การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์
การปฏิรูปศาสนาของนิกายโปรเตสแตนต์ (ภาษาอังกฤษ: Protestant Reformation) คือขบวนการการปฏิรูปศาสนาที่เริ่มโดย มาร์ติน ลูเทอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1517 เพื่อแก้ไขความเสื่อมโทรมของนิกายโรมันคาทอลิก และสถาบันสันตะปาปา มาเสร็จสิ้นลงด้วยสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย ค.ศ. 1648 ผลจากการปฏิรูปคือการแยกตัวจากนิกายคาทอลิกมาเป็นนิกายโปรเตสแตนต์
มีเหตุการณ์หลายประการที่เป็นต้นเหตุเกิดการเปลี่ยนแปลง และปฏิรูปศาสนาคริสต์ครั้งใหญ่ในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 16
สถาบันสันตะปาปาตกอยู่ใต้อำนาจของสถาบันกษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศสระหว่าง ค.ศ. 1305-1375 ที่เรียกว่า
มีเหตุการณ์หลายประการที่เป็นต้นเหตุเกิดการเปลี่ยนแปลง และปฏิรูปศาสนาคริสต์ครั้งใหญ่ในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 16
สถาบันสันตะปาปาตกอยู่ใต้อำนาจของสถาบันกษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศสระหว่าง ค.ศ. 1305-1375 ที่เรียกว่า
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 5:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ยังไงก็ตามรอวันที่ฝูงแกะจะมีฝูงเดียวและมีผู้เลี้ยงเพียงคนเดียวครับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อ่านเนื้อหานี้แล้ว คล้ายๆ กับพี่แจ็คกี้ ซึ่ง เป็นออร์ทอดอกซ์ แล้ว มาเขียน เรื่อง ของ โปรเตสแตนต์ แยกออกจากคาทอลิก
ซึ่งเนื้อหา หลายอย่าง ค่อนข้างอ่อนไหว เหมือนกำลังจะทำให้เรา บู้กัน งั้นแหละ
ซึ่งเนื้อหา หลายอย่าง ค่อนข้างอ่อนไหว เหมือนกำลังจะทำให้เรา บู้กัน งั้นแหละ
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
: emo036 : : emo036 :jacky เขียน: ชายเยอรมันจอมประท้วง นายมาติน ลูเธอร์
ความจริงแล้วคำว่าโปรเตสแตนต์ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่ท่านลูเธอร์ตอก 95 ข้อ
ที่ประตูพระวิหาร (31 ต.ค.1517)อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เกิดขึ้นหลังจากนั้น(ปี 1529)
เนื่องจากการละเมิดสนธิสัญญาที่จะไม่รุกรานกลุ่มปฏิรูป
ทำให้เจ้าชายเยอรมัน 10 คนจาก 10 แคว้น รวมตัวกันออกหนังสือคัดค้าน
ทำให้ถูกเรียกว่าเป็นพวกคัดค้าน(Protestant) และเรียกกันต่อๆ มา
การที่ท่านลูเธอร์ปฏิรูปศาสนาในยุคกลางนั้น
ท่านเพียงต้องการปฏิรูปเพื่อแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องในตอนนั้น
แต่ไม่ได้มีเจตนาจะปฏิวัติหรือแยกออกมาเป็นนิกาย
แต่เนื่องจากพระศาสนจักร(ในยุคนั้น)มีทั้งเรื่องการเมือง ผลประโยชน์ และอื่นๆ
ทำให้ไม่ยอมรับการปฏิรูป และบัพพาชนียกรรม(ขับไล่)
ท่านออกมาจากพระศาสนจักรโดยคำสั่งของพระสันตปาปาลีโอที่10
ถึงกระนั้นเมื่อเกิดการแตกแยกกันขึ้นต่อมาท่านลูเธอร์เองก็ยังแสวงหาเอกภาพในพระกาย
ในบทแถลงศรัทธาออกซ์เบิร์กมีหลายตอนที่ยังแสดงถึงว่าท่านลูเธอร์เองไม่ได้ต้องการให้คริสตจักรแตกแยก
เช่น มีบทหนึ่งท่านยังกล่าวว่า "ธรรมประเพณีใดๆ ที่เคยปฏิบัติมา และพระคัมภีร์ไม่ได้ห้ามไว้หรือบอกว่าผิด ให้รักษาไว้"
อย่างเช่นพี่น้องคาทอลิกมีวันฉลองนักบุญ หรือแม่พระ หรือเทศกาลต่างๆ
โปรฯ (ลูเธอร์แรน)ก็มีเหมือนกัน เราไม่ได้ตัดทิ้งทั้งหมดเพียงแต่ลดลงและเปลี่ยนวันตามความเหมาะสม
โดยเราไม่ได้ใช้คำว่า "ฉลอง" เพราะคำนี้เราใช้กับพระเจ้าเท่านั้น แต่เราใช้คำว่า "วัน" หรือ "วันระลึกถึง"
และศัพท์ที่ใช้ออาจแตกต่างกันบ้างตามศาสนศาสตร์
ตัวอย่างวันตามประเพณีในปฏิทนคริสตจักร เช่น
วันระลึกถึงการกลับใจของอัครธรรมทูตเปาโล (25 มกราคม)
วันระลึกถึงมาระโกผู้เขียนพระกิตติคุณมาระโก (25 เมษายน)
วันระลึกถึงการกำเนิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา (24 มิถุนายน)
วันแจ้งข่าวแก่นางมารีย์ (9 มีนาคม)
วันระลึกถึงลูกาผู้เขียนพระกิตติคุณลูกา (18 ตุลาคม)
วันระลึกถึงบรรดาธรรมิกชนผู้ล่วงลับทั้งหลาย (2 พฤศจิกายน)
วันระลึกถึงท่านสเทเฟนผู้ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อ (26 ธันวาคม)
วันระลึกถึงยอห์นผู้เขียนพระกิตติคุณยอห์น (27 ธันวาคม)
และนอกจากนั้นแม้แต่มรณสักขีที่พี่น้องคาทอลิกแต่งตั้งเป็นบุญราศี(ยังไม่ได้เป็นนักบุญ)เราก็ยังระลึกถึง
วันระลึกถึงบรรดาธรรมิกชนผู้ล่วงลับ(คริสตชนคาทอลิกถูกฆ่าเพราะความเชื่อ 7 คน) (16 ธันวาคม)
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ถูกแยกออกมาเวลานั้นแท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการให้เกิดความแตกแยกอย่างที่เห็นในปัจจุบันเลย
จริงๆ แล้วรายละเอียดของประวัติศาสตร์ตรงนั้นมีอีกเยอะ มีอีกหลายกลุ่มโดยเฉพาะพวกหัวรุนแรงที่เข้ามาพัวพันและใช้วิธีการที่เกินขอบเขต แม้แต่ท่านลูเธอร์เองก็รับไม่ได้และไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเหมือนกัน เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้บานปลายก็เกิดความเข้าใจผิดต่อๆ มาจนถึงคนรุ่นหลังจำนวนมาก
ปล. จะคณะนิกายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าในตอนนี้ประเทศไทยมีคนที่มีสิทธิเข้าสวรรค์(รวมทุกคณะนิกาย) ประมาณแค่ 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แล้วเราควรจะทำอะไรกันต่อไป จะช่วยกันประกาศ หรือจะมาจับผิดหรือโอ้อวดกันว่าของใครดีกว่าหรือด้อยกว่า...
