เป็น เรื่อง เกี่ยวกับ พันธสัญญาของ พระเจ้า ต่อ ชาวยิว เป็นหนังเก่า ในปี 60 คะ
เรื่องราวของนายทหารอเมริกันเชื้อสายยิวที่ไปเป็นที่ปรึกษาทางทหารให้กับชาวยิวในช่วงก่อตั้ง
ประเทศอิสราเอล มาเขียนแนะนำพูดคุยกันมาครั้งหนึ่ง ทั้งที่จริงภาพยนตร์เกี่ยวกับยิวและประเทศ
อิสราเอลที่เป็นอมตะในโลกภาพยนตร์นั้นคงไม่พ้นเรื่อง * **Exodus* ที่ออกฉายในปี 1960/พ
.ศ.2503 ที่กำลังนำมาพูดถึงในวันนี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการนำชนชาติยิวที่เหลือรอดจากการ
สังหารหมู่ของนาซีมายังดินแดนปาเลสไตน์ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นบ้านเกิดและดินแดนตามพันธสัญญาของ
พระเจ้า การอพยพกลับมาครั้งนี้ถูกนำไปเปรียบเปรยกับเมื่อครั้งที่โมเสสนำผู้คนหลบหนีออกจากอิยิปต์
ในสมัยโบราณกาลตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาเก่า (Old Testament) อันมีชื่อ
ตอนว่า *"Exodus"*
ภาพยนตร์เริ่มเรื่องในราวปี 1947/พ.ศ.2590 เมื่อนาง Katherine "Kitty" Fremont (ต่อ
ไปขอเรียกเธอสั้นๆ ว่า "คิตตี้") นางพยาบาลหม้ายสาวชาวอเมริกัน มาเยือนเกาะไซปรัสเพื่อมา
พบซูเธอร์แลนด์นายพลอังกฤษเพื่อนของสามีเธอซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสงครามที่พึ่งเสียชีวิตจากการวาง
ระเบิดรถทหารอังกฤษของพวกยิวใต้ดิน และตัวเธอก็พึ่งแท้งบุตรระหว่างการเดินทาง ณ ที่นี้เป็นที่
ตั้งของแคมป์ผู้อพยพชาวยิวที่รอดจากการสังหารหมู่ในยุโรป ซึ่งมีชาวยิวหลั่งไหลเข้ามาตลอด คิตตี้
ได้ขออาสาเป็นพยาบาลในค่ายผู้อพยพดังกล่าวสัก 2-3 วัน อีกด้านหนึ่ง Ari Ben Canaan
สมาชิกกลุ่มยิว Haganah อดีตนายร้อยเอกกองกำลังยิวในกองทัพอังกฤษ ได้มายังเกาะไซปรัสเพื่อ
เตรียมแผนการอพยพชาวยิวจากค่ายผู้ลี้ภัยในไปยังปาเลสไตน์ ณ ค่ายผู้อพยพ คิตตี้ได้รู้จักกับ
Karen Hansen สาวยิวจากเดนมาร์ก และ Dov Landau หนุ่มยิวจากค่ายเอาชวิตซ์
(Auschwitz) คิตตี้เริ่มรู้สึกเอ็นดูคาเร็นจนอยากพาเธอไปอุปการะที่อเมริกา แต่คาเร็นยัง
ปรารถนาที่จะไปพบพ่อที่รอดชีวิตจากช่วงสงครามและอยู่ที่ปาเลสไตน์ ทางด้านอารีในชื่อปลอมว่าผู้
กองโบนได้ดำเนินการตามแผนในการลักลอบนำผู้อพยพจำนวน 611 คนจากค่ายไปลงเรือโอลิมเปีย
หรือที่ตัวเขาเองเรียกว่า "เอ็กโซดัส" เพื่อเตรียมเดินทางไปยังปาเลสไตน์ แต่อ้างกับนายทหาร
อังกฤษที่ดูแลว่าจะนำไปยัง Hamburg เยอรมัน นายพลซูเธอร์แลนด์ได้ทราบเรื่องจากคิตตี้ที่กำลัง
จะไปรับตัวคาเร็นแล้วไม่พบจึงสั่งให้เรือรบมาขวางไม่ให้เรือออกเดินทางได้ อารีขู่ที่จะวางระเบิด
