+ เดือน กย.48 ญาติผู้กลับมาจากความตาย +

รวมสารการประจักษ์แม่พระที่ลำไทร สามารถแสดงความเห็นได้อย่างสุภาพ และไม่อนุญาตให้ตั้งกระทู้ใด ๆ ในบอร์ดนี้
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 4:59 pm

ญาติผู้กลับมาจากความตาย

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2548 เวลา 00.10 - 00.35น.


วันเสาร์ที่ 3 กันยายน 2548 ผมได้ไปวัดตอนค่ำเช่นเคย คุณพ่อได้เทศน์เกี่ยวกับการตักเตือนกันฉันพี่น้อง จากบทอ่านหนังสือประกาศกเอเสเคียลซึ่งมีข้อความว่า

“ถ้าเจ้าไม่ตักเตือนคนอธรรม เราจะเอาผิดเจ้าเพราะความตายของเขา”

พระเจ้าตรัสว่า “ส่วนเจ้า บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นคนยามสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากของเราเมื่อไร ก็จงให้คำตักเตือนของเราแก่ประชาชน ถ้าเรากล่าวแก่คนอธรรมว่า “เจ้าคนอธรรมเอ๋ย เจ้าต้องตายแน่ ” แต่เจ้าก็มิได้พูดตักเตือนให้คนอธรรมเปลี่ยนแปลงความประพฤติ คนอธรรมนั้นเองก็จะต้องตายเพราะบาปของตน แต่เราจะเอาผิดเจ้าเพราะความตาย ของเขา แต่ตรงกันข้าม ถ้าเจ้าได้ตักเตือนคนอธรรมให้เขาเปลี่ยนแปลงความประพฤติ แต่เขาไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เขาจะตายเพราะความชั่วของเขา ส่วนเจ้า เจ้าจะช่วยชีวิตของตัวเจ้าเองให้รอด”

และพระวรสารนักบุญมัทธิวซึ่งมีข้อความดังนี้
“ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านก็ได้พี่น้องคืนมา”

เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับสานุศิษย์ว่า “ถ้าพี่น้องของท่านทำผิดต่อท่านจงไป ว่ากล่าวเขาตัวต่อตัว ถ้าเขาเชื่อฟัง ท่านจะได้เขาคืนมา ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง จงเอาอีกคนหรือสองคนไปด้วยกัน จะได้มีพยานสองสามคนช่วยกันตกลงให้เรียบร้อย ถ้าเขาไม่เชื่อฟังพยาน จงแจ้งให้พระศาสนจักรทราบ ถ้าเขายังไม่เชื่อฟังพระศาสนจักรอีก จงถือเขาเป็นคนต่างศาสนาหรือคนเก็บภาษีเถิด”

“เรากล่าวแก่ท่านเป็นความสัตย์จริงว่า ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกในโลก ก็จะผูกในสวรรค์ และทุกสิ่งที่ท่านแก้ในโลก ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย”

“เราขอเสริมว่า ถ้าสองคนในพวกท่านในโลกนี้พร้อมใจกันวอนขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาจะได้รับจากพระบิดาเจ้าสวรรค์ เหตุว่าที่ใดมีสองหรือสามคนประชุมกันในนามของเรา เราก็จะอยู่ที่นั่นท่ามกลางเขา”

ทีแรกผมต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังสักเท่าไหร่ และก็ไม่เคยนึกเลยว่าข้อความดังกล่าวข้างต้นนี้กำลังจะเกิดขึ้นแก่ผมในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อผมต้องมาตกอยู่ในเหตุการณ์ที่ญาติของผม 2 คนโต้เถียงกันเข้าจริงๆ ผมเป็นคนกลางได้แต่นั่งเงียบฟัง เพราะยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเข้าใจผิดกันในครั้งนี้ ทำให้ผมนึกถึงที่คุณพ่อเทศน์ในวัดขึ้นมาได้ เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ผมพูดเตือนสติเขาไปหลายอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปเอาคำพูดเหล่านั้นมาจากไหน (ผมนึกขอบคุณ คุณพ่ออยู่ในใจ ถึงแม้จะฟังท่านเทศน์บ้างไม่ได้ฟังบ้างแต่ก็ยังได้นำคำสอนนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นได้) เมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบรับอะไร ผมจึงคิดว่าผมควรปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวบ้างดีกว่า เพราะบางทีคนเราก็ต้องการเวลาสำหรับตนเองในการคิดแก้ปัญหา ผมก็เลยมาสวดภาวนาขอความบรรเทาใจจากแม่พระให้เขาแทน

คืนนี้กว่าจะสวดกันเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนพอดี ผมยังคงเฝ้ารอรับสาสน์จากแม่พระจนกระทั่งเวลา 00.10น. ของวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน ผมจึงเริ่มได้ยินเสียงของแม่พระดังนี้

“ลูกที่รัก วันนี้แม่เฝ้ามองลูกอยู่ด้วยความเป็นห่วงยิ่งนัก จงอย่าลืมคำที่แม่บอก หน้าที่ของลูกคือการออกไปช่วยเหลือผู้คน และเป็นที่พักพิงแก่คนทั้งหลาย

แม่หวังว่าลูกยังคงจำได้ที่แม่บอกลูกว่า จงอย่าลืมคนในครอบครัวของลูก เพราะยังมีคนขาดผู้ชี้นำทางให้เขาได้มาพบพระบิดาเจ้า

จงจำไว้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงอย่าพิพากษาผู้อื่น ขอให้ปล่อยและวางใจในน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าเท่านั้น

วันนี้แม่รู้ว่าลูกอยากได้สาสน์ที่จะเป็นประโยชน์แก่คนทั้งหลาย แม่ขอบอกลูกว่าจิตใจของมนุษย์นั้นยากเกินกว่าที่ลูกจะเข้าใจ ถึงแม้การสวดภาวนา การขอให้ทำพลีกรรม จะเป็นเรื่องที่เจ้าได้ยินซ้ำซาก แต่แม่ก็ขอยืนยันว่า สิ่งที่ลูกทำนั้นบังเกิด ผลแน่นอน พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงสดับฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการภาวนาจากลูก จากครอบครัวของลูก หรือจากคริสตชนอื่นที่ยังมั่นคงในพระองค์ คำภาวนาของพวกลูกทั้งหลายเป็นที่สบพระทัยของพระองค์ยิ่งนัก

จงอย่ากลัวเลย ถึงจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ด้วยการภาวนาและการทำพลีกรรมของพวกลูกทั้งหลาย สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