อย่าคิดมากนะลุง : emo073 :Jeab Agape เขียน:
อ่านเนื้อหานี้แล้ว คล้ายๆ กับพี่แจ็คกี้ ซึ่ง เป็นออร์ทอดอกซ์ แล้ว มาเขียน เรื่อง ของ โปรเตสแตนต์ แยกออกจากคาทอลิก
ซึ่งเนื้อหา หลายอย่าง ค่อนข้างอ่อนไหว เหมือนกำลังจะทำให้เรา บู้กัน งั้นแหละ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ย. 16, 2009 8:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
พระกายเดียวกัน
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ผมไม่รู้สึกว่า คุณพ่อมาติน เป็นหัวหน้าโปรเรานะครับjacky เขียน: ชายเยอรมันจอมประท้วง นายมาติน ลูเธอร์
แต่ผมให้เกียรติคุณพ่อมาติน ลูเธอร์ เป็นคุณพ่อบาทหลวงคาทอลิกที่ดีและน่ายกย่อง
ถึงแม้ว่าท่านจะออกจากคาทอลิก เพื่อปฏิรูปให้ถูกต้องตามที่ท่านต้องการ หรือจะเป็นการทรงนำก็ตาม
ยังไง ท่านคือบุคคลที่ควรให้เกียรติ และนับถือ นะครับ
คำว่า "จอมประท้วง" ไม่เหมาะสม กับคนที่ทำเพื่อพระเยซูเจ้าครับ
ที่สำคัญ งานของคุณพ่อมาติน ลูเธอ ผมดูจาก นิกายโปรฯ คณะลูเทอแลน
ท่านไม่ได้ลบล้างธรรมเนียมที่สำคัญๆ และสิ่งต่างๆที่เป็นสิ่งดีงามของคาทอลิกเลยนะครับ
เขียนเองใช่มั้ยครับ??
ขอพระเจ้าเมตตาคุณด้วยครับ
3 นิกาย และคณะยิบย่อย คือพี่น้องผู้เชื่อในพระเยซูครับ
เอามาให้อ่านดูนะคะ มาจาก http://th.wikipedia.org/wiki/การปฏิรูปศ ... ปรเตสแตนต์ อ่านดูละกันคะ แค่อยากจเอาความรู้ทางประวัติศาสตร์มาแบ่งปัน
มิได้มีเจตนาชวนทะเลาะ
มิได้มีเจตนาชวนทะเลาะ
ลองดูในหนังเรือง Martin Luther ดูสิคะ
จะเห็นได้ว่า ลูเธอร์ เสียใจมากจากการที่พยายามปฏิรูป
แล้วมีผู้อื่นแอบแฝงใช้การนี้ทำเพื่อสนับสนุนความคิดบางอย่าง
ทำให้เกิดการฆ่าฟันกัน ลูเธอร์ พยายามทำในสิ่งดีค่ะ
แต่มีหลายกลุ่มแอบใช้โอกาสนี้ โดยที่ไม่สนใจเจตนาเริ่มต้นค่ะ
จะเห็นได้ว่า ลูเธอร์ เสียใจมากจากการที่พยายามปฏิรูป
แล้วมีผู้อื่นแอบแฝงใช้การนี้ทำเพื่อสนับสนุนความคิดบางอย่าง
ทำให้เกิดการฆ่าฟันกัน ลูเธอร์ พยายามทำในสิ่งดีค่ะ
แต่มีหลายกลุ่มแอบใช้โอกาสนี้ โดยที่ไม่สนใจเจตนาเริ่มต้นค่ะ
ทางของพระเจ้านั้นตรงไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ใบเบิ้ลและพระคัมภีร์2เล่นนั่นคือพระคริสต์ เราเป็นทางเดียวและเป็นทางนั้น ไม่มีใครไปถึงพระเจ้าได้หากไม่โดยทางเรา นี่คือพื้นฐานที่สุดของคำสอน ไม่ว่าคุณจะวางใจในsainหรือพระหรือคนใหนในโลกไม่ว่าคุณหรือผมเรียกแบบเป็น1เดียวว่าเรา จะเชื่อใครคำพูดของใครในประวัตศาสต์ของโลกที่ถูกจารึกไว้หรือไม่ถูกจารึกเนื่องจากสูญหายไปหรือไม่มีก็แล้วแต่ แต่ความจริงพื้นฐานนั้นสิ่งเดียว คือชีวิตนิรันดร์ เราเป็นทางเดียวและเป็นทางนั้น ไม่มีใครไปถึงพระเจ้าได้นอกจากมาทางเรา พระคริสต์กล่าวแก่เรา และกล่าวแก่ศาสณจักร และกล่าวต่อโลก กล่าวแก่มนุษย์ทุกคนแบบนี้ใช่ใหม? จงมองเข้าไปในใจของเราและมองหาความผิดพลาดของตัวเอง แล้วเราท่านๆทุกคนจะเห็นว่าเรานั้นหลงทางไปมากแค่ใหน หยุดหาความผิดของผู้อื่นเพราะมันช่วยเราเข้าสู๋ชีวิตนิรันดร์ไม่ได้ แต่มันช่วยเราทำลายล้างมนุษย์ได้
แก้ไขล่าสุดโดย APaladin เมื่อ พุธ ก.ย. 16, 2009 12:04 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ปล. จะคณะนิกายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าในตอนนี้ประเทศไทยมีคนที่มีสิทธิเข้าสวรรค์(รวมทุกคณะนิกาย) ประมาณแค่ 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น
แล้วเราควรจะทำอะไรกันต่อไป จะช่วยกันประกาศ หรือจะมาจับผิดหรือโอ้อวดกันว่าของใครดีกว่าหรือด้อยกว่า...
