19. ยูดาสแขวนคอ
19. ยูดาสแขวนคอ (วันเดียวกัน)
เมื่อยูดาสมอบเราแก่ศัตรู ในสวนเกทเสมนีแล้ว มโนธรรมติเตียนเขาอย่างหนัก ที่ได้กระทำการขายอาจารย์ เมื่อไม่อาจดับมโนธรรมได้จึงได้หนีไป เมื่อได้ข่าวว่าเราถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต ก็เสียใจอย่างสุดขีด จนแขวนคอตายอย่างน่าอนาถ
ยูดาสเป็นคนหนึ่งในสาวก 12 คน ได้อยู่กับเราหลายปี ได้ผ่านโรงเรียนแห่งความรัก ได้รับคำสั่งสอนจากเราเอง เราเคยกล่าวว่าจะยกบาปหนักที่สุดหลายครั้ง เขาเห็นและได้ยิน แต่ก็กลับกระโจนสู่ความพินาศนิรันดร นี่คือความปวดร้าวใหญ่หลวงในใจของเรา ใครจะเข้าใจได้
ยูดาสเอ๋ย ทำไมไม่มาขอโทษเล่า ? เจ้ากลัวผู้ใด ? กลัวเหล่าร้ายที่ห้อมล้อมเรานั้นหรือ ! ถ้ากลัว อย่างน้อยก็ให้มองดูเราสิ แล้วจะเห็นว่านัยน์ตาของเรากำลังมองหาเจ้า
ส่วนคนที่ปล่อยตัวในความชั่วช้า คนที่ระหกระเหเร่ร่อน เพราะได้ประพฤติอาชญากรรมมาแล้วจะช้าหรือเร็วก็ตาม แม้คนที่ได้กระทำบาปมากมายใจแข็งกระด้าง หรือล้มลุกคลุกคลาน ตามราคะตัณหามาช้านาน เมื่อรู้สึกสำนึกตน หรือคิดถึงบุคคลที่ได้ร่วมกระทำบาปด้วยกันแล้ว ยินยอมละทิ้งต้นเหตุหรือโอกาสบาปก็ให้มาหาเรา ไม่ต้องลังเลหรือเสียใจ ตราบใดที่ลมปราณยังมีอยู่ หากลูกมาขอโทษด้วยใจจริง จะได้รับการยกโทษเสมอ
คนที่ประพฤติผิดแต่เยาว์วัย เสื่อมเกียรติเสียชื่อต่อหน้ามนุษย์ หรือถูกสบประมาททอดทิ้ง พระเป็นเจ้าจะไม่ปล่อยให้ลูกเสียวิญญาณเป็นเหยื่อนรกเป็นอันขาด ตรงข้ามพระองค์ทรงเรียกและคอยท่า ทรงร้อนพระทัยจะยกโทษให้เสมอ เข้ามาหาเราเถิดแม้ไม่กล้าออกปากขอโทษก็ให้ถอนใจเพ่งตามองหาเราเท่านั้น ไม่ช้าจะเห็นว่า เรา พระเป็นเจ้าของลูก จะพาลูก มาสู่ธาร แห่งชีวิต ด้วยมือ อันเต็มไปด้วยความกรุณา จะชำระล้างบาปยกโทษให้แก่ลูกจนหมดสิ้น
แม้ว่าชีวิตส่วนใหญ่ของลูกเต็มไปด้วยความอสัตย์อธรรม ดวงใจเมินเฉยต่อศาสนกิจ หากรู้สึกว่าใกล้นิรันดรภาพเข้าไปทุกที ถึงแม้วิญญาณจะมืดมนแทบสิ้นหวัง จงระวังตัว อย่ายอมให้ถูกหลอก เพราะตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ การยกโทษยังมีอยู่เสมอ แม้เวลาเพียงนิดเดียวก็พอไถ่ชีวิตนิรันดรมาได้ ถ้าลูกสมัครใจ