แม่ไม่สามารถทนเห็นลูกของแม่ผู้ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์จะต้องมารับชะตากรรมร่วมกับคนอื่นเช่นนี้ แม่จึงมาเตือนพวกลูก ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความรักและความเมตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสวดภาวนาให้พวกเค๊าทั้งหลายได้รับพระพรอันประเสริฐ ของพระผู้เป็นเจ้า ให้อยู่ในสันติสุขของพระองค์

ด้วยการวิงวอนของพวกลูก สิ่งทั้งหลายที่ลูกวอนขอเหล่านี้ก็จะบังเกิดผลขึ้นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

ต่อไปข้างหน้าลูกจะได้พบได้เห็นสิ่งต่างๆอีกมากมาย แต่แม่ขอเตือนลูกว่าจงสงบนิ่งต่อสิ่งที่ลูกได้เห็นนั้น จงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าเถิด

การพูดของลูกอาจจะทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งถูกตัดสินจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จงหยุดนิ่งเพื่อถวายเกียรติแก่แม่เถิด
(สาสน์ของแม่พระวันนี้ ตรงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันนี้เอง โชคยังดีที่ผมไม่ตัดสินใครตามความคิดเห็นของผมว่า ใครผิดใคร ถูก แต่ก็เสียใจที่ผมละเลย ไม่เคยคิดที่จะเข้าไปสัมผัสกับครอบครัวของเขา ทั้งๆที่รู้ว่าครอบครัวนี้ยังขาดผู้ชี้นำให้รู้จักกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง เนื่องจากฝ่ายหญิงเป็นคนต่างศาสนาและฝ่ายชายก็เอาแต่ทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ไม่เคยไปร่วมพิธีมิซซาในวันอาทิตย์มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ผมมัวแต่นึกถึงแต่การออกไปช่วยเหลือคนนอกบ้าน แต่ลืมคนในครอบครัวของตนเองเสียสนิท ผมขอขอบคุณแม่พระที่ทรงเตือนผมอีกครั้งในเรื่องนี้)

ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามขอให้ลูกนึกเสมอว่า ลูกทำทุกอย่างด้วยสิ้นสุดจิตใจ เพื่อถวายเกียรติแด่แม่และพระบิดาเจ้าในสรวงสวรรค์เถิด

สิ่งที่แม่ต้องการบอกแก่มนุษย์ทั้งหลายก็คือ ก่อนจะพูดอะไรออกไปขอให้นึกให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าลูกจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ถ้าอาจเกิดผลเสียได้แก่คนใดคนหนึ่งหรือคนหลายๆคน ขอให้พวกลูกหยุดยั้งเสียเถิด พวกลูกทำเพื่อแม่ได้มั๊ย?
จงสงบและนิ่งในทุกสถานะการณ์ จงดูตัวอย่างขององค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ พระองค์ต้อถูกสบประมาทเพียงใด พระองค์ต้องทรงทุกข์ทรมานเพียงใด เพื่อไถ่บาปของพวกลูกทั้งหลาย บาปแม้แต่เพียงความคิดก็ทำให้พระองค์เศร้าพระทัยยิ่งนัก

ถ้าพวกลูกแน่ใจว่าลูกรักพระองค์จริงๆ ลูกจะยอมละเว้นไม่กระทำแม้แต่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆนี้ได้มั๊ย? อย่าทำให้ดวงพระทัยของพระองค์ต้องชอกช้ำไปมากกว่านี้เลย

จงจำไว้ให้ดี สิ่งที่ออกจากปากจะเป็นต้นเหตุแห่งบาป จงหยุดยั้งเสีย เพราะในเมื่อลูกได้พูดไปแล้ว ไม่สามารถเอาคืนได้อีก

แม่ขอให้ลูกนำสาสน์นี้ไปเผยแพร่แก่คนทั้งหลาย ว่านี่คือเรื่องที่ง่ายที่สุดที่มนุษย์พึงจะกระทำเพื่อพระบุตรสุดที่รักของแม่ พระองค์ขอแต่เพียงเท่านี้ พวกลูกทำให้พระองค์ได้มั๊ย?

จงอย่าลืมคำของแม่ จงเป็นแสงสว่างในที่มืดให้แก่คนทั้งหลาย รวมทั้งคนในครอบครัวของลูกด้วย เค๊ายังต้องการแสงสว่างนี้อยู่ ลูกได้เคยยื่นมือเข้าไปทำการช่วยเหลือแล้วหรือยัง จงถามใจพวกลูกดู

การทำความดีไม่ต้องมีประกาศ ไม่ต้องได้รับการสรรเสริญ พระบิดาเจ้าทรงเห็น ลูกจะได้รับบำเหน็จรางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่าจากพระองค์เมื่อลูกทำทุกสิ่งในพระนามของพระองค์”


เย็นของวันอาทิตย์ที่ 4 กันยายนเมื่อกลับจากการไปร่วมพีธีมิซซา ผมต้องตกใจเมื่อรู้ว่าญาติคนที่ผมคุยด้วยเมื่อคืนนั้นได้ถูกหามไปส่งโรงพยาบาลแล้ว เนื่องจากกินยาเกินขนาด ที่ผมต้องเขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะผมต้องการที่จะให้น้องๆได้เห็นถึงการตัดสินใจของคน ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นคาทอลิค ไม่รู้จะแก้ปัญหาให้ตัวเองอย่างไรดี จึงคิดหาทางออกด้วยวิธีการเช่นนี้ น้อง ๆ ครับยังมีคนที่รักเราจริง ๆ อีกหลายคน ที่ยังคอยเป็นห่วงเราอยู่ พวกเขาจะต้องเสียใจขนาดไหนถ้าเราเป็นอะไรไปขึ้นมา

ผมได้ตามไปที่โรงพยาบาลและขอให้ญาติๆของเขาร่วมกับผมสวดภาวนา เพื่อที่จะนำเขากลับมาจากการนอนหลับที่แสนจะยาวนานนี้ ผมเชื่อว่าเมื่อเราอยู่ร่วมกันตั้งแต่2 คนขึ้นไป สวดวิงวอนขอพระเมตตาขององค์พระเยซูเจ้า ทุกสิ่งก็จะเป็นไป ได้เสมอ ที่แปลกมากสำหรับผมก็คือ เมื่อผมได้สัมผัสกับผู้ป่วยนั้น ผมสามารถรับรู้ถึงอาการของญาติของผมว่ายังพอมีทางที่จะหายได้ ตอนนี้เขากำลังหลงทางอยู่ และยังหาทางกลับมาเข้าร่างที่ยังมีลมหายใจอยู่ไม่ได้ ผมจึงบอกกับสามีของเขาว่า พรุ่งนี้อย่างมากสุดก็คงไม่เกินบ่ายสองโมง เขาจะฟื้นขึ้นมาจากการนอนหลับนี้อย่างแน่นอน แล้วผมก็ต้องกลับบ้านเพราะในวันจันทร์ผมต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืด

ก่อนที่ผมจะหลับไปในคืนนั้น ผมก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวให้ทราบว่า ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่พวกเรากลับมาได้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงพระเมตตาให้ญาติของผมได้กลับมา คำภาวนาของพวกเราได้ผลจริง ๆ
ผมมาทราบข่าวอีกทีก็เช้าวันอังคารที่ 6 กันยายนนี่เอง ญาติของผมเล่าให้สามีของเขาฟังว่า ในช่วงที่เขาหมดสติไปนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ได้นอนหลับ จึงลุกขึ้นเดินลงมาจากบ้าน เขาเดินไปที่ไหนก็ไม่รู้ สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นครึ้มไปหมด เขาเดินไปไกลมากจนเหนื่อยแทบจะหมดแรง ก็ไปเจอสถานที่แห่งหนึ่ง มีประตูไม้บานใหญ่ซึ่งเก่ามากปิดอยู่ และมีคนผู้ชาย 2 คนยืนอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา ทั้ง2คนไม่ได้ใส่เสื้อและนุ่งผ้าโจงกระเบนดูเหมือนคนสมัยโบราณ และที่มือของทั้งสองคนถืออะไรสักอย่างแต่เขามองเห็นไม่ถนัดว่าถืออะไรอยู่ เขาก็ถามชายทั้งสองคนนั้นว่าขอเข้าไปดูข้างในได้ไหม? อยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ชายทั้งสองคนตอบว่าได้ แต่ประตูนี้มีเวลาเปิดปิดเป็นเวลานะ ถ้าเที่ยงคืนแล้วประตูจะปิด จะออกมาไม่ได้อีกเลย ญาติผมก็บอกว่าขอเข้าไปดูแป๊บเดียวไม่นานหรอก เขาจึงเปิดประตูให้

พอเดินเข้าไปข้างในญาติผมก็เห็นทางเดินปูด้วยแผ่นหินเรียงกันสามแผ่นไปตลอดทาง สองข้างทางนั้นมีผู้คนอยู่มากมายนุ่งผ้าโจงกระเบน แต่ละคนผอมมาก ญาติผมก็เดินเข้าไปหาและขอพักอยู่ด้วยคน แต่คนที่นั่นก็บอกว่าให้อยู่ไม่ได้หรอก ไม่เห็นหรือว่ามีคนเต็มไปหมดแล้ว ไปที่อื่นเสียเถอะ ญาติผมจึงจำใจต้องเดินต่อไป ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยมากเหลือเกิน เดินไปสักพักก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเคยรู้จัก จึงเดินเข้าไปหาและบอกว่าน้า ๆ หนูขออยู่ด้วยคนได้ไหม? ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าไม่ได้หรอก ที่นี่คนเต็มหมดแล้ว ให้เดินไปถามคนกลุ่มข้างหน้าเถอะ

เวลานั้นเกือบค่ำแล้ว ญาติผมมองเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีเด็กเล็ก ๆ หลายคนกำลังนั่งสวดภาวนาอยู่ แต่มองเห็นหน้าไม่ถนัดเพราะค่อนข้างมืดมากแล้ว เห็นแต่รูปร่างเท่านั้นที่พอจะบอกได้ว่าเป็นเด็ก ญาติผมบอกว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นบทสวด ของคนคริสต์อย่างแน่นอน เขามองไปที่กลุ่มของเด็ก ๆ เหล่านั้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนหันหลังให้ ที่สะดุดตามากก็คือชุดที่ใส่เป็นสีขาวและมีผ้าคลุมศรีษะที่สว่างไสว ผู้หญิงท่านนี้ได้หันหน้ากลับมาถามญาติผมว่า หนูจะไปไหน? หนูมาไกลเกินไปแล้วนะ ญาติผมพยายามที่จะมองหน้าท่านผู้นี้แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมืดมาก เห็นแต่เพียงปลายจมูกที่พ้นผ้าคลุมเท่านั้น และท่านผู้นี้รูปร่างสูงโปร่ง ญาติผมก็ตอบว่า หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน หนูจะกลับบ้านแต่หนูหลงทาง ไม่รู้ว่าจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง? ท่านผู้นี้ก็บอกว่า หนูอยากกลับบ้านไหม? ถ้าหนูอยากกลับก็จะส่งให้กลับ แต่จะต้องเจ็บหน่อยนะ หนูจะทนได้มั๊ย? ด้วยความอยากกลับบ้านญาติผมจึงตอบว่า หนูทนได้ ท่านผู้นี้จึงบอกว่าให้นอนลงบนผ้าที่ปูไว้ ญาติผมก็ยอมนอนลง ท่านผู้นี้จึงบอกกับเด็ก ๆ ว่า เรามาช่วยกันสวดส่งหนูผู้นี้กลับบ้านของเขากันเถอะ เด็ก ๆ ก็มาล้อมญาติของผมไว้และเริ่มสวดภาวนา
เมื่อนอนลงญาติผมก็มองไม่เห็นอะไรอีก แต่จะได้ยินเสียงจากท่านผู้นี้เป็นระยะ ๆ ว่า พยายามให้เต็มที่นะ หนูจะได้กลับบ้าน และญาติผมก็รู้สึกเจ็บที่ขาทั้งสองข้างอย่างมาก เขายังคงได้ยินเสียงถามมาอีกว่า ได้กลับถึงบ้านแล้วหรือยัง? ญาติผมรู้สึกปวดที่ข้อเท้ามากเหมือนกับถูกกดทับไว้ จึงร้องออกมาว่าเจ็บ แล้วก็เริ่มรู้สึกตัวว่า ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงแล้วแต่ยังลืมตาไม่ขึ้น ญาติผมได้แต่ส่งเสียงเบา ๆ ตอบไปว่าได้กลับมาถึงแล้วเท่านั้น สามีที่เฝ้าอาการอยู่เห็นเข้าพอดีจึงเดินเข้าไปถามว่าเจ็บอะไร แต่เขาไม่มีแรงที่จะตอบคำถามนั้น ต่อมาญาติผมก็ยกมือขึ้นไหว้ท่านผู้นี้ เพราะถึงแม้จะลืมตาไม่ขึ้นแต่ก็รู้สึกได้ว่าท่านยังอยู่ในห้องนั้น
พอเริ่มได้สติจึงเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้ฟังทีละเล็กทีละน้อยอย่างกระท่อนกระแท่นจนจับใจความทั้งหมดได้ สามีที่เฝ้าอยู่นั้นนึกถึงแม่พระขึ้นมาทันที เขาบอกด้วยความมั่นใจว่าต้องเป็นแม่พระมาช่วยเอาไว้อย่างแน่นอน ผมฟังแล้วก็แทบน้ำตาไหล ขอบคุณแม่พระครับที่ทรงพระกรุณาพาญาติของผมกลับมาเพื่อให้เขาได้กลับมาเป็นลูกของพระองค์