ผมว่าเขียนแบบข้างต้นนี่ไม่ค่อยเหมาะนะครับ เหมือนจะมั่นใจเหลือเกินว่าถ้าไม่ใช่คริสต์ก็ไปสวรรค์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทุกศาสนิกชนก็เป็นลูกพระนะครับ
แล้วเราควรจะทำอะไรกันต่อไป จะช่วยกันประกาศ หรือจะมาจับผิดหรือโอ้อวดกันว่าของใครดีกว่าหรือด้อยกว่า...
ผมว่าเขียนแบบข้างต้นนี่ไม่ค่อยเหมาะนะครับ เหมือนจะมั่นใจเหลือเกินว่าถ้าไม่ใช่คริสต์ก็ไปสวรรค์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทุกศาสนิกชนก็เป็นลูกพระนะครับ
โปรฯ ที่ไม่ชอบคาทอลิก ก็จะเขียนในมุมมองที่คาทอลิกเป็นปิศาจ
คาทอลิกที่ไม่ชอบการกระทำของโปรฯ ก็จะประกาศว่าโปรฯ ไม่ได้มาจากพระเจ้า
โปรฯ ที่ถูกประกาศว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า ก็จะเริ่มแสดงสิทธิ์จากพระเจ้า และโจมตีธรรมประเพณีคาทอลิก
แล้วในที่สุด เห็นไหมครับ
-แม่พระติดร่างแห - โดนด่าไปด้วย
-นักบุญก็ซวยตาม - โดนด่าอีก
เรื่องมันจะจบ ถ้าเราไม่ตอบโต้แบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เราให้เรื่องเก่าๆ มันผ่านไป อันไหนผิดจริง พลาดจริง ก็ขอโทษ ถ้าดันทุรังต่อไป ตายสถานเดียว
อันไหนคนอื่นเข้าใจไม่ถูกไม่ควร ก็อธิบาย
คนที่ฟัง ก็ฟัง แล้วคิดตาม อย่าพึ่งทุ่มเถียงอย่างไร้สาระ หัวชนกำแพง นอกจากจะโง่ต่อไปแล้ว ยังจะหัวแตกด้วย
คาทอลิกที่ไม่ชอบการกระทำของโปรฯ ก็จะประกาศว่าโปรฯ ไม่ได้มาจากพระเจ้า
โปรฯ ที่ถูกประกาศว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า ก็จะเริ่มแสดงสิทธิ์จากพระเจ้า และโจมตีธรรมประเพณีคาทอลิก
แล้วในที่สุด เห็นไหมครับ
-แม่พระติดร่างแห - โดนด่าไปด้วย
-นักบุญก็ซวยตาม - โดนด่าอีก
เรื่องมันจะจบ ถ้าเราไม่ตอบโต้แบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เราให้เรื่องเก่าๆ มันผ่านไป อันไหนผิดจริง พลาดจริง ก็ขอโทษ ถ้าดันทุรังต่อไป ตายสถานเดียว
อันไหนคนอื่นเข้าใจไม่ถูกไม่ควร ก็อธิบาย
คนที่ฟัง ก็ฟัง แล้วคิดตาม อย่าพึ่งทุ่มเถียงอย่างไร้สาระ หัวชนกำแพง นอกจากจะโง่ต่อไปแล้ว ยังจะหัวแตกด้วย
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
หาอ่านได้ที่ไหนหรอครับsinner เขียน: ลองดูในหนังเรือง Martin Luther ดูสิคะ
จะเห็นได้ว่า ลูเธอร์ เสียใจมากจากการที่พยายามปฏิรูป
แล้วมีผู้อื่นแอบแฝงใช้การนี้ทำเพื่อสนับสนุนความคิดบางอย่าง
ทำให้เกิดการฆ่าฟันกัน ลูเธอร์ พยายามทำในสิ่งดีค่ะ
แต่มีหลายกลุ่มแอบใช้โอกาสนี้ โดยที่ไม่สนใจเจตนาเริ่มต้นค่ะ
ผมเคยแต่อ่านบนเน็ท
หนังสือชื่อนี้เลยหรอ เหอๆ
ขอบคุณครับ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
คร้าบผม ขอบคุณคับsinner เขียน:เป็น DVD ค่ะ ได้จากคุณพ่อที่ไปอเมริกามาค่ะคนละคนแล้วครับ เขียน: หาอ่านได้ที่ไหนหรอครับ
ผมเคยแต่อ่านบนเน็ท
หนังสือชื่อนี้เลยหรอ เหอๆ
ขอบคุณครับ
ถ้าอยากได้ก็ PM มาสิคะ จะส่งให้
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ใช่แล้ว วิกิไม่เพียงข้อมูลอ่อน บางครั้งข้อมูลที่มีก็ผิด คนแจ้งให้แก้ตั้งเยอะก็ไม่แก้ ::010::†Ecclēsia เขียน: ยังมีอีกหลายเรื่องที่ วิคิพิเดียไม่รู้...
