สมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ ศุกร์ 11 มิถุนายน 2021

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
Yan Agape
โพสต์: 1238
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

เสาร์ มิ.ย. 05, 2021 9:12 am

สมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ ศุกร์ 11 มิถุนายน 2021

สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันศุกร์ต้นเดือนของสหรัฐอเมริกา (เวลาช้ากว่าประเทศไทย 12 ชั่วโมงของฝั่งตะวันออกและ 15 ชั่วโมงของฝั่งตะวันตก)

ผมและภรรยาคู่ชีวิตได้ไปร่วมมิสซา กลับบ้านแล้วก็นึกถึงวัดนักบุญโบนิเฟส (ฉลองท่าน วันเสาร์ 5 มิถุนายน 2021) อยู่ที่เมืองยูเนี่ยนทาวน์ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ใกล้กับมหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตันที่ลูกสาวผมเรียนจบเมื่อ 7 ปีที่แล้ว และลูกชายผมเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว สองคนมีอาชีพการงานทํา แยกตัวออกจากบ้าน ไม่ต้องห่วงว่าความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด

เพื่อนผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่นั่น (สุภาพสตรีชาวไทย จบปริญญาเอก และเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดมาก เกษียณสี่ปีที่แล้ว ปัจจุบันพักอยู่ที่ประเทศไทย) แนะนำให้ไปเพราะไปบ่อย ชอบนั่งในวัดเงียบๆตามลําพัง มีสันติสุขในใจ ผมฟังแล้วสุดทึ่ง!

วัดนี้เป็นวัดธรรมดา เรียบง่าย แต่สง่างามในตัว สร้างเพื่อชาวยุโรป (ส่วนมากเป็นชาวเยอรมัน) ที่อพยพไปตั้งรกรากที่นั่น กว่า 100 ปีที่แล้ว วัดเก่าไฟไหม้ วัดใหม่ปัจจุบันสวยงามแข็งแกร่ง เป็นวัดแรกของโรมันคาทอลิกของรัฐวอชิงตันครับ

ลักษณะเด่นที่สุดของภายในวัด (ในความรู้สึกของผม) คือผนังข้างในบริเวณพระแท่นซ้ายที่รูปปั้นพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ทรงประทับอยู่ ฉาบทาด้วยสีเหลืองอ่อน เมื่อต้องแสงแดดที่ส่องเข้ามา สว่างไสวเจิดจ้า งามตาประทับใจไม่ลืม ทําให้นึกได้ว่า:

พวกเราเป็นโรมันคาทอลิกระดับชาวบ้าน ลูกวัด เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นสามี เปฺ็นภรรยา หรือเป็นโสด มีอาชีพ มีงาน ธุรกิจ เลี้ยงดูครอบครัวหรือตัวเอง แต่พวกเราก็คือรากฐานของพระศาสนจักร เพราะ พระสันตะปาปา คาร์ดินัล พระสังฆราช พระสงฆ์ ซิสเตอร์ นักบวช ชายหญิง นักบุญ มรณสักขี ล้วนแล้วแต่ได้รับกําเนิด เลี้ยงดู อบรม จากพวกเรา

พวกเราต้องร่วมรณรงค์แพร่ธรรมให้พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าได้รับการแพร่ขยายสนองตอบทุกหนทุกแห่งในโลกต่อความรักของพระองค์ พระบุตร พระผู้ไถ่ พระเป็นเจ้า บ่อเกิดของความรัก ความเมตตา แล้วให้เป็นหัวใจของพระศาสนจักร ตามพระประสงค์ของนักบุญโป๊ปยอห์นปอลที่ 2 ที่ทรงตรัสและบันทึกไว้ให้พวกเราทําตาม

ไม่ต้องเริ่มที่ไหน ที่ตัวเรานี้แหละครับ เลียนแบบทําตามพระองค์และพระแม่มารีย์ในการดําเนินชีวิตประจําวันของทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไป

พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
(The Sacred Heart, Most Sacred Heart of Jesus)
ศตวรรษที่ 11: ความเป็นมาของพระองค์ เริ่มเมื่อศตวรรษที่ 11 ประวัติพระศาสนจักรได้บันทึกว่า คณะนักบวชเบเนดิกติน (Benedictine) เป็นผู้เริ่มรณรงค์เผยแพร่ความศรัทธา
ศตวรรษที่ 13-16: เป็นที่แพร่หลายในคณะนักบวชฟรังซิสกัน (Franciscans) ดอมินิกัน (Dominicans) เยซูอิต (Jesuits) ฯลฯ เป็นส่วนตัว เป็นคณะ ไม่ทั่วไปในพระศาสนจักร จุดรวมความศรัทธาก็คือ รอยแผลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ของพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ (พระหัตถ์ทั้งสอง พระบาททั้งสอง และสีข้าง ที่ทหารโรมันใช้หอกแทงทะลุอก เข้าหัวใจ ให้แน่ใจว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์จริง)

ศตวรรษที่ 17: นักบุญ ยัง เอิ๊ดส์ (Saint Jean Eudes, 14 พฤศจิกายน 1601 – 19 สิงหาคม 1680, 321 ปีที่ผ่านมา) คุณพ่อคณะเยซูอิต ซึ่งต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งคณะนักบวชแห่งพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีอา (The Eudists = Congregation of Jesus and Mary) และคณะภคินีแห่งพระแม่มารีอาแห่งความเอื้อเฟื้อ แห่งที่พึ่งพิง (Sisters of Our Lady of Charity of the Refuge) ก็ประกาศในที่สาธารณะรณรงค์สร้างกระแสความศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ฯ ท่านนักบุญเป็นอัครสาวกแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่มารีอา (The Sacred Heart of Mary, Immaculate Heart of Mary) แต่หัวใจของท่านก็มีความรัก ความศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ท่านจัดวันฉลองรวมกัน แล้วเริ่มแยกวันฉลองต่างหาก

31 สิงหาคม 1670 (341 ปีที่ผ่านมา): วันฉลองพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ฯ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ที่บ้านเณรใหญ่ของเมืองแรนส์ (Grand Seminary of Rennes, ตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส)
20 ตุลาคม 1670: วันฉลองพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ฯ ครั้งที่ 2 ในประวัติพระศาสนจักร ที่เมือง กูต๊องซ์ (Coutances, ตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส)

27 ธันวาคม 1673 (338 ปีที่ผ่านมา): นักบุญ มาร์กาเร็ต มารีย์ อาลาก๊อก (Saint Margaret Mary Alacoque, 22 กรกฎาคม 1647 – 17 ตุลาคม 1690, 321 ปีที่ผ่านมา) ภคินีคณะพระแม่มารีอาแห่งการเยี่ยมเยือน (The Order of the Visitation of Holy Mary, Visitation Order, Filles de Sainte-Marie, Visitandines, Salesian Sisters, Visitationists) รายงานกับผู้ใหญ่ในคณะว่าพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ได้ทรงปรากฏองค์ และอนุญาตให้ท่านนักบุญเอาศีรษะซบพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เหมือนที่ทรงอนุญาตให้นักบุญเกอร์ทรูด (St. Gertrude, 6 มกราคม 1256 – 17 พฤศจิกายน 1302, 709 ปีที่ผ่านมา, ภคินีของคณะนักบวชเบเนดิกติน ชาวเยอรมัน) ได้ทำมา พระเป็นเจ้าทรงเปิดเผยถึงความรักอันมหัศจรรย์มากหลายของพระองค์ ให้ท่านนักบุญได้รับรู้ รับทราบ ทรงมีพระประสงค์ให้ความมหัศจรรย์เหล่านี้ เป็นที่รู้จักของมวลมนุษย์ เผยแพร่มหาสมบัติล้ำค่าแห่งความดีงามของพระองค์ และพระองค์ทรงเลือกท่านนักบุญสำหรับงานชิ้นนี้

มิถุนายน/กรกฎาคม 1674 (337 ปีที่ผ่านมา): พระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ทรงมีพระประสงค์ให้มวลมนุษย์ ถวายเกียรติพระองค์ในพระรูปลักษณ์ของพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ ท่านนักบุญบันทึกว่า พระกายของพระองค์ทรงแสงสว่างเจิดจ้าด้วยความรัก ด้วยพระบารมีของพระผู้สร้างจักรวาล เจ้าชีวิตของทุกสรรพสิ่ง มีพระประสงค์ให้มีการศรัทธาชดเชยบาปต่อความรักของพระองค์ ด้วยการหมั่นรับศีลมหาสนิท โดยเฉพาะวันศุกร์ต้นเดือน (First Friday of the Month) และใช้เวลารำลึก รำพึง ถึงชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ (Holy Hour = คืนวันพฤหัสที่พระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานด้านร่างกายและวิญญาณในสวนมะกอก (Garden of Gethsemane) ก่อนที่จะทรงรับทรมาน ถูกตรึงกางเขนในวันรุ่งขึ้น

