บทเทศน์เด็ด แทรกอารมณ์ขัน มิสซาวันอาทิตย์
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อเคลเมนท์ อาทิตย์ที่ 24 ในเทศกาลธรรมดา วัน อาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2022
บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 32: 7-14 ( คําอ้อนวอนของโมเสส)
พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของท่านซึ่งท่านได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ได้ทำผิดอย่างสาหัส เขาเปลี่ยนวิถีทางอย่างรวดเร็วออกจากทางที่เราได้สั่งให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึ้น แล้วกราบนมัสการ ทั้งยังถวายบูชาแก่รูปนั้น พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเป็นพระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” พระยาห์เวห์ตรัสแก่โมเสสต่อไปว่า “เรารู้จักคนเหล่านี้ดี เขาดื้อดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะเผาผลาญเขาทั้งหลาย และเราจะทำลายเขา เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่” โมเสสอ้อนวอนพระยาห์เวห์ พระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์” ทำไมจะให้ชาวอียิปต์เยาะเย้ยได้ว่า “พระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยความประสงค์ร้าย จะฆ่าเสียที่ภูเขา จะทำลายให้หมดสิ้นจากแผ่นดิน ขอทรงระงับพระพิโรธเถิด ขอทรงเปลี่ยนพระทัยอย่าทำร้ายประชากรของพระองค์เลย ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์เถิด พระองค์ทรงสัญญากับเขาโดยทรงสาบานอาศัยพระนามของพระองค์ว่า เราจะให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูกหลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” พระยาห์เวห์จึงทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงลงโทษประชากรของพระองค์
บทอ่านที่สอง 1 ทิโมธี 1:12-17 (ความเมตตาของพระเป็นเจ้า)
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้ากระทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ
แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะและพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 15:1-32 ( ลูกที่หายไป)
บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสเรื่องอุปมานี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า “จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่”
“หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า “จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”
พระองค์ยังตรัสอีกว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกสองคน ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า “พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด” บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น” “เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วแถบนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาวเมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า “คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด” เขาก็กลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา ลูกจึงพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก” แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า “เร็วเข้า จงไปนำเสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา นำแหวนมาสวมนิ้ว นำรองเท้ามาใส่ให้ จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิดเพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีกหายไปแล้ว ได้พบกันอีก” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนลูกคนโตอยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น.ผู้รับใช้บอกเขาว่า “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย” ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้เข้าไป แต่เขาตอบพ่อว่า “ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย” พ่อพูดว่า “ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก แต่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก”’
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อเคลเมนท์ ( Father Clement ) วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา)
คุณพ่อ: พ่อสรุปพระวรสารวันนี้ได้ว่า พระเป็นเจ้าดี ตลอดเวลา พระเป็นเจ้าคือคนที่ตามหาแกะตัวหนึ่งที่หายไป พระเป็นเจ้าคือผู้หญิงที่หาเหรียญเงินอันหนึ่งที่หายไป และพระเป็นเจ้าคือพ่อที่ปลื้มปีติต้อนรับลูกที่หายไป ไม่ดุไม่ว่า อ้าแขนกอดจูบด้วยความดีใจ อย่าเป็นเหมือนพี่ชายที่ไม่ให้อภัยน้อง ทั้งๆที่พ่อให้อภัยแล้ว ควรจะดีใจที่น้องกลับมา
พระเป็นเจ้าทรงฟังโมเสสที่อ้อนวอนขอให้พระองค์ไม่ลงโทษชาวอิสราเอลที่หลงผิด ลบหลู่พระองค์ พระองค์ทรงฟังโมเสส พวกเราต้องสวดอ้อนวอน ขอพระองค์เช่นกัน เพราะคําภาวนามีผล พระองค์ทรงฟังตลอดเวลา
นักบุญเปาโลได้รับพระเมตตาของพระองค์แม้จะทําร้าย จับกุมสานุศิษย์ ประชากรของพระองค์ เพราะความไม่รู้ ทําตามความเชื่อของฟาริสี ธรรมาจารย์ ที่ต่อต้านพระองค์
พระองค์ไม่ได้มาเพื่อผู้ทรงธรรม พระองค์มาเพื่อคนบาป รวมทั้งพ่อและพวกเราคนบาป พระองค์ไม่ตัดสินในอดีต พระองค์ตัดสินในปัจจุบันที่เรากําลังทําอยู่ และจงรับศีลแก้บาปด้วยความจริงใจต่อพระองค์
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: พระเป็นเจ้าดี
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 32: 7-14 ( คําอ้อนวอนของโมเสส)
พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของท่านซึ่งท่านได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ได้ทำผิดอย่างสาหัส เขาเปลี่ยนวิถีทางอย่างรวดเร็วออกจากทางที่เราได้สั่งให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึ้น แล้วกราบนมัสการ ทั้งยังถวายบูชาแก่รูปนั้น พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเป็นพระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” พระยาห์เวห์ตรัสแก่โมเสสต่อไปว่า “เรารู้จักคนเหล่านี้ดี เขาดื้อดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะเผาผลาญเขาทั้งหลาย และเราจะทำลายเขา เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่” โมเสสอ้อนวอนพระยาห์เวห์ พระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์” ทำไมจะให้ชาวอียิปต์เยาะเย้ยได้ว่า “พระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยความประสงค์ร้าย จะฆ่าเสียที่ภูเขา จะทำลายให้หมดสิ้นจากแผ่นดิน ขอทรงระงับพระพิโรธเถิด ขอทรงเปลี่ยนพระทัยอย่าทำร้ายประชากรของพระองค์เลย ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ผู้รับใช้ของพระองค์เถิด พระองค์ทรงสัญญากับเขาโดยทรงสาบานอาศัยพระนามของพระองค์ว่า เราจะให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูกหลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” พระยาห์เวห์จึงทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงลงโทษประชากรของพระองค์
บทอ่านที่สอง 1 ทิโมธี 1:12-17 (ความเมตตาของพระเป็นเจ้า)
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้ แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้ากระทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ
แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะและพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 15:1-32 ( ลูกที่หายไป)
บรรดาคนเก็บภาษีและคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อฟังพระเยซูเจ้า ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์ต่างบ่นว่า “คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินอาหารร่วมกับเขา” พระองค์จึงตรัสเรื่องอุปมานี้ให้เขาฟัง “ท่านใดที่มีแกะหนึ่งร้อยตัว ตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้ในถิ่นทุรกันดาร ออกไปตามหาแกะที่หายไปจนพบหรือ เมื่อพบแล้ว เขาจะยกมันใส่บ่าด้วยความยินดี กลับบ้าน เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมา พูดว่า “จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่าในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจมากกว่าความยินดีเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่”
“หญิงคนใดที่มีเงินสิบเหรียญแล้วทำหายไปหนึ่งเหรียญ จะไม่จุดตะเกียง กวาดบ้าน ค้นหาอย่างถี่ถ้วนจนกว่าจะพบหรือ เมื่อพบแล้ว นางจะเรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพูดว่า “จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันพบเงินเหรียญที่หายไปแล้ว” เราบอกท่านทั้งหลายว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมีความยินดีเช่นเดียวกัน เมื่อคนบาปคนหนึ่งกลับใจ”
พระองค์ยังตรัสอีกว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกสองคน ลูกคนเล็กพูดกับบิดาว่า “พ่อครับ โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกแก่ลูกเถิด” บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน ลูกคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มีแล้วเดินทางไปยังดินแดนห่างไกล ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น” “เมื่อเขาหมดตัว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างหนักทั่วแถบนั้น และเขาเริ่มขัดสน จึงไปรับจ้างอยู่กับชาวเมืองคนหนึ่ง คนนั้นใช้เขาไปเลี้ยงหมูในทุ่งนา เขาอยากกินฝักถั่วที่หมูกินเพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า “คนรับใช้ของพ่อฉันมีอาหารกินอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่ หิวจะตายอยู่แล้ว ฉันจะกลับไปหาพ่อ พูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก โปรดนับว่าลูกเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของพ่อเถิด” เขาก็กลับไปหาพ่อ ขณะที่เขายังอยู่ไกล พ่อมองเห็นเขา รู้สึกสงสาร จึงวิ่งไปสวมกอดและจูบเขา ลูกจึงพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ลูกทำบาปผิดต่อสวรรค์และต่อพ่อ ลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีก” แต่พ่อพูดกับผู้รับใช้ว่า “เร็วเข้า จงไปนำเสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา นำแหวนมาสวมนิ้ว นำรองเท้ามาใส่ให้ จงนำลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วกินเลี้ยงฉลองกันเถิดเพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีกหายไปแล้ว ได้พบกันอีก” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนลูกคนโตอยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ จึงเรียกผู้รับใช้คนหนึ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น.ผู้รับใช้บอกเขาว่า “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว พ่อสั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกกลับคืนมาอย่างปลอดภัย” ลูกคนโตรู้สึกโกรธ ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน พ่อจึงออกมาขอร้องให้เข้าไป แต่เขาตอบพ่อว่า “ลูกรับใช้พ่อมานานหลายปีแล้ว ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยให้ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่พอลูกคนนี้ของพ่อกลับมา เขาคบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อจนหมด พ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย” พ่อพูดว่า “ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมา ทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก แต่จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดี เพราะน้องชายคนนี้ของลูกตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก”’
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อเคลเมนท์ ( Father Clement ) วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา)
คุณพ่อ: พ่อสรุปพระวรสารวันนี้ได้ว่า พระเป็นเจ้าดี ตลอดเวลา พระเป็นเจ้าคือคนที่ตามหาแกะตัวหนึ่งที่หายไป พระเป็นเจ้าคือผู้หญิงที่หาเหรียญเงินอันหนึ่งที่หายไป และพระเป็นเจ้าคือพ่อที่ปลื้มปีติต้อนรับลูกที่หายไป ไม่ดุไม่ว่า อ้าแขนกอดจูบด้วยความดีใจ อย่าเป็นเหมือนพี่ชายที่ไม่ให้อภัยน้อง ทั้งๆที่พ่อให้อภัยแล้ว ควรจะดีใจที่น้องกลับมา
พระเป็นเจ้าทรงฟังโมเสสที่อ้อนวอนขอให้พระองค์ไม่ลงโทษชาวอิสราเอลที่หลงผิด ลบหลู่พระองค์ พระองค์ทรงฟังโมเสส พวกเราต้องสวดอ้อนวอน ขอพระองค์เช่นกัน เพราะคําภาวนามีผล พระองค์ทรงฟังตลอดเวลา
นักบุญเปาโลได้รับพระเมตตาของพระองค์แม้จะทําร้าย จับกุมสานุศิษย์ ประชากรของพระองค์ เพราะความไม่รู้ ทําตามความเชื่อของฟาริสี ธรรมาจารย์ ที่ต่อต้านพระองค์
พระองค์ไม่ได้มาเพื่อผู้ทรงธรรม พระองค์มาเพื่อคนบาป รวมทั้งพ่อและพวกเราคนบาป พระองค์ไม่ตัดสินในอดีต พระองค์ตัดสินในปัจจุบันที่เรากําลังทําอยู่ และจงรับศีลแก้บาปด้วยความจริงใจต่อพระองค์
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: พระเป็นเจ้าดี
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 25 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 18 กันยายน 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง 8:4-7 อาโมส ประณามผู้ฉ้อโกงและเอารัดเอาเปรียบ
ท่านทั้งหลายที่เหยียบย่ำคนขัดสน และทำลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรเล่าวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรเล่าวันสับบาโตจะพ้นไป เราจะได้นำข้าวสาลีออกขาย เราจะทำถังตวงข้าวให้เล็กลง ทำให้ตุ้มเชเขลใหญ่ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงน้ำหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่งซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” พระยาห์เวห์ทรงสาบานต่อศักดิ์ศรีของยาโคบf ว่า “เราจะไม่ลืมการกระทำของเขาเลย”
บทอ่านที่สอง 1ทิโมธี 2:1-8 การภาวนาในพิธีกรรม
ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขออธิษฐาน อ้อนวอนแทนและขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำนาจเราจะได้มีชีวิตที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และรู้ความจริงที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะมีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้เดียวซึ่งเป็นมนุษย์คนหนึ่ง คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นสินไถ่สำหรับมนุษย์ทุกคน การมอบพระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตามเวลาที่กำหนด และข้าพเจ้าก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผู้สอนคนต่างชาติเรื่องความเชื่อและความจริง ข้าพเจ้ากำลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จ
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 16:1-13 ความฉลาดของผู้จัดการ
พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนายเศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า “เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำบัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป” ผู้จัดการจึงคิดว่า”ฉันจะทำอย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา” ‘เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า “ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร” ลูกหนี้ตอบว่า “เป็นหนี้น้ำมันมะกอกเทศหนึ่งร้อยถัง” ผู้จัดการจึงบอกว่า “นำใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง” แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า “แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร” เขาตอบว่า “เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อยกระสอบ” ผู้จัดการจึงบอกว่า “เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ” ‘นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” “ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนี้เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง เพื่อว่าเมื่อเงินทองนั้นหมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พำนักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในการดูแลทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ‘ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
คุณพ่อเคลเม้นท์: พ่อมาจากครอบครัวยากจน ซิสเตอร์ชาวอิตาเลี่ยนช่วยพ่อ เปลี่ยนแปลงชีวิตของพ่อ ทําให้พ่อเป็นพระสงฆ์รับใช้พี่น้องทุกคนในขณะนี้! มีคําพูดว่า คนยากจนเป็นคนขี้เกียจ และมีคนยากจนอยู่เสมอ พ่อว่ามีการฉ้อโกงทุจริต และโลภโมโทสันที่ทำให้คนยากจน พระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ทรงต้องการไถ่กู้ให้เรารอดพ้นและทรงต้องการช่วยพวกเราไม่ให้อดตายด้วย นักบุญเปาโลได้บอกพวกเราให้สวดเพื่อกษัตริย์ ผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ให้ทําหน้าที่เที่ยงตรง พวกเราประชาชนจะได้มีความสงบสุข และไม่ยากจนข้นแค้น
พระเป็นเจ้าจะตัดสินพวกเราว่า พวกเราแต่ละคนได้ใช้พระพรต่างๆที่พระองค์ทรงมอบให้อย่างถูกต้องหรือไม่!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
(ผมขออนุญาตพ่วงท้ายด้วยการขอบพระคุณผู้มีบุญคุณต่อผมและครอบครัว ด้วยการสวดภาวนาให้และเลียนแบบทําตาม)
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 8:4-7 อาโมส ประณามผู้ฉ้อโกงและเอารัดเอาเปรียบ
ท่านทั้งหลายที่เหยียบย่ำคนขัดสน และทำลายคนยากจนของแผ่นดิน จงฟังถ้อยคำนี้เถิด ท่านพูดว่า “เมื่อไรเล่าวันต้นเดือนจะผ่านไป เราจะได้ขายข้าว เมื่อไรเล่าวันสับบาโตจะพ้นไป เราจะได้นำข้าวสาลีออกขาย เราจะทำถังตวงข้าวให้เล็กลง ทำให้ตุ้มเชเขลใหญ่ขึ้น ใช้ตาชั่งโกงน้ำหนัก เราจะได้ใช้เงินซื้อคนจน และใช้รองเท้าสานคู่หนึ่งซื้อคนขัดสน เราจะขายแม้กากข้าวสาลี” พระยาห์เวห์ทรงสาบานต่อศักดิ์ศรีของยาโคบf ว่า “เราจะไม่ลืมการกระทำของเขาเลย”
บทอ่านที่สอง 1ทิโมธี 2:1-8 การภาวนาในพิธีกรรม
ในขั้นแรกนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้วอนขออธิษฐาน อ้อนวอนแทนและขอบพระคุณพระเจ้าเพื่อมนุษย์ทุกคน เพื่อกษัตริย์และเพื่อผู้มีอำนาจเราจะได้มีชีวิตที่สงบสุขราบรื่น เป็นชีวิตที่มีเกียรติด้วยความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ดีงามและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา พระองค์มีพระประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดพ้น และรู้ความจริงที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะมีพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว และพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้เดียวซึ่งเป็นมนุษย์คนหนึ่ง คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงมอบพระองค์เป็นสินไถ่สำหรับมนุษย์ทุกคน การมอบพระองค์ดังกล่าวนี้คือการเป็นพยานยืนยันที่ทรงให้ไว้ตามเวลาที่กำหนด และข้าพเจ้าก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประกาศการเป็นพยานยืนยันนี้ เป็นอัครสาวก เป็นผู้สอนคนต่างชาติเรื่องความเชื่อและความจริง ข้าพเจ้ากำลังพูดความจริง มิได้พูดความเท็จ
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 16:1-13 ความฉลาดของผู้จัดการ
พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “เศรษฐีผู้หนึ่งมีผู้จัดการดูแลผลประโยชน์คนหนึ่ง มีผู้มาฟ้องว่าผู้จัดการคนนี้ผลาญทรัพย์สินของนายเศรษฐีจึงเรียกผู้จัดการมาถามว่า “เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้าเป็นอย่างไร จงทำบัญชีรายงานการจัดการของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป” ผู้จัดการจึงคิดว่า”ฉันจะทำอย่างไร นายจะไล่ฉันออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะไปขุดดินก็ทำไม่ไหว จะไปขอทานก็อายเขา ฉันรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อว่าเมื่อฉันถูกไล่ออกจากหน้าที่ผู้จัดการแล้ว จะมีคนรับฉันไว้ในบ้านของเขา” ‘เขาจึงเรียกลูกหนี้ของนายเข้ามาทีละคน ถามคนแรกว่า “ท่านเป็นหนี้นายข้าพเจ้าเท่าไร” ลูกหนี้ตอบว่า “เป็นหนี้น้ำมันมะกอกเทศหนึ่งร้อยถัง” ผู้จัดการจึงบอกว่า “นำใบสัญญาของท่านมา นั่งลงเร็วๆ เขียนแก้เป็นห้าสิบถัง” แล้วเขาถามลูกหนี้อีกคนหนึ่งว่า “แล้วท่านล่ะ เป็นหนี้อยู่เท่าไร” เขาตอบว่า “เป็นหนี้ข้าวสาลีหนึ่งร้อยกระสอบ” ผู้จัดการจึงบอกว่า “เอาใบสัญญาของท่านมาแล้วเขียนแก้เป็นแปดสิบกระสอบ” ‘นายนึกชมผู้จัดการทุจริตคนนั้นว่าเขาทำอย่างเฉลียวฉลาด ทั้งนี้ก็เพราะบุตรของโลกนี้มีความเฉลียวฉลาดในการติดต่อกับคนประเภทเดียวกันมากกว่าบุตรของความสว่าง” “ดังนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงใช้เงินทองของโลกอธรรมนี้เพื่อสร้างมิตรให้ตนเอง เพื่อว่าเมื่อเงินทองนั้นหมดสิ้นแล้ว ท่านจะได้รับการต้อนรับสู่ที่พำนักนิรันดร ผู้ที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเงินทองของโลกอธรรมแล้ว ผู้ใดจะวางใจมอบสมบัติแท้จริงให้ท่านดูแลเล่า ถ้าท่านไม่ซื่อสัตย์ในการดูแลทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ผู้ใดจะให้ทรัพย์สมบัติของท่านแก่ท่าน ‘ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
คุณพ่อเคลเม้นท์: พ่อมาจากครอบครัวยากจน ซิสเตอร์ชาวอิตาเลี่ยนช่วยพ่อ เปลี่ยนแปลงชีวิตของพ่อ ทําให้พ่อเป็นพระสงฆ์รับใช้พี่น้องทุกคนในขณะนี้! มีคําพูดว่า คนยากจนเป็นคนขี้เกียจ และมีคนยากจนอยู่เสมอ พ่อว่ามีการฉ้อโกงทุจริต และโลภโมโทสันที่ทำให้คนยากจน พระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ทรงต้องการไถ่กู้ให้เรารอดพ้นและทรงต้องการช่วยพวกเราไม่ให้อดตายด้วย นักบุญเปาโลได้บอกพวกเราให้สวดเพื่อกษัตริย์ ผู้มีอำนาจ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ให้ทําหน้าที่เที่ยงตรง พวกเราประชาชนจะได้มีความสงบสุข และไม่ยากจนข้นแค้น
พระเป็นเจ้าจะตัดสินพวกเราว่า พวกเราแต่ละคนได้ใช้พระพรต่างๆที่พระองค์ทรงมอบให้อย่างถูกต้องหรือไม่!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
(ผมขออนุญาตพ่วงท้ายด้วยการขอบพระคุณผู้มีบุญคุณต่อผมและครอบครัว ด้วยการสวดภาวนาให้และเลียนแบบทําตาม)
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 26 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 25 กันยายน 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง อาโมส 6:1a, 4-7
วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่มีความสะดวกสบายอยู่ในศิโยน เขาทั้งหลายนอนบนเตียงงาช้าง เหยียดตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว กินลูกแกะจากฝูงแพะแกะ กินลูกโคที่ขุนไว้ในคอก เขาร้องเพลงไร้สาระประสานเสียงพิณใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีใหม่ ๆ สำหรับตนเหมือนกษัตริย์ดาวิด เขาใช้ชามใหญ่ดื่มเหล้าองุ่น ใช้น้ำมันอย่างดีชโลมตัว แต่ไม่เป็นห่วงถึงความพินาศของโยเซฟ เขาทั้งหลายจึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นเชลย และงานเลี้ยงอึกทึกของผู้ไม่มีอะไรทำก็จบลง
บทอ่านที่สอง 1 ทิโมธี 6:11-16
ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ดำเนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยัน ความเชื่อต่อหน้าพยานจำนวนมาก บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าผู้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซู ผู้ยืนยันประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัส ปีลาต ข้าพเจ้าขอกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อถึงเวลากำหนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอพระองค์ทรงดำรงพระเกียรติและพระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 16:19-31
เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวันคนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีมีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ ‘เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้” แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย” ‘เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ”
คุณพ่อทิม (Father Tim): พระวรสารของสองวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการเตือนให้พวกเรารู้จักใช้ทรัพย์สินสิ่งของ ที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้เราแบบถูกต้อง เพราะเมื่อพระองค์ทรงเรียกเราไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ เราจะต้องรับผิดชอบในการใช้ทรัพย์สินสิ่งของเหล่านั้น
ลูกล้างผลาญที่หายไปแล้วกลับคืนมา ผู้จัดการขี้โกงแต่ฉลาด แล้วก็ถึงเศรษฐีใจแคบ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ เขาสร้างเหวใหญ่ตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิต ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันแม้แต่เศษอาหารให้ลาซาลัสผู้ยากจนที่นอนอยู่หน้าประตูบ้าน เมื่อสิ้นชีวิตเหวใหญ่ก็ขวางกั้นเขาไม่ให้ไปสู่สวรรค์ชีวิตนิรันดร อับราฮัมเปรียบเสมือนว่าพระเป็นเจ้านั่นเอง
จากบทอ่านที่หนึ่ง: 721 ปี ก่อนพระเยซูเจ้าทรงบังเกิด ชาวอิสราเอลผู้ดีมีเงิน มีอำนาจ สําราญกับความเป็นอยู่ฟุ้งเฟ้อหรูหรา ไม่เห็นอกเห็นใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือผู้ยากจน ไม่สําเหนียกถึงอันตรายที่กําลังย่างกรายมา ตกเป็นทาสและเชลยของชาวแอสซิเรียน ( Assyrians) ที่โจมตีประเทศด้านเหนือยึดพื้นที่และยึดสิบเผ่าของชนชาติตัวเอง
ปัจจุบันนี้: ทั่วโลก เศรษฐี ผู้ดีมีเงิน มีอำนาจ มีความเป็นอยู่หรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ไม่เห็นอกเห็นใจต่อคนจน ใจจืดใจดํา ตัวเองสุขสบายก็พอใจแล้ว กําลังสร้างเหวใหญ่
เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องประกาศเผยแพร่พระวรสาร พระคัมภีร์ ให้ทุกคนในโลกได้รู้จักแล้วทําตาม จะได้ไม่สร้างเหว แล้วทุกคนจะได้รับรางวัลในสวรรค์ เหมือนอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัมที่แท้จริงก็คือพระเป็นเจ้านั่นเอง
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อาโมส 6:1a, 4-7
วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่มีความสะดวกสบายอยู่ในศิโยน เขาทั้งหลายนอนบนเตียงงาช้าง เหยียดตัวอยู่บนเก้าอี้ยาว กินลูกแกะจากฝูงแพะแกะ กินลูกโคที่ขุนไว้ในคอก เขาร้องเพลงไร้สาระประสานเสียงพิณใหญ่ ประดิษฐ์เครื่องดนตรีใหม่ ๆ สำหรับตนเหมือนกษัตริย์ดาวิด เขาใช้ชามใหญ่ดื่มเหล้าองุ่น ใช้น้ำมันอย่างดีชโลมตัว แต่ไม่เป็นห่วงถึงความพินาศของโยเซฟ เขาทั้งหลายจึงจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจับเป็นเชลย และงานเลี้ยงอึกทึกของผู้ไม่มีอะไรทำก็จบลง
บทอ่านที่สอง 1 ทิโมธี 6:11-16
ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกเลี่ยงเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จงมุ่งหน้าหาความชอบธรรม ความเคารพเลื่อมใสพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ จงยึดมั่นในชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้ดำเนินอยู่ เมื่อท่านได้ประกาศยืนยัน ความเชื่อต่อหน้าพยานจำนวนมาก บัดนี้ เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าผู้ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และเฉพาะพระพักตร์พระคริสตเยซู ผู้ยืนยันประกาศความเชื่อเป็นอย่างดีไว้ต่อหน้าปอนทิอัส ปีลาต ข้าพเจ้าขอกำชับให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการโดยไม่บกพร่อง จนกว่าพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อถึงเวลากำหนด พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระคริสตเยซู พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด ผู้ทรงเป็นอมตะแต่พระองค์เดียว ประทับอยู่ในแสงสว่างที่ไม่อาจเข้าถึงได้ ไม่มีมนุษย์คนใดเคยเห็นหรืออาจเห็นพระองค์ได้ ขอพระองค์ทรงดำรงพระเกียรติและพระพลานุภาพตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 16:19-31
เศรษฐีผู้หนึ่ง แต่งกายหรูหราด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีราคาแพง จัดงานเลี้ยงใหญ่ทุกวันคนยากจนผู้หนึ่งชื่อลาซารัส นอนอยู่ที่ประตูบ้านของเศรษฐีผู้นั้น เขามีบาดแผลเต็มตัว อยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีมีแต่สุนัขมาเลียแผลของเขา วันหนึ่ง คนยากจนผู้นี้ตาย ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัม เศรษฐีคนนั้นก็ตายเช่นเดียวกัน และถูกฝังไว้ ‘เศรษฐีซึ่งกำลังถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย แหงนหน้าขึ้น มองเห็นอับราฮัมแต่ไกล และเห็นลาซารัสอยู่ในอ้อมอก จึงร้องตะโกนว่า “ท่านพ่ออับราฮัม จงสงสารลูกด้วย กรุณาส่งลาซารัสให้ใช้ปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นให้ลูกสดชื่นขึ้นบ้าง เพราะลูกกำลังทุกข์ทรมานอย่างสาหัสในเปลวไฟนี้” แต่อับราฮัมตอบว่า “ลูกเอ๋ย จงจำไว้ว่า เมื่อยังมีชีวิต ลูกได้รับแต่สิ่งดีๆ ส่วนลาซารัสได้รับแต่สิ่งเลวๆ บัดนี้เขาได้รับการบรรเทาใจที่นี่ ส่วนลูกต้องรับทรมาน ยิ่งกว่านั้น ยังมีเหวใหญ่ขวางอยู่ระหว่างเราทั้งสอง จนใครที่ต้องการจะข้ามจากที่นี่ไปหาลูก ก็ข้ามไปไม่ได้ และผู้ที่ต้องการจะข้ามจากด้านโน้นมาหาเรา ก็ข้ามมาไม่ได้ด้วย” ‘เศรษฐีจึงพูดว่า “ท่านพ่อ ลูกอ้อนวอนให้ท่านส่งลาซารัสไปยังบ้านบิดาของลูก เพราะลูกยังมีพี่น้องอีกห้าคน ขอให้ลาซารัสเตือนเขาอย่าให้มายังสถานที่ทรมานแห่งนี้เลย” อับราฮัมตอบว่า “พี่น้องของลูกมีโมเสสและบรรดาประกาศกอยู่แล้ว ให้เขาเชื่อฟังท่านเหล่านั้นเถิด” แต่เศรษฐีพูดว่า “มิใช่เช่นนั้น ท่านพ่ออับราฮัม ถ้าใครคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตายไปหาเขา เขาจึงจะกลับใจ” อับราฮัมตอบว่า “ถ้าเขาไม่เชื่อฟังโมเสสและบรรดาประกาศก แม้ใครที่กลับคืนชีวิตจากบรรดาผู้ตายเตือนเขา เขาก็จะไม่เชื่อ”
คุณพ่อทิม (Father Tim): พระวรสารของสองวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการเตือนให้พวกเรารู้จักใช้ทรัพย์สินสิ่งของ ที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้เราแบบถูกต้อง เพราะเมื่อพระองค์ทรงเรียกเราไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ เราจะต้องรับผิดชอบในการใช้ทรัพย์สินสิ่งของเหล่านั้น
ลูกล้างผลาญที่หายไปแล้วกลับคืนมา ผู้จัดการขี้โกงแต่ฉลาด แล้วก็ถึงเศรษฐีใจแคบ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ เขาสร้างเหวใหญ่ตั้งแต่เมื่อยังมีชีวิต ไม่เผื่อแผ่แบ่งปันแม้แต่เศษอาหารให้ลาซาลัสผู้ยากจนที่นอนอยู่หน้าประตูบ้าน เมื่อสิ้นชีวิตเหวใหญ่ก็ขวางกั้นเขาไม่ให้ไปสู่สวรรค์ชีวิตนิรันดร อับราฮัมเปรียบเสมือนว่าพระเป็นเจ้านั่นเอง
จากบทอ่านที่หนึ่ง: 721 ปี ก่อนพระเยซูเจ้าทรงบังเกิด ชาวอิสราเอลผู้ดีมีเงิน มีอำนาจ สําราญกับความเป็นอยู่ฟุ้งเฟ้อหรูหรา ไม่เห็นอกเห็นใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือผู้ยากจน ไม่สําเหนียกถึงอันตรายที่กําลังย่างกรายมา ตกเป็นทาสและเชลยของชาวแอสซิเรียน ( Assyrians) ที่โจมตีประเทศด้านเหนือยึดพื้นที่และยึดสิบเผ่าของชนชาติตัวเอง
ปัจจุบันนี้: ทั่วโลก เศรษฐี ผู้ดีมีเงิน มีอำนาจ มีความเป็นอยู่หรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ไม่เห็นอกเห็นใจต่อคนจน ใจจืดใจดํา ตัวเองสุขสบายก็พอใจแล้ว กําลังสร้างเหวใหญ่
เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องประกาศเผยแพร่พระวรสาร พระคัมภีร์ ให้ทุกคนในโลกได้รู้จักแล้วทําตาม จะได้ไม่สร้างเหว แล้วทุกคนจะได้รับรางวัลในสวรรค์ เหมือนอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัมที่แท้จริงก็คือพระเป็นเจ้านั่นเอง
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 27 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 2 ตุลาคม 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง ฮาบากุก 1:2-3, 2:2-4
ต้องร้องขอความช่วยเหลือนานสักเท่าใด พระองค์จึงจะทรงฟัง ข้าพเจ้าจะร้องเสียงดังทูลพระองค์ว่า “ทารุณ” พระองค์ก็ไม่ทรงช่วยให้รอดพ้น ทำไมพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นการทำผิด และทรงนิ่งมองดูการกดขี่ข่มเหง ทั้งการปล้นและการใช้ความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า การทะเลาะวิวาทและแตกสามัคคีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พระดำรัสตอบครั้งที่สอง – ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์ พระยาห์เวห์ตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิต และสลักไว้ให้ชัดเจนบนแผ่นกระดาน เพื่อให้อ่านได้ง่าย ยังไม่ถึงเวลาที่นิมิตนี้จะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ช้าตามที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน แม้นิมิตนี้จะล่าช้าไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิตนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่ชักช้า ดูซิ ผู้มีจิตใจไม่ซื่อตรงก็จะล้มลง แต่ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์”
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 1: 6-8, 13-14
ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำของท่านเพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับพระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า จงยึดถือคำสอนที่ถูกต้องซึ่งท่านได้ยินมาจากข้าพเจ้าไว้เป็นแบบอย่างด้วยความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซู เดชะพระจิตเจ้าผู้สถิตในเรา จงรักษาของมีค่าที่ได้รับมอบไว้
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 17:5-10
บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน “ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อราโมส (ประจําในค่ายทหารบกใกล้เมืองเลซี่ มาช่วยทํามิสซาให้คุณพ่อทิม คุณพ่อเคลเม้นท์ เป็นบางอาทิตย์): พวกเราพึ่งพ้นจากความเสียหายของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็เจอกับสภาวะเงินเฟ้อ ราคาของทุกอย่างเพิ่มสูงทวีตัว การทําผิดกฎหมายก็เพิ่มมากขึ้น แล้วก็เจอกับพายุเฮอริเคนเอียน ทําให้ความเชื่อของบางคนสั่นคลอน
พ่อไม่ขอออกความเห็นด้านการเมือง แต่พ่อขอบอกว่าความเชื่อเป็นส่วนตัวส่วนบุคคลที่เชื่อ มีเหตุผลทําให้เชื่อ เป็นพันธกรณี มีชีวิตดํารงอยู่ มีพลังเต็มเปี่ยม เป็นความซื่อสัตย์ เป็นการเป็นสานุศิษย์ และการเผยแพร่ความเชื่อ พวกเราต้องแบ่งปันแจกจ่าย เป็นตะเกียงที่ถูกจุดไฟวางในที่สูง เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็น การแสดงความเชื่อที่รวมทั้งการสวดขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในร้านอาหารก่อนจะกิน อย่าเหนียมอาย!
สภาสังฆราชของสหรัฐอเมริกาได้รณรงค์ ให้มีการเผยแพร่ความเชื่อจากรุ่นเราผู้ใหญ่สืบต่อถึงรุ่นหนุ่มรุ่นสาว และเด็กวัยเยาว์ โดยการให้ความเชื่อฝังรากในจิตใจ เป็นความเชื่อที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ขลาดกลัวเหนียมอาย
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง ฮาบากุก 1:2-3, 2:2-4
ต้องร้องขอความช่วยเหลือนานสักเท่าใด พระองค์จึงจะทรงฟัง ข้าพเจ้าจะร้องเสียงดังทูลพระองค์ว่า “ทารุณ” พระองค์ก็ไม่ทรงช่วยให้รอดพ้น ทำไมพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นการทำผิด และทรงนิ่งมองดูการกดขี่ข่มเหง ทั้งการปล้นและการใช้ความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า การทะเลาะวิวาทและแตกสามัคคีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พระดำรัสตอบครั้งที่สอง – ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์ พระยาห์เวห์ตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิต และสลักไว้ให้ชัดเจนบนแผ่นกระดาน เพื่อให้อ่านได้ง่าย ยังไม่ถึงเวลาที่นิมิตนี้จะเป็นจริง แต่จะเป็นจริงในไม่ช้าตามที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน แม้นิมิตนี้จะล่าช้าไปบ้าง ก็จงคอยสักระยะหนึ่ง นิมิตนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่ชักช้า ดูซิ ผู้มีจิตใจไม่ซื่อตรงก็จะล้มลง แต่ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์”
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 1: 6-8, 13-14
ข้าพเจ้าจึงเตือนความจำของท่านเพื่อให้พระพรพิเศษของพระเจ้าเป็นไฟที่รุ่งโรจน์ขึ้นอีก ท่านได้รับพระพรนี้โดยการปกมือของข้าพเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า จงยึดถือคำสอนที่ถูกต้องซึ่งท่านได้ยินมาจากข้าพเจ้าไว้เป็นแบบอย่างด้วยความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซู เดชะพระจิตเจ้าผู้สถิตในเรา จงรักษาของมีค่าที่ได้รับมอบไว้
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 17:5-10
บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราเถิด” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า ‘ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน “ท่านผู้ใดที่มีคนรับใช้ออกไปไถนา หรือไปเลี้ยงแกะ เมื่อคนรับใช้กลับจากทุ่งนา ผู้นั้นจะพูดกับคนรับใช้หรือว่า “เร็วเข้า มานั่งโต๊ะเถิด” แต่จะพูดมิใช่หรือว่า “จงเตรียมอาหารมาให้ฉันเถิด จงคาดสะเอว คอยรับใช้ฉันขณะที่ฉันกินและดื่ม หลังจากนั้นเจ้าจึงกินและดื่ม” นายย่อมไม่ขอบใจผู้รับใช้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งมิใช่หรือ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อราโมส (ประจําในค่ายทหารบกใกล้เมืองเลซี่ มาช่วยทํามิสซาให้คุณพ่อทิม คุณพ่อเคลเม้นท์ เป็นบางอาทิตย์): พวกเราพึ่งพ้นจากความเสียหายของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็เจอกับสภาวะเงินเฟ้อ ราคาของทุกอย่างเพิ่มสูงทวีตัว การทําผิดกฎหมายก็เพิ่มมากขึ้น แล้วก็เจอกับพายุเฮอริเคนเอียน ทําให้ความเชื่อของบางคนสั่นคลอน
พ่อไม่ขอออกความเห็นด้านการเมือง แต่พ่อขอบอกว่าความเชื่อเป็นส่วนตัวส่วนบุคคลที่เชื่อ มีเหตุผลทําให้เชื่อ เป็นพันธกรณี มีชีวิตดํารงอยู่ มีพลังเต็มเปี่ยม เป็นความซื่อสัตย์ เป็นการเป็นสานุศิษย์ และการเผยแพร่ความเชื่อ พวกเราต้องแบ่งปันแจกจ่าย เป็นตะเกียงที่ถูกจุดไฟวางในที่สูง เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็น การแสดงความเชื่อที่รวมทั้งการสวดขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในร้านอาหารก่อนจะกิน อย่าเหนียมอาย!