เย็นนี้ผมได้ไปดูอาการของเขาอีกที เขาบอกว่าที่ข้อเท้าด้านขวายังคงเจ็บอยู่ ผมมองเห็นรอยไหม้ที่บริเวณดังกล่าวเหมือนกับถูกความร้อนจัด ๆ มาแต่ไม่มีการพองให้เห็น ผมจึงรับอาสารักษาให้ เมื่อผมจับไปที่บริเวณข้อเท้านั้น ผมก็รับรู้ทางจิต ว่ารอยนี้จะยังคงมีอยู่อีกสามวัน เพื่อเป็นพยานยืนยันว่าญาติผมได้พบกับแม่พระจริง ๆ แล้วความเจ็บปวดนี้จะค่อย ๆ หายไปเมื่อครบกำหนดสามวัน ญาติผมบอกว่า ต่อไปนี้ทุก ๆ วันอาทิตย์จะไปร่วมพีธีมิซซาในตอนเช้าแล้ว (เขาเพิ่งจะเริ่มไปเรียน คำสอนของผู้ใหญ่ได้ไม่นานมานี่เอง แต่ยังไม่ได้รับศีลล้างบาป)

ผมคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจเลย นี่แหละคือสิ่งที่แม่พระได้พยายามเตือนผมตั้งหลายครั้งหลายหน แต่ผมกลับมองไม่เห็นเลยสักนิด อะไรที่ใกล้ตัวเรามากจนเกินไปบางครั้งเราก็มองไม่เห็น กลับไปเห็นความสำคัญของเรื่องของโลกภายนอกมากกว่า ลูกขอโทษแม่พระที่ทำให้พระองค์ต้องมาเตือนลูกหลายครั้งหลายหน ลูกถึงได้ตาสว่างมองเห็นจริงตามที่พระองค์ได้ทรงตรัสไว้
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 5:07 pm

แม่พูดซ้ำ ๆ ทำไม
วันอาทิตย์ที่ 11กันยายน 2548 เวลา 00.15 - 00.40น.

วันเสาร์ที่10 กันยายนหลังจากที่พวกเราสวดภาวนากันจนถึงเที่ยงคืน แม่พระก็ ได้ประทานสาสน์แก่พวกเราดังนี้

“ลูกที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่แม่ได้มาพบพวกลูกตามคำสัญญาของแม่ แม่ขอขอบใจในความมั่นคงของพวกลูกที่ยังมีต่อแม่อย่างสม่ำเสมอ บทสวดภาวนาในวันนี้ที่ลูกได้นำไปให้คุณพ่อได้ช่วยแก้ไขนั้น จะเป็นบทสวดที่ต่อไปในภายหน้า ผู้คนทั้งหลายสามารถเข้ามาพึ่งพิงแม่โดยผ่านบทสวดบทนี้ แม่ขอขอบใจในความพยายามและน้ำใจอันดีของลูก (เป็นบทตรีวารแด่พระแม่แห่งกวาดาลูป แต่ก็ยังติดขัดในเรื่องความหมายบางส่วน ผมจึงนำไปให้คุณพ่อได้ช่วยแก้ไข)

สิ่ง หนึ่งที่แม่อยากจะบอกแก่พวกลูกก็คือ การเผื่อแผ่ความรักความเมตตาไปยังพี่น้อง เพื่อนบ้าน และมวลมนุษย์ทั้งหลาย การให้โดยไม่หวังการตอบแทนนี้จะเป็นสิ่งที่ค้ำจุนให้โลกนี้มีสันติสุขได้

จง อย่าหวังว่าลูกจะได้อะไรกลับคืนมา จงให้ด้วยใจ สิ่งนี้จะเป็นที่สบพระทัยของพระบิดาเจ้าสวรรค์ยิ่งนัก เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์ทุกคนเยี่ยงลูก ๆ ของพระองค์ เยี่ยงบิดาที่รักลูกโดยไม่มีข้อยกเว้น มีแต่ให้ พวกลูกทั้งหลายจะรู้จักคุณค่าแห่งความรักของพระองค์มากเพียงใด ก็ด้วยการที่ลูกต้องเริ่มต้นให้ความรักนั้นแก่ผู้อื่นก่อนเสมอ

แม่ ขอบอกว่าสันติสุขมิอาจเกิดขึ้น ถ้าจิตใจมนุษย์ยังขาดการเอื้ออาทรและการมีน้ำใจต่อกัน สิ่งที่แม่อยากเห็นมนุษย์ในปัจจุบันได้กระทำก็คือ จงแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ทุกเวลา ทุกสถานที่เมื่อลูกสามารถกระทำได้

จงจำไว้ว่าในผู้ที่ลูกช่วยเหลือนั้นคือองค์พระบุตรสุดที่รักของ แม่นั่นเอง พระองค์ ให้โอกาสพวกลูกได้กระทำความดี ดังนั้นพระองค์จะอยู่ในทุก ๆ ที่ ในทุก ๆ แห่ง แม้แต่ในคนที่ลูกเดินผ่านไปโดยไม่ได้ให้การช่วยเหลือ

พระบุตรสุด ที่รักของแม่ทรงบอกว่า มนุษย์ช่างแล้งน้ำใจเสียจริง ๆ จะให้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งแลกเปลี่ยน ได้รับการตอบแทนมาเท่านั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกลูกจะไม่มีโอกาสได้รู้ว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร แต่สิ่งนี้ลูกทั้งหลายจะต้องค้นพบด้วยตัว ของลูกเอง

แม่รู้ว่าถ้า แม่เตือนให้พวกลูกสวดภาวนาและทำพลีกรรมเพื่อชดเชยบาป พวกลูกก็จะค้านอยู้ในใจว่า ไม่มีอะไรใหม่ ๆ มากกว่านี้หรือ พูดแต่เรื่องเดิมที่ซ้ำ ๆ กี่ครั้งแล้วที่แม่มาบอกในทุกยุคทุกสมัย แม่ก็พูดเรื่องเดิมเช่นนี้แหละ คำพูดของแม่จึงซ้ำกันกับที่แม่เคยพูดไว้แล้วในอดีต และมนุษย์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยเช่นเดียวกับในอดีตเช่นกัน

พระบิ ดาเจ้าสวรค์ยังทรงพระเมตตา จึงได้ให้แม่มาเตือนมนุษย์อีกเป็นครั้งที่นับไม่ ถ้วนแล้ว เหตุไฉนคำพูดของแม่จึงไม่มีผลในจิตใจของมนุษย์บางคนเลย เมื่อแม่มาเตือนลูก เตือนแล้วเตือนเล่า แต่ลูกไม่เข้าใจ ผู้ที่เป็นแม่จะชอกช้ำเพียงใดลูกรู้มั๊ย?

