จุดเปลี่ยนของ “คาทอลิก” และ “ออโธด็อกซ์”
14 ธันวาคม
ฟาติมาสาร : จุดเปลี่ยนของ “คาทอลิก” และ “ออโธด็อกซ์”
วันศุกร์ที่แล้ว (5 ธ.ค.) พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก ต้องพบกับข่าวเศร้าครั้งร้ายแรง เมื่อ “สมเด็จพระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2” ผู้นำสูงสุด ได้เสด็จสิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยวัย 79 ชันษา
การสิ้นพระชนม์ของพระอัยกา ผู้มีศักดิ์เป็น “พี่ใหญ่” ของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ทั่วโลก (ออโธด็อกซ์ มีหลายประเทศ อาทิ รัสเชีย ตุรกี กรีซ โรมาเนีย ฟินแลนด์ บัลแกเรีย สาธารณรัฐเชค ... แต่ว่า รัสเชีย มีคนมากสุด) ก่อให้เกิดเครื่องหมายคำถามว่า “อนาคตคริสตศาสนสัมพันธ์เพื่อความเป็นหนึ่ง ระหว่าง คาทอลิกกับออโธด็อกซ์ จะไปต่อได้ หรือถึงทางตัน” ....
คาทอลิก (พระศาสนจักรตะวันตก) และออโธด็อกซ์ (พระศาสนจักรตะวันออก) แตกหักกันใน ค.ศ.1054 สาเหตุก็เพราะความเห็นหลายเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อเป็นดังนี้ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 9 และ พระอัยกา มิคาเอล เครูลาริอุส ที่ 1 จึงใช้อำนาจสูงสุดของตน ตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง (หนึ่งในความเห็นที่ไม่ตรงกัน ก็คือ การไว้หนวดเครา พระศาสนจักรตะวันตกสั่งให้สงฆ์โกนหนวดเครา แต่ฝั่งตะวันออกสั่งให้ไว้หนวดเครา)
ผ่านไปหลายพันปี ทั้งสองฟันฝ่าอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ถ้าจะไล่ประวัติศาสตร์ใกล้ตัว ต้องเริ่มที่ ค.ศ.1990 สหภาพโซเวียตล่มสลายพร้อมกับระบอบคอมมิวนิสต์ ศาสนาในประเทศนี้ จึงร่อแร่เพราะไม่มีผู้นำที่จะเป็นเสาหลักและรวบรวมศาสนิกชน พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 จึงมีบทบาทอย่างมากในการกอบกู้พระศาสนจักรออโธด็อกซ์ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
ช่วงเวลาดังกล่าว ตรงกับสมณสมัยปกครองของ พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พระองค์จึงอยากใช้โอกาสนี้ “ขอคืนดีและปรับความเข้าใจกัน” แต่ทว่า พระอัยกา ไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์ด้วย โดยกล่าวว่า คาทอลิกต้องยอมขอโทษต่อกรณี “แย่งลูกแกะ” เสียก่อน (แย่งลูกแกะหมายถึงเหตุการณ์ที่ชาวออโธด็อกซ์จำนวนมาก เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกในช่วงสงครามเย็น ... จนถึงปัจจุบัน พระศาสนจักรคาทอลิกก็ไม่ขอโทษต่อกรณีดังกล่าว เพราะมองว่า เกิดจากความศรัทธาของตัวบุคคลมากกว่า)
ค.ศ.1991 พระอัยกาอเล็กเซย์ ที่ 2 ประกาศจุดยืน พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก จะไม่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกอีกต่อไป (แต่ออโธด็อกซ์อื่นๆเข้าร่วม) ค.ศ.1994 พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พยายามขอคืนดีอีกครั้ง ด้วยการออกสมณสาส์น “UT UNUM SINT” (เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว) เนื้อหาหลักกล่าวว่า พระศาสนจักรคาทอลิกทำทุกทางเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชน นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งประโยคคลาสสิก ก็คือ “พระศาสนจักรของพระเจ้า จะสุขภาพดีได้ ก็ต้องหายใจด้วยปอด 2 ข้าง” (หมายถึงคาทอลิกและออโธด็อกซ์) ... แต่พระอัยกาแห่งมอสโก ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับมา
ค.ศ.1999 และ ค.ศ.2001 พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 เสด็จเยือนโรมาเนียและกรีซตามลำดับ พระองค์ได้พบพระอัยกาผู้ปกครองพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ในประเทศดังกล่าว มีนักข่าวถามว่า เมื่อไหร่จะเยือนรัสเชียบ้าง พระองค์ยิ้มแล้วตอบว่า “นี่คือความฝันสูงสุดของพ่อ แต่ต้องขึ้นกับทางมอสโกว่า พร้อมหรือไม่” ... ไม่กี่วันถัดมา พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ตรัสตอบทันที “พบต่อเมื่อขอโทษกรณีขโมยลูกแกะก่อน !!”
พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก
ค.ศ.2004 บั้นปลายชีวิตของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พระองค์ออกมากล่าวขอโทษพระศาสนจักรออโธด็อกซ์อย่างเป็นทางการ แต่ไม่ใช่เรื่อง “ขโมยลูกแกะ” มันเป็นเรื่องแตกหักในค.ศ.1054 และเรื่องสงครามครูเสด พร้อมตรัสว่า “จะให้ข้าพเจ้าไปพบท่าน (อเล็กเซย์) ที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ เราได้ปรับความเข้าใจกัน” แต่พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ มีเพียงพระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล (มีศักดิ์เป็น “พี่รอง” ของออโธด็อกซ์ทั่วโลก) ที่ออกมายอมรับคำขอโทษนี้
ค.ศ.2005 มิสซาปลงพระศพของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 มีผู้แทนพระศาสนจักรออโธด็อกซ์เข้าร่วมกันครบ ยกเว้น “พี่ใหญ่” พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 การปรากฏตัวของผู้แทนออโธด็อกซ์แบบครบครัน ทำให้หลายคนมองว่า ออโธด็อกซ์พร้อมคืนดีกับคาทอลิก แต่ “พี่รอง” พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ตรัสว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้”
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จับมือกับ พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ระหว่างการเยือนตุรกี
ค.ศ.2006 – 2008 ความสัมพันธ์ระหว่างคาทอลิกและออโธด็อกซ์เริ่มดีขึ้น พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ส่งพระคาร์ดินัลเป็นผู้แทนพระองค์เข้าเฝ้าพระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ถึงมอสโก กระนั้น การคืนดีอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น เพราะพระอัยกาอเล็กเซย์ ยังยืนยันว่า คาทอลิกต้องขอโทษก่อนเท่านั้น
ค.ศ.2008 – อนาคต ... จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงแล้ว ตอนนี้ พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโกกำลังเลือกตั้งพระอัยกาองค์ใหม่ ออโธด็อกซ์ประเทศอื่นๆ ก็จับตาผู้นำคนใหม่เช่นกัน เพราะการคืนดีกับพระศาสนจักรคาทอลิกขึ้นกับพี่ใหญ่อย่างมอสโกว่า จะนำทางน้องไปทางไหน พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ซึ่งเป็นน้องรอง เห็นด้วยที่จะให้คืนดีกับคาทอลิก และยังยอมรับความจริงตามหลักเทวศาสตร์ที่ว่า พระสังฆราชแห่งกรุงโรม (หมายถึงพระสันตะปาปา) เป็นผู้สานงานตัวจริงต่อจากนักบุญเปโตร
... งานนี้ น่าสนใจจริงๆ ถ้าออโธด็อกซ์ยอมคืนดี ความฝันสูงสุดของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ คงเป็นจริง เพราะพระองค์ตรัสไว้ในช่วงเริ่มสมณสมัยว่า “งานสำคัญที่สุดของพ่อ คือ การทำให้คริสตชนได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (แต่ผมเชื่อว่า มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะต่างฝ่ายก็มี “จุดยืน” ของตนเอง)
AVE MARIA
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!4353.entry
ฟาติมาสาร : จุดเปลี่ยนของ “คาทอลิก” และ “ออโธด็อกซ์”
วันศุกร์ที่แล้ว (5 ธ.ค.) พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก ต้องพบกับข่าวเศร้าครั้งร้ายแรง เมื่อ “สมเด็จพระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2” ผู้นำสูงสุด ได้เสด็จสิ้นพระชนม์แล้ว ด้วยวัย 79 ชันษา
การสิ้นพระชนม์ของพระอัยกา ผู้มีศักดิ์เป็น “พี่ใหญ่” ของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ทั่วโลก (ออโธด็อกซ์ มีหลายประเทศ อาทิ รัสเชีย ตุรกี กรีซ โรมาเนีย ฟินแลนด์ บัลแกเรีย สาธารณรัฐเชค ... แต่ว่า รัสเชีย มีคนมากสุด) ก่อให้เกิดเครื่องหมายคำถามว่า “อนาคตคริสตศาสนสัมพันธ์เพื่อความเป็นหนึ่ง ระหว่าง คาทอลิกกับออโธด็อกซ์ จะไปต่อได้ หรือถึงทางตัน” ....
คาทอลิก (พระศาสนจักรตะวันตก) และออโธด็อกซ์ (พระศาสนจักรตะวันออก) แตกหักกันใน ค.ศ.1054 สาเหตุก็เพราะความเห็นหลายเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อเป็นดังนี้ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 9 และ พระอัยกา มิคาเอล เครูลาริอุส ที่ 1 จึงใช้อำนาจสูงสุดของตน ตัดขาดกันโดยสิ้นเชิง (หนึ่งในความเห็นที่ไม่ตรงกัน ก็คือ การไว้หนวดเครา พระศาสนจักรตะวันตกสั่งให้สงฆ์โกนหนวดเครา แต่ฝั่งตะวันออกสั่งให้ไว้หนวดเครา)
ผ่านไปหลายพันปี ทั้งสองฟันฝ่าอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ถ้าจะไล่ประวัติศาสตร์ใกล้ตัว ต้องเริ่มที่ ค.ศ.1990 สหภาพโซเวียตล่มสลายพร้อมกับระบอบคอมมิวนิสต์ ศาสนาในประเทศนี้ จึงร่อแร่เพราะไม่มีผู้นำที่จะเป็นเสาหลักและรวบรวมศาสนิกชน พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 จึงมีบทบาทอย่างมากในการกอบกู้พระศาสนจักรออโธด็อกซ์ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
ช่วงเวลาดังกล่าว ตรงกับสมณสมัยปกครองของ พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พระองค์จึงอยากใช้โอกาสนี้ “ขอคืนดีและปรับความเข้าใจกัน” แต่ทว่า พระอัยกา ไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์ด้วย โดยกล่าวว่า คาทอลิกต้องยอมขอโทษต่อกรณี “แย่งลูกแกะ” เสียก่อน (แย่งลูกแกะหมายถึงเหตุการณ์ที่ชาวออโธด็อกซ์จำนวนมาก เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิกในช่วงสงครามเย็น ... จนถึงปัจจุบัน พระศาสนจักรคาทอลิกก็ไม่ขอโทษต่อกรณีดังกล่าว เพราะมองว่า เกิดจากความศรัทธาของตัวบุคคลมากกว่า)
ค.ศ.1991 พระอัยกาอเล็กเซย์ ที่ 2 ประกาศจุดยืน พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก จะไม่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกอีกต่อไป (แต่ออโธด็อกซ์อื่นๆเข้าร่วม) ค.ศ.1994 พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พยายามขอคืนดีอีกครั้ง ด้วยการออกสมณสาส์น “UT UNUM SINT” (เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว) เนื้อหาหลักกล่าวว่า พระศาสนจักรคาทอลิกทำทุกทางเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มคริสตชน นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งประโยคคลาสสิก ก็คือ “พระศาสนจักรของพระเจ้า จะสุขภาพดีได้ ก็ต้องหายใจด้วยปอด 2 ข้าง” (หมายถึงคาทอลิกและออโธด็อกซ์) ... แต่พระอัยกาแห่งมอสโก ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆกลับมา
ค.ศ.1999 และ ค.ศ.2001 พระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 เสด็จเยือนโรมาเนียและกรีซตามลำดับ พระองค์ได้พบพระอัยกาผู้ปกครองพระศาสนจักรออโธด็อกซ์ในประเทศดังกล่าว มีนักข่าวถามว่า เมื่อไหร่จะเยือนรัสเชียบ้าง พระองค์ยิ้มแล้วตอบว่า “นี่คือความฝันสูงสุดของพ่อ แต่ต้องขึ้นกับทางมอสโกว่า พร้อมหรือไม่” ... ไม่กี่วันถัดมา พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ตรัสตอบทันที “พบต่อเมื่อขอโทษกรณีขโมยลูกแกะก่อน !!”
พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโก
ค.ศ.2004 บั้นปลายชีวิตของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 พระองค์ออกมากล่าวขอโทษพระศาสนจักรออโธด็อกซ์อย่างเป็นทางการ แต่ไม่ใช่เรื่อง “ขโมยลูกแกะ” มันเป็นเรื่องแตกหักในค.ศ.1054 และเรื่องสงครามครูเสด พร้อมตรัสว่า “จะให้ข้าพเจ้าไปพบท่าน (อเล็กเซย์) ที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ เราได้ปรับความเข้าใจกัน” แต่พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ มีเพียงพระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ประมุขพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล (มีศักดิ์เป็น “พี่รอง” ของออโธด็อกซ์ทั่วโลก) ที่ออกมายอมรับคำขอโทษนี้
ค.ศ.2005 มิสซาปลงพระศพของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 มีผู้แทนพระศาสนจักรออโธด็อกซ์เข้าร่วมกันครบ ยกเว้น “พี่ใหญ่” พระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 การปรากฏตัวของผู้แทนออโธด็อกซ์แบบครบครัน ทำให้หลายคนมองว่า ออโธด็อกซ์พร้อมคืนดีกับคาทอลิก แต่ “พี่รอง” พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ตรัสว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้”
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จับมือกับ พระอัยกา บาร์โธโลมิว ที่ 1 ระหว่างการเยือนตุรกี
ค.ศ.2006 – 2008 ความสัมพันธ์ระหว่างคาทอลิกและออโธด็อกซ์เริ่มดีขึ้น พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ส่งพระคาร์ดินัลเป็นผู้แทนพระองค์เข้าเฝ้าพระอัยกา อเล็กเซย์ ที่ 2 ถึงมอสโก กระนั้น การคืนดีอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น เพราะพระอัยกาอเล็กเซย์ ยังยืนยันว่า คาทอลิกต้องขอโทษก่อนเท่านั้น
ค.ศ.2008 – อนาคต ... จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงแล้ว ตอนนี้ พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโกกำลังเลือกตั้งพระอัยกาองค์ใหม่ ออโธด็อกซ์ประเทศอื่นๆ ก็จับตาผู้นำคนใหม่เช่นกัน เพราะการคืนดีกับพระศาสนจักรคาทอลิกขึ้นกับพี่ใหญ่อย่างมอสโกว่า จะนำทางน้องไปทางไหน พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ซึ่งเป็นน้องรอง เห็นด้วยที่จะให้คืนดีกับคาทอลิก และยังยอมรับความจริงตามหลักเทวศาสตร์ที่ว่า พระสังฆราชแห่งกรุงโรม (หมายถึงพระสันตะปาปา) เป็นผู้สานงานตัวจริงต่อจากนักบุญเปโตร
... งานนี้ น่าสนใจจริงๆ ถ้าออโธด็อกซ์ยอมคืนดี ความฝันสูงสุดของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ คงเป็นจริง เพราะพระองค์ตรัสไว้ในช่วงเริ่มสมณสมัยว่า “งานสำคัญที่สุดของพ่อ คือ การทำให้คริสตชนได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (แต่ผมเชื่อว่า มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะต่างฝ่ายก็มี “จุดยืน” ของตนเอง)
AVE MARIA
http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!4353.entry
- +L.O.V.E-->>JeSuS+
- โพสต์: 85
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ย. 29, 2008 3:44 pm
- ที่อยู่: SilPaKorN
ขอให้พระเจ้าทำให้เราทุกคนรักกันเร็วๆๆนะคัฟ
โอมอยากเห็นการรวมตัวของทุกนิกายเร็วๆ และเราม่ามีนิกาย
อยากเห็นทุกคนรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นลูกพระเจ้าที่รักด้วยกัน
โอมขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
โอมอยากเห็นการรวมตัวของทุกนิกายเร็วๆ และเราม่ามีนิกาย
อยากเห็นทุกคนรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นลูกพระเจ้าที่รักด้วยกัน
โอมขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
-
- โพสต์: 1042
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
- ที่อยู่: Ether23@hotmail.com
ถ้าทำได้จะดีมากๆเลยครับ
ขอพระเจ้าทรงอวยพร เอเมน
ขอพระเจ้าทรงอวยพร เอเมน
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เพราะใว้หนวดเนี๊ยะนะ....
มนุษย์เรา
มนุษย์เรา
- billa-bong
- ~@
- โพสต์: 668
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
- ที่อยู่: thailand
อยากให้คืนดีกันให้หมดเรยครับ พระองค์ทรงอวยพรให้พวกเราคือดีกันอยูแล้ว ขอให้พวกเราได้ใช้พระพรของพระองค์ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าให้เป็นเหมือนเมล็ดพืชที่ตกอยู่ในกอหนามเรยครับ
รัก รัก รัก
รัก รัก รัก
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: เพราะใว้หนวดเนี๊ยะนะ....