แม้จะได้ลุ่มหลงกระทำผิดนั้นเป็นอันตรายแก่คนอื่น แก่สังคมตลอดถึงพระศาสนาด้วย หากภายหลังรู้สึกสำนึกตัวอย่ารีรอผัดวันประกันพรุ่ง อย่าปล่อยให้บาปกรรมอีกทั้งอันตรายที่ตัวลูกเองเป็นต้นเหตุนั้น ทับถมตัวต่อไป ให้สำนึกความผิดเป็นทุกข์ตรอมใจ วางใจเต็มที่ แล้วเข้ามาหาพระเป็นเจ้าของลูกเถิด เพราะเราคอยท่า ปรารถนายกโทษความผิดหลงของลูกเสมอ
ส่วนคนที่เริ่มชีวิตด้วยดี สัตย์ซื่อถือพระบัญญัติ แล้วค่อยๆ เฉยเมยเปลี่ยนเป็นเย็นชา เพราะความสะดวกสบายในชีวิต คนจำพวกนี้มักลืมวิญญาณ ไม่เอาใจใส่หาความดีใส่วิญญาณ พวกนี้ต้องพยายามมากหน่อย การปล่อยตัวจนเคยชิน วิญญาณก็มืดบอด ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง ซึ่งร้ายกว่าความแข็งกระด้างในบาปเสียอีก เพราะว่ามโนธรรมของเขากำลังนอนหลับคล้ายจะดับไปเสียแล้ว ขอให้รู้เถิดว่า เมื่อมีเหตุมาสะกิดใจซึ่งอาจปลุกให้ตื่นได้ในทันที แต่ไม่ตื่น กลับเห็นไปว่าชีวิตนี้ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์สำหรับชีวิตนิรันดร ทั้งนี้เพราะได้ทำเสียพระหรรษทานมากนัก ฝ่ายเจ้าปีศาจ มันไม่ยอมปล่อยเหยื่อของมัน. มันปลุกปั่นให้เกิดความว้าวุ่นกลุ้มใจ โศกเศร้า ละเหี่ยเพลียใจ หมดความพยายาม สุดท้ายก็เสียวิญญาณ
วิญญาณที่รัก อย่าฟังคำชักชวนของปีศาจ มันเป็นศัตรูของวิญญาณ แต่ให้รีบมากราบขอโทษโดยเร็วอย่างจริงใจ ไม่ต้องกลัวว่า เราจะไม่ยกโทษให้ แล้วเริ่มชีวิตใหม่ด้วยความร้อนรน บุญกุศลที่เสียไปก็จะได้คืนมา พระหรรษทานนั้นเราจะประทานให้อย่างเพียงพอ
สุดท้ายใน บรรดานักบวชก็มีอยู่เหมือนกันที่เคร่งครัด ถือพระวินัยและหน้าที่เป็นปีๆ เพราะรู้ซึ้งถึงคำแนะนำของเรา ทั้งปฏิบัติตามพระหรรษทานตลอด ถึงการดลใจของพระเป็นเจ้า อย่างซื่อสัตย์ ต่อมาปล่อยตัวตามความลำเอียงเล็กน้อย ไม่หลีกหนีโอกาสบาป ตามใจตัวเอง ไม่พยายามตามที่ควร ต่อมาใจเย็นเฉย ชีวิตหวนกลับไปอย่างธรรมดาแล้วต่ำลงไปอีก สุดท้ายก็เย็นเป็นน้ำแข็ง โอ....ถ้าหากว่ามารู้สึกตัว แล้วตื่นจากการนอนหลับได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ตาม จงระวังเถิด ด้วยความโกรธแค้น ซาตานจะรุกเร้าอย่างหนัก กลวิธีของมันคือหลอกลวงว่าช้าไปเสียแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว จะทำให้เกิดความกลัว ไม่กล้าเปิดเผยวิญญาณ ไม่กล้าบอกความจริงตามที่เป็นอยู่ สุดท้ายก็ว้าวุ่น เสียใจ ในเหตุการณ์ เช่นนี้ควรทำอย่างไร ? เราจะบอกให้.... จงกระทำตามการดลใจ แห่งพระหรรษทานแต่ก่อนที่การรบจะอุบัติขึ้น ให้มาหาใจของเรา ขอประทานโลหิตสักหยาดหนึ่งหยดลงมาในวิญญาณ
