ตัวอย่างบทประจำมิสซาสมัยก่อน
เนื่องจากบทประจำมิสซาจะสมัยไหนก็ยาวด้วยกันทั้งสิ้น อิฉันจนใจที่จะนำมานำเสนอทั้งหมด จึงขอนำเสนอเพียงบางส่วนที่อิฉันเองคิดว่าน่าสนใจค่ะ
ที่เชิงพระแท่น
เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน ข้าพเจ้าจะเข้าไปยังพระแท่นของพระเป็นเจ้า
ตอบ ผู้ทรงทำให้วัยรุ่นของข้าพเจ้าราบรื่น
เดชะพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน ข้าพเจ้าจะเข้าไปยังพระแท่นของพระเป็นเจ้า
ตอบ ผู้ทรงทำให้วัยรุ่นของข้าพเจ้าราบรื่น
แล้วก็สวดไปอีกมากมายกว่าพระสงฆ์จะได้ขึ้นพระแท่น ( นานมากขอบอก )
พระสงฆ์ขึ้นพระแท่น
ข้าแต่พระสวามีเจ้า ขอวิงวอนพระองค์ โปรดยกบาปต่างๆของเรา เพื่อให้เรามีจิตใจบริสุทธิ์สมที่จะเข้ามาเฝ้าพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เดชะพระสวามีเยซูคริสตเจ้าของเรา อาแมน
ปัจจุบันพระสงฆ์จูบพระแท่นจูบปั๊บหรือไหว้ปั๊บก็จบ แต่สมัยก่อนมีสวดร่วมไปด้วย ดังนี้ค่ะ
พระสงฆ์จูบพระแท่น
ข้าแต่พระสวามีเจ้า เดชะบุญกุศลของบรรดานักบุญซึ่งพระธาตุของท่านอยู่ที่นี้ และของนักบุญอื่นๆ โปรดยกบาปทั้งมวลของข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน
พระสงฆ์ขึ้นพระแท่น
ข้าแต่พระสวามีเจ้า ขอวิงวอนพระองค์ โปรดยกบาปต่างๆของเรา เพื่อให้เรามีจิตใจบริสุทธิ์สมที่จะเข้ามาเฝ้าพระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เดชะพระสวามีเยซูคริสตเจ้าของเรา อาแมน
ปัจจุบันพระสงฆ์จูบพระแท่นจูบปั๊บหรือไหว้ปั๊บก็จบ แต่สมัยก่อนมีสวดร่วมไปด้วย ดังนี้ค่ะ
พระสงฆ์จูบพระแท่น
ข้าแต่พระสวามีเจ้า เดชะบุญกุศลของบรรดานักบุญซึ่งพระธาตุของท่านอยู่ที่นี้ และของนักบุญอื่นๆ โปรดยกบาปทั้งมวลของข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน
จากนั้นต้องสวดบทอัญเชิญ ( Introitus ) ก่อน โดยไปข้างเอปิสตอลา สวดบทอัญเชิญประจำวันนั้น แล้วถึงกลับมาที่กลางพระแท่น
แล้วก็มีบทกีรีเอ กลอรีอา บทจดหมาย บทอันดับ บทอัลเลลูยา ก่อนอ่านพระวรสาร พระสงฆ์กลับมาอยู่ตรงกลางพระแท่นแล้วสวดดังนี้
ข้าแต่พระเป็นเจ้าทรงสรรพานุภาพ โดยชำระดวงใจและริมฝีปากของข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์ แต่ปางก่อน พระองค์เคยใช้ถ่านไฟเผาริมฝีปากของปรอเฟตาอีซายให้บริสุทธิ์ ขอโปรดกรุณาชำระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์ เพื่อสามารถประกาศพระวรสารของพระองค์โดยเหมาะสม เดชะพระสวามีเยซูคริสตเจ้า อาแมน
ข้าแต่พระสวามีเจ้า โปรดอำนวยพระพรแก่ข้าพเจ้า เพื่อประกาศพระวรสารโดยเหมาะสม อาแมน
จะเห็นได้ว่า กว่าจะอ่านพระวรสาร ก็ใช้เวลานานโขอยู่ จะอ่านเลยไม่ได้ ต้องสวดกันก่อน ส่วนชื่อปรอเฟตาอีซายนั้น เป็นศัพท์สมัยก่อน ปรอเฟตา ก็คือ prophet หรือ ประกาศก อีซาย ก็คือ อีซาอียา หรือ อิสยาห์นั่นเอง เราคงจำกันได้ว่า เมื่อท่านได้รับการเรียกจากพระเป็นเจ้า ท่านบอกว่าท่านปากไม่บริสุทธิ์ ปากท่านมีมลทิน
ข้าแต่พระเป็นเจ้าทรงสรรพานุภาพ โดยชำระดวงใจและริมฝีปากของข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์ แต่ปางก่อน พระองค์เคยใช้ถ่านไฟเผาริมฝีปากของปรอเฟตาอีซายให้บริสุทธิ์ ขอโปรดกรุณาชำระข้าพเจ้าให้บริสุทธิ์ เพื่อสามารถประกาศพระวรสารของพระองค์โดยเหมาะสม เดชะพระสวามีเยซูคริสตเจ้า อาแมน
ข้าแต่พระสวามีเจ้า โปรดอำนวยพระพรแก่ข้าพเจ้า เพื่อประกาศพระวรสารโดยเหมาะสม อาแมน
จะเห็นได้ว่า กว่าจะอ่านพระวรสาร ก็ใช้เวลานานโขอยู่ จะอ่านเลยไม่ได้ ต้องสวดกันก่อน ส่วนชื่อปรอเฟตาอีซายนั้น เป็นศัพท์สมัยก่อน ปรอเฟตา ก็คือ prophet หรือ ประกาศก อีซาย ก็คือ อีซาอียา หรือ อิสยาห์นั่นเอง เราคงจำกันได้ว่า เมื่อท่านได้รับการเรียกจากพระเป็นเจ้า ท่านบอกว่าท่านปากไม่บริสุทธิ์ ปากท่านมีมลทิน
