อยากบวชอ่าค่ะ
ความจริงก้อคืออยากบวชอ่าค่ะ
อยากทำงานรับใช้พระ
แต่ว่า..ก้อไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าวิถีชีวิตซิสเตอร์จะเหมาะกับตัวเอง
ความจริงนะค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายก้อคงไปบวชเป็นคุณพ่อแล้วอ่าค่ะ
เอ๋ แต่เรื่องของเรื่องก้อคือเป็นผู้หญิงอ่าค่ะ แย่หน่อย
ทำไงดีค่ะ
อยากทำงานรับใช้พระ
แต่ว่า..ก้อไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าวิถีชีวิตซิสเตอร์จะเหมาะกับตัวเอง
ความจริงนะค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายก้อคงไปบวชเป็นคุณพ่อแล้วอ่าค่ะ
เอ๋ แต่เรื่องของเรื่องก้อคือเป็นผู้หญิงอ่าค่ะ แย่หน่อย
ทำไงดีค่ะ
ล้างบาปรึยังคะ...?
ถ้าล้างบาปแล้ว ก็สวดภาวนา...ติดตามข่าว...ลองไปเข้าค่ายกระแสเรียกดูตามคณะนักบวชคณะต่างๆ...
หรือถ้าอายุเกินที่จะเข้าค่ายกระแสเรียก ก็สวดภาวนามากๆ ค่ะ ขอพระจิตเจ้าทรงนำทาง
ถ้าคิดว่ามั่นใจ โอเค พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต พ่อแม่อนุญาต...
ก็เดินเข้าไปบอกซิสเตอร์เลยว่าอยากบวช...ซิสเตอร์ก็อาจจะให้เข้าไปเป็น อัสปิรันต์ หรือ โปสตุลันต์ก่อน...
เพราะกว่าจะได้บวชเป็นซิสเตอร์จริงๆ...กว่าจะได้ถวายตัวตลอดชีพ...ก็หลายปีอยู่เนาะ...
ถึงตอนนั้นก็คงรู้เอง (จริงๆ) แหละค่ะ...ว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"...
ถ้ายังไม่ได้ล้างบาป...รอรับศีลล้างบาปและศีลกำลังแล้ว จะเข้าใจกระแสเรียกตัวเองชัดขึ้นค่ะ...
ว่ากระแสเรียกที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร นักบวช หรือ ฆราวาส...
อันนี้พูดจากประสบการณ์ตรงค่ะ...
พระอวยพรค่ะ ขอพระจิตเจ้าทรงนำ...
ป.ล. เป็นฆราวาสก็รับใช้พระได้ในแนวทางของฆราวาสค่ะ
ถ้าล้างบาปแล้ว ก็สวดภาวนา...ติดตามข่าว...ลองไปเข้าค่ายกระแสเรียกดูตามคณะนักบวชคณะต่างๆ...
หรือถ้าอายุเกินที่จะเข้าค่ายกระแสเรียก ก็สวดภาวนามากๆ ค่ะ ขอพระจิตเจ้าทรงนำทาง
ถ้าคิดว่ามั่นใจ โอเค พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต พ่อแม่อนุญาต...
ก็เดินเข้าไปบอกซิสเตอร์เลยว่าอยากบวช...ซิสเตอร์ก็อาจจะให้เข้าไปเป็น อัสปิรันต์ หรือ โปสตุลันต์ก่อน...
เพราะกว่าจะได้บวชเป็นซิสเตอร์จริงๆ...กว่าจะได้ถวายตัวตลอดชีพ...ก็หลายปีอยู่เนาะ...
ถึงตอนนั้นก็คงรู้เอง (จริงๆ) แหละค่ะ...ว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"...
ถ้ายังไม่ได้ล้างบาป...รอรับศีลล้างบาปและศีลกำลังแล้ว จะเข้าใจกระแสเรียกตัวเองชัดขึ้นค่ะ...
ว่ากระแสเรียกที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร นักบวช หรือ ฆราวาส...
อันนี้พูดจากประสบการณ์ตรงค่ะ...
พระอวยพรค่ะ ขอพระจิตเจ้าทรงนำ...
ป.ล. เป็นฆราวาสก็รับใช้พระได้ในแนวทางของฆราวาสค่ะ

แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 05, 2009 10:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สวดถาวนา ขอพระจิตเจ้านำทางครับ
การเป็นนักบวช ไม่มีคำว่า "แย่" ครับ ไม่ว่าจะพระสงฆ์ นักบวช บราเดอร์ ซิสเตอร์ มาเซอร์ ฯลฯ
ถือว่า รับใช้พระเป็นเจ้าเท่ากันครับ ต่างกันแค่หน้าที่ครับ
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
การเป็นนักบวช ไม่มีคำว่า "แย่" ครับ ไม่ว่าจะพระสงฆ์ นักบวช บราเดอร์ ซิสเตอร์ มาเซอร์ ฯลฯ
ถือว่า รับใช้พระเป็นเจ้าเท่ากันครับ ต่างกันแค่หน้าที่ครับ
ขอพระเจ้าอวยพรนะครับ
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
อย่างเเรกต้อง "กล้า" ที่จะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ในคณะที่สนใจค่ะ เพราะคุณอาจจะได้คำเเนะนำดีๆ จากผู้ที่อยู่ตรงจุดนั้นจริงๆ
เเละพระจิตเจ้าอาจดลใจคุณว่า คณะนี้เเหล่ะใช่เลย....
หลังจากนั้นช่วงเวลาพิจารณากระเเสเรียกก็จะตามมาค่ะ
ลองคุยกันก่อน ดีที่สุดค่ะ
ป.ล. ซิสเตอร์ท่านหนึ่งเคยเล่าว่า ตอนเเรกตัวท่านเองไม่ได้อยากจะเข้าคณะ ตอนที่เข้ามาในอารามครั้งเเรก มาเป็นเพื่อน เพื่อนอีกคนหนึ่ง
ปรากฏว่า หลังจากที่มา ซิสเตอร์ได้รับกระเเสเรียกของตนเอง เเละ บวชเลย
(ส่วนเพื่อนคนนั้น ไม่ได้บวช)
เเละพระจิตเจ้าอาจดลใจคุณว่า คณะนี้เเหล่ะใช่เลย....
หลังจากนั้นช่วงเวลาพิจารณากระเเสเรียกก็จะตามมาค่ะ
ลองคุยกันก่อน ดีที่สุดค่ะ