(Mathew 26:38): “จิตวิญญาณของเราเศร้าสลดถึงตาย อยู่ที่นี่และเฝ้าอยู่กับเรา”
(Mathew 26:39): …พระเยซูเจ้าทรงเคลื่อนพระองค์ออกห่างจากอัครสาวก พระพักตร์ซบพื้นดิน และสวดภาวนา “ข้าแต่พระบิดาของลูก ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้ถูกยกไปจากลูก ทว่าไม่ใช่เป็นความต้องการของลูก แต่เป็นพระประสงค์ของพระองค์”
(Mathew 26:40): …พระเยซูเจ้าทรงกลับไปหาอัครสาวก แล้วก็พบว่านอนหลับกันทุกคน “พวกท่านไม่สามารถที่จะอยู่เฝ้ากับเราแม้แต่สักชั่วโมงเดียวเลยหรือ?”
ค.ศ. 1856 (155 ปีที่ผ่านมา): บุญราศีพระสันตะปาปา ปีอุสที่ 9 (Pope Pius IX, 13 พฤษภาคม 1792 – 7 กุมภาพันธ์ 1878, 133 ปีที่ผ่านมา อายุ 86 ปี) ทรงมีพระราชโองการประกาศให้มีวันฉลองพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ทั่วพระศาสนจักร ประวัติชีวิตของพระองค์น่าสนใจมากครับ
(1) พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์พระศาสนจักรโรมันคาทอลิก (16 มิถุนายน 1846 – 7 กุมภาพันธ์ 1878, 132 ปีที่ผ่านมา)
(2) เป็นผู้จัดสังคายนาวาติกันครั้งแรก (First Vatican Council, ค.ศ. 1869, 142 ปีที่ผ่านมา)
(3) มีพระราชโองการประกาศยืนยันความเชื่อว่าพระแม่มารีอาทรงปฏิสนธินิรมล
(4) พระราชทานชื่อ “พระมารดานิจจานุเคราะห์” (Our Mother of Perpetual Help) ในพระรูปของพระแม่มารีอายุคไบแซนไทน์จากเกาะครีท ประเทศกรีก (Byzantine, Crete) แล้วมอบให้คณะสงฆ์พระมหาไถ่เป็นผู้ดูแล (Redemptorists) – พระรูปนี้ประดิษฐานอยู่ที่วัดนักบุญอัลฟอนโซ ผู้ก่อตั้งคณะพระมหาไถ่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี (Saint Alfonso de Liguori) และพระรูปพระมารดานิจจานุเคราะห์นี้ ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วโลก มีนพวารขออัศจรรย์จากพระเป็นเจ้าผ่านพระแม่มารีอาอยู่ทุกวัดของคณะพระมหาไถ่ และของคณะอื่น ๆ ครับ


บุญราศีพระสันตะปาปาปีอุสที่ 9 ยังทรงมีพระราชกิจอีกหลายอย่างครับ
บุญราศีจอห์นพอลที่ 2 พระสันตะปาปาแห่งพระเมตตา ทรงมีพระราชโองการ ประกาศแต่งตั้งพระองค์ให้เป็นบุญราศี เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2000 (11 ปีที่ผ่านมา) วันฉลอง 7 กุมภาพันธ์

ปัจจุบันวันฉลองพระหฤทัยศักดิ์จะเป็นวันที่ 19 หลังวันฉลองการเสด็จมาของพระจิตเจ้า (Pentacost) ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ วันฉลองพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์จะเป็นวันศุกร์เสมอครับ

พระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ทรงให้สัญญา 12 ประการกับนักบุญมาร์กาเร็ตว่า ถ้าผู้ใดมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์จะทรงมอบให้