ถูกแล้ว ให้มาหาเรา เราเองจะเป็นผู้คุ้มครองลูก ผู้ใหญ่จะเป็นใครหรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราจะควบคุมดูแลให้อ้อมแขนของท่านเป็นอ้อมแขนของเราเอง เราจะสถิตอยู่ที่อ้อมแขนของผู้ใหญ่ บังตัวเราอยู่ใต้ม่านแห่งความเชื่อ จงเปิดม่านนั้นออก บอกให้เราทราบความทุกข์ ความลำบาก ความยากอันมีอยู่ในใจ รวมทั้งความผิดของลูกด้วย จงสารภาพด้วยความวางใจเต็มเปี่ยม และฟังคำตอบอย่างเคารพ ส่วนอดีตเป็นอย่างไรไม่ต้องกังวลถึง เราจะถ่วงมันไว้ในเหวแห่งความกรุณา และจะประทานพรพระหรรษทานใหม่ๆ ให้ พร้อมด้วยความรัก เมื่อคิดถึงบาปในอดีต ให้คิดเฉพาะเพื่อถ่อมตน และเพิ่มพูนฤทธิ์กุศลเท่านั้น ถ้าอยากพิสูจน์ความรักยิ่งขึ้นอีก ให้เชื่อแน่แก่ใจว่าเราได้ให้อภัยแล้ว เชื่อเถิด บาปของลูกไม่เกินความเมตตาของเราหรอก เพราะพระเมตตาของเราไม่มีขอบเขต
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อยูดาสมอบเราแก่ศัตรู ในสวนเกทเสมนีแล้ว มโนธรรมติเตียนเขาอย่างหนัก ที่ได้กระทำการขายอาจารย์ เมื่อไม่อาจดับมโนธรรมได้จึงได้หนีไป เมื่อได้ข่าวว่าเราถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต ก็เสียใจอย่างสุดขีด จนแขวนคอตายอย่างน่าอนาถ
ยูดาสเป็นคนหนึ่งในสาวก 12 คน ได้อยู่กับเราหลายปี ได้ผ่านโรงเรียนแห่งความรัก ได้รับคำสั่งสอนจากเราเอง เราเคยกล่าวว่าจะยกบาปหนักที่สุดหลายครั้ง เขาเห็นและได้ยิน แต่ก็กลับกระโจนสู่ความพินาศนิรันดร นี่คือความปวดร้าวใหญ่หลวงในใจของเรา ใครจะเข้าใจได้
ยูดาสเอ๋ย ทำไมไม่มาขอโทษเล่า ? เจ้ากลัวผู้ใด ? กลัวเหล่าร้ายที่ห้อมล้อมเรานั้นหรือ ! ถ้ากลัว อย่างน้อยก็ให้มองดูเราสิ แล้วจะเห็นว่านัยน์ตาของเรากำลังมองหาเจ้า
ส่วนคนที่ปล่อยตัวในความชั่วช้า คนที่ระหกระเหเร่ร่อน เพราะได้ประพฤติอาชญากรรมมาแล้วจะช้าหรือเร็วก็ตาม แม้คนที่ได้กระทำบาปมากมายใจแข็งกระด้าง หรือล้มลุกคลุกคลาน ตามราคะตัณหามาช้านาน เมื่อรู้สึกสำนึกตน หรือคิดถึงบุคคลที่ได้ร่วมกระทำบาปด้วยกันแล้ว ยินยอมละทิ้งต้นเหตุหรือโอกาสบาปก็ให้มาหาเรา ไม่ต้องลังเลหรือเสียใจ ตราบใดที่ลมปราณยังมีอยู่ หากลูกมาขอโทษด้วยใจจริง จะได้รับการยกโทษเสมอ