และAPaladin เขียน: ทางของพระเจ้านั้นตรงไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ใบเบิ้ลและพระคัมภีร์2เล่นนั่นคือพระคริสต์ เราเป็นทางเดียวและเป็นทางนั้น ไม่มีใครไปถึงพระเจ้าได้หากไม่โดยทางเรา นี่คือพื้นฐานที่สุดของคำสอน ไม่ว่าคุณจะวางใจในsainหรือพระหรือคนใหนในโลกไม่ว่าคุณหรือผมเรียกแบบเป็น1เดียวว่าเรา จะเชื่อใครคำพูดของใครในประวัตศาสต์ของโลกที่ถูกจารึกไว้หรือไม่ถูกจารึกเนื่องจากสูญหายไปหรือไม่มีก็แล้วแต่ แต่ความจริงพื้นฐานนั้นสิ่งเดียว คือชีวิตนิรันดร์ เราเป็นทางเดียวและเป็นทางนั้น ไม่มีใครไปถึงพระเจ้าได้นอกจากมาทางเรา พระคริสต์กล่าวแก่เรา และกล่าวแก่ศาสณจักร และกล่าวต่อโลก กล่าวแก่มนุษย์ทุกคนแบบนี้ใช่ใหม? จงมองเข้าไปในใจของเราและมองหาความผิดพลาดของตัวเอง แล้วเราท่านๆทุกคนจะเห็นว่าเรานั้นหลงทางไปมากแค่ใหน หยุดหาความผิดของผู้อื่นเพราะมันช่วยเราเข้าสู๋ชีวิตนิรันดร์ไม่ได้ แต่มันช่วยเราทำลายล้างมนุษย์ได้
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ ::031::Edwardius เขียน: โปรฯ ที่ไม่ชอบคาทอลิก ก็จะเขียนในมุมมองที่คาทอลิกเป็นปิศาจ
คาทอลิกที่ไม่ชอบการกระทำของโปรฯ ก็จะประกาศว่าโปรฯ ไม่ได้มาจากพระเจ้า
โปรฯ ที่ถูกประกาศว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า ก็จะเริ่มแสดงสิทธิ์จากพระเจ้า และโจมตีธรรมประเพณีคาทอลิก
แล้วในที่สุด เห็นไหมครับ
-แม่พระติดร่างแห - โดนด่าไปด้วย
-นักบุญก็ซวยตาม - โดนด่าอีก
เรื่องมันจะจบ ถ้าเราไม่ตอบโต้แบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เราให้เรื่องเก่าๆ มันผ่านไป อันไหนผิดจริง พลาดจริง ก็ขอโทษ ถ้าดันทุรังต่อไป ตายสถานเดียว
อันไหนคนอื่นเข้าใจไม่ถูกไม่ควร ก็อธิบาย
คนที่ฟัง ก็ฟัง แล้วคิดตาม อย่าพึ่งทุ่มเถียงอย่างไร้สาระ หัวชนกำแพง นอกจากจะโง่ต่อไปแล้ว ยังจะหัวแตกด้วย
มั่นใจสิค่ะ ถ้าคริสตชนยังไม่มั่นใจในความเชื่อของตนเองแล้วใครจะมามั่นใจแทนเราsansrepos เขียน:
ปล. จะคณะนิกายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าในตอนนี้ประเทศไทยมีคนที่มีสิทธิเข้าสวรรค์(รวมทุกคณะนิกาย) ประมาณแค่ 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น
แล้วเราควรจะทำอะไรกันต่อไป จะช่วยกันประกาศ หรือจะมาจับผิดหรือโอ้อวดกันว่าของใครดีกว่าหรือด้อยกว่า...
ผมว่าเขียนแบบข้างต้นนี่ไม่ค่อยเหมาะนะครับ เหมือนจะมั่นใจเหลือเกินว่าถ้าไม่ใช่คริสต์ก็ไปสวรรค์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ทุกศาสนิกชนก็เป็นลูกพระนะครับ
ดังนั้นยังยืนยันคำเดิมค่ะ อย่างที่คุณ APaladin บอกว่าไม่มีใครไปถึงพระเจ้าได้นอกจากทางพระเยซู
พระเยซูตรัสว่า ..
"เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต
ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา" (ยน.14:6)
และพระคัมภีร์กล่าวว่า ..
"ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้
ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า" (กจ.4:12)
คนต่างศาสนา(รวมถึงคริสตชนก่อนที่จะรับเชื่อพระเยซู) ถือเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างตามพระฉายาเป็นบุตรของพระเจ้า แต่พระฉายานั้นได้เสื่อมไปแล้วเพราะบาป "เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า"(รม.3:23) และ "ค่าจ้างของความบาปคือความตาย" (รม.6:23) ความตายในที่นี้หมายถึงถูกตัดขาดจากพระเจ้า มนุษย์จะได้ฐานะบุตรของพระเจ้ากลับคืนมาเมื่อเขาเชื่อในพระเยซู "แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า"(ยน.1:12)
ถ้าความรอดมีในที่อื่นพระเยซูจะสิ้นพระชนม์เสียเปล่าทันที
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ย. 16, 2009 8:03 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Deo Gratias เขียน:ปล. จะคณะนิกายไหนไม่สำคัญ สำคัญว่าในตอนนี้ประเทศไทยมีคนที่มีสิทธิเข้าสวรรค์(รวมทุกคณะนิกาย) ประมาณแค่ 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แล้วเราควรจะทำอะไรกันต่อไป จะช่วยกันประกาศ หรือจะมาจับผิดหรือโอ้อวดกันว่าของใครดีกว่าหรือด้อยกว่า...jacky เขียน: ชายเยอรมันจอมประท้วง นายมาติน ลูเธอร์
อย่าคิดมากนะลุง : emo073 :Jeab Agape เขียน:
อ่านเนื้อหานี้แล้ว คล้ายๆ กับพี่แจ็คกี้ ซึ่ง เป็นออร์ทอดอกซ์ แล้ว มาเขียน เรื่อง ของ โปรเตสแตนต์ แยกออกจากคาทอลิก
ซึ่งเนื้อหา หลายอย่าง ค่อนข้างอ่อนไหว เหมือนกำลังจะทำให้เรา บู้กัน งั้นแหละ
เขียนอย่างนี้ดีกว่าใหมคะ
วันแจ้งข่าวประเสริฐแก่พระนางมารีย์
นายลูเธอร์ปฎิรูปศาสนาในยุคนั้น
แต่ที่แน่ๆรู้ว่าโปรหลายแห่งๆไม่รับแม่พระ และนักบุญ แม้แต่จะพูดถึงก็ผิดแล้ว
ส่วนที่ว่า '' ทางของพระเจ้านั้นตรงไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ใบเบิ้ลและพระคัมภีร์2เล่นนั่นคือพระคริสต์ '' ถูกต้องคะ พระคำนำไปสู่ชีวิตนิรันด์แต่ พระคำที่ถูกตัดออกไปนั้นยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายคุณค่าว่างๆ คุณลองหาอ่านสาระบบ 2 ดูนะคะรู้สึกอ่านแล้วลึกซึ้งในความเชื่อ อย่างยิ่ง และมีคุณค่าในความเชื่อด้วยคะ ตอนนี้พี่น้อง catholic จะออกพระคำภีร์เฉพาะของ catholic แล้ว 72 บทรวมพระคำภีร์ทั้ง เก่าและใหม่ซึ่งจะไม่ใช้ของโปรที่เคยใช้ร่วมกันมาก่อน โดยทาง orthodox ต้องขอขอบคุณ พี่น้อง catholic สำหรับพระคำภีร์ที่เราใช้ร่วมกันและเหมือนกันทั้ง 72 บท โดยเฉพาะภาคภาษาไทย ที่ทาง catholic ได้จัดทำขึ้น
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 3:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
1. เป็นเรื่องของระดับความลึกของภาษาไทย ในภาษาอังกฤษใช้เหมือนกันค่ะjacky เขียน: เขียนอย่างนี้ดีกว่าใหมคะ
วันแจ้งข่าวประเสริฐแก่พระนางมารีย์
2. อาจารย์ที่แปลคำเหล่านี้เป็นภาษาไทย แปลตามศาสนศาสตร์ที่ถืออยู่ ย่อมต้องมีความต่างค่ะ
3. ในปฏิทิน คจ. เขียนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ผู้ใหญ่รุ่นแรก(ในไทย)เค้าตั้งมา เราเป็นผู้น้อยรุ่นหลังไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนค่ะ
ยอมรับว่าเป็นความจริงค่ะ มีโปรฯ บางกลุ่มที่ค่อนข้างรุนแรงสอนอย่างนั้นจริงjacky เขียน:
แต่ที่แน่ๆรู้ว่าโปรหลายแห่งๆไม่รับแม่พระ และนักบุญ แม้แต่จะพูดถึงก็ผิดแล้ว
หากพวกเขาเสียมารยาทต่อพี่น้องคาทอลิก ต้องขอโทษพี่น้องแทนพวกเขาด้วยนะคะ ::008::
ในฐานะผู้รับใช้คนหนึ่งของพระเจ้าอยากขอให้อภัยให้พวกเขาได้ไหมคะ เราพระเจ้าเดียวกันทั้งนั้น
และไม่อยากให้เหมารวมโปรฯ หมด เพราะโปรฯ ที่รักและยอมรับพี่น้องต่างคณะนิกายก็มีอยู่มาก
เพิ่งอ่านจบไปเมื่อปีที่แล้วค่ะ ::011:: อพอกคลีฟาเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากจริงๆjacky เขียน: พระคำที่ถูกตัดออกไปนั้นยิ่งทำให้รู้สึกเสียดายคุณค่าว่างๆ คุณลองหาอ่านสาระบบ 2 ดูนะคะรู้สึกอ่านแล้วลึกซึ้งในความเชื่อ อย่างยิ่ง และมีคุณค่าในความเชื่อด้วยคะ
แต่มีเบื้องหลังและบริบทหลายอย่างนะคะที่....
(ขอไม่คุยเรื่องนี้ดีกว่าค่ะ เราคุยเรื่องที่เป็นเอกภาพกันดีกว่า ไม่อยากผิดจรรยาบรรณและอุดมการณ์)
ยินดีด้วยค่ะ : emo027 :jacky เขียน: ตอนนี้พี่น้อง catholic จะออกพระคำภีร์เฉพาะของ catholic แล้ว 72 บทรวมพระคำภีร์ทั้ง เก่าและใหม่ซึ่งจะไม่ใช้ของโปรที่เคยใช้ร่วมกันมาก่อน โดยทาง orthodox ต้องขอขอบคุณ พี่น้อง catholic สำหรับพระคำภีร์ที่เราใช้ร่วมกันและเหมือนกันทั้ง 72 บท โดยเฉพาะภาคภาษาไทย ที่ทาง catholic ได้จัดทำขึ้น
เราเป็นพี่น้องกันเสมอนะคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 17, 2009 12:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ผมพูดจริงๆ ก็คือ โปรฯ ตกหล่นจริงๆแหละครับ ในส่วนของพระนางฯ
แต่ที่เค้าเรียกว่า "นางมารีย์" หรืออะไรอื่นๆนั้น คงไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นโดยเจตนา..
และมันก็น่าเบื่อจริงๆ
ภาพยนตร์พระเยซูของโปรฯหลายเรื่องตกหล่น
อยากดูของคาทอลิกบ้างจัง มีอ้ะเป่า
แต่ที่เค้าเรียกว่า "นางมารีย์" หรืออะไรอื่นๆนั้น คงไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นโดยเจตนา..
