จิ๊กซอตัวที่สี่ :-[ ภาระหนักที่ต้องรับแบก - ความภาคภูมิใจในชีวิต :D
ถึงแม้ว่าชีวิตผมจะลำบาก แต่พระเมตตาของพระก็ประทานมาให้ผมอย่างสม่ำเสมอ ณ เวลานี้ผมเรียนจบปริญญาตรีแล้วครับ เป็นความสำเร็จที่ใฝ่ฝัน รอคอย มานานแสนนาน จุดหมายต่อไปคือ การเรียนต่อปริญญาโท ผมได้สมัครเรียนต่อ มศธ. เนื่องจากเรียนทางไปรษณีย์ อ่านหนังสือและก็ไปสอบ ซึ่งสามารถทำงานปกติได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ใครหลายคนคงไม่เคยทำ... ก็วันรับปริญญาของผม ผมไม่ได้บอกให้ใครทราบเลยแม้คนเดียว พ่อ แม่ และเพื่อนฝูง เพราะผมไม่สามารถลางานได้เนื่องจากไม่มีครูสอนแทน และถ้าพ่อ แม่มา ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ ต้องหาที่พักและต้องคอยดูแล วันนั้นอะไรก็ดูฉุกละหุกไปเสียทุกเรื่อง ผมมีเวลาว่างตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่าย 2 จากนั้นมีคาบสอนถึงเย็น ผมเดินทางไปตามเวลาและรีบกลับมาทันคาบสอนพอดิบพอดี ตื่นเต้น เร้าใจ หัวใจแทบวาย เวลาดูฉิวเฉียดตลอด เหงื่อยโชกทั้งวันครับ... แต่ความดีใจมีมากกว่าหลายร้อยเท่าครับ เวลาผ่านไปจนถึงช่วงปิดเทอมพอมีเวลาว่าง ผมเลยขอให้พ่อกับแม่ลงมาที่กรุงเทพฯ มีผม พ่อ แม่ ซิสเตอร์ทั้งสามท่านและเพื่อนฝูงอีก 4-5 คน เราไปถ่ายรูปร่วมกันในชุดครุยปริญญา บรรยากาศเหมือนวันรับปริญญาไม่ผิดเพี้ยน จากนั้นก็ไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหาร และก็ไปต่อกับเพื่อนๆ ที่คาราโอเกะ ทุกคนร่วมชื่นชมยินดีในความสำเร็จของผม
เคล็ดลับที่ไม่ลับสำหรับการเรียนให้จบของผมก็คือ เนื่องจากผมไม่ได้เรียนในชั่วโมงสอนปกติเหมือนคนอื่นเขา ผมได้แต่ซื้อเนื้อหาสรุปและข้อสอบเก่าในแต่ละปีมาอ่าน วิธีการอ่านให้จำของผมคือ อ่านแค่รอบเดียวแล้วอัดเทปไว้ จากนั้นก็เปิดฟังได้ในทุกกิจกรรมที่สามารถ เช่น เปิดฟังขณะเข้ารถไปกลับ กินข้าว อาบน้ำ ตรวจงานนักเรียน ทุกเวลาที่ว่างจากการสอนก็ว่าได้ครับ ผมสามารถเปิดฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ตามความพอใจ เชื่อมั้ยครับว่า จำได้แทบทุกข้อ และก็ประสบความสำเร็จมากกว่า 60 % แค่นี้ผมก็รู้สึกภูมิใจแล้วครับ ส่วนวิธีการลงทะเบียนนั้น ในแต่ละภาคเรียนผมจะลงเต็มจำนวนหน่วยกิจที่กำหนด แต่ผมจะอ่านหนังสือด้วยวิธีดังกล่าวแค่ครึ่งเดียว เช่น ลง 6 วิชา แต่จะอ่านแค่ 3-4 วิชา เพราะอ่านน้อยวิชาความแม่นยำก็มากว่า ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ตก ไม่ซีเรียสครับ เพราะสามารถลงสอบซ่อมได้ในเทอมเดียวกัน และก็เต็มที่อีกครั้งในการเตรียมตัวสอบซ่อม สำหรับผมคิดว่าวิธีนี้ทำให้ผมไม่เครียดมากนัก และที่สุดในแต่ละเทอมก็ผ่านทุกรายวิชา นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะนำไปใช้ได้ ไม่สงวนสิทธิ์ และไม่ขอบอกว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่วิธีนี้ทำให้ผมเรียนจบภายใน 3 ปีครึ่ง ซึ่งถือว่า OK สำหรับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะว่าบางคนเรียนถึง 7-8 ปี ยังเรียนไม่จบเลยครับ
