☆เด็กที่พระเจ้าทรงใช้1---ขนมปัง 5 ก้อน และปลา 2 ตัว ของเด็กช
เด็กชายโยชัว วันนั้นออกไปหางานรายวัน เพื่อช่วยแม่ซึ่งเพิ่งเป็นหม้ายสามีตาย วันนั้นเป็นวันที่ค่อนข้างประหลาด เพราะเจ้าของงานไม่อยู่ สอบถามรู้ว่า เขาเหล่านั้นออกไปนอกเมือง ติดตามฟังการเทศน์สอน ของผู้ที่เขาโจษขานกันว่าเป็นประกาศก(prophet)ท่านหนึ่ง
โยชัวกลับมาที่บ้านด้วยความไม่สบายใจ ที่ไม่สามารถนำอาหารกลับมาบ้านให้คุณแม่ได้ แต่คุณแม่บอกว่า "ไม่เป็นไร นี่ เหรียญสองเหรียญ ลูกออกไปซื้ออาหารเย็นนี้และสำหรับวันต่อไปด้วย"
โยชัว วิ่งออกไปด้วยความโล่งอก ไปหาซื้อขนมปังได้ 5 ก้อน ปลา 2 ตัว เดินชมวิวตามทางกลับบ้าน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ฟังมาเช้านี้ก็อยากจะเลี่ยงแวะไปที่เนินเขา เพื่ออยากรู้ว่าประกาศกท่านนั้นพูดสอนเรื่องอะไร
พอไปถึงก็เห็นกลุ่มคนกำลังลุกจับกลุ่มเป็นวงหลายกลุ่มทีเดียว และเห็นชายผู้ติดตามท่านประกาศกหลายคนเดินแวะตามกลุ่ม ถามหาอะไรก็ไม่รู้ พอดีคนหนึ่งเดินมาใกล้ตัว และเมื่อเห็นขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัว ก็รีบกลับไปรายงานท่านประกาศก
สักครู่เขาก็กลับมาหาตน ขอขนมปังและปลา โยชัวปฎิเสธบอกว่า เป็นอาหารของบ้านของคุณแม่ของตน ในใจคิดว่า ถ้าให้ไปคงโดนดุแน่ๆเลย วันนี้หางานทำยังไม่ได้เลยและแถมเงินที่คุณแม่ให้มาซื้ออาหารกำลังจะถูกยึดไป
แต่ในที่สุดไม่ทราบว่ามีอะไรดลใจ โยชัวก็ยอม จึงเดินไปตามชายคนนั้นไปหาผู้ที่พวกเขาเรียกว่า อาจารย์
และหลังจากนั้น โยชัวก็ยืนนิ่งเป็นพยานเหตุการณ์ที่ตนไม่คาดคิด ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นอัศจรรย์แท้ ๆ
ขณะที่ตนนำเศษอาหาร ขนมปังและปลา 12 ตะกร้า กลับบ้าน โยชัวคิดว่าจะหาคำตอบจะหาคำอธิบายอย่างไร คุณแม่จึงจะเชื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา คงถูกคุณแม่ดุว่าโกหก ไปขโมยของจากที่ไหนอีกละซี การหาคำตอบให้คุณแม่เชื่อในข้อนี้คงยากมาก แต่คงไม่ยากเท่ากับการหาคำตอบสำหรับคำถามอีกข้อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองก่อนถึงบ้านว่า ถ้าหากตนไม่ยอมให้ขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัว นั้นแก่ อาจารย์ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เด็กน้อยโยชัวไม่กล้าคิด
แต่ความจริงก็คือเมื่อเขาได้ให้ เขากลับได้รับตอบแทนกลับมาเป็นร้อยเท่า
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น บทที่ 6:1-15 พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ทวีขนมปัง
หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลี หรือทีเบเรียส ประชาชนจำนวนมากตามพระองค์ไป เพราะเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำแก่ผู้เจ็บป่วย พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขา ประทับที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์
ขณะนั้นใกล้จะถึงวันฉลองปัสกาของชาวยิว พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้า จึงตรัสแก่ฟิลิปว่า “พวกเราจะซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน” พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรงทำประการใด ฟิลิปทูลตอบว่า “ขนมปังสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ไม่พอ” ศิษย์อีกคนหนึ่งคือ อันดรูว์ น้องของซีโมน เปโตร ทูลว่า ”เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว ขนมปังและปลาเพียงเท่านี้จะพออะไรสำหรับคนจำนวนมากเช่นนี้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงบอกประชาชนให้นั่งลงเถิด” ที่นั่น มีหญ้าขึ้นอยู่ทั่วไป เขาจึงนั่งลง นับจำนวนผู้ชายได้ถึงห้าพันคน พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึ้น ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ พระองค์ทรงกระทำเช่นเดียวกันกับปลา เมื่อคนทั้งหลายอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงเก็บเศษขนมปังที่เหลือ อย่าให้สิ่งใดสูญไปเปล่า ๆ” บรรดาศิษย์จึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือนั้น ได้สิบสองกระบุง
แล้วถ้าเป็นเรา จะทำเหมือนโยชัว หรือไม่............................
