วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2548 เวลา 8.00 น.
วันนี้คุณพ่อวิจิตรได้กรุณาโทรศัพท์มาหาผมที่บ้านแต่เช้า ท่านบอกว่าวันนี้ท่านจะเทศน์เกี่ยวกับการทำพลีกรรม เพื่อผมจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ผมขอขอบพระคุณคุณพ่อวิจิตรไว้ ณ. ที่นี้ ท่านได้กรุณาให้ความสว่างทางด้านจิตใจแก่ผมอย่างมากมาย
พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร
หน้าถ้ำแม่พระ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร
วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2548 เวลา 24.00-04.30 น.
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน เมื่อผมเดินทางไปถึงวัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร ก็ใกล้ค่ำ ผมรีบเดินไปที่หน้าถ้ำแม่พระก่อนเพื่อจะถ่ายรูป แต่แสงไม่พอเพราะพระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว ผมยืนมองดูรูปปั้นของแม่พระด้วยความเสียดายที่วันนี้ผมไม่มี โอกาสที่จะได้ถ่ายรูปของแม่พระ สักครู่หนึ่งผมก็ได้เห็นแสงสีทองเป็นประกายเหมือนดาวที่คิ้วด้านขวาของแม่พระ ผมก็พยายามเดินมองหาดูที่มาของแสงสะท้อนนั้น แต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่สามารถสะท้อนแสงได้ในเวลาค่ำเช่นนั้น อีกสักครู่หนึ่งผมก็ได้เห็นแสงนั้นวูบขึ้นมาอีกประมาณ 5-6 ครั้ง ในแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 1 นาที ขณะนั้นยุงค่อนข้างชุมมาก ผมเลยต้องเดินจากมาพร้อมกับความ สงสัยอยู่ว่าแสงนั้นมาได้ยังไง
วันนี้ผมรู้สึกว่าที่วัดมีอะไรที่เปลี่ยนไปเพราะรูปปั้นแม่พระที่หน้าวัดซึ่งเก่าแก่มาก บัดนี้ได้กลายเป็นรูปปั้นใหม่เอี่ยมที่สวยมากมาอยู่แทนที่ ผมเดินเข้าไปดู ใกล้ๆก็ จำได้ว่าเป็นแม่พระองค์เดิม คุณพ่อเจ้าวัดบอกว่าท่านได้ให้ร้านที่ศรีราชาเป็นคน นำไปซ่อม วันนี้ผมโชคดีที่มาตรงกันวันที่ทางวัดได้เชิญแม่พระไปแห่ที่ตลาด พิธีร่วมถวายบูชาในคืนนี้จึงจบลงด้วยการนำดอกกุหลาบไปถวายแด่แม่พระและรับพรจากคุณพ่อเจ้าวัด
คืนนี้พี่สาวของผมไม่ได้มาด้วยแต่ก็ได้ไปสวดภาวนาที่บ้านแม่ของผมเหมือนเดิม ในเวลาประมาณ 20.00-21.30น. พี่สาวผมเห็นแม่พระฟาติมาเหมือนกับจะ ลอยออกมาจากตู้พระแล้วก็ลอยกลับเข้าไปยังที่เดิม ในขณะที่ข้างๆกันนั้นมีรูปปั้นของแม่พระเมืองลูร์ด พี่สาวผมเห็นชายผ้าคลุมของพระองค์พริ้วไสว และดูเหมือนว่าแม่พระจะเคลื่อนไหวได้ แต่พี่สาวผมไม่ได้ยินเสียงจากแม่พระแต่อย่างใด ที่ผมต้องเขียนถึงเรื่องนี้เพราะผมอยากให้ทุกท่านได้รู้ว่าแม่พระรักษาสัญญาเสมอว่าที่ใดมีการสวดสายประคำแม่พระจะอยู่ที่นั่น
ที่หน้าถ้ำแม่พระผมได้นำบทภาวนาที่แม่พระได้มอบไว้ให้แก่อาเดเรียเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2531 มาแจกแก่พวกเราทุกคนที่นี่ เพราะผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครเคยสวดบทภาวนาของแม่พระนี้หรือไม่ ผมต้องขอขอบบุคคลผู้มีน้ำใจท่านหนึ่งีไว้ ณ ที่นี้ ที่ได้ คัดลอกเรื่อง การประจักษ์ของแม่พระในประเทศไทยมาจากหนังสืออิสระ ปีที่11 ฉบับที่2 มาลงไว้ทางอินเตอร์เนต ทำให้ผมได้บทสวดนี้มาดังนี้
บทภาวนาของพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจ เพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร
บทภาวนาที่แม่พระมอบให้แก่อาเดเรีย
ที่วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร เมื่อวันที่ 29 พ.ค 2531