และมันก็น่าเบื่อจริงๆ
ภาพยนตร์พระเยซูของโปรฯหลายเรื่องตกหล่น
อยากดูของคาทอลิกบ้างจัง มีอ้ะเป่า
อันที่จริง ภาพยนตร์พระเยซูที่เป็นที่กล่าวขานที่สุดในตอนนี้คนละคนแล้วครับ เขียน: ภาพยนตร์พระเยซูของโปรฯหลายเรื่องตกหล่น
อยากดูของคาทอลิกบ้างจัง มีอ้ะเป่า
คงไม่พ้นเรื่อง The Passion of the Christ
ผู้สร้างคือ เมลกิบสัน นั้นเป็นคาทอลิกครับ
ซึ่งยังเห็นความเป็นคาทอลิกในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
จากภาพเหตุการณ์ "พระมารดานิจจานุเคราะห์" ซึ่งไม่ปรากฎในพระคัมภีร์
แต่มีหลักฐานเป็นรูปวาดซึ่งคาทอลิกเชื่อว่า นักบูญลูกาเป็นผู้วาด
ทั้งยัง รายชื่อนักแสดง
ยังเรียกหญิงผู้มอบผ้าเช็ดพระพักตร์ว่า เซราเฟีย
ตามนิมิตของ แอนนา แคทเทอรีน เอมเมอริช นักบวชหญิงคาทอลิก ชาวเยอรมันด้วยครับ
http://www.issara.com/newblog/?p=345
- ^_^Matthew^_^
- โพสต์: 354
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 10, 2008 2:03 am
- ที่อยู่: 125 ม.7 ถ.ชัยภูมิ-สีคิ้ว ต.หนองนาแซง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ 36000
- ติดต่อ:
พระเ้จ้าองค์เดียวกัน...ดีกันเถอะ
เพราะพระเจ้าคงไม่ชอบความแตกแยก
เพราะพระเจ้าคงไม่ชอบความแตกแยก
ในการศึกษาของคาทอลิค พระคัมภีร์สาระบบ2ไม่ได้มีคุณค่าแค่ด้านประวัติศาสตร์ครับ แต่มีคุณค่าในทางความเชื่อ และประวิตศาสตร์ความรอดด้วย บางเล่ม เป็นตัวเชื่อมพระธรรมเดิมกับพระธรรมใหม่ชนิดที่สาระบบหลักมีไม่เท่า บางเล่มมีหลักความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้เขียนพระกิตติคุณในพระธรรมใหม่ด้วย
และจากการไขแสดงส่วนบุคคล และประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ผมกล้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่า มีพระคัมภีร์สาระบบที่2อย่างน้อย1ฉบับที่มาจากการดลใจของพระจิตเจ้าอย่างแน่นนอน
บางทีการศึกษาจากฝ่ายที่เชื่อ และฝ่ายที่ไม่เชื่อ ก็อาจหาหลักฐานสนับสนุนคนละทางครับ ฝ่ายไม่เชื่อก็ย่อมหาหลักฐานสนับสนุนความไม่น่าเชื่อถือ ส่วนผู้เชื่อก็หาหลักฐานสนับสนุนความน่าเชื่อถือครับ ถ้าจะอ่านให้ได้ความจริง ต้องใช้พระจิตเจ้านำในการอ่าน โดยโยนหลักวิชาการที่ชี้นำเราไว้ข้างหลัง แล้วจะเห็นคุณค่าครบโดยไม่ปิดกั้นใจตัวเองไว้ล่วงหน้าครับ
ขอพระเจ้าอวยพร
และจากการไขแสดงส่วนบุคคล และประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ผมกล้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่า มีพระคัมภีร์สาระบบที่2อย่างน้อย1ฉบับที่มาจากการดลใจของพระจิตเจ้าอย่างแน่นนอน
บางทีการศึกษาจากฝ่ายที่เชื่อ และฝ่ายที่ไม่เชื่อ ก็อาจหาหลักฐานสนับสนุนคนละทางครับ ฝ่ายไม่เชื่อก็ย่อมหาหลักฐานสนับสนุนความไม่น่าเชื่อถือ ส่วนผู้เชื่อก็หาหลักฐานสนับสนุนความน่าเชื่อถือครับ ถ้าจะอ่านให้ได้ความจริง ต้องใช้พระจิตเจ้านำในการอ่าน โดยโยนหลักวิชาการที่ชี้นำเราไว้ข้างหลัง แล้วจะเห็นคุณค่าครบโดยไม่ปิดกั้นใจตัวเองไว้ล่วงหน้าครับ
ขอพระเจ้าอวยพร
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
ขอบคุณค่ะที่ชี้แนะ : emo045 :Holy เขียน: ในการศึกษาของคาทอลิค พระคัมภีร์สาระบบ2ไม่ได้มีคุณค่าแค่ด้านประวัติศาสตร์ครับ แต่มีคุณค่าในทางความเชื่อ และประวิตศาสตร์ความรอดด้วย บางเล่ม เป็นตัวเชื่อมพระธรรมเดิมกับพระธรรมใหม่ชนิดที่สาระบบหลักมีไม่เท่า บางเล่มมีหลักความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้เขียนพระกิตติคุณในพระธรรมใหม่ด้วย
และจากการไขแสดงส่วนบุคคล และประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ผมกล้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่า มีพระคัมภีร์สาระบบที่2อย่างน้อย1ฉบับที่มาจากการดลใจของพระจิตเจ้าอย่างแน่นนอน
บางทีการศึกษาจากฝ่ายที่เชื่อ และฝ่ายที่ไม่เชื่อ ก็อาจหาหลักฐานสนับสนุนคนละทางครับ ฝ่ายไม่เชื่อก็ย่อมหาหลักฐานสนับสนุนความไม่น่าเชื่อถือ ส่วนผู้เชื่อก็หาหลักฐานสนับสนุนความน่าเชื่อถือครับ ถ้าจะอ่านให้ได้ความจริง ต้องใช้พระจิตเจ้านำในการอ่าน โดยโยนหลักวิชาการที่ชี้นำเราไว้ข้างหลัง แล้วจะเห็นคุณค่าครบโดยไม่ปิดกั้นใจตัวเองไว้ล่วงหน้าครับ
ขอพระเจ้าอวยพร
จริงอย่างที่พี่บอกค่ะ เมื่อมีกลุ่มคนที่เชื่อแตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องหาหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีของตนและต่างก็หาได้ทั้งนั้น
ทำให้เกิดมีทฤษฎีขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสารบบ เรื่องประวัติศาสตร์ และอีกมากมายในคริสตศาสนา
ดังนั้นเมื่อเราศึกษาก็ศึกษาทุกทฤษฎี(เท่าที่จะทำได้) แต่จะเชื่อทฤษฎีก็สุดแล้วแต่แต่ละคนจะเลือก
เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แก่นของความเชื่อ เป็นแต่เพียงกะพี้ที่สามารถเชื่อต่างกันได้ ไม่เกี่ยวกับความรอด และไม่กระทบความเป็นพี่น้องในพระกาย
ซึ่งส่วนตัวก็ยึดถือมาตลอดว่าจะเคารพและให้เกียรติผู้ที่เชื่อต่างกัน อาจจะนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อเรียนรู้กันบ้าง
แต่จะไม่ยัดเยียดความเชื่อส่วนตัวให้พี่น้องอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการเริ่มต้นความขัดแย้ง
สำหรับประโยคนี้ "อพอกคลีฟาเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากจริงๆ แต่มีเบื้องหลังและบริบทหลายอย่างนะคะที่...."