โยชัวกลับมาที่บ้านด้วยความไม่สบายใจ ที่ไม่สามารถนำอาหารกลับมาบ้านให้คุณแม่ได้ แต่คุณแม่บอกว่า "ไม่เป็นไร นี่ เหรียญสองเหรียญ ลูกออกไปซื้ออาหารเย็นนี้และสำหรับวันต่อไปด้วย"
โยชัว วิ่งออกไปด้วยความโล่งอก ไปหาซื้อขนมปังได้ 5 ก้อน ปลา 2 ตัว เดินชมวิวตามทางกลับบ้าน แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ฟังมาเช้านี้ก็อยากจะเลี่ยงแวะไปที่เนินเขา เพื่ออยากรู้ว่าประกาศกท่านนั้นพูดสอนเรื่องอะไร
พอไปถึงก็เห็นกลุ่มคนกำลังลุกจับกลุ่มเป็นวงหลายกลุ่มทีเดียว และเห็นชายผู้ติดตามท่านประกาศกหลายคนเดินแวะตามกลุ่ม ถามหาอะไรก็ไม่รู้ พอดีคนหนึ่งเดินมาใกล้ตัว และเมื่อเห็นขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัว ก็รีบกลับไปรายงานท่านประกาศก
สักครู่เขาก็กลับมาหาตน ขอขนมปังและปลา โยชัวปฎิเสธบอกว่า เป็นอาหารของบ้านของคุณแม่ของตน ในใจคิดว่า ถ้าให้ไปคงโดนดุแน่ๆเลย วันนี้หางานทำยังไม่ได้เลยและแถมเงินที่คุณแม่ให้มาซื้ออาหารกำลังจะถูกยึดไป
แต่ในที่สุดไม่ทราบว่ามีอะไรดลใจ โยชัวก็ยอม จึงเดินไปตามชายคนนั้นไปหาผู้ที่พวกเขาเรียกว่า อาจารย์
และหลังจากนั้น โยชัวก็ยืนนิ่งเป็นพยานเหตุการณ์ที่ตนไม่คาดคิด ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นอัศจรรย์แท้ ๆ
ขณะที่ตนนำเศษอาหาร ขนมปังและปลา 12 ตะกร้า กลับบ้าน โยชัวคิดว่าจะหาคำตอบจะหาคำอธิบายอย่างไร คุณแม่จึงจะเชื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา คงถูกคุณแม่ดุว่าโกหก ไปขโมยของจากที่ไหนอีกละซี การหาคำตอบให้คุณแม่เชื่อในข้อนี้คงยากมาก แต่คงไม่ยากเท่ากับการหาคำตอบสำหรับคำถามอีกข้อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองก่อนถึงบ้านว่า ถ้าหากตนไม่ยอมให้ขนมปัง 5 ก้อน ปลา 2 ตัว นั้นแก่ อาจารย์ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะเป็นอย่างไรบ้าง เด็กน้อยโยชัวไม่กล้าคิด
แต่ความจริงก็คือเมื่อเขาได้ให้ เขากลับได้รับตอบแทนกลับมาเป็นร้อยเท่า
พระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น บทที่ 6:1-15 พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ทวีขนมปัง
หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จข้ามทะเลสาบกาลิลี หรือทีเบเรียส ประชาชนจำนวนมากตามพระองค์ไป เพราะเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำแก่ผู้เจ็บป่วย พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขา ประทับที่นั่นพร้อมกับบรรดาศิษย์