แม่พระสัญญาว่า ทุกครั้งที่มีการสวดสายประคำ แม่พระจะมาประทับอยู่ที่นี่ แม่พระมาประจักษ์ที่นี่เพื่อ
1.เพื่อสอนเราว่าให้เรารักพระเยซูเจ้าเสมอๆ ไม่มีใครรักพระเยซูเจ้าได้ดี เท่าแม่ และแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2.เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งที่เลวร้าย
3.เพื่อช่วยวิญญาณเรา และวิญญาณที่อยู่ในไฟชำระ
4.เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักร และผู้มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5.เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอาณาจักร สวรรค์ และให้ความหวังแก่เรา
บทภาวนาของ พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร
ข้าแต่พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจสุดที่รักของลูก พระแม่ทรงวอนขอเพื่อความยุติธรรมอันแท้จริง สำหรับมนุษยชาติทั้งครบ ลูกกราบทูลเกล้าถวายกิจการทั้งหมดที่ลูกจะกระทำในวันนี้แด่พระแม่ ลูกขอถวายการงาน การพักผ่อน ความคิด และการภาวนา ความสุขและความทุกข์ทั้งหมดแด่พระแม่
ลูกหวังว่า โดยผ่านทางพระแม่แล้ว พระเจ้าผู้ทรงสรรพฤทธิ์ จะทรงบันดาลให้ความพยายาม และการกระทำต่างๆ ของลูกศักดิ์สิทธิ์ไป ลูกขอมอบทั้งหมดไว้ในพระหัตถ์ของพระแม่ด้วยใจรัก
ลูกขอรับพระพรแห่งการให้อภัย สำหรับตัวลูกเองและพี่น้องด้วย ลูกมอบตัวลูกทั้งครบให้แด่พระแม่ ลูกขอให้พระแม่โปรดแนะนำลูก เพื่อว่าพระแม่จะได้เพิ่มเติมพระพรต่างๆ ที่หลั่งไหลมาจากพระแม่ให้แก่ลูก นำความรักและแสงสว่าง ความหวัง และพระสัญญา มาสู่โลกที่ยังจมอยู่ในความมืดนี้
ลูกสวดขอให้กับพวก คนจนๆ คนที่หลงหายไป คนที่หมดหวัง คนที่สิ้นหวัง ไม่มีกำลังใจ ลูกสวดให้กับผู้ที่แสวงหาสันติภาพ และความสงบสุข ขอให้พวกเขาได้พบพระแม่ ได้รับการรักษาจากพระหัตถ์ของพระแม่ด้วยเทอญ อาแมน
แปลโดย คุณพ่อ วิจิตร ลิขิตธรรม
จากหนังสืออิสระ ปีที่11 ฉบับที่ 2 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2531
คืนนี้อากาศร้อนมากไม่มีลมเลย ยุงก็ชุมมากเหลือเกิน แต่ไม่มีใครบ่นสักคน พวกเรายังคงนั่งสวดกัน ตามปกติเพราะเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือมาหาแม่พระอันเป็นที่รักยิ่งของพวก เรา คืนนี้ผมไม่คอยสบาย เลยต้องขอตัวไปนอนตั้งแต่ 22.00น. มาตื่นอีกทีก็ประมาณเที่ยงคืนแล้ว จึงรีบไปสวดต่อที่หน้าถ้ำแม่พระเพราะผมเห็นด้วยจิตว่าแม่พระฟาติมาได้ปราก ฎซ้อนอยู่ในรูปปั้นของแม่พระเมืองลูร์ดที่ในถ้ำนี้ ผมไม่ได้บอกใครเพียงแต่ผมขอให้ทุกคนสวดบทภาวนาของแม่พระ ซึ่งพระองค์ได้บอกกับอาเดเรียว่า พระองค์คือผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้ที่น่าสงสาร แล้วสวดตามด้วยบทข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า และวันทาพระราชินี ผมได้ยินหลายคนบอกว่าคืนนี้เห็นแม่พระองค์ใหญ่เหลือเกิน สูงเกือบถึงเพดานถ้ำ บางคนก็บอกว่าเห็นแม่พระขยับปาก และสวดตามพวกเรา เวลาประมาณ 03.00น. พวกเราก็พักหลังจากที่ได้สวดติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาที่ นานพอสมควร ตอนนี้ต่างคนต่างก็หาเรื่องมาคุยกันเพื่อแก้ง่วงนอน
ผมนอนมามากพอแล้วจึงยังคงสวดสายประคำอย่างเงียบๆ ตามลำพังและในขณะนั้นเองผมก็ได้รับรู้ว่าแม่พระพร้อมที่จะประทานสาสน์แล้ว แต่ผมไม่มีสมาธิพอที่จะรับสาสน์ของแม่พระได้ จึงขอร้องให้พวกเราเงียบเสียงลงสัก 10 นาที ถ้าเป็นพระประสงค์ของแม่พระที่จะประทานสาสน์แก่พวกเราแล้ว ผมจะได้ถ่ายทอดออกมาให้พวกเราให้ได้ยินทั่วกัน และเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม่พระได้ทรงตรัสกับพวกเราดังนี้