ป.ล. ซิสเตอร์ท่านหนึ่งเคยเล่าว่า ตอนเเรกตัวท่านเองไม่ได้อยากจะเข้าคณะ ตอนที่เข้ามาในอารามครั้งเเรก มาเป็นเพื่อน เพื่อนอีกคนหนึ่ง
ปรากฏว่า หลังจากที่มา ซิสเตอร์ได้รับกระเเสเรียกของตนเอง เเละ บวชเลย

อยากเป็นพระสงฆ์เพราะชอบไลฟ์สไตล์ หรือว่า ชอบอะไรคะ
ในการพิจารณากระแสเรียกนะคะ เริ่มจากที่เราอยากก่อนนะ อย่าไปคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ จากนั้น เราจะได้ข้อมูลที่บอกความชอบและบอกตัวของตัวเราเอง
และดูว่า เราอยู่แบบไหน เราจะรักได้มากที่สุด เราจะดีได้มากที่สุด บางคน ต้องเป็นชีลับ เพราะเค้ารู้สึกปลอดภัยในอาราม จะรักจะอะไร เค้าทำได้เต็มที่ ออกข้างนอกแล้วอึดอัด บางคน ถ้าไปอยู่แบบนั้น กลับเครียด และไม่ได้รักมากขึ้น คิดแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัว พอออกมาข้างนอก ได้เจอคนเยอะๆ กลับเปลี่ยนไป รักคนอื่นมากขึ้น ใจขยายขึ้นเมื่อเจอใจคนอื่นมากระทบใจเรา อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของการที่เราอยู่ให้มันถูกที่ถูกทางที่พระสร้างเรามา ซึ่งเราจะรู้ได้ ก็ต้องพิจารณากระแสเรียก ซึ่งเป็นกระบวนการในการรู้จักตัวเอง และรู้จักว่า พระสร้างเรามาเป็นอะไร เราคือใคร
ลองหาคนคุยดูนะคะ และลองไปค่ายกระแสเรียกดูค่ะ : emo045 : ถึงคำตอบจะออกมาว่า เราไม่เหมาะที่จะบวช แต่เชื่อเถอะว่า เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นแน่นอนค่ะ : emo027 :
ในการพิจารณากระแสเรียกนะคะ เริ่มจากที่เราอยากก่อนนะ อย่าไปคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ จากนั้น เราจะได้ข้อมูลที่บอกความชอบและบอกตัวของตัวเราเอง
และดูว่า เราอยู่แบบไหน เราจะรักได้มากที่สุด เราจะดีได้มากที่สุด บางคน ต้องเป็นชีลับ เพราะเค้ารู้สึกปลอดภัยในอาราม จะรักจะอะไร เค้าทำได้เต็มที่ ออกข้างนอกแล้วอึดอัด บางคน ถ้าไปอยู่แบบนั้น กลับเครียด และไม่ได้รักมากขึ้น คิดแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัว พอออกมาข้างนอก ได้เจอคนเยอะๆ กลับเปลี่ยนไป รักคนอื่นมากขึ้น ใจขยายขึ้นเมื่อเจอใจคนอื่นมากระทบใจเรา อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของการที่เราอยู่ให้มันถูกที่ถูกทางที่พระสร้างเรามา ซึ่งเราจะรู้ได้ ก็ต้องพิจารณากระแสเรียก ซึ่งเป็นกระบวนการในการรู้จักตัวเอง และรู้จักว่า พระสร้างเรามาเป็นอะไร เราคือใคร
ลองหาคนคุยดูนะคะ และลองไปค่ายกระแสเรียกดูค่ะ : emo045 : ถึงคำตอบจะออกมาว่า เราไม่เหมาะที่จะบวช แต่เชื่อเถอะว่า เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นแน่นอนค่ะ : emo027 :
สวดภาวนาครับ ของพระองค์ทรงนำทางเราในการตัดสินใจ
เราคริสตังดีใจครับที่มีคนที่สนใจจะบวช
" จงสวดภาวนาเถิด คำภาวนาเป็นอาวุธที่ต้องถือไว้ในมืออยู่ทุกเมื่อ
เพื่อป้องกันศัตรูที่มาจู่โจมและจะช่วยเราในทุกสิ่งที่ต้องการ "
ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน

เราคริสตังดีใจครับที่มีคนที่สนใจจะบวช
" จงสวดภาวนาเถิด คำภาวนาเป็นอาวุธที่ต้องถือไว้ในมืออยู่ทุกเมื่อ
เพื่อป้องกันศัตรูที่มาจู่โจมและจะช่วยเราในทุกสิ่งที่ต้องการ "
ขอพระเจ้าสถิตกับท่าน



-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เอาเลยครับ
ที่จริงก้อไปเรียนคำสอนมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ล้าง คิดว่าเดี๋ยวปีนี้คงต้องเรียนใหม่อีกรอบ หรือเปล่า ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย
แต่ว่าปัสกาหน้าแน่นอนค่ะ
หนูเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มหาลัยดีด้วย คณะก้อถือว่าดี
แต่เรียนๆมาหนูก้อมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่หนูอ่าค่ะ
ถามว่าเรียนได้มั๊ย ก้อได้ ทนๆไป มันก้อพอไหว แต่มันไม่ใช่หนูเท่านั้นเอง
คือหนูเป็นคริสตังยืนค่ะ ครอบครัวไม่มีใครเป็นคริสต์เลย
หนูยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลย ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า
เอาจริงๆหนูว่าพวกท่านก้อคงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
หนูคิดว่า อันนี้คิดเองนะค่ะ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ไลฟ์สไตล์ของพระสงฆ์ดูเหมือนจะฟรีมากกว่าอ่ะค่ะ
อันนี้baseจากคุณพ่อหลายๆคนที่หนูรู้จัก
และหนูก้อคิดว่าพวกหน้าที่ดูแลวัด สัตบุรุษ ให้คำปรึกษา อะไรยังงี้ หนูคงทำได้ดีกว่าอ่าค่ะ
เอาเข้าจริงๆคือหนูก้อโง่มาก เออ เพราะว่าหนูคิดว่าถ้าไปเป็นซิสเตอร์ก้อต้องอยู่ในแต่อารามหรือโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ
หนูจบประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังค์อ่าค่ะ เพราะฉะนั้น หนูก้อรู้แต่ว่ามาเซอร์เค้าอยู่แต่ในโรงเรียน ใช่มั๊ย
อืม แล้วที่โรงเรียนเนี่ยเป็นของคณะ เซนต์ ปอล ใช่มั๊ยค่ะ
หนูควรจะไปคุยดีมั๊ยค่ะ หรือว่ายังไง
แต่ว่าปัสกาหน้าแน่นอนค่ะ
หนูเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มหาลัยดีด้วย คณะก้อถือว่าดี
แต่เรียนๆมาหนูก้อมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่หนูอ่าค่ะ
ถามว่าเรียนได้มั๊ย ก้อได้ ทนๆไป มันก้อพอไหว แต่มันไม่ใช่หนูเท่านั้นเอง
คือหนูเป็นคริสตังยืนค่ะ ครอบครัวไม่มีใครเป็นคริสต์เลย
หนูยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลย ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า
เอาจริงๆหนูว่าพวกท่านก้อคงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
หนูคิดว่า อันนี้คิดเองนะค่ะ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ไลฟ์สไตล์ของพระสงฆ์ดูเหมือนจะฟรีมากกว่าอ่ะค่ะ
อันนี้baseจากคุณพ่อหลายๆคนที่หนูรู้จัก
และหนูก้อคิดว่าพวกหน้าที่ดูแลวัด สัตบุรุษ ให้คำปรึกษา อะไรยังงี้ หนูคงทำได้ดีกว่าอ่าค่ะ
เอาเข้าจริงๆคือหนูก้อโง่มาก เออ เพราะว่าหนูคิดว่าถ้าไปเป็นซิสเตอร์ก้อต้องอยู่ในแต่อารามหรือโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ
หนูจบประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังค์อ่าค่ะ เพราะฉะนั้น หนูก้อรู้แต่ว่ามาเซอร์เค้าอยู่แต่ในโรงเรียน ใช่มั๊ย
อืม แล้วที่โรงเรียนเนี่ยเป็นของคณะ เซนต์ ปอล ใช่มั๊ยค่ะ
หนูควรจะไปคุยดีมั๊ยค่ะ หรือว่ายังไง
มีรุ่นพี่หนูจบอักษรจุฬาgabrille เขียน: ที่จริงก้อไปเรียนคำสอนมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ล้าง คิดว่าเดี๋ยวปีนี้คงต้องเรียนใหม่อีกรอบ หรือเปล่า ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย
แต่ว่าปัสกาหน้าแน่นอนค่ะ
หนูเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มหาลัยดีด้วย คณะก้อถือว่าดี
แต่เรียนๆมาหนูก้อมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่หนูอ่าค่ะ
