+ เดือน มีค. 48 เริ่มงานกับบุคคลสำคัญ +
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 20, 2006 3:03 pm
เริ่มงานกับบุคคลสำคัญ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2548 เวลา 20.00 น.
หลังจากที่ได้สวดประจำวันที่บ้าน ผมได้ยินเสียงของแม่พระผ่านเข้ามาทางหน้าผาก แม่พระได้ทรงตรัสว่า
“พรุ่งนี้ให้ลูกโทรศัพท์หาคุณพ่อ”
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2548 เวลา 17.00 น.
ผมได้โทรนัดขอพบคุณพ่อในวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2548 เวลา 10.00 น.
วัน เสาร์ที่ 12 มีนาคม 2548 เวลา 10.15-13.00 น.
ผมได้นำวีดีโอบันทึกสารจากแม่พระและสิ่งอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์เมื่อวัน อาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 มาให้คุณพ่อได้ดู ผมบอกกับคุณพ่อว่าผมร้อนใจอยาก ทำอะไรสักอย่างให้คนได้รู้ว่าแม่พระยังคงอยู่กับเรา ณ. ถ้ำวัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร แห่งนี้ อยากให้คนกลับมาหาแม่พระให้มากขึ้น เพราะขณะนี้มีเหลืองเพียงไม่กี่คน จากจันทบุรีที่ยังสามารถเดินทางมาหาแม่พระในทุก ๆ วันเสาร์สุดท้ายของเดือน 16 ปีแล้วที่เขาได้เดินทางมาที่ถ้ำแห่งนี้ด้วยความศรัทธาในแม่พระ มาสวดภาวนาอยู่ที่หน้าถ้ำในคืนวันเสาร์ทั้งคืน และอยู่จนกระทั่งแห่แม่พระในวันอาทิตย์หลังมิซซา เช้าแล้วจึงเดินทางกลับจันทบุรี หลายคนได้เสียชีวิตไป และอีกหลายคนร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางมาได้อีกเนื่องจากอายุมากแล้ว เมื่อยายของผมได้เสียชีวิตไป พวกคนจันทบุรืก็ถามว่าจะมีลูกหลานของยายบ้างไหมที่จะมาสืบทอดการสวดภาวนา ร่วมกันที่หน้าถ้ำแห่งนี้ แม่,น้า, พี่สาว และตัวผมจึงได้เริ่มไปเป็นตัวแทนของยายเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ผมยังคงจำได้เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วที่คุณพ่อยังคงเป็นคุณพ่อเจ้าวัดอยู่ที่ นี่ มีผู้คนมากมายเดินทางมาจากทุกภาคของประเทศไทย เดินทางมาแสวงบุญ ณ. ถ้ำแห่งนี้ แต่เดี๋ยวนี้มีคนจากกรุงเทพฯ มาร่วมสวดภาวนาด้วยอีกเพียงไม่กี่คน เท่านั้น ถ้าพวกเราตายไปกันหมดแล้ว จะมีใครมาสืบทอดการแสวงบุญ ณ. ถ้ำแห่งนี้อีกบ้างไหม คุณพ่อบอกกับผมว่า ไม่ต้องกลัว ให้ไว้ใจในแม่พระ เพราะแม่พระจะ มีวิธีของแม่พระเอง และยังบอกกับผมอีกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ให้ทำบันทึกสาสน์ของแม่พระไว้เป็นหลักฐาน และให้คอยสังเกตว่าในแต่ละครั้งที่ผมได้รับสาสน์จากแม่พระมีอะไรที่แตกต่าง ไปจากครั้งก่อนหรือไม่
ผมตั้งใจว่าจะให้หลานช่วยตัดต่อวีดีโอนี้ลงในแผ่นดีวีดีเพื่อที่จะนำมาให้ คุณพ่อเมื่อถึงเวลาอันสมควร เพื่อคนที่ศรัทธาในแม่พระอีกหลายๆคนจะได้เห็นดีวีดีนี้ ผมคุยอยู่กับคุณพ่อนานมากจนเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณพ่อไปมากแล้ว ผมตั้งใจจะรีบลากลับ แต่คุณพ่อชวนให้อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อน หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว คุณพ่อก็พาผมมาสวดที่หน้ารูปปั้นแม่พระฟาติมา และให้ผมไปหยิบพระคัมภีร์มาแล้วให้เปิดไปหน้าไหนก็ได้เพื่อดูว่าวันนี้พระจะ บอกอะไรแก่ผมบ้าง
เมื่อผมเอามือวางลงบนพระคัมภีร์ ผมก็ได้ยินเสียงผ่านเข้ามาทางจิตของผม ว่า
“เป็นการถูกต้องแล้วที่มาที่นี่”