สัญญา 12 ประการมีดังนี้ครับ:
1.จะทรงโปรดประทานพระพรที่จำเป็นในแต่ละช่วง ขั้นตอน เวลาของชีวิต
2.จะทรงประทานสันติสุขในครอบครัว
3. จะทรงปลอบประโลม เป็นที่พึ่ง ในช่วงที่มีทุกข์ มีปัญหา
4.จะทรงเป็นที่พักพิงในชีวิต และโดยเฉพาะในความตาย
5. จะทรงอวยพรแบบล้นเหลือเพียบแปล้ในทุกสิ่งที่กระทำ
6. คนบาปจะค้นพบในหัวใจของพ่อ บ่อเกิดของมหาสมุทรแห่งความเมตตาไร้ที่สิ้นสุด
7. หัวใจเฉื่อยชาของดวงวิญญาณจะร้อนรน
8. หัวใจร้อนรนจะพุ่งโลดไปสู่ความบริบูรณ์พร้อมสรรพ
9. จะทรงอวยพรทุกแห่งที่มีพระรูปพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ตั้งประดิษฐานและเคารพสักการะ ในที่เปิดเผยต่อผู้คน
10. จะทรงประทานอำนาจให้พระสงฆ์สัมผัสหัวใจที่แข็งกระด้างที่สุดได้
11. ชื่อของทุกผู้คนที่เผยแพร่รณรงค์กระแสศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ จะถูกจารึกตลอดนิรันดรในหัวใจของพ่อ
12. ในหัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาของพ่อ พ่อสัญญาว่าหัวใจอันทรงพลังอำนาจด้วยความรักของพ่อ จะให้ทุกคนที่รับศีลมหาสนิทในวันศุกร์ต้นเดือนติดต่อกัน 9 เดือน ได้รับพระหรรษทานแห่งการพลีกรรม ชดเชยบาป ช่วงสุดท้ายในชีวิต พวกเขาจะไม่สิ้นใจในความไม่สบใจของพ่อ หรือไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และหัวใจของพ่อจะเป็นที่พักพิง แข็งแรงมั่นคง ในชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตของพวกเขา
Yan Agape
โพสต์: 1238
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

ศุกร์ มิ.ย. 11, 2021 1:02 pm

สวัสดีวันสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า และเป็นวันฉลองวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ที่ครอบครัวผมเป็นลูกวัด (Sacred Heart , Lacey, Washington, U.S.A.)

ผมขอเสนอสารพระบิดา ฉบับที่ 59 "ความเจ็บปวดทรมานเป็นของขวัญจากพระเป็นเจ้า" อีกครั้งนะครับ
ความเจ็บปวดทรมานเป็นของขวัญจากพระเป็นเจ้า

CL-59 12 มกราคม 1996 พระบิดาเจ้า

ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ จงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตรของพ่อในความปรารถนาและการไถ่กู้ของไม้กางเขน วิญญาณของลูกทำความพึงพอใจสำหรับผู้ทำผิดในการร่วมเป็นหนึ่งเดียวในความรักที่ถูกค้นพบในความรู้ละมุนละม่อมของความดีงามของพ่อซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานของดวงใจมนุษย์ เพื่อการร่วมเป็นหนึ่งเดียวในความรักที่ไม่สิ้นสุดกับความทุกข์ทรมานที่ไม่สิ้นสุด พระเมตตาที่ไม่สิ้นสุดของพ่อทำงาน แต่มนุษย์ไม่สนใจสิ่งนี้: พวกเขาไม่ต้องการได้ยินการกล่าวถึงของความเจ็บปวดที่ได้ยอมรับไว้และความปรารถนาต่อความรักของพ่อ มันเป็นการไถ่กู้ผ่านพระบุตรของพ่อและพวกเขาเหล่านั้นที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการทนทุกข์ทรมานและผู้ที่เรียกแบบถ่อมตนถึงพระหฤทัยของพ่อพระบิดาได้บรรลุถึงความรู้แบบสมบูรณ์ของพวกเขาเองและของพ่อที่อยู่ในตัวของพวกเขา

จงอย่าเศร้าโศกถ้าลูกพบตัวเองในความรู้นี้และลูกอาจจะต้องเจ็บปวดทรมาน รู้เถิดว่าเป็นการพอเพียงจากการเจ็บปวดทรมานนั้นพ่อจะไม่จดจำการทำสิ่งที่ลูกล่วงเกินพ่อ และสำหรับผู้คนเหล่านั้นที่ลูกรักก็ได้เป็นความพึงพอใจของพระเมตตาของพ่อ การเจ็บปวดทุกข์ทรมานนั้นจะเตรียมพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้รับของขวัญจากพ่อ

