+ วันอา.ที่ 27 กพ 48 ความเชื่อต้องมาจากจิตใจอย่างแท้จริง +

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:56 pm

ความเชื่อต้องมาจากจิตใจอย่างแท้จริง
หน้าถ้ำแม่พระ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 04.00-04.30 น.

คราวนี้ผมได้เตรียมกล้องวีดีโอมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อทำการบันทึกสาสน์จากแม่พระ ผมขอแม่พระว่าอยากให้คนอื่นได้เห็นอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เชื่อในแม่พระ และครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวที่ผมจะถ่ายวีดีโอภาพอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์ไว้ หลังจากที่พวกเราสวดกันมาถึงเวลา 04.00 น. ผมก็เริ่มตกเข้าอยู่ในภวังค์อีกครั้ง แม่พระได้มาอยู่ที่นี่แล้ว หลายคนเห็นพระองค์เคลื่อนไหวได้ด้วยตาเปล่า บางคนบอกว่าแม่พระตัวใหญ่สูงเกือบถึงเพดานถ้ำ บางคนบอกว่าเห็น แม่พระตาโตสีดำ บางคนบอกว่าเห็นแม่พระสวดตามพวกเรา บางคนก็บอกว่าเห็นแม่พระยิ้มให้จนเห็นฟัน แต่ผมไม่มีบุญพอจะได้เห็นแม่พระด้วยตาเปล่าเพราะแม่พระเคยตรัสกับผมว่า

“ถ้าลูกมาเพื่อต้องการเพียงแต่เห็นรูปปั้นเคลื่อนไหวได้ละก็ ลูกจะไม่มีโอกาสได้เห็นจนกระทั่งวันตาย”

ผมจึงยินดีน้อมรับพระพรของแม่พระที่จะให้เป็นผู้ที่ถ่ายทอดสาสน์ของพระแม่ให้ผู้อื่นได้รับฟังกัน ในคืนนี้แม่พระได้ทรงประทานสาสน์ผ่านทางจิตของผมว่าดังนี้

“ขอบใจทุกคนที่มาสวดภาวนาให้แม่ในวันนี้

จงอย่ามองหาสิ่งอัศจรรย์ใดๆเลย สิ่งอัศจรรย์นั้นบังเกิดอยู่ในจิตใจของพวกลูกอยู่แล้ว รูปปั้นก็เป็นเพียงแค่รูปปั้นธรรมดาเท่านั้น แต่แม่ไม่ใช่รูปปั้นที่มนุษย์พึงจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ไม่เป็นไรหรอกนะ พรุ่งนี้ลูกจะได้เห็นในสิ่งที่ลูกอยากได้เห็น
(ผมขอแม่พระให้ผม ได้เห็นอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์) ถ้าความเชื่อของลูกมั่นคงที่แท้จริง ลูกจะได้เห็น

ลูกมีความตั้งใจดีต่อแม่ อยากให้คนกลับมาหาแม่ แต่แม่ขอบอกว่า แม่อยากให้มนุษย์ทุกคนที่มาหาแม่มาด้วยความศรัทธาที่แท้จริง ไม่ใช่มาเพราะเห็นสิ่งอัศจรรย์

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย ถ้าได้เห็นเท่านั้นจึงจะเชื่อ ทำไมไม่ถามใจตัวพวกลูกเองว่าเชื่อในแม่หรือไม่ แม่อยู่ในทุกๆที่ในทุกหนทุกแห่ง และอยู่ในจิตใจของคนที่มีความเชื่อต่อแม่

ถึงแม้เดือนหน้าพวกลูกจะไม่ได้มาที่นี่ แม่ก็จะอยู่ในจิตใจของพวกเจ้าเสมอ อย่าละทิ้งการสวดภาวนา ภัยพิบัติต่างๆใกล้เข้ามาถึงแล้ว ผู้ที่เชื่อในแม่จะได้รอด
(แม่พระหมายถึงเชื่อในสิ่งที่แม่พระบอก คือการสวดภาวนา และขอพรต่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นหนทางแห่ง ความรอดเท่านั้น)
จงสวดภาวนาให้คนบาปทั้งหลายได้กลับใจ เพื่อเขาจะได้รอดด้วยเช่นกัน

จงให้อภัยแม้กระทั่งศัตรูของลูก คนที่ลูกเกลียดมากที่สุด ขอให้รักเขาให้มากที่สุดเช่นกัน

เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ให้แม่ได้มาเตือนมนุษย์ผู้ที่กำลังตกอยู่ในบาปมากมาย

ขอบใจพวกลูกทุกคนที่ยังซื่อสัตย์ในแม่ เมื่อวันสุดท้ายแห่งชีวิตของพวกลูกมาถึง แม่จะอยู่ที่นั่น

ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งหลายได้เชื่อ ถ้าเขาจะเชื่อต้องมาจากจิตใจที่แท้ จริงของเขาเอง

อย่าลืมการสวดภาวนา วิญญาณทุกดวงจะได้รอดจากคำภาวนาของพวกลูก แม้กระทั่งคนที่ตกอยู่ในบาปมากที่สุดก็จะได้รับการปลดปล่อย ได้รับการให้อภัยจากพระผู้เป็นเจ้าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