ถ้าเป็นการยัดเยียดความเชื่อส่วนตัวให้พี่น้องก็ขอพระเจ้าทรงอภัยและขออภัยพี่น้องด้วยนะคะ วันหลังจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพระพร
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.ย. 19, 2009 3:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 37
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 18, 2008 1:13 am
ก็ในเมื่อ เค้าสัมนากันครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ ไม่ยอมกันซักฝ่ายนิครับ
จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิกหรือโปรก็มีนิกายย่อยของตัวเองอยู่แล้วทั้งหมด
และที่เป็นนิกายย่อยเพราะการปฏิบัติ ต่างกันไป
ไม่รวมจุดนั้น ให้มันเหลือแค่ นิกายโปรแตสแตนกับคาทอลิกเพียวๆ ไปก่อนละครับ
จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิกหรือโปรก็มีนิกายย่อยของตัวเองอยู่แล้วทั้งหมด
และที่เป็นนิกายย่อยเพราะการปฏิบัติ ต่างกันไป
ไม่รวมจุดนั้น ให้มันเหลือแค่ นิกายโปรแตสแตนกับคาทอลิกเพียวๆ ไปก่อนละครับ
คริสตชนไม่ได้มีหยิบมือเดียวเหมือนเมื่อ 1900 กว่าปีที่แล้วครับvpjkmesivp เขียน: ก็ในเมื่อ เค้าสัมนากันครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ ไม่ยอมกันซักฝ่ายนิครับ
จะว่าไป ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิกหรือโปรก็มีนิกายย่อยของตัวเองอยู่แล้วทั้งหมด
และที่เป็นนิกายย่อยเพราะการปฏิบัติ ต่างกันไป
ไม่รวมจุดนั้น ให้มันเหลือแค่ นิกายโปรแตสแตนกับคาทอลิกเพียวๆ ไปก่อนละครับ
อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
คนอยู่กัน 2 คนยังทะเลาะกันเป็นชั่วโมงว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี
นี่คนเป็น พันๆ ที่เข้าประชุมแต่ละนิกาย เป็นหมื่น เป็นแสนในการประชุมใหญ่
ไม่ง่ายครับ ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในพระเจ้าก็ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้
เรื่องที่ยิบย่อยที่สุด ก็อาจเป็น "ตอ" สำคัญที่สุดของการรวมกันก็ได้
ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ใครไม่ได้แบก ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง
เราอาจสอนกันเองได้ว่า วางๆ ไว้ วางใจพระ
แต่พอมาเรื่องที่ว่า พระอยู่ข้างใคร ทุกคนก็บอกเหมือนกันว่า ข้างผม
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ทุกเรื่องของแต่ละนิกายที่จะถูกไปหมด
สมมติอย่างน้อยที่สุด เรื่องพิธีกรรมระหว่าง Cath กับ Orth ก็คงถามว่า
สรุปเอาปังมีเชื้อ หรือ ปังไร้เชื้อ ดี? แค่นี้ก็ยกเทววิทยามาได้เป็นแสนแปดแล้วครับ
นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดมันมีอะไรมา่กมาย ไหนจะเปลี่ยนผ่านรุ่นสู่รุ่นอีก
คนรวมกันครับ ไม่ใช่คลุกทราย จะได้ง่ายๆ สบายๆ
ยังไงก็ขอให้ทุกสิ่งเป้นไปในน้ำพระทัยของพระเจ้าเสมอเหมือนเมื่อวาน วันนี้ และต่อไปในวันข้างหน้า อาเมน...
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
จริงๆ แล้วสำหรับประเทศไทยทีมงานคริสตศาสนสัมพันธ์ทั้งพี่น้องคาทอลิกและโปรฯ ทำดีที่สุดแล้วทั้งจัดงาน จัดค่าย จัดสัมมนา แต่ผลก็คงต้องแล้วแต่น้ำพระทัยพระเจ้า เชื่อว่าพระเจ้ามีเวลาของพระองค์ ...
เท่าที่สังเกต(ความเห็นส่วนตัว)ปัญหาที่ทำให้งานนี้ไม่ค่อยเกิดผลชัดเจนโดยเฉพาะกับโปรฯ...
