ข้าฯจะเริงร่าในพระเจ้า โดย:โปรดปราน ( พีพี )
“17 แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง 18ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า 19พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า....” ( ฮาบากุก 3 : 17-19 )
คำนำ
ตอนฉันเริ่มอ่านพระคัมภีร์เก่าใหม่ๆ รู้สึกชอบถ้อยคำของพระคัมภีร์ ฮาบากุก บทที่ 3 ข้อ 17-19 มาก จนจดจำได้ทีเดียว เพราะรู้สึกว่าผู้เขียนวางใจเชื่อพระเจ้ามากจริงๆ แล้วยังคิดต่อว่าตัวเองจะสามารถวางใจในพระเจ้าเช่นท่านฮาบากุกได้ไหมหนอ......
ในหนังสือประกาศกฮาบากุก ไม่มีข้อมูลอะไรมาก ที่เกี่ยวกับชีวประวัติ ของประกาศก ฮาบากุกเลย เช่นไม่มีข้อมูลว่าเขาเป็นบุตรของใคร อย่างไรก็ตาม ใน 2พงศ์กษัตริย์ บทที่ 4 : 16 เขียนไว้ว่า “ท่านกล่าวว่า ในฤดูนี้ เมื่อครบกำหนดอุ้มท้อง เข้าจะได้อุ้มบุตรชายคนหนึ่ง” และหนังสือประกาศกอิสยาห์บทที่ 21 : 6 บันทึกว่า “ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ จงไปตั้งยาม ให้เขาไปร้องประกาศที่เขาเห็นอยู่” นักวิชาการด้านพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่า ท่านฮาบากุก เป็นประกาศก ระหว่างปี 608-598 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ยูดาห์สมัยนี้ คือกษัตริย์ เยโฮยาคิม
เบื้องหลัง
สมัยนี้ เป็นสมัย ที่ยูดาห์ ตกอยู่ในในภาวะที่แสนลำบากยากเข็ญ พระราชา เยโฮยาคิม เป็นทรราชที่บีบบังคับ ประชาชนของพระองค์ เพื่อเอาไปส่งส่วย แก่ประเทศเจ้าเหนือหัว คือเนโคที่ 2 เพราะว่า ในขณะนั้นยูดาห์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของ อียิปต์ ระหว่างปี 609-605 กคศ. และตั้งแต่ปี605-589 กคศ. มีการส่งส่วยให้แก่ เนบูคัดเนสซาร์ ช่วงเวลานั้นก็เป็นเมืองขึ้นของบาบิโลน นอกจากนั้น เยโฮยาคิม บีบคั้น เอาจากราษฏร รวมทั้งแรงงานที่ไปสร้างพระราชวังแบบ อียิปต์ สำหรับพระองค์ ด้วย และมีการบำรุงบำเรอ ราชสำนักอย่างฟุ้งเฟ้อ ส่วนข้าราชการ ทุกระดับ ทุกหน้าที่ ต่างก็มีการฉ้อราษฏร์บังหลวง คนทั้งชาติจึงตกอยู่ในความทุกข์ ยาก ชีวิตของคนในราชสำนักและในกรุงอยู่กันอย่างฟุ่มเฟือย แต่ราษฏรในชนบท ชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากมาก ถูก บีบคั้น มีแต่ความเลวร้าย ชีวิตเต็มไปด้วยความขม ขื่น
ฉะนั้น ประกาศกฮาบากุกเอง จึงต้องร้องทุกข์ต่อพระเจ้า และตั้งคำถามต่อพระองค์
หลักการทำพันธกิจ
คำถามที่ ประกาศกฮาบากุก ทูลถามพระเจ้านั้น เป็นคำถามที่ไม่ตายเพราะคนทุกยุคทุกสมัยต่างถามอย่างนี้มาตลอดเวลา คำถามแรกคือ ทำไมคนชั่ว จึงมีชัยเหนือ คนชอบธรรม “ดังนั้นธรรมบัญญัติจึงหย่อนยานและความยุติธรรมมิได้ปรากฏเสียเลย เพราะว่าคนอธรรมล้อมรอบคนชอบธรรมไว้ความยุติธรรมจึงปรากฏอย่างวิปลาส” (ฮบก.1 : 4) พระเจ้าทรงตอบว่า คนชั่วจะถูกพิพากษา คือพระองค์จะส่งกองทัพบาบิโลน มาลงโทษคนชั่ว (ฮบก.1 :6-7 ) คนชั่วที่ว่านี้ คือคนในยูดาห์ คำถามที่สอง ทำไมพระเจ้าผู้ทรงยุติธรรม จึงทรงเงียบเมื่อ คนอธรรมทำลายคน ชอบธรรม ดังพระวาจา “พระเนตรขององค์บริสุทธิ์เกินกว่าที่จะทอดพระเนตรการชั่วจะมองดูการผิดก็ไม่ได้ ไฉนพระองค์ทอดพระเนตรคนทรยศและเงียบอยู่เมื่อคนอธรรมกลืนคนที่ชอบธรรมเกินกว่าตัวเขาเสีย” (ฮบก.1 : 13 ) คือเมื่อมีการทำลายคนอธรรม แล้ว คนที่ชอบธรรมถูกทำลายไปด้วยหรือ หรือจะมีคำถามอีก ว่า ทำไม คนดีจะต้องทนทุกข์ เพราะบาป มาจาก คนอธรรม ในยูดาห์ด้วย คำตอบจากพระเจ้า คือ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ พระองค์จะทรงจัดการกับคนชั่วร้าย โดยวิธีของพระองค์ และในเวลาที่เหมาะสม กับผู้ที่ชั่วร้าย
แต่สำหรับผู้ที่ชอบธรรมจะดำรงชีวิต อยู่โดยความสัตย์ซื่อ “ดูเถิด ผู้ที่จิตใจไม่ชอบธรรมก็จะล้ม แต่คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ด้วย ‘ ความสัตย์ซื่อ’ ” (ฮบก. 2: 4) ซึ่งทั้งคำถามและคำตอบต่างเป็นถ้อยคำที่ไม่ตาย เป็นคำถามที่เราถามกันอยู่ทุกวัน ทุกหนทุกแห่ง (ทั่วโลก) …คำตอบของพระเจ้า ก็เป็นคำตอบ นิรันดร์ สำหรับทุกยุคทุกสมัยทุกสังคมเช่นกัน โดยคำตอบนี้เอง ประกาศก ฮาบากุก ก็ประกาศความเชื่อของตนเอง ว่า แม้เขา จะ ไม่เหลืออะไรเลย ชีวิตสูญสิ้นทุกอย่าง เขา ยินดีอยู่ อย่างสิ้นไร้ไม้ตอก และเขาได้ยืนยันว่าจะร่าเริงและเปรมปรีดิ์ในพระเจ้า แห่งความรอดเสมอ (ฮบก.3 : 17-18 )
ฮาบากุก เป็นประกาศก ที่ได้ประกาศให้คนทั้งหลายฟังว่า พระเจ้าทรงยุติธรรม และทรงกอรปด้วย ความรัก และรักคนชอบธรรม ฮาบากุก ได้เห็นสังคมของยูดาห์ในสมัยนั้น เป็นสมัยของ พระราชาเยโฮยาคิม ซึ่งมีแต่กดขี่บีบคั้น การทุจริต ไม่มีความเป็นธรรม การเอาเปรียบสังคม ฉ้อราษฏร์ บังหลวง ส่งส่วย คอรัปชั่น การหลอกลวง การทำผิดกฎหมาย มากมาย หรือเรียกว่า สังคมเสื่อมทราม ผู้คนเพลิดเพลินกับการทำผิด ชีวิตไร้ศีลธรรม คุณธรรม เป็นต้น
**ข้าฯจะเริงร่าในพระเจ้า**
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ฮาบากุกเฝ้าภาวนาวิงวอน ต่อพระเจ้า เพื่อสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ดังนั้น เขา จึงมีคำถาม ที่ทูลต่อพระเจ้าว่า ทำไม พระเจ้าไม่ทรงฟัง คำภาวนาอธิษฐานของเขา ทำไมพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐานภาวนา ประกาศกฮาบากุกเห็นการทารุณกรรมต่างๆ จนแทบทนไม่ไหวแล้ว ทำไมพระเจ้าไม่ช่วย เพราะอะไร ทำไมพระเจ้าจึงทรงยอมให้เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น และไม่ทรงกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบ้างเลยหรือ ซึ่งเหมือนกับพวกเราคริสตชนปัจจุบันมีคำถามกับพระเจ้ามากมาย เช่น “ทำไมความชั่วสารพัดยังคงมีและคนชั่วช้ากลับได้ดี พวกมันเย้ยหยันคนทำดี เหมือนกับว่าคนที่ทำดีนั้นผิด”
คำตอบจากพระเจ้า คือ พระองค์ทรงทำงานอยู่ แต่พระเจ้าไม่ได้บัญชาฮาบากุก ให้เผยพระวาจา เพราะคนยูดาห์จะไม่เชื่อ พระองค์ได้เตรียมชาวบาบิโลนไว้แล้ว กองทัพพร้อมที่จะยกมาทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ชาวบาบิโลน คือเครื่องมือของพระเจ้าที่พระองค์ใช้เฆี่ยน ตีสอน ชาวยูดาห์ ชาวบาบิโลนจะมาทำลาย ยึดเอาบ้านเมือง และทรัพย์สมบัติทั้งหมด เขาจะทำลายพระวิหาร และจะกวาดคนยูดาห์ ไปเป็นเชลย ตั้งแต่กษัตริย์ เจ้านาย ตลอดจนประชาชนทั้งหมด เมื่อ ประกาศกฮาบากุก ได้ยินคำตอบจากพระเจ้า ก็คัดค้านพระเจ้าว่า พระองค์บริสุทธิ์ยุติธรรม พระองค์จะใช้คนอธรรมมาทำลายคนยูดาห์ได้ อย่างไร พระเจ้าทรงทอดพระเนตร คนอธรรมมาฆ่าคนยูดาห์ได้อย่างไรเล่า พวกเขาฆ่าคนยูดาห์เหมือนเขาฆ่า ประชาชาติทั้งหลาย อย่างไร้เมตตา ได้อย่างไร