เรือหากทหารอังกฤษก้าวขึ้นมาบนเรือ คิตตี้ขึ้นมาบนเรือเพื่อตามหาคาเร็น และเกิดการโต้คารมกับ
อารีเล็กน้อย คิตตี้ได้พบกับคาเร็น ๆ ยืนยันที่จะอยู่ในเรือเพื่อจะไปปาเลสไตน์ อารีกับพวกยอมส่ง
คนบนเรือ 23 คนกลับเข้าค่าย ที่เหลือได้อดข้าวประท้วง จนมีผู้เสียชีวิตเป็นหมอชราผู้หนึ่ง นายพล
ซูเธอร์แลนด์จึงได้เดินทางไปลอนดอนเพื่อยื่นคำร้องต่อรัฐบาลอังกฤษจนทบวงเมืองขึ้นยินยอมให้เรือ
ออกเดินทางไปยังปาเลสไตน์ได้ โดยคิตตี้ได้ร่วมเดินทางมาจนถึงท่าเรือไฮฟา เขตปาเลสไตน์ด้วย
คิตตี้ประทับใจในคาเร็นจนอยากนำไปอุปการะที่อเมริกา
อารี (กลาง) นำเอกสารปลอมมาขอนำผู้อพยพชาวยิวไปขึ้นเรือ
คิตตี้ขึ้นมาบนเรือ Exodus เพื่อตามหาคาเร็น และปะทะคารมกับอารีเล็กน้อย
เมื่อถึงปาเลสไตน์ ชาวยิวจากเรือ Exodus ได้เดินทางไปอยู่นิคมยิวที่ Gan Dafna นอกจาก ดอฟ
ที่ได้แอบปลีกตัวออกไปสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มยิวหัวรุนแรงที่ชื่อว่าเออร์กุน (Irgun) แต่ก็ไม่
ง่ายอย่างที่คิดเพราะต้องถูกทหารอังกฤษจับตัวไปหนหนึ่ง แล้วถูกปล่อยตัวไปจนพบกลุ่มเออร์กุนตัวจริง
ที่นี่เขาได้อาสาที่จะวางระเบิดโดยใช้ประสบการณ์จากการต่อสู้กับทหารเยอรมันในระหว่างสงคราม
แต่หัวหน้ากลุ่มเออร์กุนชื่อว่า Akiva ซึ่งเป็นลุงหรืออาของอารีได้ถามหลอกล่อจนรีดความจริงได้
ว่า ที่จริงแล้วดอฟได้ความรู้ในการใช้ระเบิด และรอดชีวิตอยู่ในค่ายเอาชวิตซ์ได้ด้วยการทำหน้าที่
วางระเบิดสร้างหลุมฝังศพขนาดใหญ่สำหรับฝังศพชาวยิวที่ถูกฆ่าแล้วเผาไม่ทัน และเขายังถูกใช้เป็น
เหยื่อบำเรอกามของทหารนาซีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กลุ่มเออร์กุนก็ยอมรับเขาเข้าเป็นสมาชิก
กลุ่มเออร์กุนรับดอฟ แลนเดา เข้าเป็นสมาชิกเพื่อเตรียมแผนการก่อการร้าย
อารีพาคิตตี้มารับประทานอาหารกับครอบครัวก่อน "วงแตก"
ภาพเหตุการณ์วางระเบิดที่โรงแรมคิงเดวิดที่อารี คิตตี้ และคาเร็นเห็นจากโรงพยาบาล
ด้านอารีและคิตตี้ได้หลงรักต่อกันและกัน อารีพาเธอมารู้จักกับครอบครัว แต่ระหว่างที่กินข้าวด้วยกันก็
เกิดวงแตกเนื่องจาก Barak พ่อของอารีไม่พอใจที่มีการเอ่ยถึง Akiva และกลุ่มเออร์กุนที่บารัค
รังเกียจว่าชอบใช้ความรุนแรงอันแตกต่างจากแนวทางของกลุ่มฮากานาที่ครอบครัวนี้เป็นสมาชิก ต่อ
มาอารีกับคิตตี้ได้พาคาเร็นมาพบพ่อของเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าพ่อของเธอไม่อยู่ใน
สภาพที่จะจำเธอได้แล้ว พออารี คิตตี้ และคาเร็นกำลังออกจากโรงพยาบาล ก็เห็นการระเบิดที่