1. เวลาจัดค่ายสัมมนาเณรและ นศ.ศาสนศาสตร์ ทางโปรฯ มีหลายสิบสถาบัน มาแค่ 3 สถาบัน (ไม่นับที่มาสังเกตการณ์) เท่ากับว่าเราได้ทำความเข้าใจกันแค่ในกลุ่มเล็กๆ แล้วที่เหลือจะถ่ายทอดอะไรออกไปเกี่ยวกับพี่น้องต่างคณะนิกาย นอกจากที่ได้รับถ่ายทอดต่อๆ มา ซึ่งหลายครั้งก็ไม่ใช่
2. เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแต่ละคนที่ร่วมค่ายสัมมนาจริงๆ แล้วจะเห็นด้วยและตอบสนองต่อเนื้อหามากน้อยแค่ไหน
3. ถ้าในบรรดาผู้รับใช้ด้วยกันเองยังเข้าใจและยอมรับกันได้ยาก การจะเกิดผลกับฆารวาส(ส่วนใหญ่)ก็ยิ่งยากกว่าหลายเท่า
4. ฆารวาสประเภทหัวชนฝา ผู้นำว่าไงก็ว่างั้น บู๊ก็บู๊ มีมาก และพวกนี้พูดยาก เช่น บางแห่งถ้ามีคนมาพูดเรื่องคริสตศาสนสัมพันธ์ เค้าจะเหมาเอาว่าเป็นพวก "มูนนี่" จะมาแทรกซึมทันที (โดนมากับตัวเมื่อหลายปีก่อน)
ปล.1 ขอพระเจ้าเสริมกำลังกรรมการจัดค่ายทั้ง 2 นิกายและทรงอวยพระพรให้งานของพระองค์เกิดผลมากที่สุดตามน้ำพระทัยของพระองค์
ปล.2 ถึงแม้บางกลุ่มจะไม่คาดหวังที่จะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรสากล แต่เราก็คาดหวังว่าสักวันหนึ่งพระเจ้าจะรวมแกะเป็นฝูงเดียวกัน
เท่าที่สังเกต(ความเห็นส่วนตัว)ปัญหาที่ทำให้งานนี้ไม่ค่อยเกิดผลชัดเจนโดยเฉพาะกับโปรฯ...
1. เวลาจัดค่ายสัมมนาเณรและ นศ.ศาสนศาสตร์ ทางโปรฯ มีหลายสิบสถาบัน มาแค่ 3 สถาบัน (ไม่นับที่มาสังเกตการณ์) เท่ากับว่าเราได้ทำความเข้าใจกันแค่ในกลุ่มเล็กๆ แล้วที่เหลือจะถ่ายทอดอะไรออกไปเกี่ยวกับพี่น้องต่างคณะนิกาย นอกจากที่ได้รับถ่ายทอดต่อๆ มา ซึ่งหลายครั้งก็ไม่ใช่
2. เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแต่ละคนที่ร่วมค่ายสัมมนาจริงๆ แล้วจะเห็นด้วยและตอบสนองต่อเนื้อหามากน้อยแค่ไหน
3. ถ้าในบรรดาผู้รับใช้ด้วยกันเองยังเข้าใจและยอมรับกันได้ยาก การจะเกิดผลกับฆารวาส(ส่วนใหญ่)ก็ยิ่งยากกว่าหลายเท่า
4. ฆารวาสประเภทหัวชนฝา ผู้นำว่าไงก็ว่างั้น บู๊ก็บู๊ มีมาก และพวกนี้พูดยาก เช่น บางแห่งถ้ามีคนมาพูดเรื่องคริสตศาสนสัมพันธ์ เค้าจะเหมาเอาว่าเป็นพวก "มูนนี่" จะมาแทรกซึมทันที (โดนมากับตัวเมื่อหลายปีก่อน)
ปล.1 ขอพระเจ้าเสริมกำลังกรรมการจัดค่ายทั้ง 2 นิกายและทรงอวยพระพรให้งานของพระองค์เกิดผลมากที่สุดตามน้ำพระทัยของพระองค์
ปล.2 ถึงแม้บางกลุ่มจะไม่คาดหวังที่จะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตจักรสากล แต่เราก็คาดหวังว่าสักวันหนึ่งพระเจ้าจะรวมแกะเป็นฝูงเดียวกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.ย. 21, 2009 1:31 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
คุณ Deo Gratias แสดงความคิดเห็น และ ให้ขอเท็จจริงจากทางฝ่ายโปร ได้อย่างอ่อนโยนและน่ารักมากครับ
ผมเป็นคนที่รู้สึกเป็นกลางกับทุกๆ นิกายจริงๆ ครับ ตอนนี้ผมไม่แรงเหมือนเมื่อก่อน ผมรู้สึกเห็นใจพี่น้องเลือดเดียวกัน
เหตุผลของแต่ละฝ่ายล้วนมีน้ำหนัก มีที่มา แม้ว่าผมจะโหวตให้คาทอลิกมากกว่า แต่ก็หวังให้พี่น้องโปรที่แรงๆ หลายคน
เปลี่ยนมาอ่อนโยนเหมือนหลายๆ คนในบอร์ดนิวมานาของเรา จะเยี่ยมมาก ในขณะที่คาทอหรือออร์โธบางคนเอง
ก็ควรที่จะซอฟท์ๆ ลงบ้าง เพื่อให้เรามีภาพลักษณ์ที่ดูดี อ่อนโยน เป็นที่นิยมชมชอบในสายตาของชาวนิกายอื่นด้วย
ผมเป็นคนที่รู้สึกเป็นกลางกับทุกๆ นิกายจริงๆ ครับ ตอนนี้ผมไม่แรงเหมือนเมื่อก่อน ผมรู้สึกเห็นใจพี่น้องเลือดเดียวกัน
เหตุผลของแต่ละฝ่ายล้วนมีน้ำหนัก มีที่มา แม้ว่าผมจะโหวตให้คาทอลิกมากกว่า แต่ก็หวังให้พี่น้องโปรที่แรงๆ หลายคน
เปลี่ยนมาอ่อนโยนเหมือนหลายๆ คนในบอร์ดนิวมานาของเรา จะเยี่ยมมาก ในขณะที่คาทอหรือออร์โธบางคนเอง
ก็ควรที่จะซอฟท์ๆ ลงบ้าง เพื่อให้เรามีภาพลักษณ์ที่ดูดี อ่อนโยน เป็นที่นิยมชมชอบในสายตาของชาวนิกายอื่นด้วย