สภาสังฆราชของสหรัฐอเมริกาได้รณรงค์ ให้มีการเผยแพร่ความเชื่อจากรุ่นเราผู้ใหญ่สืบต่อถึงรุ่นหนุ่มรุ่นสาว และเด็กวัยเยาว์ โดยการให้ความเชื่อฝังรากในจิตใจ เป็นความเชื่อที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ขลาดกลัวเหนียมอาย
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 28 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 9 ตุลาคม 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง 2 พงศ์กษัตริย์ 5:14-17 (ความกตัญญูต่อพระเป็นเจ้า)
นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็ก ๆ นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆแด่พระเจ้าอื่น นอกจากแด่พระยาห์เวห์เท่านั้น
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 2:8-13 (ชีวิตในพระเยซูคริสตเจ้า)
จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตรย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 17:11-19
ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ’ แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”
คุณพ่อเคลเม้นท์: จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในทุกสถานะการณ์ พวกเรามักจะคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตควรจะคิดถึงสิ่งที่ดีๆ เพราะพระเป็นเจ้าดีตลอดเวลาและตลอดเวลาพระเป็นเจ้าดี
บทอ่าน พระวรสาร บอกว่า ความเชื่อกับการบําบัดรักษาต้องเคียงคู่มาพร้อมกัน ไม่ว่าเราจะมีความสําเร็จหรือไม่ พระเป็นเจ้าทรงรักเราเสมอ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร นักบุญเปาโลทนทุกข์ทรมานเพราะความกตัญญูและความเชื่อ มีกี่ครั้งที่เราทุ่มตัวลงต่อหน้าพระบาทของพระองค์แสดงความกตัญญู ขอบพระคุณพระองค์เหมือนกับคนโรคเรื้อนคนนั้น!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 2 พงศ์กษัตริย์ 5:14-17 (ความกตัญญูต่อพระเป็นเจ้า)
นาอามานจึงลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้งตามที่คนของพระเจ้าบอก แล้วเนื้อหนังของเขาก็หายจากโรค สะอาดเหมือนผิวของเด็กเล็ก ๆ นาอามานกับผู้ติดตามทุกคนกลับไปหาคนของพระเจ้า มายืนต่อหน้าเขา กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดทั่วแผ่นดิน นอกจากพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้น ขอท่านกรุณารับของกำนัลจากผู้รับใช้ของท่านเถิด” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ซึ่งข้าพเจ้ารับใช้ทรงพระชนม์อยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่รับสิ่งใดจากท่านฉันนั้น” นาอามานยังรบเร้าให้เอลีชารับ แต่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับ นาอามานจึงขอร้องว่า “ถ้าท่านไม่ยอมรับ ขอให้ข้าพเจ้า ผู้รับใช้ของท่านนำล่อสองตัวบรรทุกดินจากที่นี่กลับบ้าน เพราะผู้รับใช้ของท่านจะไม่ถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาใดๆแด่พระเจ้าอื่น นอกจากแด่พระยาห์เวห์เท่านั้น
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 2:8-13 (ชีวิตในพระเยซูคริสตเจ้า)
จงระลึกถึง “พระเยซูคริสตเจ้า ผู้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตรย์ดาวิด” ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศ เพราะข่าวดีนี้เอง ข้าพเจ้าจึงต้องทนทุกข์จนต้องถูกจองจำเหมือนเป็นอาชญากร แต่พระวาจาของพระเจ้าจะถูกจองจำไม่ได้ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงทนทุกสิ่งเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ได้รับเลือกสรร เพื่อพวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งอยู่ในพระคริสตเยซู พร้อมกับชีวิตในสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดรด้วย ต่อไปนี้คือถ้อยคำที่เชื่อถือได้ ถ้าเราตายพร้อมกับพระองค์ เราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ ถ้าเราอดทนมั่นคง เราย่อมจะครองราชย์พร้อมกับพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธพระองค์ พระองค์ย่อมจะทรงปฏิเสธเรา ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะจะทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 17:11-19
ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ’ แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”
คุณพ่อเคลเม้นท์: จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในทุกสถานะการณ์ พวกเรามักจะคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตควรจะคิดถึงสิ่งที่ดีๆ เพราะพระเป็นเจ้าดีตลอดเวลาและตลอดเวลาพระเป็นเจ้าดี
บทอ่าน พระวรสาร บอกว่า ความเชื่อกับการบําบัดรักษาต้องเคียงคู่มาพร้อมกัน ไม่ว่าเราจะมีความสําเร็จหรือไม่ พระเป็นเจ้าทรงรักเราเสมอ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร นักบุญเปาโลทนทุกข์ทรมานเพราะความกตัญญูและความเชื่อ มีกี่ครั้งที่เราทุ่มตัวลงต่อหน้าพระบาทของพระองค์แสดงความกตัญญู ขอบพระคุณพระองค์เหมือนกับคนโรคเรื้อนคนนั้น!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 29 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 16 ตุลาคม 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 17: 8-13
ชาวอามาเลขโจมตีชาวอิสราเอลที่เรฟีดิม โมเสสสั่งโยชูวาว่า “จงเลือกชายบางคนและออกไปสู้รบกับชาวอามาเลขในวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะยืนอยู่บนยอดเนินถือไม้เท้าของพระเจ้า” โยชูวาทำตามที่โมเสสสั่ง ออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข ขณะที่โมเสส อาโรนและเฮอร์ขึ้นไปบนยอดเนิน เมื่อใดที่โมเสสยกมือขึ้น ชาวอิสราเอลก็ได้เปรียบ แต่เมื่อเขาลดมือลง ชาวอามาเลขก็กลับได้เปรียบ เมื่อมือของโมเสสเมื่อยล้า อาโรนกับเฮอร์ก็เอาก้อนหินมารองให้โมเสสนั่ง แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันประคองมือของโมเสสไว้คนละข้าง ดังนั้น มือของโมเสสก็ชูมั่นอยู่จนตะวันตกดิน โยชูวามีชัยชนะเหนือชาวอามาเลข และฆ่าชาวอามาเลขทุกคนด้วยดาบ
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 3:14-4:2
จงมั่นคงในคำสอนที่ท่านได้เรียนและมีความเชื่อมั่น ท่านก็รู้ว่าท่านเรียนรู้จากผู้ใด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กท่านรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยท่านให้มีความเฉลียวฉลาดเพื่อรับความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง
ข้าพเจ้าขอกำชับท่านเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเยซูผู้จะทรงพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย โดยอ้างถึงการสำแดงพระองค์และพระอาณาจักรของพระองค์ จงประกาศพระวาจา จงพร้อมสรรพ ทั้งเมื่อมีโอกาสและเมื่อไม่มีโอกาส จงว่ากล่าว จงตักเตือน จงให้กำลังใจ โดยพร่ำสอนด้วยความพากเพียรอย่างเต็มที่
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 18: 1-8
พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า ‘ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า “กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด” ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ”
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อเคลเมนท์: การอธิษฐานภาวนาคือความเชื่อในการกระทํา เราต้องอธิษฐานภาวนาตลอดเวลาด้วยความเชื่อและความหมั่นเพียร พระเป็นเจ้าไม่เหนื่อยหน่ายในการรับฟัง เพราะฉะนั้นจงอธิษฐานในทุกสถานะการณ์ หญิงม่ายผู้นั้นก็คือเราที่ร้องขอความยุติธรรม มันอาจจะกินเวลานาน แต่เราจะได้รับแน่นอนเพราะ...
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 17: 8-13
ชาวอามาเลขโจมตีชาวอิสราเอลที่เรฟีดิม โมเสสสั่งโยชูวาว่า “จงเลือกชายบางคนและออกไปสู้รบกับชาวอามาเลขในวันพรุ่งนี้ ข้าพเจ้าจะยืนอยู่บนยอดเนินถือไม้เท้าของพระเจ้า” โยชูวาทำตามที่โมเสสสั่ง ออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข ขณะที่โมเสส อาโรนและเฮอร์ขึ้นไปบนยอดเนิน เมื่อใดที่โมเสสยกมือขึ้น ชาวอิสราเอลก็ได้เปรียบ แต่เมื่อเขาลดมือลง ชาวอามาเลขก็กลับได้เปรียบ เมื่อมือของโมเสสเมื่อยล้า อาโรนกับเฮอร์ก็เอาก้อนหินมารองให้โมเสสนั่ง แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันประคองมือของโมเสสไว้คนละข้าง ดังนั้น มือของโมเสสก็ชูมั่นอยู่จนตะวันตกดิน โยชูวามีชัยชนะเหนือชาวอามาเลข และฆ่าชาวอามาเลขทุกคนด้วยดาบ
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 3:14-4:2
จงมั่นคงในคำสอนที่ท่านได้เรียนและมีความเชื่อมั่น ท่านก็รู้ว่าท่านเรียนรู้จากผู้ใด ตั้งแต่ยังเป็นเด็กท่านรู้จักพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยท่านให้มีความเฉลียวฉลาดเพื่อรับความรอดพ้นโดยอาศัยความเชื่อในพระคริสตเยซู ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง
ข้าพเจ้าขอกำชับท่านเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และเฉพาะพระพักตร์ของพระคริสตเยซูผู้จะทรงพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตาย โดยอ้างถึงการสำแดงพระองค์และพระอาณาจักรของพระองค์ จงประกาศพระวาจา จงพร้อมสรรพ ทั้งเมื่อมีโอกาสและเมื่อไม่มีโอกาส จงว่ากล่าว จงตักเตือน จงให้กำลังใจ โดยพร่ำสอนด้วยความพากเพียรอย่างเต็มที่
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 18: 1-8
พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า ‘ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า “กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด” ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ”
บทเทศน์เด็ดของคุณพ่อเคลเมนท์: การอธิษฐานภาวนาคือความเชื่อในการกระทํา เราต้องอธิษฐานภาวนาตลอดเวลาด้วยความเชื่อและความหมั่นเพียร พระเป็นเจ้าไม่เหนื่อยหน่ายในการรับฟัง เพราะฉะนั้นจงอธิษฐานในทุกสถานะการณ์ หญิงม่ายผู้นั้นก็คือเราที่ร้องขอความยุติธรรม มันอาจจะกินเวลานาน แต่เราจะได้รับแน่นอนเพราะ...
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
อาทิตย์ที่ 30 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 23 ตุลาคม 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง: 35:12-14,16-18 ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง พระองค์ไม่ทรงลำเอียงทำให้ผู้ยากจนต้องได้รับความเสียหาย แต่ทรงฟังคำวอนขอของผู้ถูกข่มเหง พระองค์ไม่ทรงเมินเฉยต่อคำวอนขอของลูกกำพร้า และไม่ทรงเมินเฉยเมื่อหญิงม่ายระบายความทุกข์แด่พระองค์ ผู้ใดเต็มใจรับใช้พระเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับของพระองค์ คำวอนขอของเขาจะขึ้นไปถึงเมฆ คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับความบรรเทา จะไม่หยุดจนกว่าพระผู้สูงสุดจะเสด็จมาเยี่ยม และตัดสินประกาศความบริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม
บทอ่านที่สอง 2ทิโมธี 4:6-8,16-18 บั้นปลายแห่งชีวิตของเปาโล
ชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยและรักษาความเชื่อไว้แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการสำแดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปากสิงโตมาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 18:9-14
พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”
คุณพ่อทิม: การสอนอธิษฐานภาวนาได้รับการสืบทอดต่อกันมา ถ้าเป็นสมาชิกใหม่ก็ต้องได้รับการสอนให้รู้วิธี และบางครั้งสมาชิกเก่าก็ได้รับการสอนให้ทําอธิษฐานภาวนาแบบถูกต้อง ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงสอนสานุศิษย์และผู้ติดตามพระองค์ ด้วยการยกตัวอย่างชาวฟาริสีที่ถือกันว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนนับถือและต้องการเลียนแบบ และคนเก็บภาษีที่สังคมประนามว่าเป็นคนบาปที่น่ารังเกียจ
การอธิษฐานภาวนาเป็นการสนทนากับพระเจ้า ต้องทําด้วยความจริงใจและถ่อมตน ชาวฟาริสีอวดตัวดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นและตัดสินคนเก็บภาษี คนเก็บภาษีถ่อมตัว กราบขอโทษพระเจ้าในบาปที่ได้กระทำ พระเจ้าทรงประทานพระยุติธรรมให้เขาโดยการให้อภัยบาปของเขา ผิดกับชาวฟาริสีที่ไม่ได้รับการให้อภัยบาปที่แอบซ่อนอยู่ บาปที่เขามองไม่เห็น การอวดตัว ดูหมิ่น และตัดสินผู้อื่น
ในช่วงของการเลือกตั้งนี้ พวกเราได้เห็นโฆษณาการเมืองที่ขุดคุ้ยความผิดพลาดของนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม มีแต่สิ่งไม่ดีงาม เราต้องระวังอย่าทําตัวว่าศักดิ์สิทธิ์กว่าพวกเขา อย่าอวดตัวว่าถ้าเป็นเรา เราจะไม่ทําแบบนั้น!
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง: 35:12-14,16-18 ความเที่ยงธรรมของพระเจ้า
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา พระองค์ไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง พระองค์ไม่ทรงลำเอียงทำให้ผู้ยากจนต้องได้รับความเสียหาย แต่ทรงฟังคำวอนขอของผู้ถูกข่มเหง พระองค์ไม่ทรงเมินเฉยต่อคำวอนขอของลูกกำพร้า และไม่ทรงเมินเฉยเมื่อหญิงม่ายระบายความทุกข์แด่พระองค์ ผู้ใดเต็มใจรับใช้พระเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับของพระองค์ คำวอนขอของเขาจะขึ้นไปถึงเมฆ คำอธิษฐานของผู้ต่ำต้อยทะลุเมฆขึ้นไป และจะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้รับความบรรเทา จะไม่หยุดจนกว่าพระผู้สูงสุดจะเสด็จมาเยี่ยม และตัดสินประกาศความบริสุทธิ์ของผู้ชอบธรรม
บทอ่านที่สอง 2ทิโมธี 4:6-8,16-18 บั้นปลายแห่งชีวิตของเปาโล
ชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยและรักษาความเชื่อไว้แล้ว ยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรม ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่เพียงให้ข้าพเจ้าเท่านั้น แต่จะประทานให้ทุกคนที่มีความรักเฝ้ารอคอยการสำแดงพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน ในการสู้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้า ไม่มีใครเป็นพยานให้ข้าพเจ้าเลย ทุกคนละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาถูกลงโทษเลย มีแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่เคียงข้างและประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อการประกาศข่าวดีจะได้สำเร็จไปโดยทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหลายจะได้ฟังข่าวดี ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงถูกฉุดให้พ้นจากปากสิงโตมาได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการประทุษร้ายทั้งสิ้น และจะทรงนำข้าพเจ้าไปสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์อย่างปลอดภัย ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดรเทอญ อาเมน
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 18:9-14
พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”
คุณพ่อทิม: การสอนอธิษฐานภาวนาได้รับการสืบทอดต่อกันมา ถ้าเป็นสมาชิกใหม่ก็ต้องได้รับการสอนให้รู้วิธี และบางครั้งสมาชิกเก่าก็ได้รับการสอนให้ทําอธิษฐานภาวนาแบบถูกต้อง ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงสอนสานุศิษย์และผู้ติดตามพระองค์ ด้วยการยกตัวอย่างชาวฟาริสีที่ถือกันว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนนับถือและต้องการเลียนแบบ และคนเก็บภาษีที่สังคมประนามว่าเป็นคนบาปที่น่ารังเกียจ
การอธิษฐานภาวนาเป็นการสนทนากับพระเจ้า ต้องทําด้วยความจริงใจและถ่อมตน ชาวฟาริสีอวดตัวดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นและตัดสินคนเก็บภาษี คนเก็บภาษีถ่อมตัว กราบขอโทษพระเจ้าในบาปที่ได้กระทำ พระเจ้าทรงประทานพระยุติธรรมให้เขาโดยการให้อภัยบาปของเขา ผิดกับชาวฟาริสีที่ไม่ได้รับการให้อภัยบาปที่แอบซ่อนอยู่ บาปที่เขามองไม่เห็น การอวดตัว ดูหมิ่น และตัดสินผู้อื่น
ในช่วงของการเลือกตั้งนี้ พวกเราได้เห็นโฆษณาการเมืองที่ขุดคุ้ยความผิดพลาดของนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม มีแต่สิ่งไม่ดีงาม เราต้องระวังอย่าทําตัวว่าศักดิ์สิทธิ์กว่าพวกเขา อย่าอวดตัวว่าถ้าเป็นเรา เราจะไม่ทําแบบนั้น!
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 31 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 30 ตุลาคม 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด
บทอ่านที่หนึ่ง ปรีชาญาณ 11:22-12:2
เฉพาะพระพักตร์พระองค์ สกลจักรวาลเปรียบเสมือนฝุ่นผงบนตาชั่ง เหมือนน้ำค้างยามเช้าหยดหนึ่งที่ตกบนพื้นดิน แต่พระองค์ทรงพระเมตตาต่อทุกคน เพราะพระองค์ทรงกระทำได้ทุกอย่าง ทรงมองข้ามบาปของมนุษย์ เพื่อเขาจะได้เป็นทุกข์กลับใจ พระองค์ทรงรักทุกสิ่งที่มีอยู่ ไม่ทรงรังเกียจสิ่งใดที่ทรงเนรมิต เพราะถ้าพระองค์ทรงเกลียดสิ่งใด ก็คงจะไม่ทรงเนรมิตสิ่งนั้น หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์สิ่งใด สิ่งนั้นจะดำรงอยู่ได้อย่างไร สิ่งนั้นจะคงอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถ้าพระองค์ไม่ทรงเรียกให้เกิดขึ้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักทุกสิ่งที่มีชีวิต พระองค์ทรงพระกรุณาต่อทุกสิ่ง เพราะทุกสิ่งเป็นของพระองค์ พระจิตไม่รู้เสื่อมสลายของพระองค์อยู่ในทุกสิ่ง เพราะฉะนั้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงลงโทษผู้กระทำผิดทีละน้อย ทรงตักเตือนและชักชวนให้เขาระลึกถึงบาปที่เขากำลังกระทำอยู่ เขาจะได้ละทิ้งความชั่ว และมีความเชื่อในพระองค์
บทอ่านที่สอง เธสะโลนิกา 1:11-2:2
ด้วยเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานภาวนาเพื่อท่านทั้งหลายอยู่เสมอ ขอพระเจ้าของเราโปรดให้ท่านเหมาะสมกับการที่พระองค์ทรงเรียก และขอพระองค์ทรงบันดาลเจตจำนงที่ดีทุกอย่างของท่านรวมทั้งกิจการแห่งความเชื่อให้บรรลุผลสำเร็จเดชะพระอานุภาพของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะได้รับเกียรติเพราะท่านและท่านก็จะได้รับเกียรติเดชะพระองค์ตามพระหรรษทานของพระเจ้าของเราและของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 19:1-10
พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้นชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมากและเพราะเขาเป็นคนร่างเตี้ย เขาจึงวิ่งนำหน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์กำลังจะเสด็จผ่านไปทางนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงที่นั่น ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า ‘ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้’ เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า ‘เขาไปพักที่บ้านคนบาป’ ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า’.พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยคนเลวทรามให้รอดพ้น’
คุณพ่อเคลเม้นท์: ความเป็นคนเตี้ยทําให้ศักเคียสยอมรับสภาพของความจริง แต่เขาเลือกทางออกอีกทางหนึ่งที่เขาสามารถทําได้ นั่นก็คือการปีนต้นมะเดื่อเทศที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่าน ได้พบพระองค์ แล้วได้รับความรอดพ้นจากองค์พระเป็นเจ้า พวกเราต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยความถ่อมตัว แล้วเลือกทางออกอีกทางเพื่อจะได้รับความรอดพ้นเช่นกัน!
คุณมารีย์ ผู้บริหารกองทุนและถุงทานของวัด: พวกเราคริสตชนเชื่อว่าที่ทุกสิ่งที่เรามี พระเป็นเจ้าทรงประทานให้ ดิฉันรับหน้าที่นี้มากว่า 23 ปี เมื่อมีรายได้น้อย ดิฉันก็ให้น้อยตามรายได้ เมื่อดิฉันมีรายได้มากขึ้น ดิฉันก็ให้มากขึ้น การให้ควรสมดุลย์กับรายได้ของเรา: แบ่งปันและเสียสละ อาทิเช่น ลดการดื่มกาแฟที่ชอบจากร้านจากสองถ้วยเป็นหนึ่งถ้วยต่อวัน เลื่อนการเดินทางพักผ่อนเพื่อจะเก็บเงินช่วยปรับปรุงวัดและสถานที่บริเวณ
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง ปรีชาญาณ 11:22-12:2
เฉพาะพระพักตร์พระองค์ สกลจักรวาลเปรียบเสมือนฝุ่นผงบนตาชั่ง เหมือนน้ำค้างยามเช้าหยดหนึ่งที่ตกบนพื้นดิน แต่พระองค์ทรงพระเมตตาต่อทุกคน เพราะพระองค์ทรงกระทำได้ทุกอย่าง ทรงมองข้ามบาปของมนุษย์ เพื่อเขาจะได้เป็นทุกข์กลับใจ พระองค์ทรงรักทุกสิ่งที่มีอยู่ ไม่ทรงรังเกียจสิ่งใดที่ทรงเนรมิต เพราะถ้าพระองค์ทรงเกลียดสิ่งใด ก็คงจะไม่ทรงเนรมิตสิ่งนั้น หากพระองค์ไม่ทรงประสงค์สิ่งใด สิ่งนั้นจะดำรงอยู่ได้อย่างไร สิ่งนั้นจะคงอยู่ต่อไปได้อย่างไร ถ้าพระองค์ไม่ทรงเรียกให้เกิดขึ้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักทุกสิ่งที่มีชีวิต พระองค์ทรงพระกรุณาต่อทุกสิ่ง เพราะทุกสิ่งเป็นของพระองค์ พระจิตไม่รู้เสื่อมสลายของพระองค์อยู่ในทุกสิ่ง เพราะฉะนั้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จึงทรงลงโทษผู้กระทำผิดทีละน้อย ทรงตักเตือนและชักชวนให้เขาระลึกถึงบาปที่เขากำลังกระทำอยู่ เขาจะได้ละทิ้งความชั่ว และมีความเชื่อในพระองค์
บทอ่านที่สอง เธสะโลนิกา 1:11-2:2
ด้วยเหตุนี้ เราจึงอธิษฐานภาวนาเพื่อท่านทั้งหลายอยู่เสมอ ขอพระเจ้าของเราโปรดให้ท่านเหมาะสมกับการที่พระองค์ทรงเรียก และขอพระองค์ทรงบันดาลเจตจำนงที่ดีทุกอย่างของท่านรวมทั้งกิจการแห่งความเชื่อให้บรรลุผลสำเร็จเดชะพระอานุภาพของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะได้รับเกียรติเพราะท่านและท่านก็จะได้รับเกียรติเดชะพระองค์ตามพระหรรษทานของพระเจ้าของเราและของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และเรื่องการชุมนุมของเราเพื่อพบกับพระองค์นั้น เราวอนขอท่านอย่ารีบด่วนหวั่นไหวหรือตกใจไม่ว่าเพราะคำพยากรณ์ที่อ้างว่ามาจากพระจิตเจ้า หรือเพราะคำพูดหรือจดหมายที่อ้างว่ามาจากเรา ประหนึ่งว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว
พระวรสาร โดยนักบุญลูกา 19:1-10
พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้นชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมากและเพราะเขาเป็นคนร่างเตี้ย เขาจึงวิ่งนำหน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์กำลังจะเสด็จผ่านไปทางนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงที่นั่น ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า ‘ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้’ เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า ‘เขาไปพักที่บ้านคนบาป’ ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า’.พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยคนเลวทรามให้รอดพ้น’
คุณพ่อเคลเม้นท์: ความเป็นคนเตี้ยทําให้ศักเคียสยอมรับสภาพของความจริง แต่เขาเลือกทางออกอีกทางหนึ่งที่เขาสามารถทําได้ นั่นก็คือการปีนต้นมะเดื่อเทศที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จผ่าน ได้พบพระองค์ แล้วได้รับความรอดพ้นจากองค์พระเป็นเจ้า พวกเราต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยความถ่อมตัว แล้วเลือกทางออกอีกทางเพื่อจะได้รับความรอดพ้นเช่นกัน!
คุณมารีย์ ผู้บริหารกองทุนและถุงทานของวัด: พวกเราคริสตชนเชื่อว่าที่ทุกสิ่งที่เรามี พระเป็นเจ้าทรงประทานให้ ดิฉันรับหน้าที่นี้มากว่า 23 ปี เมื่อมีรายได้น้อย ดิฉันก็ให้น้อยตามรายได้ เมื่อดิฉันมีรายได้มากขึ้น ดิฉันก็ให้มากขึ้น การให้ควรสมดุลย์กับรายได้ของเรา: แบ่งปันและเสียสละ อาทิเช่น ลดการดื่มกาแฟที่ชอบจากร้านจากสองถ้วยเป็นหนึ่งถ้วยต่อวัน เลื่อนการเดินทางพักผ่อนเพื่อจะเก็บเงินช่วยปรับปรุงวัดและสถานที่บริเวณ
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ 32 ในเทศกาลธรรมดา วันที่ 6 พฤศจิกายน 2022 บทอ่าน พระวรสารและบทเทศน์เด็ด ของ”อาทิตย์แห่งการตระหนักของ
กระแสเรียก"
บทอ่านที่หนึ่ง 2 มัคคาบี 7:1-2, 9-14
เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มารดาและบุตรเจ็ดคนถูกจับกุม กษัตริย์ทรงพยายามบังคับเขาให้กินเนื้อหมูซึ่งธรรมบัญญัติห้ามกิน โดยใช้แส้เฆี่ยนตีทรมาน บุตรคนหนึ่งพูดแทนพี่น้องว่า “พระองค์ทรงซักถามพวกเรานี้หวังจะทราบอะไรเล่า เราพร้อมจะตายดีกว่าจะละเมิดธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษ" เมื่อใกล้จะตาย เขาพูดว่า “พระองค์ทรงโหดร้าย ทรงทำลายชีวิตปัจจุบันของพวกเราได้ แต่พระเจ้า กษัตริย์จอมจักรวาลจะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพมีชีวิตตลอดไป เพราะเราได้ตายเพื่อธรรมบัญญัติของพระองค์” ต่อจากนั้น คนที่สามก็ถูกทรมาน เมื่อถูกสั่ง เขาก็แลบลิ้นและยื่นมือออกมาอย่างกล้าหาญ แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พระเจ้าประทานอวัยวะเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมจะสละอวัยวะเหล่านี้เพราะเห็นแก่ธรรมบัญญัติของพระองค์ ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับอวัยวะเหล่านี้คืนมาอีกครั้งหนึ่ง” กษัตริย์ทรงประหลาดพระทัยเช่นเดียวกับข้าราชบริพารที่หนุ่มคนนี้มีความกล้าหาญ จนไม่หวั่นไหวต่อการทรมานใด ๆ เมื่อเขาตายแล้ว น้องชายคนที่สี่ก็ถูกทรมานเช่นเดียวกัน เมื่อใกล้จะตาย เขาพูดว่า “ตายด้วยน้ำมือมนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม เมื่อมีความหวังว่าพระเจ้าจะประทานชีวิตให้อีก แต่พระองค์ ข้าแต่พระราชา พระองค์จะไม่มีวันได้กลับคืนพระชนมชีพอีกเลย”
บทอ่านที่สอง 2 เธสะโลนิกา 2:16-3:15
ขอพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเรา ประทานกำลังใจนิรันดรและความหวังที่ดีให้เรา เดชะพระหรรษทาน โปรดประทานกำลังใจให้ท่านและบันดาลให้ท่านยืนหยัดมั่นคงในกิจการและวาจาที่ดีทุกประการเทอญ พี่น้องทั้งหลาย สุดท้ายนี้ จงอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา ขอให้พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเผยแผ่ไปอย่างรวดเร็วและได้รับการยกย่องดังที่เป็นไปในหมู่ท่านแล้ว และให้เราพ้นจากคนชั่วร้าย เพราะมิใช่ทุกคนมีความเชื่อ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเสริมกำลังให้ท่านมั่นคง และทรงคุ้มครองท่านจากมารร้าย เรามั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าท่านกำลังทำสิ่งที่เรากำชับนั้นและจะทำต่อไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านสู่ความรักของพระเจ้า และสู่ความอดทนมั่นคงของพระคริสตเจ้าเถิด
พระวรสาร โดย นักบุญลูกา 20:27, 34-38
ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คนของโลกนี้ แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เพราะทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์’
วันนี้พิเศษ: มีการสํารวจจากสภาพระสังฆราชของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นคําถามบนกระดาษสองหน้าให้สาธุชนโรมันคาทอลิกอายุ 16 ปีขึ้นไปตอบ มีการแจกกระดาษสํารวจและดินสอก่อนมิสซา แล้วมีเวลาให้ตอบช่วงภาคถวาย สาธุชนส่วนใหญ่ตอบเสร็จแล้วก็มีการเก็บสํารวจกันเลย ที่เหลือเก็บหลังมิสซา เป็นการดําเนินงานที่ราบรื่นไม่กินเวลา
จุดประสงค์: รู้จักความเชื่อของตัวเอง ส่งต่อความเชื่อให้ผู้อื่น ดํารงชีพในความเชื่อที่มีความปรองดอง
สองหัวข้อของการสํารวจ: 1) คุณมีส่วนร่วมกิจกรรมของความศรัทธาหรือไม่? อาทิเช่น มิสซา สวดสายประคํา รับศีลต่างๆ ( ความถี่ห่าง หรือว่า ไม่เลย) 2) คุณถ่ายทอดความเชื่อให้ลูก ญาติมิตร พี่น้อง คนแปลกหน้า หรือไม่? ( ความถี่ห่าง หรือว่า ไม่เลย)
คุณพ่อทิม: ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกับอดีต คริสตชนถูกกดขี่ข่มเหง แล้วถูกยัดเยียดความเชื่อของพวกเขาให้กับเราและลูกของเราที่มีความเชื่อในพระเจ้าและธรรมบัญญัติของพระองค์ บทอ่านที่หนึ่งเป็นตัวอย่างให้พวกเราเห็นกัน แม่ลูกยอมตายเพราะความเชื่อ
พวกเราต้องจดจําตลอดเวลาว่า พระเยซูเจ้าคือ หนทาง ความสว่าง และ ชีวิต ที่นําไปสู่ ความรอดพ้น!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
กระแสเรียก"
บทอ่านที่หนึ่ง 2 มัคคาบี 7:1-2, 9-14
เหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น มารดาและบุตรเจ็ดคนถูกจับกุม กษัตริย์ทรงพยายามบังคับเขาให้กินเนื้อหมูซึ่งธรรมบัญญัติห้ามกิน โดยใช้แส้เฆี่ยนตีทรมาน บุตรคนหนึ่งพูดแทนพี่น้องว่า “พระองค์ทรงซักถามพวกเรานี้หวังจะทราบอะไรเล่า เราพร้อมจะตายดีกว่าจะละเมิดธรรมบัญญัติของบรรพบุรุษ" เมื่อใกล้จะตาย เขาพูดว่า “พระองค์ทรงโหดร้าย ทรงทำลายชีวิตปัจจุบันของพวกเราได้ แต่พระเจ้า กษัตริย์จอมจักรวาลจะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพมีชีวิตตลอดไป เพราะเราได้ตายเพื่อธรรมบัญญัติของพระองค์” ต่อจากนั้น คนที่สามก็ถูกทรมาน เมื่อถูกสั่ง เขาก็แลบลิ้นและยื่นมือออกมาอย่างกล้าหาญ แล้วพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “พระเจ้าประทานอวัยวะเหล่านี้ให้ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้าพร้อมจะสละอวัยวะเหล่านี้เพราะเห็นแก่ธรรมบัญญัติของพระองค์ ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับอวัยวะเหล่านี้คืนมาอีกครั้งหนึ่ง” กษัตริย์ทรงประหลาดพระทัยเช่นเดียวกับข้าราชบริพารที่หนุ่มคนนี้มีความกล้าหาญ จนไม่หวั่นไหวต่อการทรมานใด ๆ เมื่อเขาตายแล้ว น้องชายคนที่สี่ก็ถูกทรมานเช่นเดียวกัน เมื่อใกล้จะตาย เขาพูดว่า “ตายด้วยน้ำมือมนุษย์เป็นสิ่งสวยงาม เมื่อมีความหวังว่าพระเจ้าจะประทานชีวิตให้อีก แต่พระองค์ ข้าแต่พระราชา พระองค์จะไม่มีวันได้กลับคืนพระชนมชีพอีกเลย”
บทอ่านที่สอง 2 เธสะโลนิกา 2:16-3:15
ขอพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเรา ประทานกำลังใจนิรันดรและความหวังที่ดีให้เรา เดชะพระหรรษทาน โปรดประทานกำลังใจให้ท่านและบันดาลให้ท่านยืนหยัดมั่นคงในกิจการและวาจาที่ดีทุกประการเทอญ พี่น้องทั้งหลาย สุดท้ายนี้ จงอธิษฐานภาวนาเพื่อเรา ขอให้พระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเผยแผ่ไปอย่างรวดเร็วและได้รับการยกย่องดังที่เป็นไปในหมู่ท่านแล้ว และให้เราพ้นจากคนชั่วร้าย เพราะมิใช่ทุกคนมีความเชื่อ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์ทรงเสริมกำลังให้ท่านมั่นคง และทรงคุ้มครองท่านจากมารร้าย เรามั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าท่านกำลังทำสิ่งที่เรากำชับนั้นและจะทำต่อไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านสู่ความรักของพระเจ้า และสู่ความอดทนมั่นคงของพระคริสตเจ้าเถิด
พระวรสาร โดย นักบุญลูกา 20:27, 34-38
ชาวสะดูสีบางคนมาพบพระเยซูเจ้า คนเหล่านี้สอนว่าไม่มีการกลับคืนชีพ เขาทูลถามพระองค์พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘คนของโลกนี้ แต่งงานเป็นสามีภรรยากัน แต่คนที่จะบรรลุถึงโลกหน้าและจะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายนั้น จะไม่แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก เพราะเขาจะไม่ตายอีกต่อไป เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะเป็นบุตรของพระเจ้า เพราะเขาจะกลับคืนชีพ โมเสสยืนยันแล้วว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพในข้อความเรื่องพุ่มไม้ เมื่อพูดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัคและพระเจ้าของยาโคบ พระองค์มิใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น เพราะทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์’
วันนี้พิเศษ: มีการสํารวจจากสภาพระสังฆราชของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นคําถามบนกระดาษสองหน้าให้สาธุชนโรมันคาทอลิกอายุ 16 ปีขึ้นไปตอบ มีการแจกกระดาษสํารวจและดินสอก่อนมิสซา แล้วมีเวลาให้ตอบช่วงภาคถวาย สาธุชนส่วนใหญ่ตอบเสร็จแล้วก็มีการเก็บสํารวจกันเลย ที่เหลือเก็บหลังมิสซา เป็นการดําเนินงานที่ราบรื่นไม่กินเวลา
จุดประสงค์: รู้จักความเชื่อของตัวเอง ส่งต่อความเชื่อให้ผู้อื่น ดํารงชีพในความเชื่อที่มีความปรองดอง
สองหัวข้อของการสํารวจ: 1) คุณมีส่วนร่วมกิจกรรมของความศรัทธาหรือไม่? อาทิเช่น มิสซา สวดสายประคํา รับศีลต่างๆ ( ความถี่ห่าง หรือว่า ไม่เลย) 2) คุณถ่ายทอดความเชื่อให้ลูก ญาติมิตร พี่น้อง คนแปลกหน้า หรือไม่? ( ความถี่ห่าง หรือว่า ไม่เลย)
คุณพ่อทิม: ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกับอดีต คริสตชนถูกกดขี่ข่มเหง แล้วถูกยัดเยียดความเชื่อของพวกเขาให้กับเราและลูกของเราที่มีความเชื่อในพระเจ้าและธรรมบัญญัติของพระองค์ บทอ่านที่หนึ่งเป็นตัวอย่างให้พวกเราเห็นกัน แม่ลูกยอมตายเพราะความเชื่อ
