อัศจรรย์ของพระแม่มารีย์

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
Yan Agape
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

พฤหัสฯ. มี.ค. 30, 2023 11:43 am

โดย Lexena Madden

เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นคำบอกเล่าแบบซื่อๆ ของผู้ที่ได้พบได้เห็นอัศจรรย์ของพระแม่มารีย์ พวกเค้าเป็นคนต่างศาสนาไม่ได้เป็นโรมันคาทอลิก บางคนไม่รู้จักพระแม่แต่ก็บอกได้ถูกลักษณะ:

เรื่องแรก
เรื่องแรกเป็นเรื่องของคุณจิตรากับคุณสมทรง สามีภรรยาที่มาใช้ชีวิตที่อเมริกา ทั้งสองได้มารู้จักกับคุณแม่ยุพาและผู้เขียน (ลูกสาวของคุณแม่ยุพา เป็นโรมันคาทอลิก) คุณแม่ยุพาเป็นคนศรัทธา และสวดสายประคำเป็นประจำ สองสามีภรรยาแรกเริ่มที่มาก็ไม่ได้รู้จักใครเลย ชีวิตต่างแดนนั้นเหงาและเศร้าเพราะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมา ทั้งสองมีปัญหาลึกๆที่ไม่อาจจะแบ่งปันได้ แต่พอมาเห็นคุณแม่ยุพาสวดสายประคำแล้วสงบราบเรียบ คุณจิตราก็สอบถามว่าสวดอะไร แล้วนี่รูปใคร คุณแม่ยุพาตอบว่าสวดสายประคำถวายแด่แม่พระ คุณจิตราจึงอยากจะสวดบ้างเพื่อสงบจิต คุณแม่ยุพาจึงให้รูปแม่พระไปสวดที่บ้าน

เวลาผ่านไปเกือบ30 ปี ในปี 2013 ดิฉันได้พบคุณจิตรา เธอมีปัญหาเรื่องสุขภาพและอื่นๆ วันหนึ่งได้นั่งคุยกัน เธอเล่าให้ฟังว่าเธอจะสวดแผ่เมตตาเป็นประจำวันและเอารูปพระแม่มาสวดขอวิงวอนต่างๆ อยู่มาวันหนึ่งสามีของเธอคือคุณสมทรงลุกพรวดพราดวิ่งมาหาเธอและบอกว่า “เมื่อกี้ฝันเห็น ผู้หญิงมา
บอกว่าให้ทำเหมือนเอ็ง” และก็ถามคุณจิตราว่า “เอ็งทำไรวะ ทำแบบไหน บอกหน่อยสิ อยากทำมั่ง” และชี้มือไปที่รูปแม่พระ “รูปนี้เป็นใคร ในฝันเป็นคนนี้” คุณจิตราก็บอกว่าเป็นรูปแม่พระของโรมันคาทอลิกที่ได้มาจากคุณแม่ยุพา

คุณจิตรายังเล่าต่อว่ามีหลายคนเห็นพระแม่อยู่ในบ้านของเธอด้วย บางครั้งก็มีเพื่อนคนไทยถามว่า เอาใครมาอยู่ในบ้านหรอเห็นเดินไปเดินมา คุณจิตราฟังครั้งแรกก็ตกใจแต่พอทราบว่าแต่งกายแบบไหน ลักษณะยังไงก็ทราบว่าเป็นพระแม่ คุณจิตราบอกว่าทุกครั้งที่เธอสวดแผ่เมตตาตามแบบฉบับของเธอ เธอรู้สึกปลื้มปิติน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นความอิ่มเอิบที่หาคำบรรยายไม่ได้เลย คุณจิตราได้บอกคนเขียนว่าไม่กล้าเล่าเพราะว่าจะเป็นการลบหลู่หรือเป็นการสร้างสถานการณ์ เพราะไม่ได้เป็นโรมันคาทอลิก ทำไมแม่ถึงเลือกให้เค้าได้เห็นหรือได้สัมผัส

เรื่องที่สอง
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสุนิสา (เธอเป็นพี่สาวของคนเขียนเอง) คุณพ่อคุณแม่มีอาชีพเป็นชาวเรือทราย ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นกันอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาจะมีเรือพ่วงบรรทุกทรายหรือข้าวโพดพ่วงกันเป็นทอดๆๆ ขณะนั้นคุณสุนิสาอายุได้ 6-7 เดือน กำลังอยู่ในวัยคลาน เธอได้คลานตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งกระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวมาก คุณแม่ได้ยินเสียงชาวบ้านละแวกนั้นร้องโวยวายก็มองไปในแม่น้ำและรู้ทันทีว่าลูกสาวตกน้ำลอยไปไกลแต่ก็พอมองเห็นเสื้อสีแดง ลอยคว่ำลอยหงายตามกระแสน้ำโดยไม่จม จึงร้องเรียกสามี คุณพ่อก็กระโดดว่ายน้ำไปเพื่อช่วยลูกโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง กระแสน้ำเชี่ยวมาก พอไปถึงลูกก็หมดแรง โชคดีที่ชาวบ้านละแวกนั้นเอาเรือบดออกมาช่วยกันหลายลำและได้พาพ่อและลูกกลับมาอย่างปลอดภ้ย