ถามว่าเรียนได้มั๊ย ก้อได้ ทนๆไป มันก้อพอไหว แต่มันไม่ใช่หนูเท่านั้นเอง
คือหนูเป็นคริสตังยืนค่ะ ครอบครัวไม่มีใครเป็นคริสต์เลย
หนูยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลย ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า
เอาจริงๆหนูว่าพวกท่านก้อคงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
เอาเข้าจริงๆคือหนูก้อโง่มาก เออ เพราะว่าหนูคิดว่าถ้าไปเป็นซิสเตอร์ก้อต้องอยู่ในแต่อารามหรือโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ
หนูจบประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังค์อ่าค่ะ เพราะฉะนั้น หนูก้อรู้แต่ว่ามาเซอร์เค้าอยู่แต่ในโรงเรียน ใช่มั๊ย
อืม แล้วที่โรงเรียนเนี่ยเป็นของคณะ เซนต์ ปอล ใช่มั๊ยค่ะ
หนูควรจะไปคุยดีมั๊ยค่ะ หรือว่ายังไง
แล้วบวชเป็นซิสเตอร์ แพร่ธรรมอยู่ที่เชียงใหม่
และกระทำกิจกรรม ที่หนูเรียกว่า free อย่างที่หนูชอบ
แต่ไม่ใช่คณะของ รร. หนู เพราะนั่นเขาเน้นการให้การศึกษา
กลับไปหามาเซอร์ก็ได้ ท่านมีข้อมูลเยอะมากที่จะให้คำแนะนำ
ขอพระอวยพร
ต้องล้างบาป ๕ ปีขึ้นไปก่อนค่ะ จึงจะเป็นได้ แต่หาข้อมูลก่อนได้ค่ะgabrille เขียน: ที่จริงก้อไปเรียนคำสอนมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ล้าง คิดว่าเดี๋ยวปีนี้คงต้องเรียนใหม่อีกรอบ หรือเปล่า ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย
แต่ว่าปัสกาหน้าแน่นอนค่ะ
หนูเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มหาลัยดีด้วย คณะก้อถือว่าดี
แต่เรียนๆมาหนูก้อมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่หนูอ่าค่ะ
ถามว่าเรียนได้มั๊ย ก้อได้ ทนๆไป มันก้อพอไหว แต่มันไม่ใช่หนูเท่านั้นเอง
คือหนูเป็นคริสตังยืนค่ะ ครอบครัวไม่มีใครเป็นคริสต์เลย
หนูยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลย ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า
เอาจริงๆหนูว่าพวกท่านก้อคงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
หนูคิดว่า อันนี้คิดเองนะค่ะ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ไลฟ์สไตล์ของพระสงฆ์ดูเหมือนจะฟรีมากกว่าอ่ะค่ะ
อันนี้baseจากคุณพ่อหลายๆคนที่หนูรู้จัก
และหนูก้อคิดว่าพวกหน้าที่ดูแลวัด สัตบุรุษ ให้คำปรึกษา อะไรยังงี้ หนูคงทำได้ดีกว่าอ่าค่ะ
เอาเข้าจริงๆคือหนูก้อโง่มาก เออ เพราะว่าหนูคิดว่าถ้าไปเป็นซิสเตอร์ก้อต้องอยู่ในแต่อารามหรือโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ
หนูจบประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังค์อ่าค่ะ เพราะฉะนั้น หนูก้อรู้แต่ว่ามาเซอร์เค้าอยู่แต่ในโรงเรียน ใช่มั๊ย
อืม แล้วที่โรงเรียนเนี่ยเป็นของคณะ เซนต์ ปอล ใช่มั๊ยค่ะ
หนูควรจะไปคุยดีมั๊ยค่ะ หรือว่ายังไง
กระแสเรียกที่สำคัญที่สุดคือ กระแสเรียกปัจจุบันค่ะ ทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เรียนให้ได้ดี รักษาความเชื่อให้ดี และก็หาข้อมูลไปก่อน และถ้าอยากเอาจริง ต้องหาพ่อวิญญาณ อาจเป็นพ่อที่สอนคำสอนก็ได้ค่ะ เพราะเค้ารู้จักเราแต่ต้น การพิจารณากระแสเรียก (Vocation Discernment) เป็นกระบวนการรู้จักตัวเอง และรู้จักว่า พระเป็นเจ้าสร้างเรามาเป็นอะไร เรียนรู้น้ำพระทัยพระ การจะรู้น้ำพระทัยพระได้ ก็ต้องสนิทกับพระ (ก็เหมือนคนเราจะรู้ใจกันได้ ก็ต้องสนิทกันน่ะค่ะ) ช่วงเวลา ๕ ปีนี้ ก็ขอให้เป็นช่วงเวลาแห่งการพิจารณา มีชีวิตสนิทกับพระ และมีชีวิตสนิทกับพระนะคะ
การที่เราชอบไลฟ์สไตล์พระสงฆ์ อาจเป็นเพราะตอนนี้ เรารู้จักและเห็นพระสงฆ์อยู่ .... มีพ่อองค์นึง ตอนเด็กเรียนอยู่โรงเรียนที่ซิสเตอร์ดูแล ก็บอกซิสเตอร์ว่า โตขึ้นจะเป็นซิสเตอร์