ชีวิตความเป็นครูสำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องที่หนักมาก เพราะต้องเรียนรู้ นิสัยใจคอของเด็กแต่ละคน ยิ่งได้เป็นเป็นประธานสาระการเรียนรู้ คณะกรรมการในโรงเรียนและยังต้องเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยแล้วยิ่งหนักกว่าครูธรรมดาหลายเท่า เพราะเด็กในความรับผิดชอบที่ผมประจำชั้นอยู่ก็ประมาณ 48 คน และต้องสอนอีก 8 ห้องเรียน เยอะมั้ยครับ... เมื่อศึกษาเรียนรู้นิสัย ความประพฤตินักเรียนแล้วต้องนำมาประเมินผลเพื่อหาแนวทางแก้ไข ปรับปรุง ประคับประคอง ช่วยเหลือนักเรียนให้ดีขึ้น สำหรับนักเรียนในความปกครองของผมมาจากหลายหลายครอบครัว ฐานะ อาชีพของผู้ปกครองแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่นักเรียนมักมีปัญหาครอบครัวแตกแยก พฤติกรรมบางอย่างจึงดูก้าวร้าว เงียบขรึม ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากนักเรียนปกติทั่วไป การเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตการเป็นนักเรียน หน้าที่ของครูคือต้องเข้มงวด กวดขันเป็นพิเศษ ผมทุ่มเทแรงกายแรงใจและเวลาในการสอนอย่างเต็มที่ เตรียมสื่อการสอนที่ดีและเพียงพอ ยอมรับครับว่าต้องลงทุนจากกระเป๋าตัวเอง ลงแรงทำสื่อเอง บางเนื้อหาที่สอนเกือบพัน นักเรียนส่วนใหญ่มักคิดว่าโรงเรียนมีสื่อและงบให้ครู แต่เปล่าเลยทุกอย่างเป็นความกระตือรือร้นและการทุ่มเทของครูแต่ละคน (ที่อื่นผมไม่ทราบ เพราะอาจจะมีให้จริงๆ)
ภาษิตกล่าวไว้ว่า "ครูเปรียบเหมือนเรือจ้าง" ซึ่งความหมายนี้ก็คงจะไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ นักเรียนเปรียบเหมือนผู้โดยสาร ครูผู้ทำหน้าที่พายเรือก็ต้องนำทุกคนไปถึงฝั่งด้วยความปลอดภัย ระหว่างทางเมื่อเกิดปัญหา ครูต้องคอยแก้ไขและประคับประคองจนถึงจุดหมาย สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาต้องติดตามเป็นพิเศษและคอยช่วยเหลือ บางคนความประพฤติดีแต่ไม่มีเงินเรียน เสริมพิเศษผมจำเป็นต้องสนับสนุนให้นักเรียนมีโฮกาส พูดง่ายๆ คือ..จ่ายให้... บางคนมีเงินมาโรงเรียนจำกัดซื้อได้เฉพาะอาหารกลางวัน บ่อยครั้งที่ต้องคอยซื้อขนมมาแจกให้นักเรียน นักเรียนบางคนติดค่าเทอมหลายเทอมก็จำเป็นที่ต้องวิ่งหาทุนมาสนับสนุนนักเรียนจากผู้ปกครองท่านอื่นที่รู้จัก และจากทุนที่โรงเรียนมี ยื่นขอผ่อนผันจากทางโรงเรียนให้บ้างแล้วแต่กรณี เหตุผลที่ต้องทำไปทั้งหมด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่จำเป็นต้องทำเพราะผมรู้ดีว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน หลายต่อหลายครั้งที่ผมจะช่วยเหลือผผู้ด้อยโอกาสและขัดสนดังที่เราจะเห็นได้จากโทรทัศน์ บอกไว้ก่อนนะครับว่า ไม่ได้อวดรวย... แต่ละรายบอกได้เลยครับว่าไม่ได้มากมายอะไร รายละร้อยสองร้อย ซึ่งผมระลึกเสมอว่า