ชื่อนี้เป็นที่นิยมกันมากในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่
เป็นชื่อที่อัครเทวฑูตกาเบรียลมอบให้ เมื่อถือสารมาแจ้งแก่พระนางมารีย์ (ลก.1:31)
มีความหมายว่า "พระผู้ช่วยให้รอด" ตามที่เทวฑูตแจ้งแก่นักบุญยอแซฟในความฝัน (มธ.1.21)

ชีวประวัติ พระเยซู ตามพระคัมภีร์
เป็นบุตรพระเจ้าที่ทรงลงมาบังเกิดในครรภ์พระนางมารีย์ โดยมีนักบุญยอแซฟ เป็นบิดาเลี้ยง
(ลก.4:22, มธ.13:55, มก.6:3, ยน.19:25-28)
ทรงเป็นช่างไม้ (มก.6:3, มธ.13:55)
ทรงมีเชื้อสายกษัตริย์ดาวิด (ลก.20.41-45, 3:23-38, มธ.15.22, 9:27, 1:1-16)
ประสูติ ณ ตำบลเบทเลแฮม ในถ้ำเลี้ยงสัตว์ (ลก.2.1-7)
ประสูติจากสาวพรหมจารี (ลก.1.26-38 มธ.1.18-25)
เป็นชาวนาซาแรธ (ลก.2.39-40, 4.16)
เป็นพระศาสดาสอนศาสนา(ประกาศก) (ลก.3.23 มธ.4.17)
บุคคลิกภาพของพระองค์ สุภาพ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย (มธ.8.20) อ่อนหวาน (มธ.11.29)
ไม่นิยมความรุนแรง (ลก.9.51)
เมตตากรุณา รักคนบาป คนจนเป็นพิเศษ (ลก.7.36-50, 13.10-17,15.1-8 มก.2.13-17,8.1-10)
ยุติธรรม (มธ.17.24-27) ร้อนรนในพระศาสนา (ยน.2.13-21)
ฉลาด ปฏิภาณดีเยี่ยม (มก.12.13-17, ยน.8.1-11)
กล้าประณามคนทำผิดแม้ระดับชั้นหัวหน้า (มก.12.38-40, ลก.13.31-33, มธ.23.1-36)
สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (มธ.26.47-27.61)
กลับคืนชีพ (มธ.28.1-10, มก.16.1-18, ลก.24.1-12, ยน.20.1-11)
๏๏๏ ประวัติของพระเยซูเจ้า ๏๏๏
ตารางเวลาของพันธะสัญญาใหม่
ประมาณ 4 ปีก่อนคริสตศักราช พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดบนรางหญ้า ณ เมืองเบธเลแฮม ประเทศปาเลสไตน์ (มธ. 1:18-25, 2:1-12; ลก. 1:2-7)
ประมาณปี ค.ศ. 8 พระเยซูเจ้าทรงตอบคำถามในศาลาธรรมกับพวกธรรมาจารย์ ขณะที่หลงทางกับขบวนของยอแซฟและมารีย์(ลก. 2:39-52)
ประมาณปี ค.ศ. 29 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจากนักบุญยอห์นบัปติสต์ในแม่น้ำจอร์แดน(มธ. 3:13-17; มก. 1:9-11; ลก. 3:21-22)
- มารมาผจญพระเยซูเจ้า 3 ประการ ขณะทรงเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และอดอาหารเป็นเวลา 40 วัน(มธ. 4:1-11; มก. 1:12-13; ลก. 4:1-13)
ปี ค.ศ. 30 ลูกศิษย์กลุ่มแรกเริ่มเจริญชีวิตกับพระเยซู
- ทรงไปงานเลี้ยงที่เมืองคานา แคว้นกาลิลี ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น (ยน. 2:1-12)
- ฉลองเทศกาลปัสกา
- พระเยซูเจ้าทรงชำระพระวิหารครั้งแรก(มธ. 21:12-13; มก. 11:15-18; ลก. 19:45-46; ยน. 2:13-22)
- พระเยซูเจ้าทรงสนทนากับนิโคเดมัส(ยน. 3:1-21)
- นักบุญยอห์นบัปติสต์ถูกจับ(มธ. 14:1-5; มก. 6:14-20)
ปี ค.ศ. 31 ฉลองเทศกาลปัสกาครั้งที่ 2 ที่กรุงเยรูซาเล็ม
- ทรงเทศนาบนภูเขา(มธ. 5:1-48, 6:1-34, 7:1-28; ลก. 6:20-49)
- ทรงรักษาทาสของนายร้อยชาวโรมัน(มธ. 8:5-13; ลก. 7:1-10)
- ทรงสั่งให้ลมพายุสงบ
ปี ค.ศ. 32 มรณกรรมของนักบุญยอห์นบัปติสต์(มธ. 14:6-12; มก. 6:21-29; ลก. 9:7-9)
- ทรงเลี้ยงอาหารคน 5,000 คน(มธ. 14:13-21; มก. 6:30-44; ลก. 9:10-17; ยน. 6:1-15)
- ทรงดำเนินไปบนผิวน้ำ(มธ. 14:22-27; มก. 6:45-52; ยน. 6:16-24)
- ฉลองเทศกาลปัสกาครั้งที่ 3(ยน. 7:10-24)
- ทรงทำนายถึงมรณกรรมของพระองค์ - - เปโตรถูกพระเยซูตำหนิ(มธ. 16:21-28; มก. 8:31-38, 9:1; ลก. 9:22-27)
- ทรงจำแลงพระวรกายบนภูเขา(มธ. 17:1-8; มก. 9:2-8; ลก. 9:28-36)
- ฉลองเทศกาล Tabernacles ที่กรุงเยรูซาเล็ม (50 วันหลังปัสกา)
- ฉลองเทศกาลวันครบรอบเสกพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม
ปี ค.ศ. 33 เสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างมีชัย
- พระเยซูเจ้าทรงชำระพระวิหาร
- พระเยซูเจ้าทรงใช้ศิษย์ 2 คนไปเตรียมเทศกาลปัสกาครั้งที่ 4
- ทรงตั้งศีลมหาสนิท
- ยูดาศอิสคาริโอสทรยศ
- ถูกจับและจำคุก
- ถูกตัดสินลงโทษให้ประหารชีวิตโดยการตรึงบนกางเขน
- เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพและสั่งสอนสานุศิษย์ 40 วัน แล้วเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ปี ค.ศ. 34/35 สานุศิษย์รับพระจิตเจ้า
- อัครสาวกเลือกคณะทั้ง 7
- นักบุญสเตเฟนถูกฆ่าเป็นมรณสักขีคนแรก(กจ. 6:1-15, 7:1-60, 8:1)
- นักบุญเปาโลเห็นนิมิตของพระเยซูเจ้า จึงเชื่อและกลับใจ(กจ. 9:1-19; กจ. 22:6-16; กจ. 26:12-18)
ปี ค.ศ. 37/38 นักบุญเปาโลไปหานักบุญเปโตรที่กรุงเยรูซาเล็ม
ปี ค.ศ. 46-47 การเดินทางเพื่อประกาศพระวรสารของนักบุญเปาโลเที่ยวแรก
ปี ค.ศ. 48 มีการประชุมที่นครเยรูซาเล็ม
ปี ค.ศ. 48-51 การเดินทางเพื่อประกาศพระวรสารของนักบุญเปาโลเที่ยวที่สอง
ปี ค.ศ. 53 การเดินทางเพื่อประกาศพระวรสารของนักบุญเปาโลเที่ยวที่สาม
ปี ค.ศ. 59 นักบุญเปาโลเดินทางกลับสู่นครเยรูซาเล็ม
ปี ค.ศ. 59-61 นักบุญเปาโลถูกจับที่ซีซารีอา (Caesarea)
ปี ค.ศ. 62-64 นักบุญเปาโลถูกส่งตัวไปที่กรุมโรม
ปี ค.ศ. 70 นครเยรูซาเล็มล่มสลาย
๏๏๏ อัครธรรมฑูต (Apostles) ๏๏๏
"อัครธรรมฑูต" แปลว่า "ผู้ถูกส่งไป" หมายถึง อัครสาวกของพระเยซูคริสต์ มี 12 องค์ ได้แก่
1. นักบุญ เปโตร 2. นักบุญ อันดรูว์ 3. นักบุญ ยากอบ (พี่ชายของยอห์น)
4. นักบุญ ยอห์น 5. นักบุญ ฟิลิป 6. นักบุญ บาร์โทโลมิว
7. นักบุญโทมัส 8. นักบุญ มัทธิว 9. นักบุญ ยากอบ (บุตรของอัลเฟอัส)
10. นักบุญ ยูดา (หรือ นักบุญธัดเทว) 11. นักบุญซีมอน 12. ยูดาส (ผู้ทรยศ)
*. นักบุญ มัทธีอัส ได้รับเลือกแทนยูดาสในภายหลัง

พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า
พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้า ได้รับการสักการะจากคริสตชนในสมัยแรก (พบ.2,9)
ในศตวรรษ ที่ 14 เริ่มมีการนมัสการพระนามนี้ในพิธีกรรม นักบุญแบร์นาดิน แห่งเวซียอานาและลูกศิษย์ของท่านได้ส่งเสริมให้การฉลองเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ในศตวรรษ ที่ 16 การฉลองพระนามกรของพระเยซูคริสตเจ้าได้ถูกบรรจุเป็นวันฉลองในปฏิทินพิธีกรรมของคณะฟรังซิสกัน
ในปี ค.ศ.1721 พระสันตะปาปาอินโนเซ็นต์ที่ 13 ได้จัดวันฉลองนี้ให้อยู่ในปฏิทินพิธีกรรมสากลของพระศาสนจักร และจัดให้มีการฉลองพระนามกรพระเยซูในวันอาทิตย์ ระหว่างวันที่ 2-5 มกราคม ถ้าระหว่างวันที่ 2-5 มกราคม ไม่ตรงกับวันอาทิตย์ ก็ให้ฉลองในวันที่ 2 มกราคม
หลังสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 วันฉลองนี้ได้ถูกตัดออกจากปฏิทินพิธีกรรมสากลของพระศาสนจักร แต่ยังคงรักษาการฉลองนี้ไว้ในมิซซาบนบาน
เรายังพบว่ามีการพูดถึงพระนามอันศักดิ์สิทธ์ของพระเยซูคริสตเจ้าในพระวรสารของมิซซาในวันที่ 1 มกราคม "เขาได้ตั้งชื่อพระกุมารว่า " เยซู " ตามที่ทูตสวรรค์สั่งไว้ " (มิสซาสมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า)
ชื่อย่อของพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้าซึ่งประกอบไปด้วยตัวอักษร IMS ซึ่งเป็นอักษรสามตัวแรกของพระนามกรเยซูคริสตเจ้าใน ภาษากรีก เราพบตัวอักษรย่อนี้บ่อยๆซึ่งเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในวัด บนอาภรณ์ของพระสงฆ์ แผ่นปัง และในส่วนอื่นๆของภาชนะศักดิ์สิทธิ์
ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้าขอพระนามของพระองค์จงได้รับการสรรเสริญ
ขอให้ลูกๆของพระองค์ได้รับพระพรอย่างอุดมเทอญ