ข้อความในพระคัมภีร์คุณพ่อได้กรุณาสรุปให้ฟังว่า ประกาศกของพระหลายคนก็ถูกต่อต้าน แม้กระทั่งถูกนำไปขังไว้ในคุก เรื่องนี้อย่าใจร้อน พระจะหาทางให้ผมได้ทำงานให้พระองค์เอง แล้วคุณพ่อก็สวดบทเชิญ พระจิตเอามือปกหน้าผากของผม ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะวูบไป จึงสวดขอในใจต่อพระจิตเจ้าว่า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ที่จะเข้ามารักษาความชั่วร้ายในจิตใจของลูก ลูกก็พร้อมแล้วที่จะรับพระองค์ แล้วผมก็วูบไป ความรู้สึกสุดท้ายก็คือ รู้ว่าคุณพ่อเอามือประคองไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดพื้นไป ผมลืมตาไม่ขึ้น มีความรู้สึกเป็นสุขและตัวเบาหวิว ผมได้ยินเสียงคุณพ่อยังคงสวดต่อไปว่า “พระ เยซูชนะพญามาร ”
จนกระทั่งผมรู้สึกตัวและลุกขึ้นมาสวดต่อพร้อมกับคุณพ่อ ผมมองไปเห็นรูปปั้นแม่พระอยู่ 4 รูปในห้อง คุณพ่อบอกว่าได้ให้คนรู้จักกันทำจำลองรูปแม่พระฟาติมาขึ้นมา เผื่อว่าใครอยากได้เอาไปไว้ที่บ้าน ผมเลยลองถามราคาดู คุณพ่อคิดถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมลองค้นดูสตางค์ในกระเป๋าว่ามีพอหรือไม่ คุณพ่อบอกว่าไม่เป็นไรถ้าไม่มีก็เอามาให้คุณพ่อวันหลังก็ได้ แต่ปรากฏว่าผมมีเงินพอที่จะไถ่ได้พอดี ผมก็เลยขอให้คุณพ่อช่วยเสกรูปปั้นแม่พระให้ผมด้วย คุณพ่อยังให้กางเขนอันใหญ่ที่สวยมากมาอีก 1 อัน และเชิญแม่พระมาส่งผมที่รถ และท่านได้กรุณาติดรถมาเยี่ยมแม่กับน้าที่บ้านด้วย แม่ดีใจมาก ผมขับรถไปส่งคุณพ่อที่วัด คุณพ่อบอกว่าวันนี้ท่านมีความสุขมาก ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คุณพ่อเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตา ทำให้ผมรู้สึกว่าได้พบกับบุคคลที่แม่พระทรงเลือกให้ผมมีโอกาสได้ทำงานด้วย แล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2548 เวลา 20.00 น.
หลังจากที่ได้สวดประจำวันที่บ้าน ผมได้ยินเสียงของแม่พระผ่านเข้ามาทางหน้าผาก แม่พระได้ทรงตรัสว่า
“พรุ่งนี้ให้ลูกโทรศัพท์หาคุณพ่อ”
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2548 เวลา 17.00 น.
ผมได้โทรนัดขอพบคุณพ่อในวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2548 เวลา 10.00 น.
วัน เสาร์ที่ 12 มีนาคม 2548 เวลา 10.15-13.00 น.
ผมได้นำวีดีโอบันทึกสารจากแม่พระและสิ่งอัศจรรย์ในดวงอาทิตย์เมื่อวัน อาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2548 มาให้คุณพ่อได้ดู ผมบอกกับคุณพ่อว่าผมร้อนใจอยาก ทำอะไรสักอย่างให้คนได้รู้ว่าแม่พระยังคงอยู่กับเรา ณ. ถ้ำวัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร แห่งนี้ อยากให้คนกลับมาหาแม่พระให้มากขึ้น เพราะขณะนี้มีเหลืองเพียงไม่กี่คน จากจันทบุรีที่ยังสามารถเดินทางมาหาแม่พระในทุก ๆ วันเสาร์สุดท้ายของเดือน 16 ปีแล้วที่เขาได้เดินทางมาที่ถ้ำแห่งนี้ด้วยความศรัทธาในแม่พระ มาสวดภาวนาอยู่ที่หน้าถ้ำในคืนวันเสาร์ทั้งคืน และอยู่จนกระทั่งแห่แม่พระในวันอาทิตย์หลังมิซซา เช้าแล้วจึงเดินทางกลับจันทบุรี หลายคนได้เสียชีวิตไป และอีกหลายคนร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางมาได้อีกเนื่องจากอายุมากแล้ว เมื่อยายของผมได้เสียชีวิตไป พวกคนจันทบุรืก็ถามว่าจะมีลูกหลานของยายบ้างไหมที่จะมาสืบทอดการสวดภาวนา ร่วมกันที่หน้าถ้ำแห่งนี้ แม่,น้า, พี่สาว