พวกเราต้องจดจําตลอดเวลาว่า พระเยซูเจ้าคือ หนทาง ความสว่าง และ ชีวิต ที่นําไปสู่ ความรอดพ้น!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่หนึ่งของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 27 พฤศจิกายน 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อทิม วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Tim, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 2:1-5 สันติภาพถาวร
นิมิตที่ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอสเห็นเกี่ยวกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ในยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารของพระยาห์เวห์ จะถูกตั้งขึ้นเหนือยอดของภูเขาทั้งหลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้ ชนหลายชาติจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวาจาของพระยาห์เวห์จะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรงวินิจฉัยประชากรจำนวนมาก เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติต่าง ๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด เราจงเดินในความสว่างของพระยาห์เวห์”
บทอ่านที่สอง โรม 13:11-14 บุตรแห่งความสว่าง
ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย แล้วสวมเกราะของความสว่าง
เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง
พระวรสาร โดย นักบุญมัทธิว 24: 37-44 มีความระมัดระวังและเตรียมพร้อม
“สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”
( คําเทศน์ของคุณพ่อทิม เจ้าอาวาสวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาในมิสซาวันอาทิตย์ที่หนึ่งของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นวันอาทิตย์หลังวันพฤหัสที่ 24 พฤศจิกายน วันขอบคุณพระเจ้า / Thanksgiving Day เป็นวันฉลองของชาวอเมริกันทั้งประเทศ ส่วนมากจะหยุดงานวันนี้ จนถึงวันอาทิตย์ ที่ 27 ชาวอเมริกันจะเดินทางกลับบ้าน รวมครอบครัวและญาติพี่น้อง ผู้ใกล้ชิด กินอาหารวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งมีไก่งวงอบเป็นอาหารหลัก ตั้งแต่ปี คศ 1857 / 165 ปีที่ผ่านมา ตามประเพณีของชาวอังกฤษที่อพยพไปสหรัฐอเมริกา
หลังจากวันขอบคุณพระเจ้าก็เป็นวันศุกร์ดํา/แบล็กไฟรเดย์/ Black Friday 25 พฤศจิกายน เป็นวันที่บริษัทห้างร้าน ร้านขายของทั่วประเทศ ลดราคาสินค้าแบบหั่นแหลก เป็นวันที่กล่าวกันว่า ร้านค้าที่ขายของไม่ดีบัญชีติดสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีดํากําไร เปิดเทศกาลลดราคาหั่นแหลก ต้อนรับวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ทะลุไปถึง 1 มกราคม 2023 ปีใหม่ แบล็กไฟรเดย์ ( ศุกร์ดํา ปีนี้ทําลายสถิติ ชาวอเมริกันซื้อของทางอินเตอร์เนต เป็นจํานวนเงิน 9.12 พันล้านดอลลาร์=325,055,040,000.00 บาทไทย))
คุณพ่อทิม: จงจำว่าพระเยซูเจ้าคือเหตุผลของเทศกาลนี้ ( Jesus is the reason for the season ) พวกแตกคอกแตกศาสนา ปัจจุบันนี้ เปลี่ยนสุขสันต์คริสต์มาส ( Merry Christmas) เป็น สุขสันต์วันหยุด ( Happy Holidays) เอาพระเยซูเจ้าออกจากการฉลอง เอาซานตาคลอส ( Santa Clause) เป็นหลักในการฉลอง ซื้อของขวัญให้กันและกัน ประดับบ้าน บริษัท ห้างร้านขายของ แทนที่จะเตรียมพร้อมต้อนรับพระเยซูเจ้าที่ทรงนําความรอดพ้นมาให้ พระองค์จะเสด็จมาหาเราเมื่อไหร่ เราไม่รู้ เพราะฉนั้น เราต้องเตรียมตัวให้ถึงพร้อมตลอดเวลา
อย่าทําตัวเหมือนชาวบ้านสมัยโนอาห์ อย่าท่องเที่ยวบนอินเตอร์เนตมากนัก อย่าพูดคุยทางมือถือมากนัก และ อย่าดูทีวีจอยักษ์มากนัก!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 2:1-5 สันติภาพถาวร
นิมิตที่ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอสเห็นเกี่ยวกับยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม ในยุคสุดท้าย ภูเขาแห่งพระวิหารของพระยาห์เวห์ จะถูกตั้งขึ้นเหนือยอดของภูเขาทั้งหลาย และจะสูงกว่าบรรดาเนินเขา นานาชาติจะหลั่งไหลมาที่ภูเขานี้ ชนหลายชาติจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด เราจงขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา เราจะได้เดินตามมรรคาของพระองค์ เพราะว่าบทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวาจาของพระยาห์เวห์จะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์จะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ และจะทรงวินิจฉัยประชากรจำนวนมาก เขาทั้งหลายจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา ตีหอกให้เป็นเคียว ชาติต่าง ๆ จะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กันอีก จะไม่ฝึกฝนยุทธวิธีอีกต่อไป พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย จงมาเถิด เราจงเดินในความสว่างของพระยาห์เวห์”
บทอ่านที่สอง โรม 13:11-14 บุตรแห่งความสว่าง
ท่านทั้งหลายจงรู้เถิดว่า เวลาที่จะประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มาถึงแล้ว บัดนี้ถึงเวลาที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ ขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเราเริ่มมีความเชื่อ กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็ใกล้จะมาถึง ดังนั้น เราจงละทิ้งกิจการของความมืดมนเสีย แล้วสวมเกราะของความสว่าง
เราจงดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติเหมือนกับเวลากลางวัน มิใช่กินเลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่ปล่อยตัวเสพกามอย่างผิดศีลธรรม มิใช่วิวาทริษยา แต่จงดำเนินชีวิตโดยสวมพระเยซูคริสตเจ้าเป็นอาภรณ์ อย่าทำตามความต้องการของเนื้อหนัง
พระวรสาร โดย นักบุญมัทธิว 24: 37-44 มีความระมัดระวังและเตรียมพร้อม
“สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้” “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย”
( คําเทศน์ของคุณพ่อทิม เจ้าอาวาสวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาในมิสซาวันอาทิตย์ที่หนึ่งของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นวันอาทิตย์หลังวันพฤหัสที่ 24 พฤศจิกายน วันขอบคุณพระเจ้า / Thanksgiving Day เป็นวันฉลองของชาวอเมริกันทั้งประเทศ ส่วนมากจะหยุดงานวันนี้ จนถึงวันอาทิตย์ ที่ 27 ชาวอเมริกันจะเดินทางกลับบ้าน รวมครอบครัวและญาติพี่น้อง ผู้ใกล้ชิด กินอาหารวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งมีไก่งวงอบเป็นอาหารหลัก ตั้งแต่ปี คศ 1857 / 165 ปีที่ผ่านมา ตามประเพณีของชาวอังกฤษที่อพยพไปสหรัฐอเมริกา
หลังจากวันขอบคุณพระเจ้าก็เป็นวันศุกร์ดํา/แบล็กไฟรเดย์/ Black Friday 25 พฤศจิกายน เป็นวันที่บริษัทห้างร้าน ร้านขายของทั่วประเทศ ลดราคาสินค้าแบบหั่นแหลก เป็นวันที่กล่าวกันว่า ร้านค้าที่ขายของไม่ดีบัญชีติดสีแดงจะเปลี่ยนเป็นสีดํากําไร เปิดเทศกาลลดราคาหั่นแหลก ต้อนรับวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ทะลุไปถึง 1 มกราคม 2023 ปีใหม่ แบล็กไฟรเดย์ ( ศุกร์ดํา ปีนี้ทําลายสถิติ ชาวอเมริกันซื้อของทางอินเตอร์เนต เป็นจํานวนเงิน 9.12 พันล้านดอลลาร์=325,055,040,000.00 บาทไทย))
คุณพ่อทิม: จงจำว่าพระเยซูเจ้าคือเหตุผลของเทศกาลนี้ ( Jesus is the reason for the season ) พวกแตกคอกแตกศาสนา ปัจจุบันนี้ เปลี่ยนสุขสันต์คริสต์มาส ( Merry Christmas) เป็น สุขสันต์วันหยุด ( Happy Holidays) เอาพระเยซูเจ้าออกจากการฉลอง เอาซานตาคลอส ( Santa Clause) เป็นหลักในการฉลอง ซื้อของขวัญให้กันและกัน ประดับบ้าน บริษัท ห้างร้านขายของ แทนที่จะเตรียมพร้อมต้อนรับพระเยซูเจ้าที่ทรงนําความรอดพ้นมาให้ พระองค์จะเสด็จมาหาเราเมื่อไหร่ เราไม่รู้ เพราะฉนั้น เราต้องเตรียมตัวให้ถึงพร้อมตลอดเวลา
อย่าทําตัวเหมือนชาวบ้านสมัยโนอาห์ อย่าท่องเที่ยวบนอินเตอร์เนตมากนัก อย่าพูดคุยทางมือถือมากนัก และ อย่าดูทีวีจอยักษ์มากนัก!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
แก้ไขล่าสุดโดย Yan Agape เมื่อ อังคาร ธ.ค. 06, 2022 12:49 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
วันอาทิตย์ที่สองของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 4 ธันวาคม 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 11:1-10
หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิตของพระยาห์เวห์จะพำนักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์ เขาจะพอใจยำเกรงพระยาห์เวห์ จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน คำพูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารชีวิตคนอธรรม ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักพระยาห์เวห์อย่างสมบูรณ์ ดั่งน้ำปกคลุมทะเลวันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำนักอย่างรุ่งโรจน์
บทอ่านที่สอง โรม 15:4-9
สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์ ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามของพระองค์
พระวรสาร มัทธิว 3:1-12
ในครั้งนั้น ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างมาประกาศสอนในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดีย และจากทั่วเขตแม่น้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน เมื่อยอห์นเห็นชาวฟาริสี และสะดูสี หลายคนมารับพิธีล้าง จึงกล่าวว่า “เจ้าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำเจ้าให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด อย่าอวดอ้างเองว่า “เรามีอับราฮัมเป็นบิดา” ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของอับราฮัมได้ บัดนี้ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้กลับใจ แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้าทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและไฟ เขากำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ”
คุณพ่อเคลเมนท์: บทอ่านแรกคือการมาถึงของพระผู้ไถ่ พระเยซูคริสตเจ้า บทอ่านที่สอง พูดถึงสันติสุข ไม่มีการเข่นฆ่าทําร้ายกัน
90%ของข่าวที่เราดูเราอ่าน มีแต่ความโหดเหี้ยมร้ายแรง พระวรสารวันนี้ บอกพวกเราให้กลับใจ อย่ารอถึงวันพรุ่งนี้ เพราะเราอาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด:ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
คุณพ่อ: ขออีกที ไม่ค่อยได้ยิน พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: ตลอดเวลา
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 11:1-10
หน่อหนึ่งจะแตกออกจากตอของเจสซี กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นจากรากของเขา พระจิตของพระยาห์เวห์จะพำนักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณและความเข้าใจ จิตแห่งความคิดอ่านและอานุภาพ จิตแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์ เขาจะพอใจยำเกรงพระยาห์เวห์ จะไม่พิพากษาตามที่ตาเห็น จะไม่ตัดสินตามที่หูได้ยิน แต่จะพิพากษาคนยากจนด้วยความชอบธรรม จะตัดสินอย่างเที่ยงธรรมเพื่อผู้ถูกข่มเหงในแผ่นดิน คำพูดของเขาจะเป็นเหมือนไม้เรียวที่เฆี่ยนตีผู้คนบนแผ่นดิน ลมปากของเขาจะประหารชีวิตคนอธรรม ความชอบธรรมจะเป็นดังผ้าคาดสะเอว ความซื่อสัตย์จะเป็นเหมือนเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้ แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้ ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า เด็กที่หย่านมแล้วจะเอามือวางที่รังของงูพิษ จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลาย ทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะแผ่นดินจะรู้จักพระยาห์เวห์อย่างสมบูรณ์ ดั่งน้ำปกคลุมทะเลวันนั้น รากของเจสซีจะตั้งขึ้นเป็นเครื่องหมายสำหรับประชาชนทั้งหลาย จะเป็นที่แสวงหาของนานาชาติ และจะมีที่พำนักอย่างรุ่งโรจน์
บทอ่านที่สอง โรม 15:4-9
สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์ ขอให้พระเจ้าผู้ประทานความพากเพียรและการปลอบใจ โปรดให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู เพื่อท่านจะได้พร้อมใจกันและเปล่งวาจาเป็นเสียงเดียวกัน ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงเป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ดังนั้น ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่านเพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระคริสตเจ้าทรงยอมเป็นผู้รับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพราะทรงเห็นแก่ความสัตย์จริงของพระเจ้า เพื่อยืนยันพระสัญญาที่ประทานไว้กับบรรพบุรุษ ส่วนคนต่างชาตินั้นถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะพระเมตตาของพระองค์ ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางนานาชาติ ร่วมขับร้องสดุดีพระนามของพระองค์
พระวรสาร มัทธิว 3:1-12
ในครั้งนั้น ยอห์น ผู้ทำพิธีล้างมาประกาศสอนในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดีย และจากทั่วเขตแม่น้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตน เมื่อยอห์นเห็นชาวฟาริสี และสะดูสี หลายคนมารับพิธีล้าง จึงกล่าวว่า “เจ้าสัญชาติงูร้าย ผู้ใดแนะนำเจ้าให้หนีการลงโทษที่กำลังจะมาถึง จงประพฤติตนให้สมกับที่ได้กลับใจแล้วเถิด อย่าอวดอ้างเองว่า “เรามีอับราฮัมเป็นบิดา” ข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ก้อนหินเหล่านี้กลายเป็นลูกของอับราฮัมได้ บัดนี้ขวานกำลังจ่ออยู่ที่รากของต้นไม้แล้ว ต้นไม้ต้นใดที่ไม่เกิดผลดีจะถูกโค่นและโยนใส่ไฟ ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้กลับใจ แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้าทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและไฟ เขากำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ”
คุณพ่อเคลเมนท์: บทอ่านแรกคือการมาถึงของพระผู้ไถ่ พระเยซูคริสตเจ้า บทอ่านที่สอง พูดถึงสันติสุข ไม่มีการเข่นฆ่าทําร้ายกัน
90%ของข่าวที่เราดูเราอ่าน มีแต่ความโหดเหี้ยมร้ายแรง พระวรสารวันนี้ บอกพวกเราให้กลับใจ อย่ารอถึงวันพรุ่งนี้ เพราะเราอาจจะไม่มีวันพรุ่งนี้!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด:ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
คุณพ่อ: ขออีกที ไม่ค่อยได้ยิน พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: ตลอดเวลา
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่สามของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 11 ธันวาคม 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 35:1-6a, 10
ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน
สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา
จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง
ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา
บทอ่านที่สอง ยากอบ 5:7-10
พี่น้องทั้งหลาย จงพากเพียรรอจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนาเถิด เขาย่อมรอผลมีค่าจากแผ่นดินด้วยความพากเพียร รอจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู ท่านก็เช่นเดียวกัน จงมีความพากเพียร ทำจิตใจให้เข้มแข็งเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้จะเสด็จมาแล้ว พี่น้องทั้งหลาย อย่าบ่นว่ากัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพากษา พระผู้พิพากษาทรงยืนอยู่หน้าประตูแล้ว พี่น้องทั้งหลาย จงยึดบรรดาประกาศกซึ่งพูดในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเป็นแบบฉบับในความพากเพียรอดทนต่อความยากลำบาก
พระวรสาร มัทธิว 11:2-11
ขณะที่ยอห์นถูกจองจำอยู่ในคุก เขาได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า จึงใช้ศิษย์ ไปทูลถามพระองค์ว่า "ท่านคือผู้ที่จะต้องมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น ตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข”
ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังจะจากไป พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร ไปดูต้นอ้อไหวไปมาตามสายลมหรือ มิใช่เช่นนั้น แล้วท่านไปดูอะไรเล่า ดูคนสวมเสื้อผ้าสวยงามหรือ คนที่สวมเสื้อผ้าสวยงามอยู่ในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นท่านไปดูอะไร ไปดูประกาศกหรือ ถูกแล้ว เราบอกท่าน และเหนือกว่าประกาศกเสียอีก ผู้นี้เองที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราส่งทูตของเรานำหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับท่าน “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง ถึงกระนั้น ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น"
คุณพ่อเคลเมนท์: เมื่อวานนี้พ่อได้ไปโรงพยาบาลนักบุญเปโตร ( Saint Pete Hospital) ในเมืองโอลิมเปีย ใกล้ๆวัดเรา มีคนป่วยต้องการพบพระสงฆ์ก่อนตาย พ่อไปถึงห้องรับแขก เขารีบเดินมาหาพ่อ ใบหน้าแสดงความยินดีและความหวัง เพราะเขาเห็นพระเยซูเจ้าในตัวพระสงฆ์ เขาขอรับศีลแก้บาป ศีลเจิมทาสุดท้าย และ รับพระกายพระเยซูเจ้า แล้วบอกพ่อว่า เขามีเสบียงอาหารในการเดินทางแล้ว พระศาสนจักรเชิญเรามาร่วมมิสซาวันอาทิตย์เพื่อการพักผ่อนและรับเสบียงอาหารในการเดินทางเช่นกัน เราต้องถ่ายทอดสิ่งนี้ให้ทุกคน เริ่มจากในครอบครัว จงเห็นพระเยซูเจ้าที่ทรงซ่อนตัวพระองค์ในกิจการงานบ้านต่างๆ เพื่อที่เราผู้ตาบอดจะได้เห็น เราคนง่อยจะได้เดินได้ คนหูหนวกจะได้ยิน...
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
แขกเชิญพิเศษหลังเทศน์ ตัวแทนหน่วยงานช่วยผู้ไร้บ้านของโรมันคาทอลิกในเขตรัฐวอชิงตัน รวมทั้งเมืองโอลิมเปีย: เห็นผม พวกคุณทุกคนคงรู้ว่า มาขอเงินอีกแล้ว ไม่ใช่ขออย่างเดียว ผมขอขอบคุณด้วยครับ ( ลูกวัดฮาตึง) เป็นการระดมทุนประจําปี พวกคุณช่วยหน่วยงานของเรามาตลอด ผมเจอเพื่อนร่วมงานหลายคนในมิสซา 8.00 น 10.00 น และ 12.00 น นี้ เงินบริจาคจากวัดของคุณ จะถูกส่งคืนให้ 25% ช่วยงานสังคมสงเคราะห์ของวัดคุณ 94% ของเงินบริจาคจะถูกนําไปใช้ในการช่วยคนไร้บ้านครับ ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้พวกคุณฟัง จะได้รู้ว่าเงินไม่สูญเปล่า เพราะว่าเราช่วยคนไร้บ้าน ให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย รักษาทางกายและจิตใจ ติดต่อญาติมิตรให้เริ่มชีวิตใหม่
เพื่อนสาวร่วมงานของผม พบหญิงสาวไร้บ้านคนหนึ่งในเมืองโอลิมเปีย เธอมีรถเข็นที่ใช้กันในตลาดซื้อของ นอนในบริเวณทางเดินของตึก หรือข้างถนน ไม่ยอมพูดกับใคร ระวังตัวตลอดเวลา เพื่อนผมใช้เวลาหนึ่งปี พยายามช่วย บางทีซื้อกาแฟ ซื้อขนมให้ มีวันหนึ่ง รถเข็นของเธอถูกขโมย เพื่อนผมซื้อรถเข็นใหม่ให้เธอ ถามเธอเหมือนที่เคยถามมาทั้งปีว่า เธอชื่ออะไร? ในที่สุดเธอบอกชื่อกับเพื่อนผม เพื่อนผมค้นหาติดต่อจนพบคุณแม่ของเธอ แม่บอก นึกว่าลูกสาวตายไปสิบปีแล้ว บ้านอยู่ใกล้เมืองโอลิมเปียด้วยครับ สองแม่ลูกพบกัน แล้วอยู่ด้วยกัน แม่มีอายุมาก แล้วก็ตายเพราะโรคมะเร็ง...
ข้อมูลจากกูเกิ้ล: คนไร้บ้านในเมืองโอลิมเปีย 233 คน เมืองมีโปรแกรมช่วยให้เริ่มชีวิตใหม่ ที่อยู่อาศัย รักษากายและจิตใจ ฯลฯ
‐-------------------------------
วันฉลองพระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูเป 12 ธันวาคม 2022 : มิสซา 9.00 น รวมสองภาษา (อังกฤษและฮิสแปนิก /สแปนิส Hispanic and Spanish) โดยคุณพ่อทิม เจ้าอาวาส ผู้พูด ฟัง อ่าน และ เขียน ภาษาฮิสแปนิก ท่านไปเรียนภาษาที่ประเทศเม็กซิโก กินอยู่เรียนที่วัด ของจริงที่นั่น หกเดือนกลับมา อ่านเทศน์คล่องแคล่วเป็นขวัญใจลูกวัดเม็กซิกัน
คุณพ่อ: แม่พระคือแม่ของพวกเราทุกคน แม่พระประจักษ์ทั่วโลก แม่ประจักษ์ที่กวาดาลูเปด้วย แม่ต้องการให้พวกเราทุกคนรู้ว่าแม่รักเราเหมือนลูก แม่มอบลูกชายของแม่ให้เรา แม่คุ้มครองเรา ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา เพราะฉนั้น จงอย่ากลัว!
ข้อมูลจากกูเกิ้ล: ทวีปอเมริกา (เหนือและใต้) มีพื้นที่ 42,549, 000 ตารางกิโลเมตร ประชากร 1.02 พันล้านคน 35 ประเทศ มากกว่า 11 ภาษา โรมันคาทอลิก กว่า 500 ล้านคน
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 35:1-6a, 10
ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน
สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์ และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา
จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง
ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา
บทอ่านที่สอง ยากอบ 5:7-10
พี่น้องทั้งหลาย จงพากเพียรรอจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา จงดูชาวนาเถิด เขาย่อมรอผลมีค่าจากแผ่นดินด้วยความพากเพียร รอจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู ท่านก็เช่นเดียวกัน จงมีความพากเพียร ทำจิตใจให้เข้มแข็งเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้จะเสด็จมาแล้ว พี่น้องทั้งหลาย อย่าบ่นว่ากัน เพื่อจะได้ไม่ถูกพิพากษา พระผู้พิพากษาทรงยืนอยู่หน้าประตูแล้ว พี่น้องทั้งหลาย จงยึดบรรดาประกาศกซึ่งพูดในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาเป็นแบบฉบับในความพากเพียรอดทนต่อความยากลำบาก
พระวรสาร มัทธิว 11:2-11
ขณะที่ยอห์นถูกจองจำอยู่ในคุก เขาได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า จึงใช้ศิษย์ ไปทูลถามพระองค์ว่า "ท่านคือผู้ที่จะต้องมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น ตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข”
ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังจะจากไป พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร ไปดูต้นอ้อไหวไปมาตามสายลมหรือ มิใช่เช่นนั้น แล้วท่านไปดูอะไรเล่า ดูคนสวมเสื้อผ้าสวยงามหรือ คนที่สวมเสื้อผ้าสวยงามอยู่ในพระราชวัง ถ้าเช่นนั้นท่านไปดูอะไร ไปดูประกาศกหรือ ถูกแล้ว เราบอกท่าน และเหนือกว่าประกาศกเสียอีก ผู้นี้เองที่พระคัมภีร์กล่าวถึงว่า เราส่งทูตของเรานำหน้าท่าน เพื่อเตรียมทางไว้สำหรับท่าน “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง ถึงกระนั้น ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น"
คุณพ่อเคลเมนท์: เมื่อวานนี้พ่อได้ไปโรงพยาบาลนักบุญเปโตร ( Saint Pete Hospital) ในเมืองโอลิมเปีย ใกล้ๆวัดเรา มีคนป่วยต้องการพบพระสงฆ์ก่อนตาย พ่อไปถึงห้องรับแขก เขารีบเดินมาหาพ่อ ใบหน้าแสดงความยินดีและความหวัง เพราะเขาเห็นพระเยซูเจ้าในตัวพระสงฆ์ เขาขอรับศีลแก้บาป ศีลเจิมทาสุดท้าย และ รับพระกายพระเยซูเจ้า แล้วบอกพ่อว่า เขามีเสบียงอาหารในการเดินทางแล้ว พระศาสนจักรเชิญเรามาร่วมมิสซาวันอาทิตย์เพื่อการพักผ่อนและรับเสบียงอาหารในการเดินทางเช่นกัน เราต้องถ่ายทอดสิ่งนี้ให้ทุกคน เริ่มจากในครอบครัว จงเห็นพระเยซูเจ้าที่ทรงซ่อนตัวพระองค์ในกิจการงานบ้านต่างๆ เพื่อที่เราผู้ตาบอดจะได้เห็น เราคนง่อยจะได้เดินได้ คนหูหนวกจะได้ยิน...
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
แขกเชิญพิเศษหลังเทศน์ ตัวแทนหน่วยงานช่วยผู้ไร้บ้านของโรมันคาทอลิกในเขตรัฐวอชิงตัน รวมทั้งเมืองโอลิมเปีย: เห็นผม พวกคุณทุกคนคงรู้ว่า มาขอเงินอีกแล้ว ไม่ใช่ขออย่างเดียว ผมขอขอบคุณด้วยครับ ( ลูกวัดฮาตึง) เป็นการระดมทุนประจําปี พวกคุณช่วยหน่วยงานของเรามาตลอด ผมเจอเพื่อนร่วมงานหลายคนในมิสซา 8.00 น 10.00 น และ 12.00 น นี้ เงินบริจาคจากวัดของคุณ จะถูกส่งคืนให้ 25% ช่วยงานสังคมสงเคราะห์ของวัดคุณ 94% ของเงินบริจาคจะถูกนําไปใช้ในการช่วยคนไร้บ้านครับ ผมจะเล่าเรื่องหนึ่งให้พวกคุณฟัง จะได้รู้ว่าเงินไม่สูญเปล่า เพราะว่าเราช่วยคนไร้บ้าน ให้มีที่อยู่ที่ปลอดภัย รักษาทางกายและจิตใจ ติดต่อญาติมิตรให้เริ่มชีวิตใหม่
เพื่อนสาวร่วมงานของผม พบหญิงสาวไร้บ้านคนหนึ่งในเมืองโอลิมเปีย เธอมีรถเข็นที่ใช้กันในตลาดซื้อของ นอนในบริเวณทางเดินของตึก หรือข้างถนน ไม่ยอมพูดกับใคร ระวังตัวตลอดเวลา เพื่อนผมใช้เวลาหนึ่งปี พยายามช่วย บางทีซื้อกาแฟ ซื้อขนมให้ มีวันหนึ่ง รถเข็นของเธอถูกขโมย เพื่อนผมซื้อรถเข็นใหม่ให้เธอ ถามเธอเหมือนที่เคยถามมาทั้งปีว่า เธอชื่ออะไร? ในที่สุดเธอบอกชื่อกับเพื่อนผม เพื่อนผมค้นหาติดต่อจนพบคุณแม่ของเธอ แม่บอก นึกว่าลูกสาวตายไปสิบปีแล้ว บ้านอยู่ใกล้เมืองโอลิมเปียด้วยครับ สองแม่ลูกพบกัน แล้วอยู่ด้วยกัน แม่มีอายุมาก แล้วก็ตายเพราะโรคมะเร็ง...
ข้อมูลจากกูเกิ้ล: คนไร้บ้านในเมืองโอลิมเปีย 233 คน เมืองมีโปรแกรมช่วยให้เริ่มชีวิตใหม่ ที่อยู่อาศัย รักษากายและจิตใจ ฯลฯ
‐-------------------------------
วันฉลองพระแม่มารีย์แห่งกวาดาลูเป 12 ธันวาคม 2022 : มิสซา 9.00 น รวมสองภาษา (อังกฤษและฮิสแปนิก /สแปนิส Hispanic and Spanish) โดยคุณพ่อทิม เจ้าอาวาส ผู้พูด ฟัง อ่าน และ เขียน ภาษาฮิสแปนิก ท่านไปเรียนภาษาที่ประเทศเม็กซิโก กินอยู่เรียนที่วัด ของจริงที่นั่น หกเดือนกลับมา อ่านเทศน์คล่องแคล่วเป็นขวัญใจลูกวัดเม็กซิกัน
คุณพ่อ: แม่พระคือแม่ของพวกเราทุกคน แม่พระประจักษ์ทั่วโลก แม่ประจักษ์ที่กวาดาลูเปด้วย แม่ต้องการให้พวกเราทุกคนรู้ว่าแม่รักเราเหมือนลูก แม่มอบลูกชายของแม่ให้เรา แม่คุ้มครองเรา ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเรา เพราะฉนั้น จงอย่ากลัว!
ข้อมูลจากกูเกิ้ล: ทวีปอเมริกา (เหนือและใต้) มีพื้นที่ 42,549, 000 ตารางกิโลเมตร ประชากร 1.02 พันล้านคน 35 ประเทศ มากกว่า 11 ภาษา โรมันคาทอลิก กว่า 500 ล้านคน
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
พิเศษสําหรับอาทิตย์ที่สี่ของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 18 ธันวาคม 2022: บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด บทความ ชื่อ (ขอเสนออีกครั้ง) ที่มีความสําคัญและความหมายของชื่อในพระคริสตศาสนาและพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของเรา ที่จะเพิ่มพูนความศรัทธาในการสวดภาวนา โดยเฉพาะชื่อของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญโยแซฟ และสารพระเยซูเจ้า สารที่ 106 "ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ" ...เมื่อมีเสียงสะท้อนของชื่อของพ่อ มวลนรกเผ่นกระเจิง..ชื่อของพ่อไม่ให้พลังอํานาจถ้าลูกไม่รักพ่อ มันไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความศรัทธาถ้ามันไม่ได้ถูกส่งเสียงออกมาด้วยหัวใจมากกว่าริมฝีปาก...
วันอาทิตย์ที่สี่ของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 18 ธันวาคม 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง: อิสยาห์ 7:10-14
พระยาห์เวห์ตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด” แต่กษัตริย์อาคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลองพระยาห์เวห์” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำให้มนุษย์เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำไมท่านจึงทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา”
บทอ่านที่สอง: โรม 1:1-7
จากเปาโล ผู้รับใช้ของพระคริสตเยซู ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก และทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดีซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้ทางประกาศกในพระคัมภีร์ ข่าวดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ ซึ่งโดยธรรมชาติมนุษย์ ทรงบังเกิดในราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด และโดยทางพระจิตเจ้าผู้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระบุตรผู้ทรงอำนาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระองค์คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยเดชะพระเยซู คริสตเจ้านี้ เราได้รับพระหรรษทาน และภารกิจการเป็นอัครสาวกเพื่อนำประชาชาติทั้งหลายให้มาปฏิบัติตามความเชื่อ ทั้งนี้เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์ และท่านทั้งหลายก็อยู่ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ ท่านเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว เพราะพระองค์ทรงเรียก ถึงทุกท่านในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
มัทธิว: 1:18-24
เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศก จะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเป็นเจ้ารักษาพระสัญญาเสมอ ในประวัติศาสตร์และปัจจุบันนี้เช่นกัน ในพันธสัญญาเก่า ทรงบอกว่าจะเสด็จมาบังเกิดจากหญิงสาวพรหมจารีและนางจะเรียกพระองค์ว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา” นักบุญยอเเซฟมีส่วนร่วมสําคัญ ทําให้การไถ่กู้ของมวลมนุษยชาติสําเร็จได้ พระเป็นเจ้าคอยได้ คอยทนกว่ามนุษย์ คอยจนถึงเวลาที่พระองค์ทรงกําหนดไว้ จงมีความหวังในพระองค์เสมอ เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่กับเรา ในตัวเรา!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
คุณพ่อ: ขออีกที พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงกระหึ่ม: ตลอดเวลา
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทความพิเศษเนื่องในโอกาสนี้: ผมขอเสนอชื่อ (อีกครั้ง) ที่มีความสําคัญและความหมายของชื่อ (แปลจากภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาฮีบรูของชาวอิสราเอล) ในพระคริสตศาสนา และพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของเรา ที่จะเพิ่มพูนความศรัทธาในการสวดภาวนา โดยเฉพาะชื่อของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญโยแซฟ
>ยาห์เวห์/ Yahweh (พระเป็นเจ้า/ God) = เราเป็น/ I am
>อาดัม/ Adam = บุตรของดินสีแดง/son of the red Earth
>อีฟ/Eve = ผู้ดําเนินชีวิต ต้นกำเนิดของชีวิต/ living one, source of life
>อับราฮัม/ Abraham = บิดาของจำนวนมากมาย บิดาของนานาชาติ/father of a multitude, father of nations
>ซาราห์/Sarah = เจ้าหญิง สตรีสูงศักดิ์/princess, noble woman
>ดาวิด/David = ที่รัก/ beloved
>บัทเชบา/Bethsheba = ลูกสาวของคําสัตย์/ daughter of the oath
>โยคิม/Joakim (พ่อของพระแม่มารีย์) = เขาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้ง/he whom Yahweh has set up
>แอนน์/Ann (แม่ของพระแม่มารีย์) = กรุณา สุภาพ เมตตา ที่ชื่นชอบ/ gracious, favored
>เศคาริยาห์/Zachary ( พ่อของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าได้รําลึกถึง/ the Lord has remembered
>เอลิซาเบธ/Elizabeth ( แม่ของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าคือคําสัตย์ของฉัน/God is my oath
> ยอห์น/John ( นักบุญยอห์นผู้ทําพิธีล้าง) =ได้รับสิริโรจน์โดยพระเจ้า/ graced by God
>โยแซฟ/ Joseph (ภัสดาของพระแม่มารีย์) = พระเจ้าจะให้ พระเจ้าจะเพิ่มพูน/God will give, God will increase
>มารีย์/ Mary ( พระมารดาของพระเยซูเจ้า) = ที่รัก ขมขื่น ต่อต้าน ( อ้างอิงถึงมิเรียม/Miriam พี่สาวของโมเสสเมื่อชาวอิสราเอลเป็นทาสชาวอียิปต์)
>เยซู/ Jesus ( ลูกบุญธรรมของนักบุญโยแซฟ ลูกชายของพระแม่มารีย์ พระบุตรของพระบิดาเจ้า พระเป็นเจ้า องค์ที่สองในพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต) = ส่ง ช่วยให้พ้นภัย/to deliver, to rescue
พระเยซูเจ้ายังมีอีกชื่อ อิมมานูเเอล/ Immanuel = พระเจ้าสถิตกับเรา/ God is with us
อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก , มัทธิว 1:18-24
*ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ
CL-106 19 มกราคม 1996 พระเยซูเจ้า
ได้รับพร กษัตริย์ และรุ่งโรจน์ คือชื่อของพ่อในสวรรค์และได้รับความเคารพบนโลก เมื่อมีเสียงสะท้อนของชื่อพ่อ มวลนรกเผ่นกระเจิง และผู้ที่เรียกพ่อด้วยความเต็มใจจะพบสิ่งที่เขาสูญเสีย ปลอบโยนตัวเขาเองในท่ามกลางความทุกข์ยาก และเปิดหัวใจของเขาต่อความหวัง
พ่อตั้งใจจะให้ต่อผู้ที่เรียกพ่อด้วยความหวานชื่นและความเชื่อ ด้วยการตอบแทนพิเศษในสวรรค์ ทุกครั้งที่เขาเรียกพ่อแบบมากมายบนโลก เขาจะได้รับการสรรเสริญมากมายหลายเท่าจากเหล่าผู้ที่ได้รับพรทั้งมวลในสวรรค์ อะไรที่เขาผู้เรียกพ่อแบบไม่มีสติหรือเป็นนิสัย ต้องการจากพ่อ ถ้าเขาไม่ได้แม้แต่ครุ่นคิดถึงชื่อของพ่อ? ชื่อของพ่อไม่ให้พลังอำนาจถ้าลูกไม่รักพ่อ มันไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความศรัทธาถ้ามันไม่ได้ถูกส่งเสียงออกมาด้วยหัวใจมากกว่าริมฝีปาก ผู้ใดหรือที่รู้พลังอำนาจของชื่อของพ่อที่ห่อหุ้มเอาไว้ ชื่อที่พ่อของพ่อมอบให้พ่อ?
ผู้ใดหรือที่รู้ความหวานชื่นที่ชื่อนี้ได้ถูกเปิดเผยให้แม่พรหมจารีของพ่อ?
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ การพร่ำขออะไรหรือจากผู้ไม่ให้ความสนใจมาถึงหูที่เฉียบไวของพ่อและให้ความสนใจยิ่ง! ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจพ่อ? ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจว่าพ่อเท่านั้นที่มีชื่อที่ได้รับพร รุ่งโรจน์ และไพเราะที่เป็นความรอดพ้นและความรัก?
จงเรียกพ่อสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจและปราศจากการคิดว่าลูกมีพระหรรษทานที่จะร้องขอจากพ่อ ยิ่งลูกขอน้อยเท่าไร ลูกจะยิ่งได้รับมากกว่านั้น จงเรียกหาพ่อตลอดเวลาเพราะพ่อต้องการอยู่ใกล้ลูกและให้ลูกทุกสิ่งที่พ่อมี ทุกชั่วโมงของกลางวันหรือกลางคืน ณ สถานที่ทํางาน ทุกหนทุกแห่ง เรียกพ่อแบบร้อนรนว่า: พระเยซูเจ้า!
It Is Now Centuries That Man Calls Me And Always With Little Love
CL-106 19-Jan-96 Jesus
Blessed, sovereign, and glorious is My Name in Heaven and venerated on earth. Upon the echo of My name, all Hell flees, and he who willingly invokes Me finds what he loses, consoles himself in all affliction, and opens his heart to hope.
I have determined to give to whoever invokes Me with affection and faith, a special recompense in Heaven: as many times as he called Me on earth, many more times will he be praised by all the blessed in Heaven. What does he who calls Me absent-mindedly or by habit, want from Me if he does not even reflect on My name? My name does not give strength if you do not love Me; it cannot arouse sentiments of piety if it is not pronounced with the heart more than with the lips. Who knows the power that My name encloses, the name that My Father gave Me? Who knows the sweetness that this name revealed to My Virgin Mother holds?
It is now centuries that the world calls Me and always with little love. What litanies from inattentive persons come to My sensitive and attentive ears! But, why do they not understand Me? Why do they not understand that only I have the blessed, the glorious, and the mellifluous Name that is salvation and love?
Always call Me with confidence and without thinking if you have graces to ask of Me; the less you ask for, the more you will receive. Always call Me because I want to be close to you and give you My all. At all hours of the day or night, at work, everywhere, passionately call Me: Jesus
(ดาวน์โหลดสารทุกสาร (ภาษาอังกฤษ) ฟรีได้ที่ https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf สารภาษาไทย แปลและโพสต์หนึ่งสาร/อาทิตย์ รวมทุกสารที่แปล อยู่ที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ รวมสารของพระบิดา พระเยซูเจ้า และพระแม่มารีย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่สี่ของเทศกาลต้อนรับพระคริสตเจ้า 18 ธันวาคม 2022 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง: อิสยาห์ 7:10-14
พระยาห์เวห์ตรัสกับกษัตริย์อาคัสอีกว่า “จงขอพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของพระองค์ ให้ทรงส่งเครื่องหมายจากที่ลึกของแดนผู้ตาย หรือจากที่สูงเบื้องบนเถิด” แต่กษัตริย์อาคัสตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทูลขอ เราจะไม่ทดลองพระยาห์เวห์” ประกาศกอิสยาห์จึงทูลว่า “ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทำให้มนุษย์เอือมระอายังไม่พออีกหรือ ทำไมท่านจึงทำให้พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเอือมระอาอีกเล่า ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานเครื่องหมายให้ท่านด้วยพระองค์เอง หญิงสาวผู้หนึ่งจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย และนางจะเรียกเขาว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา”
บทอ่านที่สอง: โรม 1:1-7
จากเปาโล ผู้รับใช้ของพระคริสตเยซู ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกมาเป็นอัครสาวก และทรงมอบหมายให้ประกาศข่าวดีซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้ทางประกาศกในพระคัมภีร์ ข่าวดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ ซึ่งโดยธรรมชาติมนุษย์ ทรงบังเกิดในราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด และโดยทางพระจิตเจ้าผู้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระบุตรผู้ทรงอำนาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระองค์คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ด้วยเดชะพระเยซู คริสตเจ้านี้ เราได้รับพระหรรษทาน และภารกิจการเป็นอัครสาวกเพื่อนำประชาชาติทั้งหลายให้มาปฏิบัติตามความเชื่อ ทั้งนี้เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระนามพระองค์ และท่านทั้งหลายก็อยู่ในบรรดาบุคคลเหล่านี้ ท่านเป็นของพระเยซูคริสตเจ้าแล้ว เพราะพระองค์ทรงเรียก ถึงทุกท่านในกรุงโรมผู้ที่พระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด
มัทธิว: 1:18-24
เรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสตเจ้าเป็นดังนี้ พระนางมารีย์ พระมารดาของพระองค์หมั้นกับโยเซฟ แต่ก่อนที่ท่านทั้งสองจะครองชีวิตร่วมกัน ปรากฏว่าพระนางตั้งครรภ์แล้วเดชะพระจิตเจ้า โยเซฟคู่หมั้นของพระนางเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องการฟ้องหย่าพระนางอย่างเปิดเผย จึงคิดถอนหมั้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่โยเซฟกำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเข้าฝัน กล่าวว่า “โยเซฟ โอรสกษัตริย์ดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะเด็กที่ปฏิสนธิในครรภ์ของนางนั้นมาจากพระจิตเจ้า นางจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู เพราะเขาจะช่วยประชากรของเขาให้รอดพ้นจากบาป” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพื่อพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ตรัสผ่านประกาศก จะเป็นความจริงว่า หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชาย ซึ่งจะได้รับนามว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา” เมื่อโยเซฟตื่นขึ้น เขาก็ทำตามที่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ คือรับภรรยามาอยู่ด้วย
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเป็นเจ้ารักษาพระสัญญาเสมอ ในประวัติศาสตร์และปัจจุบันนี้เช่นกัน ในพันธสัญญาเก่า ทรงบอกว่าจะเสด็จมาบังเกิดจากหญิงสาวพรหมจารีและนางจะเรียกพระองค์ว่า “อิมมานูเอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา” นักบุญยอเเซฟมีส่วนร่วมสําคัญ ทําให้การไถ่กู้ของมวลมนุษยชาติสําเร็จได้ พระเป็นเจ้าคอยได้ คอยทนกว่ามนุษย์ คอยจนถึงเวลาที่พระองค์ทรงกําหนดไว้ จงมีความหวังในพระองค์เสมอ เพราะพระองค์ทรงประทับอยู่กับเรา ในตัวเรา!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
คุณพ่อ: ขออีกที พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด เสียงกระหึ่ม: ตลอดเวลา
(อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทความพิเศษเนื่องในโอกาสนี้: ผมขอเสนอชื่อ (อีกครั้ง) ที่มีความสําคัญและความหมายของชื่อ (แปลจากภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาฮีบรูของชาวอิสราเอล) ในพระคริสตศาสนา และพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของเรา ที่จะเพิ่มพูนความศรัทธาในการสวดภาวนา โดยเฉพาะชื่อของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญโยแซฟ
>ยาห์เวห์/ Yahweh (พระเป็นเจ้า/ God) = เราเป็น/ I am
>อาดัม/ Adam = บุตรของดินสีแดง/son of the red Earth
>อีฟ/Eve = ผู้ดําเนินชีวิต ต้นกำเนิดของชีวิต/ living one, source of life
>อับราฮัม/ Abraham = บิดาของจำนวนมากมาย บิดาของนานาชาติ/father of a multitude, father of nations
>ซาราห์/Sarah = เจ้าหญิง สตรีสูงศักดิ์/princess, noble woman
>ดาวิด/David = ที่รัก/ beloved
>บัทเชบา/Bethsheba = ลูกสาวของคําสัตย์/ daughter of the oath
>โยคิม/Joakim (พ่อของพระแม่มารีย์) = เขาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้ง/he whom Yahweh has set up
>แอนน์/Ann (แม่ของพระแม่มารีย์) = กรุณา สุภาพ เมตตา ที่ชื่นชอบ/ gracious, favored
>เศคาริยาห์/Zachary ( พ่อของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าได้รําลึกถึง/ the Lord has remembered
>เอลิซาเบธ/Elizabeth ( แม่ของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าคือคําสัตย์ของฉัน/God is my oath
> ยอห์น/John ( นักบุญยอห์นผู้ทําพิธีล้าง) =ได้รับสิริโรจน์โดยพระเจ้า/ graced by God
>โยแซฟ/ Joseph (ภัสดาของพระแม่มารีย์) = พระเจ้าจะให้ พระเจ้าจะเพิ่มพูน/God will give, God will increase
>มารีย์/ Mary ( พระมารดาของพระเยซูเจ้า) = ที่รัก ขมขื่น ต่อต้าน ( อ้างอิงถึงมิเรียม/Miriam พี่สาวของโมเสสเมื่อชาวอิสราเอลเป็นทาสชาวอียิปต์)
>เยซู/ Jesus ( ลูกบุญธรรมของนักบุญโยแซฟ ลูกชายของพระแม่มารีย์ พระบุตรของพระบิดาเจ้า พระเป็นเจ้า องค์ที่สองในพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต) = ส่ง ช่วยให้พ้นภัย/to deliver, to rescue
พระเยซูเจ้ายังมีอีกชื่อ อิมมานูเเอล/ Immanuel = พระเจ้าสถิตกับเรา/ God is with us
อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก , มัทธิว 1:18-24
*ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ
CL-106 19 มกราคม 1996 พระเยซูเจ้า
ได้รับพร กษัตริย์ และรุ่งโรจน์ คือชื่อของพ่อในสวรรค์และได้รับความเคารพบนโลก เมื่อมีเสียงสะท้อนของชื่อพ่อ มวลนรกเผ่นกระเจิง และผู้ที่เรียกพ่อด้วยความเต็มใจจะพบสิ่งที่เขาสูญเสีย ปลอบโยนตัวเขาเองในท่ามกลางความทุกข์ยาก และเปิดหัวใจของเขาต่อความหวัง
พ่อตั้งใจจะให้ต่อผู้ที่เรียกพ่อด้วยความหวานชื่นและความเชื่อ ด้วยการตอบแทนพิเศษในสวรรค์ ทุกครั้งที่เขาเรียกพ่อแบบมากมายบนโลก เขาจะได้รับการสรรเสริญมากมายหลายเท่าจากเหล่าผู้ที่ได้รับพรทั้งมวลในสวรรค์ อะไรที่เขาผู้เรียกพ่อแบบไม่มีสติหรือเป็นนิสัย ต้องการจากพ่อ ถ้าเขาไม่ได้แม้แต่ครุ่นคิดถึงชื่อของพ่อ? ชื่อของพ่อไม่ให้พลังอำนาจถ้าลูกไม่รักพ่อ มันไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความศรัทธาถ้ามันไม่ได้ถูกส่งเสียงออกมาด้วยหัวใจมากกว่าริมฝีปาก ผู้ใดหรือที่รู้พลังอำนาจของชื่อของพ่อที่ห่อหุ้มเอาไว้ ชื่อที่พ่อของพ่อมอบให้พ่อ?
ผู้ใดหรือที่รู้ความหวานชื่นที่ชื่อนี้ได้ถูกเปิดเผยให้แม่พรหมจารีของพ่อ?
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ การพร่ำขออะไรหรือจากผู้ไม่ให้ความสนใจมาถึงหูที่เฉียบไวของพ่อและให้ความสนใจยิ่ง! ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจพ่อ? ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจว่าพ่อเท่านั้นที่มีชื่อที่ได้รับพร รุ่งโรจน์ และไพเราะที่เป็นความรอดพ้นและความรัก?
จงเรียกพ่อสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจและปราศจากการคิดว่าลูกมีพระหรรษทานที่จะร้องขอจากพ่อ ยิ่งลูกขอน้อยเท่าไร ลูกจะยิ่งได้รับมากกว่านั้น จงเรียกหาพ่อตลอดเวลาเพราะพ่อต้องการอยู่ใกล้ลูกและให้ลูกทุกสิ่งที่พ่อมี ทุกชั่วโมงของกลางวันหรือกลางคืน ณ สถานที่ทํางาน ทุกหนทุกแห่ง เรียกพ่อแบบร้อนรนว่า: พระเยซูเจ้า!
It Is Now Centuries That Man Calls Me And Always With Little Love
CL-106 19-Jan-96 Jesus
Blessed, sovereign, and glorious is My Name in Heaven and venerated on earth. Upon the echo of My name, all Hell flees, and he who willingly invokes Me finds what he loses, consoles himself in all affliction, and opens his heart to hope.
I have determined to give to whoever invokes Me with affection and faith, a special recompense in Heaven: as many times as he called Me on earth, many more times will he be praised by all the blessed in Heaven. What does he who calls Me absent-mindedly or by habit, want from Me if he does not even reflect on My name? My name does not give strength if you do not love Me; it cannot arouse sentiments of piety if it is not pronounced with the heart more than with the lips. Who knows the power that My name encloses, the name that My Father gave Me? Who knows the sweetness that this name revealed to My Virgin Mother holds?
It is now centuries that the world calls Me and always with little love. What litanies from inattentive persons come to My sensitive and attentive ears! But, why do they not understand Me? Why do they not understand that only I have the blessed, the glorious, and the mellifluous Name that is salvation and love?
Always call Me with confidence and without thinking if you have graces to ask of Me; the less you ask for, the more you will receive. Always call Me because I want to be close to you and give you My all. At all hours of the day or night, at work, everywhere, passionately call Me: Jesus
(ดาวน์โหลดสารทุกสาร (ภาษาอังกฤษ) ฟรีได้ที่ https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf สารภาษาไทย แปลและโพสต์หนึ่งสาร/อาทิตย์ รวมทุกสารที่แปล อยู่ที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ รวมสารของพระบิดา พระเยซูเจ้า และพระแม่มารีย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ ที่สอง ( 15 มกราคม 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 49:3, 5-6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” กับพระเจ้าของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1:1-3 จากเปาโล ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระองค์ และจากโสสเธเนสพี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าที่อยู่ ณ เมืองโครินธ์ ถึงผู้ที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเยซู คือได้รับเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับทุกคนในทุกสถานที่ ทุกคนซึ่งเรียกหาพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของเขาและของเราด้วย ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
พระวรสาร โดยนักบุญยอห์น 1:29-34 วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า “บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบและทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ข้าพเจ้าเห็น และเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
คุณพ่อเคลเมนท์: จากบทอ่านที่หนึ่ง พวกเราได้รับแสงสว่าง และต้องเป็นแสงสว่างให้นานาชาติเช่นกัน จากบทอ่านที่สอง พวกเราถูกทําให้ศักดิ์สิทธิ์โดยพระเยซูคริสตเจ้า และในพระวรสาร พวกเราได้รับพระจิตเจ้าเช่นกัน เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องทําให้ทุกคนรู้จักพระเจ้า เริ่มจากครอบครัวของเราก่อนแล้วถึงผู้อื่น!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
กราบขอบพระคุณ: พระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์
ขอบพระคุณ: นักบุญโยเซฟ อัครเทวดาไมเกิ้ล เกเบรียล ราฟาเอล คุณพี่อารักขเทวดา สหพันธ์นักบุญทุกท่าน
ขอบคุณ อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 49:3, 5-6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” กับพระเจ้าของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1:1-3 จากเปาโล ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกให้เป็นอัครสาวกของพระคริสตเยซูตามพระประสงค์ของพระองค์ และจากโสสเธเนสพี่น้องของเรา ถึงพระศาสนจักรของพระเจ้าที่อยู่ ณ เมืองโครินธ์ ถึงผู้ที่ได้รับความศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเยซู คือได้รับเรียกให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับทุกคนในทุกสถานที่ ทุกคนซึ่งเรียกหาพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งของเขาและของเราด้วย ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด
พระวรสาร โดยนักบุญยอห์น 1:29-34 วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า “บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า” ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบและทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” ข้าพเจ้าเห็น และเป็นพยานยืนยันว่า ท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
คุณพ่อเคลเมนท์: จากบทอ่านที่หนึ่ง พวกเราได้รับแสงสว่าง และต้องเป็นแสงสว่างให้นานาชาติเช่นกัน จากบทอ่านที่สอง พวกเราถูกทําให้ศักดิ์สิทธิ์โดยพระเยซูคริสตเจ้า และในพระวรสาร พวกเราได้รับพระจิตเจ้าเช่นกัน เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องทําให้ทุกคนรู้จักพระเจ้า เริ่มจากครอบครัวของเราก่อนแล้วถึงผู้อื่น!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
กราบขอบพระคุณ: พระเป็นเจ้า พระแม่มารีย์
ขอบพระคุณ: นักบุญโยเซฟ อัครเทวดาไมเกิ้ล เกเบรียล ราฟาเอล คุณพี่อารักขเทวดา สหพันธ์นักบุญทุกท่าน
ขอบคุณ อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่สาม ( 22 มกราคม 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร เรย์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Deacon Rey , Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 8:23-9:3
ในอดีต พระองค์ทรงทำให้แผ่นดินเศบูลุนและแผ่นดินนัฟทาลีตกต่ำ แต่ในอนาคตจะทรงบันดาลให้หนทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถึงแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นดินแดนของชนต่างชาติ มีความรุ่งเรืองประชากรที่เดินในความมืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในแผ่นดินมืดมิด ความสว่างส่องแสงมาเหนือเขา พระองค์ทรงเพิ่มจำนวนประชากร ทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะยินดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ดั่งความชื่นบานในฤดูเก็บเกี่ยว ดั่งความยินดีเมื่อเขาแบ่งของเชลยให้แก่กัน เพราะว่าแอกอันเป็นภาระของเขา ท่อนไม้ที่เขาต้องแบก ไม้ตะพดของผู้กดขี่ พระองค์ทรงหักเสียอย่างที่ทรงเคยกระทำกับชาวมีเดียน
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1: 10-13, 17
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้ท่านปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจิตใจและความเห็นตรงกัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จากคนในครอบครัวของคะโลเอว่า ท่านทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน ข้าพเจ้าหมายความว่าดังนี้ ท่านต่างก็พูดว่า “ฉันเป็นพวกของเปาโล” “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” “ฉันเป็นพวกของเคฟาส” “ฉันเป็นพวกของพระคริสตเจ้า” มีการแบ่งแยกในองค์พระคริสตเจ้ากระนั้นหรือ เปาโลถูกตรึงกางเขนเพื่อท่านกระนั้นหรือ ท่านได้รับพิธีล้างบาปในนามของพระคริสตเจ้ามิได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาทำพิธีล้างบาป แต่ทรงส่งมาประกาศข่าวดีมิใช่ด้วยการใช้โวหารอันชาญฉลาด ด้วยเกรงว่าจะทำให้ไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าเสื่อมประสิทธิภาพ
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 4:12-23
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์ เป็นความจริงว่า ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติ ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตาย แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ทรงเรียกศิษย์ชุดแรกสี่คน ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองคนก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองคนก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป พระเยซูเจ้าทรงประกาศข่าวดี และทรงรักษาผู้เจ็บป่วย พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน
สังฆานุกรเรย์: พระเยซูเจ้าทรงสอน ทรงเทศนา และ ทรงรักษา เมื่อพระองค์ทรงเรียกอัครสาวกเปโตร อันเดร์ ยากอบและยอห์น (บุตรเศเบดี) ทั้งสี่คนละทิ้งครอบครัว อาชีพ ภาระรับผิดชอบ ติดตามพระองค์ทันที เปโตร มีภรรยาและแม่ยายขี้โรค ( มัทธิว 8:14) ยากอบและยอห์น มีพ่อ ทั้งสี่ไม่ได้ถามพระองค์ว่ามีแผนการจัดการกับภาระหน้าที่ส่วนตัวของพวกเขาอย่างไร พวกเขาเชื่อในพระองค์ ! จริงอยู่ ชีวิตของพวกเราในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากกว่าสมัยนั้น แต่พวกเราควรเป็นเช่นเดียวกับพวกท่าน!
คุณพ่อทิมเจ้าอาวาสทําพิธีล้างบาปให้เด็กหญิงสองคน อันนาเบล ( Annabel 3 ขวบ ร้องไห้ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มมิสซา) และ แมนโดลิน ( Mandolin 6 ขวบ) คุณพ่อทิมเอานํ้าเสก รดหน้าผาก อันนาเบลแหกปากร้องไห้ลั่นวัด พวกเราหัวเราะ กลั้นไม่อยู่ แมนโดลินยิ้มแย้มแจ่มใสไม่โยเย แล้วพ่อทิมก็ปล่อยหมัดเด็ดหลังเสร็จพิธีล้างบาป: พ่อขอพระเป็นเจ้าทรงให้พรอันนาเบลหลับตลอดเวลาในช่วงมิสซา พวกเราหัวเราะสนั่นลั่นวัด...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 8:23-9:3
ในอดีต พระองค์ทรงทำให้แผ่นดินเศบูลุนและแผ่นดินนัฟทาลีตกต่ำ แต่ในอนาคตจะทรงบันดาลให้หนทางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถึงแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นดินแดนของชนต่างชาติ มีความรุ่งเรืองประชากรที่เดินในความมืดแลเห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในแผ่นดินมืดมิด ความสว่างส่องแสงมาเหนือเขา พระองค์ทรงเพิ่มจำนวนประชากร ทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา เขาทั้งหลายจะยินดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ดั่งความชื่นบานในฤดูเก็บเกี่ยว ดั่งความยินดีเมื่อเขาแบ่งของเชลยให้แก่กัน เพราะว่าแอกอันเป็นภาระของเขา ท่อนไม้ที่เขาต้องแบก ไม้ตะพดของผู้กดขี่ พระองค์ทรงหักเสียอย่างที่ทรงเคยกระทำกับชาวมีเดียน
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1: 10-13, 17
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องท่านในพระนามพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ให้ท่านปรองดองกัน อย่าแตกแยก แต่จงมีจิตใจและความเห็นตรงกัน พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้จากคนในครอบครัวของคะโลเอว่า ท่านทั้งหลายทะเลาะวิวาทกัน ข้าพเจ้าหมายความว่าดังนี้ ท่านต่างก็พูดว่า “ฉันเป็นพวกของเปาโล” “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” “ฉันเป็นพวกของเคฟาส” “ฉันเป็นพวกของพระคริสตเจ้า” มีการแบ่งแยกในองค์พระคริสตเจ้ากระนั้นหรือ เปาโลถูกตรึงกางเขนเพื่อท่านกระนั้นหรือ ท่านได้รับพิธีล้างบาปในนามของพระคริสตเจ้ามิได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาทำพิธีล้างบาป แต่ทรงส่งมาประกาศข่าวดีมิใช่ด้วยการใช้โวหารอันชาญฉลาด ด้วยเกรงว่าจะทำให้ไม้กางเขนของพระคริสตเจ้าเสื่อมประสิทธิภาพ
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 4:12-23
เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบว่ายอห์นถูกจองจำ จึงเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงออกจากเมืองนาซาเร็ธ มาประทับอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม บนฝั่งทะเลสาบ ในดินแดนเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลี ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์ เป็นความจริงว่า ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลี เส้นทางไปสู่ทะเล ฟากโน้นของแม่น้ำจอร์แดน แคว้นกาลิลีแห่งบรรดาประชาชาติ ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตาย แสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว นับแต่นั้นมา พระเยซูเจ้าทรงเริ่มประกาศเทศนาว่า “จงกลับใจเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ทรงเรียกศิษย์ชุดแรกสี่คน ขณะที่ทรงดำเนินไปตามชายฝั่งทะเลสาบกาลิลี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องสองคนคือซีโมนที่เรียกว่าเปโตรกับอันดรูว์น้องชายกำลังทอดแห เขาเป็นชาวประมง พระองค์ตรัสสั่งว่า “จงตามเรามาเถิด เราจะทำให้ท่านเป็นชาวประมงหามนุษย์” เขาทั้งสองคนก็ทิ้งแหไว้ แล้วตามพระองค์ไปทันที เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาทั้งสองคนก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป พระเยซูเจ้าทรงประกาศข่าวดี และทรงรักษาผู้เจ็บป่วย พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน
สังฆานุกรเรย์: พระเยซูเจ้าทรงสอน ทรงเทศนา และ ทรงรักษา เมื่อพระองค์ทรงเรียกอัครสาวกเปโตร อันเดร์ ยากอบและยอห์น (บุตรเศเบดี) ทั้งสี่คนละทิ้งครอบครัว อาชีพ ภาระรับผิดชอบ ติดตามพระองค์ทันที เปโตร มีภรรยาและแม่ยายขี้โรค ( มัทธิว 8:14) ยากอบและยอห์น มีพ่อ ทั้งสี่ไม่ได้ถามพระองค์ว่ามีแผนการจัดการกับภาระหน้าที่ส่วนตัวของพวกเขาอย่างไร พวกเขาเชื่อในพระองค์ ! จริงอยู่ ชีวิตของพวกเราในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากกว่าสมัยนั้น แต่พวกเราควรเป็นเช่นเดียวกับพวกท่าน!
คุณพ่อทิมเจ้าอาวาสทําพิธีล้างบาปให้เด็กหญิงสองคน อันนาเบล ( Annabel 3 ขวบ ร้องไห้ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มมิสซา) และ แมนโดลิน ( Mandolin 6 ขวบ) คุณพ่อทิมเอานํ้าเสก รดหน้าผาก อันนาเบลแหกปากร้องไห้ลั่นวัด พวกเราหัวเราะ กลั้นไม่อยู่ แมนโดลินยิ้มแย้มแจ่มใสไม่โยเย แล้วพ่อทิมก็ปล่อยหมัดเด็ดหลังเสร็จพิธีล้างบาป: พ่อขอพระเป็นเจ้าทรงให้พรอันนาเบลหลับตลอดเวลาในช่วงมิสซา พวกเราหัวเราะสนั่นลั่นวัด...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่สี่ ( 29 มกราคม 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร แทรี่ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Deacon Terry, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา
( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง เศฟันยาห์ 2:3, 3:12-13
ท่านทุกคนที่ถ่อมตนบนแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ จงแสวงหาพระยาห์เวห์ จงแสวงหาความชอบธรรม จงแสวงหาความถ่อมตน แล้วท่านจะพบที่กำบัง ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธ เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและต่ำต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลืออยู่ในอิสราเอล จะวางใจในพระนามของพระยาห์เวห์ ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลจะไม่ทำผิด จะไม่กล่าวคำมุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะเขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำให้เขาต้องหวาดกลัว
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1:26-31
พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ น้อยคนที่มีอิทธิพล น้อยคนที่มีตระกูลสูง
แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลกเพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นว่าสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นปรีชาญาณสำหรับเรา ทั้งยังทรงเป็นผู้บันดาลความชอบธรรม ความศักดิ์สิทธิ์และการไถ่กู้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”
พระวรสาร โดย นักบุญมาระโก 5:1-12a
พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก
สังฆานุกรแทรี่: ผมใช้บริการของบริษัทสืบหาลําดับวงศ์ตระกูล ได้รับผลว่า ผมสืบเชื้อสายจากหนึ่งในผู้ร่างประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาของเรา และหนึ่งในต้นตระกูลของผมมีชื่อว่า " เศฟันยาห์ ( Zephaniah) " ไม่ใช่ประกาศกเศฟันยาห์นะครับ ( ลูกวัดหัวเราะสนั่นลั่นวัด...) พระวาจาของพระเจ้าเรียกร้องให้มีการกระทําเสมอ จากบทอ่านที่หนึ่ง ที่สอง และ พระวรสารของวันนี้
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศเรามีเรื่องของการฆ่าหมู่และตํารวจห้านายทําร้ายประชาชนจนไปตายในโรงพยาบาล เป็นเรื่องเศร้าเพราะผู้สร้างสันติเป็นผู้ทําลายสันติ แต่ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ดังเช่นที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสในพระวรสารวันนี้...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง เศฟันยาห์ 2:3, 3:12-13
ท่านทุกคนที่ถ่อมตนบนแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ จงแสวงหาพระยาห์เวห์ จงแสวงหาความชอบธรรม จงแสวงหาความถ่อมตน แล้วท่านจะพบที่กำบัง ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธ เพราะเราจะเหลือเพียงประชากรที่ถ่อมตนและต่ำต้อยไว้ในเจ้า คนที่เหลืออยู่ในอิสราเอล จะวางใจในพระนามของพระยาห์เวห์ ผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอลจะไม่ทำผิด จะไม่กล่าวคำมุสา จะไม่พบลิ้นที่ฉ้อโกงในปากของเขา เพราะเขาทั้งหลายจะหากินและพักผ่อน โดยไม่มีผู้ใดทำให้เขาต้องหวาดกลัว
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 1:26-31
พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ น้อยคนที่มีอิทธิพล น้อยคนที่มีตระกูลสูง
แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลกเพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นว่าสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้ เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นปรีชาญาณสำหรับเรา ทั้งยังทรงเป็นผู้บันดาลความชอบธรรม ความศักดิ์สิทธิ์และการไถ่กู้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”
พระวรสาร โดย นักบุญมาระโก 5:1-12a
พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมาก จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า “ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
“ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุข เมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆ นานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก
สังฆานุกรแทรี่: ผมใช้บริการของบริษัทสืบหาลําดับวงศ์ตระกูล ได้รับผลว่า ผมสืบเชื้อสายจากหนึ่งในผู้ร่างประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกาของเรา และหนึ่งในต้นตระกูลของผมมีชื่อว่า " เศฟันยาห์ ( Zephaniah) " ไม่ใช่ประกาศกเศฟันยาห์นะครับ ( ลูกวัดหัวเราะสนั่นลั่นวัด...) พระวาจาของพระเจ้าเรียกร้องให้มีการกระทําเสมอ จากบทอ่านที่หนึ่ง ที่สอง และ พระวรสารของวันนี้
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ประเทศเรามีเรื่องของการฆ่าหมู่และตํารวจห้านายทําร้ายประชาชนจนไปตายในโรงพยาบาล เป็นเรื่องเศร้าเพราะผู้สร้างสันติเป็นผู้ทําลายสันติ แต่ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน ดังเช่นที่พระเยซูเจ้าทรงตรัสในพระวรสารวันนี้...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ที่ห้า ( 5 กุมภาพันธ์ 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 58:7-10
แบ่งปันอาหารกับผู้หิวโหย นำคนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำหน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์จะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และพระยาห์เวห์จะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ ความสว่างของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 2:1-5
พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมล้ำลึก เรื่องพระเจ้าโดยใช้สำนวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรื่อง ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะไม่สอนเรื่องใดแก่ท่านนอกจากเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก วาจาและคำเทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำพูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้า เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า
พระวรสาร มัทธิว 5:13-16
“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดิน ถ้าเกลือจืดไปแล้ว จะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่า เกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากจะถูกทิ้งให้คนเหยียบย่ำ “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะไม่ถูกปิดบัง ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอามาวางไว้ใต้ถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์
คุณพ่อเคลเม้นท์: เกลือเจาะ รักษา และเพิ่มรสชาติ แสงสว่างนําทาง ช่วยให้พ้นอันตราย เมื่อพวกเรารับศีลล้างบาป เทียนได้ถูกจุดขึ้นและมอบให้เรา นั่นก็คือความสว่างที่มาจากพระเป็นเจ้า นําทางและทําให้พวกเราเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณที่พวกเราทุกคนต้องรักษา พวกเราผู้เชี่อในพระเยซูเจ้าคือคริสตชนด้วยชีวิตของเรา พวกเราต้องร่วมมีส่วนเกี่ยวข้องในสังคม ไม่แอบแฝง เพื่อที่ผู้คนจะได้สรรเสริญเทิดพระเกียรติพระเป็นเจ้า!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง อิสยาห์ 58:7-10
แบ่งปันอาหารกับผู้หิวโหย นำคนยากจนไร้ที่อยู่อาศัยเข้ามาในบ้าน ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ท่านเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าสวม และไม่หันหน้าหนีจากญาติพี่น้อง แล้วความสว่างของท่านจะขึ้นมาเหมือนรุ่งอรุณ แผลของท่านจะหายอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมจะเดินนำหน้าท่าน และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระยาห์เวห์จะเดินตามท่าน ท่านจะทูลขอ และพระยาห์เวห์จะทรงตอบ ท่านจะร้องขอความช่วยเหลือ และพระองค์จะตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” ถ้าท่านจะเลิกข่มเหงผู้อื่น เลิกชี้หน้ากล่าวหาและพูดร้ายต่อเขา ถ้าท่านแบ่งอาหารให้แก่คนหิว และตอบสนองความต้องการของผู้มีทุกข์ ความสว่างของท่านจะปรากฏขึ้นในความมืด และความมืดของท่านจะเป็นเหมือนเวลาเที่ยงวัน
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 2:1-5
พี่น้องทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ามาพบท่าน ข้าพเจ้ามิได้มาประกาศธรรมล้ำลึก เรื่องพระเจ้าโดยใช้สำนวนโวหาร หรือโดยใช้หลักเหตุผลอันฉลาดปราดเปรื่อง ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะไม่สอนเรื่องใดแก่ท่านนอกจากเรื่องพระเยซูคริสตเจ้า คือพระองค์ผู้ทรงถูกตรึงกางเขน ข้าพเจ้ายังอยู่กับท่านด้วยความอ่อนแอ มีความกลัวและหวาดหวั่นมาก วาจาและคำเทศน์ของข้าพเจ้ามิใช่คำพูดชวนเชื่ออย่างชาญฉลาด แต่เป็นถ้อยคำแสดงพระอานุภาพของพระจิตเจ้า เพื่อมิให้ความเชื่อของท่านเป็นผลจากปรีชาญาณของมนุษย์ แต่เป็นผลจากพระอานุภาพของพระเจ้า
พระวรสาร มัทธิว 5:13-16
“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดิน ถ้าเกลือจืดไปแล้ว จะเอาอะไรมาทำให้เค็มอีกเล่า เกลือนั้นย่อมไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากจะถูกทิ้งให้คนเหยียบย่ำ “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างส่องโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะไม่ถูกปิดบัง ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอามาวางไว้ใต้ถัง แต่ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างของท่านต้องส่องแสงต่อหน้ามนุษย์ เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์
คุณพ่อเคลเม้นท์: เกลือเจาะ รักษา และเพิ่มรสชาติ แสงสว่างนําทาง ช่วยให้พ้นอันตราย เมื่อพวกเรารับศีลล้างบาป เทียนได้ถูกจุดขึ้นและมอบให้เรา นั่นก็คือความสว่างที่มาจากพระเป็นเจ้า นําทางและทําให้พวกเราเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณที่พวกเราทุกคนต้องรักษา พวกเราผู้เชี่อในพระเยซูเจ้าคือคริสตชนด้วยชีวิตของเรา พวกเราต้องร่วมมีส่วนเกี่ยวข้องในสังคม ไม่แอบแฝง เพื่อที่ผู้คนจะได้สรรเสริญเทิดพระเกียรติพระเป็นเจ้า!