นี่คือสิ่งที่แม่อยาก บอกลูกผ่านไปยังมนุษย์ทั้งหลายที่ยังเชื่อมั่นในแม่อยู่ จงตักเตือนคนใกล้ชิดลูก คนในครอบครัวของลูก มิตรสหายของลูก ให้เขาทั้งหลายได้มีโอกาสกระทำความดีกันบ้าง เพราะในทุก ๆ ที่พระองค์ได้ให้โอกาสเขาเสมอที่จะกระทำความดี ในผู้ที่ลูกได้ช่วยเหลือนั้นคือพระองค์ จงจำคำของแม่ไว้ ให้ดี ในผู้ที่ลูกได้ช่วยเหลือนั้นคือพระองค์ ”



บทตรีวารแด่พระแม่แห่งกวาดาลูป


โปรดระลึกเถิด, โอ้พระนางพรหมจารีแห่งกวาดาลูป ผู้ทรงพระกรุณาอย่างหาที่สุดมิได้, ในการประจักษ์ของพระแม่ ณ ภูเขาเตเปย้าก พระแม่ได้ทรงสัญญาว่า จะประทานพระเมตตาสงสารและความเห็นอกเห็นใจแก่ลูกทุกคน, ที่มีความรักและความไว้วางใจในพระแม่ ผู้ที่กำลังแสวงหาความคุ้มครองและขอความช่วยเหลือจากพระแม่. ดังนั้น, ขอพระแม่ได้ทรงโปรดสดับฟังคำวิงวอนของลูก และประทานพระพร แห่งความบรรเทาและการปลอบประโลมใจ. ลูกทั้งหลายเต็มไปด้วยความหวังว่า, ด้วยความไว้วางใจในความช่วยเหลือของพระแม่ จะไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ลูกตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก. พระแม่สถิตอยู่กับลูกเสมอโดยอาศัยพระรูปอันน่าเคารพของพระแม่นี้, ขอพระแม่ได้ทรงโปรดประทานพระหรรษทานตามที่ลูกปรารถนา ณ. บัดนี้ด้วยเทอญ อาแมน.



บทถวายในเวลาเช้าแด่ พระแม่แห่งกวาดาลูป


ข้าแต่ดวงหทัยอันนิรมลของพระแม่มารีย์, พระหฤทัยของพระแม่ของลูก, พระแม่แห่งกวาดาลูป, ลูกขอร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว, เพื่อสรรเสริญต่อพระแม่ผู้ทรงความบริสุทธิ์ไร้มลทิน, ทรงความศักดิ์สิทธิ์, ร้อนรนในจิตใจ, และขอสรรเสริญความรักของพระแม่, เพื่อว่าด้วยความคิด, กิจการ, วาจา และความทุกข์ยากลำบากทั้งหลายของลูกในวันนี้, โดยอาศัยพระแม่และโดยผ่านทางพระแม่แล้วก็จะเป็นที่สบพระทัยของพระเยซูเจ้า นำวิญญาณมาสู่ความรอดและเป็นการชดเชยความผิดบาปทั้งหลายที่ลูกได้กระทำให้ พระแม่ต้องขุนเคืองพระหฤทัย.

บทถวาย ตัวแด่พระเยซูคริสตเจ้า, องค์พระปรีชาญาณที่เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์, โดยผ่านทางพระนางพรหมจารีมารีอา


โอ้ดวงหทัยอันนิรมลของพระแม่มารีย์, ลูก………(โปรดระบุชื่อ)……….., ผู้ซึ่งเป็นคนบาปหยาบช้า, ขอให้คำมั่นสัญญาในวันนี้ในอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์

ลูกขอรื้อฟื้นคำปฏิญาณตนเมื่อครั้งที่ลูกได้รับศีลล้างบาป, ลูกขอละทิ้งซาตาน, การหยิ่งยโสโอหังและงานของมันไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์ และลูกขอมอบถวายตัวลูกทั้งครบแด่พระเยซูคริสตเจ้า, องค์พระปรีชาญาณ, เพื่อที่จะแบกกางเขนของ ลูกติดตามพระองค์ไปจนตลอดชีวิตของลูก, และจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์ยิ่งวันยิ่งมากขึ้นทุกวัน. ต่อหน้าบรรดาเทพนิกรในสรวงสวรรค์ ลูกขอเลือกที่จะอยู่กับพระองค์ในวันนี้เพื่อพระแม่ผู้เป็นสุดที่รักของลูก. ลูกขอมอบกายและถวายอุทิศตนเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ ทั้งร่างกายและวิญญาณ, ความดีทั้งภายในและภายนอก, และแม้แต่กระทั่งความดีทั้งหลายที่ลูกได้กระทำในอดีต, ในปัจจุบัน หรือในอนาคต, ลูกขอมอบทุกสิ่งไว้แด่พระองค์โดยปราศจากเงื่อนไข, เพื่อทำให้เป็นที่สบพระทัยของพระองค์, เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเป็นเจ้า บัดนี้ และ ตลอดนิรันดร.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 5:12 pm

สาสน์จากพระแม่แห่งกวาดาลูป

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2548

วันนี้ผมเหมือนกับผมจะรู้ว่าผู้ป่วยท่านหนึ่งกำลังไม่สบาย ผมจึงขอพระพรของพระเยซูเจ้าให้พระองค์ทรงรักษา ในช่วงเวลานั้นผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ผมได้ไปอยู่ที่นั่นแต่มองจากเบื้องสูงของห้องลงมา เห็นที่ผนังห้องด้านที่ติดกับเตียงมีแม่พระฟาติมาทรงประทับอยู่ที่นั่น ผมยังนึกในใจเลยว่าบุคคลท่านนี้ช่างโชคดีจริง ๆ แม่พระทรงคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา

แต่ที่น่าแปลกก็คือยู่ดี ๆ ผมก็เริ่มเห็นเสื้อคลุมของแม่พระเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวเข้ม แม่พระทรงสวมมงกุฎทรงสูงมีลักษณะเป็นเส้นตรงขึ้นไป ไม่เหมือนมงกุฎที่เห็นกันอยู่ทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้แล้วยังเห็นสีทองสะท้อนออกมาจากเสื้อของแม่พระ และมีรัศมีรอบ ๆ แม่พระเป็นสีทองเหมือนกับเวลาวาดรูปเปลวเพลิงรอบดวงอาทิตย์ พระแม่เปลี่ยนสีพระวรกายจากสีเนื้อกลายเป็นสีน้ำตาล พระพักตร์ของพระองค์เข้มขึ้นและเนตรคมซึ้ง พระเกศาหยักศก ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังได้เห็นแม่พระกวาดาลูปจริง ๆ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงผมได้โทรกลับไปหาผู้ป่วยท่านนี้และเล่าถึงเรื่องที่ผมได้เห็นให้ฟัง เขาค่อนข้างแปลกใจและบอกกับผมว่า เขาได้นำรูปแม่พระฟาติมาที่มีอยู่เดิมนั้นมาแปลงโฉมเสียใหม่ให้เป็นแม่พระกวาดาลูป และเพิ่งจะทำเสร็จในวันนี้เอง ยังไม่มีใครได้เห็นแม่พระองค์ใหม่นี้กันเลย แต่น่าแปลกใจที่ผมเห็นในรายละเอียดของแม่พระได้อย่างไร ผมมีความรู้สึกว่าวันนี้แม่พระคงมีพระประสงค์ที่จะให้สาสน์เป็นพิเศษแก่เขา พี่สาวผมจึงบอกให้ผมสัมผัสกับพระรูปของแม่พระกวาดาลูป ซึ่งเป็นรูปปั้นแม่พระองค์เล็ก ๆ เท่านั้นเอง สักครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าแม่พระกำลังจะประทานสาสน์แล้ว ผมจึงขอให้พี่สาวผมช่วยจดข้อความให้ที เพราะผมไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อการนี้ ตอนนั้นเวลาประมาณ 22.00 - 22.30น. สาสน์ของแม่พระมีดังนี้

“ ลูกรัก (แม่พระหมายถึงผู้ป่วยท่านนี้) วันนี้แม่รู้สึกเป็นสุขใจยิ่งนักที่เห็นลูกซื่อสัตย์ มั่นคงในแม่เสมอมา สิ่งใด ๆ ก็ตามที่ลูกทำด้วยความรักที่สิ้นสุดจิตใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม แม่พอใจยิ่งนัก

แม่ได้เห็นในทุก ๆ ครั้งที่ลูกได้สวดภาวนา ทำกิจการที่ถวายเป็นพลีกรรม แม่ขอบอกว่า องค์พระบุตรสุดที่รัก และพระบิดาเจ้าในสรวงสวรรค์ พระองค์ได้ทรงเล็งเห็นด้วยพระญาณสอดส่องเสมอมา

จงอย่านึกน้อยใจในวาสนา เป็นพระพรของพระองค์ ให้ลูกได้มีเวลาทุกเวลานาทีเพื่อทำกิจการที่ช่วยเหลือวิญญาณของผู้อื่น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ลูกสามารถทำได้โดยไม่ เหลือบ่ากว่าแรงใช่มั๊ย?

จงทำต่อไปเถิดลูกรัก พระบิดาเจ้าสวรรค์ จะประทานพระหรรษทานมาให้ลูกและ ผู้ที่ลูกวอนขอเพื่อพวกเขา

จงจำไว้ว่า ความต่ำต้อย การถ่อมตน การไม่พร่ำบ่นต่ออุปสรรคทั้งหลาย คือ คุณสมบัติที่แม่มองเห็นในตัวลูก แม่พอใจยิ่งนัก”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 5:16 pm

ในทุกคนที่ลูกได้ให้การช่วยเหลือนั้นคือพระองค์

วันเสาร์ที่ 11กันยายน 2548 เวลา 23.53 - 00.30น.

“ ลูกที่รัก สิ่งที่ลูกได้ทำไปในวันนี้ในนามแห่งพระบุตรสุดที่รักของแม่ พระองค์ทรงพอพระทัยยิ่งนัก ลูกคิดถูกแล้วที่ไม่ละทิ้งญาติพี่น้องของลูกแม้แต่เพียงผู้ใดผู้หนึ่ง วันนี้ลูกได้เรียนรู้และเข้าใจถึงความรู้สึกของเค๊าแล้วใช่มั๊ย (วันนี้ผมได้ขอพระพรของพระเยซูเจ้า ให้ทรงรักษาน้าเขยของผมที่ป่วยและเดินไม่ได้มาหลายเดือนแล้ว)
จงอย่าปล่อยให้เวลาได้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ ทุกเวลานาทีในโลกนี้ของลูกมีค่ายิ่งนัก จงอย่าสูญเสียโอกาสที่จะให้การช่วยเหลือ หรือเป็นที่พักพิงทางใจแก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นอันขาด

เมื่อลูกได้เอาหัวใจของลูกเข้าไปอยู่ในจิตใจของเค๊า ลูกก็จะรู้ว่าเขาโดดเดี่ยวเพียงใด จงอย่าปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในหมู่ญาติพี่น้องของลูก แม่ยินดีที่จะร่วมเสนอวิงวอนกับคำภาวนาของลูก เพื่อให้เขาได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้ จงใช้พระพรอันพิเศษของลูกให้การช่วยเหลือแก่เขาเถิด

แม่อยากบอกมนุษย์ทั้งหลายว่า ก่อนที่จะไปให้การช่วยเหลือผู้ใดผู้หนึ่งนั้น อย่าลืมเหลียวแลญาติพี่น้อง บุคคลในครอบครัวของตนเองเสียก่อน อย่าปล่อยให้เขาต้องรู้สึกว่าเขาได้ถูกทอดทิ้งให้เผชิญชีวิตอยู่เพียงผู้เดียวตามลำพังเลย