ขณะนั้นใกล้จะถึงวันฉลองปัสกาของชาวยิว พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้า จึงตรัสแก่ฟิลิปว่า “พวกเราจะซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน” พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรงทำประการใด ฟิลิปทูลตอบว่า “ขนมปังสองร้อยเหรียญแจกให้คนละนิดก็ไม่พอ” ศิษย์อีกคนหนึ่งคือ อันดรูว์ น้องของซีโมน เปโตร ทูลว่า ”เด็กคนหนึ่งที่นี่มีขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนกับปลาสองตัว ขนมปังและปลาเพียงเท่านี้จะพออะไรสำหรับคนจำนวนมากเช่นนี้” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “จงบอกประชาชนให้นั่งลงเถิด” ที่นั่น มีหญ้าขึ้นอยู่ทั่วไป เขาจึงนั่งลง นับจำนวนผู้ชายได้ถึงห้าพันคน พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปังขึ้น ทรงขอบพระคุณพระเจ้า แล้วทรงแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่นั่งอยู่ตามที่เขาต้องการ พระองค์ทรงกระทำเช่นเดียวกันกับปลา เมื่อคนทั้งหลายอิ่มแล้ว พระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงเก็บเศษขนมปังที่เหลือ อย่าให้สิ่งใดสูญไปเปล่า ๆ” บรรดาศิษย์จึงเก็บเศษขนมปังบาร์เลย์ห้าก้อนที่เหลือนั้น ได้สิบสองกระบุง
แล้วถ้าเป็นเรา จะทำเหมือนโยชัว หรือไม่............................
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 10, 2008 9:36 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
โยชัว ได้รับพระหรรษทานเป็นพิเศษ
ให้มีโอกาสได้รู้จักพระเยซู
เขาเดินผ่านมา ไม่ได้รู้อะไรเลย
แต่มีคนมาตามเขาไปหาพระองค็
ในบอร์ดนี้มีโยชัวหลายคนมากๆ พี่น้องในบอร์ดนี้
เขาเดินไปเดินมา และมีโอกาสได้รู้จักพระองค์
และได้กลับใจมาติดตามพระองค์
อ้อคุณ HOLY โยชัวได้มาติดตามพระองค์เหมือน
พี่น้องในบอร์ดนี้ไหม
ให้มีโอกาสได้รู้จักพระเยซู
เขาเดินผ่านมา ไม่ได้รู้อะไรเลย
แต่มีคนมาตามเขาไปหาพระองค็
ในบอร์ดนี้มีโยชัวหลายคนมากๆ พี่น้องในบอร์ดนี้
เขาเดินไปเดินมา และมีโอกาสได้รู้จักพระองค์
และได้กลับใจมาติดตามพระองค์
อ้อคุณ HOLY โยชัวได้มาติดตามพระองค์เหมือน
พี่น้องในบอร์ดนี้ไหม
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ถ้าเป็นผมก็ทำครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมก็อยากให้ครอบครัวติดตามพระองค์เหมือนกัน สวดทุกวันเลย