มนุษย์เรา
ก็ใช่นะสิครับ ที่แยกๆกันออกไปนั้น หากศึกษาประวัตศาสตร์(ทุกด้าน)อย่างชัดเจนและเป็นธรรมแล้วนั้น สาเหตุหลักๆไม่ได้มาจากการขัดแย้งเรื่องข้อความเชื่อ(อาจมีบ้าง แต่นำมาขยายผลในตอนหลัง)หลักๆมาจาก
1.เรื่องของคน
2.ความแตกต่างวัฒนธรรม และแนวคิดท้องถิ่น
3.ผลประโยชน์และอำนาจไม่ลงตัว
4.ความเชื่อเดียวกันทั่วโลก อาจเป็นไปได้ทางความเชื่อและศรัทธา แต่ปัญหาคือคนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ ทำให้ความเชื่อเดียวกัน และพี่น้องกันเป็นหมัน(เหมือนผมเจอฝรั่งใจดำ ที่มันคิดว่าพระเจ้าและวัดเป็นของพวกมันเท่านั้น เป็นต้น ซึ่งขัดแย้งกับข้อความเชื่อแน่ๆ ทำให้รู้สึกเหมือนนับถือคนละศาสนากันเลย)
5.พวกฝรั่งใจดำเป็นพวกอีโก้สูง หัวดื้อ อัตตาแรง ดังนั้นพวกนี้ไม่ฟัง ไม่ยอมอะไรทั้งสิ้น จึงทำให้เกิดการแตกแยกให้พระกายของพระองค์
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
-
- โพสต์: 1042
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
- ที่อยู่: Ether23@hotmail.com
ถ้ารวมได้หมดก็ดีสิครับ คาทอลิก
จะได้เป็นหนึ่งเดียวเหมือนชื่ออะ
สวัสดีปีใหม่
จะได้เป็นหนึ่งเดียวเหมือนชื่ออะ
สวัสดีปีใหม่
ถ้าจะรวมนิกายคงไม่ง่าย เพราะมีบางอย่างต่างกันแล้วรวมไม่ได้จริงๆ
แต่มีที่ง่ายกว่าคือ เลิกทะเลาะกัน
เลิกมองข้อแตกต่าง
โปร บางท่านมองคาทอลิกแง่ลบ
คาทอลิกบางท่านมองโปร ในแง่ลบ
ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน
ควรแสวงจุดร่วม และสงวนจุดต่างครับ
เอกภาพใช่แค่รวมนิกายกันเท่านั้น
ถึงจะนิกายเดียวกันก็เถอะ แต่ไม่เข้าใจกันก็ไม่สามัคคีอยู่ดี
เช่นคนไทยเหมือนกันทะเลาะกัน แต่คนไทยกับจีนไม่ทะเลาะกัน(สมมติเฉยๆ นะ)
พอจะเข้าใจไหมครับ
หมายเหตุ ถ้านอกเรื่องขออภัยนะครับ
แต่มีที่ง่ายกว่าคือ เลิกทะเลาะกัน
เลิกมองข้อแตกต่าง
โปร บางท่านมองคาทอลิกแง่ลบ
คาทอลิกบางท่านมองโปร ในแง่ลบ
ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน
ควรแสวงจุดร่วม และสงวนจุดต่างครับ
เอกภาพใช่แค่รวมนิกายกันเท่านั้น
ถึงจะนิกายเดียวกันก็เถอะ แต่ไม่เข้าใจกันก็ไม่สามัคคีอยู่ดี
เช่นคนไทยเหมือนกันทะเลาะกัน แต่คนไทยกับจีนไม่ทะเลาะกัน(สมมติเฉยๆ นะ)
พอจะเข้าใจไหมครับ
หมายเหตุ ถ้านอกเรื่องขออภัยนะครับ
ลี วูจิน เขียน: ถ้าจะรวมนิกายคงไม่ง่าย เพราะมีบางอย่างต่างกันแล้วรวมไม่ได้จริงๆ
แต่มีที่ง่ายกว่าคือ เลิกทะเลาะกัน
เลิกมองข้อแตกต่าง
โปร บางท่านมองคาทอลิกแง่ลบ
คาทอลิกบางท่านมองโปร ในแง่ลบ
ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน
ควรแสวงจุดร่วม และสงวนจุดต่างครับ
เอกภาพใช่แค่รวมนิกายกันเท่านั้น
ถึงจะนิกายเดียวกันก็เถอะ แต่ไม่เข้าใจกันก็ไม่สามัคคีอยู่ดี
เช่นคนไทยเหมือนกันทะเลาะกัน แต่คนไทยกับจีนไม่ทะเลาะกัน(สมมติเฉยๆ นะ)
พอจะเข้าใจไหมครับ
หมายเหตุ ถ้านอกเรื่องขออภัยนะครับ
เห็นด้วยกับคุณลีวูนจินครับ เพราะพูดจากประสบการณ์ในอาชีพต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต และประสบการณ์ทางความเชื่อ ความศรัทธา ทั้งใน และนอกประเทศของตัวเอง รวมทั้งการเพื่อน(และสาวรู้ใจ)ในทุกนิกายของคริสตชน ทั้งฝรั่ง ไทย เม็กซิกัน จีน เกาหลี ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีประโยชน์อันใดเลยสักนิดเดียว ที่จะรวมนิกายกัน เพราะแม้นว่าความเชื่อเดียวกัน(อันเป็นเพียงตัวแปรและปัจจัยเดียวทื่อยู่รวมกันได้) แต่ก็ยังมีความแตกต่างจากเชื้อชาติ(บางเชื้อชาติ อีโก้สูงเกินกว่าจะสามัคคีธรรมได้ แม้นพระเจ้าและคริสตจักรคือพวกเราทุกคนก็ตาม) ความแตกต่างจากการเงิน ฐานะ และระดับของสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมของสังคมคริสตัง(แต่ละที่)ที่ไม่ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้นคำสอนจะหนึ่งเดียวกันในเอกสาร แต่คริสตังแต่ละสังคมเอง ก็กำหนดค่านิยม แนวคิด และการกระทำต่อผู้อื่น ในแบบของตัวเอง(อันนี้ไม่เกี่ยวกับด็อกทรินทั้งสิ้น แต่เป็นค่านิยมของสังคม) ทำให้แม้นเกิดความแตกต่างกันสุดขั้วของสังคมคริสตัง(ในแต่ละประเทศ และท้องถิ่น)
แต่สิ่งที่ประทับใจคาทอลิกก็คือ แม้นจะประสบปัญหาดังกล่าว พระสงฆ์ของมีความเหมือนกันทั่วโลก ทั้งคำสอน การพูดจา และความเอื้ออาทร ต่อผม(ผมไปอยู่เมืองนอก ดินแดนที่มีการเหยียดผิวถึงฆ่ากันตายเลยทีเดียว ไปวัดไม่มีฝรั่งใจดำมันคุยกับผมสักคำตลอดห้าปี แต่มีเพียงพระสงฆ์เจ้าวัดเท่านั้น ที่พูดคุย หนุนใจ สอนคำสอน และเข้าใจในปัญหาของผม ความรู้สึกเหมือนได้คุยกับพ่อปลัดวัดฟาติมา ดินแดง เดะๆเลย