แม่ขอบใจที่อย่างน้อยในวันนี้ ลูกได้ทำหน้าที่ของลูกอย่างดีที่สุดแล้ว จงเผื่อแผ่ความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ให้แก่คนรอบข้างของลูก พระพรอันประเสริฐไม่มีที่สิ้นสุดนี้ จะแผ่ขยายออกไปกับคนรอบข้างตัวของลูก

ลูกจงนำความรักของพระบิดาเจ้าสวรรค์ไปแสดงแก่คนทั้งหลายเถิด จงให้โดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง จงให้ด้วยสิ้นสุดจิตใจเถิด

แม่ขอบอกว่ามนุษย์ในปัจจุบันนี้ กำลังหลงทางไปกับสิ่งยั่วยุทางฝ่ายโลก และเนื้อหนังมากมายเหลือเกิน ผู้คนทั้งหลายต่างนึกถึงผลประโยชน์ของตนเอง กอบโกยทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขาคิดว่าจะทำให้เขามีความสุข นึกถึงแต่ตนเองเท่า นั้นหรือ การแบ่งปัน การรู้จักให้มีอยู่ในจิตใจของพวกลูกมากน้อยเพียงใด

ในขณะที่ลูกฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเงินทองของลูกเพื่อทำให้ตัวของพวกลูกทั้งหลายเกิดความยินดีนั้น ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากเศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกลูก

ถ้าปากของพวกลูกบอกว่า ลูกรักพระองค์
(พระเยซูคริสต์เจ้า) พระองค์ก็ขอบอกลูกว่า จงแสดงความรักนั้นให้พระองค์ได้เห็นด้วยตาบัดนี้เถิด จงอย่าละทิ้งโอกาสที่ลูกสามารถแสดงความรักนี้ได้ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จงจำคำของแม่ไว้ให้ดี ในทุกคนที่ลูกได้ให้การช่วยเหลือนั้นคือพระองค์ จงอย่าปล่อยให้พระองค์เฝ้ารอการแสดงความรักของลูกต่อพระองค์อีกเลย ถ้ามนุษย์ทุกคนคิดได้เช่นนี้ โลกนี้ก็จะมีแต่สันติสุข

ด้วยความรักที่แท้จริง แม้แต่พลังแห่งความชั่วร้ายก็ไม่สามารถทำอันตรายพวกลูกได้ จงอย่าปล่อยให้หัวใจของพวกลูกมีช่องว่างให้มันได้เข้ามาทำงานในจิตใจของพวกลูกอีกต่อไป

จงละทิ้งและติดตามพระองค์ไป ลูกก็จะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงนั้นคืออะไร

พระบิดาเจ้าสวรค์ทรงเล็งเห็นการกระทำของพวกลูกทุกคน จงอย่าลืมว่าไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็ตาม ที่ไหน เมื่อไหร่ พระองค์เฝ้าดูพวกลูกอยู่เสมอ

จงตระเตรียมคุณความดีทั้งหลาย เพื่อลูกจะได้พร้อมที่จะพูดกับพระองค์อย่างภาคภูมิใจว่า ลูกมีคุณความดีเพียงพอที่จะได้รับบำเหน็จรางวัลในสวรรค์ เมื่อถึงเวลาการตัดสินพิพากษาของพระเจ้า
แม่นี้พยายามอย่างเหลือเกิน ที่คอยเฝ้ามาเตือนให้พวกลูกทั้งหลายได้ประกอบ คุณงามความดี”
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 5:19 pm

ร่วมใจกันวอนขอเพื่อสันติภาพที่ลำไทร
หน้าถ้ำแม่พระ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2548 เวลา 03.10-03.35 น.

วันเสาร์ที่ 24 กันยายนนี้ พวกเราไปถึงลำไทรกันตั้งแต่16.30 น. ผมได้เตรียมเอกสารไปเพื่อแจกกลุ่มของพวกเราที่มาสวดด้วยกัน ซึ่งเป็นการรวบรวมสาสน์ทั้งหมดตั้งแต่ที่ผมได้ทำการบันทึกไว้(เฉพาะสาสน์ที่ได้รับจากแม่พระลำไทร) เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ระลึกถึงคำสอนของแม่พระ ที่ได้ทรงประทานสาสน์แก่พวกเรา

วันนี้พี่ ๆ ได้เตรียมบทสวดต่าง ๆ มาเพิ่มให้อีก เพื่อว่าทุกคนจะได้มีไว้สวดพร้อม ๆ กัน วันนี้เราได้สมาชิกใหม่มาเพิ่มอีก 2 คน ส่วนน้อง ๆ เยาวชนผู้แพร่ธรรมนั้นจะตามมาสมทบทีหลังในตอนดึก วันนี้แม่พระคงจะดีใจที่มีคนมาสวดที่หน้าถ้ำเพิ่มขึ้นอีกหลายคนทีเดียว

วันนี้ตั้งแต่เย็นไม่รู้ว่ากองทัพยุงมาจากไหนกันนัก นั่งสวดไปยุงก็กัดไป ทั้ง ๆ ที่ทาโลชั่นกันยุงและจุดยากันยุงไว้รอบ ๆ แล้วก็ตาม แต่มันไม่ยอมหนีไปไหนเลย ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเราคงได้ทำพลีกรรมโดยยอมให้มันกินเลือดของพวกเรากันจนถึงรุ่งเช้าเป็นแน่ เพราะทุกคนก็ไม่ถอยหนีไปไหนเหมือนกัน

คืนนี้ในระหว่างที่สวดภาวนานั้น ผมได้ยินเสียงหลายคนบอกว่าคืนนี้แม่พระองค์ใหญ่เหลือเกิน สูงเท่าคนจริง ๆ บางคนก็บอกว่าได้เห็นชุดของแม่พระนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีชมพูแบบสีสะท้อนแสง สีนั้นจะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเราสวดบทพระเมตตา และร้องเพลงสรรเสริญแด่แม่พระ แต่สำหรับผมก็ไม่ได้เห็นอะไรเช่นเคย แค่ผมได้มีโอกาสมาหาแม่พระที่นี่ทุกเดือนก็เป็นอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในจิตใจของผมแล้ว

เมื่อถึงเวลาประมาณ 03.00 น. พวกเราก็หยุดการสวดภาวนาเพื่อรอรับสาสน์จากแม่พระ การนั่งอยู่กับที่โดยนิ่งไม่เคลื่อนไหวนั้นทำให้ยุงมากัดเรามากขึ้นไปอีก แต่ทุกคนก็อดทนที่จะรอฟังสาสน์จากแม่พระโดยไม่มีใครลุกขึ้นหนีไปไหนกันเลย เมื่อพระจันทร์เริ่มโผล่พ้นยอดไม้เหนือถ้ำ แม่พระก็ทรงเริ่มประทานสาสน์ให้พวกเราดังนี้