การเป็นซิสเตอร์ ทำงานอิสระแค่ไหน ก็จะต้องมี community life ไม่ใช่ลักษณะแบบสงฆ์พิ้นเมืองที่ค่อนข้างอิสระ อยู่คนเดียว บางคนรักอิสระ ไม่มีพันธะนะคะ แต่พอต้องกลับบ้านมา เจอ community แล้ว เค้าอยู่ไม่ได้ก็มี แต่คนที่มีกระแสเรียก การมี community จะส่งเสริมชีวิตเค้า
เป็นการดีที่เรารู้ว่า เราอยากเป็นอะไร แต่สิ่งสำคัญคือ การถามว่า พระอยากให้เราเป็นอะไร เป็นซิสเตอร์ ก็เหมือนแต่งงานกับพระน่ะค่ะ โสดแบบไม่ไร้คู่ เราอยากแต่งงานกับเจ้าบ่าว เราก็ต้องถามเค้าด้วยว่า เค้าจะเอาเรามั้ย

พระอวยพรนะคะ

ที่จริงก้อสนิทกะคุณพ่อคนนึงมากๆเลยค่ะ
เป็นพ่อที่สอนคำสอนหนูเองค่ะ
แต่ก้อไม่กล้าไปคุยกะพ่อเรื่องนี้อ่าค่ะเพราะหนูคิดว่าแบบว่า พ่อคงไม่ให้หนูไปบวชแน่ เหอะๆ
พ่อดีใจมากที่หนูเอ็นท์ติดที่นี่ แล้วก้อแบบว่า ตั้งความหวังไว้มาก ว่าเมื่อหนูจบแล้วจะทำงานเลี้ยงพ่อ ฮาๆ
ไม่รู้ซิค่ะ
ความจริงหนูก้ออยากทำ แต่ก้อกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้อ่าค่ะ
อืม
เป็นพ่อที่สอนคำสอนหนูเองค่ะ
แต่ก้อไม่กล้าไปคุยกะพ่อเรื่องนี้อ่าค่ะเพราะหนูคิดว่าแบบว่า พ่อคงไม่ให้หนูไปบวชแน่ เหอะๆ
พ่อดีใจมากที่หนูเอ็นท์ติดที่นี่ แล้วก้อแบบว่า ตั้งความหวังไว้มาก ว่าเมื่อหนูจบแล้วจะทำงานเลี้ยงพ่อ ฮาๆ
ไม่รู้ซิค่ะ
ความจริงหนูก้ออยากทำ แต่ก้อกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้อ่าค่ะ
อืม
ที่จริงแล้ว คนที่จะให้บวชหรือไม่ให้บวช คือ พระเป็นเจ้า นะคะ คุณพ่อหรือคนอื่นๆ เป็นแค่คนมาให้คำปรึกษา พูดคุย แค่นั้นเอง ถ้าไม่มีกระแสเรียก อยากบวชแค่ไหน มันก็จะมีเหตุให้ไม่ได้บวช แต่ถ้ามีกระแสเรียก ไม่คิดว่า จะต้องมาบวช ก็จะได้บวชgabrille เขียน: ที่จริงก้อสนิทกะคุณพ่อคนนึงมากๆเลยค่ะ
เป็นพ่อที่สอนคำสอนหนูเองค่ะ
แต่ก้อไม่กล้าไปคุยกะพ่อเรื่องนี้อ่าค่ะเพราะหนูคิดว่าแบบว่า พ่อคงไม่ให้หนูไปบวชแน่ เหอะๆ
พ่อดีใจมากที่หนูเอ็นท์ติดที่นี่ แล้วก้อแบบว่า ตั้งความหวังไว้มาก ว่าเมื่อหนูจบแล้วจะทำงานเลี้ยงพ่อ ฮาๆ
ไม่รู้ซิค่ะ
ความจริงหนูก้ออยากทำ แต่ก้อกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้อ่าค่ะ
อืม

ที่ว่า สนิทกับคุณพ่อ ก็สนิทแบบมีกำแพงนะ เพราะถ้าสนิทจริง เราจะกล้าเปิดเผยมากกว่านี้ หรือเรียกอีกแบบคือ สนิทแบบทางโลก ไม่ได้สนิททางวิญญาณ สนิทแบบไม่กล้าเปิดหมด เพราะกลัวเค้าจะไม่สนิทด้วย

และก็ไม่ต้องห่วงว่า จะทำงานเลี้ยงพ่อนะคะ พระเป็นเจ้าเลี้ยงเค้าอยู่แล้วค่ะ เลี้ยงอย่างดีด้วย เท่าที่พี่เห็นพระสงฆ์นะ พระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์และพระเจ้าเลี้ยงอย่างดี เป็นเพราะเค้ามอบตัวให้กับพระมากแบบสุดๆ และพระก็ตอบแทนเค้าแบบสุดๆเช่นกัน ทั้งทางกาย ทางใจ ทางวิญญาณ เรียกได้ว่า มีทุกอย่างจริงๆ ความช่วยเหลือก็มาแบบสุดๆ บางทีเห็นแล้วยังแบบ เออ ทำไมพอเราเจออะไรแบบนี้บ้าง พระไม่เห็นช่วยเราแบบนี้เลย ต่อมาก็เรียนรู้ว่า มันเป็นรางวัลที่เค้าได้ให้กับพระและพระตอบแทนเค้า เราเอง พระก็รักเหมือนกัน แต่เราก็ต้องให้ตัวเรากับพระ ให้เหมือนกับที่เค้าให้กับพระ ซึ่งพี่ก็ได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้จากพวกพ่อ เลียนแบบตรงนี้ และพระก็เลี้ยงดูเราแบบใกล้ชิดจริงๆ

อ่านดูแล้ว จากความคิดว่า จะเลี้ยงพ่อ สนิทกับพ่อ หรืออะไรนี่ ดูมันว้าเหว่ชอบกลนะคะ จริงๆแล้วว้าเหว่ ขาดความรัก ความอบอุ่นรึเปล่าคะ เวลาที่อยากบวชเนี่ย เค้าจะดูด้วยนะคะว่า เราอยากช่วยคน อยากให้ความรักกับคน เพราะเราขาดความรักเองรึเปล่า อันนี้ก็เป็นข้อนึงในการพิจารณากระแสเรียกด้วยค่ะ