ในบทที่2 ประกาศกฮาบากุก เฝ้าคอยคำตอบจากพระเจ้า คำตอบคือ บาบิโลน จะต้องรับโทษเหมือนกัน พวกเขาเป็นคนดุร้าย มีความโลภตะกละอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด และมีการกอบโกย แสวงหาผลประโยชน์ จากประชาชาติมาใส่ตัว ความชั่วทั้งหลายจะนำพวกเขาไปถึงความพินาศ แม้ว่าเวลายังไม่มาถึง แต่จะมีการกำหนดไว้พิพากษา พวกเขาแน่ บั้นปลายของเขาคือ ความพินาศ ส่วนบั้นปลายของคนชอบธรรมคือชัยชนะ
ฮาบากุกบทที่ 3 คือสดุดีแห่งความมีชัย (3: 17-18 ) บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ฮาบากุก ใช้เป็นคำอธิษฐานภาวนา โดยที่ระลึกถึงการพิพากษาประชาชาติ และทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ในโบราณกาล ขอพระองค์ทรงกระทำใหม่อีกครั้ง ว่า เมื่อพระเจ้าเสด็จมา สง่าราศีก็คลุมฟ้าสวรรค์ โลกก็สรรเสริญพระองค์ ความผ่องไสของพระองค์ดุจแสงสว่าง พระองค์เสด็จมาจากซีนาย สู่เอโดม เหมือนสมัยอพยพออกจากอียิปต์ พระเจ้าประทับยืน ทรงเขย่าประชาชาติ ภูเขาก็กระจาย แผ่นดินไหว น้ำท่วม โลกมืดไป พระองค์เสด็จมาพิพากษาประชาชาติ เหมือนนักรบที่เกรียงไกร ที่ได้ฆ่าศัตรู และทรงช่วยประชากรของพระองค์ ภาพการเสด็จมา ของพระเจ้า ก็เป็นคำตอบที่ทรงประทานให้คำตอบ แก่ ฮาบากุก ที่ได้ถามไว้นั้น ทำให้เขาเองสามารถที่จะเผชิญ กับสิ่งที่เป็นความเลวร้าย หรือในเหตุการณ์ที่บีบคั้นเขาอยู่ ซึ่งเขาเองเคยได้ทักท้วงมาก่อน ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แต่มีความมั่นใจในพระเจ้า
บทสรุป
การที่ประกาศกฮาบากุก สามารถยืนหยัดอยู่ได้นั้น เขาได้ต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงตอบถึงแม้เขายังไม่เห็นผลแต่กล้ายืนยันความเชื่อว่า “.17แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง 18ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า 19พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า....” ( ฮาบากุก 3 : 17-19 ) ดังนั้นเราคริสตชนต้องเริงร่าในพระสัญญาของพระเจ้าเสมอ เพราะพระเจ้าที่แสนดีเป็นที่พึ่งของเราตลอดกาล...อาแมน
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ในอิสระรายเดือน มกราคม 2010
คำตอบจากพระเจ้า คือ พระองค์ทรงทำงานอยู่ แต่พระเจ้าไม่ได้บัญชาฮาบากุก ให้เผยพระวาจา เพราะคนยูดาห์จะไม่เชื่อ พระองค์ได้เตรียมชาวบาบิโลนไว้แล้ว กองทัพพร้อมที่จะยกมาทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ชาวบาบิโลน คือเครื่องมือของพระเจ้าที่พระองค์ใช้เฆี่ยน ตีสอน ชาวยูดาห์ ชาวบาบิโลนจะมาทำลาย ยึดเอาบ้านเมือง และทรัพย์สมบัติทั้งหมด เขาจะทำลายพระวิหาร และจะกวาดคนยูดาห์ ไปเป็นเชลย ตั้งแต่กษัตริย์ เจ้านาย ตลอดจนประชาชนทั้งหมด เมื่อ ประกาศกฮาบากุก ได้ยินคำตอบจากพระเจ้า ก็คัดค้านพระเจ้าว่า พระองค์บริสุทธิ์ยุติธรรม พระองค์จะใช้คนอธรรมมาทำลายคนยูดาห์ได้ อย่างไร พระเจ้าทรงทอดพระเนตร คนอธรรมมาฆ่าคนยูดาห์ได้อย่างไรเล่า พวกเขาฆ่าคนยูดาห์เหมือนเขาฆ่า ประชาชาติทั้งหลาย อย่างไร้เมตตา ได้อย่างไร
ในบทที่2 ประกาศกฮาบากุก เฝ้าคอยคำตอบจากพระเจ้า คำตอบคือ บาบิโลน จะต้องรับโทษเหมือนกัน พวกเขาเป็นคนดุร้าย มีความโลภตะกละอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด และมีการกอบโกย แสวงหาผลประโยชน์ จากประชาชาติมาใส่ตัว ความชั่วทั้งหลายจะนำพวกเขาไปถึงความพินาศ แม้ว่าเวลายังไม่มาถึง แต่จะมีการกำหนดไว้พิพากษา พวกเขาแน่ บั้นปลายของเขาคือ ความพินาศ ส่วนบั้นปลายของคนชอบธรรมคือชัยชนะ
ฮาบากุกบทที่ 3 คือสดุดีแห่งความมีชัย (3: 17-18 ) บทเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ฮาบากุก ใช้เป็นคำอธิษฐานภาวนา โดยที่ระลึกถึงการพิพากษาประชาชาติ และทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ในโบราณกาล ขอพระองค์ทรงกระทำใหม่อีกครั้ง ว่า เมื่อพระเจ้าเสด็จมา สง่าราศีก็คลุมฟ้าสวรรค์ โลกก็สรรเสริญพระองค์ ความผ่องไสของพระองค์ดุจแสงสว่าง พระองค์เสด็จมาจากซีนาย สู่เอโดม เหมือนสมัยอพยพออกจากอียิปต์ พระเจ้าประทับยืน ทรงเขย่าประชาชาติ ภูเขาก็กระจาย แผ่นดินไหว น้ำท่วม โลกมืดไป พระองค์เสด็จมาพิพากษาประชาชาติ เหมือนนักรบที่เกรียงไกร ที่ได้ฆ่าศัตรู และทรงช่วยประชากรของพระองค์ ภาพการเสด็จมา ของพระเจ้า ก็เป็นคำตอบที่ทรงประทานให้คำตอบ แก่ ฮาบากุก ที่ได้ถามไว้นั้น ทำให้เขาเองสามารถที่จะเผชิญ กับสิ่งที่เป็นความเลวร้าย หรือในเหตุการณ์ที่บีบคั้นเขาอยู่ ซึ่งเขาเองเคยได้ทักท้วงมาก่อน ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แต่มีความมั่นใจในพระเจ้า
บทสรุป
การที่ประกาศกฮาบากุก สามารถยืนหยัดอยู่ได้นั้น เขาได้ต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงตอบถึงแม้เขายังไม่เห็นผลแต่กล้ายืนยันความเชื่อว่า “.17แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง 18ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า 19พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า....” ( ฮาบากุก 3 : 17-19 ) ดังนั้นเราคริสตชนต้องเริงร่าในพระสัญญาของพระเจ้าเสมอ เพราะพระเจ้าที่แสนดีเป็นที่พึ่งของเราตลอดกาล...อาแมน
หมายเหตุ: ตีพิมพ์ในอิสระรายเดือน มกราคม 2010
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ที่เว็บอิสระ ก็โพสต์ไว้นะครับ
http://www.issara.com/newblog/?p=1623#more-1623
http://www.issara.com/newblog/?p=1623#more-1623
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ขอบคุณค่ะ อยากจะวางใจพระองค์ได้เต็มหัวใจเช่นนี้บ้าง
หลายครั้งยังเคลือบแคลงอยู่เลย
หลายครั้งยังเคลือบแคลงอยู่เลย
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
บทนี้ก็ พี่โฮลี่ สุดที่รัก หารูปใส่ให้เจ๊ด้วยนะครับ