นี้แค่นิกายเดียวกัน มันยังแตกต่างกันขนาดนี้ แล้วนิกายอื่นๆเองก็แตกต่างขนาดหนักกับคาทอลิกอยู่แล้ว รวมนิกายกัน คำสอนเดียวกันแทบไม่ต้องหวังเลยครับ เอาเป็นว่าให้เกียริ์ซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน ไม่ยกตนข่มท่านว่ากูเหนือกว่า เอ็งแย่กว่า หาจุดร่วม อดทนและยอมรับในจุดต่างๆ เอาแค่นี้ ผมว่าก็ต้องสวดภาวนาอย่างหนัก(ในแง่ของความเชื่อ) และประสานงานและทำงานกันหืดขึ้นคอ(ในแง่ของการทำงาน)ก็ลำบากแล้วนะครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
แก้ไขล่าสุดโดย Pry-Kaew เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 28, 2008 3:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เรื่องยิบย่อยมันเยอะกว่านั้นอีกครับ
เช่น
ประเด็นทางเทววิทยา กรณีที่ พระศาสนจักรละติน เพิ่มเติม คำว่า Filioque ลงไปในหลักข้อเชื่อ
หลักข้อเชื่อตอนที่ว่า "เนื่องมาจากพระบิดา และพระบุตร"
ประเด็นทางพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ขนมปังไร้เชื้อ แต่พระศาสนจักรกรีีกให้ใช้ขนมปังมีเชื้อ
ประเด็นสังฆภาพ กรณีที่ พระศาสจักรละตินให้สังฆานุกรทุกระดับต้องถือความเป็นโสด แต่พระศาสนจักรกรีกอนุญาตให้ผู้ที่สมรสแล้วรับสังฆสภาพได้
ประเด็นวจนพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ภาษาละติน และพระศาสนจักรกรีกให้ใช้ภาษากรีก
ประเด็นอาณาจักร กรณีที่ กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกสร้างมาเป็นโรมใหม่ ทำให้พระศาสนจักรละตินหมดอำนาจ (ในสายตาของพระศาสนจักรกรีก)
ประเด็นฐานานุกรม กรณีที่ Papal Supremacy (อำนาจเบ็ดเสร็จของพระสันตะปาปา) and Pentarchy (ปัญจสังฆายิกา)
อันนี้ตัวอย่างครับ ประเด็นทางเทววิทยานี่ยิบย่อยกว่ามากมาย
แต่ว่า บางทีถ้าเรามองข้ามมันได้บ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย
เช่น
ประเด็นทางเทววิทยา กรณีที่ พระศาสนจักรละติน เพิ่มเติม คำว่า Filioque ลงไปในหลักข้อเชื่อ
หลักข้อเชื่อตอนที่ว่า "เนื่องมาจากพระบิดา และพระบุตร"
ประเด็นทางพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ขนมปังไร้เชื้อ แต่พระศาสนจักรกรีีกให้ใช้ขนมปังมีเชื้อ
ประเด็นสังฆภาพ กรณีที่ พระศาสจักรละตินให้สังฆานุกรทุกระดับต้องถือความเป็นโสด แต่พระศาสนจักรกรีกอนุญาตให้ผู้ที่สมรสแล้วรับสังฆสภาพได้
ประเด็นวจนพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ภาษาละติน และพระศาสนจักรกรีกให้ใช้ภาษากรีก
ประเด็นอาณาจักร กรณีที่ กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกสร้างมาเป็นโรมใหม่ ทำให้พระศาสนจักรละตินหมดอำนาจ (ในสายตาของพระศาสนจักรกรีก)
ประเด็นฐานานุกรม กรณีที่ Papal Supremacy (อำนาจเบ็ดเสร็จของพระสันตะปาปา) and Pentarchy (ปัญจสังฆายิกา)
อันนี้ตัวอย่างครับ ประเด็นทางเทววิทยานี่ยิบย่อยกว่ามากมาย
แต่ว่า บางทีถ้าเรามองข้ามมันได้บ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย
ครับพี่พลายแก้วPry-Kaew เขียน:ลี วูจิน เขียน: ถ้าจะรวมนิกายคงไม่ง่าย เพราะมีบางอย่างต่างกันแล้วรวมไม่ได้จริงๆ
แต่มีที่ง่ายกว่าคือ เลิกทะเลาะกัน
เลิกมองข้อแตกต่าง
โปร บางท่านมองคาทอลิกแง่ลบ
คาทอลิกบางท่านมองโปร ในแง่ลบ
ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน
ควรแสวงจุดร่วม และสงวนจุดต่างครับ
เอกภาพใช่แค่รวมนิกายกันเท่านั้น
ถึงจะนิกายเดียวกันก็เถอะ แต่ไม่เข้าใจกันก็ไม่สามัคคีอยู่ดี
เช่นคนไทยเหมือนกันทะเลาะกัน แต่คนไทยกับจีนไม่ทะเลาะกัน(สมมติเฉยๆ นะ)
พอจะเข้าใจไหมครับ
หมายเหตุ ถ้านอกเรื่องขออภัยนะครับ
เห็นด้วยกับคุณลีวูนจินครับ เพราะพูดจากประสบการณ์ในอาชีพต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต และประสบการณ์ทางความเชื่อ ความศรัทธา ทั้งใน และนอกประเทศของตัวเอง รวมทั้งการเพื่อน(และสาวรู้ใจ)ในทุกนิกายของคริสตชน ทั้งฝรั่ง ไทย เม็กซิกัน จีน เกาหลี ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีประโยชน์อันใดเลยสักนิดเดียว ที่จะรวมนิกายกัน เพราะแม้นว่าความเชื่อเดียวกัน(อันเป็นเพียงตัวแปรและปัจจัยเดียวทื่อยู่รวมกันได้) แต่ก็ยังมีความแตกต่างจากเชื้อชาติ(บางเชื้อชาติ อีโก้สูงเกินกว่าจะสามัคคีธรรมได้ แม้นพระเจ้าและคริสตจักรคือพวกเราทุกคนก็ตาม) ความแตกต่างจากการเงิน ฐานะ และระดับของสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมของสังคมคริสตัง(แต่ละที่)ที่ไม่ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้นคำสอนจะหนึ่งเดียวกันในเอกสาร แต่คริสตังแต่ละสังคมเอง ก็กำหนดค่านิยม แนวคิด และการกระทำต่อผู้อื่น ในแบบของตัวเอง(อันนี้ไม่เกี่ยวกับด็อกทรินทั้งสิ้น แต่เป็นค่านิยมของสังคม) ทำให้แม้นเกิดความแตกต่างกันสุดขั้วของสังคมคริสตัง(ในแต่ละประเทศ และท้องถิ่น)