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Batholomew เขียน: ผมก็อยากให้ครอบครัวติดตามพระองค์เหมือนกัน สวดทุกวันเลย
พระฟังคำอ้อนวอนของมิวอยู่แล้วจ๊ะ แต่เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลานะจ๊ะ สู้ๆ จ้า
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ครับ สู้ ๆ อยู่แล้วครับ:+: seraphim :+: เขียน:Batholomew เขียน: ผมก็อยากให้ครอบครัวติดตามพระองค์เหมือนกัน สวดทุกวันเลย
พระฟังคำอ้อนวอนของมิวอยู่แล้วจ๊ะ แต่เรื่องบางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลานะจ๊ะ สู้ๆ จ้า
ขอบคุณครับ
ในยุคของเรานี้
บางครั้ง เราคือผู้ต่ำต้อยน้อยนิด และเราอาจไม่ได้มีทรัยพ์สินมากมายที่จะถวายหรือบริจาค แต่ที่จริง พระองค์ขอเราเสมอ ไม่ว่าจะขอความสามารถ ที่อาจไม่มากมายและไม่ได้ดีนักของเรา ขอการเสียสละเวลา และอำเภอใจของเรา หรือขอการรับใช้จากความสามารถอันมีแต่ข้อบกพร่องของเรา และเมื่อพระองค์ขอ ก็ทรงต้องการให้เราให้ทั้งหมด เช่นเดียวกับเด็กคนนี้ ที่ให้ทั้งหมดที่เขามี แม้มันจเป็นเพียงของพื้นๆและน้อยนิดมากก็ตาม แล้วพระองค์ ก็ทรงกระทำการทวีมันกลับไปให้เขามากกว่าที่เขาจะคาดคิดได้
อฟ 3:19
ท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพที่แสดงพลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด
แต่หลายๆครั้ง เรามักปฏิเสธที่จะให้ทั้งหมด อาจด้วยข้ออ้างว่าเรามีน้อยอยู่แล้ว หรืออ้างว่า เราไม่มีความสามารถ หรือสิ่งที่พระองค์ขอจากเรานั้นไม่ได้ดูดีงามมีคุณค่าอะไร จึงไม่สมควรให้ บางคนปฎิเสธที่จะให้ทั้งหมด เพราะ"กลัวจะสูญเสีย" จึงขอขยักไว้บ้าง บางคนปฎิเสธเพราะกลัวความลำบาก และจะสูญเสียความสุขสบายไป หรือหนักกว่านั้นบางคนเคยชินกับการที่เป็นฝ่ายขอจากพระ โดยไม่เคยคิดจะให้ และไม่เข้าใจว่าพระเจ้าจะมาเป็นผู้ขอตัวเองทำไม
แล้วสุดท้ายเขาก็พบว่า พระเจ้าอาจทรงรับเท่าที่อำเภอใจของคนๆนั้นจะให้และทรงทวีกลับเท่าสัดส่วนนั้นเช่นกัน จนคนๆนั้นต้องมานึกเสียดายภายหลังว่าหวงแหน "อำเภอใจ" หรืออะไรบางอย่างของตนไปเพื่ออะไร
หรือยิ่งกว่านั้น พระองค์อาจ "ปฏิเสธ" เศษที่เขาไม่ได้ยอมให้ทั้งหมดนั้น อันนำมาซึ่งความ"พลาดบำเน็จยิ่งใหญ่"อันเจ็บปวดที่โทษใครไม่ได้
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทำให้สิ่งน้อยนิดกลายเป็นสิ่งมหาศาลและทรงทำการริบสิ่งที่ดูมีมากมายให้หายไปหมดเสียก็ได้
ดังนี้แล้วเมื่อเวลาที่พระองค์ทรงเอ่ยขอบางสิ่งจากเราเพื่อทำให้มันดีและมีมากขึ้น
เราจะให้ทั้งหมดที่มีหรือไม่...