คนที่ประพฤติผิดแต่เยาว์วัย เสื่อมเกียรติเสียชื่อต่อหน้ามนุษย์ หรือถูกสบประมาททอดทิ้ง พระเป็นเจ้าจะไม่ปล่อยให้ลูกเสียวิญญาณเป็นเหยื่อนรกเป็นอันขาด ตรงข้ามพระองค์ทรงเรียกและคอยท่า ทรงร้อนพระทัยจะยกโทษให้เสมอ เข้ามาหาเราเถิดแม้ไม่กล้าออกปากขอโทษก็ให้ถอนใจเพ่งตามองหาเราเท่านั้น ไม่ช้าจะเห็นว่า เรา พระเป็นเจ้าของลูก จะพาลูก มาสู่ธาร แห่งชีวิต ด้วยมือ อันเต็มไปด้วยความกรุณา จะชำระล้างบาปยกโทษให้แก่ลูกจนหมดสิ้น
แม้ว่าชีวิตส่วนใหญ่ของลูกเต็มไปด้วยความอสัตย์อธรรม ดวงใจเมินเฉยต่อศาสนกิจ หากรู้สึกว่าใกล้นิรันดรภาพเข้าไปทุกที ถึงแม้วิญญาณจะมืดมนแทบสิ้นหวัง จงระวังตัว อย่ายอมให้ถูกหลอก เพราะตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ การยกโทษยังมีอยู่เสมอ แม้เวลาเพียงนิดเดียวก็พอไถ่ชีวิตนิรันดรมาได้ ถ้าลูกสมัครใจ
แม้จะได้ลุ่มหลงกระทำผิดนั้นเป็นอันตรายแก่คนอื่น แก่สังคมตลอดถึงพระศาสนาด้วย หากภายหลังรู้สึกสำนึกตัวอย่ารีรอผัดวันประกันพรุ่ง อย่าปล่อยให้บาปกรรมอีกทั้งอันตรายที่ตัวลูกเองเป็นต้นเหตุนั้น ทับถมตัวต่อไป ให้สำนึกความผิดเป็นทุกข์ตรอมใจ วางใจเต็มที่ แล้วเข้ามาหาพระเป็นเจ้าของลูกเถิด เพราะเราคอยท่า ปรารถนายกโทษความผิดหลงของลูกเสมอ
ส่วนคนที่เริ่มชีวิตด้วยดี สัตย์ซื่อถือพระบัญญัติ แล้วค่อยๆ เฉยเมยเปลี่ยนเป็นเย็นชา เพราะความสะดวกสบายในชีวิต คนจำพวกนี้มักลืมวิญญาณ ไม่เอาใจใส่หาความดีใส่วิญญาณ พวกนี้ต้องพยายามมากหน่อย การปล่อยตัวจนเคยชิน วิญญาณก็มืดบอด ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง ซึ่งร้ายกว่าความแข็งกระด้างในบาปเสียอีก เพราะว่ามโนธรรมของเขากำลังนอนหลับคล้ายจะดับไปเสียแล้ว ขอให้รู้เถิดว่า เมื่อมีเหตุมาสะกิดใจซึ่งอาจปลุกให้ตื่นได้ในทันที แต่ไม่ตื่น กลับเห็นไปว่าชีวิตนี้ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์สำหรับชีวิตนิรันดร ทั้งนี้เพราะได้ทำเสียพระหรรษทานมากนัก ฝ่ายเจ้าปีศาจ มันไม่ยอมปล่อยเหยื่อของมัน. มันปลุกปั่นให้เกิดความว้าวุ่นกลุ้มใจ โศกเศร้า ละเหี่ยเพลียใจ หมดความพยายาม สุดท้ายก็เสียวิญญาณ
วิญญาณที่รัก อย่าฟังคำชักชวนของปีศาจ มันเป็นศัตรูของวิญญาณ แต่ให้รีบมากราบขอโทษโดยเร็วอย่างจริงใจ ไม่ต้องกลัวว่า เราจะไม่ยกโทษให้ แล้วเริ่มชีวิตใหม่ด้วยความร้อนรน บุญกุศลที่เสียไปก็จะได้คืนมา พระหรรษทานนั้นเราจะประทานให้อย่างเพียงพอ
สุดท้ายใน บรรดานักบวชก็มีอยู่เหมือนกันที่เคร่งครัด ถือพระวินัยและหน้าที่เป็นปีๆ เพราะรู้ซึ้งถึงคำแนะนำของเรา ทั้งปฏิบัติตามพระหรรษทานตลอด ถึงการดลใจของพระเป็นเจ้า อย่างซื่อสัตย์ ต่อมาปล่อยตัวตามความลำเอียงเล็กน้อย ไม่หลีกหนีโอกาสบาป ตามใจตัวเอง ไม่พยายามตามที่ควร ต่อมาใจเย็นเฉย ชีวิตหวนกลับไปอย่างธรรมดาแล้วต่ำลงไปอีก สุดท้ายก็เย็นเป็นน้ำแข็ง โอ....ถ้าหากว่ามารู้สึกตัว แล้วตื่นจากการนอนหลับได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ตาม จงระวังเถิด ด้วยความโกรธแค้น ซาตานจะรุกเร้าอย่างหนัก กลวิธีของมันคือหลอกลวงว่าช้าไปเสียแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว จะทำให้เกิดความกลัว ไม่กล้าเปิดเผยวิญญาณ ไม่กล้าบอกความจริงตามที่เป็นอยู่ สุดท้ายก็ว้าวุ่น เสียใจ ในเหตุการณ์ เช่นนี้ควรทำอย่างไร ? เราจะบอกให้.... จงกระทำตามการดลใจ แห่งพระหรรษทานแต่ก่อนที่การรบจะอุบัติขึ้น ให้มาหาใจของเรา ขอประทานโลหิตสักหยาดหนึ่งหยดลงมาในวิญญาณ
ถูกแล้ว ให้มาหาเรา เราเองจะเป็นผู้คุ้มครองลูก ผู้ใหญ่จะเป็นใครหรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราจะควบคุมดูแลให้อ้อมแขนของท่านเป็นอ้อมแขนของเราเอง เราจะสถิตอยู่ที่อ้อมแขนของผู้ใหญ่ บังตัวเราอยู่ใต้ม่านแห่งความเชื่อ จงเปิดม่านนั้นออก บอกให้เราทราบความทุกข์ ความลำบาก ความยากอันมีอยู่ในใจ รวมทั้งความผิดของลูกด้วย จงสารภาพด้วยความวางใจเต็มเปี่ยม และฟังคำตอบอย่างเคารพ ส่วนอดีตเป็นอย่างไรไม่ต้องกังวลถึง เราจะถ่วงมันไว้ในเหวแห่งความกรุณา และจะประทานพรพระหรรษทานใหม่ๆ ให้ พร้อมด้วยความรัก เมื่อคิดถึงบาปในอดีต ให้คิดเฉพาะเพื่อถ่อมตน และเพิ่มพูนฤทธิ์กุศลเท่านั้น ถ้าอยากพิสูจน์ความรักยิ่งขึ้นอีก ให้เชื่อแน่แก่ใจว่าเราได้ให้อภัยแล้ว เชื่อเถิด บาปของลูกไม่เกินความเมตตาของเราหรอก เพราะพระเมตตาของเราไม่มีขอบเขต
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร เม.ย. 07, 2009 12:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบพระคุณพระองค์ที่ยังกรุณามองลูก แม้ยามที่ลูกทรยศเป็นเหตุให้พระองค์สิ้นพระชนม์Holy เขียน: ยูดาสเอ๋ย ทำไมไม่มาขอโทษเล่า ? เจ้ากลัวผู้ใด ? กลัวเหล่าร้ายที่ห้อมล้อมเรานั้นหรือ ! ถ้ากลัว อย่างน้อยก็ให้มองดูเราสิ แล้วจะเห็นว่านัยน์ตาของเรากำลังมองหาเจ้า
ขอบพระคุณที่บอกให้ลูกรู้ว่า แม้ลูกจะมีอดีตที่ขมขื่นแค่ไหน พระองค์ก็ยังยินดีที่จะชำระล้างให้โอกาสลูกเสมอ...