แต่สิ่งที่ประทับใจคาทอลิกก็คือ แม้นจะประสบปัญหาดังกล่าว พระสงฆ์ของมีความเหมือนกันทั่วโลก ทั้งคำสอน การพูดจา และความเอื้ออาทร ต่อผม(ผมไปอยู่เมืองนอก ดินแดนที่มีการเหยียดผิวถึงฆ่ากันตายเลยทีเดียว ไปวัดไม่มีฝรั่งใจดำมันคุยกับผมสักคำตลอดห้าปี แต่มีเพียงพระสงฆ์เจ้าวัดเท่านั้น ที่พูดคุย หนุนใจ สอนคำสอน และเข้าใจในปัญหาของผม ความรู้สึกเหมือนได้คุยกับพ่อปลัดวัดฟาติมา ดินแดง เดะๆเลย
นี้แค่นิกายเดียวกัน มันยังแตกต่างกันขนาดนี้ แล้วนิกายอื่นๆเองก็แตกต่างขนาดหนักกับคาทอลิกอยู่แล้ว รวมนิกายกัน คำสอนเดียวกันแทบไม่ต้องหวังเลยครับ เอาเป็นว่าให้เกียริ์ซึ่งกันและกัน สามัคคีกัน ไม่ยกตนข่มท่านว่ากูเหนือกว่า เอ็งแย่กว่า หาจุดร่วม อดทนและยอมรับในจุดต่างๆ เอาแค่นี้ ผมว่าก็ต้องสวดภาวนาอย่างหนัก(ในแง่ของความเชื่อ) และประสานงานและทำงานกันหืดขึ้นคอ(ในแง่ของการทำงาน)ก็ลำบากแล้วนะครับ
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
แค่ไม่ทะเลาะกัน ไม่ด่ากัน เข้าใจกันและกัน
ร่วมมือกันรับใช้พระเจ้า
เพราะบางอย่างมันยากนะ
เช่นถ้ารวมนิกาย คาทอลิกมีบาทหลวง แต่โปร บางสายมี บางสายไม่มี จะทำอย่างไร
ใช่ป่ะครับ
เรารักกันก็เป็นเอกภาพแล้วครับ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
หนึ่งเดียวในพระศาสนจักร คาทอลิก-ออโธดอกส์Holy เขียน:
ค.ศ.2008 – อนาคต ... จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงแล้ว ตอนนี้ พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งมอสโกกำลังเลือกตั้งพระอัยกาองค์ใหม่ ออโธด็อกซ์ประเทศอื่นๆ ก็จับตาผู้นำคนใหม่เช่นกัน เพราะการคืนดีกับพระศาสนจักรคาทอลิกขึ้นกับพี่ใหญ่อย่างมอสโกว่า จะนำทางน้องไปทางไหน พระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล ซึ่งเป็นน้องรอง เห็นด้วยที่จะให้คืนดีกับคาทอลิก และยังยอมรับความจริงตามหลักเทวศาสตร์ที่ว่า พระสังฆราชแห่งกรุงโรม (หมายถึงพระสันตะปาปา) เป็นผู้สานงานตัวจริงต่อจากนักบุญเปโตร
... งานนี้ น่าสนใจจริงๆ ถ้าออโธด็อกซ์ยอมคืนดี ความฝันสูงสุดของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ คงเป็นจริง เพราะพระองค์ตรัสไว้ในช่วงเริ่มสมณสมัยว่า “งานสำคัญที่สุดของพ่อ คือ การทำให้คริสตชนได้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (แต่ผมเชื่อว่า มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะต่างฝ่ายก็มี “จุดยืน” ของตนเอง)
ขอบคุณครับ
ได้คุยกะคุณพ่อ ชาวรัสเีีีซีย เขาบอกว่า เป็นการปกป้อง ความเชื่อ และ ขนบธรรมเนียมแบบ ชาวคริสต์โบราณ ที่ไม่ต้องการ ให้ถูกกลืน ไป เพราะการเปลี่ยนแปลง ของพระศาสนาจักรตะวันตก นั้น ทำให้เราต้องแยกออกมา ส่วน พี่น้องโปร บางคนพูดแซวเล่นๆ ว่า เป็น ลูกชายตัวเล็ก ของ catholicEdwardius เขียน: เรื่องยิบย่อยมันเยอะกว่านั้นอีกครับ
เช่น
ประเด็นทางเทววิทยา กรณีที่ พระศาสนจักรละติน เพิ่มเติม คำว่า Filioque ลงไปในหลักข้อเชื่อ
หลักข้อเชื่อตอนที่ว่า "เนื่องมาจากพระบิดา และพระบุตร"
ประเด็นทางพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ขนมปังไร้เชื้อ แต่พระศาสนจักรกรีีกให้ใช้ขนมปังมีเชื้อ
ประเด็นสังฆภาพ กรณีที่ พระศาสจักรละตินให้สังฆานุกรทุกระดับต้องถือความเป็นโสด แต่พระศาสนจักรกรีกอนุญาตให้ผู้ที่สมรสแล้วรับสังฆสภาพได้
ประเด็นวจนพิธีกรรม กรณีที่ พระศาสนจักรละตินให้ใช้ภาษาละติน และพระศาสนจักรกรีกให้ใช้ภาษากรีก
ประเด็นอาณาจักร กรณีที่ กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกสร้างมาเป็นโรมใหม่ ทำให้พระศาสนจักรละตินหมดอำนาจ (ในสายตาของพระศาสนจักรกรีก)
ประเด็นฐานานุกรม กรณีที่ Papal Supremacy (อำนาจเบ็ดเสร็จของพระสันตะปาปา) and Pentarchy (ปัญจสังฆายิกา)
อันนี้ตัวอย่างครับ ประเด็นทางเทววิทยานี่ยิบย่อยกว่ามากมาย
แต่ว่า บางทีถ้าเรามองข้ามมันได้บ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย
(สังฆมณฑล)มหานคร ครับ (นิยามโดย พระอัครสังฆราช เกรียงศักดิ์)Y u K i เขียน:แล้วคำว่า "Metropolitan" หมายถึงตำแหน่งอะไรหรอค่ะjacky เขียน:ได้แล้วค่ะ ชื่อ สมเด็จพระอัยกา kirillY u K i เขียน: แล้วตอนนี้ศาสนจักรมอสโกได้ผู้นำใหม่หรือยังค่ะ
เป็น ต้นสังกัด(สาขา) ของหลายๆสังฆมณฑล
อย่างมหานครของเรานิกายโรมันคาทอลิกก็คือ นครวาติกัน ครับ
In the Roman Catholic Church, ecclesiastical provinces, composed of several neighbouring dioceses,[2] are each headed by a metropolitan, the archbishop of the diocese designated by the Pope.[3] The other bishops are known as suffragan bishops.
The metropolitan's powers over dioceses other than his own are normally limited to
supervising observance of faith and ecclesiastical discipline and notifying the Supreme Pontiff of any abuses;
carrying out, for reasons approved beforehand by the Holy See, a canonical inspection that the suffragan bishop has neglected to perform;
appointing a diocesan administrator if the college of consultors fails to elect an at least 35-year-old priest within eight days after the vacancy of the see becomes known;[4] and
serving as the default ecclesiastical court for appeals from decisions of the tribunals of the suffragan bishops.[5]
http://en.wikipedia.org/wiki/Metropolitan_bishop
จริงๆ ต้องแยกระหว่าง เกียรติ ยศ อำนาจการปกครอง อำนาจสังฆภาพ ออกจากกันให้หมดครับ
เพราะ เช่น สังฆราช ทุกคน มีเกียรติเท่ากันหมด
แต่ยศและอำนาจ เช่น สังฆราชผู้ช่วย สังฆราชเกียรตินาม อัครสังฆราช (เทียบ Metropolitan ได้บางส่วน) จะต่างกัน
ความรับผิด และรับชอบ ก็ต่างกันไป
อำนาจสังฆภาพของพระสันตะปาปา พระสังฆราช Metropolitan และพระคาร์ดินัล ก็เท่ากัน
เพราะบวชขั้นสุดท้ายที่ พระสังฆราช
แต่เกียรติและอำนาจการปกครองของพระสันตะปาปาจะนำหน้า ตามด้วยพระคาร์ดินัล เมโทร และพระสังฆราช
บางทีก็อย่าไปแกะมันออกมาเลย จะวุ่นเป็นลิงแก้แห
และ Metro ของทางคาทอลิกก็มี ทางออร์โธดอกซ์ก็มี ทางอังกลิกัน ก็มี
The metropolitan's powers over dioceses other than his own are normally limited to
supervising observance of faith and ecclesiastical discipline and notifying the Supreme Pontiff of any abuses;
carrying out, for reasons approved beforehand by the Holy See, a canonical inspection that the suffragan bishop has neglected to perform;
appointing a diocesan administrator if the college of consultors fails to elect an at least 35-year-old priest within eight days after the vacancy of the see becomes known;[4] and
serving as the default ecclesiastical court for appeals from decisions of the tribunals of the suffragan bishops.[5]
http://en.wikipedia.org/wiki/Metropolitan_bishop
จริงๆ ต้องแยกระหว่าง เกียรติ ยศ อำนาจการปกครอง อำนาจสังฆภาพ ออกจากกันให้หมดครับ
เพราะ เช่น สังฆราช ทุกคน มีเกียรติเท่ากันหมด
แต่ยศและอำนาจ เช่น สังฆราชผู้ช่วย สังฆราชเกียรตินาม อัครสังฆราช (เทียบ Metropolitan ได้บางส่วน) จะต่างกัน
ความรับผิด และรับชอบ ก็ต่างกันไป
อำนาจสังฆภาพของพระสันตะปาปา พระสังฆราช Metropolitan และพระคาร์ดินัล ก็เท่ากัน
เพราะบวชขั้นสุดท้ายที่ พระสังฆราช
แต่เกียรติและอำนาจการปกครองของพระสันตะปาปาจะนำหน้า ตามด้วยพระคาร์ดินัล เมโทร และพระสังฆราช
บางทีก็อย่าไปแกะมันออกมาเลย จะวุ่นเป็นลิงแก้แห
และ Metro ของทางคาทอลิกก็มี ทางออร์โธดอกซ์ก็มี ทางอังกลิกัน ก็มี
อยากให้ทุกนิกายของแต่ละศาสนารวมตัวกัน แบบเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงโดยเร็ว ลดทิิฐิมานะลง การต่อสู้กับวัตถุนิยมจึงจะมีคุณภาพ เอกภาพ และประสิทธิภาพ
(อืม มันก็คงจะยากแหละ แต่เริ่มแรกไม่มีนิกาย คริสต์ก็คือคริสต์ ในจินตนาการของผม: ประกาศสังคายนาชำระกฎระเบียบทุกนิกายทั่วโลก เหมือนสภาวาติกัน 2 แต่รวมทุกนิกาย ประกาศคริสต์ก็คือคริสต์ ไม่มีนิกาย ปรับทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานทั่วโลก - รวมถึงศาสนาอื่น ๆ ด้วย -- สร้างวิมานในสวรรค์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผม)
เดี๋ยว เห็นเขียนว่าคากับออทะเลาะกันเรื่องไว้หนวดเคราใช่ไหมครับ
ภาพอัครสาวก 12 ท่าน แถวหน้า 4 ท่านคือ 4 ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
(ไม่ได้จะสื่อว่าไว้หนวดดีกว่า ดูภาพอัครสาวกสิครับ บางท่านไว้หนวด บางท่านไม่ไว้ ยังสามัคคีกันได้เลย)
(อืม มันก็คงจะยากแหละ แต่เริ่มแรกไม่มีนิกาย คริสต์ก็คือคริสต์ ในจินตนาการของผม: ประกาศสังคายนาชำระกฎระเบียบทุกนิกายทั่วโลก เหมือนสภาวาติกัน 2 แต่รวมทุกนิกาย ประกาศคริสต์ก็คือคริสต์ ไม่มีนิกาย ปรับทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานทั่วโลก - รวมถึงศาสนาอื่น ๆ ด้วย -- สร้างวิมานในสวรรค์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผม)
เดี๋ยว เห็นเขียนว่าคากับออทะเลาะกันเรื่องไว้หนวดเคราใช่ไหมครับ
ภาพอัครสาวก 12 ท่าน แถวหน้า 4 ท่านคือ 4 ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
(ไม่ได้จะสื่อว่าไว้หนวดดีกว่า ดูภาพอัครสาวกสิครับ บางท่านไว้หนวด บางท่านไม่ไว้ ยังสามัคคีกันได้เลย)
Orthodox และ Catholic ในปัจจุบัน เราไม่มีอะไร ขัดแย้งกัน แต่เราช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน และยอมรับ กัน เพราะ แนวศาสนศาสตร์ จะคล้ายๆกัน เพียงแต่ Orthodox ไม่ต้องการ พํฒนา ศาสนศาตร์ เพราะืว่า ว่า ของ เดิมดีอยู่แล้ว และเราก็มอง ว่า สำนักโรมันก็คือ หนึ่งในพี่น้อง ของ พระศาสนจักร ในยุค เริ่มต้น ทั้ง พระ อัยกา และ พระสันตปาปา ต่างมีอำนาจ ในการปกครอง พระศาสนจักร แต่ของ แต่ละสำนัก ของ พระเยซูเจ้า เท่ากันทานตะวัน เขียน: อยากให้ทุกนิกายของแต่ละศาสนารวมตัวกัน แบบเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงโดยเร็ว ลดทิิฐิมานะลง การต่อสู้กับวัตถุนิยมจึงจะมีคุณภาพ เอกภาพ และประสิทธิภาพ
(อืม มันก็คงจะยากแหละ แต่เริ่มแรกไม่มีนิกาย คริสต์ก็คือคริสต์ ในจินตนาการของผม: ประกาศสังคายนาชำระกฎระเบียบทุกนิกายทั่วโลก เหมือนสภาวาติกัน 2 แต่รวมทุกนิกาย ประกาศคริสต์ก็คือคริสต์ ไม่มีนิกาย ปรับทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานทั่วโลก - รวมถึงศาสนาอื่น ๆ ด้วย -- สร้างวิมานในสวรรค์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผม)
เดี๋ยว เห็นเขียนว่าคากับออทะเลาะกันเรื่องไว้หนวดเคราใช่ไหมครับ
ภาพอัครสาวก 12 ท่าน แถวหน้า 4 ท่านคือ 4 ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
(ไม่ได้จะสื่อว่าไว้หนวดดีกว่า ดูภาพอัครสาวกสิครับ บางท่านไว้หนวด บางท่านไม่ไว้ ยังสามัคคีกันได้เลย)
เห็นที คุณทานตะวันต้องบอก บางนิกายที่หัวรุน ต่อต้านแม้กระทั้ง พระมารดา ละค่ะ
พี่น้องออร์โธด็อกซ์ เคยได้ยินเกี่ยวกับวาสุลา ไรเดน ผู้ที่ได้รับสารจากพระเยซูเจ้าหรือเปล่าครับ เธอเป็นกรีกออร์โธด็อกซ์ ซึ่งได้รับสารแห่งเอกภาพจากพระเยซูเจ้า ให้เธอเผยแผ่สารนี้ไปทั่วโลก สารนี้ได้รับการบันทึกรวมเล่ม มีชื่อว่า True Life in God แปลเป็นไทยว่า "ชีวิตแท้ในพระเจ้า" ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้วหลายเล่ม
เวปไซต์ทางการของสารนี้คือ www.tlig.org
เวปไซต์ทางการของสารนี้คือ www.tlig.org
Andreas เขียน: พี่น้องออร์โธด็อกซ์ เคยได้ยินเกี่ยวกับวาสุลา ไรเดน ผู้ที่ได้รับสารจากพระเยซูเจ้าหรือเปล่าครับ เธอเป็นกรีกออร์โธด็อกซ์ ซึ่งได้รับสารแห่งเอกภาพจากพระเยซูเจ้า ให้เธอเผยแผ่สารนี้ไปทั่วโลก สารนี้ได้รับการบันทึกรวมเล่ม มีชื่อว่า True Life in God แปลเป็นไทยว่า "ชีวิตแท้ในพระเจ้า" ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้วหลายเล่ม
เวปไซต์ทางการของสารนี้คือ www.tlig.org
เอ่อ เธอคนนี้ แต่ พระศาสนจักร orthodox ยังไม่ได้รับรองนะค่ะ แต่จริงๆแล้วทุกคนสามารถมี ประสบการณ์การพบพระเจ้าได้ มันขึ้นอยู่กับว่า ใครจะทำมีความพยายามมากน้อย แค่ใหน
ดูคุณพ่อคนี้สิค่ะ ท่านฝึกระดับจิตวิญญาณจนสามารถ พูดคุยกับพระเยซู ได้ http://www.youtube.com/watch?v=nKc4RfysJUc
ประสบการณ์กับพระเจ้าของวาสุลาเป็นแบบที่เธอไม่ได้ใช้ความพยายามหรือความสามารถของเธอเอง เธอไม่ใช่ผู้ที่แสวงหาความสัมพันธ์นี้ แต่เป็นพระเจ้าที่ทรงเลือกเธอ ผู้ซึ่งเธอบอกว่า เธอไม่ใช่คนศรัทธา ไม่ใช่คนมีความรู้ทางศาสนศาสตร์ และเธอไม่ใช่แม่ชีที่สวดภาวนาทั้งวัน เธอเป็นเพียงแม่บ้านธรรมดา เป็นนางแบบด้วย ดังนั้น สารที่ผ่านมาทางเธอจึงไม่ใช่ของเธอเอง แต่เป็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงบอกเธอให้บันทึก ผมคิดว่าคงเหมือนกับแม่พระที่ประจักษ์ที่ลำไทร ซึ่งพระแม่ให้บันทึกสิ่งที่พระแม่ต้องการบอกกับลูก ๆjacky เขียน:Andreas เขียน: พี่น้องออร์โธด็อกซ์ เคยได้ยินเกี่ยวกับวาสุลา ไรเดน ผู้ที่ได้รับสารจากพระเยซูเจ้าหรือเปล่าครับ เธอเป็นกรีกออร์โธด็อกซ์ ซึ่งได้รับสารแห่งเอกภาพจากพระเยซูเจ้า ให้เธอเผยแผ่สารนี้ไปทั่วโลก สารนี้ได้รับการบันทึกรวมเล่ม มีชื่อว่า True Life in God แปลเป็นไทยว่า "ชีวิตแท้ในพระเจ้า" ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาไทยแล้วหลายเล่ม
เวปไซต์ทางการของสารนี้คือ www.tlig.org
เอ่อ เธอคนนี้ แต่ พระศาสนจักร orthodox ยังไม่ได้รับรองนะค่ะ แต่จริงๆแล้วทุกคนสามารถมี ประสบการณ์การพบพระเจ้าได้ มันขึ้นอยู่กับว่า ใครจะทำมีความพยายามมากน้อย แค่ใหน
ดูคุณพ่อคนี้สิค่ะ ท่านฝึกระดับจิตวิญญาณจนสามารถ พูดคุยกับพระเยซู ได้ http://www.youtube.com/watch?v=nKc4RfysJUc
ในสารนี้เปรียบเทียบพระศาสนจักรทั้งสามนิกายหลักว่าเป็นเหมือนกับเสาเหล็กใหญ่แข็งแรง 3 ต้น ซึ่งจะรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยความร้อนที่มาหลอมรวมให้เข้ากัน แล้วเวลาที่แต่ละนิกายต่างถือว่าตนเองเด่นดีกว่าคนอื่น เวลานั้นพระเยซูเจ้าทรงอยากตะโกนบอกว่า "ลดหัวของพวกเข้าลงเพื่อที่จะได้เห็นพระเศียรของพระองค์"