วิญญาณที่สว่างเจิดจ้าในความสูงส่งคือพวกวิญญาณที่อยู่ข้างซ้ายมือของพ่อที่พวกเขาได้เป็นหนึ่งเดียวกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของพระบุตรของพ่อกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของพวกเขา ร่วมชีวิตนิรันดรของพ่อพวกเขาจะอยู่ใกล้พ่อมากที่สุด

พ่อจะบอกลูกว่าอะไรคือความเจ็บปวดทรมานของหัวใจพระบุตรของพ่อ ลูกจะได้เข้าใจว่ามันเป็นของจริง แต่พ่อต้องการให้ลูกเขียนเพื่อความรู้ที่วิญญาณมากหลายที่ไม่เข้าใจว่าการเจ็บปวดทุกข์ทรมานสามารถทำให้พวกเขาศักดิ์สิทธิ์มีสภาพของพ่อพระเป็นเจ้า

ความเจ็บปวดทรมานของพระบุตรของพ่อได้ซ่อนเร้นในจักรวาลตั้งแต่เมื่อพระองค์ได้ไถ่กู้มวลมนุษยชาติและคงอยู่ตราบเท่าสิ้นสุดของเวลาถ้ามนุษย์ไม่ยอมเข้าใจว่าความเจ็บปวดทรมานเป็นของขวัญจากพ่อพระเป็นเจ้าและพวกเขาปฏิเสธ อาจเป็นไปได้ถ้าพวกเขารู้คุณค่าของความเจ็บปวดทรมานนี้ต่อหน้าพ่อ พวกเขาจะไม่ปฏิเสธแต่จะเรียกร้องขอพ่อแบบไม่หยุดหย่อน...

จากการมอบชีวิตของพระองค์เพื่อวิญญาณทั้งหลายและได้กลายเป็นมนุษย์เพื่อที่จะได้สามารถรับความเจ็บปวดทรมานและไถ่กู้พวกเขา พระบุตรของพ่อได้ยกความมีเกียรติศักดิ์ของความเจ็บปวดทรมานให้สูงส่งขึ้น พระองค์ได้ยกระดับถึงขนาดที่วิญญาณได้ยินดีน้อมรับและได้เป็นแพะรับบาป วิญญาณนั้นได้น้อมรับแบบฉับพลันทันใดถึงความเจ็บปวดทรมานของพระบุตรของพ่อที่ดำรงอยู่ตลอดนิรันดรในการไถ่กู้ของมนุษยชาติ ไม่ใช่ของพวกเขากันเอง

การเจ็บปวดทรมานมีส่วนประกอบของตัวมันดังนี้: ความสว่าง ความรัก และความรู้ของความจริง หัวใจของพระบุตรของพ่อไม่เจ็บปวดทุกข์ทรมานแล้ว แต่ความเจ็บปวดของพระองค์จะดำรงอยู่ในจักรวาลตราบเท่าที่มนุษย์ยืนยันไม่เห็นความสว่าง ในความเกลียดชังและในความไม่ต้องการจะเข้าใจว่าพ่อคือความจริง

สายพระเนตรของพ่อมองรู้ถึงสิ่งอะไรในอดีตสิ่งอะไรในปัจจุบัน และสิ่งที่จะเป็นอะไรในอนาคตด้วยความแจ่มแจ้งที่ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรต่อหน้าพ่อในชั่วขณะเดียวกันที่ไม่มีขอบเขตช่องว่างที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความผิดพลาดแต่ไม่มีการปะปนสับสน...นี่คือสิ่งที่พ่อบอกลูกว่าตั้งแต่การไถ่กู้ของมวลมนุษยชาติโดยพระบุตรของพ่อ เราต้องการให้ความเจ็บปวด ความระทมใจความทุกข์ทรมาน และการเสียสละทรมานสิ้นชีพให้ดำรงอยู่ในกาลเวลาเพื่อที่ดวงวิญญาณที่ได้รับการเลือกสรรตั้งหน้าตั้งตามีส่วนร่วมในความทุกข์ทรมานเหล่านี้และจะได้สามารถมีส่วนร่วมในการไถ่กู้ของพระองค์

เมื่อไม่มีวิญญาณดวงใดที่ต้องการได้รับการไถ่กู้และการสิ้นสุดของกาลเวลาได้มาถึง ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของพระเป็นเจ้า-มนุษย์องค์นี้ก็จะสลายหายไป