“ขอบ ใจพวกลูกทั้งหลายที่ได้มาในวันนี้ แม่ได้เห็นความพยายามของพวกลูกทำสืบต่อกันเป็นระยะเวลานาน
ขอบใจที่ วันนี้ได้นำบทสวดภาวนาของแม่นำกลับขึ้นมาสวดกันอีกครั้งหนึ่ง
ถ้า พวกลูกอยู่ในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ลูกก็คงมองเห็นแม่ในจิตใจของ ลูกอยู่แล้ว
ขอบใจที่ลูกมาหาแม่ด้วยความเชื่อมั่นอย่างแท้จริง แม่ไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากความเชื่อที่มาจากหัวใจของพวกลูกเท่านั้น
แม่ มารอลูกอยู่นานแล้ว (แม่พระหมายถึงรอผู้ที่เปิดจิตใจรับฟังเสียงของแม่พระ)
หาโอกาสที่จะ ติดต่อกับพวกลูก แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงแม่ มีแต่ลูกผู้นี้ที่พยายามเปิดใจหาแม่ พยายามฟังเสียงของแม่ (แม่พระหมายถึงผม)
บางครั้งเขาก็คิดว่าเป็นเสียงที่ล่องลอยมาในอากาศ เป็นเสียงที่เขาคิดขึ้นมาเอง แต่แม่ขอบอกว่า แม่เองเป็นผู้ที่พูดให้เขาได้ยิน
จงมีเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องของลูก จงให้ความรักและความเห็นใจแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน และตกอยู่ในบาปทั้งหลาย
จงนำบทสวดของแม่ที่ลูกทั้งหลายได้ไปใน วันนี้ สวดภาวนาเพื่อขอให้เขาทั้งหลาย ได้รับการช่วยเหลือจากแม่ นานมาแล้ว ที่แม่ไม่ได้ยินเสียงสวดภาวนาบทนี้เลย ขอบใจลูกมาก แม่ปีติเหลือเกินที่บทสวดภาวนาของแม่กลับดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
หลายคนอาจจะสงสัยอยู่ในใจว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ขอบอกว่า แม่ดูพวกลูกอยู่นานแล้ว จงกลับไปรื้อฟื้นความตั้งใจจริงของลูก สิ่งที่ลูกได้สัญญาไว้แต่ลูกได้หลงลืมไป จงทำพลีกรรมสำหรับสิ่งที่ลูกได้หลงลืมไป (วันนั้นผมก็ลืมทำพลีกรรมเพื่อน้องชายของผมด้วยเช่นกัน)
วันนี้เรา ขอบอกพวกลูกว่า อาณาจักรสวรรค์เปิดต้อนรับพวกลูกทุกคน ถ้าลูกมีความเชื่อและตั้งใจจริงที่จะเดินตามเรามาอย่างแท้จริง เราจะอยู่กับพวกเจ้าในทุกๆหนทุกๆแห่ง
อย่าประหลาดใจเลยนี่เป็นคำพูด ของแม่เอง จากนี้ต่อไปพวกลูกจะได้ยินเสียงแม่ทุกครั้งที่มาหาแม่ที่นี่ (ทุกวันเสาร์สิ้นเดือน โดยผ่านทางผมซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารของแม่พระ)
สักวันหนึ่งจะมีคนอีกหลายๆคนที่ดำเนินตามรอยพวกลูก จงอย่าเสียใจไปเลย (ในขณะนี้ยังไม่มีใครมาร่วมสวดกับพวกเราเพิ่มแต่อย่างใด)
ขอบใจ ลูกมากที่มีความรักภักดีต่อแม่มาตลอด พระผู้เป็นเจ้าทรงพอพระทัยอย่างยิ่งที่เห็นการสวดภาวนา การชุมนุมของพวกเจ้า ณ. ที่นี้ จงตั้งใจสวดภาวนาเป็นพิเศษแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรรค์องค์ใหม่ พระสันตะปาปาของลูก ท่านจะเป็นผู้นำทางแก่เจ้าทั้งหลาย
ขอให้สวด ภาวนาให้มากๆ โลกนี้กำลังลุกเป็นไฟด้วยบาป จิตใจมนุษย์คิดแต่ในเรื่องของตนเองเท่านั้น พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้ตนเองพึงพอใจโดยไม่นึกถึงผลร้ายที่ตามมา ขอให้สวดภาวนาให้เขาเหล่านั้นได้ระลึกว่า แม่เฝ้ามองดูเขาอยู่
อยาก ให้เขารู้จักว่า รักที่แท้จริงคืออะไร ไม่ใช่รักตนเอง รักโดยยอมพลีแม้กระทั่งชีวิตเพื่อเห็นคนที่เรารักเป็นสุข แม่รู้ว่า หลายคนประหลาดใจ ไม่เป็นไร สักวันหนึ่งลูกจะได้ยินเสียงของแม่ด้วยจิตของลูกเอง”