บางครั้ง เราคือผู้ต่ำต้อยน้อยนิด และเราอาจไม่ได้มีทรัยพ์สินมากมายที่จะถวายหรือบริจาค แต่ที่จริง พระองค์ขอเราเสมอ ไม่ว่าจะขอความสามารถ ที่อาจไม่มากมายและไม่ได้ดีนักของเรา ขอการเสียสละเวลา และอำเภอใจของเรา หรือขอการรับใช้จากความสามารถอันมีแต่ข้อบกพร่องของเรา และเมื่อพระองค์ขอ ก็ทรงต้องการให้เราให้ทั้งหมด เช่นเดียวกับเด็กคนนี้ ที่ให้ทั้งหมดที่เขามี แม้มันจเป็นเพียงของพื้นๆและน้อยนิดมากก็ตาม แล้วพระองค์ ก็ทรงกระทำการทวีมันกลับไปให้เขามากกว่าที่เขาจะคาดคิดได้
อฟ 3:19
ท่านจะได้รับความไพบูลย์ทั้งปวงของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ขอพระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้า ผู้ทรงกระทำทุกอย่างได้ตามพระอานุภาพที่แสดงพลังอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราอาจขอหรือคาดคิด
แต่หลายๆครั้ง เรามักปฏิเสธที่จะให้ทั้งหมด อาจด้วยข้ออ้างว่าเรามีน้อยอยู่แล้ว หรืออ้างว่า เราไม่มีความสามารถ หรือสิ่งที่พระองค์ขอจากเรานั้นไม่ได้ดูดีงามมีคุณค่าอะไร จึงไม่สมควรให้ บางคนปฎิเสธที่จะให้ทั้งหมด เพราะ"กลัวจะสูญเสีย" จึงขอขยักไว้บ้าง บางคนปฎิเสธเพราะกลัวความลำบาก และจะสูญเสียความสุขสบายไป หรือหนักกว่านั้นบางคนเคยชินกับการที่เป็นฝ่ายขอจากพระ โดยไม่เคยคิดจะให้ และไม่เข้าใจว่าพระเจ้าจะมาเป็นผู้ขอตัวเองทำไม
แล้วสุดท้ายเขาก็พบว่า พระเจ้าอาจทรงรับเท่าที่อำเภอใจของคนๆนั้นจะให้และทรงทวีกลับเท่าสัดส่วนนั้นเช่นกัน จนคนๆนั้นต้องมานึกเสียดายภายหลังว่าหวงแหน "อำเภอใจ" หรืออะไรบางอย่างของตนไปเพื่ออะไร
หรือยิ่งกว่านั้น พระองค์อาจ "ปฏิเสธ" เศษที่เขาไม่ได้ยอมให้ทั้งหมดนั้น อันนำมาซึ่งความ"พลาดบำเน็จยิ่งใหญ่"อันเจ็บปวดที่โทษใครไม่ได้
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทำให้สิ่งน้อยนิดกลายเป็นสิ่งมหาศาลและทรงทำการริบสิ่งที่ดูมีมากมายให้หายไปหมดเสียก็ได้
ดังนี้แล้วเมื่อเวลาที่พระองค์ทรงเอ่ยขอบางสิ่งจากเราเพื่อทำให้มันดีและมีมากขึ้น
เราจะให้ทั้งหมดที่มีหรือไม่...
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.ค. 31, 2006 5:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ในช่วงมหาพรตนี้ ผมจะนำเสนอเรื่องราวของเด็ก12คนที่พระเจ้าทรงใช้พวกเขาในราชกิจของพระองค์ และพวกเขาตอบรับกระแสเรียกของพระองค์อย่างไร เด็กเหล่านี้บางคนยังอายุน้อยกว่าเราซะอีก ดังนั้น การเป้นนักบุญหรือผู้ศักดิ์สิทธิ์ อาจไม่ใช่ของยากอย่างที่คิด ถ้าเราเพียงแต่ ตอบรับเท่านั้น
ขอให้ติดตามกระทู้ต่อๆไปจนครบ12คนครับ
ขอให้ติดตามกระทู้ต่อๆไปจนครบ12คนครับ
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวจะรออ่านต่ออีกที่เหลือ
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
จารออ่านจนครบนะงับ
คุณ Holy สรุปเรื่องราว ของเด็กคนนี้ได้ดี..มากถึงการให้ เวลา พรสวรรค์ เงินตะลันต์ศรัทธา ความไว้วางใจในพลาอานุภาพของพระคริสต์ที่จะจะทำทุกสิ่งได้
ขอบคุณท่านHOLYที่ดีมากๆ
โกโบขอคิดอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นหลักธรรมสำคัญ
แต่ภูมิหลังเด็กคนนี้เขารู้หรือไม่ว่าพระเยซูคือใคร..เปรโตรคือใคร..
เด็กนี้คงเห็น และเข้าใจ ว่าพระบุตรพระเยซูคริสต์เป็นใคร สามารถทำอะไรได้บ้าง.