- billa-bong
- ~@
- โพสต์: 668
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
- ที่อยู่: thailand
ขอให้ผมอาศัยพระเมตตาของพระองค์เสมอ ไม่หยิ่งจองหองHoly เขียน: เมื่อคิดถึงบาปในอดีต ให้คิดเฉพาะเพื่อถ่อมตน และเพิ่มพูนฤทธิ์กุศลเท่านั้น ถ้าอยากพิสูจน์ความรักยิ่งขึ้นอีก ให้เชื่อแน่แก่ใจว่าเราได้ให้อภัยแล้ว เชื่อเถิด บาปของลูกไม่เกินความเมตตาของเราหรอก เพราะพระเมตตาของเราไม่มีขอบเขต
พระเจ้าอวยพรครับ
ขอบคุณพระเจ้า...อาเมน
วิทยาศาสตร์ เป็นแค่ข้ออ้าง มาตรฐานของมนุษย์ไร้ค่าครับ.. ถ้าเราสำนึกเสียใจพอและกล้าที่จะขอโทษ เราไม่ต้องหลีกเลี่ยงมันเลยด้วยซ้ำ แต่ยังเผชิญและสยบมันตรงหน้า จะมีธรรมชาติอะไรอยู่เหนือพระหรรษทานเล่า?วอ/วอล เขียน: อ่ะ บ่อยครั้งไม่กล้าขอโทษเลย เพราะเราหลีกเลี่ยงบาปไม่ได้ (บาปนั้นคือ ไม่เดือดร้อนใครเลย พูดแบบวิทยาศาสตร์มันดีต่อตัวเองด้วยซ้ำ )
จริงหรอ?? แน่ใจหรอ??...วอ/วอล เขียน: อ่ะ บ่อยครั้งไม่กล้าขอโทษเลย เพราะเราหลีกเลี่ยงบาปไม่ได้ (บาปนั้นคือ ไม่เดือดร้อนใครเลย พูดแบบวิทยาศาสตร์มันดีต่อตัวเองด้วยซ้ำ )
เนื่องจากสิ่งที่ธรรมบัญญัติทำไม่ได้เพราะธรรมชาติมนุษย์เป็นเหตุให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าทรงกระทำแล้วโดยทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา
ให้มีธรรมชาติเหมือนกับธรรมชาติมนุษย์ที่มีบาป เพื่อขจัดบาป พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษบาปในธรรมชาติมนุษย์
เพื่อให้ข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของธรรมบัญญัติสำเร็จไปในตัวเรา ซึ่งดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่บกพร่องอีกแล้ว แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า
ผู้ที่ยังดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ ย่อมสนใจสิ่งที่เป็นของธรรมชาติ ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า ก็สนใจสิ่งที่เป็นของพระจิตเจ้า
ความต้องการตามธรรมชาติมนุษย์นำไปสู่ความตาย แต่ความปรารถนาของพระจิตเจ้านำไปสู่ชีวิตและสันติ
ความต้องการตามธรรมชาติมนุษย์นำไปสู่เป็นศัตรูกับพระเจ้า เพราะไม่ยอมเชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์ และไม่อาจอ่อนน้อมยอมรับด้วย
ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติไม่อาจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้
ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน
ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม
และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตอยู่ในท่าน
พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต
เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตอยู่ในท่านด้วย
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใด ๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ
ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต
(โรม 8:3-13)
ครั้งหนึ่งได้ดูTVช่องหนึ่งแต่ก่อนเป็นUBC เป็นสารคดีเกี่ยวกับโบสถ์สวยๆ สำคัญๆ เก่าแก่ในยุโรป
มีโบสถ์หนึ่งอยู่ทางใต้ของอิตาลีมีภาพวาดนักบุญสวยๆหลายภาพ แต่มี2ภาพที่สดุดใจไม่ใช่ภาพ
แม่พระหรือนักบุญ คนพากษ์ว่าไม่ทราบใครวาด เป็นภาพวาดที่ด้านหนึ่งของพนังโบสถ์
ภาพแรกเป็นภาพวาดของยูดาสแขวนคอตาย อยู่บนต้นไม้มีคนยืนดูหลายคน มีภาพนักบวช
ชาวนา ชาวบ้านทั้งผู้หญิง ผู้ชายยืนจับกลุ่มคุยกันชี้ไปที่ยูดาส สมน้ำหน้าบ้างด่าบ้าง แล้วก็เดิน
จากไป
อีกภาพหนึ่ง เป็นภาพเวลากลางคืน เป็นภาพวาดไม้กางเขนว่างเปล่า 3 อันที่เนินเขา
มีพระเยซูออกมาจากคูหา แล้วเดินไปปลดศพ ของยูดาสลงมาจากต้นไม้ และแบกเอาไปฝัง.