โรงแรมคิงเดวิด ซึ่งทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ซึ่งเป็นฝีมือของดอฟตามคำบงการของกลุ่ม
เออร์กุนนั่นเอง หลังเกิดเหตุดอฟหลบหนีไปได้ แต่อาคิวากับพวกถูกจับตัวและถูกตัดสินให้ประหาร
ชีวิตด้วยการแขวนคอ ระหว่างรอการลงโทษ บารัคกับอารีได้มาเยี่ยมอาคิวา ต่อมาอารีได้ไปติดต่อ
กับกลุ่มเออร์กุนเพื่อวางแผนการช่วยเหลืออาคิวาออกจากเรือนจำ ซึ่งวิธีการค่อนข้างจะซับซ้อน มีทั้ง
สายที่เป็นนักโทษอยู่ภายในจำนวนหนึ่ง ทั้งการแอบลักลอบนำสิ่งของจดหมายต่างๆ เข้าไปให้สาย
เหล่านั้น เรียกว่าใช้กลอุบายทั้งบุ๋นทั้งบู๊กันสารพัด แต่สุดท้ายรถที่พาอารีและอาคิวาหนีถูกทหาร
อังกฤษระดมยิง อาคิวาได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตในที่สุด ส่วนอารีนั้นอุตส่าซมซานไปจนถึงโรง
พยาบาลในนิคมชาวยิวที่กานดาฟนา และเพื่อหลบหนีการจับกุมของทหารอังกฤษ คิตตี้จึงนำเขาไป
รักษาที่หมู่บ้านอาหรับซึ่งเพื่อนรักของอารีชื่อ Taha เป็นมุกตาร์อยู่ที่นั่น
ปฏิบัติการช่วยเหลืออาคิวาที่เกือบสำเร็จ
บารัก พ่อของอารี กล่าวสุนทรพจน์กับฝูงชนเมื่อทราบข่าวการลงมติของสหประชาชาติ
ต่อมา สหประชาชาติก็ได้ลงมติให้มีการก่อตั้งรัฐอิสราเอลอิสระและอังกฤษจะต้องถอนทหารออกไป
ภายใน 5 เดือน (ตามประวัติศาสตร์วันที่ลงมติคือวันที่ 22 พฤศจิกายน 1947/พ.ศ.2490 และจะมี
ผลให้อังกฤษถอนทหารออกจากปาเลสไตน์ในวันที่ 15 พฤษภาคม ปีถัดไป) แต่ไม่ทันไรรัฐยิวก็เริ่ม
เผชิญการคุกคามจากเพื่อนบ้าน ทาฮาถูกกดดันจากพวกอาหรับหัวรุนแรงให้ส่งคนไปร่วมเป็นทหารและ
พวกอาหรับประกาศจะโจมตีกานดาฟนา ทาฮาจึงแจ้งให้อารีกับคิตตี้กลับไปอพยพคนที่กานดาฟนา อารี
ได้สั่งให้มีการอพยพเด็กๆ ออกไปยังที่ปลอดภัย และเตรียมการป้องกันหมู่บ้าน ขณะที่ดอฟกำลังเฝ้า
ยามระวังเหตุ คาเร็นได้มาส่งข่าวว่ามีกำลังเสริมมาช่วยป้องกันหมู่บ้าน และขอความรักจากเขา
ดอฟสัญญาจะแต่งงานกับคาเร็นและขอให้เธอกลับไปก่อน แต่ระหว่างทางคาเร็นถูกอาหรับลอบฆ่า
ตาย รุ่งเช้าอารีพบศพของทาฮาถูกฆ่าแขวนคอ ส่วนดอฟก็พบศพของคาเร็น ภาพยนตร์จบลงโดย
อารี คิตตี้ ดอฟ และพรรคพวกจัดการฝังศพคนทั้งสองไว้ด้วยกันอย่างเศร้าสร้อย แล้วพากันขึ้นรถ
บรรทุกออกเดินทางไปสู่สนามรบ
http://www.youtube.com/watch?v=pwpbfaFL6Oc
ภาพยนตร์ เรื่อง Exocdus อีกหนึ่งเรื่อง ดีๆ ที่ไม่ควร พลาด
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
หนังปี 60
ก่อนผมเปิด
ตั้ง 30ปี
ก่อนผมเปิด
ตั้ง 30ปี