เด็กคงไม่ทำการเลือกโดยไร้ความเข้าใจ หรือถูกชักจูงโดยผู้ใหญ่โดยไม่เต็มใจ
และไม่หมายหมายถึงไม่เชื่อฟังแม่ หรือไม่ซื่อสัตย์ต่อแม่ แต่เป็นเพราะเข้าใจเรื่องที่พระคริสต์จะทรงกระทำเกี่ยวกับขนมปัง 5ก้อน กับปลา 2 ตัว แต่ถึงผลจะอย่างไรก็จะเป็นขนมปัง และปลาเช่นเดิม.
และไม่สามารถเลี้ยงคน 5000 คนได้ หาก...ไม่ใช่พระองค์
โกโบขออนุญาติพูดอีกแง่หนึ่ง นะขอรับ
เรากำลังมองไปในประเด็นการเชื่อฟังยอมรับคำเชื้อเชิญและทำตาม..ของเด็กชื่อโยชัวคนนี้..
และเรามักจะคิดไปถึง ผลของสิ่งที่เป็นสิ่งอัศจรรย์นี้ ว่าเป็นศรัทธาที่เราเชื่อ..เรามาเชื่อติดตามเพราะ ขนมปัง และปลา เพราะผลได้เพิ่มขึ้น อย่างนั้นหรือ หรือแท้จริงคืออะไร
พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า..
ยอห์น
6:26 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิใช่เพราะได้เห็นการอัศจรรย์นั้น แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม
6:27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่ย่อมเสื่อมสูญไป แต่จงหาอาหารที่ดำรงอยู่ถึงชีวิตนิรันดร์ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาได้ทรงประทับตรามอบอำนาจแก่พระบุตรแล้ว"
พระเยซูตรัสสอนเรื่อง อาหารแห่งชีวิต ที่ไม่ใช่ขนมปัง กับปลา..ว่า
6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก"
6:35 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวอีก และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย
6:36 แต่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านได้เห็นเราแล้วแต่ก็ไม่เชื่อ
เมื่อเหล่าสาวก มาชุมกัน เพียงเพราะสิ่งอัศจจรย์ อาหารที่มีกิน..
พระองค์บอกว่าพระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต...จากนั้นผู้คนมากมาย..ก็ละทิ้งพระองค์ไป
6:58 นี่แหละเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนกับมานาที่พวกบรรพบุรุษของท่านได้กินและสิ้นชีวิต ผู้ที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร์"
6:59 คำเหล่านี้พระองค์ได้ตรัสในธรรมศาลา ขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม
พวกนั้นไม่เข้าใจคำสั่งสอนของพระเยซู (มธ 8:19-22; 10:36)
6:60 ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกของพระองค์หลายคนได้ฟังเช่นนั้นก็พูดว่า "ถ้อยคำเหล่านี้ยากนัก ใครจะฟังได้"
6:66 ตั้งแต่นั้นมาสาวกของพระองค์หลายคนก็ท้อถอยไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป
พระเยซูถาม..
คำกล่าวถึงความเชื่อของเปโตร
6:67 พระเยซูตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า "ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ".
................................
แม้ติดตามพระองค์ไป ดำเนินตามทรงสอนสั่ง จะไม่มีอาหารเป็นขนมปัง และปลา หรือสิ่งอัศจรรย์..
เขามากมาย 5000กว่าคน เห็นสิ่งอัศจรรย์มากมาย ก็ไม่ได้เป็นเหตุใหเขาเชื่อมั่น ในพระบุตร
มนุษย์จะเป็นเช่นนี้..จะได้รับ สะดวกสบาย อิ่มท้องถึงจะเชื่อ..อย่างนั้นหรือ..
ถามเราเองว่า.."ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ"..
หรือจะรักและรับใช้พระองค์
ด้วยความเคารพ.
โกโบเป็น.
เป็นสมาชิกใน ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ขอบคุณท่านHOLYที่ดีมากๆ
โกโบขอคิดอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นหลักธรรมสำคัญ
แต่ภูมิหลังเด็กคนนี้เขารู้หรือไม่ว่าพระเยซูคือใคร..เปรโตรคือใคร..
เด็กนี้คงเห็น และเข้าใจ ว่าพระบุตรพระเยซูคริสต์เป็นใคร สามารถทำอะไรได้บ้าง.