พระอวยพรนะคะ ได้ล้างบาปเร็วๆนะคะ

ก้อ คือหนูขี้อายพอควรนะค่ะ เหอะๆ
มันเหมือนกับว่าพอยิ่งสนิทก้อยิ่งแบบไม่กล้าพูด
คือ คุยกะพ่อเค้าได้ทุกเรื่อง แต่พอมาถึงเรื่องนี้ก้อแบบ เออ
พ่อเค้าคอยดูแลหนูอย่างดีมาตลอด
แม้แต่เวลาที่พ่อแม่หนูไม่เอาหนู เค้าก้อแบบอยู่ข้างหนูมาตลอด
จากทุกอย่างที่พ่อทำให้หนู หนูก้อสัญญากะตัวเองไว้ว่าจะดูแลพ่อให้ดีที่สุด เท่าที่หนูทำได้
ที่จริงมันก้อไม่ใช้หน้าที่อะไรของเค้า
หนูมันคงเป็นประเภทขาดความอบอุ่นมั้งค่ะ เหอะๆ
มีความรักเต็มเปี่ยมให้คนอื่น แต่คนอื่นก้อไม่ค่อยเห็นหัวหนูเท่าไร
มันก้อเป็นอย่างนี้มาตลอดแหละ
มันเหมือนกับว่าพอยิ่งสนิทก้อยิ่งแบบไม่กล้าพูด
คือ คุยกะพ่อเค้าได้ทุกเรื่อง แต่พอมาถึงเรื่องนี้ก้อแบบ เออ
พ่อเค้าคอยดูแลหนูอย่างดีมาตลอด
แม้แต่เวลาที่พ่อแม่หนูไม่เอาหนู เค้าก้อแบบอยู่ข้างหนูมาตลอด
จากทุกอย่างที่พ่อทำให้หนู หนูก้อสัญญากะตัวเองไว้ว่าจะดูแลพ่อให้ดีที่สุด เท่าที่หนูทำได้
ที่จริงมันก้อไม่ใช้หน้าที่อะไรของเค้า
หนูมันคงเป็นประเภทขาดความอบอุ่นมั้งค่ะ เหอะๆ
มีความรักเต็มเปี่ยมให้คนอื่น แต่คนอื่นก้อไม่ค่อยเห็นหัวหนูเท่าไร
มันก้อเป็นอย่างนี้มาตลอดแหละ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
งั้นก็บอกได้คำเดียวครับว่า "ไม่ต้องอาย"
เอาเลยครับ ทำงานรับใช้พระเป็นเจ้าเป็นนักบวชเลยครับ
แต่การเป็นซิสเตอร์ ไม่ใช่ว่าจะต้องรับใช้พระสงฆ์เสมอไปนะครับ
เพราะซิสเตอร์แต่ละคณะก็ต้องทำงานเหมือนกัน
อย่ายึดติดเลยครับ
ขอให้กระแสเรียกมั่นคงนะครับ
อีกอย่างนะครับ ถ้ามีพระเจ้าแล้ว ไม่มีทางขาดความรักแน่นอนครับ
เอาเลยครับ ทำงานรับใช้พระเป็นเจ้าเป็นนักบวชเลยครับ
แต่การเป็นซิสเตอร์ ไม่ใช่ว่าจะต้องรับใช้พระสงฆ์เสมอไปนะครับ
เพราะซิสเตอร์แต่ละคณะก็ต้องทำงานเหมือนกัน
อย่ายึดติดเลยครับ
ขอให้กระแสเรียกมั่นคงนะครับ

อีกอย่างนะครับ ถ้ามีพระเจ้าแล้ว ไม่มีทางขาดความรักแน่นอนครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 07, 2009 9:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ใครบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่เค้าจ้ะgabrille เขียน: ก้อ คือหนูขี้อายพอควรนะค่ะ เหอะๆ
มันเหมือนกับว่าพอยิ่งสนิทก้อยิ่งแบบไม่กล้าพูด
คือ คุยกะพ่อเค้าได้ทุกเรื่อง แต่พอมาถึงเรื่องนี้ก้อแบบ เออ
พ่อเค้าคอยดูแลหนูอย่างดีมาตลอด
แม้แต่เวลาที่พ่อแม่หนูไม่เอาหนู เค้าก้อแบบอยู่ข้างหนูมาตลอด
จากทุกอย่างที่พ่อทำให้หนู หนูก้อสัญญากะตัวเองไว้ว่าจะดูแลพ่อให้ดีที่สุด เท่าที่หนูทำได้
ที่จริงมันก้อไม่ใช้หน้าที่อะไรของเค้า
หนูมันคงเป็นประเภทขาดความอบอุ่นมั้งค่ะ เหอะๆ
มีความรักเต็มเปี่ยมให้คนอื่น แต่คนอื่นก้อไม่ค่อยเห็นหัวหนูเท่าไร
มันก้อเป็นอย่างนี้มาตลอดแหละ

