แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกอย่างดี และเมื่อได้พบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายสิ่งสารพัดซึ่งเขามีอยู่ ไปซื้อไข่มุกนั้น (มัทธิว 13:45-46)
วิถีชีวิตประจำวันที่แท้จริงในเมืองหลวงของอียิปต์ไม่อาจหาอ่านได้จากเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวทั่วไป ณ ศูนย์กลางของประเทศที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชีวิตจริงนั้นคือความเครียดที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันเนื่องจากความขัดแย้งในความเชื่อ ไคโรเป็นเมืองอันตรายสำหรับคริสตชนที่กลับใจจากความเชื่อเดิมที่เป็นอิสลาม พวกเขาต้องผ่านการรับโทษต่างๆ นานา อาทิ การถูกริบทรัพย์สิน, การถูกให้หยุดอาชีพของตน, การถูกบังคับให้หย่าร้าง ส่งไปอยู่ในสถานพักฟื้นทางจิต และอาจถูกตัดสินให้ตายก็มี
เพื่อจะได้เข้าเป็นคริสตศาสนิกชน มารดาของครอบครัวชาวอียิปต์ผู้นี้ต้องเสี่ยงมากมายไม่ว่าจะเป็นความตาย, การถูกไล่ออกนอกถิ่น. การต้องตัดขาดจากลูกๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นอันตรายหรือความทุกข์ทรมานใด ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเธอในการเป็นพยานให้องค์พระคริสต์ได้.

ญาติ ๆ ของนาเฮด(Nahed Metwalli) เป็นครอบครัวชาวอียิปต์ที่มั่งคั่งและมีอิทธิพลมาก บิดาเป็นนายตำรวจ เธอมีโอกาสศึกษาจบมหาวิทยาลัยก่อนแต่งงานกับสามีที่ครอบครัวได้เตรียมไว้ให้เธอแล้ว และมีบุตรด้วยกัน 3 คน ส่วนนาเฮดเองเป็นผู้หญิงนักทำงานผู้มีความทะเยอทะยาน เธอกลายเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองของโรงเรียนมัธยมหญิงที่ใหญ่ที่สุดในไคโรตั้งแต่อายุยังน้อย โดยรับตำแหน่งขณะที่อายุต่ำกว่าคนที่เคยทำมาก่อนถึงสิบปี เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ใครจะมาต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ เพราะมีทั้งการศึกษาดี ใจมุ่งมั่น และมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง
แม้เธอกับสามีจะแยกกันอยู่ แต่ก็ยังอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับลูก ๆ สภาพชีวิตดูดี นาเฮดเองมีอพาร์ตเมนต์ส่วนตัวในเมืองด้วย (ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูงในประเทศที่หากคู่หมั้นจะแต่งงานกันก็ต้องรอไม่น้อยกว่าสี่หรือห้าปีจึงจะมีที่อยู่เป็นของตนเอง) นอกจากนั้นยังมีรถยนต์ส่วนตัว ลูกทั้งสามคนซึ่งมีอายุยี่สิบปีขึ้นไปต่างก็กำลังประสพความสำเร็จในชีวิต ลูกชายเป็นวิศวกร ลูกสาวคนหนึ่งเป็นเลขานุการ ส่วนอีกคนเป็นครู
“ดิฉันได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวมุสลิม ดิฉันเชื่อเสมอในองค์พระเป็นเจ้า..ดิฉันละหมาดวันละ 5 ครั้ง, ดิฉันถือศีลอดอาหาร, ดิฉันอ่านคัมภีร์กุรอ่านอย่างมุ่งมั่น แต่ก็หาได้พบความพอใจไม่ แม้มีความปรารถนาอยากใกล้ชิดพระเป็นเจ้า แต่ก็ได้พบเพียงพระเป็นเจ้าที่อยู่ไกลโพ้นและโหดร้าย
เอกลักษณ์ขององค์พระเยซู, สถานการณ์เมื่อตอนทรงบังเกิดและพระชนม์ชีพของพระองค์ทำให้ดิฉันเหมือนต้องมนต์ แม้ว่าคัมภีร์กุรอ่านจะนำเสนอโมฮะหมัดเป็นประกาศกกคนสุดท้ายและดีที่สุด ดิฉัน ก็ถูกหลอกหลอนด้วยคำถามข้อนี้เสมอ กล่าวคือ เป็นไปได้อย่างไรที่มีประกาศกอีกท่านมาเกิดหลังองค์พระเยซู แต่หาได้ทำอะไรสำเร็จเหมือนพระองค์ไม่? ลึกๆ ดิฉันคิดว่าองค์พระเยซูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมนุษย์คนอื่นๆ แต่ดิฉันก็ต้องเก็บใว้ในใจไม่สามารถแบ่งปันภายในครอบครัวได้”
แม้ว่าตนเองได้ตั้งคำถามมากมายไว้ในใจ นาเฮดก็ยังคงความเป็นชาวมุสลิม และเชื่อมั่นใจว่าสัจธรรมพบได้แต่ในศาสนาอิสลามเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำตัวเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามด้วยความศรัทธาและเปิดเผย