“ ลูกที่รักทั้งหลาย แม่เห็นในความมานะของลูกที่เฝ้าอยู่ต่อหน้าแม่ด้วยความทนทรมานในคืนนี้ (คืนนี้ยุงชุมมากที่สุดตั้งแต่เคยไปสวดกันมาเลยครับ) แม่อยากให้เจ้าทั้งหลายยกกิจการทั้งหมดในวันนี้ เพื่อเป็นการชดเชยบาปให้กับบรรดาผู้ที่ทำให้องค์พระบุตรสุดที่รักของแม่ ต้องเจ็บช้ำน้ำพระทัย

ถึงแม้ว่าพวกลูกจะเป็นเพียงกลุ่มชนที่ไม่มากนัก แต่การกระทำของพวกลูกในคืนนี้เป็นที่สบพระทัยของพระบิดาเจ้ายิ่งนัก บัดนี้พระองค์เปิดโอกาสพิเศษให้พวกลูกแต่ละคน จงเสนอความต้องการส่วนตัวของลูกคนละ 1 อย่าง พระองค์จะประทาน ให้คนละ 1 อย่าง

...................(พวกเราต่างก็เสนอความต้องการของแต่ละคน).................

พระบิดาเจ้าสวรรค์ ทรงสบพระทัยยิ่งนักที่คำวิงวอนของพวกลูกหลายต่อหลายคนเป็นเรื่องเดียวกัน พวกลูกขอเพื่อให้คนบาปได้กลับใจ และเพื่อให้โลกนี้มีสันติภาพพระองค์ดีใจที่ลูกไม่ได้ขอเพื่อตนเอง (ผมว่าการที่คนเรายอมเสียสละสิ่งที่ดีที่สุดที่เรากำลังจะได้มาให้แก่ผู้อื่นแทนนั้น เป็นการแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ )

แม่อยากจะบอกแก่ลูกที่รักทั้งหลายของแม่ว่า การพร่ำสวดภาวนาของพวกลูกทั้งหลาย บรรดาเทพนิกรในสรวงสวรรค์ต่างร่วมแซ่ซ้องสรรเสริญร่วมกับพวกลูก

วันนี้แม่ปีติยิ่งนักที่พวกลูกไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาพบกับสิ่งอัศจรรย์ แต่มาหาแม่จากจิตใจแท้จริงของพวกลูกทั้งหลาย แม่ขอบอกว่านี่แหละคือสิ่งอัศจรรย์ซึ่งบังเกิดในจิตใจของพวกลูกทั้งหลายแล้ว

สาสน์ของแม่ในวันนี้อาจจะไม่เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่แม่ได้บอกผ่านลูกผู้นี้
(แม่พระหมายถึงผม) แม่จะไม่ขอให้พวกลูกทำการสวดภาวนาและทำพลีกรรม เพราะพวกลูกรู้อยู่ในใจแล้วว่าลูกต้องทำอะไร ลองถามจิตใจของลูกเองดูว่าสิ่งที่ลูกต้องใจจะทำเพื่อถวายแด่พระบิดาเจ้านั้น เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำพระทัยของพระองค์นั้น ลูกจะทำประการใด

แม่ขอขอบใจในความมีน้ำใจของทุก ๆ คน ที่ได้มารวมตัวกันอยู่ ณ ที่นี้ จากคนเพียงจำนวนไม่กี่คน วันนี้ลูกได้เริ่มมองเห็นถึงปัญหาแล้วใช่ไหม ว่าจำนวนคนจะเพิ่มขึ้นอีก นี่แหละคือผลจากการภาวนาของพวกลูก
(ในคืนนั้นมีผู้มาร่วมสวด ภาวนามากกว่า 20 คนแล้ว)

แม่ต้องการเฉพาะคนที่มาหาแม่ด้วยสิ้นสุดจิตใจเท่านั้น ลูกไม่จำเป็นต้องบังคับ หรือชักจูงผู้ใดผู้หนึ่งมาเพื่อให้ได้จำนวนเพิ่มขึ้นเลย พวกเขาจะทราบข่าวจากพวกลูก และด้วยจิตใจร้อนรนของพวกเขาจะนำเขามาที่นี่เอง

แม่ขอขอบใจในความเสียสละของทุก ๆ คน ที่ทำเพื่อแม่ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึง ณ เวลานี้ พวกลูกมิได้หวังบำเหน็จรางวัลใด ๆ พวกลูกมาเพื่อมาพบกับแม่ใช่ไหม ลูกรัก แม่เป็นสุขยิ่งนัก แม่ขอให้จงรักษาความดีนี้ไว้ตลอดไป ……จากแม่ ”
(เมื่อได้ยินสาสน์ตอนนี้ผมถึงกับตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเลยครับ)
St.paul

ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 11:27 am

จงจำไว้ให้ดี สิ่งที่ออกจากปากจะเป็นต้นเหตุแห่งบาป จงหยุดยั้งเสีย เพราะในเมื่อลูกได้พูดไปแล้ว ไม่สามารถเอาคืนได้อีก

ชอบมากเลยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 11:34 am

S.PAULVS เขียน: จงจำไว้ให้ดี สิ่งที่ออกจากปากจะเป็นต้นเหตุแห่งบาป จงหยุดยั้งเสีย เพราะในเมื่อลูกได้พูดไปแล้ว ไม่สามารถเอาคืนได้อีก

ชอบมากเลยครับ
"มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทินแต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน"
มัทธิว 15:11

ข้อนี้ แม่พระได้เพียงแต่ย้ำวาจา ของพระคริสตเจ้าเท่านั้น :)

แต่โอ้อนิจจา :o

เราคนบาปทั้งหลาย กับเมินเฉยต่อพระวาจา ทำบาปอยู่เรื่อยไป :'(

โปรดทรงพระเมตตาเทอญ พระเจ้าข้า

เพราะข้าพเจ้าทั้งหลายได้ทำบาป :-[
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 1:12 pm

ง่ะกำลังมีปัญหา ปิยวาจา อยู่พอดีเลย
Divine Mercy

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 12:54 am

"จงอย่านึกน้อยใจในวาสนา เป็นพระพรของพระองค์"

ลูกขอน้อมรับพระพรที่พระองค์ประทานให้

โปรดช่วยลูกให้ตายจากบาปอย่างแท้จริงเถิด

เพื่อลูกจะได้มีชีวิตในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ อาแมน
ตอบกลับโพส