออกจากที่ราบโมอับ ข้ามแม่น้ำจอร์แดนมุ่งสู่คานาอัน แต่พระเจ้าทรงสัญญากับโยชูวา ว่า “เราอยู่กับโมเสสมาแล้วฉันใด เราจะอยู่กับเจ้าฉันนั้น เราจะไม่ละเลยหรือละทิ้งเจ้าเสีย จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะเจ้าไปถิ่นฐานใด พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้า” จากพระสัญญาของพระเจ้าทำให้โยชูวาเพิ่มความมั่นใจและมีความกล้าหาญพร้อมทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของโมเสส สืบสานน้ำพระทัยของพระเจ้าให้สำเร็จ
ความเชื่อคือความแน่ใจในที่สิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง ชีวิตคริสตชนต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า และสิ้นสุดลงด้วยความเชื่อและความวางใจในพระเจ้าเช่นกัน เรามั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อในการรักษาคำมั่นสัญญา ทรงเปี่ยมด้วยความรักความเมตตาความเอ็นดูที่มีต่อบุตรของพระองค์ ทรงฤทธานุภาพที่เราสามารถวางใจและมอบทั้งชีวิตให้กับพระองค์
พระเจ้าทรงให้โยชูวามองไปข้างหน้า มองดูอนาคตคือที่ แผ่นดินคานาอัน ซึ่งเป็นแผ่นดินแห่งพันธสัญญา ที่อุดมไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม แม้โยชูวาจะยังไม่ได้ยึดครอง แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงเตรียมไว้ก่อนแล้ว เป็นพันธสัญญาที่พระองค์ทรงกระทำต่ออับราฮัมว่าอิสราเอลจะเป็นชนชาติใหญ่ จะเป็นชนชาติที่มีชื่อเสียง อิสราเอลจะเป็นชนชาติพระพร ที่นำพระพรของพระเจ้าไปสู่ชาวโลก ดังนั้นโยชูวามีหน้าที่ทำตามพระบัญชาของพระเจ้า เพราะความสำเร็จก็วางอยู่ข้างหน้าแล้ว