คนวาดสื่อถึงการยกโทษให้อภัย ก็คือความรักความเมตตาของพระองค์นั่นเอง
มีโบสถ์หนึ่งอยู่ทางใต้ของอิตาลีมีภาพวาดนักบุญสวยๆหลายภาพ แต่มี2ภาพที่สดุดใจไม่ใช่ภาพ
แม่พระหรือนักบุญ คนพากษ์ว่าไม่ทราบใครวาด เป็นภาพวาดที่ด้านหนึ่งของพนังโบสถ์
ภาพแรกเป็นภาพวาดของยูดาสแขวนคอตาย อยู่บนต้นไม้มีคนยืนดูหลายคน มีภาพนักบวช
ชาวนา ชาวบ้านทั้งผู้หญิง ผู้ชายยืนจับกลุ่มคุยกันชี้ไปที่ยูดาส สมน้ำหน้าบ้างด่าบ้าง แล้วก็เดิน
จากไป
อีกภาพหนึ่ง เป็นภาพเวลากลางคืน เป็นภาพวาดไม้กางเขนว่างเปล่า 3 อันที่เนินเขา
มีพระเยซูออกมาจากคูหา แล้วเดินไปปลดศพ ของยูดาสลงมาจากต้นไม้ และแบกเอาไปฝัง.
คนวาดสื่อถึงการยกโทษให้อภัย ก็คือความรักความเมตตาของพระองค์นั่นเอง
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พุธ พ.ค. 09, 2012 10:20 am, แก้ไขไปแล้ว 3 ครั้ง.
ขอสรรเสริญพระองค์ส่วนคนที่ปล่อยตัวในความชั่วช้า คนที่ระหกระเหเร่ร่อน เพราะได้ประพฤติอาชญากรรมมาแล้วจะช้าหรือเร็วก็ตาม แม้คนที่ได้กระทำบาปมากมายใจแข็งกระด้าง หรือล้มลุกคลุกคลาน ตามราคะตัณหามาช้านาน เมื่อรู้สึกสำนึกตน หรือคิดถึงบุคคลที่ได้ร่วมกระทำบาปด้วยกันแล้ว ยินยอมละทิ้งต้นเหตุหรือโอกาสบาปก็ให้มาหาเรา ไม่ต้องลังเลหรือเสียใจ ตราบใดที่ลมปราณยังมีอยู่ หากลูกมาขอโทษด้วยใจจริง จะได้รับการยกโทษเสมอ
แล้วถ้าเราสำนึกผิด......ในการกระทำบางอย่างของเราจะทำยังไงrosa-lee เขียน:ยูดาสสำนึกตัวว่าผิด ....กลับไปแขวนคอตาย
เปโตรสำนึกผิด .........กลับใจไปประกาศพระเจ้าให้โลกรู้
แล้วถ้าเราสำนึกผิด......ในการกระทำบางอย่างของเราจะทำยังไงดี
ขอตอบนะคะ ... ถ้าเราสำนึกในการกระทำบางอย่างของเรา
จะตั้งใจว่าจะไม่ทำอีก จะไม่ทำให้พระองค์เสียใจอีก
จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัย ไม่ไปยุ่งกับบาป
และทุกๆ คำพูดของเรา ก็ขอให้เป็นที่พอพระทัยพระองค์ค่า พี่ Rosa-lee