ในกิจการแต่ละวันขอให้ลูกคิดเสมอว่า วันนี้ลูกจะตั้งใจทำความดีอย่างที่สุด หลีกเลี่ยงบาปและพยศชั่วต่างๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากความชั่วร้ายในจิตใจของลูก จงนึกถึงแม่แล้วสวดภาวนา พวกลูกจะได้รอดจากกลอุบายของปีศาจ

พวกลูกอดทนเฝ้ารอแม่มานานแล้ว จงกลับไปพักผ่อนเสียเถิด จงจำไว้ว่าแม่จะอยู่กับพวกเจ้าทุกคนที่เปิดใจหาแม่ และจะอยู่ในทุกๆหนทุกแห่งตลอดไป”
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มี.ค. 20, 2006 4:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 20, 2006 2:57 pm

อัศจรรย์ในดวงอาทิตย์

สุสานวัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 05.50-08.00 น.

ผมกับน้าสาวเลือกที่จะไปที่นั่นเพราะว่าเป็นพื้นที่โล่งแจ้งสามารถมองเห็น และถ่ายวีดีโอภาพดวงอาทิตย์ขึ้นได้อย่างชัดเจน ผมคิดว่าคงจะได้เห็นดวงอาทิตย์ ขึ้นในเวลาอีกไม่นานนัก แต่ปรากฎว่าเช้าวันนี้ท้องฟ้าครึ้มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะสว่างแล้วก็ยังมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นที่ไหนเลย ผมเริ่มใจเสียและคิดอยู่ในใจว่าผมคงไม่มีบุญพอที่จะได้เห็นอัศจรรย์ในดวง อาทิตย์เสียแล้วกระมัง แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จผมกับน้าสาวจึงเริ่มสวดภาวนา เพื่อขอแม่พระ

จนกระทั่งเวลาใกล้จะถึง 07.00 น. ผมก็ได้ยินเสียงน้าสาวของผมบอกว่านั่นไงพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ผมหันไปทางทิศทางที่น้าบอกก็ได้เห็นดวงอาทิตย์ดวงโตสีแดงส้มเริ่มที่จะโผล่ ขึ้นมาพ้นยอดต้นไม้ข้างหน้า ผมเริ่มถ่ายวีดีโอพยายามดึงภาพขึ้นมาเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดที่สุด ตอนนั้นแสงยังไม่แรงมากสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วพวกเราก็เริ่มเห็นมีแผ่นกลมๆสีเทาคล้ายกับแผ่นศีลมหาสนิท แต่เล็กกว่าดวงอาทิตย์เล็กน้อยมาปิดบังดวงอาทิตย์ไว้ ทำให้สามารถมองเห็นได้โดยไม่แสบตา ผมเริ่มใจชื้นขึ้นแล้ว เพราะในที่สุดผมก็ได้เห็นตามที่แม่พระตรัสไว้ ต่อมาไม่นานแสงแดดก็แรงขึ้นเรื่อยๆจนไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า ผมจึงต้องลดแสงที่กล้องวีดีโอลง เพื่อทำให้สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้อย่างชัดเจน
ตอนนี้พวกเราตื่นเต้นมาก เพราะเห็นดวงอาทิตย์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์ พวกเราเห็นแผ่นศีลสีเทาที่หมุนไปมาในดวงอาทิตย์นั้นเริ่มเปลี่ยนเป็น สีฟ้าอ่อน แล้วก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันที่ขอบดวงอาทิตย์ พวกเราก็ได้เห็น แสงสีน้ำเงินวนขึ้นลงอยู่รอบๆดวงอาทิตย์ ต่อมาแสงสีเหลืองนั้นก็เปลี่ยนเป็นแสงสีแดง แผ่นศีลกลมๆที่บังดวงอาทิตย์ไว้นั้นก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีเทาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้พวกเราได้เห็นลำแสงส่องตัดกันที่ดวงอาทิตย์คล้ายกับรูปกางเขนที่ มีดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง ณ. เวลานั้นพวกเราต่างลืมการสวดภาวนากันจนหมดสิ้น ต่างคนต่างพูดถึงแต่ภาพที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้า ผมถ่ายวีดีโอไปเรื่อยๆจนกระทั่งลูกชายของน้าขับรถมารับจึงต้องรีบกลับบ้าน

เมื่อถึงบ้านเราก็นำเอาวีดีโอมาดูกันอีกครั้งหนึ่ง ดูตั้งแต่ภาพตอนใกล้สว่างที่ผม ได้รับสาสน์จากแม่พระจนกระทั่งถึงภาพอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์ ผมเริ่มบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมพูดกับแม่พระในใจว่า

“ตั้งแต่นี้ไปจนสิ้นชีวิตลูกขอถวายตัวเพื่อ เป็นข้ารับใช้ของแม่พระ ลูกยินดีทำทุก อย่างตามพระประสงค์ของพระองค์”
ตอบกลับโพส