ลูกสาวพ่อและนี่คือเหตุผลที่พ่อต้องการให้ลูกเห็นการเจ็บปวดทรมานของพระเยซูเจ้าได้เป็นที่พึงพอใจ...ความเจ็บปวดที่พระบุตรของพ่อทนทรมานเป็นน้ำพุที่ไม่สิ้นสุด ของสิ่ง ของ ของขวัญของพระเป็นเจ้า บ่อเกิดแห่งความศักดิ์สิทธิ์และชีวิตนิรันดรของผู้คนเหล่านั้นที่ชี้จำแนกกับความทุกข์ทรมานด้วยความรักสุดเร่าร้อนของพระองค์รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และพร้อมกับพระองค์ยอมทนและเจ็บปวดของการเสียสละทรมานสิ้นชีพที่ช้าแต่รุนแรงในอานุภาพของมัน

นี่ก็คือการทนความเจ็บปวดทรมานของร่างกายและจิตวิญญาณโดยปราศจากการสูญสิ้นสติ ยิ้มต่อความเจ็บปวด หวังที่จะแบ่งให้พระเยซูเจ้าเพื่อความรอดพ้นของวิญญาณทั้งหลายตราบจนกระทั่งวันสุดท้ายของพวกเขา

เป็นที่น่าเสียดายที่มนุษยชาติปฏิเสธความเจ็บปวดและยิ่งทีก็ยิ่งแสวงหาวิธีต่างๆที่วิทยาศาสตร์ค้นพบ สยบความเจ็บปวดด้วยความว้าวุ่นใจ มนุษยชาติไม่ต้องการรับความเจ็บปวดในชีวิต และเพราะเหตุนี้การปฏิเสธกุศลผลบุญของความเจ็บปวดทุกข์ทรมานด้วยความรักสุดเร่าร้อนของพระบุตรของพ่อและความเจ็บปวดทรมานสิ้นชีพของพระองค์ในการไถ่กู้ของมวลมนุษย์ก็ติดตามมาแบบยโสอหังไร้มารยาท ในความทะนงโอหังของพวกเขา พวกเขาต้องการมาหาพ่อโดยปราศจากการมาหาผ่านพระผู้ไถ่...พวกเขาไม่ต้องการพระเป็นเจ้าที่ถูกทำร้ายมีบาดแผลและถูกตรึงบนไม้กางเขน
เตือนพวกเขาให้ระลึกถึงสิ่งที่พระองค์เจ็บปวดทรมานเพื่อพวกเขาซึ่งเป็นการบังคับพวกเขาให้รับรู้ว่าพวกเขาเป็นหนี้บุญคุณต่อพระองค์ เพื่อการรอดพ้นของพวกเขา

พวกเขาต้องการพระเป็นเจ้าที่ห่างไกลและพระเป็นเจ้าที่ไม่รบกวนพวกเขา ไม่ต้องการความทรงจำตักเตือนที่เจ็บปวดที่จะทำให้พวกเขาเกิดความสำนึกเสียใจในบาป พวกเขาต้องการพระเป็นเจ้าที่ยอมรับว่าพวกเขาที่ปราศจากพระองค์ เมื่อได้ค้นพบสิ่งลึกลับแฝงเร้นต่างๆของธรรมชาติกำลังควบคุมบังคับพลังแอบแฝงอันยิ่งใหญ่ของจักรวาล เพื่อให้เกิดขึ้น พวกเขาไม่ต้องการพระองค์เพราะพวกเขาเฉลียวฉลาดและเป็นสิ่งสร้างอิสระ พวกเขาไม่สนใจรับรู้ว่าพ่อคือผู้ประทานความเฉลียวฉลาดให้พวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะสามารถทำงานเพื่อพ่อในงานยิ่งใหญ่ของจักรวาล