เป็นนายชุมพาบาลที่ดี ต้องดูแลลูกแกะ ช่วยอะไรได้ก็ช่วย (เป็นพี่... พี่ก็ช่วย) และเค้าจะช่วยได้แบบไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว เพราะเค้ามีคนที่คอยช่วยเค้าตลอด เรียกได้ว่า ให้ได้ตลอด เพราะพระให้เค้าตลอดเช่นกัน พระให้เราให้คน โดยไม่หวังอะไรตอบแทน เราทำแบบนั้นได้ เพราะเรามีพระเป็นเจ้าที่คอยให้เรา ใครไม่ขอบคุณเรา เราก็มีพระเป็นเจ้าที่คอยขอบคุณเรา คอยอวยพรเราในทุกกิจการที่เราทำ ยิ่งถ้าเราจะบวชนะ เรื่องแบบนี้ จะเห็นได้เด่นชัดขึ้นกว่าปกติทั่วไป

เวลาคนที่พระเยซูเจ้ารักษาหายนะ เค้าก็จะมาขอบคุณพระองค์ และพระองค์บอกให้เค้าทำอะไรรู้มั้ย บอกให้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นต่อไป เมื่อเราได้รับความรัก ความเอาใจใส่ดูแลจากพระองค์แล้ว พระองค์ก็ให้เราดูแลคนอื่นต่อไป ยิ่งหนูเป็นคนชอบช่วยคนนะคะ หนูจะชอบที่จะสนิทกับพระ ชอบที่จะรักพระ เพราะรู้ว่า เราเหมือนกัน เราชอบช่วยคนเหมือนกัน และเราสามารถช่วยคนได้แบบไม่เหนื่อยเพราะเรามีพระที่คอยให้เรา คอยเติมเต็มเราอยู่ตลอด ... และก็เหมือนกับที่พระเยซูเจ้าถามเปโตรว่า รักเรามั้ย ถ้ารัก ก็ให้ดูแลแกะของเรา

การช่วยเหลือแบบนักบวช คือการช่วยเหลือที่ทำงานไปคู่กับพระเป็นเจ้า เราทำเพราะพระองค์อยากให้เราทำ ไม่ใช่เพราะเราอยากทำเอง ดังนั้นนักบวชจึงต้องนบนอบไง จะไม่เหมือนนักสังคมสงเคราะห์ และนักบวชจะช่วยคน เพื่อให้เค้าได้เห็นความรักของพระ ระหว่างความรักกับอาหาร นักบวชจะมองความรักสำคัญมากกว่า .... ถ้าอยากเห็นความต่างนะคะ ต้องอ่านหนังสือของบุญราศีเทเรซา กัลกัตตา


ถึงตอนนี้ยังอยากบวชอยู่มั้ยคะ ถ้ายังอยาก ก็ต้องหาพ่อวิญญาณ ซึ่งจะเป็นคนที่รู้จักเราดี และเป็นคนที่เราสามารถเปิดเผยได้ทุกเรื่อง นั่นคือ เราสามารถสนิทได้ทางวิญญาณน่ะค่ะ เพื่อที่เราจะได้รู้ความสัมพันธ์เรากับพระค่ะ... และเค้าก็จะได้ดูด้วยว่า การอยากช่วยคนของเรา มาจากการขาดความรัก หรือว่า มาจากเป็นกระแสเรียก ซึ่งถ้ามาจากขาดความรัก ตรงนี้ เราก็จะรู้ว่า ในส่วนนี้ เราต้องการพระนะ ต้องการพระมาเติมเต็มเรา เพื่อที่เราจะสามารถให้ความรักแบบคริสตชนกับผู้อื่นได้ อย่างเต็มที่จ้ะ เพราะถ้าเรายังขาดอยู่ มันก็ยากที่เราจะให้ใครเค้าได้จ้ะ

พระอวยพรนะคะ

เรื่องนี้พี่อยากจะให้น้องใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เรายังมีเวลาพิจารณากระแสเรียกอีกนานgabrille เขียน: ที่จริงก้อไปเรียนคำสอนมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ล้าง คิดว่าเดี๋ยวปีนี้คงต้องเรียนใหม่อีกรอบ หรือเปล่า ยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย
แต่ว่าปัสกาหน้าแน่นอนค่ะ
หนูเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มหาลัยดีด้วย คณะก้อถือว่าดี
แต่เรียนๆมาหนูก้อมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่หนูอ่าค่ะ
ถามว่าเรียนได้มั๊ย ก้อได้ ทนๆไป มันก้อพอไหว แต่มันไม่ใช่หนูเท่านั้นเอง
คือหนูเป็นคริสตังยืนค่ะ ครอบครัวไม่มีใครเป็นคริสต์เลย
หนูยังไม่ได้คุยกับพ่อแม่เลย ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือเปล่า
เอาจริงๆหนูว่าพวกท่านก้อคงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร
หนูคิดว่า อันนี้คิดเองนะค่ะ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า
ไลฟ์สไตล์ของพระสงฆ์ดูเหมือนจะฟรีมากกว่าอ่ะค่ะ
อันนี้baseจากคุณพ่อหลายๆคนที่หนูรู้จัก
และหนูก้อคิดว่าพวกหน้าที่ดูแลวัด สัตบุรุษ ให้คำปรึกษา อะไรยังงี้ หนูคงทำได้ดีกว่าอ่าค่ะ
ไม่ต้องกังวลว่า อนาคตครอบครัวจะเห็นด้วยไหม หรือมีอุปสรรคอะไร เพราะถ้าเป็นกระแสเรียกจริงๆ อะไรก็ขวางเราไม่ได้หรอกค่ะ
แต่ถ้าไม่ใช่...ต่อให้เราดิ้นรนแค่ไหน...ก็เท่านั้น...
มีแต่พระเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด...รู้ดียิ่งกว่าตัวเรา...ว่าสิ่งไหนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับตัวเรา...
อย่างที่พี่เคยบอก...เมื่อเรารับศีลล้างบาปแล้ว เราจะเข้าใจอะไรชัดเจนมากขึ้นค่ะ...
พี่อยากให้ลองพิจารณาด้วยว่า สิ่งไหนที่ "ใช่" สำหรับตัวเอง ในเรื่องการเรียนด้วยนะคะ
ไม่จำเป็นหรอกว่า คณะที่คนอื่นว่าดี มหาลัยฯ ที่คนอื่นเขาว่าดัง จะต้องเป็นสิ่งที่เราชอบ เป็นสิ่งที่เหมาะกับเราเสมอน่ะ
พี่ไม่รู้ว่าน้องอยู่ปีอะไรแล้ว ถ้ายังอยู่ปี 1-2 และรู้ว่าตัวเองไม่ชอบ ก็ลองทำเรื่องขอย้ายคณะ หรือซิ่วไปเลย...
ถ้าเราต้องมาทนเรียนอะไรที่ไม่ใช่เรา เราเรียนแล้วไม่มีความสุข ก็อย่าทนมันเลย
(แต่อย่าเอาเรื่องเกรดมาวัดนะ แบบว่าเกรดไม่ดีฉันไปดีกว่า ไม่เอาละ
เพราะบางคนทำเกรดดี แต่ไม่ชอบ บางคนเขาชอบ แต่ทำเกรดได้ไม่ดี
อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองดีๆ ค่ะ...)
แต่ถ้าอยู่ปีแก่ๆ แล้ว...ก็ทนๆ เรียนให้จบไปเถอะค่ะ อีกไม่กี่ปีเอง (แป่ว)...
ลองดูตามนี้เลยค่ะ...gabrille เขียน: เอาเข้าจริงๆคือหนูก้อโง่มาก เออ เพราะว่าหนูคิดว่าถ้าไปเป็นซิสเตอร์ก้อต้องอยู่ในแต่อารามหรือโรงเรียนหรือโรงพยาบาลหรือเปล่าค่ะ
หนูจบประถมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังค์อ่าค่ะ เพราะฉะนั้น หนูก้อรู้แต่ว่ามาเซอร์เค้าอยู่แต่ในโรงเรียน ใช่มั๊ย
อืม แล้วที่โรงเรียนเนี่ยเป็นของคณะ เซนต์ ปอล ใช่มั๊ยค่ะ
หนูควรจะไปคุยดีมั๊ยค่ะ หรือว่ายังไง
http://www.sistersinthai.org/main.htm
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=9965.0
คณะที่ดูแลเรื่องโรงเรียน ในประเทศไทย นอกจากคณะเซนต์ปอล ก็จะมี คณะอุร์สุลิน ซิสเตอร์ซาเลเซียน และอีกหลายคณะค่ะ
โรงเรียนเซนต์ฟรังฯ เป็นของคณะเซนต์ปอลฯ ค่ะ
แล้วแต่คณะค่ะ อย่างของคณะเซนต์ปอล ล้างบาปแค่ 3 ปีBuddy เขียน: ต้องล้างบาป ๕ ปีขึ้นไปก่อนค่ะ จึงจะเป็นได้ แต่หาข้อมูลก่อนได้ค่ะ
อย่างที่พี่บัดดี้บอก ต้องหาข้อมูลก่อนค่ะ เพราะแต่ละคณะก็จะมีอะไรที่แตกต่างกันไป
สำเนาถูกต้องค่ะ...Buddy เขียน:ที่จริงแล้ว คนที่จะให้บวชหรือไม่ให้บวช คือ พระเป็นเจ้า นะคะ คุณพ่อหรือคนอื่นๆ เป็นแค่คนมาให้คำปรึกษา พูดคุย แค่นั้นเอง ถ้าไม่มีกระแสเรียก อยากบวชแค่ไหน มันก็จะมีเหตุให้ไม่ได้บวช แต่ถ้ามีกระแสเรียก ไม่คิดว่า จะต้องมาบวช ก็จะได้บวชgabrille เขียน: ที่จริงก้อสนิทกะคุณพ่อคนนึงมากๆเลยค่ะ
เป็นพ่อที่สอนคำสอนหนูเองค่ะ
แต่ก้อไม่กล้าไปคุยกะพ่อเรื่องนี้อ่าค่ะเพราะหนูคิดว่าแบบว่า พ่อคงไม่ให้หนูไปบวชแน่ เหอะๆ
พ่อดีใจมากที่หนูเอ็นท์ติดที่นี่ แล้วก้อแบบว่า ตั้งความหวังไว้มาก ว่าเมื่อหนูจบแล้วจะทำงานเลี้ยงพ่อ ฮาๆ
ไม่รู้ซิค่ะ
ความจริงหนูก้ออยากทำ แต่ก้อกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้อ่าค่ะ
อืม
![]()
เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า เราเมตตาต่อผู้ที่เราเมตตา และสงสารผู้ที่เราสงสาร
ดังนั้น ทุกสิ่งจึงขึ้นกับพระเมตตาของพระเจ้า ไม่ขึ้นกับความตั้งใจหรือความอุตสาหะของมนุษย์
(โรม 9:15-16)
พระอวยพรค่ะ ขอพระจิตเจ้าทรงนำ
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 08, 2009 12:02 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.