และตัวผมจึงได้เริ่มไปเป็นตัวแทนของยายเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ผมยังคงจำได้เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วที่คุณพ่อยังคงเป็นคุณพ่อเจ้าวัดอยู่ที่ นี่ มีผู้คนมากมายเดินทางมาจากทุกภาคของประเทศไทย เดินทางมาแสวงบุญ ณ. ถ้ำแห่งนี้ แต่เดี๋ยวนี้มีคนจากกรุงเทพฯ มาร่วมสวดภาวนาด้วยอีกเพียงไม่กี่คน เท่านั้น ถ้าพวกเราตายไปกันหมดแล้ว จะมีใครมาสืบทอดการแสวงบุญ ณ. ถ้ำแห่งนี้อีกบ้างไหม คุณพ่อบอกกับผมว่า ไม่ต้องกลัว ให้ไว้ใจในแม่พระ เพราะแม่พระจะ มีวิธีของแม่พระเอง และยังบอกกับผมอีกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน ให้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ให้ทำบันทึกสาสน์ของแม่พระไว้เป็นหลักฐาน และให้คอยสังเกตว่าในแต่ละครั้งที่ผมได้รับสาสน์จากแม่พระมีอะไรที่แตกต่าง ไปจากครั้งก่อนหรือไม่
ผมตั้งใจว่าจะให้หลานช่วยตัดต่อวีดีโอนี้ลงในแผ่นดีวีดีเพื่อที่จะนำมาให้ คุณพ่อเมื่อถึงเวลาอันสมควร เพื่อคนที่ศรัทธาในแม่พระอีกหลายๆคนจะได้เห็นดีวีดีนี้ ผมคุยอยู่กับคุณพ่อนานมากจนเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณพ่อไปมากแล้ว ผมตั้งใจจะรีบลากลับ แต่คุณพ่อชวนให้อยู่ทานอาหารกลางวันด้วยกันก่อน หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว คุณพ่อก็พาผมมาสวดที่หน้ารูปปั้นแม่พระฟาติมา และให้ผมไปหยิบพระคัมภีร์มาแล้วให้เปิดไปหน้าไหนก็ได้เพื่อดูว่าวันนี้พระจะ บอกอะไรแก่ผมบ้าง
เมื่อผมเอามือวางลงบนพระคัมภีร์ ผมก็ได้ยินเสียงผ่านเข้ามาทางจิตของผม ว่า
“เป็นการถูกต้องแล้วที่มาที่นี่”
ข้อความในพระคัมภีร์คุณพ่อได้กรุณาสรุปให้ฟังว่า ประกาศกของพระหลายคนก็ถูกต่อต้าน แม้กระทั่งถูกนำไปขังไว้ในคุก เรื่องนี้อย่าใจร้อน พระจะหาทางให้ผมได้ทำงานให้พระองค์เอง แล้วคุณพ่อก็สวดบทเชิญ พระจิตเอามือปกหน้าผากของผม ผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะวูบไป จึงสวดขอในใจต่อพระจิตเจ้าว่า ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ที่จะเข้ามารักษาความชั่วร้ายในจิตใจของลูก ลูกก็พร้อมแล้วที่จะรับพระองค์ แล้วผมก็วูบไป ความรู้สึกสุดท้ายก็คือ รู้ว่าคุณพ่อเอามือประคองไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดพื้นไป ผมลืมตาไม่ขึ้น มีความรู้สึกเป็นสุขและตัวเบาหวิว ผมได้ยินเสียงคุณพ่อยังคงสวดต่อไปว่า “พระ เยซูชนะพญามาร ”
จนกระทั่งผมรู้สึกตัวและลุกขึ้นมาสวดต่อพร้อมกับคุณพ่อ ผมมองไปเห็นรูปปั้นแม่พระอยู่ 4 รูปในห้อง คุณพ่อบอกว่าได้ให้คนรู้จักกันทำจำลองรูปแม่พระฟาติมาขึ้นมา เผื่อว่าใครอยากได้เอาไปไว้ที่บ้าน ผมเลยลองถามราคาดู คุณพ่อคิดถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมลองค้นดูสตางค์ในกระเป๋าว่ามีพอหรือไม่ คุณพ่อบอกว่าไม่เป็นไรถ้าไม่มีก็เอามาให้คุณพ่อวันหลังก็ได้ แต่ปรากฏว่าผมมีเงินพอที่จะไถ่ได้พอดี ผมก็เลยขอให้คุณพ่อช่วยเสกรูปปั้นแม่พระให้ผมด้วย คุณพ่อยังให้กางเขนอันใหญ่ที่สวยมากมาอีก 1 อัน และเชิญแม่พระมาส่งผมที่รถ และท่านได้กรุณาติดรถมาเยี่ยมแม่กับน้าที่บ้านด้วย แม่ดีใจมาก ผมขับรถไปส่งคุณพ่อที่วัด คุณพ่อบอกว่าวันนี้ท่านมีความสุขมาก ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คุณพ่อเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตา ทำให้ผมรู้สึกว่าได้พบกับบุคคลที่แม่พระทรงเลือกให้ผมมีโอกาสได้ทำงานด้วย แล้ว