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ ที่หก ( 12 กุมภาพันธ์ 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง บุตรสิรา 15: 15-20
ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน
พระองค์ทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น พระปรีชาญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสรรพานุภาพและทรงแลเห็นทุกสิ่ง พระองค์ทอดพระเนตรเห็นผู้ยำเกรพระองค์ ทรงรู้กิจการทุกอย่างของมนุษย์ พระองค์ไม่ทรงบัญชาผู้ใดให้เป็นคนอธรรม พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดทำบาป
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 2:6-10
เราพูดถึงปรีชาญาณในหมู่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มิใช่ปรีชาญาณของโลกนี้หรือของผู้ปกครองโลกนี้ซึ่งกำลังจะสูญสิ้นไป แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณของพระเจ้า เป็นธรรมล้ำลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำหรับสิริรุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ปกครองโลกนี้ผู้ใดล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขารู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า“สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์” นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้โดยทางพระจิตเจ้า เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า
พระวรสาร นักบุญมัทธิว 5:17-37
“จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไป ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์” มาตรฐานใหม่สูงกว่ามาตรฐานเดิม “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนั้น ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว “จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย “ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก” “มีคำกล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำหนังสือหย่ามอบให้นาง แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับทำให้นางล่วงประเวณี และผู้ใดที่แต่งกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณีด้วย”
“ท่านยังได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า อย่าอ้างถึงแผ่นดิน เพราะเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ อย่าอ้างถึงศีรษะของท่าน เพราะท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำเป็นขาวได้ ท่านจงพูดเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’คำพูดที่มากไปกว่านั้นมาจากมารร้าย
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเป็นเจ้าให้เราเลือก อําเภอใจ ไม่บังคับ ระหว่างความตายและชีวิต และพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดทำบาป ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงบอกว่าไม่ได้มาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศกแต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ ทรงยกตัวอย่างสี่อย่างให้พวกเรา 1) การฆ่าคน พระองค์บอกลึกถึงขนาดว่า อย่าโกรธเคืองพี่น้อง และอย่าพูดดูหมิ่นพี่น้อง สิ่งเหล่านี้เป็นการไม่ให้เกียรติพระองค์ที่ทรงรักทุกคนเท่าเทียมกัน 2) อย่าล่วงประเวณี พระองค์ทรงบอกลึกถึงกับว่าแค่มองผู้หญิงด้วยความใคร่ก็เป็นบาปแล้ว 3) การหย่าร้าง สมัยพระองค์ ผู้หญิงเป็นสมบัติของพ่อและสามี ไม่มีสิทธิ์เสรี จงให้เกียรติภรรยาและศีลสมรส 4) อย่าสาบาน ให้คําพูดของเราคริสตชนเป็นการบอกว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: อะไรนะ! ไม่ได้ยิน ตลอดเวลา
ลูกวัดขานรับสนั่นก้อง: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง บุตรสิรา 15: 15-20
ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน
พระองค์ทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น พระปรีชาญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงสรรพานุภาพและทรงแลเห็นทุกสิ่ง พระองค์ทอดพระเนตรเห็นผู้ยำเกรพระองค์ ทรงรู้กิจการทุกอย่างของมนุษย์ พระองค์ไม่ทรงบัญชาผู้ใดให้เป็นคนอธรรม พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดทำบาป
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 2:6-10
เราพูดถึงปรีชาญาณในหมู่ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่มิใช่ปรีชาญาณของโลกนี้หรือของผู้ปกครองโลกนี้ซึ่งกำลังจะสูญสิ้นไป แต่เรากล่าวถึงพระปรีชาญาณของพระเจ้า เป็นธรรมล้ำลึกอันซ่อนเร้นซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดล่วงหน้าไว้ก่อนปฐมกาลสำหรับสิริรุ่งโรจน์ของเรา ไม่มีผู้ปกครองโลกนี้ผู้ใดล่วงรู้พระปรีชาญาณนี้ เพราะถ้าเขารู้ เขาคงไม่ตรึงกางเขนองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ แต่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า“สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์” นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เรารู้โดยทางพระจิตเจ้า เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า
พระวรสาร นักบุญมัทธิว 5:17-37
“จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไป ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์” มาตรฐานใหม่สูงกว่ามาตรฐานเดิม “เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย” “ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนั้น ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว “จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย “ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก ถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงตัดมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดตกนรก” “มีคำกล่าวว่า ผู้ใดจะหย่ากับภรรยา ก็จงทำหนังสือหย่ามอบให้นาง แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นกรณีแต่งงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เท่ากับทำให้นางล่วงประเวณี และผู้ใดที่แต่งกับหญิงที่ได้หย่าร้าง ก็ล่วงประเวณีด้วย”
“ท่านยังได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า อย่าอ้างถึงแผ่นดิน เพราะเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ อย่าอ้างถึงศีรษะของท่าน เพราะท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำเป็นขาวได้ ท่านจงพูดเพียงว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’คำพูดที่มากไปกว่านั้นมาจากมารร้าย
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเป็นเจ้าให้เราเลือก อําเภอใจ ไม่บังคับ ระหว่างความตายและชีวิต และพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ผู้ใดทำบาป ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงบอกว่าไม่ได้มาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศกแต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์ ทรงยกตัวอย่างสี่อย่างให้พวกเรา 1) การฆ่าคน พระองค์บอกลึกถึงขนาดว่า อย่าโกรธเคืองพี่น้อง และอย่าพูดดูหมิ่นพี่น้อง สิ่งเหล่านี้เป็นการไม่ให้เกียรติพระองค์ที่ทรงรักทุกคนเท่าเทียมกัน 2) อย่าล่วงประเวณี พระองค์ทรงบอกลึกถึงกับว่าแค่มองผู้หญิงด้วยความใคร่ก็เป็นบาปแล้ว 3) การหย่าร้าง สมัยพระองค์ ผู้หญิงเป็นสมบัติของพ่อและสามี ไม่มีสิทธิ์เสรี จงให้เกียรติภรรยาและศีลสมรส 4) อย่าสาบาน ให้คําพูดของเราคริสตชนเป็นการบอกว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: อะไรนะ! ไม่ได้ยิน ตลอดเวลา
ลูกวัดขานรับสนั่นก้อง: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
อาทิตย์ ที่ 7 ( 19 กุมภาพันธ์ 2023) ในเทศกาลธรรมดา บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะความแตกต่างของสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคมของประเทศ
บทอ่านที่หนึ่ง หนังสือเลวีนิติ 19:1-2, 17-18
พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านแต่ละคนจะต้องนับถือบิดามารดา และรักษาวันสับบาโตของเราไว้เป็นวันหยุดพัก เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเขา ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระยาห์เวห์
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 3:16-23
ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน
ถ้าใครทำลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายเขา เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่านก็คือพระวิหารนั้น จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “พระเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของพวกท่าน
แต่พวกท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า
พระวรสาร โดย นักบุญมัทธิว 5:38-48
“ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’
แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเยซูเจ้าทรงกล่าวถึง " ความรัก" ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานของความเป็นคริสตชนของเรา ( ความเชื่อ ความหวัง และความรัก) และทรงบอกให้พวกเราให้อภัยซึ่งกันและกัน และทรงต้องการให้เราบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าของเรา
( คุณพ่อลืม: พระเป็นเจ้าดี ตลอดเวลา ตลอดเวลา พระเป็นเจ้าดี ลูกวัดไม่มีใครกล้าท้วง )
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง หนังสือเลวีนิติ 19:1-2, 17-18
พระยาห์เวห์ตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านแต่ละคนจะต้องนับถือบิดามารดา และรักษาวันสับบาโตของเราไว้เป็นวันหยุดพัก เราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเขา ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือพระยาห์เวห์
บทอ่านที่สอง 1 โครินธ์ 3:16-23
ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน
ถ้าใครทำลายพระวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายเขา เพราะพระวิหารของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์ และท่านก็คือพระวิหารนั้น จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “พระเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของพวกท่าน
แต่พวกท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า
พระวรสาร โดย นักบุญมัทธิว 5:38-48
“ท่านเคยได้ยินเขากล่าวว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’
แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย
ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด ผู้ใดขออะไรจากท่าน ก็จงให้ อย่าหันหลังให้ผู้ที่มาขอยืมสิ่งใดจากท่าน “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า จงรักเพื่อนบ้าน จงเกลียดศัตรู แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าสวรรค์ พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม ถ้าท่านรักแต่คนที่รักท่าน ท่านจะได้บำเหน็จรางวัลอะไรเล่า บรรดาคนเก็บภาษีมิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ถ้าท่านทักทายแต่พี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรพิเศษเล่า คนต่างศาสนามิได้ทำเช่นนี้ดอกหรือ ฉะนั้น ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเยซูเจ้าทรงกล่าวถึง " ความรัก" ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานของความเป็นคริสตชนของเรา ( ความเชื่อ ความหวัง และความรัก) และทรงบอกให้พวกเราให้อภัยซึ่งกันและกัน และทรงต้องการให้เราบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าของเรา
( คุณพ่อลืม: พระเป็นเจ้าดี ตลอดเวลา ตลอดเวลา พระเป็นเจ้าดี ลูกวัดไม่มีใครกล้าท้วง )
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์แรกของเทศกาลมหาพรต 26 กุมภาพันธ์ 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณสังฆานุกรเรย์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Deacon Rey, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง ปฐมกาล 2:7-9, 3:1-9
พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเอาฝุ่นจากพื้นดินมาปั้นมนุษย์และทรงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าในจมูกของเขา มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปลูกสวนขึ้นทางทิศตะวันออกในแคว้นเอเดน และทรงนำมนุษย์ที่ทรงปั้นมาไว้ที่นั่น พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงบันดาลให้ต้นไม้ทุกชนิดงอกขึ้นจากดิน ต้นไม้เหล่านี้งดงามชวนมองและมีผลน่ากิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่ที่กลางสวน และมีต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว งูเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ที่สุดในบรรดาสัตว์ป่าที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้าง มันถามหญิงว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใด ๆ ในสวนนี้” หญิงจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนนี้ เรากินได้ แต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนเท่านั้น” พระเจ้าตรัสห้ามว่า “อย่ากินหรือแตะต้องเลย มิฉะนั้นท่านจะต้องตาย” งูบอกกับหญิงว่า “ท่านจะไม่ตายดอก พระเจ้าทรงทราบว่า ท่านกินผลไม้นั้นวันใด ตาของท่านจะเปิดในวันนั้น ท่านจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ดีรู้ชั่ว” หญิงเห็นว่า ต้นไม้นั้นมีผลน่ากิน งดงามชวนมอง ทั้งยังน่าปรารถนาเพราะให้ปัญญา นางจึงเด็ดผลไม้มากิน แล้วยังให้สามีซึ่งอยู่กับนางกินด้วย เขาก็กิน ทันใดนั้น ตาของทั้งสองคนก็เปิดและเห็นว่าตนเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
บทอ่านที่สอง โรม 5:12-19
บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป
ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมซึ่งเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่าถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์
ของประทานต่างกับการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวที่ทำบาป บาปของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษยชาติถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เมื่อมนุษย์ทำบาปมากแล้ว ของประทานที่ให้เปล่านั้นกลับนำความชอบธรรมมาให้ ถ้ามนุษย์คนเดียวล่วงละเมิด ทำให้ความตายมีอำนาจปกครองเหนือมนุษยชาติเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวนั้น เดชะพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำนาจปกครองมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ การล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตมาให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 4:1-11
เวลานั้น พระจิตเจ้าทรงนำพระเยซูเจ้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้ปีศาจมาผจญพระองค์ เมื่อทรงอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว ทรงหิว ปีศาจผู้ผจญจึงเข้ามาใกล้ ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปังเถิด” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำ ที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า”
ต่อจากนั้น ปีศาจอุ้มพระองค์ไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงกระโดดลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าทรงสั่งทูตสวรรค์เกี่ยวกับท่าน ให้คอยพยุงท่านไว้ มิให้เท้ากระทบหิน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ในพระคัมภีร์ยังมีเขียนไว้ด้วยว่า อย่าท้าทายองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” อีกครั้งหนึ่งปีศาจนำพระองค์ไปบนยอดเขาสูงมาก ชี้ให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรรุ่งเรืองต่างๆ ของโลก แล้วทูลว่า “เราจะให้ทุกสิ่งนี้แก่ท่าน ถ้าท่านกราบนมัสการเรา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น ยังมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น” ปีศาจจึงได้ละพระองค์ไป แล้วทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์
สังฆานุกรเรย์: อาดัมกับเอวาได้ใช้ชีวิตเป็นสุขสอดคล้องกับธรรมชาติและพระเจ้า จนกระทั่งทําบาปหยิ่งจองหองอยากจะเป็นเหมือนพระเจ้า บาปนําความแตกแยกและความปั่นป่วนมาสู่มนุษย์ การเปลี่ยนเเปลงต้องมีสิ่งใหม่เข้ามาแทรก พวกเรามีชีวิตของวัฒนธรรมแห่งการตีโพยตีพาย โทษโน่นโทษนี่ โทษคนโน้นคนนี้ แต่ไม่โทษตัวเราเอง
ช่วงมหาพรตเป็นโอกาสให้พวกเราได้สํารวจพิจารณาตัวเอง ลดความต้องการของสิ่งของของโลกและชื่อเสียง ละเว้นกินสเต็ก ดื่มเหล้าไวน์ ฯลฯ ใกล้ชิดกับพระเจ้า อธิษฐานภาวนา อดอาหารความอยากความต้องการ และทําบุญ ทําตัวเหมือนพระเยซูเจ้าที่ทรงถูกผจญ: ก้อนหินเป็นขนมปัง แต่ทุกวาจาของพระเจ้าก็เป็นอาหารเช่นกัน กระโดดจากยอดพระวิหาร เป็นการทดลองพระเจ้า และการกรานมัสการ ต้องทําให้แก่พระเจ้าเท่านั้น
จงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย รักแบบล้นเหลือ ให้ความสนใจแบบลึกซึ้ง และพูดแบบใจดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทความเสริมศรัทธา หนุนบทอ่านและพระวรสารของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลมหาพรต: ผมขอเสนอชื่อ (อีกครั้ง) ที่มีความสําคัญและความหมายของชื่อ (แปลจากภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาฮีบรูของชาวอิสราเอล) ในพระคริสตศาสนา และพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของเรา ที่จะเพิ่มพูนความศรัทธาในการสวดภาวนา โดยเฉพาะชื่อของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญโยแซฟ และ สารพระยซูเจ้า ฉบับที่ 106 "ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ"
>ยาห์เวห์/ Yahweh (พระเป็นเจ้า/ God) = เราเป็น/ I am
>อาดัม/ Adam = บุตรของดินสีแดง/son of the red Earth
>อีฟ/Eve = ผู้ดําเนินชีวิต ต้นกำเนิดของชีวิต/ living one, source of life
>อับราฮัม/ Abraham = บิดาของจำนวนมากมาย บิดาของนานาชาติ/father of a multitude, father of nations
>ซาราห์/Sarah = เจ้าหญิง สตรีสูงศักดิ์/princess, noble woman
>ดาวิด/David = ที่รัก/ beloved
>บัทเชบา/Bethsheba = ลูกสาวของคําสัตย์/ daughter of the oath
>โยคิม/Joakim (พ่อของพระแม่มารีย์) = เขาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้ง/he whom Yahweh has set up
>แอนน์/Ann (แม่ของพระแม่มารีย์) = กรุณา สุภาพ เมตตา ที่ชื่นชอบ/ gracious, favored
>เศคาริยาห์/Zachary ( พ่อของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าได้รําลึกถึง/ the Lord has remembered
>เอลิซาเบธ/Elizabeth ( แม่ของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าคือคําสัตย์ของฉัน/God is my oath
> ยอห์น/John ( นักบุญยอห์นผู้ทําพิธีล้าง) =ได้รับสิริโรจน์โดยพระเจ้า/ graced by God
>โยแซฟ/ Joseph (ภัสดาของพระแม่มารีย์) = พระเจ้าจะให้ พระเจ้าจะเพิ่มพูน/God will give, God will increase
>มารีย์/ Mary ( พระมารดาของพระเยซูเจ้า) = ที่รัก ขมขื่น ต่อต้าน ( อ้างอิงถึงมิเรียม/Miriam พี่สาวของโมเสสเมื่อชาวอิสราเอลเป็นทาสชาวอียิปต์)
>เยซู/ Jesus ( ลูกบุญธรรมของนักบุญโยแซฟ ลูกชายของพระแม่มารีย์ พระบุตรของพระบิดาเจ้า พระเป็นเจ้า องค์ที่สองในพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต) = ส่ง ช่วยให้พ้นภัย/to deliver, to rescue
พระเยซูเจ้ายังมีอีกชื่อ อิมมานูเเอล/ Immanuel = พระเจ้าสถิตกับเรา/ God is with us
อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก, มัทธิว 1:18-24
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ
CL-106 19 มกราคม 1996 พระเยซูเจ้า
ได้รับพร กษัตริย์ และรุ่งโรจน์ คือชื่อของพ่อในสวรรค์และได้รับความเคารพบนโลก เมื่อมีเสียงสะท้อนของชื่อพ่อ มวลนรกเผ่นกระเจิง และผู้ที่เรียกพ่อด้วยความเต็มใจจะพบสิ่งที่เขาสูญเสีย ปลอบโยนตัวเขาเองในท่ามกลางความทุกข์ยาก และเปิดหัวใจของเขาต่อความหวัง
พ่อตั้งใจจะให้ต่อผู้ที่เรียกพ่อด้วยความหวานชื่นและความเชื่อ ด้วยการตอบแทนพิเศษในสวรรค์ ทุกครั้งที่เขาเรียกพ่อแบบมากมายบนโลก เขาจะได้รับการสรรเสริญมากมายหลายเท่าจากเหล่าผู้ที่ได้รับพรทั้งมวลในสวรรค์ อะไรที่เขาผู้เรียกพ่อแบบไม่มีสติหรือเป็นนิสัย ต้องการจากพ่อ ถ้าเขาไม่ได้แม้แต่ครุ่นคิดถึงชื่อของพ่อ? ชื่อของพ่อไม่ให้พลังอำนาจถ้าลูกไม่รักพ่อ มันไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความศรัทธาถ้ามันไม่ได้ถูกส่งเสียงออกมาด้วยหัวใจมากกว่าริมฝีปาก ผู้ใดหรือที่รู้พลังอำนาจของชื่อของพ่อที่ห่อหุ้มเอาไว้ ชื่อที่พ่อของพ่อมอบให้พ่อ?
ผู้ใดหรือที่รู้ความหวานชื่นที่ชื่อนี้ได้ถูกเปิดเผยให้แม่พรหมจารีของพ่อ?
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ การพร่ำขออะไรหรือจากผู้ไม่ให้ความสนใจมาถึงหูที่เฉียบไวของพ่อและให้ความสนใจยิ่ง! ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจพ่อ? ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจว่าพ่อเท่านั้นที่มีชื่อที่ได้รับพร รุ่งโรจน์ และไพเราะที่เป็นความรอดพ้นและความรัก?
จงเรียกพ่อสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจและปราศจากการคิดว่าลูกมีพระหรรษทานที่จะร้องขอจากพ่อ ยิ่งลูกขอน้อยเท่าไร ลูกจะยิ่งได้รับมากกว่านั้น จงเรียกหาพ่อตลอดเวลาเพราะพ่อต้องการอยู่ใกล้ลูกและให้ลูกทุกสิ่งที่พ่อมี ทุกชั่วโมงของกลางวันหรือกลางคืน ณ สถานที่ทํางาน ทุกหนทุกแห่ง เรียกพ่อแบบร้อนรนว่า: พระเยซูเจ้า!
It Is Now Centuries That Man Calls Me And Always With Little Love
CL-106 19-Jan-96 Jesus
Blessed, sovereign, and glorious is My Name in Heaven and venerated on earth. Upon the echo of My name, all Hell flees, and he who willingly invokes Me finds what he loses, consoles himself in all affliction, and opens his heart to hope.
I have determined to give to whoever invokes Me with affection and faith, a special recompense in Heaven: as many times as he called Me on earth, many more times will he be praised by all the blessed in Heaven. What does he who calls Me absent-mindedly or by habit, want from Me if he does not even reflect on My name? My name does not give strength if you do not love Me; it cannot arouse sentiments of piety if it is not pronounced with the heart more than with the lips. Who knows the power that My name encloses, the name that My Father gave Me? Who knows the sweetness that this name revealed to My Virgin Mother holds?
It is now centuries that the world calls Me and always with little love. What litanies from inattentive persons come to My sensitive and attentive ears! But, why do they not understand Me? Why do they not understand that only I have the blessed, the glorious, and the mellifluous Name that is salvation and love?
Always call Me with confidence and without thinking if you have graces to ask of Me; the less you ask for, the more you will receive. Always call Me because I want to be close to you and give you My all. At all hours of the day or night, at work, everywhere, passionately call Me: Jesus
(ดาวน์โหลดสารทุกสาร (ภาษาอังกฤษ) ฟรีได้ที่ https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf สารภาษาไทย แปลและโพสต์หนึ่งสาร/อาทิตย์ รวมทุกสารที่แปล อยู่ที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ รวมสารของพระบิดา พระเยซูเจ้า และพระแม่มารีย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
บทอ่านที่หนึ่ง ปฐมกาล 2:7-9, 3:1-9
พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเอาฝุ่นจากพื้นดินมาปั้นมนุษย์และทรงเป่าลมแห่งชีวิตเข้าในจมูกของเขา มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปลูกสวนขึ้นทางทิศตะวันออกในแคว้นเอเดน และทรงนำมนุษย์ที่ทรงปั้นมาไว้ที่นั่น พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงบันดาลให้ต้นไม้ทุกชนิดงอกขึ้นจากดิน ต้นไม้เหล่านี้งดงามชวนมองและมีผลน่ากิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่ที่กลางสวน และมีต้นไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว งูเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ที่สุดในบรรดาสัตว์ป่าที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้าง มันถามหญิงว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใด ๆ ในสวนนี้” หญิงจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนนี้ เรากินได้ แต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนเท่านั้น” พระเจ้าตรัสห้ามว่า “อย่ากินหรือแตะต้องเลย มิฉะนั้นท่านจะต้องตาย” งูบอกกับหญิงว่า “ท่านจะไม่ตายดอก พระเจ้าทรงทราบว่า ท่านกินผลไม้นั้นวันใด ตาของท่านจะเปิดในวันนั้น ท่านจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือรู้ดีรู้ชั่ว” หญิงเห็นว่า ต้นไม้นั้นมีผลน่ากิน งดงามชวนมอง ทั้งยังน่าปรารถนาเพราะให้ปัญญา นางจึงเด็ดผลไม้มากิน แล้วยังให้สามีซึ่งอยู่กับนางกินด้วย เขาก็กิน ทันใดนั้น ตาของทั้งสองคนก็เปิดและเห็นว่าตนเปลือยกายอยู่ จึงเอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
บทอ่านที่สอง โรม 5:12-19
บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป
ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมซึ่งเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่าถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์
ของประทานต่างกับการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวที่ทำบาป บาปของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษยชาติถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เมื่อมนุษย์ทำบาปมากแล้ว ของประทานที่ให้เปล่านั้นกลับนำความชอบธรรมมาให้ ถ้ามนุษย์คนเดียวล่วงละเมิด ทำให้ความตายมีอำนาจปกครองเหนือมนุษยชาติเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวนั้น เดชะพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำนาจปกครองมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ การล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตมาให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 4:1-11
เวลานั้น พระจิตเจ้าทรงนำพระเยซูเจ้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้ปีศาจมาผจญพระองค์ เมื่อทรงอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว ทรงหิว ปีศาจผู้ผจญจึงเข้ามาใกล้ ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปังเถิด” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น แต่ดำรงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำ ที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า”
ต่อจากนั้น ปีศาจอุ้มพระองค์ไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงกระโดดลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าทรงสั่งทูตสวรรค์เกี่ยวกับท่าน ให้คอยพยุงท่านไว้ มิให้เท้ากระทบหิน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ในพระคัมภีร์ยังมีเขียนไว้ด้วยว่า อย่าท้าทายองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” อีกครั้งหนึ่งปีศาจนำพระองค์ไปบนยอดเขาสูงมาก ชี้ให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรรุ่งเรืองต่างๆ ของโลก แล้วทูลว่า “เราจะให้ทุกสิ่งนี้แก่ท่าน ถ้าท่านกราบนมัสการเรา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น ยังมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น” ปีศาจจึงได้ละพระองค์ไป แล้วทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์
สังฆานุกรเรย์: อาดัมกับเอวาได้ใช้ชีวิตเป็นสุขสอดคล้องกับธรรมชาติและพระเจ้า จนกระทั่งทําบาปหยิ่งจองหองอยากจะเป็นเหมือนพระเจ้า บาปนําความแตกแยกและความปั่นป่วนมาสู่มนุษย์ การเปลี่ยนเเปลงต้องมีสิ่งใหม่เข้ามาแทรก พวกเรามีชีวิตของวัฒนธรรมแห่งการตีโพยตีพาย โทษโน่นโทษนี่ โทษคนโน้นคนนี้ แต่ไม่โทษตัวเราเอง
ช่วงมหาพรตเป็นโอกาสให้พวกเราได้สํารวจพิจารณาตัวเอง ลดความต้องการของสิ่งของของโลกและชื่อเสียง ละเว้นกินสเต็ก ดื่มเหล้าไวน์ ฯลฯ ใกล้ชิดกับพระเจ้า อธิษฐานภาวนา อดอาหารความอยากความต้องการ และทําบุญ ทําตัวเหมือนพระเยซูเจ้าที่ทรงถูกผจญ: ก้อนหินเป็นขนมปัง แต่ทุกวาจาของพระเจ้าก็เป็นอาหารเช่นกัน กระโดดจากยอดพระวิหาร เป็นการทดลองพระเจ้า และการกรานมัสการ ต้องทําให้แก่พระเจ้าเท่านั้น
จงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย รักแบบล้นเหลือ ให้ความสนใจแบบลึกซึ้ง และพูดแบบใจดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทความเสริมศรัทธา หนุนบทอ่านและพระวรสารของวันอาทิตย์แรกของเทศกาลมหาพรต: ผมขอเสนอชื่อ (อีกครั้ง) ที่มีความสําคัญและความหมายของชื่อ (แปลจากภาษาอังกฤษที่มาจากภาษาฮีบรูของชาวอิสราเอล) ในพระคริสตศาสนา และพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของเรา ที่จะเพิ่มพูนความศรัทธาในการสวดภาวนา โดยเฉพาะชื่อของพระเป็นเจ้า พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ และนักบุญโยแซฟ และ สารพระยซูเจ้า ฉบับที่ 106 "ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ"
>ยาห์เวห์/ Yahweh (พระเป็นเจ้า/ God) = เราเป็น/ I am
>อาดัม/ Adam = บุตรของดินสีแดง/son of the red Earth
>อีฟ/Eve = ผู้ดําเนินชีวิต ต้นกำเนิดของชีวิต/ living one, source of life
>อับราฮัม/ Abraham = บิดาของจำนวนมากมาย บิดาของนานาชาติ/father of a multitude, father of nations
>ซาราห์/Sarah = เจ้าหญิง สตรีสูงศักดิ์/princess, noble woman
>ดาวิด/David = ที่รัก/ beloved
>บัทเชบา/Bethsheba = ลูกสาวของคําสัตย์/ daughter of the oath
>โยคิม/Joakim (พ่อของพระแม่มารีย์) = เขาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้ง/he whom Yahweh has set up
>แอนน์/Ann (แม่ของพระแม่มารีย์) = กรุณา สุภาพ เมตตา ที่ชื่นชอบ/ gracious, favored
>เศคาริยาห์/Zachary ( พ่อของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าได้รําลึกถึง/ the Lord has remembered
>เอลิซาเบธ/Elizabeth ( แม่ของนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) = พระเจ้าคือคําสัตย์ของฉัน/God is my oath
> ยอห์น/John ( นักบุญยอห์นผู้ทําพิธีล้าง) =ได้รับสิริโรจน์โดยพระเจ้า/ graced by God
>โยแซฟ/ Joseph (ภัสดาของพระแม่มารีย์) = พระเจ้าจะให้ พระเจ้าจะเพิ่มพูน/God will give, God will increase
>มารีย์/ Mary ( พระมารดาของพระเยซูเจ้า) = ที่รัก ขมขื่น ต่อต้าน ( อ้างอิงถึงมิเรียม/Miriam พี่สาวของโมเสสเมื่อชาวอิสราเอลเป็นทาสชาวอียิปต์)
>เยซู/ Jesus ( ลูกบุญธรรมของนักบุญโยแซฟ ลูกชายของพระแม่มารีย์ พระบุตรของพระบิดาเจ้า พระเป็นเจ้า องค์ที่สองในพระตรีเอกภาพ พระบิดา พระบุตร และพระจิต) = ส่ง ช่วยให้พ้นภัย/to deliver, to rescue
พระเยซูเจ้ายังมีอีกชื่อ อิมมานูเเอล/ Immanuel = พระเจ้าสถิตกับเรา/ God is with us
อ้างอิงและเครดิต: Google, พระคัมภีร์ ฉบับคาทอลิก, มัทธิว 1:18-24
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ
CL-106 19 มกราคม 1996 พระเยซูเจ้า
ได้รับพร กษัตริย์ และรุ่งโรจน์ คือชื่อของพ่อในสวรรค์และได้รับความเคารพบนโลก เมื่อมีเสียงสะท้อนของชื่อพ่อ มวลนรกเผ่นกระเจิง และผู้ที่เรียกพ่อด้วยความเต็มใจจะพบสิ่งที่เขาสูญเสีย ปลอบโยนตัวเขาเองในท่ามกลางความทุกข์ยาก และเปิดหัวใจของเขาต่อความหวัง
พ่อตั้งใจจะให้ต่อผู้ที่เรียกพ่อด้วยความหวานชื่นและความเชื่อ ด้วยการตอบแทนพิเศษในสวรรค์ ทุกครั้งที่เขาเรียกพ่อแบบมากมายบนโลก เขาจะได้รับการสรรเสริญมากมายหลายเท่าจากเหล่าผู้ที่ได้รับพรทั้งมวลในสวรรค์ อะไรที่เขาผู้เรียกพ่อแบบไม่มีสติหรือเป็นนิสัย ต้องการจากพ่อ ถ้าเขาไม่ได้แม้แต่ครุ่นคิดถึงชื่อของพ่อ? ชื่อของพ่อไม่ให้พลังอำนาจถ้าลูกไม่รักพ่อ มันไม่สามารถกระตุ้นความรู้สึกของความศรัทธาถ้ามันไม่ได้ถูกส่งเสียงออกมาด้วยหัวใจมากกว่าริมฝีปาก ผู้ใดหรือที่รู้พลังอำนาจของชื่อของพ่อที่ห่อหุ้มเอาไว้ ชื่อที่พ่อของพ่อมอบให้พ่อ?
ผู้ใดหรือที่รู้ความหวานชื่นที่ชื่อนี้ได้ถูกเปิดเผยให้แม่พรหมจารีของพ่อ?
ขณะนี้มันเป็นหลายศตวรรษแล้วที่มนุษย์เรียกหาพ่อและด้วยความรักที่น้อยนิดเสมอ การพร่ำขออะไรหรือจากผู้ไม่ให้ความสนใจมาถึงหูที่เฉียบไวของพ่อและให้ความสนใจยิ่ง! ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจพ่อ? ทําไมพวกเขาถึงไม่เข้าใจว่าพ่อเท่านั้นที่มีชื่อที่ได้รับพร รุ่งโรจน์ และไพเราะที่เป็นความรอดพ้นและความรัก?
จงเรียกพ่อสม่ำเสมอด้วยความมั่นใจและปราศจากการคิดว่าลูกมีพระหรรษทานที่จะร้องขอจากพ่อ ยิ่งลูกขอน้อยเท่าไร ลูกจะยิ่งได้รับมากกว่านั้น จงเรียกหาพ่อตลอดเวลาเพราะพ่อต้องการอยู่ใกล้ลูกและให้ลูกทุกสิ่งที่พ่อมี ทุกชั่วโมงของกลางวันหรือกลางคืน ณ สถานที่ทํางาน ทุกหนทุกแห่ง เรียกพ่อแบบร้อนรนว่า: พระเยซูเจ้า!
It Is Now Centuries That Man Calls Me And Always With Little Love
CL-106 19-Jan-96 Jesus
Blessed, sovereign, and glorious is My Name in Heaven and venerated on earth. Upon the echo of My name, all Hell flees, and he who willingly invokes Me finds what he loses, consoles himself in all affliction, and opens his heart to hope.
I have determined to give to whoever invokes Me with affection and faith, a special recompense in Heaven: as many times as he called Me on earth, many more times will he be praised by all the blessed in Heaven. What does he who calls Me absent-mindedly or by habit, want from Me if he does not even reflect on My name? My name does not give strength if you do not love Me; it cannot arouse sentiments of piety if it is not pronounced with the heart more than with the lips. Who knows the power that My name encloses, the name that My Father gave Me? Who knows the sweetness that this name revealed to My Virgin Mother holds?
It is now centuries that the world calls Me and always with little love. What litanies from inattentive persons come to My sensitive and attentive ears! But, why do they not understand Me? Why do they not understand that only I have the blessed, the glorious, and the mellifluous Name that is salvation and love?
Always call Me with confidence and without thinking if you have graces to ask of Me; the less you ask for, the more you will receive. Always call Me because I want to be close to you and give you My all. At all hours of the day or night, at work, everywhere, passionately call Me: Jesus
(ดาวน์โหลดสารทุกสาร (ภาษาอังกฤษ) ฟรีได้ที่ https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf สารภาษาไทย แปลและโพสต์หนึ่งสาร/อาทิตย์ รวมทุกสารที่แปล อยู่ที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ รวมสารของพระบิดา พระเยซูเจ้า และพระแม่มารีย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
วันอาทิตย์ที่สองของเทศกาลมหาพรต 5 มีนาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
*บทอ่านที่หนึ่ง ปฐมกาล 12:1-4a
พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า “จงออกจากแผ่นดินของท่าน จากญาติพี่น้อง จากบ้านของบิดา ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้ท่าน เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่ จะอวยพรท่าน จะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือ ท่านจะนำพระพรมาให้ผู้อื่น เราจะอวยพรผู้ที่อวยพรท่าน เราจะสาปแช่งผู้ที่สาปแช่งท่าน บรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นทั่วแผ่นดิน จะได้รับพรเพราะท่าน” อับรามจึงออกเดินทางตามที่พระยาห์เวห์ตรัส
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 1:8b-10
ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น และทรงเรียกเราให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เราทำ แต่เพราะพระประสงค์และพระหรรษทานของพระองค์ พระองค์ประทานพระหรรษทานนี้แก่เราแล้วในพระคริสตเยซูก่อนกาลเวลา แต่บัดนี้ทรงเปิดเผยโดยการสำแดงพระองค์ ของพระผู้ไถ่คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงทำลายความตาย และทรงนำชีวิตและความไม่รู้จักตายให้ปรากฏอย่างชัดแจ้งโดยทางข่าวดี
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 17:1-9
ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คนแล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริง ๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์” ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งสามคนซบหน้าลงกับพื้นดิน มีความกลัวอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสเขา ตรัสว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาไม่เห็นผู้ใด นอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระเยซูเจ้าทรงกำชับศิษย์ทั้งสามคนว่า “อย่าเล่านิมิตที่ได้เห็นนี้ให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย”
คุณพ่อเคลเม้นท์: อับราฮัมมีความเชื่อและวางใจในพระเจ้า อพยพจากบ้านของตัวเองไปสู่แดนพระสัญญา ละทิ้งสถานที่ ความเป็นอยู่ อาหารการกิน สภาพแวดล้อม
ตัวพ่อเอง เมื่อเดือนมีนาคม ปีคศ 2019 พระสังฆราชเรียกพ่อให้ไปพบหลังมิสซาวันอาทิตย์ พ่องงเพราะปกติจะไม่มีการเรียกในวันอาทิตย์ ไปถึงท่านบอกพ่อว่าอยากจะส่งพ่อไปสหรัฐอเมริกา ช่วยพวกคุณพ่อที่โน่น ให้เวลาตัดสินใจห้านาที มีการต่อสู้แบบรุนแรงในหัวพ่อ พ่อไม่ต้องการไปเพราะพ่อดูข่าว ดูทีวี สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่มีความสงบสุข ยิงกัน ฆ่ากัน ทําร้ายกัน กดขี่ข่มเหงกัน น่าสะพรึงกลัว แต่มีเสียงหนึ่งในหัวพ่อบอกว่า ไปเถอะ วางใจในพระเจ้า พ่อบอกพระสังฆราชว่าตกลงไปสหรัฐอเมริกา
พ่อเดินทางด้วยเครื่องบิน 23 ชั่วโมง ต้องรอต่อสายการบินจากด้านหนึ่งของโลกไปสู่อีกด้าน สภาพดินฟ้าอากาศ อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม ไม่เหมือนบ้านพ่อ แล้วพ่อก็เจอโควิด-19 เสียใจที่ไปสหรัฐอเมริกา อาจจะตายแบบไม่มีญาติมิตร แต่พ่อก็รอดตายอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน และสหรัฐอเมริกามีคนดีมากมายเช่นกัน
ความเสียสละนําพาพระพรมาให้!