แล้วก็สวดบทเกรโด หรือบทแสดงความเชื่อ ที่อิฉันคิดว่ายาวกว่าที่เราสวดกันในปัจจุบัน
จากนั้นก็ถึงภาคถวาย ก็สวดกันอีกนานกว่าจะล้างมือ เมื่อพระสงฆ์ล้างมือ ท่านจะสวดว่า
ข้าแต่พระสวามีเจ้า ข้าพเจ้าล้างมือในท่ามกลางผู้นิรมล และข้าพเจ้าเข้าใกล้พระแท่นของพระองค์ เพื่อฟังเสียงสรรเสริญพระองค์ และเพื่อเล่าสิ่งแปลกประหลาดของพระองค์ พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักความสวยงามแห่งพระวิหาร ซึ่งพระสิริมงคลของพระองค์สถิตอยู่
( พระสงฆ์อยู่ข้างเอปิสตอลา )
พระเจ้าข้า โปรดอย่าให้วิญญาณข้าพเจ้าเสียไปกับพวกอธรรม ทั้งอย่าให้ชีวิตข้าพเจ้าเสียไปกับมนุษย์บ้าเลือด มือของเขาทำแต่ความชั่ว มือขวาของเขาเต็มไปด้วยของกำนัล ส่วนข้าพเจ้าก็ได้ประพฤติตนอย่างบริสุทธิ์ใจ ขอพระองค์ทรงปรานียกบาปข้าพเจ้าด้วย พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าดำรงอยู่ในความสุจริต ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ในท่ามกลางสัตบุรุษทั้งหลาย
แล้วก็สวดอีกมากมาย ยาวจริงๆ แล้วจึงหันมาหาสัตบุรุษ ขอให้สัตบุรุษภาวนาขอพระเจ้าทรงรับเครื่องบูชาในลักษณะที่เราสวดกันในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า แค่ล้างมือ ก็สวดกันนานมาก ไม่เหมือนในปัจจุบัน จะสวดสักสองสามประโยคเท่านั้น
จากนั้นก็ถึงภาคถวาย ก็สวดกันอีกนานกว่าจะล้างมือ เมื่อพระสงฆ์ล้างมือ ท่านจะสวดว่า
ข้าแต่พระสวามีเจ้า ข้าพเจ้าล้างมือในท่ามกลางผู้นิรมล และข้าพเจ้าเข้าใกล้พระแท่นของพระองค์ เพื่อฟังเสียงสรรเสริญพระองค์ และเพื่อเล่าสิ่งแปลกประหลาดของพระองค์ พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้ารักความสวยงามแห่งพระวิหาร ซึ่งพระสิริมงคลของพระองค์สถิตอยู่
( พระสงฆ์อยู่ข้างเอปิสตอลา )
พระเจ้าข้า โปรดอย่าให้วิญญาณข้าพเจ้าเสียไปกับพวกอธรรม ทั้งอย่าให้ชีวิตข้าพเจ้าเสียไปกับมนุษย์บ้าเลือด มือของเขาทำแต่ความชั่ว มือขวาของเขาเต็มไปด้วยของกำนัล ส่วนข้าพเจ้าก็ได้ประพฤติตนอย่างบริสุทธิ์ใจ ขอพระองค์ทรงปรานียกบาปข้าพเจ้าด้วย พระสวามีเจ้าข้า ข้าพเจ้าดำรงอยู่ในความสุจริต ข้าพเจ้าจะถวายพระพรแด่พระองค์ในท่ามกลางสัตบุรุษทั้งหลาย
แล้วก็สวดอีกมากมาย ยาวจริงๆ แล้วจึงหันมาหาสัตบุรุษ ขอให้สัตบุรุษภาวนาขอพระเจ้าทรงรับเครื่องบูชาในลักษณะที่เราสวดกันในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า แค่ล้างมือ ก็สวดกันนานมาก ไม่เหมือนในปัจจุบัน จะสวดสักสองสามประโยคเท่านั้น
แล้วพิธีก็ดำเนินต่อไป ยาวมากค่ะ ยาวจนอิฉันโพสต์ไม่ไหว ก่อนจบพิธีจะมีพระวรสารสุดท้ายด้วยนะคะ แล้วจึงจบพิธี
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
แล้วเจ๊เบล เป็นคนสมัยก่อน หรือสมัยนี้ อะกั๊บ
8) :o
8) :o
น้องเจี๊ยบไวมากเลยนะคะJeab Agape เขียน:
แล้วเจ๊เบล เป็นคนสมัยก่อน หรือสมัยนี้ อะกั๊บ
8) :o
- lovejesus(cap)
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 17, 2006 7:15 pm
เอปิสตอลา คืออะไรครับ ???
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Jeab Agape เขียน:
แล้วเจ๊เบล เป็นคนสมัยก่อน หรือสมัยนี้ อะกั๊บ
8) :o
:o :o กำลังจะถามพี่หญิงเบลเหมือนกันอ่ะคะ อายุคงประมาณไหนดีหนอ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ พ.ค. 06, 2006 11:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
คงไม่น้อยอ่ะครับ ผมว่า ;D:+: seraphim :+: เขียน:Jeab Agape เขียน:
แล้วเจ๊เบล เป็นคนสมัยก่อน หรือสมัยนี้ อะกั๊บ
8) :o
:o :o กำลังจะถามพี่หญิงเบลเหมือนกันอ่ะคะ อายุคงประมาณไหนดีหนอ