ในค่ำวันนั้นชาวบ้านก็มาแวะเยี่ยมทักทายและถามเป็นเสียงเดียวกันว่านับถืออะไรถึงมีเจ้าแม่ประคองเด็กและเด็กก็ลอยในน้ำได้โดยไม่จม คุณแม่ถามว่าเจ้าแม่ที่พูดถึงหน้าตายังไง แต่งกายอย่างไร ชาวบ้านก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยๆขาวๆคลุมผ้าแต่งกายเหมือนแขก คุณแม่ก็ทราบทันทีว่าเป็นแม่พระที่คอยคุ้มครองลูกๆของท่าน

เรื่องที่สาม
เรื่องที่สาม เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณชลลดาและครอบครัว ประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วคุณชลลดาได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านทาวน์เฮาว์และตึกแถวย่านสนามบินน้ำโดยทั้งสองตึกหันหลังชนกัน คุณชลลดาใช้ตึกแถวเปิดธุรกิจขายอะไหล่รถยนต์ ธุรกิจไปได้สวยตั้งแต่วันเปิดป้ายร้าน คนซื้อแน่นราวกับแจกฟรี แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ลูกๆก็บอกว่ามีคนเอาไข่สดมาขว้างใส่ที่รั้วหน้าบ้านทาวน์เฮาว์ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นตอนช่วงเย็นขณะโพล้เพล้ ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นอยู่กับงานขายอะไหล่ด้านหน้าร้าน คุณชลลดาจึงตั้งใจจะเฝ้าดูว่าใครหนอมาทำเช่นนี้และจะแจ้งความให้ดำเนินการตามกฎหมายถ้าพบเห็น แต่พอเฝ้าดูเหตุการณ์ขว้างไข่ก็ไม่เกิดขึ้น พอพี่สาวเดินคล้อยหลังเข้าบ้านไม่ทันอึดใจชาวบ้านก็ร้องเรียกบอกว่าไข่เต็มรั้วอีกแล้ว ซึ่งทำให้เป็นที่ประหลาดใจมากๆ เธอจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพระสงฆ์โรมันคาทอลิก และได้นำไม้กางเขนทำด้วยกระจกไปติดที่รั้ว เหตุการณ์ขว้างไข่ก็ไม่สงบ แต่ไม่ถี่เหมือนที่เคย แต่ก็ไม่หยุด

คุณชลลดากลุ้มใจและไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้สวดภาวนาขอแม่พระให้ช่วยคลีคลายกับเหตุการณ์ประหลาดนี้ด้วย วันหนึ่งเธอได้พบผู้หญิงแก่คนหนึ่งผ่านมาเห็นเหตุการณ์และได้หยุดคุยกับคุณชลลดาและปลอบใจเธอว่า “อย่าไปกลุ้มใจกับมันเลย เค้าขว้างไข่มาสิดี ขว้างเยอะๆ จะได้ร่ำรวย ทำมาค้าขึ้น ขอบใจเจ้าไข่ประหลาด” หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ขว้างไข่ก็สูญสลายหายไป สร้างความประหลาดให้คุณชลลดาและชาวบ้านละแวกนั้น แต่คุณชลลดาเกิดความมั่นใจแบบรู้ภายในจิตตัวเองว่าเป็นแม่พระที่ช่วย

และยังมีอีกเหตุการณ์ที่ทำให้เธอมั่นใจไปอีกก็คือว่า วันหนึ่งมีเด็กอายุประมาณ 3-5 ขวบมาเล่น แถวๆ หน้ารั้วทาวน์เฮาว์ สักพักก็ตะโกนขอร้องให้คุณชลลดาเปิดประตูบ้าน จะขอเข้ามาดูเจ้าหญิงที่อยู่ในบ้าน และบอกว่าผู้หญิงคนนี้ใส่ชุดสีขาวเหมือนเจ้าหญิงเดินไปเดินมา คุณชลลดาเล่าอีกว่า หลังจากเหตุการณ์ขว้างไข่สงบ ก็มีคนมาทักเสมอๆว่า “เจ้จ้างใครมาเฝ้าบ้านเหรอ เห็นมีผู้หญิงเดินอยู่ในบ้าน” ซึ่งคุณชลลดาทราบจากส่วนลึกๆว่าเป็นแม่พระที่คอยปกป้องลูกๆๆเมื่อลูกร้องขอ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้ลงบันทึก หรือ พิสูจน์เป็นทางการจากวาติกัน เป็นเหตุการณ์ที่เล่าจากชาวบ้านทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นโรมันคาทอลิก ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ที่ได้พบเห็น แต่ขอยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง ไม่ได้สร้างเรื่อง และไม่ต้องการคำสรรเสริญใดๆ

https://newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=3&t=19196
ตอบกลับโพส