อีกทั้งผู้คนเหล่านั้นที่พ่อได้ยกให้สูงสุดของความมีศักดิ์ศรีเกียรติยศต้องการหลอมหล่อพระเป็นเจ้าที่สยบต่อความทะเยอทะยานและความต้องการแปลกๆของพวกเขาและของผู้อื่น พวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงพระศาสนจักรให้เป็นจังหวะการเต้นของสิ่งของฝ่ายโลก เสนอนำพระศาสนจักรด้วยหนทางประเพณีที่อยู่ในขอบเขตของการนอกรีตและความผิดพลาด อิสรภาพไม่ควรหมายถึงความเป็นอิสระและตัณหาผิดศีลธรรม..วิวัฒนาการไม่ได้รวมถึงการเปลี่ยนความเชื่อเพื่อที่พระศาสนจักรจะดีขึ้น ตั้งแต่การก่อตั้งของพระศาสนจักรโดยพระผู้ไถ่และการประทานความสว่างของพระจิตเจ้า พระศาสนจักรได้บรรทุกเมล็ดของพระเป็นเจ้าทั้งมวลที่จะค่อยๆเจริญเติบโตของยุคสมัยต่างๆและวิวัฒนาการของพระเป็นเจ้าในวิญญาณต่างๆที่หลอมหล่อพระศาสนจักร และดำรงสืบต่อในพวกเขา ทุกสิ่งที่เป็นนิรันดรที่สามารถพาพวกเขาไปสู่พระเป็นเจ้าของพวกเขา

เมื่อพวกเขาผละจากคูต่างๆที่ได้ถูกวางแผนสร้างโดยพระหัตถ์ของพระเยซูเจ้า พวกเขาหักเหแบบอันตรายไปสู่ความนอกรีต ต่อสู้กฎหมายของพระเป็นเจ้า และยโสโอหังไม่ทำตามกฎหมายของพระศาสนาจักร เมื่อพวกเขาเลือกที่จะฟื้นฟูพระศาสนจักรของพวกเขาด้วยตัวของพวกเขาเอง

ในการมาสู่พ่อ ความสว่างที่ไม่อาจเอื้อมถึง มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องผ่านพระผู้ไถ่และพระแม่มารีย์ ผู้คนต้องเดินตามรอยพระบาทของสองพระองค์และเคารพนบน้อมต่อแผนการของพระเป็นเจ้าอย่างถ่อมตน นี่คือวิธีที่ผู้มีความเชื่อภักดีต้องยอมรับถ้าเขาต้องการพบพ่อผู้ซึ่งร่วมกับพระบุตรพระเป็นเจ้าของพ่อและพระจิตเจ้า เราผู้เป็นพระเป็นเจ้าองค์เดียว เพราะสิ่งนี้ พระหฤทัยของพระบุตรของพ่อที่ได้หลั่งพระโลหิตหยดสุดท้ายของพระองค์เพื่อมนุษย์ทั้งหลายต้องการดำรงอยู่ในจักรวาลด้วยการเจ็บปวดทุกข์ทรมานต่างๆของพระองค์ที่ยังดำรงอยู่สืบไปและคงอยู่เพื่อเป็นความช่วย
เหลือและให้กำลังใจสนับสนุนต่อวิญญาณทั้งหลายที่หิวโหยพระเป็นเจ้าและต้องการเป็นหนึ่งเดียวของพวกเขากับพระองค์ในการไถ่กู้

ด้วยวิธีนี้ความรักที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาของพระองค์เปลี่ยนเป็นการดำรงอยู่และการไถ่กู้ของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดนิรันดรเพื่อวิญญาณหลากหลายในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตตามครรลองของเวลาทุกยุคทุกสมัย

จงเจ็บปวดทรมานเงียบๆ ด้วยความถ่อมตน สัมผัสความหิวโหยของการรอดพ้นของวิญญาณต่างๆ และผ่านพ้นความทุกข์ทรมานต่างๆถึงขั้นที่พ่อต้องการส่งมาให้ลูก ด้วยวิธีนี้ลูกจะเป็นหนึ่งเดียวกับความเจ็บปวดทรมานกับพระบุตรของพ่อ และพ่อจะรู้ว่าลูกแสวงหาพระอาณาจักรพระเป็นเจ้าในวิญญาณทั้งหลาย


SUFFERING IS A GIFT FROM GOD

CL-59 12-Jan-96 God the Father

Most beloved daughter, united with My Son in the desire and redemption of the Cross, your soul satisfies for the guilt in the uniting love, found in the tender knowledge of My Goodness which is united to the grief and suffering of the human heart; for by infinite love united to infinite suffering, My infinite Mercy works. But man ignores this: he does not want to hear talk of pain accepted and desired for love of Me. It is redemption through My Son and of those who are united to Him in suffering, and who calling humbly to My Fatherly Heart, achieve perfect knowledge of themselves, of Me in them.