เด็กคงไม่ทำการเลือกโดยไร้ความเข้าใจ หรือถูกชักจูงโดยผู้ใหญ่โดยไม่เต็มใจ
และไม่หมายหมายถึงไม่เชื่อฟังแม่ หรือไม่ซื่อสัตย์ต่อแม่ แต่เป็นเพราะเข้าใจเรื่องที่พระคริสต์จะทรงกระทำเกี่ยวกับขนมปัง 5ก้อน กับปลา 2 ตัว แต่ถึงผลจะอย่างไรก็จะเป็นขนมปัง และปลาเช่นเดิม.
และไม่สามารถเลี้ยงคน 5000 คนได้ หาก...ไม่ใช่พระองค์
โกโบขออนุญาติพูดอีกแง่หนึ่ง นะขอรับ
เรากำลังมองไปในประเด็นการเชื่อฟังยอมรับคำเชื้อเชิญและทำตาม..ของเด็กชื่อโยชัวคนนี้..
และเรามักจะคิดไปถึง ผลของสิ่งที่เป็นสิ่งอัศจรรย์นี้ ว่าเป็นศรัทธาที่เราเชื่อ..เรามาเชื่อติดตามเพราะ ขนมปัง และปลา เพราะผลได้เพิ่มขึ้น อย่างนั้นหรือ หรือแท้จริงคืออะไร
พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า..
ยอห์น
6:26 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิใช่เพราะได้เห็นการอัศจรรย์นั้น แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม
6:27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่ย่อมเสื่อมสูญไป แต่จงหาอาหารที่ดำรงอยู่ถึงชีวิตนิรันดร์ซึ่งบุตรมนุษย์จะให้แก่ท่าน เพราะพระเจ้าคือพระบิดาได้ทรงประทับตรามอบอำนาจแก่พระบุตรแล้ว"
พระเยซูตรัสสอนเรื่อง อาหารแห่งชีวิต ที่ไม่ใช่ขนมปัง กับปลา..ว่า
6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้น คือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้แก่โลก"
6:35 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวอีก และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย
6:36 แต่เราได้บอกท่านทั้งหลายแล้วว่า ท่านได้เห็นเราแล้วแต่ก็ไม่เชื่อ
เมื่อเหล่าสาวก มาชุมกัน เพียงเพราะสิ่งอัศจจรย์ อาหารที่มีกิน..
พระองค์บอกว่าพระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต...จากนั้นผู้คนมากมาย..ก็ละทิ้งพระองค์ไป
6:58 นี่แหละเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนกับมานาที่พวกบรรพบุรุษของท่านได้กินและสิ้นชีวิต ผู้ที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร์"
6:59 คำเหล่านี้พระองค์ได้ตรัสในธรรมศาลา ขณะที่พระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ที่เมืองคาเปอรนาอุม
พวกนั้นไม่เข้าใจคำสั่งสอนของพระเยซู (มธ 8:19-22; 10:36)
6:60 ดังนั้นเมื่อเหล่าสาวกของพระองค์หลายคนได้ฟังเช่นนั้นก็พูดว่า "ถ้อยคำเหล่านี้ยากนัก ใครจะฟังได้"
6:66 ตั้งแต่นั้นมาสาวกของพระองค์หลายคนก็ท้อถอยไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป
พระเยซูถาม..
คำกล่าวถึงความเชื่อของเปโตร
6:67 พระเยซูตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า "ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ".
................................
แม้ติดตามพระองค์ไป ดำเนินตามทรงสอนสั่ง จะไม่มีอาหารเป็นขนมปัง และปลา หรือสิ่งอัศจรรย์..
เขามากมาย 5000กว่าคน เห็นสิ่งอัศจรรย์มากมาย ก็ไม่ได้เป็นเหตุใหเขาเชื่อมั่น ในพระบุตร
มนุษย์จะเป็นเช่นนี้..จะได้รับ สะดวกสบาย อิ่มท้องถึงจะเชื่อ..อย่างนั้นหรือ..
ถามเราเองว่า.."ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ"..
หรือจะรักและรับใช้พระองค์
ด้วยความเคารพ.
โกโบเป็น.
เป็นสมาชิกใน ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย