ประโยคโดนใจจากหนัง
เร็วๆนี้ผมได้ไปดูภาพยนต์เรื่อง The Legion มาครับมีประโยคโดนใจหลายประโยคเลยในหนัง ขอยกมาแบ่งปันนิดนึงนะครับ
"ตอนที่ยังเป็นเด็กทุกคืนก่อนนอนพ่อจะมานั่งที่ข้างเตียงเป็นเพื่อนก่อนที่จะหลับ และพ่อก็พูดว่า เพอซี่ ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่ได้ตื่นขึ้นมา ถ้าหากมันกลายเป็นว่าวันนี้..ต้องเป็นวันสุดท้ายบนโลก ลูกจะภูมิใจหรือเปล่ากับสิ่งที่ได้ทำในชีวิต เพราะถ้าคำตอบคือไม่....ลูกควรจะเริ่มทำดีได้แล้ว"
อีกหนึ่งประโยค...
"ตอนฉันยังเป็นเด็กแม่มักพูดถึงคำพยากรณ์ของวันสิ้นโลก จนวันหนึ่งฉันได้รวบรวมความกล้าแล้วถามว่า..ทำไมพระเจ้าถึงได้โกรธเราเหล่าบรรดาสาวกของพระองค์"
"ไม่รู้สิ"แม่ตอบขณะกำลังห่มผ้าให้ฉัน "พระองค์ทรงเบื่อความเละเทะของมนุษย์มั้งลูก"
เพื่อนๆมีประโยคอะไรโดนๆเอามาแบ่งปันกันบ้างนะครับ
"ตอนที่ยังเป็นเด็กทุกคืนก่อนนอนพ่อจะมานั่งที่ข้างเตียงเป็นเพื่อนก่อนที่จะหลับ และพ่อก็พูดว่า เพอซี่ ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่ได้ตื่นขึ้นมา ถ้าหากมันกลายเป็นว่าวันนี้..ต้องเป็นวันสุดท้ายบนโลก ลูกจะภูมิใจหรือเปล่ากับสิ่งที่ได้ทำในชีวิต เพราะถ้าคำตอบคือไม่....ลูกควรจะเริ่มทำดีได้แล้ว"
อีกหนึ่งประโยค...
"ตอนฉันยังเป็นเด็กแม่มักพูดถึงคำพยากรณ์ของวันสิ้นโลก จนวันหนึ่งฉันได้รวบรวมความกล้าแล้วถามว่า..ทำไมพระเจ้าถึงได้โกรธเราเหล่าบรรดาสาวกของพระองค์"
"ไม่รู้สิ"แม่ตอบขณะกำลังห่มผ้าให้ฉัน "พระองค์ทรงเบื่อความเละเทะของมนุษย์มั้งลูก"
เพื่อนๆมีประโยคอะไรโดนๆเอามาแบ่งปันกันบ้างนะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
"ตอนฉันยังเป็นเด็กแม่มักพูดถึงคำพยากรณ์ของวันสิ้นโลก จนวันหนึ่งฉันได้รวบรวมความกล้าแล้วถามว่า..ทำไมพระเจ้าถึงได้โกรธเราเหล่าบรรดาสาวกของพระองค์"
"ไม่รู้สิ"แม่ตอบขณะกำลังห่มผ้าให้ฉัน "พระองค์ทรงเบื่อความเละเทะของมนุษย์มั้งลูก"
----------------------
อันนี้นี่โดนใจยังไงครับ ?
เพราะมันไม่เป็นความจริงแม้จะเป็นการแสดงความเห็นก็ตาม พระเจ้าทรงอดทนรักและให้อภัยมนุษย์ทุกคนวันแห่งพระยุติธรรมนั้นจำเป็นต้องมาเพราะคืนความยุติธรรมให้แก่บรรดาวิญญาณที่ชอบธรรมและพระเกียรติของพระเจ้าครับเพราะพระองค์ทรงเป็นอค์ความรักและองค์พระตุลาการ แต่หนังพูดเหมือนพระองค์ทนงทำตามใจฉันซึ่งมันไม่สมควรครับ
"ไม่รู้สิ"แม่ตอบขณะกำลังห่มผ้าให้ฉัน "พระองค์ทรงเบื่อความเละเทะของมนุษย์มั้งลูก"
----------------------
อันนี้นี่โดนใจยังไงครับ ?
เพราะมันไม่เป็นความจริงแม้จะเป็นการแสดงความเห็นก็ตาม พระเจ้าทรงอดทนรักและให้อภัยมนุษย์ทุกคนวันแห่งพระยุติธรรมนั้นจำเป็นต้องมาเพราะคืนความยุติธรรมให้แก่บรรดาวิญญาณที่ชอบธรรมและพระเกียรติของพระเจ้าครับเพราะพระองค์ทรงเป็นอค์ความรักและองค์พระตุลาการ แต่หนังพูดเหมือนพระองค์ทนงทำตามใจฉันซึ่งมันไม่สมควรครับ
โดนยังไงหรอครับ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมก็คือ ยิ่งนับวันศีลธรรมอันดีงามยิ่งจางหายลงไปความถดถอยของมนุษย์นั้นหาที่เปรียบไม่ได้ทั้งสงคราม การฆ่าฟัน การผิดจารีต ต่างๆนาๆที่มองเห็นได้ในทุกๆวัน นั่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ในสังคม...ยังไงผมก็ยังชอบประโยคนี้ เพราะมันทำให้เรามองเห็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้แก้ไขมัน พอดีผมเป็นประเภทไม่ชอบจมอยู่กับคำพูดที่ดูดีและสวยหรูที่ฟังแล้วสบายใจ แต่ผมชอบมองความเป็นจริงยอมรับและแก้ไขมัน ถ้าเป็นแบบกรณีแลกคงมีแต่คนบาปเต็มบ้านเต็มเมืองเพราะไม่มีการเกรงกลัว เพราะอย่างไรเสียพระองค์ก็ให้อภัย ผมคิดว่าเราควรเคารพในความรักของพระองค์โดยการยอมรับความเป็นจริงและแก้ไขและพิสูจน์ให้พระองค์เห็นถึงความจริงใจของเรา ดีกว่าทำผิดไปเรื่อยๆและรอที่จะได้รับการอภัย
โดยส่วนตัวแล้สวหนังไม่ได้โจมตีศาสนาอะไรเลย แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงอันโสมมซึ่งความชอบธรรมหาไม่ได้แล้วในเวลานั้น ผมว่าคนดูหนังเรื่องนี้เสริมศรัทธาได้ดีทีเดียวหากมองในมุมนี้
เพราะการที่จะดูหนังสักเรื่องหนึ่งไม่ควรดูแค่หน้าเดียว ควรวิเคราะห์ดูว่าคนทำหนังเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร.......
โดยส่วนตัวแล้สวหนังไม่ได้โจมตีศาสนาอะไรเลย แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงอันโสมมซึ่งความชอบธรรมหาไม่ได้แล้วในเวลานั้น ผมว่าคนดูหนังเรื่องนี้เสริมศรัทธาได้ดีทีเดียวหากมองในมุมนี้
เพราะการที่จะดูหนังสักเรื่องหนึ่งไม่ควรดูแค่หน้าเดียว ควรวิเคราะห์ดูว่าคนทำหนังเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร.......
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ถ้าคนทุกคนคิดได้อย่างคุณ 13pm ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ เช่นเดียวกันว่าผมเองเป็นคนที่ดูเรื่องดาวินซี่โค้ดแล้วรู้สึกเฉยๆ
แต่ถ้าเราไม่มองแต่ตัวเองเราจะเห็นว่าหนังเรื่องนี้กำลังจะทำให้ภาพลักษณ์ของพระเจ้าดูโหดร้าย ไหนบอกว่ารักมนุษย์ไงละแล้วทำไมถึงสั่งฆ่ามนุษย์ ซึ่งในพระคัมภีร์มีเขียนใว้ว่า
ปฐมกาล 9:10-12
และกับบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าด้วยทั้งนกและสัตว์ใช้และสารพัดสัตว์ป่าดินที่อยู่กับเจ้าบรรดาสัตว์ที่ออกจากนาวาคือสัตว์ป่าทั้งหลายในโลก เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีกและจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป" พระเจ้าตรัสว่า"นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้าทั้งบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ..
พระเจ้าสัญญาว่าน้ำท่วมโลกนั้นจะเป็นครั้งเดียวที่พระองค์จะทรงทำแบบนั้นและจะไม่ทำอีก ซึ่งคนที่อ่านพระคัมภีร์จะดูแล้วรู้สึกตึงๆว่าเอ๊ะหนังเรื่องนี้จะสื่อว่าพระเจ้าผิดคำสัญญาหรอ หรือคนที่ไ่ม่อ่านก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่อย่างน้อยในใจก็มีความรู้สึกว่าพระเจ้าโหดร้ายจัง ไม่พอใจอะไรๆก็ลงโทษ เพราะทุกวันนี้ภาพลักษณ์ที่ว่าพระเจ้าโหดร้ายก็มาจากสื่อที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนคริสต์ซึ่งทำให้คนเข้าใจผิด เช่นใบปลิวพระเจ้าโยนคนลงนรกตามสี่แยก หรือหนังที่ภาพนอกดูเกี่ยวกับคริสต์แต่เนื้อในแอบมีเมล็ดพันธุแห่งความเคลือบแคลงใจแฝงอยู่ เช่นใบปลิวนรกตามสี่แยกนั้นคุณ 13pm อ่านแล้วรู้สึกยังไงละครับประเด็นมันคือต้องการบอกว่าพระเจ้าเป็นองค์ความรัก...หรือจะบอกว่าห้ามทำชั่วนะพระเจ้าจะลงโทษกันแน่? ซึ่งผมมองว่าประเด็นหลังนี่ไม่ใช่การแพร่ธรรมของพระเยซูเจ้าครับ
คุณเข้าใจไหมครับวาแผนการของงมารในทุกวันนี้มันไม่ทำแบบโต้งๆแต่มันมาในคราบลูกแกะว่าภายนอกเรื่องราวอาจจะเกี่ยวกับพระเจ้ามากจากพระเจ้าแต่ว่าแอบมียาพิษปนมาด้วย แค่ใส่คำคมจอมปลอมประโยคสองประโยคคนก็แห่กันไปดูและยกย่องแล้วครับ
พระวาจาที่มาจากของพระเจ้านั้นย่อมก่อให้เกิดความรักและการกลับใจ แต่ไม่ใช่ความกลัวว่าจะโดนลงโทษ การไม่ทำบาปต้องไม่เกิดจากความกลัวว่าพระเจ้าจะทำโทษ แต่คำพูดจากประโยคนั้นคุณลองถามตัวเองว่าได้ยินแล้วรู้สึกรักและมีความหวังพระเจ้าหรือรู้สึกกลัวและหมดความหวังพระเจ้าเมื่อเราเป็นคนบาป
พระเจ้าอวยพรครับ
แต่ถ้าเราไม่มองแต่ตัวเองเราจะเห็นว่าหนังเรื่องนี้กำลังจะทำให้ภาพลักษณ์ของพระเจ้าดูโหดร้าย ไหนบอกว่ารักมนุษย์ไงละแล้วทำไมถึงสั่งฆ่ามนุษย์ ซึ่งในพระคัมภีร์มีเขียนใว้ว่า
ปฐมกาล 9:10-12
และกับบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าด้วยทั้งนกและสัตว์ใช้และสารพัดสัตว์ป่าดินที่อยู่กับเจ้าบรรดาสัตว์ที่ออกจากนาวาคือสัตว์ป่าทั้งหลายในโลก เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีกและจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป" พระเจ้าตรัสว่า"นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้าทั้งบรรดาสัตว์มีชีวิตที่อยู่กับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ..
พระเจ้าสัญญาว่าน้ำท่วมโลกนั้นจะเป็นครั้งเดียวที่พระองค์จะทรงทำแบบนั้นและจะไม่ทำอีก ซึ่งคนที่อ่านพระคัมภีร์จะดูแล้วรู้สึกตึงๆว่าเอ๊ะหนังเรื่องนี้จะสื่อว่าพระเจ้าผิดคำสัญญาหรอ หรือคนที่ไ่ม่อ่านก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่อย่างน้อยในใจก็มีความรู้สึกว่าพระเจ้าโหดร้ายจัง ไม่พอใจอะไรๆก็ลงโทษ เพราะทุกวันนี้ภาพลักษณ์ที่ว่าพระเจ้าโหดร้ายก็มาจากสื่อที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนคริสต์ซึ่งทำให้คนเข้าใจผิด เช่นใบปลิวพระเจ้าโยนคนลงนรกตามสี่แยก หรือหนังที่ภาพนอกดูเกี่ยวกับคริสต์แต่เนื้อในแอบมีเมล็ดพันธุแห่งความเคลือบแคลงใจแฝงอยู่ เช่นใบปลิวนรกตามสี่แยกนั้นคุณ 13pm อ่านแล้วรู้สึกยังไงละครับประเด็นมันคือต้องการบอกว่าพระเจ้าเป็นองค์ความรัก...หรือจะบอกว่าห้ามทำชั่วนะพระเจ้าจะลงโทษกันแน่? ซึ่งผมมองว่าประเด็นหลังนี่ไม่ใช่การแพร่ธรรมของพระเยซูเจ้าครับ
คุณเข้าใจไหมครับวาแผนการของงมารในทุกวันนี้มันไม่ทำแบบโต้งๆแต่มันมาในคราบลูกแกะว่าภายนอกเรื่องราวอาจจะเกี่ยวกับพระเจ้ามากจากพระเจ้าแต่ว่าแอบมียาพิษปนมาด้วย แค่ใส่คำคมจอมปลอมประโยคสองประโยคคนก็แห่กันไปดูและยกย่องแล้วครับ
พระวาจาที่มาจากของพระเจ้านั้นย่อมก่อให้เกิดความรักและการกลับใจ แต่ไม่ใช่ความกลัวว่าจะโดนลงโทษ การไม่ทำบาปต้องไม่เกิดจากความกลัวว่าพระเจ้าจะทำโทษ แต่คำพูดจากประโยคนั้นคุณลองถามตัวเองว่าได้ยินแล้วรู้สึกรักและมีความหวังพระเจ้าหรือรู้สึกกลัวและหมดความหวังพระเจ้าเมื่อเราเป็นคนบาป
พระเจ้าอวยพรครับ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
แต่ก็เป็นจริงที่ว่า "พระเจ้าทำอะไรก็ได้ตามใจพระองค์ ไม่ว่าใครจะชอบไม่ชอบ" อยู่ดีไม่ใช่รึพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน:เพราะมันไม่เป็นความจริงแม้จะเป็นการแสดงความเห็นก็ตาม พระเจ้าทรงอดทนรักและให้อภัยมนุษย์ทุกคนวันแห่งพระยุติธรรมนั้นจำเป็นต้องมาเพราะคืนความยุติธรรมให้แก่บรรดาวิญญาณที่ชอบธรรมและพระเกียรติของพระเจ้าครับเพราะพระองค์ทรงเป็นอค์ความรักและองค์พระตุลาการ แต่หนังพูดเหมือนพระองค์ทนงทำตามใจฉันซึ่งมันไม่สมควรครับ
และการพิพากษา ยังไงคนที่ไม่เชื่อตามเงื่อนไขของพระองค์ ก็ไม่ได้รับความรอด เป็นคนดีแค่ไหนก็เท่านั้นอยู่ดีมิใช่รึ?
ก็อยากเชื่อในความรักหรอกนะ แต่นับวันเริ่มเชื่อไม่ค่อยลงทุกที ๆ เพราะรู้สึกเหมือนถูกลำเอียงให้คนอื่นมากกว่าตัวเองไปซะทุกเรื่องเลย แค่เพราะเราชอบมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากพระองค์แค่นั้นเนี่ยนะ (แถมยังให้ยอมจำนนต่อความคิดพระองค์ฝ่ายเดียวอีก)
แต่เอาเถอะ เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งกุมอำนาจทั้งหมดเบ็ดเสร็จ ความคิดที่แตกต่างย่อมเป็น "ความผิดบาป" ต่อผู้ปกครองอยู่แล้ว ดังนั้นย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรจะไปพูดคุยกับพระองค์ได้ ถ้าต้องโดนรอลงอาญาก็เถียงไม่ได้ เพราะเถียงไปก็ไม่มีใครอื่นช่วยเป็นทนายความให้อยู่ดี
"สัจธรรม" ก็มีแค่นี้
If only the "Love" could really fixed all mistakes in Truth , Why he doesn't show me , or he never think what's wrong.
22 ม.ค. 2010 บริษัท โซนี่ ได้ฉายภาพยนตร์แนวเดียวกับดาวินซี่โค๊ด ชื่อ Legion ซึ่งทางวาติกันได้ประณามภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะดูหมิ่นความเชื่อ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและไม่มีความหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าท้าทายพระเป็นเจ้าใน 5 ประเด็นคือ
1.เนื้อหา ของเรื่องบิดเบือนความเชื่อแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างเช่น อัครเทวดามิคาแอล กลายเป็นเทวดาที่กบฏต่อพระเป็นเจ้า และต้องตกจากสวรรค์เป็นเหตุให้คิดที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้รอด ขณะที่พระเป็นเจ้าเห็นว่ามนุษย์ไม่มีค่าต่อพระองค์อีก จึงคิดที่จะกำจัดมนุษย์
2. ในภาพยนต์กล่าวว่าพระเป็นเจ้าขาดความเชื่อในมนุษย์ โดยให่มีคาแอลตัวปลอมพูดว่า "ในวาระสุดท้ายพระเป็นเจ้าขาดความเชื่อในมนุษย์ ครั้งนั้นพระองค์ทรงส่งน้ำท่วมมา ครั้งนี้พระองค์ทรงส่งเทวดามา" คำว่า "เทวดา" ของหนังเรื่องนี้ทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้ชม ผู้ผลิตให้ชื่อหนังเรื่องนี้ว่า "Legion" ซึ่งมีที่มาจากพระวรสารนักบุญมาร์โก 5:9 ที่เขียนว่า "ชื่อของข้าคือกองทัพ (Legion ) เพราะข้ามีมากมาย" เป็นคำที่ปีศาจพูดกับพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์ไล่มันออกจากชายที่มันสิง ดังนั้นคำว่า"เทวดา"ในหนังเรื่องนี้ก็หมายถึงปีศาจ
3. เนื้อหาดูหมิ่นความเชื่อทางศาสนาอย่างไร้สาระ อัครเทวดามีคาแอล , เทวดาที่กบฏ และซาตาน เป็นผู้ที่มาทำให้หญิงรับใช้คนหนึ่งตั้งครรภ์และให้บังเกิด...เมสซิอาห์
4. หนังเรื่องนี้ดูหมิ่นความบริสุทธิ์ของแม่พระ โดยให้ผู้รับบทเป็นแม่พระ(นักแสดงหญิง Adrianne Palicki)พูดว่า นางไม่ได้เป็นพรหมจรรย์
5. หนังเรื่องนี้แสดงให้คนดูเข้าใจว่า ศาสนาเป็น "ความโง่" และความเชื่อพื้นฐานของความเชื่อของเรา อย่างเช่น พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า, พระเมตตา, ความดีงามสมบูรณ์ของพระเป็นเจ้าและการเสด็จลงมาบังเกิดของพระวจนาตถ์เป็น เพียงความเข้าใจที่โง่เขลา
ผู้กำกับภาพยนต์ คือนาย Scott Stewart ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการนำเสนอความคิดในแง่ที่ตรงกันข้ามกับความจริง แต่ภาพยนต์เรื่องนี้ถือว่าได้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการหาเงินเข้ากระเป๋า โดยใช้วิธีเดียวกับเรื่องดาวินซี่โค๊ต เป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของประชาชน โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงามและไม่มีความเคารพต่อความเชื่อของผู้อื่น
ทางวาติกันได้ ประณามภาพยนต์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังต้องห้ามที่ไม่ควรให้ความสนใจ
http://www.palangjai.0fees.net/movie2.html
1.เนื้อหา ของเรื่องบิดเบือนความเชื่อแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างเช่น อัครเทวดามิคาแอล กลายเป็นเทวดาที่กบฏต่อพระเป็นเจ้า และต้องตกจากสวรรค์เป็นเหตุให้คิดที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้รอด ขณะที่พระเป็นเจ้าเห็นว่ามนุษย์ไม่มีค่าต่อพระองค์อีก จึงคิดที่จะกำจัดมนุษย์
2. ในภาพยนต์กล่าวว่าพระเป็นเจ้าขาดความเชื่อในมนุษย์ โดยให่มีคาแอลตัวปลอมพูดว่า "ในวาระสุดท้ายพระเป็นเจ้าขาดความเชื่อในมนุษย์ ครั้งนั้นพระองค์ทรงส่งน้ำท่วมมา ครั้งนี้พระองค์ทรงส่งเทวดามา" คำว่า "เทวดา" ของหนังเรื่องนี้ทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้ชม ผู้ผลิตให้ชื่อหนังเรื่องนี้ว่า "Legion" ซึ่งมีที่มาจากพระวรสารนักบุญมาร์โก 5:9 ที่เขียนว่า "ชื่อของข้าคือกองทัพ (Legion ) เพราะข้ามีมากมาย" เป็นคำที่ปีศาจพูดกับพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์ไล่มันออกจากชายที่มันสิง ดังนั้นคำว่า"เทวดา"ในหนังเรื่องนี้ก็หมายถึงปีศาจ
3. เนื้อหาดูหมิ่นความเชื่อทางศาสนาอย่างไร้สาระ อัครเทวดามีคาแอล , เทวดาที่กบฏ และซาตาน เป็นผู้ที่มาทำให้หญิงรับใช้คนหนึ่งตั้งครรภ์และให้บังเกิด...เมสซิอาห์
4. หนังเรื่องนี้ดูหมิ่นความบริสุทธิ์ของแม่พระ โดยให้ผู้รับบทเป็นแม่พระ(นักแสดงหญิง Adrianne Palicki)พูดว่า นางไม่ได้เป็นพรหมจรรย์
5. หนังเรื่องนี้แสดงให้คนดูเข้าใจว่า ศาสนาเป็น "ความโง่" และความเชื่อพื้นฐานของความเชื่อของเรา อย่างเช่น พระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า, พระเมตตา, ความดีงามสมบูรณ์ของพระเป็นเจ้าและการเสด็จลงมาบังเกิดของพระวจนาตถ์เป็น เพียงความเข้าใจที่โง่เขลา
ผู้กำกับภาพยนต์ คือนาย Scott Stewart ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาต้องการนำเสนอความคิดในแง่ที่ตรงกันข้ามกับความจริง แต่ภาพยนต์เรื่องนี้ถือว่าได้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการหาเงินเข้ากระเป๋า โดยใช้วิธีเดียวกับเรื่องดาวินซี่โค๊ต เป็นการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของประชาชน โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงามและไม่มีความเคารพต่อความเชื่อของผู้อื่น
ทางวาติกันได้ ประณามภาพยนต์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังต้องห้ามที่ไม่ควรให้ความสนใจ
http://www.palangjai.0fees.net/movie2.html
Valkyrie Zero Number เขียน:แต่ก็เป็นจริงที่ว่า "พระเจ้าทำอะไรก็ได้ตามใจพระองค์ ไม่ว่าใครจะชอบไม่ชอบ" อยู่ดีไม่ใช่รึพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน:เพราะมันไม่เป็นความจริงแม้จะเป็นการแสดงความเห็นก็ตาม พระเจ้าทรงอดทนรักและให้อภัยมนุษย์ทุกคนวันแห่งพระยุติธรรมนั้นจำเป็นต้องมาเพราะคืนความยุติธรรมให้แก่บรรดาวิญญาณที่ชอบธรรมและพระเกียรติของพระเจ้าครับเพราะพระองค์ทรงเป็นอค์ความรักและองค์พระตุลาการ แต่หนังพูดเหมือนพระองค์ทนงทำตามใจฉันซึ่งมันไม่สมควรครับ
และการพิพากษา ยังไงคนที่ไม่เชื่อตามเงื่อนไขของพระองค์ ก็ไม่ได้รับความรอด เป็นคนดีแค่ไหนก็เท่านั้นอยู่ดีมิใช่รึ?
ก็อยากเชื่อในความรักหรอกนะ แต่นับวันเริ่มเชื่อไม่ค่อยลงทุกที ๆ เพราะรู้สึกเหมือนถูกลำเอียงให้คนอื่นมากกว่าตัวเองไปซะทุกเรื่องเลย แค่เพราะเราชอบมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากพระองค์แค่นั้นเนี่ยนะ (แถมยังให้ยอมจำนนต่อความคิดพระองค์ฝ่ายเดียวอีก)
แต่เอาเถอะ เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งกุมอำนาจทั้งหมดเบ็ดเสร็จ ความคิดที่แตกต่างย่อมเป็น "ความผิดบาป" ต่อผู้ปกครองอยู่แล้ว ดังนั้นย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรจะไปพูดคุยกับพระองค์ได้ ถ้าต้องโดนรอลงอาญาก็เถียงไม่ได้ เพราะเถียงไปก็ไม่มีใครอื่นช่วยเป็นทนายความให้อยู่ดี
"สัจธรรม" ก็มีแค่นี้
If only the "Love" could really fixed all mistakes in Truth , Why he doesn't show me , or he never think what's wrong.
เธอยังสับสนระหว่างคำว่า ยอมรับ กับ ฝืนรับ
แล้วเธอก็ยังสับสน ระหว่างคำว่า เข้าใจ กับ จำใจ
พระองค์แสดงสิ่งที่พระองค์บอกอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่ใช่ในแบบที่เธอคาดหวังอยากจะได้เท่านั้นเอง
และอย่าสับสนระหว่าง การมีความหวัง กับ การคาดหวัง เพราะมันไม่เหมือนกัน
คนที่มีความรัก จะมีความหวังในคนที่ตนรัก แต่คนที่คาดหวังต่างๆนาๆจากคนที่ตนบอกว่ารัก คือคนรักตัวเอง แล้วเวลาไม่ได้ตามคาดหวัง หรือไม่ได้ดั่งใจจะผิดหวัง ต่างจากคนมีความหวัง เพราะเขาจะไม่เคยสิ้นหวังในคนที่รัก
และพระเจ้ารักคุณเหมือนที่รักทุกคน ถึงไม่เคยสิ้นหวังในคุณ และมนุษย์ทุกคน แม้มนุษย์จะมีแต่ความคาดหวังต่างๆนาๆกับพระองค์ (ไม่ได้ดั่งใจก็ด่า แต่ทีเวลาได้เกินความคาดหวังไม่เคยใส่ใจและไม่เคยจดจำ) แต่พระเจ้าไม่เคยสิ้นหวังกับมนุษย์
กลับมาเรื่องหนัง
ยังไม่ต้องพูดว่าเนื้อหามันดีหรือไม่ดี แต่เอาแค่เข้าท่าหรือไม่เข้าท่า
ถ้าพูดว่า สมัยก่อนพระเจ้าทรงส่งน้ำท่วมโลก แล้วตอนนี้ส่งเทวดา
ถามว่า ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้นเหรอ อ่านในพระวิวรณ์ แค่ทูตสวรรค์เป่าแตรอันเดียว หรือเทขันใบเดียว ก็สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตกลับที่ที่มันจากมาได้ง่ายเหมือนตอนน้ำท่วมแล้ว หนังดังหลายเรื่องก่อนหน้าที่แสดงวันสิ้นโลก ก็ชี้แล้วว่า แค่โลกเขย่าครั้งเดียว หรือแค่ดวงอาทิตย์กระพริบวูบเดียว สิ่งมีชีวิตก็หมดโลกแล้ว
การส่งเทวดาลงมาเป็นกองทัพเพื่อทำหน้าที่นี้ ก็เหมือนการพูดว่า ส่งดร.จบปริญญาเอก 100คน มาทำโจทย์เลข 1+1เท่ากับเท่าไหร่เอ่ย นักเรียน
ตามความเห็นส่วนตัวผมมองว่าบทนั้นไร้สาระและไม่สมเหตุสมผลเป็นที่สุด
จึงไม่มีความคิดจะไปเสียเงินให้หนังเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม
กลับมาเรื่องทางศาสนา
ถ้าเราจำได้จริงๆ ตอนน้ำท่วมโลก พระเจ้าไม่ใช่ว่ามนุษย์มันเลว นี่แน่ะ ฆ่ามันซะ
แต่พระองค์อุตส่าห์ให้ชายคนหนึ่ง เดินทางเตือนคน และแทบจะกราบไหว้ขอร้องให้ขึ้นมาหลบบนเรือเขาเถอะ
สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ การเยาะเย้ย ดูถูก เหยียดหยามจากผู้ไม่เชื่อ
ถ้าคุณติดป้ายคำเตือนรูปหัวกระโหลกไว้ที่ขวดยาฆ่าแมลง แล้วยังพูดว่ากินแล้วตายนะ แล้วมีคนดันทุรังไปกิน ถามว่า ความผิดคนผลิตยาฆ่าแมลง หรือคนที่มันไม่เชื่อคำเตือนแล้วยังแส่หาเรื่องตาย
ยน 3:17
เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลกแต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น
เวลาคนต่างศาสนา หรือคนไม่รู้จักพระเจ้า พูดเรื่องน้ำท่วมโลก จะพูดแต่ว่าพระเจ้าลงโทษมนุษย์ แต่ไม่เคยพูดถึงความช่วยเหลือและความรอดที่พระเจ้านำเสนอให้ ก่อนหน้านั้น แต่ถูกมนุษย์คนบาปทิ้งขว้างดูถูกด้วยตัวเอง แม้แต่น้อย
ปล่อยให้เรื่อง พระเจ้าลงโทษมนุษย์เพราะความโกรธชั่วครู่ หรือความสนุกไม่มีเหตุผล เป็นผลงานของคนต่างศาสนาและคนบาปเถิด ส่วนผู้ที่อ้างตนว่ารู้จักพระเจ้าแล้ว อย่าเผยแพร่ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับพระเจ้าต่อไปเลย
ยังไม่ต้องพูดว่าเนื้อหามันดีหรือไม่ดี แต่เอาแค่เข้าท่าหรือไม่เข้าท่า
ถ้าพูดว่า สมัยก่อนพระเจ้าทรงส่งน้ำท่วมโลก แล้วตอนนี้ส่งเทวดา
ถามว่า ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้นเหรอ อ่านในพระวิวรณ์ แค่ทูตสวรรค์เป่าแตรอันเดียว หรือเทขันใบเดียว ก็สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตกลับที่ที่มันจากมาได้ง่ายเหมือนตอนน้ำท่วมแล้ว หนังดังหลายเรื่องก่อนหน้าที่แสดงวันสิ้นโลก ก็ชี้แล้วว่า แค่โลกเขย่าครั้งเดียว หรือแค่ดวงอาทิตย์กระพริบวูบเดียว สิ่งมีชีวิตก็หมดโลกแล้ว
การส่งเทวดาลงมาเป็นกองทัพเพื่อทำหน้าที่นี้ ก็เหมือนการพูดว่า ส่งดร.จบปริญญาเอก 100คน มาทำโจทย์เลข 1+1เท่ากับเท่าไหร่เอ่ย นักเรียน
ตามความเห็นส่วนตัวผมมองว่าบทนั้นไร้สาระและไม่สมเหตุสมผลเป็นที่สุด
จึงไม่มีความคิดจะไปเสียเงินให้หนังเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม
กลับมาเรื่องทางศาสนา
ถ้าเราจำได้จริงๆ ตอนน้ำท่วมโลก พระเจ้าไม่ใช่ว่ามนุษย์มันเลว นี่แน่ะ ฆ่ามันซะ
แต่พระองค์อุตส่าห์ให้ชายคนหนึ่ง เดินทางเตือนคน และแทบจะกราบไหว้ขอร้องให้ขึ้นมาหลบบนเรือเขาเถอะ
สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ การเยาะเย้ย ดูถูก เหยียดหยามจากผู้ไม่เชื่อ
ถ้าคุณติดป้ายคำเตือนรูปหัวกระโหลกไว้ที่ขวดยาฆ่าแมลง แล้วยังพูดว่ากินแล้วตายนะ แล้วมีคนดันทุรังไปกิน ถามว่า ความผิดคนผลิตยาฆ่าแมลง หรือคนที่มันไม่เชื่อคำเตือนแล้วยังแส่หาเรื่องตาย
ยน 3:17
เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลกแต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น
เวลาคนต่างศาสนา หรือคนไม่รู้จักพระเจ้า พูดเรื่องน้ำท่วมโลก จะพูดแต่ว่าพระเจ้าลงโทษมนุษย์ แต่ไม่เคยพูดถึงความช่วยเหลือและความรอดที่พระเจ้านำเสนอให้ ก่อนหน้านั้น แต่ถูกมนุษย์คนบาปทิ้งขว้างดูถูกด้วยตัวเอง แม้แต่น้อย
ปล่อยให้เรื่อง พระเจ้าลงโทษมนุษย์เพราะความโกรธชั่วครู่ หรือความสนุกไม่มีเหตุผล เป็นผลงานของคนต่างศาสนาและคนบาปเถิด ส่วนผู้ที่อ้างตนว่ารู้จักพระเจ้าแล้ว อย่าเผยแพร่ความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับพระเจ้าต่อไปเลย
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราคงสามารถมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเ้จ้าได้มากกว่านี้อยู่หรอกHoly เขียน:คนที่มีความรัก จะมีความหวังในคนที่ตนรัก แต่คนที่คาดหวังต่างๆนาๆจากคนที่ตนบอกว่ารัก คือคนรักตัวเอง แล้วเวลาไม่ได้ตามคาดหวัง หรือไม่ได้ดั่งใจจะผิดหวัง ต่างจากคนมีความหวัง เพราะเขาจะไม่เคยสิ้นหวังในคนที่รัก
และพระเจ้ารักคุณเหมือนที่รักทุกคน ถึงไม่เคยสิ้นหวังในคุณ และมนุษย์ทุกคน แม้มนุษย์จะมีแต่ความคาดหวังต่างๆนาๆกับพระองค์ (ไม่ได้ดั่งใจก็ด่า แต่ทีเวลาได้เกินความคาดหวังไม่เคยใส่ใจและไม่เคยจดจำ) แต่พระเจ้าไม่เคยสิ้นหวังกับมนุษย์
แต่ตอนนี้ สารภาพว่า คนที่เรารักที่เป็นมนุษย์บางคน ยังทำให้เรามีความหวังมากกว่าซะอีก
ได้ยินแบบนี้ พระองค์จะทรงกริ้วแล้วทำอะไรพวกเขาไหมนะ เหมือนในพระคัมภีร์เดิมที่ชาวอิสราเอลโดนลงโทษเป็นว่าเล่นไง (....และถ้าพระองค์ทำเช่นนั้นจริง อย่าหวังจะได้ตัวเรากลับไปอีกเลย)
......ก็ตอนที่เรามีความหวังในพระองค์ ขนาดตื่นรอทั้งคืนก็แล้ว (อ่านพระคัมภีร์บ้าง อ่านอย่างอื่นฆ่าเวลาบ้าง) อ้อนวอนก็เคยแล้ว แต่พระองค์ก็เงียบ ขนาดขอแล้วว่าช่วยสำแดงอะไรที่คนแบบเราเข้าใจได้ง่าย ๆ หน่อย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี
ถ้าไม่สามารถปฏิเสธหลักเหตุผลเรื่องการสร้างหรือกำเนิดสิ่งต่าง ๆ โดยการมีอยู่ของพระองค์ได้ล่ะก็ ก็เหลือแค่ความคิดที่่ว่าพระองค์จงใจแกล้งหรือทำเป็นไม่เห็นหัวเราเท่านั้นแหละ
ที่สำคัญ บางทีตัวเราตอนนี้คงจะมืดมนเกินกว่ากลับไปเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเหมือนในอดีตแล้ว
แต่ผมว่ายังไงหนังเรื่อง The Legion ก็ดีครับในความเห็นของผม เพราะมันสอนให้รู้ว่า ในทุกๆหนทางแม้จะจมอยู่ในความสิ้นหวังหากเรายังมีศรัทธาความสำเร็จย่อมมีโอกาศเกิดเสมอ
ความเห็นของวาติกันในเรื่องหนังต้องห้ามผมว่าออกจะรุนแรงไปซักหน่อย ทั้งนี้ก็มาจากความคิดของผมนะครับ เพราะผมไม่ได้เชื่อมั่นในวาติกันซะทุกอย่าง ใครจะไปรู้พระเจ้าอาจจะส่งหนังเรื่องนี้มา เพื่อให้มนุษย์มองเห็นตนเองชัดขึ้นก็ได้.....
ความเห็นของวาติกันในเรื่องหนังต้องห้ามผมว่าออกจะรุนแรงไปซักหน่อย ทั้งนี้ก็มาจากความคิดของผมนะครับ เพราะผมไม่ได้เชื่อมั่นในวาติกันซะทุกอย่าง ใครจะไปรู้พระเจ้าอาจจะส่งหนังเรื่องนี้มา เพื่อให้มนุษย์มองเห็นตนเองชัดขึ้นก็ได้.....
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
แล้วให้มนุษย์มองพระเจ้าผิดไปเพื่ออะไร?13PM. เขียน:แต่ผมว่ายังไงหนังเรื่อง The Legion ก็ดีครับในความเห็นของผม เพราะมันสอนให้รู้ว่า ในทุกๆหนทางแม้จะจมอยู่ในความสิ้นหวังหากเรายังมีศรัทธาความสำเร็จย่อมมีโอกาศเกิดเสมอ
ความเห็นของวาติกันในเรื่องหนังต้องห้ามผมว่าออกจะรุนแรงไปซักหน่อย ทั้งนี้ก็มาจากความคิดของผมนะครับ เพราะผมไม่ได้เชื่อมั่นในวาติกันซะทุกอย่าง ใครจะไปรู้พระเจ้าอาจจะส่งหนังเรื่องนี้มา เพื่อให้มนุษย์มองเห็นตนเองชัดขึ้นก็ได้.....
แน่จริงก็ให้เป็นตามวิวรณ์ทุกอย่างสิ ถ้าจะเอาแบบนั้น ทำนองว่าเหมือนทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยน ตั้งแต่มนุษย์เป็นฝ่ายผิด พระเจ้าล้างโลก ทุกคนตายหมดโดนพิพากษา มีแค่คนดี ๆ ที่ยอมรับพระเยซูเจ้าและทนทุกข์ทรมานเป็นฝ่ายรอดตอนจบ ได้รับบำเหน็จจากความอดทนและยึดมั่นในความเชื่อ ส่วนมนุษย์ที่เลว และข่มเหงคนที่เชื่อมาตลอดก็ตายตกนรกเพราะบาปตัวเองหมด ให้ตรงเผงไปเลย แบบนั้นง่ายและตรงประเด็นกว่ามั้ย
Happy End.....
ดีคะ ดิฉันไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ^^ แต่ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูภาพยนต์แนวนี้และก็ชอบอ่านเรื่อง เทวดา ทูตสวรรค์ เทพโรมันต่างๆ (โดยที่ไม่ได้ข้อสรุปว่าเรื่องของแต่ละเทพแบบไหนเป็นข้อสรุปได้แน่ เพราะแต่ละเล่มเขียนถึงเทพนั้นๆ ไม่เหมือนกันเท่าไร และภาพยนต์แต่ละเรื่องก็ทำออกมาไม่คล้ายกับหนังสือที่อ่าน) และภาพยนต์เรื่องนี้ legion ก็เป็นเรื่องที่ชอบมากเรื่องหนึ่ง แม้เรื่องนี้อย่างที่ท่านบอกอาจบิดเบื่อนจากความเป็นจริงที่ท่านทราบมา โดยส่วนตัวแล้ว ที่ดูตามเนื้อเรื่อง(ตามภาษาคนไม่ค่อนเข้าใจ) ประมาณว่า พระเจ้าท่านรัก และเป็นผู้ให้ พระเจ้าได้ให้โอกาสแก่มนุษย์ให้ทำความดี แต่มนุษย์ก็ไม่เชื่อในพระเจ้า มนุษย์ขาดศรัทธาในพระเจ้า พระเจ้าเลยส่งทูตสวรรค์มาลงโทษหรือล้างโลก อะไรก็ตาม แต่สุดท้ายพระเจ้าก็ให้อภัยเมื่อมนุษย์สำนึกได้ (มันเป็นบททดสอบของพระเจ้า)ในเรื่องนี้อ่านะ… จากภาพยนต์แล้วเหมือนเค้าต้องการสื่อให้เราได้คิด และปลุกใจว่า ถ้ายังไม่ทำความดี สักวันคุณจะได้รับโทษนะ ไม่ว่าจะประสพเหตุการณ์ใดก็ตาม อาจจะมีการแต่งเติมเรื่องให้ดูสนุกสนานพร้อมสอดแทรกแง่คิด ถ้ามองจากศาสนาแล้วว่าอะไรจริงไม่จริง โดยส่วนตัวแล้วมองแค่ว่า “ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดก็ตาม ทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระฯ ของศาสนาใด ล้วนแล้ว ทุกพระองค์สอนให้เราทำความดี ทั้งสิ้น เมื่อทำผิดบุคคลนั้นก็จะได้รับโทษในสิ่งที่ตนทำ ไม่มีใครมาลงโทษตัวเราได้นอกจากตัวเราเอง ทำอะไรไว้ย่อมได้รับเช่นนั้น
แล้วทางวาติกัน จะกลัวอะไร ถ้าเรื่องนี้ไร้สาระ บิดเบือน ทำให้เข้าใจผิด สำหรับมนุษย์ที่มีสมองย่อมคิดได้ว่าพระผู้เป็นเจ้ายังไงก็ยังรักเรา ไม่งั้นพระผู้เป็นเจ้าจะสั่งสอนให้เราเป็นคนดีทำไม คอยมองเรา เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจคน เมื่อคนเราทำผิดพลาดและสำนึกได้พระเจ้าก็ยังทรงให้อภัย (ถ้าเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรต่างๆ เหมือนพ่อแม่ที่รักเราไม่ว่าจะเป็นคนอย่างไร ทำผิดมาอย่างไรพ่อแม่ก็ยังรักและให้อภัยได้เสมอ) หรือวาติกันกลัวว่า ดูหนังแล้ว คนจะจิตตกและเชื่อว่าพระเจ้าไม่รัก ! กลัวคนจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ลงโทษมนุษย์ (หลักความเป็นจริงพระเจ้าไม่ได้เป็นคนลงโทษ แต่มนุษย์ต่างหากที่สร้างปัญหาและก่อปัญหาเอง)
ในเรื่องนี้ชอบตรงนี้ ประโยชน์โดนใจที่ว่า” ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่ได้ตื่นขึ้นมา ถ้าหากมันกลายเป็นว่าวันนี้..ต้องเป็นวันสุดท้ายบนโลก ลูกจะภูมิใจหรือเปล่ากับสิ่งที่ได้ทำในชีวิต เพราะถ้าคำตอบคือไม่....ลูกควรจะเริ่มทำดีได้แล้ว" (แค่นี้ก็กระตุ้นจิตสำนึกให้เราคิดได้แล้ว ว่า ที่ผ่านมาเราทำดีมากแค่ไหน ทำเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มทำให้ดีตั้งแต่วันนี้!)
ดูภาพยนต์ให้สนุก ให้ดูแต่ข้อดี แง่คิดดีๆ และมาปรับใช้กับตัวเราเอง ถ้ามัวแต่ไปคิดว่าอันนี้ไม่ใช่อันนั้นไม่ใช่จับแต่ข้อเสียแล้วเราจะได้ประโยคอะไร
ยกตัวอย่าง ภาพยนต์ ประวัติศาสตร์ไทยเรื่องหนึ่ง มีตัวละครที่ไม่ได้มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่ผู้สร้างได้ชี้แจงแล้วว่าเพื่อเพิ่มความสนุกสนานเข้าไป แค่นี้เราก็น่าจะเข้าใจแล้ว ส่วนที่ไม่ใช่ก็จะไปสนใจกับมันทำไม? ก็รู้ๆกันอยู่มันมีอยู่จริงหรือไม่ เราก็สนใจภาพยนต์ เค้าต้องการสื่ออะไรสอนอะไรและจะได้อะไรจากภาพยนต์ (สื่อเหมือนนิทานอิสป ง่ายๆ) ดูเพื่อความบันเทิงจิตใจดีกว่าคะ
แล้วทางวาติกัน จะกลัวอะไร ถ้าเรื่องนี้ไร้สาระ บิดเบือน ทำให้เข้าใจผิด สำหรับมนุษย์ที่มีสมองย่อมคิดได้ว่าพระผู้เป็นเจ้ายังไงก็ยังรักเรา ไม่งั้นพระผู้เป็นเจ้าจะสั่งสอนให้เราเป็นคนดีทำไม คอยมองเรา เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจคน เมื่อคนเราทำผิดพลาดและสำนึกได้พระเจ้าก็ยังทรงให้อภัย (ถ้าเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรต่างๆ เหมือนพ่อแม่ที่รักเราไม่ว่าจะเป็นคนอย่างไร ทำผิดมาอย่างไรพ่อแม่ก็ยังรักและให้อภัยได้เสมอ) หรือวาติกันกลัวว่า ดูหนังแล้ว คนจะจิตตกและเชื่อว่าพระเจ้าไม่รัก ! กลัวคนจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ลงโทษมนุษย์ (หลักความเป็นจริงพระเจ้าไม่ได้เป็นคนลงโทษ แต่มนุษย์ต่างหากที่สร้างปัญหาและก่อปัญหาเอง)
ในเรื่องนี้ชอบตรงนี้ ประโยชน์โดนใจที่ว่า” ถ้าพรุ่งนี้ลูกไม่ได้ตื่นขึ้นมา ถ้าหากมันกลายเป็นว่าวันนี้..ต้องเป็นวันสุดท้ายบนโลก ลูกจะภูมิใจหรือเปล่ากับสิ่งที่ได้ทำในชีวิต เพราะถ้าคำตอบคือไม่....ลูกควรจะเริ่มทำดีได้แล้ว" (แค่นี้ก็กระตุ้นจิตสำนึกให้เราคิดได้แล้ว ว่า ที่ผ่านมาเราทำดีมากแค่ไหน ทำเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มทำให้ดีตั้งแต่วันนี้!)
ดูภาพยนต์ให้สนุก ให้ดูแต่ข้อดี แง่คิดดีๆ และมาปรับใช้กับตัวเราเอง ถ้ามัวแต่ไปคิดว่าอันนี้ไม่ใช่อันนั้นไม่ใช่จับแต่ข้อเสียแล้วเราจะได้ประโยคอะไร
ยกตัวอย่าง ภาพยนต์ ประวัติศาสตร์ไทยเรื่องหนึ่ง มีตัวละครที่ไม่ได้มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่ผู้สร้างได้ชี้แจงแล้วว่าเพื่อเพิ่มความสนุกสนานเข้าไป แค่นี้เราก็น่าจะเข้าใจแล้ว ส่วนที่ไม่ใช่ก็จะไปสนใจกับมันทำไม? ก็รู้ๆกันอยู่มันมีอยู่จริงหรือไม่ เราก็สนใจภาพยนต์ เค้าต้องการสื่ออะไรสอนอะไรและจะได้อะไรจากภาพยนต์ (สื่อเหมือนนิทานอิสป ง่ายๆ) ดูเพื่อความบันเทิงจิตใจดีกว่าคะ