พระเยซูเจ้าทรงสําแดงพระองค์ให้สานุศิษย์เห็นว่าพระองค์คือพระเป็นเจ้าแท้จริง ให้กำลังใจ ตอกย้ำความเชื่อ ความวางใจในพระองค์ ก่อนพระมหาทรมาน
พวกเราจงบริบูรณ์ ดีงาม ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนพระเป็นเจ้าของเรา เทศกาลมหาพรตเป็นเวลาที่เราต้องสํารวจตัวเองว่าเรายืนต่อหน้าผู้อื่นอย่างไร และเรายืนต่อหน้าพระเป็นเจ้าอย่างไร
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
* การเดินทางของมหาบุรุษอับราฮัม จากเออร์- คานาอัน เมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตศักราช : อายุ 70-75 ปี ระยะทางทั้งหมด 3,521 กิโลเมตร แบ่งการเดินทางเป็นสามช่วง
ช่วงแรก: 1,116 กิโลเมตร เออร์-พรมแดนอิรักในปัจจุบัน
ช่วงสอง: 1,116 กิโลเมตร เข้าประเทศซีเรีย
ช่วงสามและสี่: 1,287 กิโลเมตร ลงประเทศอียิปต์ แล้ววกกลับคานาอัน (ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน)
ปัจจุบัน: ระยะทางจากเออร์ ประเทศอิรัก- เยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล 1,321 กิโลเมตร ขับรถ 13 ชั่วโมง 23 นาที นั่งเครื่องบิน 58 นาที
เครดิต/ credit: Google
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
*บทอ่านที่หนึ่ง ปฐมกาล 12:1-4a
พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า “จงออกจากแผ่นดินของท่าน จากญาติพี่น้อง จากบ้านของบิดา ไปยังแผ่นดินที่เราจะชี้ให้ท่าน เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่ จะอวยพรท่าน จะทำให้ท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือ ท่านจะนำพระพรมาให้ผู้อื่น เราจะอวยพรผู้ที่อวยพรท่าน เราจะสาปแช่งผู้ที่สาปแช่งท่าน บรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้นทั่วแผ่นดิน จะได้รับพรเพราะท่าน” อับรามจึงออกเดินทางตามที่พระยาห์เวห์ตรัส
บทอ่านที่สอง 2 ทิโมธี 1:8b-10
ดังนั้น ท่านอย่าอายที่จะเป็นพยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา หรืออายที่ข้าพเจ้าต้องถูกจองจำเพราะพระองค์ แต่จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดีโดยพระอานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยเราให้รอดพ้น และทรงเรียกเราให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เราทำ แต่เพราะพระประสงค์และพระหรรษทานของพระองค์ พระองค์ประทานพระหรรษทานนี้แก่เราแล้วในพระคริสตเยซูก่อนกาลเวลา แต่บัดนี้ทรงเปิดเผยโดยการสำแดงพระองค์ ของพระผู้ไถ่คือพระคริสตเยซู ผู้ทรงทำลายความตาย และทรงนำชีวิตและความไม่รู้จักตายให้ปรากฏอย่างชัดแจ้งโดยทางข่าวดี
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 17:1-9
ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายไปบนภูเขาสูงที่ปราศจากผู้คนแล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง โมเสสและประกาศกเอลียาห์สำแดงตนสนทนาอยู่กับพระองค์ เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริง ๆ ถ้าพระองค์มีพระประสงค์ ข้าพเจ้าจะสร้างเพิงขึ้นสามหลัง หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับเอลียาห์” ขณะที่เปโตรกำลังพูดอยู่นั้น มีเมฆสว่างจ้าก้อนหนึ่งปกคลุมพวกเขาไว้ เสียงหนึ่งดังจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด” เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์ทั้งสามคนซบหน้าลงกับพื้นดิน มีความกลัวอย่างยิ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาใกล้ ทรงสัมผัสเขา ตรัสว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาไม่เห็นผู้ใด นอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระเยซูเจ้าทรงกำชับศิษย์ทั้งสามคนว่า “อย่าเล่านิมิตที่ได้เห็นนี้ให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย”
คุณพ่อเคลเม้นท์: อับราฮัมมีความเชื่อและวางใจในพระเจ้า อพยพจากบ้านของตัวเองไปสู่แดนพระสัญญา ละทิ้งสถานที่ ความเป็นอยู่ อาหารการกิน สภาพแวดล้อม
ตัวพ่อเอง เมื่อเดือนมีนาคม ปีคศ 2019 พระสังฆราชเรียกพ่อให้ไปพบหลังมิสซาวันอาทิตย์ พ่องงเพราะปกติจะไม่มีการเรียกในวันอาทิตย์ ไปถึงท่านบอกพ่อว่าอยากจะส่งพ่อไปสหรัฐอเมริกา ช่วยพวกคุณพ่อที่โน่น ให้เวลาตัดสินใจห้านาที มีการต่อสู้แบบรุนแรงในหัวพ่อ พ่อไม่ต้องการไปเพราะพ่อดูข่าว ดูทีวี สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่มีความสงบสุข ยิงกัน ฆ่ากัน ทําร้ายกัน กดขี่ข่มเหงกัน น่าสะพรึงกลัว แต่มีเสียงหนึ่งในหัวพ่อบอกว่า ไปเถอะ วางใจในพระเจ้า พ่อบอกพระสังฆราชว่าตกลงไปสหรัฐอเมริกา
พ่อเดินทางด้วยเครื่องบิน 23 ชั่วโมง ต้องรอต่อสายการบินจากด้านหนึ่งของโลกไปสู่อีกด้าน สภาพดินฟ้าอากาศ อาหารการกิน สิ่งแวดล้อม ไม่เหมือนบ้านพ่อ แล้วพ่อก็เจอโควิด-19 เสียใจที่ไปสหรัฐอเมริกา อาจจะตายแบบไม่มีญาติมิตร แต่พ่อก็รอดตายอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน และสหรัฐอเมริกามีคนดีมากมายเช่นกัน
ความเสียสละนําพาพระพรมาให้!
พระเยซูเจ้าทรงสําแดงพระองค์ให้สานุศิษย์เห็นว่าพระองค์คือพระเป็นเจ้าแท้จริง ให้กำลังใจ ตอกย้ำความเชื่อ ความวางใจในพระองค์ ก่อนพระมหาทรมาน
พวกเราจงบริบูรณ์ ดีงาม ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนพระเป็นเจ้าของเรา เทศกาลมหาพรตเป็นเวลาที่เราต้องสํารวจตัวเองว่าเรายืนต่อหน้าผู้อื่นอย่างไร และเรายืนต่อหน้าพระเป็นเจ้าอย่างไร
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
* การเดินทางของมหาบุรุษอับราฮัม จากเออร์- คานาอัน เมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตศักราช : อายุ 70-75 ปี ระยะทางทั้งหมด 3,521 กิโลเมตร แบ่งการเดินทางเป็นสามช่วง
ช่วงแรก: 1,116 กิโลเมตร เออร์-พรมแดนอิรักในปัจจุบัน
ช่วงสอง: 1,116 กิโลเมตร เข้าประเทศซีเรีย
ช่วงสามและสี่: 1,287 กิโลเมตร ลงประเทศอียิปต์ แล้ววกกลับคานาอัน (ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน)
ปัจจุบัน: ระยะทางจากเออร์ ประเทศอิรัก- เยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล 1,321 กิโลเมตร ขับรถ 13 ชั่วโมง 23 นาที นั่งเครื่องบิน 58 นาที
เครดิต/ credit: Google
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่สามของเทศกาลมหาพรต 13 มีนาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
*บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 17: 3-7
"แต่ประชาชนกำลังกระหายน้ำมาก จึงบ่นตำหนิโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกจากอียิปต์ จะให้พวกเรา ลูกๆ และฝูงสัตว์ของเราอดน้ำตายหรือ” โมเสสก็อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ “ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรกับประชากรนี้เขาเกือบจะเอาหินขว้างข้าพเจ้าอยู่แล้ว” พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า “จงเดินไปข้างหน้าประชาชน จงนำผู้อาวุโสชาวอิสราเอลบางคนไปกับท่าน เอาไม้เท้าที่ท่านใช้ตีน้ำในแม่น้ำไนล์ไปด้วย เราจะยืนอยู่ต่อหน้าท่านที่หน้าผา บนภูเขาโฮเรบ จงตีหิน จะมีน้ำไหลออกมาให้ประชาชนดื่ม” โมเสสทำดังนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสชาวอิสราเอล สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่ามัสสาห์และเมรีบาห์ เพราะชาวอิสราเอลได้ต่อว่าและทดลองพระยาห์เวห์โดยถามว่า “พระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับเราหรือไม่”
บทอ่านที่สอง โรม 5: 1-2, 5-8
ดังนั้น เมื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อแล้ว เราย่อมมีสันติกับพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยทางพระองค์ เราจึงเข้าถึงพระหรรษทานและกำลังดำรงอยู่ในพระหรรษทานนี้ เราภูมิใจในความหวังที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำหนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริง ๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้น
พระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป
พระวรสาร โดย นักบุญยอห์น 4:5-42
พระองค์เสด็จมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรียชื่อสิคาร์ ใกล้ที่ดินที่ยาโคบยกให้โยเซฟบุตรชาย ที่นั่นมีบ่อน้ำของยาโคบ พระเยซูเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงประทับที่ขอบบ่อ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน หญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำพระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” บรรดาศิษย์ของพระองค์ไปซื้ออาหารในเมือง หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า “ท่านเป็นชาวยิว ทำไมจึงขอน้ำดื่มจากดิฉันซึ่งเป็นชาวสะมาเรียเล่า” เพราะชาวยิวไม่ติดต่อกับชาวสะมาเรียเลย พระเยซูเจ้าตรัสตอบนางว่า “หากท่านรู้จักของประทานของพระเจ้า และรู้จักผู้ที่บอกท่านว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” ท่านคงกลับเป็นผู้ขอ และผู้นั้นจะให้ “น้ำที่ให้ชีวิต” แก่ท่าน นางจึงทูลว่า “นายเจ้าขา ท่านไม่มีถังตักน้ำ และบ่อก็ลึกมาก ท่านจะเอาน้ำที่ให้ชีวิต มาจากไหน ท่านยิ่งใหญ่กว่ายาโคบ บรรพบุรุษของเราหรือ ยาโคบให้บ่อน้ำนี้แก่เรา ยาโคบลูกหลานและฝูงสัตว์ก็ได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้ จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น จะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขา ไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร” หญิงนั้นจึงทูลว่า “นายเจ้าขา โปรดให้น้ำนั้นแก่ดิฉันบ้าง เพื่อดิฉันจะไม่ต้องกระหายหรือต้องมาตักน้ำที่นี่อีก” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “จงไปเรียกสามีของเธอ และกลับมาที่นี่” หญิงผู้นั้นทูลตอบว่า “ดิฉันไม่มีสามี” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “เธอพูดถูกแล้วที่ว่า “ดิฉันไม่มีสามี” เพราะเธอมีสามีมาแล้วถึงห้าคน และคนที่อยู่กับเธอเวลานี้ ก็ไม่ใช่สามีของเธอด้วย เธอพูดจริงทีเดียว” หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันเห็นแล้วว่าท่านเป็นประกาศก บรรพบุรุษของเราเคยนมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้ แต่ท่านพูดว่า สถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้าคือกรุงเยรูซาเล็ม” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “นางเอ๋ย เชื่อเราเถิด ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะนมัสการพระบิดาเจ้า ไม่ใช่เฉพาะบนภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม ท่านนมัสการพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก แต่เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก เพราะความรอดพ้นมาจากชาวยิว แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้ เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้า เดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้ พระเจ้าทรงเป็นจิต ผู้ที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง” หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า พระเมสสิยาห์คือพระคริสต์กำลังจะเสด็จมา และเมื่อเสด็จมา พระองค์จะทรงแจ้งทุกเรื่องให้เรารู้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นผู้นั้น เราที่กำลังพูดอยู่กับเธอ” ขณะนั้น บรรดาศิษย์มาถึง รู้สึกประหลาดใจที่พระองค์ทรงสนทนาอยู่กับหญิงผู้นั้น แต่ไม่มีใครทูลถามว่า “พระองค์ทรงต้องการสิ่งใดจากนาง” หรือว่า “พระองค์กำลังตรัสอะไรกับนาง” หญิงผู้นั้นทิ้งไหน้ำของนางไว้ที่นั่น กลับเข้าไปในเมือง และบอกประชาชนว่า “มาเถิด มาดูชายคนหนึ่งที่บอกทุกอย่างที่ดิฉันเคยทำ เขาเป็นพระคริสต์กระมัง” ประชาชนจึงออกจากเมืองมาเฝ้าพระองค์ ระหว่างนั้น บรรดาศิษย์ทูลรบเร้าพระองค์ว่า “รับบี เชิญรับประทานอาหารบ้างเถิด” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “เรามีอาหารอื่นที่ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก” บรรดาศิษย์จึงถามกันว่า “มีใครนำสิ่งใดมาให้พระองค์รับประทานหรือ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “อาหารของเรา คือการทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภารกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป ท่านพูดกันมิใช่หรือ อีกสี่เดือนก็จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว ถูกแล้ว เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงเงยหน้าขึ้น มองดูทุ่งนาเถิด ทุ่งนาเหลืองอร่ามพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว คนเก็บเกี่ยวกำลังจะรับค่าจ้าง และรวบรวมผลไว้เพื่อชีวิตนิรันดร เพื่อทั้งคนหว่าน และคนเก็บเกี่ยวจะมีความยินดีร่วมกัน ในกรณีนี้ก็เป็นจริงตามคำพูดที่ว่า คนหนึ่งหว่าน อีกคนหนึ่งเก็บเกี่ยว เราส่งท่านทั้งหลาย ไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้ลงแรงทำงานไว้ คนอื่นลงแรงไว้ แล้วท่านเข้ามาเก็บผลจากแรงงานของพวกเขา” ชาวสะมาเรียหลายคนจากเมืองนั้นมีความเชื่อในพระองค์ เพราะคำของหญิงคนนั้นที่ยืนยันว่า “เขาได้บอกทุกสิ่งที่ดิฉันเคยทำ” เมื่อชาวสะมาเรียมาเฝ้าพระองค์แล้ว ก็วอนขอให้ประทับอยู่กับเขา พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสองวัน คนที่มีความเชื่อเพราะพระวาจาของพระองค์มีจำนวนมากขึ้น เขากล่าวแก่หญิงผู้นั้นว่า “เรามีความเชื่อไม่ใช่เพราะคำพูดของท่านอีกแล้ว เราเองได้ยินและรู้ว่า พระองค์เป็นพระผู้ไถ่ของโลกโดยแท้จริง”
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเยซูเจ้าทรงทําลายสิ่งขวางกั้นที่เป็นประเพณีและข้อห้ามของสังคม ที่ชาวยิวมีต่อชาวสะมาเรีย ด้วยการยื่นไมตรีจิตให้หญิงสาวชาวสะมาเรียผู้นั้น เปิดโอกาสให้เธอและชาวสะมาเรียในเมืองนั้นได้รับการไถ่กู้เช่นกัน พวกเราอย่าเป็นเช่นหญิงสาวชาวสะมาเรียที่ยึดถือประเพณี และข้อห้ามของสังคมปิดหัวใจไม่ต้อนรับพระองค์เมื่อแรกพบพระองค์ที่ทรงมอบไมตรีจิตให้ จงเป็นเหมือนพระยซูเจ้า พระเป็นเจ้าของเรา!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
*บทอ่านที่หนึ่ง อพยพ 17: 3-7
"แต่ประชาชนกำลังกระหายน้ำมาก จึงบ่นตำหนิโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกเราออกจากอียิปต์ จะให้พวกเรา ลูกๆ และฝูงสัตว์ของเราอดน้ำตายหรือ” โมเสสก็อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ “ข้าพเจ้าจะทำอย่างไรกับประชากรนี้เขาเกือบจะเอาหินขว้างข้าพเจ้าอยู่แล้ว” พระยาห์เวห์ตรัสตอบโมเสสว่า “จงเดินไปข้างหน้าประชาชน จงนำผู้อาวุโสชาวอิสราเอลบางคนไปกับท่าน เอาไม้เท้าที่ท่านใช้ตีน้ำในแม่น้ำไนล์ไปด้วย เราจะยืนอยู่ต่อหน้าท่านที่หน้าผา บนภูเขาโฮเรบ จงตีหิน จะมีน้ำไหลออกมาให้ประชาชนดื่ม” โมเสสทำดังนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสชาวอิสราเอล สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่ามัสสาห์และเมรีบาห์ เพราะชาวอิสราเอลได้ต่อว่าและทดลองพระยาห์เวห์โดยถามว่า “พระยาห์เวห์ทรงสถิตอยู่กับเราหรือไม่”
บทอ่านที่สอง โรม 5: 1-2, 5-8
ดังนั้น เมื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อแล้ว เราย่อมมีสันติกับพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยทางพระองค์ เราจึงเข้าถึงพระหรรษทานและกำลังดำรงอยู่ในพระหรรษทานนี้ เราภูมิใจในความหวังที่จะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ทรงหลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อคนบาปตามเวลาที่กำหนด ยากที่จะหาคนที่ยอมตายเพื่อคนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริง ๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้น
พระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป
พระวรสาร โดย นักบุญยอห์น 4:5-42
พระองค์เสด็จมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นสะมาเรียชื่อสิคาร์ ใกล้ที่ดินที่ยาโคบยกให้โยเซฟบุตรชาย ที่นั่นมีบ่อน้ำของยาโคบ พระเยซูเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง จึงประทับที่ขอบบ่อ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน หญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำพระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” บรรดาศิษย์ของพระองค์ไปซื้ออาหารในเมือง หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า “ท่านเป็นชาวยิว ทำไมจึงขอน้ำดื่มจากดิฉันซึ่งเป็นชาวสะมาเรียเล่า” เพราะชาวยิวไม่ติดต่อกับชาวสะมาเรียเลย พระเยซูเจ้าตรัสตอบนางว่า “หากท่านรู้จักของประทานของพระเจ้า และรู้จักผู้ที่บอกท่านว่า “ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด” ท่านคงกลับเป็นผู้ขอ และผู้นั้นจะให้ “น้ำที่ให้ชีวิต” แก่ท่าน นางจึงทูลว่า “นายเจ้าขา ท่านไม่มีถังตักน้ำ และบ่อก็ลึกมาก ท่านจะเอาน้ำที่ให้ชีวิต มาจากไหน ท่านยิ่งใหญ่กว่ายาโคบ บรรพบุรุษของเราหรือ ยาโคบให้บ่อน้ำนี้แก่เรา ยาโคบลูกหลานและฝูงสัตว์ก็ได้ดื่มน้ำจากบ่อนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้ จะกระหายอีก แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้น จะไม่กระหายอีก น้ำที่เราจะให้เขา จะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขา ไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร” หญิงนั้นจึงทูลว่า “นายเจ้าขา โปรดให้น้ำนั้นแก่ดิฉันบ้าง เพื่อดิฉันจะไม่ต้องกระหายหรือต้องมาตักน้ำที่นี่อีก” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “จงไปเรียกสามีของเธอ และกลับมาที่นี่” หญิงผู้นั้นทูลตอบว่า “ดิฉันไม่มีสามี” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “เธอพูดถูกแล้วที่ว่า “ดิฉันไม่มีสามี” เพราะเธอมีสามีมาแล้วถึงห้าคน และคนที่อยู่กับเธอเวลานี้ ก็ไม่ใช่สามีของเธอด้วย เธอพูดจริงทีเดียว” หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันเห็นแล้วว่าท่านเป็นประกาศก บรรพบุรุษของเราเคยนมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้ แต่ท่านพูดว่า สถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้าคือกรุงเยรูซาเล็ม” พระเยซูเจ้าตรัสแก่นางว่า “นางเอ๋ย เชื่อเราเถิด ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายจะนมัสการพระบิดาเจ้า ไม่ใช่เฉพาะบนภูเขานี้ หรือที่กรุงเยรูซาเล็ม ท่านนมัสการพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จัก แต่เรานมัสการพระเจ้าที่เรารู้จัก เพราะความรอดพ้นมาจากชาวยิว แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้ เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้า เดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้ พระเจ้าทรงเป็นจิต ผู้ที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตามความจริง” หญิงผู้นั้นจึงทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า พระเมสสิยาห์คือพระคริสต์กำลังจะเสด็จมา และเมื่อเสด็จมา พระองค์จะทรงแจ้งทุกเรื่องให้เรารู้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นผู้นั้น เราที่กำลังพูดอยู่กับเธอ” ขณะนั้น บรรดาศิษย์มาถึง รู้สึกประหลาดใจที่พระองค์ทรงสนทนาอยู่กับหญิงผู้นั้น แต่ไม่มีใครทูลถามว่า “พระองค์ทรงต้องการสิ่งใดจากนาง” หรือว่า “พระองค์กำลังตรัสอะไรกับนาง” หญิงผู้นั้นทิ้งไหน้ำของนางไว้ที่นั่น กลับเข้าไปในเมือง และบอกประชาชนว่า “มาเถิด มาดูชายคนหนึ่งที่บอกทุกอย่างที่ดิฉันเคยทำ เขาเป็นพระคริสต์กระมัง” ประชาชนจึงออกจากเมืองมาเฝ้าพระองค์ ระหว่างนั้น บรรดาศิษย์ทูลรบเร้าพระองค์ว่า “รับบี เชิญรับประทานอาหารบ้างเถิด” แต่พระองค์ตรัสตอบว่า “เรามีอาหารอื่นที่ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก” บรรดาศิษย์จึงถามกันว่า “มีใครนำสิ่งใดมาให้พระองค์รับประทานหรือ” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “อาหารของเรา คือการทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภารกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป ท่านพูดกันมิใช่หรือ อีกสี่เดือนก็จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว ถูกแล้ว เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงเงยหน้าขึ้น มองดูทุ่งนาเถิด ทุ่งนาเหลืองอร่ามพร้อมจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว คนเก็บเกี่ยวกำลังจะรับค่าจ้าง และรวบรวมผลไว้เพื่อชีวิตนิรันดร เพื่อทั้งคนหว่าน และคนเก็บเกี่ยวจะมีความยินดีร่วมกัน ในกรณีนี้ก็เป็นจริงตามคำพูดที่ว่า คนหนึ่งหว่าน อีกคนหนึ่งเก็บเกี่ยว เราส่งท่านทั้งหลาย ไปเก็บเกี่ยวสิ่งที่ท่านไม่ได้ลงแรงทำงานไว้ คนอื่นลงแรงไว้ แล้วท่านเข้ามาเก็บผลจากแรงงานของพวกเขา” ชาวสะมาเรียหลายคนจากเมืองนั้นมีความเชื่อในพระองค์ เพราะคำของหญิงคนนั้นที่ยืนยันว่า “เขาได้บอกทุกสิ่งที่ดิฉันเคยทำ” เมื่อชาวสะมาเรียมาเฝ้าพระองค์แล้ว ก็วอนขอให้ประทับอยู่กับเขา พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นสองวัน คนที่มีความเชื่อเพราะพระวาจาของพระองค์มีจำนวนมากขึ้น เขากล่าวแก่หญิงผู้นั้นว่า “เรามีความเชื่อไม่ใช่เพราะคำพูดของท่านอีกแล้ว เราเองได้ยินและรู้ว่า พระองค์เป็นพระผู้ไถ่ของโลกโดยแท้จริง”
คุณพ่อเคลเม้นท์: พระเยซูเจ้าทรงทําลายสิ่งขวางกั้นที่เป็นประเพณีและข้อห้ามของสังคม ที่ชาวยิวมีต่อชาวสะมาเรีย ด้วยการยื่นไมตรีจิตให้หญิงสาวชาวสะมาเรียผู้นั้น เปิดโอกาสให้เธอและชาวสะมาเรียในเมืองนั้นได้รับการไถ่กู้เช่นกัน พวกเราอย่าเป็นเช่นหญิงสาวชาวสะมาเรียที่ยึดถือประเพณี และข้อห้ามของสังคมปิดหัวใจไม่ต้อนรับพระองค์เมื่อแรกพบพระองค์ที่ทรงมอบไมตรีจิตให้ จงเป็นเหมือนพระยซูเจ้า พระเป็นเจ้าของเรา!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่สี่ของเทศกาลมหาพรต 19 มีนาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร รอนนี่ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Deacon Ronnie, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง 1ซามูเอล 16:1-13
จงเอาน้ำมันมะกอกเทศบรรจุใส่ขวดเขาสัตว์จนเต็ม และออกเดินทาง เราส่งท่านไปที่เมืองเบธเลเฮม ไปหาเจสซี เพราะเราเลือกบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นกษัตริย์ เมื่อเจสซีกับบุตรมาถึง ซามูเอลเห็นเอลีอับ ก็คิดว่า “ผู้ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้นี้คือผู้ที่จะต้องรับเจิม” แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา พระยาห์เวห์ไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทรงมองจิตใจ” แล้วเจสซีเรียกอาบีนาดับมาพบซามูเอล ซามูเอลก็ว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้ด้วย” เจสซีพาชัมมาห์เข้ามา แต่ซามูเอลก็กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้เช่นเดียวกัน” เจสซีพาบุตรทั้งเจ็ดคนมาพบซามูเอลทีละคน แต่ซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนเหล่านี้เลย” ซามูเอลถามเจสซีว่า “บุตรชายของท่านมาหมดแล้วหรือ” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง แต่ขณะนี้เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” ซามูเอลสั่งเจสซีว่า “จงส่งคนไปตามเขามาเถิด เราจะไม่นั่งกินอาหารจนกว่าเขาจะมา” เจสซีจึงส่งคนไปตามมา เด็กหนุ่มนั้นมีผมแดง ดวงตางดงาม และรูปร่างดี พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมเขาเถอะ เป็นคนนี้แหละ” ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมะกอกเทศมาเจิมดาวิดต่อหน้าบรรดาพี่ชาย พระจิตของพระยาห์เวห์สถิตกับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
บทอ่านที่สอง เอเฟซัส 5: 8-14
ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น เพราะสิ่งต่างๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พระวรสาร โดยนักบุญ ยอห์น 9: 1-41
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” ตราบใดที่ยังเป็นกลางวันอยู่ เราทั้งหลายต้องทำกิจการของผู้ที่ทรงส่งเรามา แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำงานได้ ตราบที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นแสงสว่างส่องโลก เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพื้นผสมกับดิน ป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสกับเขาว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” “สิโอลัม” หมายความว่า “ถูกส่งไป” คนตาบอดจึงไปล้างตา แล้วกลับมา มองเห็น เพื่อนบ้านและคนที่เคยเห็นเขาเป็นขอทานมาก่อน พูดว่า “คนนี้เป็นคนที่เคยนั่งขอทานอยู่มิใช่หรือ” บางคนพูดว่า “ใช่แล้ว” บางคนพูดว่า “ไม่ใช่ แต่เป็นคนอื่นที่คล้ายคลึงกัน” แต่คนที่เคยตาบอดพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นฉันเอง” คนเหล่านั้นจึงถามเขาว่า “ตาของท่านหายบอดได้อย่างไร’” เขาตอบว่า “คนที่ชื่อเยซูทำโคลนป้ายตาของฉัน และบอกฉันว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” ฉันจึงไปล้าง พอล้างแล้ว ก็มองเห็น” พวกนั้นถามว่า “เวลานี้คนนั้นอยู่ที่ไหน” เขาตอบว่า”ฉันไม่รู้” คนเหล่านั้นจึงพาคนที่เคยตาบอดไปหาชาวฟาริสี วันที่พระเยซูเจ้าทรงถ่มพระเขฬะผสมดิน และทรงรักษาตาของคนตาบอดนั้นเป็นวันสับบาโต ชาวฟาริสีได้ถามเขาอีกว่า “เขามองเห็นได้อย่างไร” เขาจึงตอบว่า “คนนั้นเอาโคลนป้ายตาของฉัน ฉันไปล้างตาแล้วก็มองเห็น” ชาวฟาริสีบางคนพูดว่า “คนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาไม่ถือวันสับบาโต” แต่บางคนแย้งว่า “คนบาปจะทำเครื่องหมายอัศจรรย์อย่างนี้ได้อย่างไร” ชาวฟาริสีเหล่านั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงถามคนที่เคยตาบอดอีกว่า “ท่านล่ะ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับคนนั้น ที่เขาทำให้ตาของท่านกลับมองเห็น” เขาตอบว่า”คนนั้นเป็นประกาศก” แต่ชาวยิวไม่ยอมเชื่อว่าชายคนนี้เคยตาบอดแล้วกลับมองเห็น จึงเรียกบิดามารดาของเขามา แล้วถามว่า “คนนี้เป็นลูกของท่าน ซึ่งท่านบอกว่าเกิดมาตาบอดใช่หรือไม่ บัดนี้ เขากลับมองเห็นได้อย่างไร” บิดามารดาตอบว่า “เรารู้ว่าคนนี้เป็นลูกของเรา และเกิดมาตาบอด แต่เราไม่รู้ว่า บัดนี้ เขามองเห็นได้อย่างไร หรือใครรักษาตาของเขา เราก็ไม่รู้ ท่านจงถามเขาเองเถิดเขาโตพอจะตอบเองได้แล้ว” บิดามารดาตอบเช่นนี้ก็เพราะกลัวชาวยิว ซึ่งตกลงกันแล้วว่า ใครยอมรับว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้าจะถูกขับออกจากศาลาธรรม บิดามารดาของเขาจึงตอบว่า “เขาโตแล้ว ท่านจงถามเขาเองเถิด” ชาวยิวเรียกคนที่เคยตาบอดมาอีก บอกเขาว่า “จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด พวกเรารู้ว่าคนนั้นเป็นคนบาป” คนที่เคยตาบอดแย้งว่า “เขาเป็นคนบาปหรือไม่ ฉันไม่รู้ ฉันรู้อย่างเดียวว่า ฉันเคยตาบอด และบัดนี้มองเห็นแล้ว” พวกนั้นถามอีกว่า “เขาทำอะไรกับท่าน เขารักษาตาของท่านอย่างไร” คนที่เคยตาบอดตอบว่า “ฉันบอกท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ทำไมท่านต้องการฟังอีกเล่า ท่านต้องการเป็นศิษย์ของเขาด้วยกระมัง” พวกนั้นจึงด่าเขาว่า “ท่านสิ เป็นศิษย์ของเขา ส่วนเราเป็นศิษย์ของโมเสส พวกเรารู้ว่า พระเจ้าตรัสกับโมเสส แต่เยซูคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน” คนที่เคยตาบอดจึงพูดว่า “แปลกจริงท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาได้รักษาตาของฉันให้กลับมองเห็น เราทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังผู้ที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์เท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หายได้ ถ้าเขาไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้” คนเหล่านั้นตอบว่า “ท่านเกิดมาในบาปทั้งตัว แล้วยังกล้ามาสั่งสอนพวกเราอีกหรือ” แล้วจึงขับไล่เขาออกไป พระเยซูเจ้าทรงได้ยินว่าชาวฟาริสีขับไล่คนที่ตาบอดออกไป เมื่อทรงพบเขา จึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อในบุตรแห่งมนุษย์หรือ” เขาทูลถามว่า “บุตรแห่งมนุษย์คือใคร พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะได้เชื่อในพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านได้เห็นแล้ว เป็นผู้ที่กำลังพูดอยู่กับท่านนี้แหละ” เขาจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ พระเจ้าข้า” แล้วกราบลงนมัสการพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสว่า เรามาในโลกนี้เพื่อพิพากษา คนที่มองไม่เห็น จะได้มองเห็น ส่วนคนที่มองเห็นจะกลายเป็นคนตาบอด ชาวฟาริสีบางคนซึ่งอยู่ที่นั่นได้ยินพระวาจาเหล่านี้ จึงทูลถามพระองค์ว่า “พวกเราก็ตาบอดด้วยใช่ไหม” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า ถ้าท่านทั้งหลายตาบอด ท่านก็ไม่มีบาป แต่ท่านกล่าวว่า “เรามองเห็น” บาปของท่านจึงยังคงอยู่”
สังฆานุกร รอนนี่: พวกเราต้องเป็นแสงสว่างให้ทุกคน แสงสว่าง คือชีวิตในพระคัมภีร์ ความศักดิ์สิทธิ์และความจริง ( Light= life in gospel, holiness, truth)! ฟาริสีแทนที่จะดีใจที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดให้เห็น กลับตําหนิพระองค์ว่าทรงทําในวันสับบาโต ไม่มาจากพระเจ้า ไม่ถือวันสับบาโต แถมยังขับไล่คนที่เคยตาบอดที่พระเยซูเจ้าทรงทําอัศจรรย์ให้เห็นไม่ให้เป็นสมาชิกของพวกเขา
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสําหรับฟาริสีที่พระเยซูเจ้าทรงกล่าวว่า ถ้าท่านทั้งหลายตาบอด ท่านก็ไม่มีบาป แต่ท่านกล่าวว่า “เรามองเห็น” บาปของท่านจึงยังคงอยู่”
ความหยิ่งเป็นบาปที่นําไปสู่ความพินาศของวิญญาณ!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 1ซามูเอล 16:1-13
จงเอาน้ำมันมะกอกเทศบรรจุใส่ขวดเขาสัตว์จนเต็ม และออกเดินทาง เราส่งท่านไปที่เมืองเบธเลเฮม ไปหาเจสซี เพราะเราเลือกบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นกษัตริย์ เมื่อเจสซีกับบุตรมาถึง ซามูเอลเห็นเอลีอับ ก็คิดว่า “ผู้ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้นี้คือผู้ที่จะต้องรับเจิม” แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา พระยาห์เวห์ไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทรงมองจิตใจ” แล้วเจสซีเรียกอาบีนาดับมาพบซามูเอล ซามูเอลก็ว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้ด้วย” เจสซีพาชัมมาห์เข้ามา แต่ซามูเอลก็กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้เช่นเดียวกัน” เจสซีพาบุตรทั้งเจ็ดคนมาพบซามูเอลทีละคน แต่ซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนเหล่านี้เลย” ซามูเอลถามเจสซีว่า “บุตรชายของท่านมาหมดแล้วหรือ” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง แต่ขณะนี้เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” ซามูเอลสั่งเจสซีว่า “จงส่งคนไปตามเขามาเถิด เราจะไม่นั่งกินอาหารจนกว่าเขาจะมา” เจสซีจึงส่งคนไปตามมา เด็กหนุ่มนั้นมีผมแดง ดวงตางดงาม และรูปร่างดี พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมเขาเถอะ เป็นคนนี้แหละ” ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมะกอกเทศมาเจิมดาวิดต่อหน้าบรรดาพี่ชาย พระจิตของพระยาห์เวห์สถิตกับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
บทอ่านที่สอง เอเฟซัส 5: 8-14
ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น เพราะสิ่งต่างๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พระวรสาร โดยนักบุญ ยอห์น 9: 1-41
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” ตราบใดที่ยังเป็นกลางวันอยู่ เราทั้งหลายต้องทำกิจการของผู้ที่ทรงส่งเรามา แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำงานได้ ตราบที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นแสงสว่างส่องโลก เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพื้นผสมกับดิน ป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสกับเขาว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” “สิโอลัม” หมายความว่า “ถูกส่งไป” คนตาบอดจึงไปล้างตา แล้วกลับมา มองเห็น เพื่อนบ้านและคนที่เคยเห็นเขาเป็นขอทานมาก่อน พูดว่า “คนนี้เป็นคนที่เคยนั่งขอทานอยู่มิใช่หรือ” บางคนพูดว่า “ใช่แล้ว” บางคนพูดว่า “ไม่ใช่ แต่เป็นคนอื่นที่คล้ายคลึงกัน” แต่คนที่เคยตาบอดพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นฉันเอง” คนเหล่านั้นจึงถามเขาว่า “ตาของท่านหายบอดได้อย่างไร’” เขาตอบว่า “คนที่ชื่อเยซูทำโคลนป้ายตาของฉัน และบอกฉันว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” ฉันจึงไปล้าง พอล้างแล้ว ก็มองเห็น” พวกนั้นถามว่า “เวลานี้คนนั้นอยู่ที่ไหน” เขาตอบว่า”ฉันไม่รู้” คนเหล่านั้นจึงพาคนที่เคยตาบอดไปหาชาวฟาริสี วันที่พระเยซูเจ้าทรงถ่มพระเขฬะผสมดิน และทรงรักษาตาของคนตาบอดนั้นเป็นวันสับบาโต ชาวฟาริสีได้ถามเขาอีกว่า “เขามองเห็นได้อย่างไร” เขาจึงตอบว่า “คนนั้นเอาโคลนป้ายตาของฉัน ฉันไปล้างตาแล้วก็มองเห็น” ชาวฟาริสีบางคนพูดว่า “คนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาไม่ถือวันสับบาโต” แต่บางคนแย้งว่า “คนบาปจะทำเครื่องหมายอัศจรรย์อย่างนี้ได้อย่างไร” ชาวฟาริสีเหล่านั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงถามคนที่เคยตาบอดอีกว่า “ท่านล่ะ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับคนนั้น ที่เขาทำให้ตาของท่านกลับมองเห็น” เขาตอบว่า”คนนั้นเป็นประกาศก” แต่ชาวยิวไม่ยอมเชื่อว่าชายคนนี้เคยตาบอดแล้วกลับมองเห็น จึงเรียกบิดามารดาของเขามา แล้วถามว่า “คนนี้เป็นลูกของท่าน ซึ่งท่านบอกว่าเกิดมาตาบอดใช่หรือไม่ บัดนี้ เขากลับมองเห็นได้อย่างไร” บิดามารดาตอบว่า “เรารู้ว่าคนนี้เป็นลูกของเรา และเกิดมาตาบอด แต่เราไม่รู้ว่า บัดนี้ เขามองเห็นได้อย่างไร หรือใครรักษาตาของเขา เราก็ไม่รู้ ท่านจงถามเขาเองเถิดเขาโตพอจะตอบเองได้แล้ว” บิดามารดาตอบเช่นนี้ก็เพราะกลัวชาวยิว ซึ่งตกลงกันแล้วว่า ใครยอมรับว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้าจะถูกขับออกจากศาลาธรรม บิดามารดาของเขาจึงตอบว่า “เขาโตแล้ว ท่านจงถามเขาเองเถิด” ชาวยิวเรียกคนที่เคยตาบอดมาอีก บอกเขาว่า “จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด พวกเรารู้ว่าคนนั้นเป็นคนบาป” คนที่เคยตาบอดแย้งว่า “เขาเป็นคนบาปหรือไม่ ฉันไม่รู้ ฉันรู้อย่างเดียวว่า ฉันเคยตาบอด และบัดนี้มองเห็นแล้ว” พวกนั้นถามอีกว่า “เขาทำอะไรกับท่าน เขารักษาตาของท่านอย่างไร” คนที่เคยตาบอดตอบว่า “ฉันบอกท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ทำไมท่านต้องการฟังอีกเล่า ท่านต้องการเป็นศิษย์ของเขาด้วยกระมัง” พวกนั้นจึงด่าเขาว่า “ท่านสิ เป็นศิษย์ของเขา ส่วนเราเป็นศิษย์ของโมเสส พวกเรารู้ว่า พระเจ้าตรัสกับโมเสส แต่เยซูคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน” คนที่เคยตาบอดจึงพูดว่า “แปลกจริงท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาได้รักษาตาของฉันให้กลับมองเห็น เราทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังผู้ที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์เท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หายได้ ถ้าเขาไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้” คนเหล่านั้นตอบว่า “ท่านเกิดมาในบาปทั้งตัว แล้วยังกล้ามาสั่งสอนพวกเราอีกหรือ” แล้วจึงขับไล่เขาออกไป พระเยซูเจ้าทรงได้ยินว่าชาวฟาริสีขับไล่คนที่ตาบอดออกไป เมื่อทรงพบเขา จึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อในบุตรแห่งมนุษย์หรือ” เขาทูลถามว่า “บุตรแห่งมนุษย์คือใคร พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะได้เชื่อในพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านได้เห็นแล้ว เป็นผู้ที่กำลังพูดอยู่กับท่านนี้แหละ” เขาจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ พระเจ้าข้า” แล้วกราบลงนมัสการพระองค์ พระเยซูเจ้าตรัสว่า เรามาในโลกนี้เพื่อพิพากษา คนที่มองไม่เห็น จะได้มองเห็น ส่วนคนที่มองเห็นจะกลายเป็นคนตาบอด ชาวฟาริสีบางคนซึ่งอยู่ที่นั่นได้ยินพระวาจาเหล่านี้ จึงทูลถามพระองค์ว่า “พวกเราก็ตาบอดด้วยใช่ไหม” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า ถ้าท่านทั้งหลายตาบอด ท่านก็ไม่มีบาป แต่ท่านกล่าวว่า “เรามองเห็น” บาปของท่านจึงยังคงอยู่”
สังฆานุกร รอนนี่: พวกเราต้องเป็นแสงสว่างให้ทุกคน แสงสว่าง คือชีวิตในพระคัมภีร์ ความศักดิ์สิทธิ์และความจริง ( Light= life in gospel, holiness, truth)! ฟาริสีแทนที่จะดีใจที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดให้เห็น กลับตําหนิพระองค์ว่าทรงทําในวันสับบาโต ไม่มาจากพระเจ้า ไม่ถือวันสับบาโต แถมยังขับไล่คนที่เคยตาบอดที่พระเยซูเจ้าทรงทําอัศจรรย์ให้เห็นไม่ให้เป็นสมาชิกของพวกเขา
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสําหรับฟาริสีที่พระเยซูเจ้าทรงกล่าวว่า ถ้าท่านทั้งหลายตาบอด ท่านก็ไม่มีบาป แต่ท่านกล่าวว่า “เรามองเห็น” บาปของท่านจึงยังคงอยู่”
ความหยิ่งเป็นบาปที่นําไปสู่ความพินาศของวิญญาณ!
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่ห้าของเทศกาลมหาพรต 26 มีนาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร เรย์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Deacon Rey, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง 1เอเสเคียล 37:12-14
เพราะฉะนั้น จงประกาศพระวาจาและบอกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ ประชากรของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของท่านและยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ นำท่านกลับมายังแผ่นดินอิสราเอล ประชากรของเราเอ๋ย ท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เมื่อเราเปิดหลุมศพของท่าน และยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ เราจะให้จิตของเราเข้าไปในท่าน และท่านจะมีชีวิต เราจะให้ท่านตั้งหลักแหล่งในแผ่นดินของท่าน แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เราได้พูดและได้ทำแล้ว พระยาห์เวห์ตรัส”
บทอ่านที่สอง โรม 8:8-11
ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติไม่อาจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้ ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย
พระวรสาร โดยนักบุญ ยอห์น 11:1-45
ชายคนหนึ่งชื่อลาซารัสกำลังป่วย เขาเป็นชาวเบธานี หมู่บ้านของมารีย์ และมารธาพี่สาว มารีย์คือหญิงที่ใช้น้ำมันหอมชโลมองค์พระผู้เป็นเจ้า ใช้ผมเช็ดพระบาท ลาซารัสที่กำลังป่วยนี้ เป็นพี่ชายของมารีย์ พี่น้องทั้งสองคนจึงส่งคนไปทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า คนที่พระองค์ทรงรักกำลังป่วย” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ ก็ตรัสว่า “โรคนี้มิได้เกิดขึ้นเพื่อความตาย แต่เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เพราะโรคนี้ พระบุตรของพระเจ้าจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์” พระเยซูเจ้าทรงรักมารธากับน้องสาว และลาซารัส หลังจากทรงทราบว่า ลาซารัสกำลังป่วย พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่นั่นอีกสองวัน ต่อจากนั้นพระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรากลับไปแคว้นยูเดียกันเถิด” บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระอาจารย์ ชาวยิวเพิ่งพยายามเอาหินขว้างพระองค์ แล้วพระองค์ยังจะกลับไปที่นั่นอีกหรือ” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “วันหนึ่งมีสิบสองชั่วโมงมิใช่หรือ ถ้าใครเดินเวลากลางวันก็ไม่สะดุด เพราะเห็นแสงสว่างของโลกนี้ แต่ถ้าใครเดินเวลากลางคืน ก็สะดุด เพราะเขาไม่มีแสงสว่างเพื่อนำทาง” เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเสริมว่า “ลาซารัสเพื่อนของเรากำลังหลับอยู่ แต่เรากำลังจะไปปลุกให้ตื่น” บรรดาศิษย์จึงทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเขาหลับอยู่ เขาก็จะหายจากโรค” พระเยซูเจ้าตรัสถึงความตายของลาซารัส แต่บรรดาศิษย์คิดว่า พระองค์ตรัสถึง “การนอนหลับ” ดังนั้นพระองค์จึงตรัสอย่างชัดเจนว่า “ลาซารัสตายแล้ว เรายินดีสำหรับท่านทั้งหลายที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ เราไปหาเขากันเถิด” โทมัสที่เรียกกันว่าฝาแฝด กล่าวกับศิษย์คนอื่น ๆ ว่า “พวกเราจงไปตายพร้อมกับพระองค์เถิด” เมื่อเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานี อยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ห่างกันราวสามกิโลเมตร ชาวยิวจำนวนมากมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบใจนางในการตายของพี่ชาย เมื่อมารธารู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา นางก็ออกไปรับเสด็จ ส่วนมารีย์ยังคงนั่งอยู่ที่บ้าน มารธาทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย แต่บัดนี้ ดิฉันรู้ดีว่าสิ่งใดที่พระองค์ทรงวอนขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทานให้” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “พี่ชายของท่านจะกลับคืนชีพ” มารธาทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า เขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษย์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเรา จะไม่มีวันตายเลย ท่านเชื่อเช่นนี้หรือ’ มารธาทูลตอบว่า “เชื่อพระเจ้าข้า ดิฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า ที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้” เมื่อมารธาทูลดังนี้แล้ว นางก็ไปเรียกมารีย์น้องสาว กระซิบบอกว่า “พระอาจารย์อยู่ที่นี่ และทรงเรียกน้องด้วย” เมื่อมารีย์ได้ยินดังนั้น ก็รีบลุกขึ้นไปเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้ายังไม่ได้เสด็จเข้าในหมู่บ้าน แต่ยังประทับอยู่ในที่ที่มารธามาเฝ้า ชาวยิวซึ่งอยู่ที่บ้านกับมารีย์เพื่อปลอบใจนาง เมื่อเห็นนางรีบลุกขึ้นออกไป ก็ตามไปด้วย คิดว่านางคงจะไปร้องไห้ที่คูหาฝังศพ เมื่อมารีย์มาถึงที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ และเห็นพระองค์ ก็กราบพระบาท ทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนางกำลังร้องไห้ และชาวยิวที่ตามมาก็ร้องไห้ด้วย พระองค์ทรงสะเทือนพระทัยและเศร้าโศกมาก ตรัสถามว่า “ท่านฝังเขาไว้ที่ไหน” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า เชิญเสด็จมาทอดพระเนตรเถิด” พระเยซูเจ้าทรงกันแสง ชาวยิวจึงพูดว่า “ดูซิ พระองค์ทรงรักเขาเพียงไร” แต่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า “พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดได้ จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ” พระเยซูเจ้าทรงสะเทือนพระทัยอีก เสด็จถึงคูหาฝังศพ ซึ่งเป็นโพรงหินมีหินแผ่นหนึ่งปิดอยู่ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงยกแผ่นหินออก” มารธาน้องสาวของผู้ตายทูลว่า “พระเจ้าข้า ศพมีกลิ่นแล้ว เพราะฝังมาถึงสี่วัน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เรามิได้บอกท่านหรือว่า ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า” คนเหล่านั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ ที่ทรงฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบดีว่า พระองค์ทรงฟังข้าพเจ้าเสมอ แต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อประชาชนที่อยู่รอบข้าพเจ้า เขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่า “ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด” ผู้ตายก็ออกมา มีผ้าพันมือพันเท้า และผ้าคลุมใบหน้าด้วย พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงเอาผ้าออกและให้เขาไปเถิด”
สังฆานุกรเรย์: เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปีคศ 1991 ภูเขาไฟพินาทูโบ ( Mt Pinatubo) ที่ประเทศฟิลิบปินส์ ห่างจากหมู่บ้านผมประมาณ 30 กิโลเมตร ระเบิด ควันไฟ ขี้เถ้า ละอองฝุ่น ลาวา แตกกระจาย แผ่คลุมพื้นที่ ขี้เถ้าสูงเกือบหนึ่งเมตร พวกเราต้องกวาดขี้เถ้าบนหลังคาเรือนเพราะถ้าไม่ทําหลังคาเรือนจะถล่ม ทําความเสียหายเพิ่มและอาจบาดเจ็บล้มตาย พวกเราคอยคําสั่งจากรัฐบาลว่าจะอพยพหรือไม่และให้ความช่วยเหลืออย่างไร คอยสามวันอยู่ในบ้าน เมื่อควันไฟขี้เถ้าลาวาหยุด มีคนตายกว่า 350 คน ( ส่วนมาก หลังคาเรือนถล่ม) มีโรคระบาดตามมา คร่าชีวิต รวมกว่า 722 คน ไร้บ้าน กว่า 200,000 คน เป็นการระเบิดของภูเขาไฟที่รุนแรงอันดับสองในรอบร้อยปี
ต้นไม้ใบหญ้าพืชผลแห้งกรอบแหลกสลายเพราะความร้อนและไฟที่ถล่มทลายใส่ แล้วอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ดอกไม้ใบหญ้าพืชผล แทงทะลุขี้เถ้า จากความตายกลายเป็นชีวิต เริ่มใหม่...
จงมีความเชื่อในพระเจ้า พระองค์ทรงบอกพวกเราว่าจะทรงประทานชีวิตให้เราแม้เราจะตาย แต่จะไม่ตาย จะมีชีวิตนิรันดรร่วมกับพระองค์ เหมือนที่พระองค์ทรงทํากับลาซารัส! "เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเรา จะไม่มีวันตายเลย"
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 1เอเสเคียล 37:12-14
เพราะฉะนั้น จงประกาศพระวาจาและบอกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ดูซิ ประชากรของเราเอ๋ย เรากำลังจะเปิดหลุมฝังศพของท่านและยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ นำท่านกลับมายังแผ่นดินอิสราเอล ประชากรของเราเอ๋ย ท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เมื่อเราเปิดหลุมศพของท่าน และยกท่านขึ้นมาจากหลุมศพ เราจะให้จิตของเราเข้าไปในท่าน และท่านจะมีชีวิต เราจะให้ท่านตั้งหลักแหล่งในแผ่นดินของท่าน แล้วท่านจะรู้ว่าเราเป็นพระยาห์เวห์ เราได้พูดและได้ทำแล้ว พระยาห์เวห์ตรัส”
บทอ่านที่สอง โรม 8:8-11
ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติไม่อาจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้ ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย
พระวรสาร โดยนักบุญ ยอห์น 11:1-45
ชายคนหนึ่งชื่อลาซารัสกำลังป่วย เขาเป็นชาวเบธานี หมู่บ้านของมารีย์ และมารธาพี่สาว มารีย์คือหญิงที่ใช้น้ำมันหอมชโลมองค์พระผู้เป็นเจ้า ใช้ผมเช็ดพระบาท ลาซารัสที่กำลังป่วยนี้ เป็นพี่ชายของมารีย์ พี่น้องทั้งสองคนจึงส่งคนไปทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า คนที่พระองค์ทรงรักกำลังป่วย” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงทราบข่าวนี้ ก็ตรัสว่า “โรคนี้มิได้เกิดขึ้นเพื่อความตาย แต่เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เพราะโรคนี้ พระบุตรของพระเจ้าจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์” พระเยซูเจ้าทรงรักมารธากับน้องสาว และลาซารัส หลังจากทรงทราบว่า ลาซารัสกำลังป่วย พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่นั่นอีกสองวัน ต่อจากนั้นพระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรากลับไปแคว้นยูเดียกันเถิด” บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระอาจารย์ ชาวยิวเพิ่งพยายามเอาหินขว้างพระองค์ แล้วพระองค์ยังจะกลับไปที่นั่นอีกหรือ” พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “วันหนึ่งมีสิบสองชั่วโมงมิใช่หรือ ถ้าใครเดินเวลากลางวันก็ไม่สะดุด เพราะเห็นแสงสว่างของโลกนี้ แต่ถ้าใครเดินเวลากลางคืน ก็สะดุด เพราะเขาไม่มีแสงสว่างเพื่อนำทาง” เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเสริมว่า “ลาซารัสเพื่อนของเรากำลังหลับอยู่ แต่เรากำลังจะไปปลุกให้ตื่น” บรรดาศิษย์จึงทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเขาหลับอยู่ เขาก็จะหายจากโรค” พระเยซูเจ้าตรัสถึงความตายของลาซารัส แต่บรรดาศิษย์คิดว่า พระองค์ตรัสถึง “การนอนหลับ” ดังนั้นพระองค์จึงตรัสอย่างชัดเจนว่า “ลาซารัสตายแล้ว เรายินดีสำหรับท่านทั้งหลายที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ เราไปหาเขากันเถิด” โทมัสที่เรียกกันว่าฝาแฝด กล่าวกับศิษย์คนอื่น ๆ ว่า “พวกเราจงไปตายพร้อมกับพระองค์เถิด” เมื่อเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานี อยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ห่างกันราวสามกิโลเมตร ชาวยิวจำนวนมากมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบใจนางในการตายของพี่ชาย เมื่อมารธารู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมา นางก็ออกไปรับเสด็จ ส่วนมารีย์ยังคงนั่งอยู่ที่บ้าน มารธาทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย แต่บัดนี้ ดิฉันรู้ดีว่าสิ่งใดที่พระองค์ทรงวอนขอจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทานให้” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “พี่ชายของท่านจะกลับคืนชีพ” มารธาทูลว่า “ดิฉันรู้ว่า เขาจะกลับคืนชีพเมื่อมนุษย์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท้าย” พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเรา จะไม่มีวันตายเลย ท่านเชื่อเช่นนี้หรือ’ มารธาทูลตอบว่า “เชื่อพระเจ้าข้า ดิฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า ที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้” เมื่อมารธาทูลดังนี้แล้ว นางก็ไปเรียกมารีย์น้องสาว กระซิบบอกว่า “พระอาจารย์อยู่ที่นี่ และทรงเรียกน้องด้วย” เมื่อมารีย์ได้ยินดังนั้น ก็รีบลุกขึ้นไปเฝ้าพระองค์ พระเยซูเจ้ายังไม่ได้เสด็จเข้าในหมู่บ้าน แต่ยังประทับอยู่ในที่ที่มารธามาเฝ้า ชาวยิวซึ่งอยู่ที่บ้านกับมารีย์เพื่อปลอบใจนาง เมื่อเห็นนางรีบลุกขึ้นออกไป ก็ตามไปด้วย คิดว่านางคงจะไปร้องไห้ที่คูหาฝังศพ เมื่อมารีย์มาถึงที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ และเห็นพระองค์ ก็กราบพระบาท ทูลว่า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนางกำลังร้องไห้ และชาวยิวที่ตามมาก็ร้องไห้ด้วย พระองค์ทรงสะเทือนพระทัยและเศร้าโศกมาก ตรัสถามว่า “ท่านฝังเขาไว้ที่ไหน” เขาทูลว่า “พระเจ้าข้า เชิญเสด็จมาทอดพระเนตรเถิด” พระเยซูเจ้าทรงกันแสง ชาวยิวจึงพูดว่า “ดูซิ พระองค์ทรงรักเขาเพียงไร” แต่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า “พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดได้ จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ” พระเยซูเจ้าทรงสะเทือนพระทัยอีก เสด็จถึงคูหาฝังศพ ซึ่งเป็นโพรงหินมีหินแผ่นหนึ่งปิดอยู่ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงยกแผ่นหินออก” มารธาน้องสาวของผู้ตายทูลว่า “พระเจ้าข้า ศพมีกลิ่นแล้ว เพราะฝังมาถึงสี่วัน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เรามิได้บอกท่านหรือว่า ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า” คนเหล่านั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ ที่ทรงฟังคำของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบดีว่า พระองค์ทรงฟังข้าพเจ้าเสมอ แต่ที่ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อประชาชนที่อยู่รอบข้าพเจ้า เขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่า “ลาซารัสเอ๋ย จงออกมาเถิด” ผู้ตายก็ออกมา มีผ้าพันมือพันเท้า และผ้าคลุมใบหน้าด้วย พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงเอาผ้าออกและให้เขาไปเถิด”
สังฆานุกรเรย์: เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปีคศ 1991 ภูเขาไฟพินาทูโบ ( Mt Pinatubo) ที่ประเทศฟิลิบปินส์ ห่างจากหมู่บ้านผมประมาณ 30 กิโลเมตร ระเบิด ควันไฟ ขี้เถ้า ละอองฝุ่น ลาวา แตกกระจาย แผ่คลุมพื้นที่ ขี้เถ้าสูงเกือบหนึ่งเมตร พวกเราต้องกวาดขี้เถ้าบนหลังคาเรือนเพราะถ้าไม่ทําหลังคาเรือนจะถล่ม ทําความเสียหายเพิ่มและอาจบาดเจ็บล้มตาย พวกเราคอยคําสั่งจากรัฐบาลว่าจะอพยพหรือไม่และให้ความช่วยเหลืออย่างไร คอยสามวันอยู่ในบ้าน เมื่อควันไฟขี้เถ้าลาวาหยุด มีคนตายกว่า 350 คน ( ส่วนมาก หลังคาเรือนถล่ม) มีโรคระบาดตามมา คร่าชีวิต รวมกว่า 722 คน ไร้บ้าน กว่า 200,000 คน เป็นการระเบิดของภูเขาไฟที่รุนแรงอันดับสองในรอบร้อยปี
ต้นไม้ใบหญ้าพืชผลแห้งกรอบแหลกสลายเพราะความร้อนและไฟที่ถล่มทลายใส่ แล้วอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ดอกไม้ใบหญ้าพืชผล แทงทะลุขี้เถ้า จากความตายกลายเป็นชีวิต เริ่มใหม่...
จงมีความเชื่อในพระเจ้า พระองค์ทรงบอกพวกเราว่าจะทรงประทานชีวิตให้เราแม้เราจะตาย แต่จะไม่ตาย จะมีชีวิตนิรันดรร่วมกับพระองค์ เหมือนที่พระองค์ทรงทํากับลาซารัส! "เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้ว ก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิต และเชื่อในเรา จะไม่มีวันตายเลย"
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ปัสกา 9 เมษายน 2023
บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง กิจการอัครสาวก 10:34a, 37-43
เปโตรเริ่มพูดว่า “ท่านทั้งหลายรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นยูเดีย เริ่มต้นที่แคว้นกาลิลี หลังจากที่ยอห์นได้เทศน์สอนและทำพิธีล้าง พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธด้วย พระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปที่ใด ทรงกระทำความดีและทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์ เราทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงกิจการทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในเขตแดนของชาวยิวและที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาประหารชีวิตพระองค์โดยตรึงบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืน พระชนมชีพในวันที่สาม และโปรดให้พระองค์แสดงพระองค์ มิใช่แก่ประชาชนทั้งปวง แต่ทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาพยานที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว คือเราทั้งหลายที่ได้กินและได้ดื่มร่วมกับพระองค์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูเจ้าทรงบัญชาให้เราประกาศสอนประชาชน และเป็นพยานยืนยันว่าพระเจ้าทรงแต่งตั้งพระองค์ให้เป็นผู้พิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งผู้เป็นและผู้ตาย ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์”บรรดาประกาศกทั้งปวงเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์”
บทอ่านที่สอง โคโลสี 3:1-4
ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้
เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
พระวรสาร โดย นักบุญยอห์น 20:1-9
เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์aขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหินถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
คุณพ่อเคลเม้นท์: อัลเลลูยา
ลูกวัด: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยิน เอาอีกที
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: พระเยซูเจ้าทรงฟื้นพระชนมชีพ อัลเลลูยา
ลูกวัด: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: ต้องตอบว่า พระองค์ทรงฟื้นพระชนมชีพ เอาใหม่
ลูกวัด หัวเราะลั่น: พระองค์ทรงฟื้นพระชนมชีพ
คุณพ่อ : พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์แล้วทรงฟื้นพระชนมชีพ พวกเราก็จะเป็นเช่นกันในวันพิพากษาสุดท้าย แต่เราก็เป็นแล้วในขณะนี้ นี่คือพื้นฐานของความเชื่อของเรา เราต้องไม่เพียงแต่ป่าวประกาศความเชื่อของเรา เราต้องดํารงชีวิตในความเชื่อของเราด้วย!
หลังมิสซามีการค้นหาไข่อิสเตอร์ ( Easter eggs ) ในห้องประชุมและห้องเรียนของวัด เพราะฝนตกไม่หยุด สนามหญ้าเฉอะแฉะ ค่อนข้างหนาว มีการแบ่งเด็กออกเป็นสองกลุ่ม อายุ 5-8 ปี และอายุน้อยกว่า5 ปี พ่อแม่กุลีกุจอเอาลูกเรียงแถว เด็กๆ ตื่นเต้นเพราะคอยตั้งแต่ปีที่แล้ว มาวัดวันอิสเตอร์ก็คือวันหาไข่อิสเตอร์ !
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Clement, Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม ของประเทศไทยและของสหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง กิจการอัครสาวก 10:34a, 37-43
เปโตรเริ่มพูดว่า “ท่านทั้งหลายรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นยูเดีย เริ่มต้นที่แคว้นกาลิลี หลังจากที่ยอห์นได้เทศน์สอนและทำพิธีล้าง พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธด้วย พระอานุภาพเดชะพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปที่ใด ทรงกระทำความดีและทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์ เราทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงกิจการทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในเขตแดนของชาวยิวและที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาประหารชีวิตพระองค์โดยตรึงบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืน พระชนมชีพในวันที่สาม และโปรดให้พระองค์แสดงพระองค์ มิใช่แก่ประชาชนทั้งปวง แต่ทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาพยานที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว คือเราทั้งหลายที่ได้กินและได้ดื่มร่วมกับพระองค์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูเจ้าทรงบัญชาให้เราประกาศสอนประชาชน และเป็นพยานยืนยันว่าพระเจ้าทรงแต่งตั้งพระองค์ให้เป็นผู้พิพากษามนุษย์ทุกคน ทั้งผู้เป็นและผู้ตาย ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์”บรรดาประกาศกทั้งปวงเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์ว่า “ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์”
บทอ่านที่สอง โคโลสี 3:1-4
ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้
เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
พระวรสาร โดย นักบุญยอห์น 20:1-9
เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์aขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหินถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรักบอกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา ทั้งสองคนวิ่งไปด้วยกัน แต่ศิษย์คนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตร จึงมาถึงพระคูหาก่อน เขาก้มลงมองเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน ซีโมนเปโตรซึ่งตามไปติดๆ ก็มาถึง เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง ศิษย์คนที่มาถึงพระคูหาก่อนก็เข้าไปข้างในด้วย เขาเห็นและมีความเชื่อ เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย
คุณพ่อเคลเม้นท์: อัลเลลูยา
ลูกวัด: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยิน เอาอีกที
ลูกวัด เสียงสนั่นกึกก้อง: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: พระเยซูเจ้าทรงฟื้นพระชนมชีพ อัลเลลูยา
ลูกวัด: อัลเลลูยา
คุณพ่อ: ต้องตอบว่า พระองค์ทรงฟื้นพระชนมชีพ เอาใหม่
ลูกวัด หัวเราะลั่น: พระองค์ทรงฟื้นพระชนมชีพ
คุณพ่อ : พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์แล้วทรงฟื้นพระชนมชีพ พวกเราก็จะเป็นเช่นกันในวันพิพากษาสุดท้าย แต่เราก็เป็นแล้วในขณะนี้ นี่คือพื้นฐานของความเชื่อของเรา เราต้องไม่เพียงแต่ป่าวประกาศความเชื่อของเรา เราต้องดํารงชีวิตในความเชื่อของเราด้วย!
หลังมิสซามีการค้นหาไข่อิสเตอร์ ( Easter eggs ) ในห้องประชุมและห้องเรียนของวัด เพราะฝนตกไม่หยุด สนามหญ้าเฉอะแฉะ ค่อนข้างหนาว มีการแบ่งเด็กออกเป็นสองกลุ่ม อายุ 5-8 ปี และอายุน้อยกว่า5 ปี พ่อแม่กุลีกุจอเอาลูกเรียงแถว เด็กๆ ตื่นเต้นเพราะคอยตั้งแต่ปีที่แล้ว มาวัดวันอิสเตอร์ก็คือวันหาไข่อิสเตอร์ !
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่ 12 ของเทศกาลธรรมดา 25 มิถุนายน 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อ ราโมส คุณพ่อประจําโรงพยาบาลของค่ายทหารบกใกล้วัด รับเชิญให้มาทํามิสซาที่วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Ramos, Joint Base Lewis - McChord, invited to say Mass at Sacred Heart, Lacey, WA, U.S.A.) เปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่าง การเทศน์ของคุณพ่อที่ประเทศไทยและที่สหรัฐอเมริกา ( รวมทั้งสังฆานุกร) ที่อาจจะแตกต่างเน้นแบบคนละมุมมอง เพราะสภาพแวดล้อมและพื้นฐานของสังคม)
บทอ่านที่หนึ่ง เยเรมีย์ 20, 10 - 13: ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหลายคนซุบซิบว่า “ความหวาดกลัวอยู่โดยรอบมาแล้ว จงกล่าวหาเขา พวกเราจงกล่าวหาเขาเถิด” มิตรสหายทุกคนของข้าพเจ้า คอยเฝ้าดูความล่มจมของข้าพเจ้า พูดว่า “เขาคงจะยอมถูกหลอกลวง แล้วเราจะเอาชนะเขาได้ และจะแก้แค้นเขา”
แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ข้างข้าพเจ้าเหมือนนักรบทรงพลัง ดังนั้น ผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุดล้ม จะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ เขาจะต้องอับอายมาก เพราะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ ความอัปยศอดสูของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันถูกลืม ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมจักรวาล พระองค์ทรงทดสอบผู้ชอบธรรม ทรงสำรวจใจและจิต ขอโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ทรงลงโทษเขา เพราะข้าพเจ้าได้ทูลเสนอคดีของข้าพเจ้าให้ทรงทราบแล้ว จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสนให้พ้นมือของผู้ทำความชั่วร้าย
บทอ่านที่สอง โรม 5: 12 - 15: บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมซึ่งเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่าถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 10: 26 - 33: “อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เราบอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน” “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้นดินโดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว ดังนั้น อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก” “ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ด้วย”
คุณพ่อราโมส: ผมของพ่อที่ร่วงหล่นไปเกือบทั้งหัว พระเป็นเจ้าได้ทรงนับแล้ว ( พูดเสร็จเอามือคลําหัวล้าน)
ลูกวัด: ส่งเสียงฮาสนั่นลั่นวัด
คุณพ่อ: ชี้มือไปที่รูปปั้นพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนหลังพระแท่นที่เด่นเป็นสง่าแล้วพูดว่า " นายของเราบอก อย่ากลัวใคร!" พวกเราที่ปฎิบัติตามความเชื่อได้รับการเบียดเบียนอย่างไร พวกเราทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
หลังจากการระบาดของโควิด - 19 เด็กๆที่ถูกกักกันแยกตัวมีปัญหาที่ตามมามากมาย พ่อขอให้เด็กๆที่เป็นทายาทของความเชื่อของเรา จงขอคําปรึกษาจากพ่อแม่
พระเยซูเจ้าได้ทรงพูดถึงการปฏิเสธพระองค์ในพระวรสารวันนี้ พ่อขอบอกทุกคนว่า พ่อเป็นพระสงฆ์ 29 ปี ประจําที่สหรัฐอเมริกา 14 ปีแล้ว ได้รับการปฎิเสธ หลายครั้งหลายหนที่โรงพยาบาลทหารที่พ่อประจําอยู่ คําตอบที่พ่อให้คนที่ปฎิเสธพ่อคือ " ขอบคุณ" บางครั้งพ่อได้รับการขอร้องให้ไปทําศีลทาสุดท้ายให้คนป่วยหนักกําลังจะตาย พอพ่อเปิดประตูห้องคนป่วย ภรรยาผวาร้อง " ยังค่ะ คุณพ่อ" เหมือนกับว่าพ่อเป็นตัวแทนสุดท้ายของพระเป็นเจ้า บางคนบอก " คนป่วยเป็นคาทอลิก แต่ดิฉันไม่ใช่คาทอลิก" พูดเหมือนกับปฎิเสธและไล่พ่อในตัว พ่อมองหน้าแล้วขออนุญาตเอ่ยปาก พอเธออนุญาต พ่อพูดว่า " พ่อเป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่แต่ของศาสนาคาทอลิก พ่อเป็นพระสงฆ์ของทุกศาสนา" เธอได้สติ เชิญพ่อให้อยู่ต่อ
พ่อเห็นคนป่วยกําลังตายหลายคนในชีวิตพระสงฆ์ของพ่อ พ่อจําได้ทุกคน ผู้ที่กําลังตายแบบสงบคือผู้ที่มีชีวิตแบบเรียบง่าย...
พ่อมีข้อคิดให้ทุกคนเอาไปไตร่ตรองดังนี้:
พวกเราถูกเบียดเบียนอย่างไร? พวกเราได้รับความช่วยเหลืออย่างไรเวลาถูกเบียดเบียน?
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง เยเรมีย์ 20, 10 - 13: ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหลายคนซุบซิบว่า “ความหวาดกลัวอยู่โดยรอบมาแล้ว จงกล่าวหาเขา พวกเราจงกล่าวหาเขาเถิด” มิตรสหายทุกคนของข้าพเจ้า คอยเฝ้าดูความล่มจมของข้าพเจ้า พูดว่า “เขาคงจะยอมถูกหลอกลวง แล้วเราจะเอาชนะเขาได้ และจะแก้แค้นเขา”
แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่ข้างข้าพเจ้าเหมือนนักรบทรงพลัง ดังนั้น ผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุดล้ม จะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ เขาจะต้องอับอายมาก เพราะเอาชนะข้าพเจ้าไม่ได้ ความอัปยศอดสูของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันถูกลืม ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมจักรวาล พระองค์ทรงทดสอบผู้ชอบธรรม ทรงสำรวจใจและจิต ขอโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ทรงลงโทษเขา เพราะข้าพเจ้าได้ทูลเสนอคดีของข้าพเจ้าให้ทรงทราบแล้ว จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงช่วยชีวิตของผู้ขัดสนให้พ้นมือของผู้ทำความชั่วร้าย
บทอ่านที่สอง โรม 5: 12 - 15: บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมซึ่งเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่าถ้ามวลมนุษย์ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 10: 26 - 33: “อย่ากลัวมนุษย์เลย ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังไว้ จะไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีสิ่งใดที่ซ่อนเร้น จะไม่มีใครรู้ สิ่งที่เราบอกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวออกมาในที่สว่าง สิ่งที่ท่านได้ยินกระซิบที่หู จงประกาศบนดาดฟ้าหลังคาเรือน” “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่อาจฆ่าวิญญาณได้ จงกลัวผู้ที่ทำลายทั้งกายและวิญญาณให้พินาศไปในนรก นกกระจอกสองตัว เขาขายกันเพียงหนึ่งบาทมิใช่หรือ ถึงกระนั้น ก็ไม่มีนกสักตัวเดียวที่ตกถึงพื้นดินโดยที่พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว ดังนั้น อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก” “ทุกคนที่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราจะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ และผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ เราก็จะไม่รับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์ด้วย”
คุณพ่อราโมส: ผมของพ่อที่ร่วงหล่นไปเกือบทั้งหัว พระเป็นเจ้าได้ทรงนับแล้ว ( พูดเสร็จเอามือคลําหัวล้าน)
ลูกวัด: ส่งเสียงฮาสนั่นลั่นวัด
คุณพ่อ: ชี้มือไปที่รูปปั้นพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขนหลังพระแท่นที่เด่นเป็นสง่าแล้วพูดว่า " นายของเราบอก อย่ากลัวใคร!" พวกเราที่ปฎิบัติตามความเชื่อได้รับการเบียดเบียนอย่างไร พวกเราทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
หลังจากการระบาดของโควิด - 19 เด็กๆที่ถูกกักกันแยกตัวมีปัญหาที่ตามมามากมาย พ่อขอให้เด็กๆที่เป็นทายาทของความเชื่อของเรา จงขอคําปรึกษาจากพ่อแม่
พระเยซูเจ้าได้ทรงพูดถึงการปฏิเสธพระองค์ในพระวรสารวันนี้ พ่อขอบอกทุกคนว่า พ่อเป็นพระสงฆ์ 29 ปี ประจําที่สหรัฐอเมริกา 14 ปีแล้ว ได้รับการปฎิเสธ หลายครั้งหลายหนที่โรงพยาบาลทหารที่พ่อประจําอยู่ คําตอบที่พ่อให้คนที่ปฎิเสธพ่อคือ " ขอบคุณ" บางครั้งพ่อได้รับการขอร้องให้ไปทําศีลทาสุดท้ายให้คนป่วยหนักกําลังจะตาย พอพ่อเปิดประตูห้องคนป่วย ภรรยาผวาร้อง " ยังค่ะ คุณพ่อ" เหมือนกับว่าพ่อเป็นตัวแทนสุดท้ายของพระเป็นเจ้า บางคนบอก " คนป่วยเป็นคาทอลิก แต่ดิฉันไม่ใช่คาทอลิก" พูดเหมือนกับปฎิเสธและไล่พ่อในตัว พ่อมองหน้าแล้วขออนุญาตเอ่ยปาก พอเธออนุญาต พ่อพูดว่า " พ่อเป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่แต่ของศาสนาคาทอลิก พ่อเป็นพระสงฆ์ของทุกศาสนา" เธอได้สติ เชิญพ่อให้อยู่ต่อ
พ่อเห็นคนป่วยกําลังตายหลายคนในชีวิตพระสงฆ์ของพ่อ พ่อจําได้ทุกคน ผู้ที่กําลังตายแบบสงบคือผู้ที่มีชีวิตแบบเรียบง่าย...
พ่อมีข้อคิดให้ทุกคนเอาไปไตร่ตรองดังนี้:
พวกเราถูกเบียดเบียนอย่างไร? พวกเราได้รับความช่วยเหลืออย่างไรเวลาถูกเบียดเบียน?
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่ 13 ของเทศกาลธรรมดา 2 กรกฎาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเม้นท์ วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง 2 พงศ์กษัตริย์ 4: 8-11, 14-16a:
วันหนึ่ง เอลีชาเดินทางไปที่เมืองชูเนม หญิงมั่งมีคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้น เชิญเอลีชามากินอาหาร ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เอลีชาผ่านเมืองนั้น ก็จะแวะกินอาหารที่นั่น นางบอกสามีว่า “ดิฉันรู้ว่าชายที่มาบ้านของเราบ่อย ๆ เป็นคนของพระเจ้า และเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ เราจงสร้างห้องเล็ก ๆไว้บนดาดฟ้าให้เขาสักห้องหนึ่ง ตั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้และตะเกียงไว้ให้ เมื่อเขามาเยี่ยมเรา เขาจะได้พักในห้องนั้น” วันหนึ่ง เอลีชามาที่นั่น และขึ้นไปนอนพักในห้องนั้น เขาสั่งเกหะซีผู้รับใช้ว่า “จงไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นมาซิ” เขาก็ไปเรียก นางก็มายืนอยู่ตรงหน้า เอลีชาสั่งผู้รับใช้ของตนว่า “จงถามนางซิว่า ข้าพเจ้าจะทำอะไรให้นางได้” เขาตอบว่า “นางไม่มีบุตรและสามีก็ชราแล้ว” เอลีชาสั่งว่า “จงไปเรียกนางมาซิ” เขาก็ไปเรียกนาง นางเข้ามายืนอยู่ที่ประตู เอลีชากล่าวว่า “ปีหน้าเวลานี้ท่านจะได้อุ้มลูกชาย”
บทอ่านที่สอง โรม 10: 37-42: ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระคริสตเยซู ก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ด้วย ดังนั้น เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เราก็จะดำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น แต่เราเชื่อว่า ถ้าเราตายพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว เราก็จะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วย เรารู้ว่าพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้วจะไม่สิ้นพระชนม์อีก ความตายไม่มีอำนาจเหนือพระองค์อีกต่อไป เพราะเมื่อสิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ทรงตายครั้งเดียวจากบาปตลอดไป เมื่อมีพระชนมชีพก็มีพระชนมชีพเพื่อพระเจ้า ดังนี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ต้องถือว่าท่านตายจากบาปแล้ว แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 10: 37-42: “ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ผู้ที่ต้อนรับประกาศกเพราะเราเป็นประกาศกจะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศกผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
คุณพ่อเคลเม้นท์: ในบทอ่านที่หนึ่ง ความใจดีของหญิงชราไม่มีลูกที่ต้อนรับประกาศกเอลีชา ได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า มีลูกสมใจทั้งสามีภรรยา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี พระเจ้าประทานให้ ไม่ใช่เพราะเราสมควรจะได้รับ แต่เพราะความรักที่พระองค์มีต่อเรา
พ่อได้สัมผัสถึงความใจดีของทุกคนที่วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์นี้ วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่พ่อมาประจําที่นี่ ทุกคนต้อนรับและช่วยพ่อ เหมือนกับว่าพ่อเป็นพี่ชายหรือน้องชายคนหนึ่ง ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์
ทุกคนรู้เรื่องราวของพ่อดีแล้วว่า พ่อถูกเลือกจากพระสังฆราชในประเทศมาลาวี ทวีปแอฟริกา ให้มาช่วยคุณพ่อทิมเจ้าอาวาสวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ระยะทางห่างกัน 15,528 กิโลเมตร พระสังฆราชให้ตั๋วเครื่องบินแต่ไม่ให้เงินพ่อ พ่อไม่มีเงินติดตัวแม้แต่เซนต์/สตางค์ เดียว พ่อกําลังนั่งรอเครื่องบินที่สนามบิน มีผู้ชายคนหนึ่งทักพ่อแล้วให้เงินพ่อ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ( 3, 200 บาท) เพราะรู้ว่าพ่อจะไปสหรัฐอเมริกา เมื่ออยู่บนเครื่องบิน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งข้างๆพ่อ แนะนําตัวกันเสร็จ สองคนชวนพ่อให้ไปเที่ยวประเทศเม็กซิโก พ่อบอก " โอเค ผมพร้อมแล้ว" พ่ออยู่ที่เม็กซิโก 10 วันตามคําเชิญ ให้ตั๋วเครื่องบินพร้อมให้เงินติดกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีก เมื่อวานสามีภรรยาลูกวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ชวนพ่อไปดู การแข่งขันฟุตบอล ที่พวกคุณชาวอเมริกันเรียกกันว่า " ซักเกอร์/ soccer " พ่อชอบมาก พ่อบอก "โอเค ผมพร้อมแล้ว" สนามแข่งอยู่ที่เมืองซีแอทเทิ้ล ( Seattle ห่าง 93 กิโลเมตร) ทีมของเราชนะ ทุกคนตื่นเต้นมีความสุข
คุณพ่อ: พระเจ้าดี
ลูกวัด:ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 2 พงศ์กษัตริย์ 4: 8-11, 14-16a:
วันหนึ่ง เอลีชาเดินทางไปที่เมืองชูเนม หญิงมั่งมีคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้น เชิญเอลีชามากินอาหาร ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่เอลีชาผ่านเมืองนั้น ก็จะแวะกินอาหารที่นั่น นางบอกสามีว่า “ดิฉันรู้ว่าชายที่มาบ้านของเราบ่อย ๆ เป็นคนของพระเจ้า และเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ เราจงสร้างห้องเล็ก ๆไว้บนดาดฟ้าให้เขาสักห้องหนึ่ง ตั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้และตะเกียงไว้ให้ เมื่อเขามาเยี่ยมเรา เขาจะได้พักในห้องนั้น” วันหนึ่ง เอลีชามาที่นั่น และขึ้นไปนอนพักในห้องนั้น เขาสั่งเกหะซีผู้รับใช้ว่า “จงไปเรียกหญิงชาวชูเนมคนนั้นมาซิ” เขาก็ไปเรียก นางก็มายืนอยู่ตรงหน้า เอลีชาสั่งผู้รับใช้ของตนว่า “จงถามนางซิว่า ข้าพเจ้าจะทำอะไรให้นางได้” เขาตอบว่า “นางไม่มีบุตรและสามีก็ชราแล้ว” เอลีชาสั่งว่า “จงไปเรียกนางมาซิ” เขาก็ไปเรียกนาง นางเข้ามายืนอยู่ที่ประตู เอลีชากล่าวว่า “ปีหน้าเวลานี้ท่านจะได้อุ้มลูกชาย”
บทอ่านที่สอง โรม 10: 37-42: ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระคริสตเยซู ก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ด้วย ดังนั้น เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เราก็จะดำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น แต่เราเชื่อว่า ถ้าเราตายพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว เราก็จะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วย เรารู้ว่าพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้วจะไม่สิ้นพระชนม์อีก ความตายไม่มีอำนาจเหนือพระองค์อีกต่อไป เพราะเมื่อสิ้นพระชนม์ พระองค์ก็ทรงตายครั้งเดียวจากบาปตลอดไป เมื่อมีพระชนมชีพก็มีพระชนมชีพเพื่อพระเจ้า ดังนี้ ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ต้องถือว่าท่านตายจากบาปแล้ว แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 10: 37-42: “ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ผู้ที่ต้อนรับประกาศกเพราะเราเป็นประกาศกจะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศกผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
คุณพ่อเคลเม้นท์: ในบทอ่านที่หนึ่ง ความใจดีของหญิงชราไม่มีลูกที่ต้อนรับประกาศกเอลีชา ได้รับการตอบสนองจากพระเจ้า มีลูกสมใจทั้งสามีภรรยา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี พระเจ้าประทานให้ ไม่ใช่เพราะเราสมควรจะได้รับ แต่เพราะความรักที่พระองค์มีต่อเรา
พ่อได้สัมผัสถึงความใจดีของทุกคนที่วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์นี้ วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีที่พ่อมาประจําที่นี่ ทุกคนต้อนรับและช่วยพ่อ เหมือนกับว่าพ่อเป็นพี่ชายหรือน้องชายคนหนึ่ง ไม่ว่าในยามสุขหรือยามทุกข์
ทุกคนรู้เรื่องราวของพ่อดีแล้วว่า พ่อถูกเลือกจากพระสังฆราชในประเทศมาลาวี ทวีปแอฟริกา ให้มาช่วยคุณพ่อทิมเจ้าอาวาสวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ระยะทางห่างกัน 15,528 กิโลเมตร พระสังฆราชให้ตั๋วเครื่องบินแต่ไม่ให้เงินพ่อ พ่อไม่มีเงินติดตัวแม้แต่เซนต์/สตางค์ เดียว พ่อกําลังนั่งรอเครื่องบินที่สนามบิน มีผู้ชายคนหนึ่งทักพ่อแล้วให้เงินพ่อ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ( 3, 200 บาท) เพราะรู้ว่าพ่อจะไปสหรัฐอเมริกา เมื่ออยู่บนเครื่องบิน มีสามีภรรยาคู่หนึ่งนั่งข้างๆพ่อ แนะนําตัวกันเสร็จ สองคนชวนพ่อให้ไปเที่ยวประเทศเม็กซิโก พ่อบอก " โอเค ผมพร้อมแล้ว" พ่ออยู่ที่เม็กซิโก 10 วันตามคําเชิญ ให้ตั๋วเครื่องบินพร้อมให้เงินติดกระเป๋าเพิ่มขึ้นอีก เมื่อวานสามีภรรยาลูกวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ชวนพ่อไปดู การแข่งขันฟุตบอล ที่พวกคุณชาวอเมริกันเรียกกันว่า " ซักเกอร์/ soccer " พ่อชอบมาก พ่อบอก "โอเค ผมพร้อมแล้ว" สนามแข่งอยู่ที่เมืองซีแอทเทิ้ล ( Seattle ห่าง 93 กิโลเมตร) ทีมของเราชนะ ทุกคนตื่นเต้นมีความสุข
คุณพ่อ: พระเจ้าดี
ลูกวัด:ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่ 14 ของเทศกาลธรรมดา 9 กรกฎาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร รอนนี่ ( Deacon Ronnie) วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง เศคาริยาห์ 9: 9-10: ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่ง ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความยินดีเถิด ดูซิ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมาหาท่าน พระองค์ทรงเที่ยงธรรมและทรงชัยชนะ ทรงถ่อมพระองค์และประทับบนหลังลา บนหลังลาตัวน้อย ลูกแม่ลา พระองค์จะทรงกำจัดรถศึกจากเอฟราอิม จะทรงกำจัดม้าศึกออกจากกรุงเยรูซาเล็ม คันธนูสำหรับสงครามจะถูกกำจัดไปด้วย พระองค์จะทรงประกาศสันติแก่นานาชาติ การปกครองของพระองค์แผ่จากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปถึงสุดปลายแผ่นดิน
บทอ่านที่สอง โรม 8: 9, 11-13: ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใด ๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 11: 25-30: เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้ ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
สังฆานุกร รอนนี่: ก่อนอื่นใดทั้งสิ้น ผมขอเชิญทุกท่านให้เกียรติ นักบุญและมรณสักขี คุณพ่อ ออกัสติน โซว ชาวจีน และเพื่อนมรณสักขี 119 ท่าน ที่ถูกฆ่าโดยรัฐบาลจีน ช่วงปีคศ 1648-1930 (นักบุญ โป๊ป จอห์น ปอล ที่สอง สถาปนา ปี คศ 2000) พวกเราต้องสวดให้พี่น้องชาวจีนโรมันคาทอลิกของเราที่ปัจจุบันนี้กำลังถูกทําร้ายและอาจถูกฆ่าเพราะความเชื่อ
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเชิญให้พวกเรามาหาพระองค์ จะได้รับการพักผ่อน เป็นศิษย์ของพระองค์ "เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
ผมขอเล่าเรื่องส่วนตัวของผมให้ทุกคนรับรู้ ผมมีภาระ หน้าที่ การงาน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นแอกที่หนักอึ้ง ผมไม่เคยมาหาพระองค์ให้ทรงช่วย จนกระทั่ง วันหนึ่ง สุดจะทน ผมร้องขอให้พระองค์ทรงช่วย พระองค์ทรงหัวเราะ และบอกผมว่า " ในที่สุด"
พระองค์ไม่เคยสัญญาว่า เมื่อเรามาหาพระองค์ แอกและภาระจะสูญสลายไป ชีวิตจะราบรื่น พระองค์ทรงสัญญาว่า จะให้ความสดชื่น ได้พักผ่อน และแอกจะเบาขึ้นเพราะร่วมแบกแอกของพระองค์
ผมฟังแล้วประทับใจ เพราะเชื่อว่าจริง 100% เพราะผมเองก็ได้รับพระพรเหมือนกับสมาชิกของวัดพระหฤทัยหลายคนที่เคยแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เป็นการเพิ่มพูนความศรัทธา โดยเฉพาะกลุ่มพระเมตตาของวัดเรา
เมื่อเดือน ตุลาคม คศ 2008 ผมเป็นข้าราชการพลเรือนของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ประจำที่เมืองไคเเซอร์สเลาเทิ้น ประเทศเยอรมนี ( Kaiserslautern, Germany ) ลูกสองคนไม่ยอมไปอยู่ด้วย เพราะเป็นวัยรุ่นและมีเพื่อนที่โรงเรียนในเมืองเลซี่ บ้านของเรา ภรรยาผมเลยต้องอยู่บ้านดูแลลูกๆ ผมเริ่มรู้จักพระเมตตาและการสวดภาวนาบ่ายสาม ชั่วโมงพระเมตตา จากกลุ่มพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดวิสุทธิวงษ์ ลําไทร ปทุมธานี ทางเวปไซด์นิวมานา (ของครอบครัวพี่อมรา/Amara ไลน์กลุ่มรักแม่พระ 1) และติดต่อกันทางอีเมล์ เมื่อผมเพิ่งหัดสวดด้วยภาษาอังกฤษ ผมไม่สามารถจําบทภาวนา "ข้าพเจ้าเชื่อ" เพราะยาวมากๆ ขอพระเป็นเจ้าให้ช่วย พระจิตเจ้าทรงประทับบทสวดนี้ในหัวผมทันที ไม่มีปัญหา
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ผมจะหยุดพักงานตอนบ่ายสาม เดินไปสวดที่หน้าวัดน้อยชื่อวัดพระหฤทัยศักด์สิทธิ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัดใหญ่ของค่ายทหาร ชื่อวัดอัครเทวดาไมเกิ้ล ประตูวัดทั้งสองปิดกันขโมย
ผมคุกเข่าลงหน้าประตูวัดน้อย ถอนใจ บอกกับตัวเองว่า มาทําไม เสียเวลา ไม่มีประโยชน์ ทันทีทันใด เสียงของพระเป็นเจ้า ภาษาอังกฤษ ( ไม่ใช่สําเนียงชาวอังกฤษหรือชาวอเมริกัน เป็นสําเนียงของเจ้าของภาษาอังกฤษที่แท้จริง) ดังสนั่นลั่นหัว " มาเมื่อมาได้ มาไม่ได้จะไปหา" ผมตกตะลึง ขนลุกชันทุกขุมขน ทิ้งตัวนอนราบกับพื้น บังคมกราบนมัสการ ขอโทษพระองค์เสียงสั่น สยองขวัญ
ตั้งแต่นั้นมา ผมสวดบทภาวนาพระเมตตา บ่ายสามทุกวัน ถ้าติดประชุม ติดงาน ผมจะบอกพระองค์ขอเลื่อนไปก่อนแล้วจะสวดทีหลัง
ผมแปลกใจหลายปีว่าทําไมพระองค์พูดภาษาอังกฤษกับผม น่าจะพูดภาษาไทยเพราะผมเป็นคนไทย แล้วก็เข้าใจในภายหลัง: เพราะลูกเมียเป็นอเมริกัน ไม่ใช่คนไทย ไม่ต้องแปล
สิ่งหนึ่งที่ผมเข้าใจทันทีเมื่อพระองค์ตรัสกับผม: พระองค์ไม่ยอมและรับไม่ได้ที่ผมจะเสียความเชื่อ ซึ่งจะทําให้ผมเดินทางไปสู่นรก
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
บทอ่านที่หนึ่ง เศคาริยาห์ 9: 9-10: ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่ง ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความยินดีเถิด ดูซิ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมาหาท่าน พระองค์ทรงเที่ยงธรรมและทรงชัยชนะ ทรงถ่อมพระองค์และประทับบนหลังลา บนหลังลาตัวน้อย ลูกแม่ลา พระองค์จะทรงกำจัดรถศึกจากเอฟราอิม จะทรงกำจัดม้าศึกออกจากกรุงเยรูซาเล็ม คันธนูสำหรับสงครามจะถูกกำจัดไปด้วย พระองค์จะทรงประกาศสันติแก่นานาชาติ การปกครองของพระองค์แผ่จากทะเลนี้ไปถึงทะเลโน้น และจากแม่น้ำยูเฟรติสไปถึงสุดปลายแผ่นดิน
บทอ่านที่สอง โรม 8: 9, 11-13: ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตในท่านด้วย ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใด ๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 11: 25-30: เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้ ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
สังฆานุกร รอนนี่: ก่อนอื่นใดทั้งสิ้น ผมขอเชิญทุกท่านให้เกียรติ นักบุญและมรณสักขี คุณพ่อ ออกัสติน โซว ชาวจีน และเพื่อนมรณสักขี 119 ท่าน ที่ถูกฆ่าโดยรัฐบาลจีน ช่วงปีคศ 1648-1930 (นักบุญ โป๊ป จอห์น ปอล ที่สอง สถาปนา ปี คศ 2000) พวกเราต้องสวดให้พี่น้องชาวจีนโรมันคาทอลิกของเราที่ปัจจุบันนี้กำลังถูกทําร้ายและอาจถูกฆ่าเพราะความเชื่อ
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเชิญให้พวกเรามาหาพระองค์ จะได้รับการพักผ่อน เป็นศิษย์ของพระองค์ "เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
ผมขอเล่าเรื่องส่วนตัวของผมให้ทุกคนรับรู้ ผมมีภาระ หน้าที่ การงาน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นแอกที่หนักอึ้ง ผมไม่เคยมาหาพระองค์ให้ทรงช่วย จนกระทั่ง วันหนึ่ง สุดจะทน ผมร้องขอให้พระองค์ทรงช่วย พระองค์ทรงหัวเราะ และบอกผมว่า " ในที่สุด"
พระองค์ไม่เคยสัญญาว่า เมื่อเรามาหาพระองค์ แอกและภาระจะสูญสลายไป ชีวิตจะราบรื่น พระองค์ทรงสัญญาว่า จะให้ความสดชื่น ได้พักผ่อน และแอกจะเบาขึ้นเพราะร่วมแบกแอกของพระองค์
ผมฟังแล้วประทับใจ เพราะเชื่อว่าจริง 100% เพราะผมเองก็ได้รับพระพรเหมือนกับสมาชิกของวัดพระหฤทัยหลายคนที่เคยแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เป็นการเพิ่มพูนความศรัทธา โดยเฉพาะกลุ่มพระเมตตาของวัดเรา
เมื่อเดือน ตุลาคม คศ 2008 ผมเป็นข้าราชการพลเรือนของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ประจำที่เมืองไคเเซอร์สเลาเทิ้น ประเทศเยอรมนี ( Kaiserslautern, Germany ) ลูกสองคนไม่ยอมไปอยู่ด้วย เพราะเป็นวัยรุ่นและมีเพื่อนที่โรงเรียนในเมืองเลซี่ บ้านของเรา ภรรยาผมเลยต้องอยู่บ้านดูแลลูกๆ ผมเริ่มรู้จักพระเมตตาและการสวดภาวนาบ่ายสาม ชั่วโมงพระเมตตา จากกลุ่มพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดวิสุทธิวงษ์ ลําไทร ปทุมธานี ทางเวปไซด์นิวมานา (ของครอบครัวพี่อมรา/Amara ไลน์กลุ่มรักแม่พระ 1) และติดต่อกันทางอีเมล์ เมื่อผมเพิ่งหัดสวดด้วยภาษาอังกฤษ ผมไม่สามารถจําบทภาวนา "ข้าพเจ้าเชื่อ" เพราะยาวมากๆ ขอพระเป็นเจ้าให้ช่วย พระจิตเจ้าทรงประทับบทสวดนี้ในหัวผมทันที ไม่มีปัญหา
ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ผมจะหยุดพักงานตอนบ่ายสาม เดินไปสวดที่หน้าวัดน้อยชื่อวัดพระหฤทัยศักด์สิทธิ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัดใหญ่ของค่ายทหาร ชื่อวัดอัครเทวดาไมเกิ้ล ประตูวัดทั้งสองปิดกันขโมย
ผมคุกเข่าลงหน้าประตูวัดน้อย ถอนใจ บอกกับตัวเองว่า มาทําไม เสียเวลา ไม่มีประโยชน์ ทันทีทันใด เสียงของพระเป็นเจ้า ภาษาอังกฤษ ( ไม่ใช่สําเนียงชาวอังกฤษหรือชาวอเมริกัน เป็นสําเนียงของเจ้าของภาษาอังกฤษที่แท้จริง) ดังสนั่นลั่นหัว " มาเมื่อมาได้ มาไม่ได้จะไปหา" ผมตกตะลึง ขนลุกชันทุกขุมขน ทิ้งตัวนอนราบกับพื้น บังคมกราบนมัสการ ขอโทษพระองค์เสียงสั่น สยองขวัญ
ตั้งแต่นั้นมา ผมสวดบทภาวนาพระเมตตา บ่ายสามทุกวัน ถ้าติดประชุม ติดงาน ผมจะบอกพระองค์ขอเลื่อนไปก่อนแล้วจะสวดทีหลัง
ผมแปลกใจหลายปีว่าทําไมพระองค์พูดภาษาอังกฤษกับผม น่าจะพูดภาษาไทยเพราะผมเป็นคนไทย แล้วก็เข้าใจในภายหลัง: เพราะลูกเมียเป็นอเมริกัน ไม่ใช่คนไทย ไม่ต้องแปล
สิ่งหนึ่งที่ผมเข้าใจทันทีเมื่อพระองค์ตรัสกับผม: พระองค์ไม่ยอมและรับไม่ได้ที่ผมจะเสียความเชื่อ ซึ่งจะทําให้ผมเดินทางไปสู่นรก
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
ข้างบน
วันอาทิตย์ที่ 16 ของเทศกาลธรรมดา 23 กรกฎาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของสังฆานุกร แทรี่ ( Deacon Terry) วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง ปรีชาญาณ 12:13, 16-19
เพราะนอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เอาพระทัยใส่ทุกสิ่ง และที่พระองค์จะต้องพิสูจน์ว่ามิได้ทรงตัดสินอย่างอยุติธรรม พระฤทธานุภาพของพระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งความยุติธรรม การที่ทรงเป็นเจ้านายเหนือจักรวาลทำให้พระองค์ทรงปรานีทุกคน พระองค์ทรงสำแดงพระฤทธานุภาพแก่ผู้ที่ไม่เชื่อพระอานุภาพของพระองค์ พระองค์ทรงกำจัดความหยิ่งยโสของผู้ที่รู้จักพระองค์พระองค์ทรงพลานุภาพอย่างสมบูรณ์ จึงทรงพิพากษาอย่างอ่อนโยน ทรงปกครองข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยพระทัยปรานี เพราะพระองค์ทรงใช้พระอานุภาพตามที่พอพระทัย พระทัยปรานีของพระเจ้าต้องเป็นแบบอย่างสำหรับชาวอิสราเอล
พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เพื่อสอนประชากรของพระองค์ว่า ผู้ชอบธรรมต้องรักเพื่อนมนุษย์ พระองค์ประทานความหวังเต็มเปี่ยมแก่บรรดาบุตรของพระองค์ว่า เมื่อเขาทำบาปแล้ว พระองค์ก็ประทานโอกาสให้เขากลับใจ
บทอ่านที่สอง โรม 8:26-27
ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำที่ไม่อาจบรรยาย และพระผู้ทรงสำรวจจิตใจทรงทราบความปรารถนาของพระจิตเจ้า เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 13:24-43
พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใด’ นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วเมื่อเก็บเกี่ยว ฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’ ”
พระองค์ตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีผู้นำไปหว่านในนา และเป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งหลาย แต่เมื่อเมล็ดงอกขึ้นเป็นต้นแล้ว กลับมีขนาดโตกว่าต้นผักอื่นๆ และกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งนกในอากาศมาทำรังอาศัยบนกิ่งได้”
พระองค์ยังตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้กับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งทั้งหมดฟูขึ้น”
พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องทั้งหมดนี้แก่ประชาชนเป็นอุปมา พระองค์ไม่ตรัสสิ่งใดกับเขาโดยไม่ใช้อุปมา
ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราจะเปิดปากกล่าวเป็นอุปมา เราจะกล่าวเรื่องที่ยังไม่เคยเปิดเผยตั้งแต่สร้างโลก หลังจากนั้น พระองค์ทรงแยกจากประชาชนเข้าไปในบ้าน บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลว่า “โปรดอธิบายอุปมาเรื่องข้าวละมานในนาเถิด” พระองค์ตรัสว่า “ผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรแห่งมนุษย์ ทุ่งนาคือโลก เมล็ดพันธุ์ดีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย ศัตรูที่หว่านคือปีศาจ ฤดูเก็บเกี่ยวคือเวลาอวสานแห่งโลก ผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์ “ข้าวละมานถูกมัดเผาไฟฉันใด เวลาอวสานแห่งโลกก็จะเป็นฉันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จะทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิดและทุกคนที่ประกอบการอธรรม ให้ออกจากพระอาณาจักร แล้วเอาไปทิ้งในกองไฟ ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง ส่วนผู้ชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ในพระอาณาจักรของพระบิดา ใครมีหูก็จงฟังเถิด”
สังฆานุกร แทรี่: เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมกําลังขับรถบนถนน ทันทีทันใด มีนกอินทรีทองตัวหนึ่งบินตัดหน้ารถผมแล้วร่อนลงบนถนนห่างจากรถผมประมาณสิบเมตร นิ่งอยู่ครู่ใหญ่แล้วทะยานตัวตีปีกขึ้นท้องฟ้า สวยงามสง่า ผมขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงประทานโอกาสนี้ให้ผม พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาสามเรื่อง ผมเป็นคนชอบทําขนม อบปัง ผมขอเทศน์เรื่องเชื้อแป้งนะครับ ในมือข้างซ้ายของผมเป็นซองพลาสติคเล็กๆบรรจุเชื้อแป้ง ( รา ส่า ยิสต์) มือขวาของผมมีถุงพลาสติคบรจุแป้ง ปริมาณสามถ้วย
สูตรการทําขนมปังหนึ่งก้อนสําหรับครอบครัวมีดังนี้ครับ: 1) เชื้อแป้ง 1 ช้อนชา 2) แป้ง สามถ้วย 3) นํ้า และ 4) เวลา
พวกฮิปปี้ยุคทศวรรษที่ 70 มีคําคมเป็นที่นิยมติดปาก: คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน ( You are what you eat)
พระเยซูเจ้าทรงเป็นเชื้อขนมปัง เมื่อเรารับพระองค์ พระองค์ทรงประทับในตัวเรา ทําให้พวกเราเป็นขนมปัง แพร่ขยายตัวทั่วโลก: ใส่เชื้อแป้งนิดๆ ความรักหน่อยๆ และ เหยาะความเห็นอกเห็นใจ คลุกเคล้ากันไป...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง ปรีชาญาณ 12:13, 16-19
เพราะนอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เอาพระทัยใส่ทุกสิ่ง และที่พระองค์จะต้องพิสูจน์ว่ามิได้ทรงตัดสินอย่างอยุติธรรม พระฤทธานุภาพของพระองค์เป็นบ่อเกิดแห่งความยุติธรรม การที่ทรงเป็นเจ้านายเหนือจักรวาลทำให้พระองค์ทรงปรานีทุกคน พระองค์ทรงสำแดงพระฤทธานุภาพแก่ผู้ที่ไม่เชื่อพระอานุภาพของพระองค์ พระองค์ทรงกำจัดความหยิ่งยโสของผู้ที่รู้จักพระองค์พระองค์ทรงพลานุภาพอย่างสมบูรณ์ จึงทรงพิพากษาอย่างอ่อนโยน ทรงปกครองข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยพระทัยปรานี เพราะพระองค์ทรงใช้พระอานุภาพตามที่พอพระทัย พระทัยปรานีของพระเจ้าต้องเป็นแบบอย่างสำหรับชาวอิสราเอล
พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เพื่อสอนประชากรของพระองค์ว่า ผู้ชอบธรรมต้องรักเพื่อนมนุษย์ พระองค์ประทานความหวังเต็มเปี่ยมแก่บรรดาบุตรของพระองค์ว่า เมื่อเขาทำบาปแล้ว พระองค์ก็ประทานโอกาสให้เขากลับใจ
บทอ่านที่สอง โรม 8:26-27
ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำที่ไม่อาจบรรยาย และพระผู้ทรงสำรวจจิตใจทรงทราบความปรารถนาของพระจิตเจ้า เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 13:24-43
พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใด’ นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วเมื่อเก็บเกี่ยว ฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’ ”
พระองค์ตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีผู้นำไปหว่านในนา และเป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งหลาย แต่เมื่อเมล็ดงอกขึ้นเป็นต้นแล้ว กลับมีขนาดโตกว่าต้นผักอื่นๆ และกลายเป็นต้นไม้ จนกระทั่งนกในอากาศมาทำรังอาศัยบนกิ่งได้”
พระองค์ยังตรัสเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้กับเชื้อแป้งที่หญิงคนหนึ่งนำมาเคล้าผสมกับแป้งสามถัง จนแป้งทั้งหมดฟูขึ้น”
พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องทั้งหมดนี้แก่ประชาชนเป็นอุปมา พระองค์ไม่ตรัสสิ่งใดกับเขาโดยไม่ใช้อุปมา
ทั้งนี้ เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกเป็นความจริงว่า เราจะเปิดปากกล่าวเป็นอุปมา เราจะกล่าวเรื่องที่ยังไม่เคยเปิดเผยตั้งแต่สร้างโลก หลังจากนั้น พระองค์ทรงแยกจากประชาชนเข้าไปในบ้าน บรรดาศิษย์จึงเข้ามาทูลว่า “โปรดอธิบายอุปมาเรื่องข้าวละมานในนาเถิด” พระองค์ตรัสว่า “ผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรแห่งมนุษย์ ทุ่งนาคือโลก เมล็ดพันธุ์ดีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย ศัตรูที่หว่านคือปีศาจ ฤดูเก็บเกี่ยวคือเวลาอวสานแห่งโลก ผู้เก็บเกี่ยวคือทูตสวรรค์ “ข้าวละมานถูกมัดเผาไฟฉันใด เวลาอวสานแห่งโลกก็จะเป็นฉันนั้น บุตรแห่งมนุษย์จะทรงใช้ทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมทุกสิ่งที่ทำให้หลงผิดและทุกคนที่ประกอบการอธรรม ให้ออกจากพระอาณาจักร แล้วเอาไปทิ้งในกองไฟ ที่นั่น จะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง ส่วนผู้ชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ในพระอาณาจักรของพระบิดา ใครมีหูก็จงฟังเถิด”
สังฆานุกร แทรี่: เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมกําลังขับรถบนถนน ทันทีทันใด มีนกอินทรีทองตัวหนึ่งบินตัดหน้ารถผมแล้วร่อนลงบนถนนห่างจากรถผมประมาณสิบเมตร นิ่งอยู่ครู่ใหญ่แล้วทะยานตัวตีปีกขึ้นท้องฟ้า สวยงามสง่า ผมขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงประทานโอกาสนี้ให้ผม พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาสามเรื่อง ผมเป็นคนชอบทําขนม อบปัง ผมขอเทศน์เรื่องเชื้อแป้งนะครับ ในมือข้างซ้ายของผมเป็นซองพลาสติคเล็กๆบรรจุเชื้อแป้ง ( รา ส่า ยิสต์) มือขวาของผมมีถุงพลาสติคบรจุแป้ง ปริมาณสามถ้วย
สูตรการทําขนมปังหนึ่งก้อนสําหรับครอบครัวมีดังนี้ครับ: 1) เชื้อแป้ง 1 ช้อนชา 2) แป้ง สามถ้วย 3) นํ้า และ 4) เวลา
พวกฮิปปี้ยุคทศวรรษที่ 70 มีคําคมเป็นที่นิยมติดปาก: คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน ( You are what you eat)
พระเยซูเจ้าทรงเป็นเชื้อขนมปัง เมื่อเรารับพระองค์ พระองค์ทรงประทับในตัวเรา ทําให้พวกเราเป็นขนมปัง แพร่ขยายตัวทั่วโลก: ใส่เชื้อแป้งนิดๆ ความรักหน่อยๆ และ เหยาะความเห็นอกเห็นใจ คลุกเคล้ากันไป...
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
วันอาทิตย์ที่ 17 ของเทศกาลธรรมดา 30 กรกฎาคม 2023 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ด ของคุณพ่อเคลเมนท์ ( Father Clement) วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
บทอ่านที่หนึ่ง 1 พงศ์กษัตริย์ 3:5, 7-12
คืนนั้น พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนในพระสุบินที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องปกครองประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นประชากรจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน ขอประทานความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครองประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำนวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้ พระยาห์เวห์พอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่ง หรือขอให้เราทำลายชีวิตของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง เราจะทำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง
บทอ่านที่สอง โรม 8:28-30
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วยเพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 13: 44-46
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา คนที่พบก็ฝังซ่อนสมบัตินั้น และยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อนาแปลงนั้น” “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้อีกกับพ่อค้าที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม เมื่อได้พบไข่มุกที่มีค่าสูง เขาจะไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อไข่มุกเม็ดนั้น”
คุณพ่อเคลเมนท์: บางคนตัดสินใจเลือกคู่ครองแล้วมีความสุขเพราะเลือกถูก บางคนตัดสินใจเลือกคู่ครองแล้วไม่มีความสุขเพราะเลือกผิด บางคนตัดสินใจเลือกงานอาชีพแล้วมีความสุข บางคนตัดสินใจเลือกงานอาชีพแล้วไม่มีความสุขเพราะเลือกผิด
การตัดสินใจมีผลตามมาเสมอ อาจจะดีและไม่ดี ไม่ใช่จะกระทบต่อตัวเองเท่านั้น มันจะกระทบถึงคู่ครอง ลูก บุคคลในครอบครัวด้วย
กบัตริย์ซาโลมอนตัดสินใจเลือกถูก พวกเราเช่นกันต้องตัดสินใจเลือกให้ถูก เมื่อพบขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ เราต้องขายทุกสิ่งที่มีและซ่อนขุมทรัพย์นั้นในหัวใจ
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)
บทอ่านที่หนึ่ง 1 พงศ์กษัตริย์ 3:5, 7-12
คืนนั้น พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่กษัตริย์ซาโลมอนในพระสุบินที่เมืองกิเบโอน พระเจ้าตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” กษัตริย์ซาโลมอนทูลตอบว่า บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ทรงตั้งข้าพเจ้าขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากดาวิดพระบิดา แต่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร ผู้รับใช้ของพระองค์ต้องปกครองประชากรที่ทรงเลือกสรร ซึ่งเป็นประชากรจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน ขอประทานความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะได้ปกครองประชากรของพระองค์อย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ถ้าพระองค์ไม่ประทาน ใครเล่าจะปกครองประชากรจำนวนมากเช่นนี้ของพระองค์ได้ พระยาห์เวห์พอพระทัยที่กษัตริย์ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ พระเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เพราะท่านได้วอนขอเช่นนี้ แทนที่จะวอนขอชีวิตยืนยาว หรือความมั่งคั่ง หรือขอให้เราทำลายชีวิตของศัตรู แต่ได้ขอความเข้าใจเพื่อจะตัดสินอย่างถูกต้อง เราจะทำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ผู้ใดไม่เคยมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง
บทอ่านที่สอง โรม 8:28-30
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วยเพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย
พระวรสาร โดยนักบุญมัทธิว 13: 44-46
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา คนที่พบก็ฝังซ่อนสมบัตินั้น และยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อนาแปลงนั้น” “อาณาจักรสวรรค์ยังเปรียบได้อีกกับพ่อค้าที่แสวงหาไข่มุกเม็ดงาม เมื่อได้พบไข่มุกที่มีค่าสูง เขาจะไปขายทุกสิ่งที่มีมาซื้อไข่มุกเม็ดนั้น”
คุณพ่อเคลเมนท์: บางคนตัดสินใจเลือกคู่ครองแล้วมีความสุขเพราะเลือกถูก บางคนตัดสินใจเลือกคู่ครองแล้วไม่มีความสุขเพราะเลือกผิด บางคนตัดสินใจเลือกงานอาชีพแล้วมีความสุข บางคนตัดสินใจเลือกงานอาชีพแล้วไม่มีความสุขเพราะเลือกผิด
การตัดสินใจมีผลตามมาเสมอ อาจจะดีและไม่ดี ไม่ใช่จะกระทบต่อตัวเองเท่านั้น มันจะกระทบถึงคู่ครอง ลูก บุคคลในครอบครัวด้วย
กบัตริย์ซาโลมอนตัดสินใจเลือกถูก พวกเราเช่นกันต้องตัดสินใจเลือกให้ถูก เมื่อพบขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ เราต้องขายทุกสิ่งที่มีและซ่อนขุมทรัพย์นั้นในหัวใจ
คุณพ่อ: พระเป็นเจ้าดี
ลูกวัด: ตลอดเวลา
คุณพ่อ: ตลอดเวลา
ลูกวัด: พระเป็นเจ้าดี
(อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์ด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา อ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
http://www.newmana.com/phpbb/viewforum.php?f=8 ใต้หัวข้อ บทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของมิสซาวันอาทิตย์ โพสต์โดย Yan Agape)