Do not be sad if finding yourself in this knowledge that you may have to suffer. Suffice to know that for that suffering, I will no longer remember how you may have offended Me. And for those for whom your love has satisfied My Mercy, that suffering will prepare them so that they may receive My gifts. The luminous souls of high stature that are at My left are the souls that unite themselves to My Son’s pains with their own. Sharing in My eternal Life, they will be and are very close to Me.

I will tell you what the suffering of My Son’s Heart is. You will understand that it is a reality. But I want you to write it for the knowledge of so many souls that do not understand how suffering could make them divine. My Son’s suffering is latent in the universe ever since He redeemed the human race, and it will be so till the end of time if they do not come to understand that suffering is a gift from God and they reject it. Perhaps if they knew the value that this suffering has before My eyes, then not only would they not reject it, but they would insistently ask Me for it…

Upon giving His life for souls and becoming man in order to be able to suffer and redeem them, My Son elevated the nobility of suffering. He elevated it to such a degree that on being accepted voluntarily by a soul and becoming a scapegoat, the soul instantaneously takes upon itself not its own sufferings but rather part of My Son’s, which live forever for the redemption of man.

Suffering involves in itself: light, love, and knowledge of the truth. My Son’s Heart no longer suffers, but His pain will live in the universe as long as men insist on not seeing the light, in hating, and in not wanting to understand that I am the Truth.

My vision takes in what was, what is, and what will be, with such clarity that no one will be able to understand what is all before Me at the same time, without limitation nor space, and that can not only not make a mistake but not even get mixed up… This is why I tell you that, since the redemption of the human race by My Son, We have wanted for His pains, anguishes, sufferings, and martyrdom to remain in time, so that those elected souls, continue partaking of these tribulations and are able to be part of His redemption. When not one soul is left to redeem and the end of time comes, then the suffering of the God-Man will disappear.

That is why, My daughter, I have wanted to make you see how Jesus’ suffering satisfies… The pain endured by My Son is an inexhaustible fountain of divine goods and gifts, source of sanctity, and eternal life for those who, identified with His Passion, unite themselves to Him, and with Him endure and suffer a martyrdom that is slow but intense in its effectiveness. That is, to bear the physical and spiritual suffering without fainting, smiling at the pain, and wishing to share it with Jesus for the salvation of souls until the end of their days.

Unfortunately, humanity refuses pain more and more and anxiously seeks all the means that science discovers to suppress it. It does not want to accept pain in life and comes in its audacity to reject the merits of My Son’s Passion and Martyrdom in the redemption of man. In his pride and rebelliousness he wants to come to Me without going through Christ… He does not want a wounded and crucified God to remind him of what He suffered for all men, forcing him to recognize that he is indebted to Him for his redemption.

They want a distant God and a God that will not bother them, without any painful reminders that could cause them remorse. They want God to admit that they, without Him, upon discovering all the mysteries of nature, are taking control of the great hidden force in the universe; to do so, they do not need Him, for they are intelligent and free beings. They ignore that I gave them that intelligence so that they could work for Me in the great work of the universe.

Also those I elevated to the highest dignity want to forge for themselves and others, a God that will submit to their ambitions and whims. They want to change the Church to the materialistic rhythm of the world, introducing in her, ways and customs that border on heresy and error. Liberty should not mean independence and licentiousness… Evolution does not consist in changing the faith so that the Church will be better.

Ever since the Church was founded by Christ and illuminated by the Holy Spirit, it carries in itself all the divine seeds for its gradual development in the ages and for its divine evolution in the souls that form her; and continuing in them everything that, being eternal, can take them to their God. When they leave the trenches designed by the hand of Jesus, they deviate dangerously towards heresy, rebellion to the divine laws, the arrogance to not follow its laws when they elect themselves to renew their Church.

To come to Me, Light unreachable, it is necessary to go through Christ and Mary. One has to follow Their footsteps and humbly obey the divine designs. That is how the faithful man must accept it if he wants to find Me who, with My Divine Son and the Holy Spirit, We are one God. For this, My Son’s Heart that gave the last drops of His Blood for men, wants to remain in the universe by means of His sufferings that live on and remain as help and encouragement for the souls that hunger for the Divine and want to unite themselves to Him in the redemption. In this way His merciful Love becomes present and His redemption everlasting to so many souls that were, are, and will be in the course of all ages.

Suffer silently, humbly, feeling the hunger for the salvation of souls, and going through all the tribulations to the extent that I want to send them. In this way you will unite with the suffering of My Son and I will know that you seek the Kingdom of God in souls.
ตอบกลับโพส